Share

บทที่ 18

Author: ชาผลไม้
ฉู่เนี่ยนซีตัวแข็งทื่อ เย่เฟยหลีเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?

ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ข้าคงคิดมากไปเองสินะ”

“ก็ยังคงเป็นคนเดิม แต่มีฝีมือขึ้นกว่าเดิมหน่อย ถึงอย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะทำให้ข้าตกหลุมรักได้”

ได้ยินอย่างนั้นฉู่เนี่ยนซีก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ นี่เขาจงใจใช้เสน่ห์ของตัวเองในการทดสอบนางอย่างนั้นหรือ?

ถ้าตอนนี้นางไม่จมอยู่ในภวังค์หรือต่อยเขาออกไป ตอนนี้นางอาจจะต้องเผชิญกับคำถามที่ว่า นางคือใคร' อยู่ก็ได้

เขาถูกวางยาพิษจนทำลายสมองไปแล้วหรือเปล่า หรือมักจะประเมินรูปร่างหน้าตาของตัวเองต่ำแบบนี้ตลอด?

ด้วยรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่ม แม้แต่ผู้ชายด้วยกันเองก็อาจจะต้องตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ เขาคิดว่ามีเพียงฉู่เนี่ยนซีเท่านั้นหรือที่ต้องตกตะลึงกับหน้าตาอันหล่อเหลาของเขา?

ฉู่เนี่ยนซีแอบกัดฟันกรอด แทนที่เขาจะสนใจตามหาคนที่ลอบสังหาร แต่กลับใช้เวลาในการสังเกตและทดสอบตัวเธอ

นางจึงขี้เกียจต่อกรกับเขา พยายามจะดึงข้อมือกลับมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ทว่าก็ล้มเหลว

จึงทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย

“ท่านจะยอมหยุดหรือไม่? ข้าเองก็เคยเห็นคนหลงตัวเองมาก่อน แต่ไม่มีใครหลงตัวเองเท่าท่าน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
praooooooooo28
Good good good
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 19

    ซ่างกวานเยียนเห็นอีกฝ่ายตกตะลึงจึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่หญิง? หรือว่าข้า...”ก่อนที่จะพูดจบ เย่เฟยหลีที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านหลังก็ไอจนมีเลือดพุ่งออกมาทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกใจเป็นอย่างมากซ่างกวานเยียนรีบหันกลับมาแล้วเรียกหมอหลวงทันทีฉู่เนี่ยนซีก้าวเข้าไปตรวจชีพจรของเย่เฟยหลี ก็รู้สึกว่ามันอ่อนแรงลง“เป็นอะไรไปเพคะ ท่านอ๋อง?” ซ่างกวานเยียนเริ่มร้องไห้และมีน้ำเสียงสั่นเทานางดูเจ็บปวดมาก แต่ลึก ๆ ภายในดวงตากลับมีนัยของแผนการแห่งชัยชนะคิ้วของเหลียงหยวนขมวดเข้าหากันแน่น ก่อนจะหันไปหาฉู่เนี่ยนซี เมื่อเห็นว่านางยังคงสงบนิ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา “พระชายา เกิดอะไรขึ้น?”ฉู่เนี่ยนซีตอบ “ชีพจรของเขา...”ก่อนที่จะได้พูดอะไร หมอหลวงก็เข้ามา แต่หลังจากตรวจร่างกายของเย่เฟยหลีก็ต้องขมวดคิ้ว “ชีพจรของฝ่าบาทอ่อนแอมาก การอาเจียนเป็นเลือดแบบนี้ก็มาจากการที่ชีพจรเต้นไม่คงที่เช่นกัน”ซ่างกวานเยียนจับมือเย่เฟยหลีแน่น และกำลังจะร้องไห้ “อันตรายถึงชีวิตหรือไม่?”หมออาวุโสคนหนึ่งลูบเคราของเขาช้า ๆ ไม่ได้ตอบโดยตรง แต่หันมาหาฉู่เนี่ยนซีแทน “ช่วงนี้พระชายาทำการฝังเ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 20

