แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: ชาผลไม้
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2023-11-07 12:03:51
ต่อมา ณ หน้าห้องโถงในจวนของท่านอ๋องหลี

ฉู่เนี่ยนซีที่สวมชุดสีแดงโดยมีผ้าฝ้ายปกคลุมใบหน้าเอาไว้ก็มาถึง

ห้องโถงเต็มไปด้วยผู้คน เมื่อพวกเขาเห็นนางเข้ามา ก็พากันคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ เกี่ยวกับตัวตนของนาง

“นั่นใครกัน ดูจากความสง่างามนี้ ต้องเป็นบุตรสาวของตระกูลร่ำรวยเป็นแน่”

“งานเลี้ยงแต่งงานกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ถ้ามาเอาป่านนี้ จะต้องเป็นบุคคลที่มีสถานะไม่ธรรมดาแน่”

“ทำไมต้องใช้ผ้าคลุมใบหน้าด้วยนะ ยิ่งมองใบหน้าไม่ชัดเข้าไปใหญ่”

การพูดคุยจากฝูงชนไม่ได้ฉู่เนี่ยนซีหยุดชะงัก นางเดินตรงเข้าไปหาคู่บ่าวสาว

“วันนี้หม่อมฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงได้มาสาย ฝ่าบาทโปรดทรงอภัย”

หลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีพูดจบ ฝูงชนก็รู้สึกแตกตื่น และเริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้ง

"อะไรนะ?"

“คนนี้คือพระชายาหลีอย่างนั้นหรือ? ไหนว่าพระชายาหลีไร้การศึกษา ไร้ความสามารถ และรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์มิใช่หรือ? ความสง่านี้ดูไม่เหมือนเอาเสียเลย”

“ไม่เห็นหรือว่านางใช้ผ้าคลุมหน้าอยู่น่ะ นั่นก็เพื่อบดบังหน้าตาที่น่าเกลียดมิใช่หรือไง? คุณหนูซ่างกวานคนนี้เป็นหญิงที่สวยที่สุดในเมือง หากพระชายาหลีไม่ปิดบังใบหน้า ก็คงจะรู้สึกอับอายมิใช่หรือ”

ซ่างกวานเยียนที่สวมชุดแต่งงานสีแดงสด และยืนอยู่ข้าง ๆ เย่เฟยหลี เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา ก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น พร้อมกับแววตาพึงพอใจ

เหอะ เป็นพระชายาแล้วอย่างไร ผู้หญิงที่หน้าตาอัปลักษณ์ก็ทำได้แค่ช่วยขับให้ข้าเด่นขึ้นก็เท่านั้น!

เมื่อเย่เฟยหลีที่อยู่ด้านข้างเปล่งรัศมีที่อันตราย

ซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ ได้แผ่กระจายออกออร่าที่เป็นอันตราย เย็นยะเยือกทันทีเมื่อเห็นฉู่เนี่ยนซี

เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว และมองไปที่ฉู่เนี่ยนซี "เจ้าคิดจะกระทำอันใดอีก? อย่าคิดว่าข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้านะ!"

ฉู่เนี่ยนซีเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าสับสน

ผู้ชายคนนี้เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก!

“เป็นเพราะท่าน...”

“พี่หญิงป่วยอยู่เช่นนี้ แต่ก็ยังมาร่วมงานแต่งของข้ากับท่านพี่หลี เยียนเอ๋อร์และท่านพี่หลีรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก”

ขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะอธิบาย ซ่างกวานเยียนก็ก้าวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และจับมือของนาง ถึงจะแสดงราวกับเป็นพี่น้องที่รักใคร่ แต่ก็มีร่องรอยของความกังวลใจในดวงตาของนางอยู่

ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองไปที่มือของนาง ก่อนจะดึงมือกลับโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ และมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเย็นชา

ไม่แปลกใจเลยที่นางถูกเรียกว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมือง

ผู้หญิงคนนี้มีใบหน้าเล็กรูปไข่ คิ้วโค้งดั่งคันศร ดวงตาใสเปล่งประกาย และมีเสน่ห์อย่างไม่อาจอธิบายได้

หากนางไม่ทันมองเห็นความแปลกประหลาดในดวงตาของผู้หญิงคนนี้ และความอวดดีในคำพูดเมื่อครู่ นางก็อาจถูกรูปลักษณ์ภายนอกของผู้หญิงคนนี้หลอกเอาได้เช่นกัน

แต่...ฉู่เนี่ยนซีหันไปมองเย่เฟยหลีซึ่งมีใบหน้าที่มืดมน แล้วนางก็เกิดความเข้าใจทันที

ดูเหมือนว่าซ่างกวานเยียนจะเป็นคนที่เรียกนางมาที่นี่สินะ

คิดว่านางยังเป็นคนเดิมอย่างนั้นหรือ? จงใจเรียกนางมาเพื่อให้นางถูกหัวเราะเยาะในงานแต่ง?

