เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่เนี่ยนซีไปที่ห้องของเย่เฟยหลีแต่เช้า เย่เฟยหลีกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ เตรียมทานอาหาร เมื่อเขาเห็นฉู่เนี่ยนซี ความเฉยเมยในดวงตาของเขาก็เบาลงเล็กน้อย"ทานด้วยกันสิ!"ขณะที่พูด เขาก็ชี้ไปที่จานและตะเกียบอีกชุดที่ตั้งอยู่ตรงข้ามฉู่เนี่ยนซีนั่งลงโดยไม่ปฏิเสธ ก่อนจะหยิบซาลาเปาขึ้นมาทาน“พี่สาม พี่สาม!”เสียงเรียกดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏตัว ขณะที่ทั้งสองกำลังรับประทานอาหารด้วยกัน เย่ฉงเฉิงก็เดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น เมื่อเขาเห็นฉู่เนี่ยนซีอยู่ที่นี่ เขาก็ชะงักครู่หนึ่งก่อนจะทำสีหน้าหน้ารังเกียจ“เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่?!”ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชา และเปิดมุมปากขึ้นเล็กน้อย "ที่นี่คือบ้านของหม่อมฉัน แล้วเหตุใดหม่อมฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ได้เล่า?"เมื่อเย่เฟยหลีที่ได้ยินนางพูดคำว่าบ้าน เขาก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยความดีใจ“เจ้า...ข้าขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเจ้า!” เย่ฉงเฉิงถลึงตาใส่นาง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะสนใจ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เย่เฟยหลีอย่างตื่นเต้นเย่เฟยหลีขยับไปทางฉู่เนี่ยนซีเล็กน้อย และมองเขาด้วยท่าทางรังเกียจ "ข้าบอกให้เจ้ามาตอนเที่ยงไม่ใช่หรือ?"
เมื่อเย่ฉงเฉิงได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปมอง สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาคือชายหนุ่มที่อ่อนโยนราวกับหยก แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความเฉยเมยนี่เป็นความประทับใจแรกของเย่ฉงเฉิงที่มีต่อชายหนุ่มรูปงามคนนี้แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคุ้นเคยนิดหน่อย และทันใดนั้นก็มีภาพหนึ่งแวบขึ้นมาในใจของเขา นางฟ้าอย่างนั้นหรือ?เหตุใดบุคคลนี้จึงดูเหมือนนางฟ้าในวังของจวนอ๋องหลีในวันนั้นมากช้าก่อน...ชายคนนี้เรียกเขาว่านายท่าน...“ท่านคือ...ซีซานเซิง?”“ถูกต้อง!” ฉู่เนี่ยนซีเม้มริมฝีปาก แต่ดวงตายังคงเย็นชาเย่ฉงเฉิงรู้สึกประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง เขาได้ยินมาว่าซีซานเซิงเป็นคุณชายท่านหนึ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะอายุน้อยและเป็นชายหนุ่มรูปงามเช่นนี้เขาไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์ที่ไม่มีใครเทียบได้เท่านั้น แต่ยังมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมและเป็นคนจิตใจดีอีกด้วย เขาเป็นแบบอย่างของยุคสมัยใหม่ที่แท้จริง“ท่านอ๋องเฉิง หากท่านไม่มีธุระอะไร ก็กลับไปเถิด” ฉู่เนี่ยนซีเห็นว่าเขาจมอยู่กับความคิด จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วก้าวผ่านเขาเข้าไปในหอการแพทย์ก่อนที่เย่ฉงเฉิงจะทันได้สติ ทั้งสามก็เดินเข้าไปด้านในแล้วเขามองไ