    “ข้ารับรองว่าฝ่าบาทจะไม่เป็นอันตรายจริง ๆ”หลังจากที่ได้ยินคำยืนยัน ซ่างกวานเยียนก็พยักหน้าแล้วพูดต่อ “เอาล่ะ เจ้ากลับไปได้แล้ว”หมอของราชสำนักโค้งคำนับและคุกเข่าอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าซ่างกวานเยียนไม่คิดที่จะเรียกคืนกล่องทองคำที่นางมอบให้เขาก่อนหน้านี้ เขาก็รีบจากไปอย่างสุขุม โดยได้รับความช่วยเหลือจากกัวเซียวซ่างกวานเยียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หมอจากราชสำนักมอบธูปให้กับนาง กลิ่นนี้อาจจะไปทำปฏิกิริยากับยาพิษในตัวของเย่เฟยหลี ทำให้เกิดความผิดปกติของชีพจรนางใช้ความพยายามอย่างมากในการสวมใส่เสื้อผ้าด้วยกลิ่นหอมนี้ โดยเป้าหมายมุ่งไปยังฉู่เนี่ยนซี และไม่ทำร้ายเย่เฟยหลี แต่ไม่คิดว่าฉู่เนี่ยนซีจะน่ากลัวขนาดนี้!ภายในห้องฉู่เนี่ยนซียังคงนิ่งเงียบจนกระทั่งทุกคนถอยออกไป ก่อนจะหยิบเข็มเงินขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม “ทำไมท่านถึงเชื่อใจข้า?”เย่เฟยหลีมองไปทางอื่นแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “เพราะถ้าข้าตาย หนังสือหย่าร้างจะทำให้เจ้าต้องกลายเป็นคนทรยศและนอกใจไปตลอดชีวิต มหาเสนาบดีฉู่เองก็คงไม่สามารถทนต่อคำพูดเช่นนี้ได้เช่นกัน”อารมณ์ที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจของฉู่เนี่ยนซีหายไปทันทีนางคิดจริง ๆ เย่เฟยหลีเริ่ม

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 21

    ฉู่เนี่ยนซีเหลือบไปมองเขาวูบหนึ่ง “มิใช่ว่าข้าหวาดระแวงสงสัย เพียงแต่ที่นี่ต่างที่แลดูน่าสงสัย”เย่เฟยหลีตะลึงไปเล็กน้อยจากที่ผ่านมา เขาก็ไม่ได้พบฉู่เนี่ยนซีอีกนางกำลังนำกิ่งไม้ที่หักมาก้านนั้นออกไปจากเรือนของตน ทั้งยังเรียกให้เหลียงหยวนคอยเฝ้าที่นี่ให้ดี ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปได้และจนเมื่อกระทั่งตะวันคล้อยลับฟ้าทางทิศตะวันตก ฉู่เนี่ยนซีก็ไม่ได้กลับมาอีก เพียงแต่ส่งคนมารายงานให้ทราบเท่านั้น ทั้งยังบอกว่าเขานั้นมีไข้เล็กน้อย วันนี้จึงไม่เหมาะที่จะฝังเข็มเย่เฟยหลีมองหญ้าบนริมหน้าต่างด้วยอาการขบคิดไม่เข้าใจ แล้วมองไปทางเหลียงหยวน “นางไปทำอะไรแล้ว?”เหลียงหยวนนิ่งไปชั่วครู่ แล้วจึงค่อยได้สติถึงสิ่งที่ท่านอ๋องบ่งชี้สมควรเป็นฉู่เนี่ยนซี“เรียนนายท่าน พระชายาเก็บตัวอยู่ในเรือนของตนมาหนึ่งวัน โดยไม่พบกับผู้ใด”ความจริงแล้วเหลียงหยวนก็รู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย เมื่อสามวันก่อนพระชายายังสาบานว่าจะเชื่อมั่นต่อเขา และจะรักษาท่านอ๋องให้หายดี เหตุใดวันนี้ถึงได้...ทิ้งสิ่งที่จะทำไปเสียแล้ว?เย่เฟยหลียิ้มจาง ๆ จนเหมือนกับอ่านความคิดอ่านของเขาได้ “เจ้ามิต้องกังวลไป คาดว่านางคงจะสังเกตเห็นอันใดเ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 22