เหอะ ในเมื่ออยากจะเล่น งั้นข้าก็เล่นกับเจ้าเอง!

ดวงตาของนางเย็นชา และริมฝีปากก็เปิดออกเบา ๆ "ในฐานะนายหญิงของจวน แม้ว่าข้าจะล้มป่วย แต่อย่างไรพิธีแต่งตั้งชายารองครั้งนี้ ข้าก็ต้องมาดื่มชาเพื่อต้อนรับชายารองคนใหม่อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแขกเหรื่อมากมายจะหาว่าจวนของท่านอ๋องหลีไม่มีกฎระเบียบเอาได้ น้องสาวไม่ต้องซาบซึ้งไป ที่ข้าทำก็เพื่อจวนทั้งนั้น”

แม้ว่าน้ำเสียงของนางจะสงบนิ่ง แต่ทุกคำพูดก็ทำให้ใบหน้าของซ่างกวานเยียนมืดมนลงทันที

นางกำลังพูดถึงงานแต่ง แต่ฉู่เนี่ยนซีกลับพูดถึงพิธีแต่งตั้งชายารอง

คำว่าชายารอง เป็นคำที่ซ่างกวานเยียนเกลียดที่จะได้ยินมากที่สุด แต่ฉู่เนี่ยนซีกลับพูดมันออกมาหน้าตาเฉย นี่นางกำลังล้อเลียนเธออย่างนั้นหรือ?!

แขกเบื้องล่างล้วนเป็นญาติขุนนางทั้งสิ้น แต่ละคนฉลาดและมีไหวพริบ สามารถเข้าใจความหมายได้ทันที และอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนมุมมองเล็กน้อยเกี่ยวกับพระชายาหลีในตำนาน

เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองแล้ว กลับรู้สึกว่าพระชายาหลีเป็นคนที่เข้าใจมารยาทและรู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี ในขณะที่ซ่างกวานเยียนดูเป็นคนใจแคบเล็กน้อย

ไม่ว่าท่านอ๋องหลีจะโปรดปรานนางมากเพียงใด พิธีแต่งตั้งชายารองนี้ก็แตกต่างจากงานแต่งงาน

อาณาจักรแห่งรัตติกาลมีความชัดเจนเสมอเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างชายาหลักและชายารอง คำพูดของซ่างกวานเยียนนั้นถือเป็นการไม่เคารพยิ่งนัก

ซ่างกวานเยียนมองสายตาที่พินิจพิเคราะห์ของฝูงชน และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า แต่นางก็สงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าแสดงความน้อยอกน้อยใจ

“พี่หญิงโปรดอภัย เยียนเอ๋อร์เพียงแค่คิดว่าภายภาคหน้าจะได้เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ จึงตื่นเต้นไปหน่อยเลยพูดออกไปโดยไม่ทันคิดเพคะ”

ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองนางและเยาะเย้ยในใจ หึ นางดูเหมือนกระต่ายเชื่องตัวน้อย ที่ชอบเสแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อล่อลวงผู้ชายอยู่เสมอ ไม่แปลกใจเลยที่ทำให้บุรุษผู้นี้จะหลงใหลได้มากถึงเพียงนี้

“ไม่หรอก แต่อย่ามัวเสียเวลากันเลย ฤกษ์อันเป็นมงคลกำลังจะผ่านไปแล้ว อย่าปล่อยให้แขกรอนานเกินไป รีบดำเนินการพิธียกน้ำชากันเถิด”

ขณะที่พูดเช่นนั้น ฉู่เนี่ยนซีก็เดินช้า ๆ ไปที่เบาะหน้า ภายใต้การจ้องมองอย่างอาฆาตของเย่เฟยหลี จากนั้นนางก็โบกมือให้เย่เฟยหลีซึ่งสวมชุดสีแดงพร้อมกับรอยยิ้ม

