เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ
ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห
ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย
“ฉู่เนี่ยนซี หญิงอัปลักษณ์ กล้าดีอย่างไรมาวางยาข้า?”ดวงตาของเย่เฟยหลีเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เขาจ้องมองฉู่เนี่ยนซีที่สวมเพียงผ้าฝ้ายสีแดงสดบนเตียงด้วยดวงตาโหดเหี้ยม“เราแต่งงานกันสามเดือนแล้ว แต่ท่านไม่เคยแตะต้องข้าเลย ท่านคิดจะรอให้ซ่างกวานเยียนแต่งเข้ามาในวันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่? หากยังไม่ได้แตะต้องข้า ท่านก็อย่าได้คิดจะได้แตะต้องนาง!”ฉู่เนี่ยนซีเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความริษยาบนใบหน้าเล็ก ๆ ของผู้หญิงคนนี้มีตุ่มสีม่วงเข้มขนาดใหญ่ ทำให้ดูน่าเกลียดน่ากลัวไม่รู้ว่าเป็นเพราะการกระตุ้นของฉู่เนี่ยนซี หรือเป็นเพราะฤทธิ์ยา เย่เฟยหลีรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วร่างกาย"เจ้ามันน่ารังเกียจจริง ๆ!"“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะสนองให้เจ้าเอง! แต่ชาตินี้ทั้งชาติ้เจ้าอย่าหวังว่าข้าจะสัมผัสเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง!”เย่เฟยหลีฉีกผ้าฝ้ายออกจากร่างของหญิงตรงหน้าด้วยแววตาเกลียดชังหลังจากผ่านการร่วมหลับนอน เย่เฟยหลีก็สวมเสื้อผ้าแล้วหยัดกายขึ้น เมื่อมองดูดวงตาที่เย็นชาของชายคนนั้นที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกหายใจไม่ออก“ใครก็ได้ พาสตรีนางนี้ไปขังไว้ในคอกม้า! ข้าไม่อยากเห็นหน้าน
ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีด้วยดวงตาเฉียบคม จากนั้นจึงนั่งลงบนเตียงอีกครั้งอย่างไม่เร่งรีบแม้ว่าใบหน้าของนางจะยังคงดูน่าเกลียด แต่ก็ยังมีความสง่างามในทุกการเคลื่อนไหวเย่เฟยหลีมองการเคลื่อนไหวของนาง และขมวดคิ้วไม่พอใจผู้หญิงคนนี้ฆ่าตัวตาย แล้วมีความกล้ามากขึ้นอย่างนั้นหรือ!เขากำลังจะระบายความโกรธ แต่ฉู่เนี่ยนซีก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน“ท่านอ๋องตรัสเช่นนั้นได้อย่างไรกันเพคะ หม่อมฉันเป็นพระชายาที่อภิเษกถูกต้องตามกฎหมายของพระองค์ และจักรพรรดิก็ทรงพระราชทานการอภิเษกสมรสเป็นการส่วนตัว แม้ว่างานแต่งของเราจะเรียบง่าย แต่หม่อมฉันก็เป็นสะใภ้ที่ราชวงศ์ยอมรับ แล้วในฐานะพระชายา เหตุใดจะสั่งสอนองครักษ์สองนายนี้ไม่ได้กันล่ะเพคะ?”ฉู่เนี่ยนซีมองเย่เฟยหลีอย่างหน้าซื่อ นางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น องครักษ์เหล่านี้ไม่ให้ความเคารพหม่อมฉัน พระองค์กลับตำหนิชายาตนเองเพื่อช่วยองครักษ์เหล่านี้อย่างนั้นหรือ กำแพงมีหู ข้อกล่าวหาดังกล่าวอาจทำให้คนบอกว่า ท่านทำร้ายชายาโดยชอบธรรมของตนเองเอาได้นะเพคะ”“ถ้าแค่แต่งงานกันตามคำสั่งของท่านพ่อท่านแม่ก็คงไม่เป็นไร แต่เราแต่งงานกันตามคำสั่งขององค์จ