    “ข้าวปลาอาจสามารถกินวุ่นวายได้ แต่วาจานั้นกลับไม่สามารถกล่าววุ่นวายได้” ฉู่เนี่ยนซีหรี่ตาลงเล็กน้อย ถึงแม้น้ำเสียงจะสงบ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแฝงไว้ด้วยแรงกดดันซ่างกวานเยียนที่เมื่อเห็นแววตาของนาง ก็อดที่จะประหม่าเล็กน้อยไม่ได้ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น อีกทั้งนางยังเก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้ภายใน ยืดอกหลังตรง “นี่พี่หญิงคิดจะข่มขู่ข้างั้นหรือ?”เมื่อกล่าวมาเช่นนี้ เย่เฟยหลีก็กวาดตามองไปยังซุปยาสีดำทมิฬโดยเร็ว แววตาถึงกลับแปรเปลี่ยนเป็นลึกลับสุดคาดเดาซ่างกวานเยียนไม่รอให้ฉู่เนี่ยนซีกล่าววาจา ก็หันไปตะโกนเรียกกับทางด้านนอกที่นั้นถึงกับก็มีผู้คุมสองนายคุมตัวคนผู้หนึ่งเข้ามา และคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฟยหลี“ท่านพี่หลี วันนี้สาวใช้ของข้าบังเอิญได้ยินคนผู้นี้สนทนากับคนผู้หนึ่ง ว่าจะวางยาพิษไว้ในยาของท่านอ๋อง แล้วจะหนีไปด้วยกัน เยียนเอ๋อร์จึงได้ให้คนไปคุมขังเขาไว้”คนผู้นั้นนับว่าได้รับความตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ถึงกับเนื้อตัวสั่นเทิมไม่พูดไม่จาอยู่นานซ่างกวานเยียนได้ลดเสียง และเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “ขอเพียงเจ้าพูดความจริงออกมา ท่านอ๋องย่อมใคร่ครวญด้วยตัวเอง!”ผู้ที่ตัวสั่นคุกเข่านั้น ถึงกับ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 23

    ฉู่เนี่ยนซีเหลือบไปมองซ่างกวานเยียนที่หน้าซีด ลึก ๆ รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งก็แค่นี้ จะจัดการกับเจ้าแทบไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเลยต่างคนต่างมีความคิดที่แตกต่าง ฉู่เนี่ยนซีจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ในยานี้ย่อมถูกโรยไว้ด้วยผงพิษไว้เป็นแน่ แต่ทว่ากลับไม่ใช่ยาพิษอันใด เพียงแต่จะแสดงอาการทางผิวหนังเท่านั้น พวกเจ้าดู”ในระหว่างที่พูด นางก็ชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเองสุดท้ายบนใบหน้าที่ไม่มีแม้แต่แผล และลำคอก็เริ่มแดงเล็กน้อย ฉู่เนี่ยนซีเริ่มพับแขนเสื้อ จนเผยให้เห็นแขนที่ขาวผ่องนั้นเริ่มค่อย ๆ กลายเป็นสีแดง“นี่มัน...”เย่เฟยหลีเข้าใจความตั้งใจของนางได้ทันที จึงได้เลิกชายเสื้อของตนขึ้น ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะแดง แต่ว่าตรงแขนกลับมีสีผิวที่ปกติ“ยาชนิดนี้สามารถทำให้ดูเหมือนมีไข้อ่อนอย่างแน่นอน แต่กลับมีไข้อ่อนที่ต่างไปจากท่าน” ฉู่เนี่ยนซีใช้ท่าทางที่ไม่รีบร้อนไม่ช้าเกิน เพื่อให้ซ่างกวานเยียนแสดงท่าทีออกมา “คาดว่าคงมีคนจงใจหาสมุนไพรที่ทำให้มีไข้คล้ายกับท่าน เพื่อจะโยนความผิดมาที่ข้า”แม้นางจะพูดอย่างมีเลศนัย แต่ในที่นี่ต่างก็ทราบกันดีว่าบุคคลที่นางกล่าวนั้นหมายถึงผู้ใด“วาจาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ไ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 24