“ท่านอ๋อง ทำไมยังยืนอยู่ตรงนั้นล่ะเพคะ เชิญนั่งเถิด น้องหญิงยังต้องเข้าพิธียกน้ำชานะเพคะ”

ดวงตาของเย่เฟยหลีมืดมนลงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ และออร่าที่อันตรายก็เข้ามาปกคลุมร่างกายของเขาทันที แต่ฉู่เนี่ยนซีก็ยังคงกระตุ้นต่อ “แขกผู้มีเกียรติกำลังรอพระองค์อยู่นะเพคะ”

เมื่อมองไปที่ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเบาะด้วยท่าทางยั่วยุ เย่เฟยหลีก็นึกปรารถนาจะฆ่าใครสักคน

แต่ในพิธีแต่งตั้งชายารองของอาณาจักรแห่งรัตติกาล ฝ่ายชายจะต้องรับน้ำชาจากชายารองคนใหม่

ผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ วันนี้นางแอบอ้างมารยาทเข้ามาทำลายงานแต่งงานของเขากับเยียนเอ๋อร์

ฉู่เนี่ยนซีมีความสุขที่ได้เห็นสีหน้าโกรธขึง แต่ก็ยังต้องอดกลั้นไว้

หลักการของนางคือจะไม่รุกรานผู้อื่น เว้นเสียแต่พวกเขาจะรุกรานนาง

ในเมื่อซ่างกวานเยียนแอบอ้างชื่อเย่เฟยหลีเรียกนางมา มองปราดเดียวก็เข้าใจแล้วว่านางมีจุดประสงค์อันใด

หากเป็นฉู่เนี่ยนซีคนเดิม นางคงจะโศกเศร้าและเสียใจอย่างแน่นอน และคงจะกลายเป็นคนขี้อิจฉาในใจของผู้คน แต่นางจะไม่เป็นแบบนั้น และจะไม่ยอมปล่อยให้ซ่างกวานเยียนได้ใจจนเกินไป

ทั้งสองมองหน้ากันอย่างดุเดือด ซ่างกวานเยียนแอบกัดฟันและกำหมัดแน่น

แต่ก็ระงับความอิจฉาและความเกลียดชังในดวงตาอย่างรวดเร็ว นางจับมือของเย่เฟยหลี ราวกับว่าถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาและพูดเบา ๆ “ท่านอ๋อง เชิญนั่งเถิดเพคะ พี่หญิงพูดถูก จะทำลายพิธิการไม่ได้นะเพคะ”

เย่เฟยหลีก้มศีรษะลงและมองไปที่ซ่างกวานเยียนอย่างทุกข์ใจ ก่อนจะตบมือนางเบา ๆ เพื่อปลอบโยน จากนั้นเขาก็เดินไปที่นั่งลงข้างฉู่เนี่ยนซี

เมื่อผู้ดำเนินพิธีที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น จึงรีบไปเตรียมน้ำชา

หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็พร้อม

แม้ว่าซ่างกวานเยียนจะไม่เต็มใจ แต่นางก็ต้องคุกเข่าลงกับพื้นด้วยรอยยิ้ม ขั้นแรกนางยกน้ำชาให้เย่เฟยหลีผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว แล้วจึงยกชามาอีกถ้วย “เชิญพระชายาดื่มชาเพคะ”

ฉู่เนี่ยนซีมองผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดช้า ๆ ว่า "วันข้างหน้าหากน้องเข้ามาในจวนแล้ว พวกเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดีอย่างแน่นอน"

พูดจบ นางก็กำลังจะรับถ้วยชา แต่ไม่ทันได้สังเกตเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของซ่างกวานเยียน

เมื่อนิ้วของฉู่เนี่ยนซีสัมผัสถ้วยชา มุมปากของซ่างกวานเยียนก็ยกขึ้น และนางก็ปล่อยมือทันที

