Share

บทที่ 26

Author: ชาผลไม้
และในช่วงเวลานี้ เหลียงหยวนที่กำลังก้าวเข้าไปในเรือนของเย่เฟยหลี จึงให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป แล้วค่อยๆเดินมาถึงตรงหน้าเย่เฟยหลี

“สอบสวนได้เรื่องอะไรมาบ้าง?”

“เกี่ยวกับวิชาธนูที่นายท่านได้รับบาดเจ็บดอกนั้น ข้าได้ส่งคนไปเยี่ยมกองทัพต้องห้ามเป็นการลับแล้ว ทหารหน้าใหม่ภายในห้าปีต่างก็ไม่ทราบเรื่องราว สุดท้ายจึงได้ทราบจากทหารผ่านศึกที่กลับบ้านเพื่อพักฟื้นทราบว่าการสร้างลูกธนูชนิดนี้ ครั้งหนึ่งในช่วงที่เขาคอยรับใช้จักรพรรดิองค์ก่อนพิชิตแคว้นตะวันตก เคยเห็นผ่านทหารม้าทางตะวันตกมาก่อน”

เย่เฟยหลีเงยหน้าขึ้น “จากนั้นเล่า?”

เหลียงหยวนถึงกับต้องกลืนน้ำลายอย่างอึดอัด แล้วจึงค่อยกล่าวต่อ “นายหญิง ทหารชราผู้นั้นบอกไว้ว่า วิชาการใช้ธนูที่ไปมาไร้ร่องรอยชนิดนี้ กลับไม่ได้ปรากฏในสงครามมานานหลายปีแล้ว แม้แต่ในยุทธภพก็หลงเหลือแต่เพียงข่าวลือ ดังนั้นร่องรอยทั้งหมดจึงหยุดแต่เพียงเท่านี้ เกี่ยวกับคนผู้นี้ คาดว่าพระสนมซ่างกวานเองก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ เกรงว่าสิ่งที่ยับยั้งท่านในวันนั้น จะมีก็แต่เพียงความบังเอิญแล้วเท่านั้น”

“สมควรที่จะเป็นเรื่องบังเอิญ กระนั้นการที่สามารถชักนำผู้ใช้วิชาธนูเช่นนี้จาก
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 27

    “พี่สามช่างปราดเปรื่องนัก!” เย่ฉงเฉิงคล้ายกับมีสติแจ่มชัดขึ้นทันตา ทั้งยังมองไปโดยรอบก็เห็นแต่เพียงเหลียงหยวนคนเดียวที่คอยรับใช้ทั้งซ้ายขวา จึงได้ลดเสียงลงเอ่ยถามขึ้นทันที “ในจวนท่านพี่ มีสาวงามปานนางฟ้าด้วยตั้งแต่เมื่อใดกัน?”เย่เฟยหลีตอบไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “เจ้าพูดถึงซ่างกวานเยียนงั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าเจ้าเคยพบนางมาก่อนแล้วงั้นหรือ มีอันใด”“ไม่ใช่ซ่างกวานเยียน!” เย่ฉงเฉิงถึงกับหุบยิ้ม ทั้งยกมือแสดงตัวอย่างและกล่าวอธิบายไปพลางต่อ “น่าจะสูงประมาณนี้ ค่อนข้างผอม สวมชุดกระโปรงสีขาว”เย่เฟยหลีเลิกคิ้วขึ้น หันไปมองเหลียงหยวน เหลียงหยวนขบคิดอย่างละเอียดอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหน้าเย่ฉงเฉิงนิ่งเงียบ และตบเข่าดังฉาดทันที “เช่นนั้นก็ต้องเป็นสาวรับใช้แล้วแน่นอน! แต่สาวใช้จวนพวกท่าน...มิใช่ว่าล้วนแต่มีเพียงหยิบมือมิใช่หรือ? ข้างกายท่านไม่มีแม้กระทั่งสาวรับใช้ เช่นนั้นก็ต้องเป็นพระชายา และแม่นางซ่างกวานทางนั้นแล้ว? แต่จะเป็นเยี่ยงนั้นก็ไม่ถูกสิ หากว่าสาวใช้ผู้หนึ่งโดดเด่นถึงเพียงนี้แล้วล่ะก็ มีหรือที่พวกเจ้าจะไม่สังเกตเห็นได้?”เย่ฉงเฉิงกล่าวไปกล่าวมา ก็พาแม้กระทั่งตัวเองสับสนตา