    ทันใดนั้นนางก็ดูเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ และมองไปที่อวี่ตงนังชั่วผู้นี้ยังพาองครักษ์ใหม่ถึงสี่นายมาด้วย หรือที่แท้แล้วจะมีขุมอำนาจในยุทธภพคอยหนุนหลัง?จนเมื่อเกิดอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นอีกรอบ เย่เฟยหลีจึงยกมือขึ้นลูบหน้าผาก ข่มกลั้นความไม่พอใจไว้ แล้วถามไปว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นเป็นครั้งสุดท้าย จงพูดความจริงออกมา!”เมื่อเขามีโทสะ ชายผู้วางยาถึงกับรีบคลานมาจนถึงตรงหน้า อีกทั้งยังคลานมาจับชายอาภรณ์ของเย่เฟยหลีเพื่อวิงวอนร้องขอ โดยที่ตะโกนขึ้นเสียงดังว่า “ท่านอ๋องโปรดให้ความกระจ่างด้วย! ท่านอ๋องโปรดให้ความกระจ่างด้วย!”“คุมตัวเขาไว้! อย่าได้ให้เขาแตะต้องฝ่าบาท!” ซ่างกวานเยียนที่กลัวเกิดเหตุกลับตาลปัตร จึงรีบใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายนี้ขยิบตาให้กัวเซียวกัวเซียวรีบพุ่งออกไปทันที พร้อมกับองครักษ์หลายนายคุมตัวเขาไป และตวาดขึ้นว่า “ช่างบังอาจนัก!”“ครอบครัวผู้น้อยถูกจับไว้เป็นตัวประกัน ผู้น้อยทำไปเพราะหมดหนทางจริง ๆ”ในขณะที่ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดด้วยความสับสนวุ่นวาย นิ้วของกัวเซียวก็กดเข้าไปที่จุดชีพจรของชายคนนั้นอย่างแรงดวงตาของชายคนนั้นเบิกกว้าง น้ำลายฟูมปาก ล้มลงพับลงกลางกลุ่มอ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 25

    เย่เฟยหลีมองนางที่เงียบเชียบไม่เคลื่อนไหว พยายามขบคิดในใจต่อเรื่องราวมากมายผ่านไปอยู่นาน เขาจึงชี้ไปถึงอาการบาดเจ็บตรงหัวไหล่อย่างเฉยชา แล้วถามว่า “อีกนานแค่ไหนกว่าจะหายดี?”“สิบวัน” ฉู่เนี่ยนซีตอบไปอย่างรวบรัดเย่เฟยหลีพยักหน้าและกล่าวว่า “เพียงพอแล้ว หลังจากนี้อีกครึ่งเดือน ฮองเฮาจะจัดพิธีเฉลิมฉลอง เจ้าก็ไปพร้อมกับข้า จำไว้ด้วยว่าต้องรักษามารยาทไว้ให้ดี”ฉู่เนี่ยนซีจึงค่อยนึกขึ้นได้ ครั้งก่อนเขาทั้งสองที่เพิ่งเข้าพิธีสมรสได้ไม่นานก็ถูกเชิญให้เข้าวัง ใบหน้าของนางยังถูกคนกลุ่มหนึ่งคิดหัวเราะเยาะในใจ ยิ่งมีคนถึงกับมุ่งเป้าเย้ยหยันเย่เฟยหลีไปด้วยผลสุดท้ายแล้ว เมื่อชาติที่แล้วสิ่งที่นางทำไปโดยไม่ยั้งคิด เพื่อปกป้องเย่เฟยหลี จึงได้ตอบโต้ผู้อื่นไปหลายประโยค แต่ประจวบกับถูกฮองเฮาพบเห็นเข้าพอดีจากนั้นพระชายาหลีอย่างนางที่ไม่เพียงแต่จะมีชื่อเสียงจากรอยแผลเป็นนี้ แต่ยิ่งกลายเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว จากการ “เอะอะโวยวาย” ในวังหลวงเมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ชวนให้นึกถึงเลยฉู่เนี่ยนซีถอนหายใจ สีหน้ากลับเศร้าหมองจนยากที่จะปราฏให้เห็น “ไม่ไปไม่ได้หรือ?”เย่เฟยหล