ถ้วยชายังไม่ทันหล่นถึงพื้น ร่างกายของนางก็เอนไปข้างหลังและล้มลงกับพื้น

“ท่านพี่...นี่ท่าน...”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 5

    “เหตุใดน้องหญิงถึงได้ซุ่มซ่ามถึงเพียงนี้ แค่น้ำชายังยกดี ๆ มิได้”ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน ซ่างกวานเยียนไม่ได้ยินเสียงถ้วยชาที่ตกลงสู่พื้น อารมณ์ที่หมักหมมไว้รู้สึกแตกร้าว และนางก็มองไปที่ฉู่เนี่ยนซีด้วยความประหลาดใจเห็นเพียงมือของฉู่เนี่ยนซีที่รับถ้วยชาที่กำลังหล่นไว้ได้อย่างมั่นคง และดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและเหน็บแนมซ่างกวานเยียนสะดุ้งผู้หญิงคนนี้สั่งให้นางคุกเข่าและยกน้ำชาให้ นางจะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร?เดิมทีนางต้องการทำให้คนอื่นคิดว่าฉู่เนี่ยนซีริษยา จึงปัดถ้วยชาตกและผลักนางออกแต่สิ่งที่นางคิดไม่ถึงคือ ฉู่เนี่ยนซีกลับรับถ้วยชาไว้ได้!“น้องหญิงมีชื่อเสียงในด้านพรสวรรค์มาโดยตลอด วันนี้กลับพูดผิดกาลเทศะ แถมยังทำผิดพลาดเช่นนี้อีก คนที่ไม่รู้จักน้องหญิงดีคงจะคิดว่าน้องมีปัญหากับข้าเอาได้ ถึงได้จงใจทำเช่นนี้ ครั้งต่อไปจงระวังให้มากขึ้น”ขณะที่พูดฉู่เนี่ยนซีก็ยืนขึ้น และยื่นมือออกไปให้ซ่างกวานเยียนที่นั่งอยู่บนพื้น "รีบลุกขึ้นมาเถิด บนพื้นมันเย็น"แม้ว่าซ่างกวานเยียนจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ตอนนี้มีคนมากมายอยู่รอบตัว ดังนั้นจึงทำได้เพียงกลืนอารมณ์ของนางลงไป ก่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 6

    “ท่านป้าระวังคำพูดด้วย ถึงแม้ว่าจะอายุน้อยกว่า แต่ข้าก็แต่งงานแล้ว ที่จวนมหาเสนาบดีเอง ข้าก็เป็นถึงพระชายาขององค์ชายสามขององค์จักรพรรดิ ท่านเรียกข้าเช่นนั้น มันจะไม่ทำให้เกิดความสับสนหรอกหรือ?”“ยิ่งกว่านั้น พี่สะใภ้เองก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฉู่ของเราแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ปฏิบัติต่อนางเหมือนลูกสาวที่รัก บรรดาฮูหยินและขุนนางผู้สูงศักดิ์ในเมืองล้วนเห็นสิ่งนี้ คำพูดดังกล่าวเมื่อพูดภายในครอบครัวอาจจะไม่เป็นอะไร แต่ไม่ควรพูดไปข้างนอก คนที่รู้สถานการณ์จะเข้าใจว่าท่านแค่เอ็นดู แต่หากคนที่ไม่คิดเช่นนั้นเล่า อาจจะกำลังคิดว่าท่านไม่ชอบลูกเขยของตัวเอง สิ่งนี้อาจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของพี่สะใภ้ บ่งบอกว่าท่านกำลังมีใจเป็นอื่น”“นี่เจ้า...!” ดวงตาของหลิวซื่อเบิกกว้าง พลางชี้นิ้วไปที่ฉู่เนี่ยนซี ทว่าหญิงสาวกลับยังยืนอยู่ด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีเอ่ย หลิวซื่อก็ต้องกลืนความโกรธทั้งหมดลงไป“ตอนนี้คำพูดจาของพระชายาหลีนั้นเฉียบแหลมนัก ข้าน้อมรับคำแนะนำ นี่ก็นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เจอแม่ของท่าน คงจะดีไม่น้อยถ้าได้ถามไถ่กันบ้าง”แม้จะไม่อยากเจอหน้าของฉู่เนี่ยนซีแล้ว แต่หลิวซื่อก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 7