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 28

    เย่เฟยหลีกลับเป็นฝ่ายละสายตาไปแทน ทิ้งไว้เพียงคำพูดประโยคเดียว “สำรวมวาจาการกระทำด้วย”ฉู่เนี่ยนซีนิ่งเงียบถึงแม้จะเป็นงานเฉลิมฉลองของฮองเฮา แต่งานเฉลิมฉลองในวังวันนี้กลับไม่ได้อยู่ในความดูแลของฝ่ายสตรี แต่ยังมีบุคคลเลื่องชื่อทรงอำนาจที่ต่างก็เข้าร่วมด้วย จึงค่อนข้างที่จะมีพิธีรีตองบวกกับที่องค์ชายเย่เฟยหลีผู้นี้ตามปกติที่ไม่ได้เป็นที่โปรดปราน ทุกการกระทำล้วนสุขุมไม่ถือตัว จนฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะมองอีกหลายครา หลังจากที่รถม้าได้ผ่านเข้าประตูพระราชวัง ก็เริ่มตกเป็นที่สังเกตจากโดยรอบหลังเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวงและกราบไหว้ทั้งหมด ราชนิกุลต่างก็แยกย้ายไปยังที่นั่งของตนฉู่เนี่ยนซีได้นั่งอยู่ทางด้านหลังเย่เฟยหลีตามลำดับ และมีสาวใช้คอยรินสุราตามโต๊ะ ระหว่างนั้นก็จะได้ยินเสียงซุบซิบดังบ้างบางครั้งบางคราวเมื่อนึกถึงประโยคที่เย่เฟยหลีกล่าวไว้ว่า “สำรวมวาจาการกระทำด้วย” ฉู่เนี่ยนซีก็เหมือนกับมีค้อนทุบเข้ามาที่หัวใจตัวเองถึงอย่างไรที่แห่งนี้ก็มิใช่จวนอ๋องหลี ตอนนี้เขาที่เป็นเพียงอ๋องหลี และนางก็คือพระชายาชายเสื้อของนางรำระบำได้งดงามลื่นไหลดุจวารี จนกลายเป็นที่ดึงดูดสายตาไปโดยปริยาย พร

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 29

    เสียงของเจี๋ยงจาวอวิ๋นกลับไม่นับว่าดังอะไรมากมาย แต่ก็พอดีที่จะทำให้องค์ชายและเหล่าราชนิกุลได้ยินกันอย่างชัดเจนแต่สำหรับเย่เฟยหลีที่เป็นองค์ชาย ที่ไม่ได้มีความสำคัญ รวมไปจนถึงฉู่เนี่ยนซีที่ดูแล้ว “กำเริบเสิบสาน” และ “ไร้ยางอาย” คนอื่น ๆ ที่เหลือต่างก็คอยจะหัวเราะเยาะกัน กลับไม่มีใครใดเดินหน้าเพื่อพูดแก้ต่างแทนทั้งสองฉู่เนี่ยนซียังคงถือจอกสุราไว้ “จะว่าไปก็นับว่าถูกต้อง เจ้านับว่างดงามยิ่ง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าโง่งม ดั่งถอดสมองทิ้งไว้ในพระราชวังต้องห้าม ไม่อาจเห็นเดือนเห็นตะวันได้อีก ข้านับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว” “เจ้าว่าอะไรนะ?” รอยยิ้มบนใบหน้าของเจี๋ยงจาวอวิ๋นถึงกับต้องสลายหายไปทันที ทั้งยังถลึงตาใส่ จนใบหูแดงซ่านและสั่นระริกควรทราบว่าต่อให้พลิกแผ่นดิน ก็มีสตรีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะกล้ากล่าววาจาเยี่ยงนี้กับเจี๋ยงจาวอวิ๋นแต่กระนั้น ชั่วพริบตานั้นนางก็คล้ายกับนึกอะไรขึ้นได้ ทันใดนั้นก็พลันปั้นรอยยิ้มจอมปลอมขึ้นแทน อีกทั้งยังใช้น้ำเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนโดยที่กล่าวไปว่า “วาจานี้ของน้องหญิงนับว่ากล่าวหนักไปแล้ว สตรีอ้วนที่ไม่คิดจะขยับเขยื้อนอย่างเจ้า ต่อให้เจ้าจะมีฝีปากที่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 30

