Share

บทที่ 14

Author: ชาผลไม้
ขณะที่ฉู่เนี่ยนซีกำลังจะก้าวเข้าไปในเรือนของเย่เฟยหลี ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวมกระโปรงสีเหลืองอ่อน กับมวยผมทรงสวยงามก็เดินนวยนาดออกมา นางคือซ่างกวานเยียน

และเหลียงหยวนที่หยุดนางเอาไว้เมื่อครู่ ก็ยืนอยู่ในจวนและจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา มือของเขาจับอยู่ที่ด้ามดาบ ราวกับว่าพร้อมจะชักดาบออกมาทันทีหากนางมีการเคลื่อนไหวที่เกินเลย

ฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ดูเหมือนว่าคงต้องออกแรงกันหน่อยเสียแล้ว

เมื่อซ่างกวานเยียนเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของสี่พี่น้องตระกูลอวี่ที่อยู่ด้านหลังฉู่เนี่ยนซี ความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตา แต่แล้วมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว นางพูดขึ้นช้า ๆ "ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา น้องคิดว่าพี่หญิงไม่ต้องการองค์ชายแล้วเสียอีก”

“เจ้าอ้างตำแหน่งสนมควบคุมกองกำลังทั้งหมดในจวนของท่านอ๋องหลี แถมยังขวางข้าผู้ซึ่งเป็นพระชายาเอกที่หน้าประตู สนมอย่างเจ้าควบคุมทหารในจวนของท่านอ๋อง คิดจะกระทำอันใดกันแน่?”

ซ่างกวานเยียนหรี่ตาที่สวยงามลงแล้วพูดว่า "พี่หญิงโปรดระวังคำพูดด้วยนะเพคะ"

“ข้าไม่มีน้องสาวเช่นเจ้า” ฉู่เนี่ยนจัดผมที่ยุ่งเหยิงจาการเดินเร็วของตนเองเมื่อครู่นี้เล็กน้อย และท่าทางของนางก็ค่อนข้างสง่างามยิ่งนัก

ก่อนที่จะพูดจบ นางก็เดินผ่านซ่างกวานเยียนเข้าไปในห้องโดยไม่พูดอะไรอีก

องครักษ์หลายนายที่อยู่ในจวนพยายามหยุดนาง แต่ก็ถูกอวี่ตงและอวี่ซีโจมตีจนถอยกลับ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล่าถอยไปข้างหลังซ่างกวานเยียน และบรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที เมื่อเหลียงหยวนเห็นฉากนี้เขาก็ขมวดคิ้ว และมีความกังวลฉายแววอยู่ในดวงตา เขารีบเข้าไปยืนขวางอยู่ตรงหน้าฉู่เนี่ยนซีทันที "พระชายา สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ท่านจะเข้าไปได้ตามอำเภอใจ"

อวี่เป่ยและอวี่หนานมองหน้ากันราวกับรอให้ฉู่เนี่ยนซีออกคำสั่ง

“หลีกไป!” ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้ว และกล่าวด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน

ทันใดนั้นเหลียงหยวนก็ชักดาบออกมา ใบหน้าของเขาไม่ได้สงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ และพูดด้วยความโกรธว่า "กำเริบเสิบสาน!"

“ทั้งหมดทั้งมวลใครกันแน่ที่กำเริบเสิบสาน!” ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองอวี่เป่ยและอวี่หนาน “ขวางเขาไว้! ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ห้ามมิใครก้าวเข้ามาในห้องนี้เป็นอันขาด!”

เมื่ออวี่เป่ยและอวี่หนานได้รับคำสั่ง พวกเขาก็พุ่งเข้าไปต่อสู้กับเหลียงหยวนอย่างรวดเร็ว และบังคับจนเขาออกจากห้องได้สำเร็จ

“หากท่านกล้าแตะต้องท่านอ๋องแม้แต่ปลายเส้นผม ข้าจะไม่ละเว้นท่านแน่!” เหลียงหยวนตะโกนใส่ฉู่เนี่ยนซี ขณะที่กำลังต่อสู้กับทั้งสอง