    ได้ยินอย่างนั้น มหาเสนาบดีฉู่จึงได้หันมามอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ย ก็เห็นฉู่เนี่ยนซียืนชะงักอยู่อย่างนั้น ด้วยท่าทางที่เพิ่งผลักประตูเข้ามาด้วยความรีบเร่ง สีหน้าของนางดูแตกต่างออกไปจากปกติมหาเสนาบดีฉู่เองก็ตกตะลึงอยู่ไม่น้อยกระทั่งหนังสือในมือหล่นลงบนโต๊ะ ชายชราก็เริ่มรู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ เขารีบยกเสื้อคลุมขึ้นและลุกยืนด้านหลังโต๊ะ รีบก้าวเข้าไปจับมือฉู่เนี่ยนซีอย่างเร็ว“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกคนรับใช้ว่ามาถึงแล้ว? รีบเข้ามานั่งข้าง ๆ แล้วให้พ่อมองเจ้าชัด ๆ” น้ำเสียงของมหาเสนาบดีฉู่สั่นเครือเล็กน้อย ไม่อาจฝืนแสดงความน่าเกรงขามได้อีกต่อไป เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เป็นลูกสาวเขาจับมือฉู่เนี่ยนซีเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวดหัวใจฉู่เนี่ยนซีตามผู้เป็นพ่อไปด้วยแววตาที่ว่างเปล่ามึนงง ไม่รู้ตัวจนกระทั่งเขานั่งลง แล้วเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ “ท่านพ่อแกล้งป่วยเพื่อที่จะทำให้ลูกได้ออกมาจากวังของท่านอ๋องหลีใช่หรือไม่?”เป็นเวลาเดียวกันกับที่ฮูหยินเดินออกมาจากห้องด้านข้างด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นเลย แม่ได้ยินมาว่าท่านอ๋องหลีได้พาคุณหนูซ่างกวานคนนั้นมาเป็นนางสนม พ่อของเจ้าก็นอนไม่ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 8

    ทุกคนถึงกับตกตะลึง แต่เมื่อหันกลับมาก็เจอกับหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีเหลืองคนหนึ่ง ข้างกันเป็นชายชราผมขาวที่รีบเข้ามา ก่อนจะตามมาด้วยเด็กหนุ่มที่ห้ามพวกเขาไม่ให้เข้ามาในบริเวณไม่ทันการณ์เสียแล้ว ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำ และเต็มไปด้วยความวิตกกังวล“ท่านมหาเสนาบดี ท่านมหาเสนาบดี ข้าหยุดพวกเขาเอาไว้ไม่ได้...”เด็กหนุ่มที่เฝ้าประตูคุกเข่าลงกับพื้น ด้วยรู้ว่ามหาเสนาบดีฉู่เป็นคนที่เคร่งในกฎระเบียบมาก หากมาตะโกนในจวนมหาเสนาบดีแบบนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริง ๆมหาเสนาบดีฉู่ที่กังวลเรื่องขาของลูกชายได้แต่ขมวดคิ้ว ไม่ได้อยากจะต่อว่าคนรับใช้เหล่านั้น จึงโบกมือปล่อยให้เด็กหนุ่มจากไปหญิงสาวที่เข้ามานั้นเป็นลูกสาวของน้องชายมหาเสนาบดีฉู่ ชื่อว่าฉู่หว่านเอ๋อ แม่ของหญิงสาวเสียชีวิตไปตั้งแต่ที่นางยังเล็ก ส่วนน้องชายก็แต่งงานสืบสกุลต่อ ทำให้นางต้องมาใช้ชีวิตและเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของยายเมื่อโตขึ้น ยายของนางก็แก่ตัวลงมาก จึงส่งตัวนางมาอยู่กับลูกชายเสนาบดีในเมืองกัวเฉิง โดยหวังว่าฉู่หว่านเอ๋อจะหาสามีที่ดีได้ และอยู่ในฐานะบุตรสาวตระกูลผู้สูงศักดิ์ฉู่เนี่ยนซีมองผู้หญิงตรงหน้า แล้วก็สังเกตเห็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 9

