ในเวลานี้ ฉู่เนี่ยนซีบังเอิญเดินมาพร้อมกับชามยา เมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพี่ชาย จึงรีบเข้าไปตรวจดูขาของเขาทันที“เหยียนเอ๋อร์ เนี่ยนซี เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่า...ขาของข้ารู้สึกเจ็บขึ้นมาครู่หนึ่ง...”อาจเป็นเพราะขาของเขาไม่มีความรู้สึกมานานหลายปีแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่ฉู่เจี้ยนอี้จะคิดว่าเขาคิดไปเอง แต่เมื่อฉู่เนี่ยนซีเอื้อมมือออกไปกดจุดฝังเข็มของเขาโดยไม่พูดอะไรขาของฉู่เจี้ยนอี้ก็หดตัวย่างกะทันหันการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ทำให้ทั้งสามคนหยุดนิ่งอยู่กับที่ทันทีจ้าวม่อเหยียนอ้าปากค้าง แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรออกมา น้ำตาของนางก็ไหลลงมาอาบแก้มแล้ว!ฉู่เจี้ยนอี้มองขาตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ และพยายามขยับมันอีกครั้ง เขารู้สึกได้แล้วจริง ๆ!ฉู่เนี่ยนซีเขย่าจ้าวม่อเหยียนที่กำลังร้องไห้อย่างเงียบ ๆ อย่างตื่นเต้น และให้กำลังใจนาง "พี่สะใภ้ รีบพยุงท่านพี่สิ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังเดินไม่ได้ แต่น่าจะยืนขึ้นได้นะ! เร็วสิ!"ไม่รู้ว่าคนใช้ขาเร็วคนไหนนำเรื่องนี้ไปรายงาน มหาเสนาบดีฉู่และฮูหยินฉู่จึงรีบวิ่งเข้ามาจากประตูใบหน้าของมหาเสนาบดีฉู่เบี้ยวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินข่าวหลังจากตื่นนอน และวิ่
เมื่อมหาเสนาบดีฉู่เห็นว่านางเดินตามมา สีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพราะเขาผ่านอะไรมามากมายแล้วในชีวิตนี้ เขาเพียงแค่มองนางเงียบ ๆ ด้วยอารมณ์ที่หลากหลายในดวงตา“ท่านพ่อ เรื่องนี้เกี่ยวกับลูกหรือไม่?”ฉู่เนี่ยนซียังคงถามอย่างระมัดระวัง ในด้านหนึ่ง นางไม่ต้องการให้พ่อของนางต้องแบกรับภาระทั้งหมดให้นาง แต่ในทางกลับกัน นางก็กังวลว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของจวนมหาเสนาบดีเพราะคนเหล่านี้คือพ่อแม่และพี่ชายของนาง และก็นี่คือบ้านของนางหลังจากลังเลอยู่นาน มหาเสนาบดีฉู่ก็มอบกระดาษที่องครักษ์มอบให้เขาเมื่อครู่กับฉู่เนี่ยนซีฉู่เนี่ยนซีหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดออก ด้านในมีหนังสือเพียงบรรทัดเดียวเท่านั้นท่านอ๋องหลีถูกลูกธนูอาบยาพิษโจมตี และมีอันตรายถึงแก่ชีวิต ฉู่เนี่ยนซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง“จวนของท่านอ๋องหลีถูกปิดแล้ว แม้ว่าท่านอ๋องหลีจะไม่ได้เป็นที่โปรดปราน แต่พระองค์ก็ไม่ใช่องค์ชายที่จะถูกคนทำร้ายได้ง่าย ๆ แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นอันตรายมาก แต่พ่อคิดว่ามันคงไม่ได้ร้ายแรงมากนัก”คำพูดนี้พูดอย่างมีไหวพริบมากแล้วตอนนี้ทั่วทั้งอาณาจักรแห่งรัตติกาลดูเหมือนจะสงบลง แต่พรรคพวกขอ
อวี่ซีกระโดดลงจากรถม้าและยืนคุ้มกันอยู่ด้านหลังฉู่เนี่ยนซี ส่วนอวี่ตง อวี่หนาน และอวี่เป่ยถือดาบคุ้มกันอยู่ด้านหน้าของนาง ฉู่เนี่ยนซีเริ่มหมดความอดทน นางกวาดสายมององครักษ์รอบตัวด้วยสีหน้าเย็นชา และพูดเสียงต่ำแต่หนักแน่น "หลบไป!"อวี่หนานเลิกคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะมองเจ้านายคนใหม่จากหางตาใคร ๆ ก็บอกว่าพระชายาหลีเป็นหนึ่งในคนที่ยอมคนมากที่สุดในเมืองหลวง นางถูกเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก จนมีนิสัยอ่อนแอเหมือนลูกคุณหนูไม่ว่านายหญิงจะมีแผนการอะไร นางก็คงไม่กล้าแม้แต่จะเมินทหารองครักษ์ของท่านอ๋องหลีแน่ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ยอมให้ซ่างกวานเยียนแต่งเข้ามาในจวนท่านอ๋องเช่นนี้ด้วยเพียงแต่วันนี้เมื่อมองดูแล้ว...เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นทันทีที่สิ้นสุดคำพูด เหล่าทหารก็มองหน้ากันก่อนจะมองไปที่หัวหน้าองครักษ์องครักษ์มีสายตาดูถูกเหยียดหยาม และทำราวกับว่าตนเองกำลังปฏิบัติตามหน้าที่อยู่ "ในช่วงเวลาพิเศษของจวนเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็มิได้รับอนุญาตให้เข้าไปทั้งนั้น"ฉู่เนี่ยนซียิ้มเยาะที่มุมปากก่อนจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว "ไม่ว่าใครอย่างนั้นรึ? แม้แต่พระชายาอย่างข้าจะกลับบ้านต
ขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะก้าวเข้าไปในเรือนของเย่เฟยหลี ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวมกระโปรงสีเหลืองอ่อน กับมวยผมทรงสวยงามก็เดินนวยนาดออกมา นางคือซ่างกวานเยียนและเหลียงหยวนที่หยุดนางเอาไว้เมื่อครู่ ก็ยืนอยู่ในจวนและจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา มือของเขาจับอยู่ที่ด้ามดาบ ราวกับว่าพร้อมจะชักดาบออกมาทันทีหากนางมีการเคลื่อนไหวที่เกินเลยฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ดูเหมือนว่าคงต้องออกแรงกันหน่อยเสียแล้วเมื่อซ่างกวานเยียนเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของสี่พี่น้องตระกูลอวี่ที่อยู่ด้านหลังฉู่เนี่ยนซี ความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตา แต่แล้วมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว นางพูดขึ้นช้า ๆ "ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา น้องคิดว่าพี่หญิงไม่ต้องการองค์ชายแล้วเสียอีก”“เจ้าอ้างตำแหน่งสนมควบคุมกองกำลังทั้งหมดในจวนของท่านอ๋องหลี แถมยังขวางข้าผู้ซึ่งเป็นพระชายาเอกที่หน้าประตู สนมอย่างเจ้าควบคุมทหารในจวนของท่านอ๋อง คิดจะกระทำอันใดกันแน่?”ซ่างกวานเยียนหรี่ตาที่สวยงามลงแล้วพูดว่า "พี่หญิงโปรดระวังคำพูดด้วยนะเพคะ"“ข้าไม่มีน้องสาวเช่นเจ้า” ฉู่เนี่ยนจัดผมที่ยุ่งเหยิงจาการเดินเร็วของตนเองเมื่อครู่นี้เล็กน้อย และท่าทางของนางก็ค่อนข้า
เย่เฟยหลีจ้องมองนางอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าเขาต้องการจับผิดอะไรบางอย่างจากนาง แต่ก็ล้มเหลว“เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่?”“ข้าจะช่วยท่านกำจัดพิษให้หมด ส่วนท่านต้องยินยอมมอบหนังสือหย่าให้กับข้า ตกลงไหม?”เย่เฟยหลีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว "เจ้าคิดจะเล่นกลอะไรอีก?"เสียงการต่อสู้และการปะทะกันของดาบด้านนอกยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งสองกลับไม่สนใจจู่ ๆ ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกขำเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางที่ดูกลัวเกินกว่าเหตุของเขานางปิดมุมปากของตัวเองเบา ๆ และเบ้ปากเล็กน้อย “ท่านคิดว่าข้าดูไม่จริงจังพอหรือ? ถึงได้คิดว่าข้ากำลังเล่นกลอยู่?”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเย่เฟยหลีก็มืดมนลง และดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นก็มองไปยังนาง ราวกับว่าเขาต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งแต่เขามองนางเป็นเวลานาน ก็ได้เห็นว่าแม้นางจะยิ้มอยู่ แต่ดวงตากลับมีความจริงจังมาก นั่นทำให้เขาค่อนข้างสับสนเกี่ยวกับนางอยู่ครู่หนึ่งแต่ความคิดที่หยั่งรากลึกเกี่ยวกับนางยังคงทำให้เขารู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามเรียกร้องความสนใจจากเขา"กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอกนะ"ฉู่