ฉู่เนี่ยนซีเบ้ปากด้วยความรังเกียจ เสี่ยวเถารีบปิดประตูตามหลังทันที

ซ่างกวานเยียนรีบตามมาอย่างใกล้ชิด แต่อวี่ซีก็ยกดาบขึ้นหยุดนางไว้ และพูดอย่างไม่ยี่หระ "สนมซ่างกวานโปรดอย่าทำให้ตนต้องเสื่อมเสียศักดิ์ศรี"

สี่พี่น้องตระกูลอวี่ไม่ใช่พี่น้องที่หน้าตาเหมือนกัน แต่อวี่ซีเป็นที่รู้จักมากที่สุด เนื่องจากรอยแผลเป็นที่ด้านขวาบนหน้าผากของเขา

เมื่อก่อนตอนที่เขาเป็นองครักษ์ทมิฬ เขามักจะปกปิดใบหน้า แต่ตอนนี้เขากลายเป็นองครักษ์ส่วนตัว จึงถอดผ้าคลุมหน้าออกไป รอยแผลเป็นทำให้เขาดูเหมือนกับนักฆ่า ซ่างกวานเยียนตกใจกลัวและก้าวถอยหลังทันที

ความรังเกียจและความโกรธที่ไม่อาจปิดบังได้ปรากฏขึ้นในดวงตาที่สวยงามทันที และเสียงที่มักจะนุ่มนวลก็บ่งบอกถึงความโหดร้าย "อย่าคิดว่าพวกเจ้าเป็นคนใกล้ชิดของพระชายาแล้วจะหยุดข้าได้!"

อวี่ซียังคงสงบนิ่งเช่นเดิม "นอกจากท่านอ๋อง พระชายาก็คือนายของจวนนี้ กระหม่อมอยากจะแนะนำสนมซ่างกวาน โปรดทรงทำความเข้าใจสถานะตนเองให้ชัดเจนด้วย เพราะอย่างไรสถานะของท่านก็ยังมีคำว่านำหน้าว่ารองนำหน้าอยู่"

"เจ้า..."

ซ่างกวานเยียนโกรธมาก แต่ด้วยทักษะของอวี่ซี นางก็ทำได้เพียงโกรธเท่านั้น

ฉู่เนี่ยนซียกเข็มเงินขึ้นแล้วมองนางด้วยรอยยิ้มเย็นชา "ไม่ต้องกังวล รับรองว่าไม่ถึงตายหรอก"

ซ่างกวานเยียนกัดฟันและกวาดสายตาไปด้านข้าง เหล่าองครักษ์จึงลงมือทันที และเริ่มต่อสู้กับพี่น้องตระกูลอวี่

ฉู่เนี่ยนซีเพิกเฉยต่อเสียงการต่อสู้ด้านนอก และสงบจิตใจลง นางเปิดแถบผ้าบนไหล่ซ้ายของเย่เฟยหลีอย่างเงียบ ๆ และทำความสะอาดเลือด ก่อนจะหยิบเข็มออกมาแล้วเริ่มกำจัดพิษรอบแรก

ไม่ว่าพิษแปลกนี้มาจากไหน ตราบใดที่สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของพิษและปกป้องหัวใจไว้ได้ อย่างอื่นก็สามารถรักษาในระยะยาวได้

ธูปยังไม่ทันหมดดอก เย่เฟยหลีซึ่งมีสติพร่ามัว จู่ ๆ ก็เริ่มไออย่างรุนแรง

ฉู่เนี่ยนซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดึงเข็มเงินออกมา ก่อนจะยื่นชามน้ำอุ่นให้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดื่มซะ"

เสี่ยวเถาช่วยพยุงเย่เฟยหลีลุกขึ้นนั่ง และวางเบาะรองสองสามใบไว้ด้านหลังของเขา

เย่เฟยหลีฟื้นคืนสติ และหยิบน้ำอุ่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เขากำลังจะดื่มมันเข้าปาก เขาก็ตระหนักว่าคนที่อยู่ข้างเตียงคือฉู่เนี่ยนซี

ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา และเขาก็วางชามไว้ข้าง ๆ ทันที "เจ้ามาทำอะไรที่นี่?"

“ทุกคนในจวนของท่านอ๋องหลีโง่งม หรือสมองของพวกเขาถูกประตูหนีบกัน ทำไมถึงได้เอาแต่ถามแต่คำถามนี้กับข้า? ในฐานะพระชายา จะกลับจวนก็ต้องรายงานด้วยหรือ?”