    ฉู่เนี่ยนซียิ้มเยาะอีกครั้ง “ที่ข้าสามารถบอกได้ก็คือ เกรงว่าบุคคลผู้นี้จะอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงจวนมหาเสนาบดีอยู่ก่อนแล้วพักหนึ่ง”หว่านเอ๋อตกใจเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เมื่อกำลังจะอธิบาย นางก็ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของฉู่เนี่ยนซีอีกครั้ง “ไม่จำเป็นจะต้องรีบปฏิเสธหรอก ของแบบนี้ตรวจสอบเพียงเล็กน้อยก็รู้แล้ว แต่สิ่งที่ข้าสงสัยก็คือ เจ้าจะสามารถเตรียมการรักษาท่านพี่ของข้าได้อย่างไร ในเมื่อเพิ่งพาบุคคลนี้เข้ามาอย่างกะทันหัน เจ้าทำแบบนี้เพื่อท่านพี่จริง ๆ ใช่หรือไม่?”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา แม้แต่คนที่โง่เขลาก็น่าจะพอเข้าใจแม้แต่หมอเฮ่อหลานเองก็รับรู้ได้ถึงความละเอียดอ่อนของเรื่องนี้ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่สายตาที่มีต่อฉู่หว่านเอ๋อนั้นได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว“แม้ว่าหว่านเอ๋อร์จะมีปากเป็นพัน ก็คงอธิบายเรื่องความบังเอิญนี้ไม่ได้ แต่เป็นเรื่องจริงที่หม่อมฉันติดต่อท่านหมอเมื่อครึ่งเดือนก่อนหน้านี้”จู่ ๆ หว่านเอ๋อก็เงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “พระชายา มันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆเพคะ”ฉู่เนี่ยนซีถอนหายใจอย่างเย็นชา และไม่ได้พูดอะไรต่อ สิ่งเดียวที่ถูกพูดคือ สิ่งที่ทุก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 10

    เมื่อมาถึงจุดนี้ นางก็จงใจมองไปที่ฉู่หว่านเอ๋อ “ถ้าหากว่าข้าชนะ เจ้าจะต้องคุกเข่าลงคำนับข้าสามครั้งที่ลานหน้าจวนมหาเสนาบดี ส่วนท่านหมอก็จะต้องรับปากกับข้าอยู่สามเรื่อง กล้าหรือไม่เล่า?”ใบหน้าของฉู่หว่านเอ๋อเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “เหตุใดพระชายาจึงทำเช่นนี้?”“ช่างเถอะ มันไม่สำคัญอะไร หากพระชายาพูดอย่างนั้นข้าก็มิอาจไปขัดใจ แต่สนับสนุนความคิดของท่าน หากญาติผู้พี่ของข้ามีอาการดีขึ้นได้จริง มันก็เป็นการดีที่ครอบครัวเราจะได้มาเฉลิงฉลองร่วมกัน ท่านหมอ ได้โปรดปล่อยให้พระชายาลงมือด้วยตัวเองเถิด”เหลืออีกขั้นตอนสุดท้ายในการทำลายคนคนนี้แล้วหมอมหัศจรรย์ผู้นี้มีฝีมือดีที่สุดแล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงดูอีกฝ่ายทำให้ตัวเองต้องขายหน้าก็เท่านั้นฉู่เนี่ยนซีผู้ซึ่งมีใบหน้าน่าเกลียดและใจร้ายผู้นี้ จะได้รับการสนับสนุนจากทุกคนในจวนมหาเสนาบดีได้อย่างไร?วันนี้นางกำลังรนหาที่ตาย และจะโทษใครก็ไม่ได้ด้วยฉู่เจี้ยนอี้ซึ่งเงียบมาตลอด จู่ ๆ ก็ยิ้มบาง ๆ จนทุกคนต้องหันมาสนใจเขาเขาตบไหล่ภรรยาของตัวเองเบา ๆ “น้องสาวของข้ายอมสาบานว่าจะสามารถรักษาอาการข้าให้ได้ ในฐานะพี่ชายคนโต ข้าก็จะขอเป็นคนแรกที่จะสนั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 11