    เจี๋ยงจาวอวิ๋นถูกแรงกดดัน และน้ำเสียงของนางทำเอาแตกตื่นยิ่งกว่าเดิม กระทั่งดวงตาก็อดไม่ได้ที่จะมีหยาดน้ำตาขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัวเมื่อเห็นเย่เหลียนเดินมา ทันใดนั้นก็เหมือนกับเห็นที่พึ่งสุดท้าย “ท่านอ๋อง ข้ายังไม่ได้ตบนาง้ลยนะเพคะ! ไม่สิ...ข้าหมายความว่า ข้าไม่ได้ตบโดนนางจริง ๆ!”เย่เหลียนที่เป็นคนเย็นชาเสมอต้นเสมอปลาย แต่ก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนอย่างเย่เฟยหลี ภายในตัวของเขามีความเคร่งขรึมมากกว่า แต่กลับให้ความรู้สึกกดันที่น้อยกว่าเย่เฟยหลีเมื่อพบว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังกอบกุมใบหน้า และยืนข้างเย่เฟยหลิงอย่างว่านอนสอนง่าย นางไม่เพียงแต่จะไม่พูดแก้ต่างอะไร แต่กลับยังหันไปยิ้มให้เย่เฟยหลีอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว“น้องสามก็ช่างหาโอกาสที่จะออกหน้าต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทเสียจริง แม้แต่สตรีที่ตบแต่งด้วยก็ยังเป็นที่สะดุดตาถึงเพียงนี้”ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้วชนกันเล็กน้อยจากท่าทีของอ๋องเหลียน เขาทำราวกับใจกว้าง และไม่คิดจะมีข้อพิพาทด้วย แต่กลับชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่เอาชนะทุกสิ่งเมื่อนึกถึงเย่เหลียนผู้นี้ที่ตั้งแต่เล็กจนโตก็เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท ย่อมไม่มีทางที่จะเป็นเพียงปลาในบ่ออย่างแน่นอน ฉู่เนี่ยนซีลอบ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 31

    ฉู่เนี่ยนซีจ้องมองกริยาท่าทางของทั้งสอง แม้ว่านางจะไม่มีทักษะด้านการต่อสู้เหมือนเย่เฟยหลี แต่ประสาทสัมผัสด้านการได้ยินของนางนับว่ายอดเยี่ยมมาก ยิ่งตั้งแต่ที่นางได้ทำการรักษาพี่ใหญ่และเย่เฟยหลีอย่างต่อเนื่อง ประสาทสัมผัสของนางก็เหนือกว่าคนทั่วไปแล้ว ดังนั้นนางจึงได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองชัดเจน คำพูดประโยคนั้นทำให้นางตกใจเล็กน้อย หรือเขารู้แล้วว่าคนที่ลอบสังหารเขาคือเย่เหลียน หรือไม่เป็นเพียงการลองใจเท่านั้น แต่ด้วยความเป็นปรปักษ์และความเกลียดชังที่ท่านอ๋องเหลียนผู้นี้มีต่อเย่เฟยหลี เกรงว่าเรื่องนี้จะเป็นฝีมือเขาจริงๆเย่เหลียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มกว้างขึ้น “น้องสามพูดเรื่องอะไร? ข้าไม่เข้าใจ”เย่เฟยหลีเห็นเขาทำเป็นไม่ได้ยิน ก็ไม่ได้โกรธ เพียงแต่ถอยหลังไปสองก้าว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบว่า “ข้ากำลังพูดเรื่องอะไร พี่รองรู้ดีแก่ใจก็พอแล้ว”เย่เหลียนยักไหล่แล้วยกจะออกสุราขึ้นเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าน้องสามไม่เต็มใจจะให้เกียรติข้าฐานะพี่ชายใช่หรือไม่?” ความแข็งกร้าวดังกล่าว ทำเอาคนรอบข้างถึงกับอ้าปากค้าง ผู้คนที่ไม่ชอบเย่เฟยหลีอยู่แล้วต่างพากันเฝ้ามองสถานการณ์ และหวังว