นางพูดพลางโน้มตัวไปข้างหน้า เพื่อดึงเข็มเงินอันสุดท้ายที่เหลืออยู่บนไหล่ซ้ายของเขาออกมา

บางทีอาจเป็นเพราะยาพิษ สติและประสาทสัมผัสกลิ่นของเขาจึงมีปัญหา เมื่อฉู่เนี่ยนซีเข้ามาใกล้เย่เฟยหลี เขาจึงรู้สึกว่าได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของสมุนไพรบนร่างกายของนาง หล่นนั้นช่างสดชื่นนัก

แต่ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ตามมาก็ทำให้ความคิดบ้า ๆ นี้หายไปทันที ทันทีที่ฉู่เนี่ยนซีแตะเข็มเงินบนไหล่ของเขา เย่เฟยหลีก็คว้าข้อมือของนางด้วยสีหน้าเย็นชาทันที

ฉู่เนี่ยนซีพยายามดิ้นให้หลุดพ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ นางอดไม่ได้ที่จะแอบประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของสามีตัวเอง

แม้ว่าเขาจะถูกพิษร้ายแรง แต่ก็ยังสามารถรักษาความเร็วและความแข็งแกร่งในการตอบสนองเอาไว้ได้ ดูเหมือนว่าองค์ชายผู้ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานองค์นี้ จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก

“ข้าช่วยชีวิตท่านไว้ ท่านปฏิบัติต่อผู้ช่วยชีวิตของท่านเช่นนี้หรือ?”

ฉู่เนี่ยนซีกระตุกมืออย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

ขณะที่นางกำลังจะใช้มืออีกข้างแอบกดจุดเย่เฟยหลีเพื่อช่วยตัวเองให้หลุดพ้น จู่ ๆ ชายคนนั้นก็ใช้แรงดึงนางเข้ามาใกล้มากขึ้น

ระยะห่างลดลงกะทันหัน ฉู่เนี่ยนซีเอียงคอไปด้านหลังอย่างอึดอัด พยายามหลีกเลี่ยงลมหายใจร้อนของเขา

นางไม่รู้เลยว่าการเคลื่อนไหวหลบเลี่ยงของนาง เผยให้เห็นลำคอและกระดูกไหปลาร้าที่บอบบาง

ดวงตาของเย่เฟยหลีกวาดไปทั่วเนื้อขาวนวล เขาขยับเล็กน้อย และปล่อยนางไปโดยไม่รู้ตัว

“ใครจะรู้ว่าเจ้ากำจัดพิษให้ข้า หรือหาโอกาสปลิดชีพข้ากันแน่”

เย่เฟยหลีขมวดคิ้ว ความรู้สึกที่หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะในตอนนี้ทำให้เขาไม่สบายใจ จนน้ำเสียงของเขาแหบแห้งขึ้นมา

ฉู่เนี่ยนซีไม่ได้สังเกตเห็นเสียงแหบผิดปกติของเขา นางเก็บเข็มเงินทิ้งแล้วถามขึ้นช้า ๆ "ฝ่าบาท ท่านรักข้าไหม?"

เย่เฟยหลีตกตะลึง จากนั้นเขาก็เยาะเย้ยด้วยสายตาที่รังเกียจ "เจ้าคิดว่าข้าจะตกหลุมรักผู้หญิงที่คลานขึ้นมาหาข้าถึงเตียงหรืออย่างไร?"

ตั้งแต่ที่ทั้งสองแต่งงานกัน ฉู่เนี่ยนซีก็รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมถามคำถามนี้กับเย่เฟยหลีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ถูกเขาปฏิเสธอย่างเย็นชาทุกครั้ง

เหตุผลที่นางถามขึ้นมาอีก เพียงเพราะนางอยากรู้ว่าผู้ชายตรงหน้ามีมุมมองต่อความสัมพันธ์นี้อย่างไร

ฉู่เนี่ยนซีถอนหายใจเบา ๆ แม้ว่าจะเป็นการถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกเสียใจอะไร เย่เฟยหลีกลับรู้สึกว่าการถอนหายใจของนาง เหมือนการถอนหายใจเพราะโล่งอกเสียมากกว่า

“ในเมื่อท่านไม่เคยรักข้า และไม่มีความตั้งใจที่จะรักข้าในอนาคต เช่นนั้นเราก็ละทิ้งความแค้นในอดีต แล้วทำข้อตกลงที่ยุติธรรมกันดีหรือไม่?”