ฉู่เนี่ยนซีและอวี๋หนานเดินเข้าไปที่สวนด้านหลังก่อนจะไปหยุดอยู่ที่บ่อน้ำแห่งหนึ่งนางมองเข้าไปในบ่อน้ำลึกและขบคิด ในเมื่อเริ่มระวังตั้งแต่การล้างผัก แสดงว่าบุคคลนั้นจะต้องวางยาพิษก่อนหน้านั้น และใส่พิษลงไปในน้ำ ดังนั้นการล้างผักและปรุงอาหารจึงเป็นพิษโดยธรรมชาติ“ตักน้ำขึ้นมา”อวี๋หนานรับคำสั่งและรีบหยิบถังมาอย่างรวดเร็วฉู่เนี่ยนซีก้มศีรษะลงแล้วมองดูน้ำในถัง การแนะนำตัวก็เข้ามาหัวของนางทันทีคนนั้นวางยาพิษในน้ำจริง ๆ ด้วย“พระชายา ในถังน้ำมีตัวข้อความทิ้งไว้ด้วยพะย่ะค่ะ” อวี๋หนานชี้ไปที่ถังแล้วตะโกนขึ้นฉู่เนี่ยนซีมองตามนิ้วมือของเขา และเห็นตัวอักษรสองแถวที่เขียนอยู่ด้านในถังน้ำ“เจ้าอยากรู้จุดประสงค์ของข้าใช่หรือไม่? อย่าอยากรู้เลย ข้าเพียงแค่สนใจเจ้าเท่านั้น ดังนั้นจุดประสงค์ของข้าก็คือเจ้า”ฉู่เนี่ยนซีมองคำเหล่านี้อย่างว่างเปล่า รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกล้อเล่นเมื่ออวี๋หนานเห็นคำเหล่านี้ เขาก็กลั้นเสียงหัวเราะไว้เป็นเวลานานหลังจากถูกฉู่เนี่ยนซีจ้อง เขาก็กลั้นยิ้มและถามอย่างจริงจังว่า "เหตุใดถึงไม่เคยเห็นตัวหนังสือพวกนี้มาก่อนเลย?"“เขาใช้วิธีพิเศษ เขาคงคาดการณ์ไว้แล้วว
พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็ฮัมเพลงเล็กน้อยและขึ้นไปที่ห้องเล็ก ๆ บนชั้นสามด้วยอารมณ์ที่มีความสุขไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือผี ข้า ฉู่เนี่ยนซีจะได้เห็นชัดในวันนี้!ในไม่ช้า อวี๋หนานก็แอบกลับเข้ามาในหอการแพทย์ และพยักหน้าให้อวี๋ตงเกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา อวี๋หนานก็ออกจากหอการแพทย์ผ่านประตูด้านข้างอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูด้านหน้า ดวงตาของอวี๋ตงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นก่อนจะรีบเปิดประตูที่หน้าประตู เย่ฉงเฉิงค้ำขอบประตูด้วยสีหน้าเหนื่อยหอบ เมื่อเห็นประตูเปิด เขาก็รีบแทรกตัวเข้ามาทันที“ท่านอ๋องเฉิง วันนี้หอการแพทย์ปิดพะย่ะค่ะ โปรดกลับไปเถิด”“ข้าอยากพบหมอเทวดาซานเซิง ให้ข้าเข้าไป”ในขณะที่อวี๋ตงกำลังขวางเย่ฉงเฉิง เขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ "ตอนนี้คุณชายของกระหม่อมไม่สะดวกที่จะพบแขก ท่านอ๋องกลับไปก่อนเถิด"“ข้ารู้ว่าเขาไม่สะดวก จึงได้พาหมอหลวงมาด้วย อาจช่วยรักษาอาการของเขาได้ รีบให้ข้าเข้าไปเร็วเข้า”พูดจบ เย่ฉงเฉิงก็พยายามบุกเข้าไปด้านใน แต่ศิลปะการต่อสู้ของอวี๋ตงนั้นสูงเกินไป เขาจึงถูกสกัดกั้นไว้ในเวลาไม่นาน“คุณชายของกระหม่อมไม่ได้ป่วย ท่านพาหมอหลวงมาก็เปล่าประโยชน