    ในเวลานี้ ฉู่เนี่ยนซีบังเอิญเดินมาพร้อมกับชามยา เมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพี่ชาย จึงรีบเข้าไปตรวจดูขาของเขาทันที“เหยียนเอ๋อร์ เนี่ยนซี เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่า...ขาของข้ารู้สึกเจ็บขึ้นมาครู่หนึ่ง...”อาจเป็นเพราะขาของเขาไม่มีความรู้สึกมานานหลายปีแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่ฉู่เจี้ยนอี้จะคิดว่าเขาคิดไปเอง แต่เมื่อฉู่เนี่ยนซีเอื้อมมือออกไปกดจุดฝังเข็มของเขาโดยไม่พูดอะไรขาของฉู่เจี้ยนอี้ก็หดตัวย่างกะทันหันการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ทำให้ทั้งสามคนหยุดนิ่งอยู่กับที่ทันทีจ้าวม่อเหยียนอ้าปากค้าง แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรออกมา น้ำตาของนางก็ไหลลงมาอาบแก้มแล้ว!ฉู่เจี้ยนอี้มองขาตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ และพยายามขยับมันอีกครั้ง เขารู้สึกได้แล้วจริง ๆ!ฉู่เนี่ยนซีเขย่าจ้าวม่อเหยียนที่กำลังร้องไห้อย่างเงียบ ๆ อย่างตื่นเต้น และให้กำลังใจนาง "พี่สะใภ้ รีบพยุงท่านพี่สิ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังเดินไม่ได้ แต่น่าจะยืนขึ้นได้นะ! เร็วสิ!"ไม่รู้ว่าคนใช้ขาเร็วคนไหนนำเรื่องนี้ไปรายงาน มหาเสนาบดีฉู่และฮูหยินฉู่จึงรีบวิ่งเข้ามาจากประตูใบหน้าของมหาเสนาบดีฉู่เบี้ยวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินข่าวหลังจากตื่นนอน และวิ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 12

    เมื่อมหาเสนาบดีฉู่เห็นว่านางเดินตามมา สีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพราะเขาผ่านอะไรมามากมายแล้วในชีวิตนี้ เขาเพียงแค่มองนางเงียบ ๆ ด้วยอารมณ์ที่หลากหลายในดวงตา“ท่านพ่อ เรื่องนี้เกี่ยวกับลูกหรือไม่?”ฉู่เนี่ยนซียังคงถามอย่างระมัดระวัง ในด้านหนึ่ง นางไม่ต้องการให้พ่อของนางต้องแบกรับภาระทั้งหมดให้นาง แต่ในทางกลับกัน นางก็กังวลว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของจวนมหาเสนาบดีเพราะคนเหล่านี้คือพ่อแม่และพี่ชายของนาง และก็นี่คือบ้านของนางหลังจากลังเลอยู่นาน มหาเสนาบดีฉู่ก็มอบกระดาษที่องครักษ์มอบให้เขาเมื่อครู่กับฉู่เนี่ยนซีฉู่เนี่ยนซีหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดออก ด้านในมีหนังสือเพียงบรรทัดเดียวเท่านั้นท่านอ๋องหลีถูกลูกธนูอาบยาพิษโจมตี และมีอันตรายถึงแก่ชีวิต ฉู่เนี่ยนซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง“จวนของท่านอ๋องหลีถูกปิดแล้ว แม้ว่าท่านอ๋องหลีจะไม่ได้เป็นที่โปรดปราน แต่พระองค์ก็ไม่ใช่องค์ชายที่จะถูกคนทำร้ายได้ง่าย ๆ แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นอันตรายมาก แต่พ่อคิดว่ามันคงไม่ได้ร้ายแรงมากนัก”คำพูดนี้พูดอย่างมีไหวพริบมากแล้วตอนนี้ทั่วทั้งอาณาจักรแห่งรัตติกาลดูเหมือนจะสงบลง แต่พรรคพวกขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07

บทล่าสุด

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 544

    “ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้นางอยู่ด้วยกันต่อไปเถอะ ช่วงนี้เราเข้ากันได้ดี นางอ่อนโยน มีน้ำใจและใฝ่เรียนใฝ่รู้ ข้าชอบนางมาก ดีที่มีนางอยู่ที่จวนแห่งนี้ ข้าจึงคลายความเบื่อลงไปได้บ้าง”สิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดนั้นเป็นความจริง ตอนแรกนางสงสัยในเจตนาของซุนจื่อซีที่ช่วยนางจากการตกน้ำ แต่ตอนที่นางตกจากรถม้า ซุนจื่อซีกลับไม่ห่วงตนเองและเอาตัวมารองรับนางไว้ ช่างเป็นสตรีที่จิตใจงามอย่างแท้จริงทันใดนั้น ท้องฟ้าก็สว่างไสวไปด้วยดอกไม้ไฟ ส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับแสงสว่างของรุ่งอรุณส่องขึ้นมาจากความมืดมิดประกายแสงนั้นส่องสว่างราวกับหมู่ดาวที่โอบล้อมภูเขาและแม่น้ำอันกว้างใหญ่ที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก รวมไปถึงป่าอันงดงามและที่ราบอันไร้ขอบเขต ทำให้ความขุ่นข้องในใจของคนสองคนจางลง และคนทั้งคู่ก็ยังได้มองดูความยิ่งใหญ่ที่พร่างพราวนี้ไปด้วยกันณ พระตำหนักเจาฮุย ซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอย่างงดงามดุจนางสวรรค์ หลังจากการแสดงสิ้นสุดลง ผู้คนในโถงยังคงตกอยู่ในภวังค์องค์จักรพรรดิทรงปรบมือใหญ่แล้วหันไปหาไทเฮาพร้อมรอยยิ้ม “ทักษะการร่ายรำของจื่อซีดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนอย่างหนักและลำบากไม่น้อย เป็นเสด็จแม่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 543

    ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ จนแทบมองเห็นแสงสว่าง เช่นนี้เขาเห็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่สุดที่ว่านั่นจากที่ใดกัน?“ท่านอ๋องชื่นชมดวงจันทร์ได้อย่างไรหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีมองดูแสงสีเหลืองจาง ๆ ที่ขอบฟ้านั้น อย่างกับมันถูกขัดถูจนไร้ซึ่งความแวววาวเย่เฟยหลีทัดผมฉู่เนี่ยนซีไว้ข้างหลังใบหูของนาง พลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เพราะดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่ว่านี้ไม่ใช่ดวงจันทร์ดวงนั้น”ฉู่เนี่ยนซีหันมาสบตาที่เป็นประกายของเย่เฟยหลี มือที่ค้างเติ่งในตอนแรกเลื่อนมาตรงแก้มของนาง เย่เฟยหลีรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือ เขาคลี่ยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังเขินอาย“ข้าได้ยินจากน้องเจ็ดว่าเจ้าคิดว่าซุนจื่อซีกับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากหรือ?”เย่เฟยหลีดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน หางตาของเขาเห็นท่าทางหงุดหงิดของฉู่เนี่ยนซีพลางคิดว่าช่างน่าสนุกฉู่เนี่ยนซีแอบด่าทอเย่ฉงเฉิงในใจว่าเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ นางพูดความในใจออกไปเพียงนิดเดียวเขาก็นำไปบอกเจ้าตัวในพริบตาเสียอย่างนั้น“ก็คิดบ้าง เป็นบางครั้ง”ฉู่เนี่ยนซีกะพริบตาและพยายามอย่างมากเพื่อรักษาท่าทางสงบนิ่งอย่างเคย นางไม่สามารถปฏิเส

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 542

    เย่เฟยหลีเหลือบมองอีกฝ่าย “เจ้าว่าเจ้ารู้จักข้าดีที่สุดไม่ใช่หรือ?”“แต่พี่สะใภ้สามไม่รู้จักท่านดีเท่าข้า หากมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ควรรีบแก้ไขเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยท่านไม่ได้”เมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากพระตำหนักเจาฮุย เขาก็รู้ได้ทันทีว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว เย่เฟยหลีจึงให้เย่ฉงเฉิง เรียกฉู่เนี่ยนซีมาที่นี่เพราะเขามีเรื่องจะพูดกับนางเย่ฉงเฉิงรับคำสั่งแล้วจากไป ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องจัดงาน เขาก็เห็นซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอยู่อย่างอ่อนช้อย นางอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงราวกับดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเขาหันไปด้านข้างและกระซิบกับฉู่เนี่ยนซี “พี่สะใภ้สาม พี่สามกำลังรอท่านอยู่ไม่ไกลจากทางเหนือของ พระตำหนักเจาฮุย ท่านรีบไปเถิด”ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่ฉงเฉิงอย่างสงสัยและบอกให้เสี่ยวเถารออยู่ที่นี่ หากใครถามหาก็บอกว่านางออกไปเดินรับลมข้างนอกให้สร่างเมาในห้องจัดงาน ซุนจื่อซีออกท่วงท่าราวกับต้นหลิวที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างเพลินใจ ชายแขนเสื้อในมือของนางกระพือเบา ๆ แขนเรียวยาวใต้เสื้อคดเคี้ยวราวกับดอกบ๊วยแดงที่ล่องลอยในอากาศแต่ไม่ว่านางจะพย

DMCA.com Protection Status