Related chapters

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 15

    เย่เฟยหลีจ้องมองนางอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าเขาต้องการจับผิดอะไรบางอย่างจากนาง แต่ก็ล้มเหลว“เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่?”“ข้าจะช่วยท่านกำจัดพิษให้หมด ส่วนท่านต้องยินยอมมอบหนังสือหย่าให้กับข้า ตกลงไหม?”เย่เฟยหลีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว "เจ้าคิดจะเล่นกลอะไรอีก?"เสียงการต่อสู้และการปะทะกันของดาบด้านนอกยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งสองกลับไม่สนใจจู่ ๆ ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกขำเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางที่ดูกลัวเกินกว่าเหตุของเขานางปิดมุมปากของตัวเองเบา ๆ และเบ้ปากเล็กน้อย “ท่านคิดว่าข้าดูไม่จริงจังพอหรือ? ถึงได้คิดว่าข้ากำลังเล่นกลอยู่?”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเย่เฟยหลีก็มืดมนลง และดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นก็มองไปยังนาง ราวกับว่าเขาต้องการจะมองให้ทะลุปรุโปร่งแต่เขามองนางเป็นเวลานาน ก็ได้เห็นว่าแม้นางจะยิ้มอยู่ แต่ดวงตากลับมีความจริงจังมาก นั่นทำให้เขาค่อนข้างสับสนเกี่ยวกับนางอยู่ครู่หนึ่งแต่ความคิดที่หยั่งรากลึกเกี่ยวกับนางยังคงทำให้เขารู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามเรียกร้องความสนใจจากเขา"กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอกนะ"ฉู่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 16

    สัมผัสเยือกเย็นจากปลายนิ้วของนางสัมผัสเข้าที่ปลายคางของเขา ความรู้สึกร้อนรุ่มทุกครั้งที่นางสัมผัสเย่เฟยหลีกำลังแผ่ซ่านไปทั้งร่างกายกลิ่นสมุนไพรจากกายของฉู่เนี่ยนซีชัดเจนมากขึ้น แล้วลมหายใจอุ่น ๆ ของนางก็กำลังรดอยู่บนใบหน้าของเขาพร้อมกลิ่นหอมออกมาอ่อน ๆชายหนุ่มพยายามระงับความรู้สึกภายใน แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปในดวงตาอีกฝ่ายทันทีทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า ตั้งแต่แต่งงานกันมาสามเดือน นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้จ้องมองนางตรง ๆ แบบนี้ที่ใบหน้าสวยยังคงมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ แต่กระนั้นประกายในแววตาของนางกลับไม่ถูกบดบังลงเลยประกายในดวงตากลมนั้นสว่างไสวราวกับมีเวทย์มนต์ คล้ายกับว่าจะสามารถถูกดูดกลืนเข้าไปได้หากจ้องมองมันนาน ๆเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในภวังค์ เย่เฟยหลีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดใจ และไอออกมาเบา ๆ “ทำไมข้าต้องเชื่อด้วยว่าเจ้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของข้าได้”“เมื่อเช้านี้มีผู้อาวุโสจากสำนักหมอหลวงมาที่นี่ แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำให้ท่านฟื้นจากอาการป่วยได้เลย” ฉู่เนี่ยนซีผละมือออกแล้วยืดตัวขึ้นอย่างสงบเสงี่ยม “หากท่านอนุญาตให้ข้าฝังเข็มสักสองสามที ท่านก