เขาเดินหาไปรอบ ๆ ห้องเล็กบนชั้นสาม และในที่สุดก็มาหยุดที่ประตูสุดท้าย เขาถือขวดยาพิษอยู่ในมือ และค่อย ๆ เปิดประตูที่แง้มไว้ออกสิ่งที่ดึงดูดสายตาคือโต๊ะตัวหนึ่ง ถัดไปด้านในคือเตียงนอน และมีชายชุดขาวผู้หนึ่งกำลังนอนอยู่บนนั้นผิวของบุรุษคนนั้นเรียบเนียนราวกับหยก ดวงตาของเขาปิดสนิท ขนตายาวราวกับขนนกทอดเงาใต้ดวงตา จมูกสันตรง และริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มละเอียดอ่อนราวกับสตรี แต่ใบหน้าของเขากลับแหลมคม ดุจใบมีดทำให้มีพลังแบบบุรุษคนผู้นี้คือฉู่เนี่ยนซีที่แต่งตัวเป็นบุรุษชายที่สวมผ้าคลุมจ้องไปที่ฉู่เนี่ยนซีบนเตียงอย่างว่างเปล่า สายตาหลงใหลเต็มไปด้วยความตกใจ"แม่บุญธรรม!"เสียงกระซิบที่น่าตกใจของชายคนนั้นทำให้ฉู่เนี่ยนซีที่นอนเงียบ ๆ บนเตียงเกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีแต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ในมือนางก็มีเข็มเงินเพิ่มขึ้นมาสองสามเล่มทันที และในขณะที่ชายคนนั้นยังคงตกตะลึง นางก็แทงเข็มเงินเหล่านั้นเข้าไปที่จุดฝังเข็มของเขาอย่างแน่นหนาทันใดนั้นชายคนนั้นก็เดินกะเผลกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มองไปที่ฉู่เนี่ยนซีด้วยสีหน้าประหลาดใจ“ท่านไม่ได้ถูกวางยาพิษ!”ฉู่เนี่ยนซีปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่บน
ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะไม่ได้ฟังคำพูดของนางเลย และเสียงร้องไห้ของนางก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉู่เนี่ยนซีเห็นว่านางไม่ยอมหยุดร้องไห้สักที ใบหน้าที่ดูราวกับตุ๊กตาเด็กในตอนที่กำลังร้องไห้ ก็ยิ่งทำให้ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังรังแกเด็กน้อยอยู่ นางก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก เลยรีบคุกเข่าลง“เจ้าอย่าร้องไห้นะ…เอ่อ…”ฉู่เนี่ยนซียังไม่ทันจะได้เอ่ยจบประโยค สตรีที่อยู่ตรงหน้าก็โบกข้อมือ ก่อนจะมีผงอะไรบางอย่างลอยกระจายออกมาจากในขวด“ฮ่า ๆ …เจ้าโดนหลอกแล้ว ใครใช้ให้เจ้ามาซุ่มโจมตีข้า!” สตรีมองไปยังฉู่เนี่ยนซีที่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนพลางหัวเราะออกมาอย่างหนัก ในตอนที่นางพูดนางก็เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าที่ดูตื่นเต้นอย่างคาดเดาไม่ได้ฉู่เนี่ยนซีมองไปยังสตรีที่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ มุมปากของนางก็โค้งขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำชวนน่าหลงใหลออกมา “ในที่สุดก็หยุดร้องเสียที!”“แน่นอนสิ ปกติข้าไม่ได้ร้องไห้ง่าย…” ตอนนั้นเองสตรีก็เพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะรีบหันขวับไปมองฉู่เนี่ยนซีทันที “เจ้า…ทำไมเจ้ายังไม่ล้มไป!”“ถ้าข้าล้มไปเจ้าก็คงกองอยู่ที่นี่ตลอดไปแล้วล่ะ” ฉู่เนี่ยนซีเอ่ยอย่างเย็นชา โชคดีที่ก่อนหน้านี้นางรอบค
