ขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังครุ่นคิด นางก็เดินไปที่โต๊ะก่อนจะเขียนส่วนผสมทางยาสองสามอย่างลงบนกระดาษ แล้วส่งให้อวี๋ตง "ต้มส่วนผสมทางยาเหล่านี้แล้วแบ่งให้ทุกคน"หลังจากยื่นใบสั่งยาให้กับอวี๋ตงแล้ว ฉู่เนี่ยนซีก็ยังคงคอยสังเกตอาการของผู้ป่วยและความผิดปกติในหอการแพทย์ต่อหลังจากนั้นไม่นานอวี๋ตง อวี๋หนาน เฮ่อหลานและคนอื่น ๆ ก็นำยาขึ้นมาป้อนให้กับผู้ป่วย“โอ๊ย...เจ็บ”“เจ็บเหลือเกิน...หนาวเหลือเกิน”หนาวอย่างนั้นหรือ? ฉู่เนี่ยนซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองไปที่ผู้ป่วยคนที่พูด นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบอาการของเขา และดวงตาของนางก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงทันที“ช้าก่อน อย่าพึ่งป้อน”เมื่อทุกคนได้ยินเสียงของฉู่เนี่ยนซี พวกเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นนางเดินผ่านฝูงชนและไล่ตรวจดูอาการของแต่ละคนจริง ๆ ด้วย คนเหล่านี้ไม่ได้รับพิษจากพิษชนิดเดียวกันเลยพิษโลกคาวโลกีย์จะทำให้แขนขาอ่อนแรงและปวดท้องเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาว และเจ็บปวดจนเหงื่อโทรมเช่นนี้แต่เมื่อเวลาผ่านไปบางคนกลับเริ่มรู้สึกหนาวอาการเหมือนกันแต่ความแตกต่างอยู่ที่สภาวะร้อนและเย็น“ให้ยาคนไข้ที่มีเหงื่อบนศีรษะก่
ความเชื่อมั่นของพี่น้องตระกูลอวี๋ที่มีต่อฉู๋เนี่ยนซีนั้นแทบจะฝังแน่นอยู่ในกระดูก และพวกเขาก็เชื่อฟังคำสั่งของนางด้วยชีวิตอวี๋หนานทะยานขึ้นและเอื้อมมือไปที่ช่องระบายอากาศอย่างไม่ลังเล ในไม่ช้า เขาก็กระโดดลงมาบนพื้นอีกครั้งโดยมีกระเป๋าเล็ก ๆ อยู่ในมือ“พระชายา” อวี๋หนานกางมือออก โดยมีกระเป๋าเล็ก ๆ สีฟ้าวางอยู่บนฝ่ามือของเขากลิ่นหอมพิเศษโชยออกมาจากกระเป๋าฉู๋เนี่ยนซีสูดดมอย่างหนัก และมุมปากของนางก็โค้งงอขึ้นทันทีผลหยินหยาง!นี่คือกลิ่นของผลหยินหยาง!มิน่าล่ะ เนื้อและแกนของผลหยินหยางมีคุณสมบัติคือหยางที่มีฤทธิ์เย็นและหากเดาไม่ผิด พิษที่พวกเขาได้รับ ต้องมาจากแกนของผลหยินหยางแน่หากกินแกนผลหยินหยางเข้าไปจะเป็นการทำร้ายม้ามและกระเพาะอาหาร แถมยังเป็นพิษอย่างมากต่อบางคนที่เป็นหวัด และยังมีอีกหน้าที่หนึ่งคือช่วยเสริมให้สมารถดูดซึมยาได้ดีอีกด้วยแต่เมื่อรวมกับผงโลกคาวโลกีย์ก็จะมีบทบาทในการทำให้เป็นกลาง โดยไม่ทำลายรากยาถ้าอยากให้พิษโลกคาวโลกีย์มีประสิทธิผลมากขึ้นจะต้องรับประทานเข้าไป เพราะหากพึ่งพาการสูดดมเพียงอย่างเดียว ฤทธิ์ทางยาจะให้ผลน้อยกว่าหนึ่งในสิบ ดังนั้นบุคคลนี้จึงอาศัยแก
เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเย่เฟยหลียังคงได้รับบาดเจ็บ นางจึงสั่งการอีกสองสามอย่างก่อนจะเปลี่ยนชุดและกลับไปที่จวนอ๋องขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะก้าวเข้าไปในเรือนนอนของเย่เฟยหลี นางก็ได้ยินเสียงการสนทนาดังออกมาจากด้านใน“พี่สาม ข้าคิดว่าท่านถูกฉู๋เนี่ยนซีสตรีอัปลักษณ์...สตรีผู้นั้นวางยาแน่ ๆ ท่านถึงได้เอาแต่พูดแทนนางเช่นนี้!”“วันนี้ข้าเห็นสนมซ่างกวานพูดคุยกับกระต่ายที่บาดเจ็บ แถมยังทำแผลให้มันด้วย ฉู่เนี่ยนซีเคยทำแบบนั้นหรือไม่?นางคงมีแต่จะเผามันกินเสียมากกว่า!”ฉู่เนี่ยนซีถอยเท้ากลับไปอย่างเงียบ ๆ และอดไม่ได้ที่จะลูบจมูกตัวเอง องค์ชายเจ็ดคนนี้รู้จักนางดีทีเดียว เพราะนางจะเผามันกินจริง ๆ!“เผาแล้วยังไง? หากเป็นข้า ข้าเองก็จะเผามันกินเช่นกัน” ราวกับว่าเย่เฟยหลีไม่ได้ยินประเด็นหลักที่เขาต้องการพูด เขากึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วยเย่ฉงเฉิงหายใจแทบไม่ออก เขาตบต้นขาตัวเองก่อนจะยืนขึ้น“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น ข้าหมายความว่าสนมซ่างกวานเป็นคนจิตใจดี และมีเมตตาต่อสัตว์เล็กสัตว์น้อย นางจะมีเล่ห์เหลี่ยมได้อย่างไร? พี่สาม ตอนนี้ท่านมีทัศนคติต่อนางเช่นนี้แถมยังสั่งให้นางเปลี่ยนค
เมื่อมองดูดวงตาที่เป็นประกายของเขา ใบหน้าของฉู่เนี่ยนซีก็ร้อนขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ เขาบอกว่านางงามอย่างนั้นหรือ? สายตาของเขาผิดปกติหรือเปล่า?แต่เสียงที่ทุ้มลึกและนุ่มนวลของบุรุษผู้นี้ก็ทำให้อบอุ่นใจมาก แม้แต่ฉู่เนี่ยนซีที่ปกติแล้วจะสงบก็ไม่อาจต้านทานได้เย่ฉงเฉิงไม่คิดว่าเย่เฟยหลีจะตอบเช่นนี้ เขาโกรธมากจนพูดไม่ออกเป็นเวลานานมีเพียงสองคำที่หลุดออกมาในตอนท้าย "ข้าขอตัว!"แล้วเขาก็รีบออกไปจากห้องทันที!ทันใดนั้นในห้องก็เหลือเพียงเย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีใบหน้าของฉู่เนี่ยนซีเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อนึกถึงคำพูดของเขา ทำให้นางได้แต่สาปแช่งอยู่ในใจ‘ให้ตายเถอะ ช่วงนี้นางเป็นอะไรไป’‘อะไรนิดอะไรหน่อยก็หน้าแดง เย่เฟยหลีเองก็เหมือนกัน ทำไมถึงได้เอาแต่หยอดอยู่เรื่อย’‘การแสดง! จะต้องเป็นการแสดงแน่ ๆ! มันคือการแสดงต่อคนนอก เพื่อให้เย่ฉงเฉิงจอมงี่เง่าคนนั้นโกรธ’‘ต้องเป็นเช่นนี้แน่’ เมื่อคิดเช่นนั้น ฉู่เนี่ยนซีก็ตบหน้าตัวเอง แล้วมองไปที่เย่เฟยหลี“ข้ามาดูว่าแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”เย่เฟยหลีพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อเห็นการกระทำที่