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 17

    “กัวเซียว เจ้าไปสืบมาว่าระหว่างที่ฉู่เนี่ยนซีพักอยู่ที่จวนมหาเสนาบดี ช่วงนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น”กัวเซียวสะดุ้งเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่ก็รับคำสั่งแล้วถอยกลับออกมาเงียบ ๆนับตั้งแต่แต่งงาน การเปลี่ยนแปลงของฉู่เนี่ยนซีก็ปรารกฏชัดต่อหน้าทุกคน ตอนนี้นางมีทักษะทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ รวมถึงนิสัยและอารมณ์ก็แตกต่างไปอย่างมาก หรือว่า...นี่คือสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีเป็นอยู่แล้วแต่ไหนแต่ไร?ซ่างกวานเยียนหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาหักด้วยมือของนาง อารมณ์ความรู้สึกบางอย่างฉายชัดอยู่หลังแววตาราวกับเปลวเพลิงที่พร้อมโหมกระหน่ำ อยากจะแผดเผาสนามหญ้าที่อยู่ติดกันของฉู่เนี่ยนซีให้มอดไหม้ในอีกด้านหนึ่งในลานบ้านข้าง ๆ ฉู่เนี่ยนซีก็ให้อวี่ซีคอยจับตาดู ก่อนจะเรียกให้เหลียงหยวนเข้ามาในห้องโถงใหญ่ แล้วให้เสี่ยวเถายกชามาให้หญิงสาวนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลักด้วยท่าทีที่มีเลศนัยเหลียงหยวนตะลึงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยืนขึ้นอย่างเย็นชา “พระชายา แบบนี้คงไม่สุภาพ ให้กระหม่อมยืนขึ้นจักดีกว่าพะย่ะค่ะ”ฉู่เนี่ยนซีหยิบชามาจากเสี่ยวเถาเบา ๆ แล้วให้อีกฝ่ายวางชาไว้บนโต๊ะข้าง ๆ “พระชายา อย่าทรงปิดบังอยู่อีกเลย” หลังจากที่เสี่ยวเถาเด

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 18

    ฉู่เนี่ยนซีตัวแข็งทื่อ เย่เฟยหลีเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ข้าคงคิดมากไปเองสินะ”“ก็ยังคงเป็นคนเดิม แต่มีฝีมือขึ้นกว่าเดิมหน่อย ถึงอย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะทำให้ข้าตกหลุมรักได้”ได้ยินอย่างนั้นฉู่เนี่ยนซีก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ นี่เขาจงใจใช้เสน่ห์ของตัวเองในการทดสอบนางอย่างนั้นหรือ?ถ้าตอนนี้นางไม่จมอยู่ในภวังค์หรือต่อยเขาออกไป ตอนนี้นางอาจจะต้องเผชิญกับคำถามที่ว่า นางคือใคร' อยู่ก็ได้เขาถูกวางยาพิษจนทำลายสมองไปแล้วหรือเปล่า หรือมักจะประเมินรูปร่างหน้าตาของตัวเองต่ำแบบนี้ตลอด?ด้วยรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่ม แม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองก็อาจจะต้องตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ เขาคิดว่ามีเพียงฉู่เนี่ยนซีเท่านั้นหรือที่ต้องตกตะลึงกับหน้าตาอันหล่อเหลาของเขา?ฉู่เนี่ยนซีแอบกัดฟันกรอด แทนที่เขาจะสนใจตามหาคนที่ลอบสังหาร แต่กลับใช้เวลาในการสังเกตและทดสอบตัวเธอนางจึงขี้เกียจต่อกรกับเขา พยายามจะดึงข้อมือกลับมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ทว่าก็ล้มเหลวจึงทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย“ท่านจะยอมหยุดหรือไม่? ข้าเองก็เคยเห็นคนหลงตัวเองมาก่อน แต่ไม่มีใครหลงตัวเองเท่าท่าน