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 26

    และในช่วงเวลานี้ เหลียงหยวนที่กำลังก้าวเข้าไปในเรือนของเย่เฟยหลี จึงให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป แล้วค่อยๆเดินมาถึงตรงหน้าเย่เฟยหลี“สอบสวนได้เรื่องอะไรมาบ้าง?” “เกี่ยวกับวิชาธนูที่นายท่านได้รับบาดเจ็บดอกนั้น ข้าได้ส่งคนไปเยี่ยมกองทัพต้องห้ามเป็นการลับแล้ว ทหารหน้าใหม่ภายในห้าปีต่างก็ไม่ทราบเรื่องราว สุดท้ายจึงได้ทราบจากทหารผ่านศึกที่กลับบ้านเพื่อพักฟื้นทราบว่าการสร้างลูกธนูชนิดนี้ ครั้งหนึ่งในช่วงที่เขาคอยรับใช้จักรพรรดิองค์ก่อนพิชิตแคว้นตะวันตก เคยเห็นผ่านทหารม้าทางตะวันตกมาก่อน” เย่เฟยหลีเงยหน้าขึ้น “จากนั้นเล่า?” เหลียงหยวนถึงกับต้องกลืนน้ำลายอย่างอึดอัด แล้วจึงค่อยกล่าวต่อ “นายหญิง ทหารชราผู้นั้นบอกไว้ว่า วิชาการใช้ธนูที่ไปมาไร้ร่องรอยชนิดนี้ กลับไม่ได้ปรากฏในสงครามมานานหลายปีแล้ว แม้แต่ในยุทธภพก็หลงเหลือแต่เพียงข่าวลือ ดังนั้นร่องรอยทั้งหมดจึงหยุดแต่เพียงเท่านี้ เกี่ยวกับคนผู้นี้ คาดว่าพระสนมซ่างกวานเองก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ เกรงว่าสิ่งที่ยับยั้งท่านในวันนั้น จะมีก็แต่เพียงความบังเอิญแล้วเท่านั้น” “สมควรที่จะเป็นเรื่องบังเอิญ กระนั้นการที่สามารถชักนำผู้ใช้วิชาธนูเช่นนี้จาก

Latest chapter

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 544

    “ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้นางอยู่ด้วยกันต่อไปเถอะ ช่วงนี้เราเข้ากันได้ดี นางอ่อนโยน มีน้ำใจและใฝ่เรียนใฝ่รู้ ข้าชอบนางมาก ดีที่มีนางอยู่ที่จวนแห่งนี้ ข้าจึงคลายความเบื่อลงไปได้บ้าง”สิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดนั้นเป็นความจริง ตอนแรกนางสงสัยในเจตนาของซุนจื่อซีที่ช่วยนางจากการตกน้ำ แต่ตอนที่นางตกจากรถม้า ซุนจื่อซีกลับไม่ห่วงตนเองและเอาตัวมารองรับนางไว้ ช่างเป็นสตรีที่จิตใจงามอย่างแท้จริงทันใดนั้น ท้องฟ้าก็สว่างไสวไปด้วยดอกไม้ไฟ ส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับแสงสว่างของรุ่งอรุณส่องขึ้นมาจากความมืดมิดประกายแสงนั้นส่องสว่างราวกับหมู่ดาวที่โอบล้อมภูเขาและแม่น้ำอันกว้างใหญ่ที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก รวมไปถึงป่าอันงดงามและที่ราบอันไร้ขอบเขต ทำให้ความขุ่นข้องในใจของคนสองคนจางลง และคนทั้งคู่ก็ยังได้มองดูความยิ่งใหญ่ที่พร่างพราวนี้ไปด้วยกันณ พระตำหนักเจาฮุย ซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอย่างงดงามดุจนางสวรรค์ หลังจากการแสดงสิ้นสุดลง ผู้คนในโถงยังคงตกอยู่ในภวังค์องค์จักรพรรดิทรงปรบมือใหญ่แล้วหันไปหาไทเฮาพร้อมรอยยิ้ม “ทักษะการร่ายรำของจื่อซีดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนอย่างหนักและลำบากไม่น้อย เป็นเสด็จแม่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 543

    ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ จนแทบมองเห็นแสงสว่าง เช่นนี้เขาเห็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่สุดที่ว่านั่นจากที่ใดกัน?“ท่านอ๋องชื่นชมดวงจันทร์ได้อย่างไรหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีมองดูแสงสีเหลืองจาง ๆ ที่ขอบฟ้านั้น อย่างกับมันถูกขัดถูจนไร้ซึ่งความแวววาวเย่เฟยหลีทัดผมฉู่เนี่ยนซีไว้ข้างหลังใบหูของนาง พลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เพราะดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่ว่านี้ไม่ใช่ดวงจันทร์ดวงนั้น”ฉู่เนี่ยนซีหันมาสบตาที่เป็นประกายของเย่เฟยหลี มือที่ค้างเติ่งในตอนแรกเลื่อนมาตรงแก้มของนาง เย่เฟยหลีรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือ เขาคลี่ยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังเขินอาย“ข้าได้ยินจากน้องเจ็ดว่าเจ้าคิดว่าซุนจื่อซีกับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากหรือ?”เย่เฟยหลีดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน หางตาของเขาเห็นท่าทางหงุดหงิดของฉู่เนี่ยนซีพลางคิดว่าช่างน่าสนุกฉู่เนี่ยนซีแอบด่าทอเย่ฉงเฉิงในใจว่าเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ นางพูดความในใจออกไปเพียงนิดเดียวเขาก็นำไปบอกเจ้าตัวในพริบตาเสียอย่างนั้น“ก็คิดบ้าง เป็นบางครั้ง”ฉู่เนี่ยนซีกะพริบตาและพยายามอย่างมากเพื่อรักษาท่าทางสงบนิ่งอย่างเคย นางไม่สามารถปฏิเส

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 542

    เย่เฟยหลีเหลือบมองอีกฝ่าย “เจ้าว่าเจ้ารู้จักข้าดีที่สุดไม่ใช่หรือ?”“แต่พี่สะใภ้สามไม่รู้จักท่านดีเท่าข้า หากมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ควรรีบแก้ไขเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยท่านไม่ได้”เมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากพระตำหนักเจาฮุย เขาก็รู้ได้ทันทีว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว เย่เฟยหลีจึงให้เย่ฉงเฉิง เรียกฉู่เนี่ยนซีมาที่นี่เพราะเขามีเรื่องจะพูดกับนางเย่ฉงเฉิงรับคำสั่งแล้วจากไป ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องจัดงาน เขาก็เห็นซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอยู่อย่างอ่อนช้อย นางอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงราวกับดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเขาหันไปด้านข้างและกระซิบกับฉู่เนี่ยนซี “พี่สะใภ้สาม พี่สามกำลังรอท่านอยู่ไม่ไกลจากทางเหนือของ พระตำหนักเจาฮุย ท่านรีบไปเถิด”ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่ฉงเฉิงอย่างสงสัยและบอกให้เสี่ยวเถารออยู่ที่นี่ หากใครถามหาก็บอกว่านางออกไปเดินรับลมข้างนอกให้สร่างเมาในห้องจัดงาน ซุนจื่อซีออกท่วงท่าราวกับต้นหลิวที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างเพลินใจ ชายแขนเสื้อในมือของนางกระพือเบา ๆ แขนเรียวยาวใต้เสื้อคดเคี้ยวราวกับดอกบ๊วยแดงที่ล่องลอยในอากาศแต่ไม่ว่านางจะพย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status