แต่เหลียงหยวนช่างน่าสงสารจริง ๆ ไม่เพียงแต่โดนกระเบื้องหล่นใส่ นอกจากนายท่านจะไม่ปลอบใจแล้วยังหัวเราะเยาะอีก ‘น่าสงสาร น่าสงสารจริง ๆ’ฉู่เนี่ยนซีแอบส่ายหัว และมีสีหน้าเห็นใจเย่เฟยหลีไม่รู้ว่าคำพูดสุ่มสี่สุ่มห้าของเขาจะทำให้ฉู่เนี่ยนซีคิดมากได้ขนาดนี้ตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดี และหันหลังกลับมาทันทีฉู่เนี่ยนซีปลดผ้าพันแผลออกเบา ๆ แล้วตรวจดูบาดแผล เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาใหญ่จึงทายาให้เขาใหม่อีกครั้ง“การฟื้นตัวของท่านดีกว่าคนทั่วไป จึงสามารถรักษาบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว ลองฝังเข็มอีกสักสองวัน พิษที่เหลือน่าจะถูกกำจัดออกไปได้หมด ที่เหลือก็แค่ดูแลบาดแผลภายนอกให้หายก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว”“เข้าใจแล้ว!”“งั้นข้าขอตัวกลับก่อน ไว้พรุ่งนี้จะมาดูแผลให้ท่านอีกที” พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็ยืนขึ้นและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว“พระชายา!”ทันทีที่เดินออกมา เหลียงหยวนก็เข้ามาทักทายนางเมื่อเขาเห็นฉู่เนี่ยนซี เขาก็เอ่ยทักด้วยความเคารพฉู่เนี่ยนซีหยุดเดิน อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ศีรษะของเขาเหลียงหยวนรู้สึกงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะแตะศีรษะของตัวเอง "พระชายามองอะไรหรือพะย่ะค่ะ?"“เหลียงหยวน หัวข
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่เนี่ยนซีไปที่ห้องของเย่เฟยหลีแต่เช้า เย่เฟยหลีกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ เตรียมทานอาหาร เมื่อเขาเห็นฉู่เนี่ยนซี ความเฉยเมยในดวงตาของเขาก็เบาลงเล็กน้อย"ทานด้วยกันสิ!"ขณะที่พูด เขาก็ชี้ไปที่จานและตะเกียบอีกชุดที่ตั้งอยู่ตรงข้ามฉู่เนี่ยนซีนั่งลงโดยไม่ปฏิเสธ ก่อนจะหยิบซาลาเปาขึ้นมาทาน“พี่สาม พี่สาม!”เสียงเรียกดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัว ขณะที่ทั้งสองกำลังรับประทานอาหารด้วยกัน เย่ฉงเฉิงก็เดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น เมื่อเขาเห็นฉู่เนี่ยนซีอยู่ที่นี่ เขาก็ชะงักครู่หนึ่งก่อนจะทำสีหน้าหน้ารังเกียจ“เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่?!”ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชา และเปิดมุมปากขึ้นเล็กน้อย "ที่นี่คือบ้านของหม่อมฉัน แล้วเหตุใดหม่อมฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ได้เล่า?"เมื่อเย่เฟยหลีที่ได้ยินนางพูดคำว่าบ้าน เขาก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยความดีใจ“เจ้า...ข้าขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเจ้า!” เย่ฉงเฉิงถลึงตาใส่นาง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะสนใจ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เย่เฟยหลีอย่างตื่นเต้นเย่เฟยหลีขยับไปทางฉู่เนี่ยนซีเล็กน้อย และมองเขาด้วยท่าทางรังเกียจ "ข้าบอกให้เจ้ามาตอนเที่ยงไม่ใช่หรือ?"