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 19

    ซ่างกวานเยียนเห็นอีกฝ่ายตกตะลึงจึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่หญิง? หรือว่าข้า...”ก่อนที่จะพูดจบ เย่เฟยหลีที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านหลังก็ไอจนมีเลือดพุ่งออกมาทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกใจเป็นอย่างมากซ่างกวานเยียนรีบหันกลับมาแล้วเรียกหมอหลวงทันทีฉู่เนี่ยนซีก้าวเข้าไปตรวจชีพจรของเย่เฟยหลี ก็รู้สึกว่ามันอ่อนแรงลง“เป็นอะไรไปเพคะ ท่านอ๋อง?” ซ่างกวานเยียนเริ่มร้องไห้และมีน้ำเสียงสั่นเทานางดูเจ็บปวดมาก แต่ลึก ๆ ภายในดวงตากลับมีนัยของแผนการแห่งชัยชนะคิ้วของเหลียงหยวนขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะหันไปหาฉู่เนี่ยนซี เมื่อเห็นว่านางยังคงสงบนิ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา “พระชายา เกิดอะไรขึ้น?”ฉู่เนี่ยนซีตอบ “ชีพจรของเขา...”ก่อนที่จะได้พูดอะไร หมอหลวงก็เข้ามา แต่หลังจากตรวจร่างกายของเย่เฟยหลีก็ต้องขมวดคิ้ว “ชีพจรของฝ่าบาทอ่อนแอมาก การอาเจียนเป็นเลือดแบบนี้ก็มาจากการที่ชีพจรเต้นไม่คงที่เช่นกัน”ซ่างกวานเยียนจับมือเย่เฟยหลีแน่น และกำลังจะร้องไห้ “อันตรายถึงชีวิตหรือไม่?”หมออาวุโสคนหนึ่งลูบเคราของเขาช้า ๆ ไม่ได้ตอบโดยตรง แต่หันมาหาฉู่เนี่ยนซีแทน “ช่วงนี้พระชายาทำการฝังเ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 20

    “ข้ารับรองว่าฝ่าบาทจะไม่เป็นอันตรายจริง ๆ”หลังจากที่ได้ยินคำยืนยัน ซ่างกวานเยียนก็พยักหน้าแล้วพูดต่อ “เอาล่ะ เจ้ากลับไปได้แล้ว”หมอของราชสำนักโค้งคำนับและคุกเข่าอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าซ่างกวานเยียนไม่คิดที่จะเรียกคืนกล่องทองคำที่นางมอบให้เขาก่อนหน้านี้ เขาก็รีบจากไปอย่างสุขุม โดยได้รับความช่วยเหลือจากกัวเซียวซ่างกวานเยียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หมอจากราชสำนักมอบธูปให้กับนาง กลิ่นนี้อาจจะไปทำปฏิกิริยากับยาพิษในตัวของเย่เฟยหลี ทำให้เกิดความผิดปกติของชีพจรนางใช้ความพยายามอย่างมากในการสวมใส่เสื้อผ้าด้วยกลิ่นหอมนี้ โดยเป้าหมายมุ่งไปยังฉู่เนี่ยนซี และไม่ทำร้ายเย่เฟยหลี แต่ไม่คิดว่าฉู่เนี่ยนซีจะน่ากลัวขนาดนี้!ภายในห้องฉู่เนี่ยนซียังคงนิ่งเงียบจนกระทั่งทุกคนถอยออกไป ก่อนจะหยิบเข็มเงินขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม “ทำไมท่านถึงเชื่อใจข้า?”เย่เฟยหลีมองไปทางอื่นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “เพราะถ้าข้าตาย หนังสือหย่าร้างจะทำให้เจ้าต้องกลายเป็นคนทรยศและนอกใจไปตลอดชีวิต มหาเสนาบดีฉู่เองก็คงไม่สามารถทนต่อคำพูดเช่นนี้ได้เช่นกัน”อารมณ์ที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจของฉู่เนี่ยนซีหายไปทันทีนางคิดจริง ๆ เย่เฟยหลีเริ่ม

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 21

    ฉู่เนี่ยนซีเหลือบไปมองเขาวูบหนึ่ง “มิใช่ว่าข้าหวาดระแวงสงสัย เพียงแต่ที่นี่ต่างที่แลดูน่าสงสัย”เย่เฟยหลีตะลึงไปเล็กน้อยจากที่ผ่านมา เขาก็ไม่ได้พบฉู่เนี่ยนซีอีกนางกำลังนำกิ่งไม้ที่หักมาก้านนั้นออกไปจากเรือนของตน ทั้งยังเรียกให้เหลียงหยวนคอยเฝ้าที่นี่ให้ดี ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปได้และจนเมื่อกระทั่งตะวันคล้อยลับฟ้าทางทิศตะวันตก ฉู่เนี่ยนซีก็ไม่ได้กลับมาอีก เพียงแต่ส่งคนมารายงานให้ทราบเท่านั้น ทั้งยังบอกว่าเขานั้นมีไข้เล็กน้อย วันนี้จึงไม่เหมาะที่จะฝังเข็มเย่เฟยหลีมองหญ้าบนริมหน้าต่างด้วยอาการขบคิดไม่เข้าใจ แล้วมองไปทางเหลียงหยวน “นางไปทำอะไรแล้ว?”เหลียงหยวนนิ่งไปชั่วครู่ แล้วจึงค่อยได้สติถึงสิ่งที่ท่านอ๋องบ่งชี้สมควรเป็นฉู่เนี่ยนซี“เรียนนายท่าน พระชายาเก็บตัวอยู่ในเรือนของตนมาหนึ่งวัน โดยไม่พบกับผู้ใด”ความจริงแล้วเหลียงหยวนก็รู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย เมื่อสามวันก่อนพระชายายังสาบานว่าจะเชื่อมั่นต่อเขา และจะรักษาท่านอ๋องให้หายดี เหตุใดวันนี้ถึงได้...ทิ้งสิ่งที่จะทำไปเสียแล้ว?เย่เฟยหลียิ้มจาง ๆ จนเหมือนกับอ่านความคิดอ่านของเขาได้ “เจ้ามิต้องกังวลไป คาดว่านางคงจะสังเกตเห็นอันใดเ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 22