สัมผัสเยือกเย็นจากปลายนิ้วของนางสัมผัสเข้าที่ปลายคางของเขา ความรู้สึกร้อนรุ่มทุกครั้งที่นางสัมผัสเย่เฟยหลีกำลังแผ่ซ่านไปทั้งร่างกายกลิ่นสมุนไพรจากกายของฉู่เนี่ยนซีชัดเจนมากขึ้น แล้วลมหายใจอุ่น ๆ ของนางก็กำลังรดอยู่บนใบหน้าของเขาพร้อมกลิ่นหอมออกมาอ่อน ๆชายหนุ่มพยายามระงับความรู้สึกภายใน แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปในดวงตาอีกฝ่ายทันทีทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า ตั้งแต่แต่งงานกันมาสามเดือน นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้จ้องมองนางตรง ๆ แบบนี้ที่ใบหน้าสวยยังคงมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ แต่กระนั้นประกายในแววตาของนางกลับไม่ถูกบดบังลงเลยประกายในดวงตากลมนั้นสว่างไสวราวกับมีเวทย์มนต์ คล้ายกับว่าจะสามารถถูกดูดกลืนเข้าไปได้หากจ้องมองมันนาน ๆเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในภวังค์ เย่เฟยหลีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดใจ และไอออกมาเบา ๆ “ทำไมข้าต้องเชื่อด้วยว่าเจ้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของข้าได้”“เมื่อเช้านี้มีผู้อาวุโสจากสำนักหมอหลวงมาที่นี่ แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำให้ท่านฟื้นจากอาการป่วยได้เลย” ฉู่เนี่ยนซีผละมือออกแล้วยืดตัวขึ้นอย่างสงบเสงี่ยม “หากท่านอนุญาตให้ข้าฝังเข็มสักสองสามที ท่านก
“กัวเซียว เจ้าไปสืบมาว่าระหว่างที่ฉู่เนี่ยนซีพักอยู่ที่จวนมหาเสนาบดี ช่วงนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น”กัวเซียวสะดุ้งเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่ก็รับคำสั่งแล้วถอยกลับออกมาเงียบ ๆนับตั้งแต่แต่งงาน การเปลี่ยนแปลงของฉู่เนี่ยนซีก็ปรารกฏชัดต่อหน้าทุกคน ตอนนี้นางมีทักษะทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ รวมถึงนิสัยและอารมณ์ก็แตกต่างไปอย่างมาก หรือว่า...นี่คือสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีเป็นอยู่แล้วแต่ไหนแต่ไร?ซ่างกวานเยียนหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาหักด้วยมือของนาง อารมณ์ความรู้สึกบางอย่างฉายชัดอยู่หลังแววตาราวกับเปลวเพลิงที่พร้อมโหมกระหน่ำ อยากจะแผดเผาสนามหญ้าที่อยู่ติดกันของฉู่เนี่ยนซีให้มอดไหม้ในอีกด้านหนึ่งในลานบ้านข้าง ๆ ฉู่เนี่ยนซีก็ให้อวี่ซีคอยจับตาดู ก่อนจะเรียกให้เหลียงหยวนเข้ามาในห้องโถงใหญ่ แล้วให้เสี่ยวเถายกชามาให้หญิงสาวนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลักด้วยท่าทีที่มีเลศนัยเหลียงหยวนตะลึงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยืนขึ้นอย่างเย็นชา “พระชายา แบบนี้คงไม่สุภาพ ให้กระหม่อมยืนขึ้นจักดีกว่าพะย่ะค่ะ”ฉู่เนี่ยนซีหยิบชามาจากเสี่ยวเถาเบา ๆ แล้วให้อีกฝ่ายวางชาไว้บนโต๊ะข้าง ๆ “พระชายา อย่าทรงปิดบังอยู่อีกเลย” หลังจากที่เสี่ยวเถาเด
ฉู่เนี่ยนซีตัวแข็งทื่อ เย่เฟยหลีเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ข้าคงคิดมากไปเองสินะ”“ก็ยังคงเป็นคนเดิม แต่มีฝีมือขึ้นกว่าเดิมหน่อย ถึงอย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะทำให้ข้าตกหลุมรักได้”ได้ยินอย่างนั้นฉู่เนี่ยนซีก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ นี่เขาจงใจใช้เสน่ห์ของตัวเองในการทดสอบนางอย่างนั้นหรือ?ถ้าตอนนี้นางไม่จมอยู่ในภวังค์หรือต่อยเขาออกไป ตอนนี้นางอาจจะต้องเผชิญกับคำถามที่ว่า นางคือใคร' อยู่ก็ได้เขาถูกวางยาพิษจนทำลายสมองไปแล้วหรือเปล่า หรือมักจะประเมินรูปร่างหน้าตาของตัวเองต่ำแบบนี้ตลอด?ด้วยรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่ม แม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองก็อาจจะต้องตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ เขาคิดว่ามีเพียงฉู่เนี่ยนซีเท่านั้นหรือที่ต้องตกตะลึงกับหน้าตาอันหล่อเหลาของเขา?ฉู่เนี่ยนซีแอบกัดฟันกรอด แทนที่เขาจะสนใจตามหาคนที่ลอบสังหาร แต่กลับใช้เวลาในการสังเกตและทดสอบตัวเธอนางจึงขี้เกียจต่อกรกับเขา พยายามจะดึงข้อมือกลับมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ทว่าก็ล้มเหลวจึงทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย“ท่านจะยอมหยุดหรือไม่? ข้าเองก็เคยเห็นคนหลงตัวเองมาก่อน แต่ไม่มีใครหลงตัวเองเท่าท่าน