ฉู่เนี่ยนซีเห็นว่านางไม่ได้โกหก ก่อนจะเดินไปข้างหน้าและแทงเข็มเงินไปบางส่วนใส่จุดที่ฝังเข็มไปเหยียนตั่วรู้สึกร้อนผ่าวบนร่างกาย จากนั้นท่อนแขนท่อนขาทั้งสี่ที่อ่อนแรงของนางก็กลับมาเป็นปกติในทันที“เอ๊ะ? ได้แล้วนี่” เหยียนตั่วขยับตัวไปมา ก่อนจะลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น “พลังข้ากลับมาแล้ว! พิษของท่านช่างมหัศจรรย์มาก ท่านสอนข้าหน่อยสิ”ฉู่เนี่ยนซีเมื่อเห็นรอยยิ้มจริงใจของอีกฝ่าย ในใจนางก็รู้สึกผ่อนคลายลงตั้งแต่ถูกส่งมาในโลกใบนี้ นางก็เป็นเด็กสาวคนแรกที่นางได้พบ แม้ว่านางจะมีท่าทีที่ระมัดระวัง แต่เวลาร้องไห้หรือหัวเราะกลับไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเลยคงจะมีแต่หญิงสาวที่ได้รับการปกป้องเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากครอบครัวเท่านั้นจึงจะเป็นเช่นนี้ได้“นั่นไม่ใช่ยาพิษ เป็นแค่เข็มเงินโจมตีในจุดฝังเข็มเท่านั้น” ฉู่เนี่ยนซีตอบด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นเหยียนตั่วราวกับได้เปิดโลกใบใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน สีหน้าเกิดความอยากรู้อยากเห็น “การฝังเข็มเงิน นั่นเป็นการรักษาโรคไม่ใช่หรือ? แต่เมื่อครู่ข้าไม่มีพลังอะไรเลยจริง ๆ นะ อ้อ หรือท่านใส่ยาพิษลงไปที่เข็ม!”ฉู่เนี่ยนซีเบิกตากว้าง สีหน้านางก็ถึงบางอ้อทันที ก่อนนางจะส่ายหน
ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็ล้วนสงสัย และได้พูดถึงหมอเฮ่อหลาน และในตอนนั้นเองอวี๋หนานที่แกล้งกลับไปหาหมอเฮ่อหลานกลับมาบอกว่าหมอเฮ่อหลานไม่ได้อยู่บ้านนี่จึงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทับอูฐตายดังนั้นทุกคนจึงเชื่อว่าซีซานเซิงถูกวางยาพิษและกำลังจะตายดังนั้นผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากหอการแพทย์ และคนที่อิจฉาในชื่อเสียง และก็เกิดความตื่นเต้นขึ้นเมื่อผู้คนเริ่มเห็นซีซานเซิงเป็นเช่นนั้นก็โห่ร้องกันขึ้นมาบรรยากาศก็ยิ่งวุ่นวายขึ้นไปใหญ่นี่เป็นสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นกลอุบายที่ฉู่เนี่ยนสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ของนางเอง นั่นคือการล่อให้คนที่วางยาพิษปรากฏตัวออกมาเพราะนางมั่นใจว่าคนที่วางยาพิษไม่ได้มีเจตนาทำร้ายคนอื่น หากได้ยินว่าซีซานเซิงโดนยาพิษเสียเอง คนอื่นก็คงไม่มีทางรักษาให้หายได้ ดังนั้น คนผู้นั้นจะต้องกังวลกับสถานการณ์ของซีซานเซิงเช่นนั้นเหยียนตั่วผู้ซึ่งวางยาพิษก็ถูกฉู่เนี่ยนซีชักนำละขั้น“พวกเจ้าทำอะไรกัน?!” ฉู่เนี่ยนซีเห็นเวลาใกล้จะหมดลงแล้ว จึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นทุกคนที่ได้ยินเสียงนั้น ต่างมองไปยังประตู เห็นซีซานเซิงในอาภรณ์สีขาว ยืนตัว