    “ข้าวปลาอาจสามารถกินวุ่นวายได้ แต่วาจานั้นกลับไม่สามารถกล่าววุ่นวายได้” ฉู่เนี่ยนซีหรี่ตาลงเล็กน้อย ถึงแม้น้ำเสียงจะสงบ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแฝงไว้ด้วยแรงกดดันซ่างกวานเยียนที่เมื่อเห็นแววตาของนาง ก็อดที่จะประหม่าเล็กน้อยไม่ได้ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น อีกทั้งนางยังเก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้ภายใน ยืดอกหลังตรง “นี่พี่หญิงคิดจะข่มขู่ข้างั้นหรือ?”เมื่อกล่าวมาเช่นนี้ เย่เฟยหลีก็กวาดตามองไปยังซุปยาสีดำทมิฬโดยเร็ว แววตาถึงกลับแปรเปลี่ยนเป็นลึกลับสุดคาดเดาซ่างกวานเยียนไม่รอให้ฉู่เนี่ยนซีกล่าววาจา ก็หันไปตะโกนเรียกกับทางด้านนอกที่นั้นถึงกับก็มีผู้คุมสองนายคุมตัวคนผู้หนึ่งเข้ามา และคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฟยหลี“ท่านพี่หลี วันนี้สาวใช้ของข้าบังเอิญได้ยินคนผู้นี้สนทนากับคนผู้หนึ่ง ว่าจะวางยาพิษไว้ในยาของท่านอ๋อง แล้วจะหนีไปด้วยกัน เยียนเอ๋อร์จึงได้ให้คนไปคุมขังเขาไว้”คนผู้นั้นนับว่าได้รับความตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ถึงกับเนื้อตัวสั่นเทิมไม่พูดไม่จาอยู่นานซ่างกวานเยียนได้ลดเสียง และเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “ขอเพียงเจ้าพูดความจริงออกมา ท่านอ๋องย่อมใคร่ครวญด้วยตัวเอง!”ผู้ที่ตัวสั่นคุกเข่านั้น ถึงกับ

Latest chapter

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 544

    “ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้นางอยู่ด้วยกันต่อไปเถอะ ช่วงนี้เราเข้ากันได้ดี นางอ่อนโยน มีน้ำใจและใฝ่เรียนใฝ่รู้ ข้าชอบนางมาก ดีที่มีนางอยู่ที่จวนแห่งนี้ ข้าจึงคลายความเบื่อลงไปได้บ้าง”สิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดนั้นเป็นความจริง ตอนแรกนางสงสัยในเจตนาของซุนจื่อซีที่ช่วยนางจากการตกน้ำ แต่ตอนที่นางตกจากรถม้า ซุนจื่อซีกลับไม่ห่วงตนเองและเอาตัวมารองรับนางไว้ ช่างเป็นสตรีที่จิตใจงามอย่างแท้จริงทันใดนั้น ท้องฟ้าก็สว่างไสวไปด้วยดอกไม้ไฟ ส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับแสงสว่างของรุ่งอรุณส่องขึ้นมาจากความมืดมิดประกายแสงนั้นส่องสว่างราวกับหมู่ดาวที่โอบล้อมภูเขาและแม่น้ำอันกว้างใหญ่ที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก รวมไปถึงป่าอันงดงามและที่ราบอันไร้ขอบเขต ทำให้ความขุ่นข้องในใจของคนสองคนจางลง และคนทั้งคู่ก็ยังได้มองดูความยิ่งใหญ่ที่พร่างพราวนี้ไปด้วยกันณ พระตำหนักเจาฮุย ซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอย่างงดงามดุจนางสวรรค์ หลังจากการแสดงสิ้นสุดลง ผู้คนในโถงยังคงตกอยู่ในภวังค์องค์จักรพรรดิทรงปรบมือใหญ่แล้วหันไปหาไทเฮาพร้อมรอยยิ้ม “ทักษะการร่ายรำของจื่อซีดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนอย่างหนักและลำบากไม่น้อย เป็นเสด็จแม่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 543

    ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ จนแทบมองเห็นแสงสว่าง เช่นนี้เขาเห็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่สุดที่ว่านั่นจากที่ใดกัน?“ท่านอ๋องชื่นชมดวงจันทร์ได้อย่างไรหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีมองดูแสงสีเหลืองจาง ๆ ที่ขอบฟ้านั้น อย่างกับมันถูกขัดถูจนไร้ซึ่งความแวววาวเย่เฟยหลีทัดผมฉู่เนี่ยนซีไว้ข้างหลังใบหูของนาง พลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เพราะดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่ว่านี้ไม่ใช่ดวงจันทร์ดวงนั้น”ฉู่เนี่ยนซีหันมาสบตาที่เป็นประกายของเย่เฟยหลี มือที่ค้างเติ่งในตอนแรกเลื่อนมาตรงแก้มของนาง เย่เฟยหลีรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือ เขาคลี่ยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังเขินอาย“ข้าได้ยินจากน้องเจ็ดว่าเจ้าคิดว่าซุนจื่อซีกับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากหรือ?”เย่เฟยหลีดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน หางตาของเขาเห็นท่าทางหงุดหงิดของฉู่เนี่ยนซีพลางคิดว่าช่างน่าสนุกฉู่เนี่ยนซีแอบด่าทอเย่ฉงเฉิงในใจว่าเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ นางพูดความในใจออกไปเพียงนิดเดียวเขาก็นำไปบอกเจ้าตัวในพริบตาเสียอย่างนั้น“ก็คิดบ้าง เป็นบางครั้ง”ฉู่เนี่ยนซีกะพริบตาและพยายามอย่างมากเพื่อรักษาท่าทางสงบนิ่งอย่างเคย นางไม่สามารถปฏิเส

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 542

    เย่เฟยหลีเหลือบมองอีกฝ่าย “เจ้าว่าเจ้ารู้จักข้าดีที่สุดไม่ใช่หรือ?”“แต่พี่สะใภ้สามไม่รู้จักท่านดีเท่าข้า หากมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ควรรีบแก้ไขเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยท่านไม่ได้”เมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากพระตำหนักเจาฮุย เขาก็รู้ได้ทันทีว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว เย่เฟยหลีจึงให้เย่ฉงเฉิง เรียกฉู่เนี่ยนซีมาที่นี่เพราะเขามีเรื่องจะพูดกับนางเย่ฉงเฉิงรับคำสั่งแล้วจากไป ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องจัดงาน เขาก็เห็นซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอยู่อย่างอ่อนช้อย นางอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงราวกับดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเขาหันไปด้านข้างและกระซิบกับฉู่เนี่ยนซี “พี่สะใภ้สาม พี่สามกำลังรอท่านอยู่ไม่ไกลจากทางเหนือของ พระตำหนักเจาฮุย ท่านรีบไปเถิด”ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่ฉงเฉิงอย่างสงสัยและบอกให้เสี่ยวเถารออยู่ที่นี่ หากใครถามหาก็บอกว่านางออกไปเดินรับลมข้างนอกให้สร่างเมาในห้องจัดงาน ซุนจื่อซีออกท่วงท่าราวกับต้นหลิวที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างเพลินใจ ชายแขนเสื้อในมือของนางกระพือเบา ๆ แขนเรียวยาวใต้เสื้อคดเคี้ยวราวกับดอกบ๊วยแดงที่ล่องลอยในอากาศแต่ไม่ว่านางจะพย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status