เมื่อเย่ฉงเฉิงได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปมอง สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาคือชายหนุ่มที่อ่อนโยนราวกับหยก แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความเฉยเมยนี่เป็นความประทับใจแรกของเย่ฉงเฉิงที่มีต่อชายหนุ่มรูปงามคนนี้แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคุ้นเคยนิดหน่อย และทันใดนั้นก็มีภาพหนึ่งแวบขึ้นมาในใจของเขา นางฟ้าอย่างนั้นหรือ?เหตุใดบุคคลนี้จึงดูเหมือนนางฟ้าในวังของจวนอ๋องหลีในวันนั้นมากช้าก่อน...ชายคนนี้เรียกเขาว่านายท่าน...“ท่านคือ...ซีซานเซิง?”“ถูกต้อง!” ฉู่เนี่ยนซีเม้มริมฝีปาก แต่ดวงตายังคงเย็นชาเย่ฉงเฉิงรู้สึกประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง เขาได้ยินมาว่าซีซานเซิงเป็นคุณชายท่านหนึ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะอายุน้อยและเป็นชายหนุ่มรูปงามเช่นนี้เขาไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้เท่านั้น แต่ยังมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมและเป็นคนจิตใจดีอีกด้วย เขาเป็นแบบอย่างของยุคสมัยใหม่ที่แท้จริง“ท่านอ๋องเฉิง หากท่านไม่มีธุระอะไร ก็กลับไปเถิด” ฉู่เนี่ยนซีเห็นว่าเขาจมอยู่กับความคิด จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วก้าวผ่านเขาเข้าไปในหอการแพทย์ก่อนที่เย่ฉงเฉิงจะทันได้สติ ทั้งสามก็เดินเข้าไปด้านในแล้วเขามองไ
ฉู่เนี่ยนซีและอวี๋หนานเดินเข้าไปที่สวนด้านหลังก่อนจะไปหยุดอยู่ที่บ่อน้ำแห่งหนึ่งนางมองเข้าไปในบ่อน้ำลึกและขบคิด ในเมื่อเริ่มระวังตั้งแต่การล้างผัก แสดงว่าบุคคลนั้นจะต้องวางยาพิษก่อนหน้านั้น และใส่พิษลงไปในน้ำ ดังนั้นการล้างผักและปรุงอาหารจึงเป็นพิษโดยธรรมชาติ“ตักน้ำขึ้นมา”อวี๋หนานรับคำสั่งและรีบหยิบถังมาอย่างรวดเร็วฉู่เนี่ยนซีก้มศีรษะลงแล้วมองดูน้ำในถัง การแนะนำตัวก็เข้ามาหัวของนางทันทีคนนั้นวางยาพิษในน้ำจริง ๆ ด้วย“พระชายา ในถังน้ำมีตัวข้อความทิ้งไว้ด้วยพะย่ะค่ะ” อวี๋หนานชี้ไปที่ถังแล้วตะโกนขึ้นฉู่เนี่ยนซีมองตามนิ้วมือของเขา และเห็นตัวอักษรสองแถวที่เขียนอยู่ด้านในถังน้ำ“เจ้าอยากรู้จุดประสงค์ของข้าใช่หรือไม่? อย่าอยากรู้เลย ข้าเพียงแค่สนใจเจ้าเท่านั้น ดังนั้นจุดประสงค์ของข้าก็คือเจ้า”ฉู่เนี่ยนซีมองคำเหล่านี้อย่างว่างเปล่า รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกล้อเล่นเมื่ออวี๋หนานเห็นคำเหล่านี้ เขาก็กลั้นเสียงหัวเราะไว้เป็นเวลานานหลังจากถูกฉู่เนี่ยนซีจ้อง เขาก็กลั้นยิ้มและถามอย่างจริงจังว่า "เหตุใดถึงไม่เคยเห็นตัวหนังสือพวกนี้มาก่อนเลย?"“เขาใช้วิธีพิเศษ เขาคงคาดการณ์ไว้แล้วว