คงจะดีมากหากทุกสิ่งที่นางฝึกฝนมายังคงอยู่ หากเป็นเช่นนั้น การรักษาพิษออกจากร่างของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่ใช่เรื่องยากหลังจากกำจัดพิษ หน้าของนางก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอนฉู่เนี่ยนซีสัมผัสใบหน้าตัวเอง และทันใดนั้นก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้“เสี่ยวเถา ให้คนเตรียมน้ำร้อนให้ข้าหน่อย ข้าอยากอาบน้ำ หากเตรียมน้ำเรียบร้อยแล้วค่อยเรียกข้า และอย่าให้ใครมารบกวนข้าในระหว่างนี้ ส่วนเจ้าก็ไปให้ท่านหมอจัดการแผลให้ซะ”หลังจากสั่งการเสร็จ เสี่ยวเถาก็จากไป และฉู่เนี่ยนซีก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วนางกำฝ่ามือแน่น รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยอยู่ข้างใน เมื่อนึกถึงเข็มเงิน จู่ ๆ เข็มก็ปรากฏขึ้นในมือ หรือว่ามิติในโลกอนาคตจะติดตามมาสู่โลกนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?นางค่อย ๆ หลับตาลง และตามที่คาดไว้ โลกอีกใบค่อย ๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้านางฉู่เนี่ยนซีมีความสุขมากที่มันเป็นความจริง มิติยังคงอยู่!แต่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเป็นสีเทาไปทั้งหมด มีเพียงมุมเล็ก ๆ เท่านั้นที่ยังคงชัดเจน และมีบางสิ่งวางอยู่ตรงนั้นรวมถึงเข็มเงินพิเศษ อุปกรณ์ฆ่าเชื้อบางอย่าง เช่น แอลกอฮอล์ ผ้าก๊อซ ยาชา มีดผ่าตัด และเครื่องมือทางการแพทย์อื่น ๆ ที่มักใช้ในการรักษาพย
ต่อมา ณ หน้าห้องโถงในจวนของท่านอ๋องหลีฉู่เนี่ยนซีที่สวมชุดสีแดงโดยมีผ้าฝ้ายปกคลุมใบหน้าเอาไว้ก็มาถึง ห้องโถงเต็มไปด้วยผู้คน เมื่อพวกเขาเห็นนางเข้ามา ก็พากันคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ เกี่ยวกับตัวตนของนาง“นั่นใครกัน ดูจากความสง่างามนี้ ต้องเป็นบุตรสาวของตระกูลร่ำรวยเป็นแน่”“งานเลี้ยงแต่งงานกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ถ้ามาเอาป่านนี้ จะต้องเป็นบุคคลที่มีสถานะไม่ธรรมดาแน่”“ทำไมต้องใช้ผ้าคลุมใบหน้าด้วยนะ ยิ่งมองใบหน้าไม่ชัดเข้าไปใหญ่”การพูดคุยจากฝูงชนไม่ได้ฉู่เนี่ยนซีหยุดชะงัก นางเดินตรงเข้าไปหาคู่บ่าวสาว“วันนี้หม่อมฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงได้มาสาย ฝ่าบาทโปรดทรงอภัย”หลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีพูดจบ ฝูงชนก็รู้สึกแตกตื่น และเริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้ง"อะไรนะ?"“คนนี้คือพระชายาหลีอย่างนั้นหรือ? ไหนว่าพระชายาหลีไร้การศึกษา ไร้ความสามารถ และรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์มิใช่หรือ? ความสง่านี้ดูไม่เหมือนเอาเสียเลย”“ไม่เห็นหรือว่านางใช้ผ้าคลุมหน้าอยู่น่ะ นั่นก็เพื่อบดบังหน้าตาที่น่าเกลียดมิใช่หรือไง? คุณหนูซ่างกวานคนนี้เป็นหญิงที่สวยที่สุดในเมือง หากพระชายาหลีไม่ปิดบังใบหน้า ก็คงจะรู้สึกอับอายมิใช่หรือ