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 32

    ทันใดนั้นเอง ขันทีหนุ่มคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้า ทำความเคารพแขกเหรื่อ แล้วเอ่ยว่า “ยินดียิ่งที่ได้พบทุกท่าน องค์จักรพรรดิและฉู่กุ้ยเฟยเรียกพระชายาหลีไปสอบถามขอรับ”ฉู่เนี่ยนซีสะดุ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าก็ผ่อนคลายลงทันที “รบกวนใต้เท้าเป็นธุระแล้ว”ในที่สุดเหตุบันเทิงนี้ก็จบลงด้วยการที่ฉู่เนี่ยนซีถูกเรียกตัวไปเมื่อทุกคนเห็นว่าไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นใด ๆ ก็หันกลับไปดื่มอวยพรต่อบนเวทีสูง มีจักรพรรดิและฮ่องเฮานั่งอยู่บนบัลลังก์ ส่วนฉู่กุ้ยเฟยนั่งอยู่ในตําแหน่งด้านล่างฉู่เนี่ยนซีเดินขึ้นบันไดตามขันทีไป รู้สึกว่าทุกย่างก้าวมีแต่จะหายใจหายคอได้ลำบากขึ้นนางก้มศีรษะลงเดินช้า ๆ ไปที่เวทีสูง และคุกเข่าลงเพื่อทําความเคารพแม้ว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอายุสามสิบแล้ว แต่ก็ได้รับการบำรุงร่างกายอย่างดี รอยยิ้มบนใบหน้าของนางสดใสขึ้นเมื่อเห็นฉู่เนี่ยนซีปรากฏตัวจักรพรรดิอยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย ฉู่เนี่ยนซีจึงไม่กล้ามอง ได้แต่คำนับอย่างเรียบร้อยและรอให้อีกฝ่ายเอ่ยถามเมื่อจักรพรรดิเย่จงเป็นจักรพรรดิผู้เปี่ยมความสามารถ แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นคนมีคุณธรรมหรือความสามารถเพียงใด ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากคลื่นใต้น้ำที่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 33

    “หม่อมฉันไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนพูดอะไรกันเพคะ หม่อมฉันดื่มสุรากับพระชายาเหลียนอยู่ตลอดเพคะ” ฮองเฮาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะเบา ๆ ฉู่กุ้ยเฟยเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยทันที นางพูดพลางยิ้ม “เหตุใดฮองเฮาถึงไม่ไปถามเหลียนเอ๋อร์โดยตรงเลยล่ะเพคะ เนี่ยนซีกับจาวอวิ๋นต่างก็เป็นเด็กดี พวกนางจะเข้าไปแทรกแซงในกงการของเหล่าองค์ชายได้เช่นไร?” ฮองเฮายังคงสงบ รอยยิ้มที่แสดงถึงอำนาจอย่างไม่ห่างหายไป “กุ้ยเฟยพูดถูก แต่กงการของเย่เหลียนและเย่เฟยหลีนั้นต่างกัน เกรงว่าคงไม่มีอะไรปรึกษาพูดคุยกันได้”ฉู่กุ้ยเฟยไม่สนใจนางอีกต่อไป และเหลือบมององค์จักรพรรดิ เมื่อนางเห็นเขาพยักหน้าให้ เธอก็ยื่นมือไปทางฉู่เนี่ยนซี พูดพรางอมยิ้ม “เร็วเข้า มาให้ข้างเจ้าถนัดๆ หน่อย เร็ว”ฉู่เนี่ยนซีหวนนึกถึงความทรงจําในใจ ความรักที่ท่านป้าคู่นี้มีต่อตัวนาง เกือบจะเรียกได้ว่าไข่ในหินเลยก็ว่าได้ ท่านป้าของนางผู้นี้ตามใจไม่มีขัด คนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าฉู่กุ้ยเฟยเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของนางฉู่เนี่ยนซีไม่ได้คิดอะไรมาก เดินไปอย่างเชื่อฟัง ยอมให้กุ้ยเฟยลากนางไปคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ชายาคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ต่างก็นั่งอยู่ข้างจักรพ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 34

    มือข้างนั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกแสงจันทร์สาดส่องหรือไม่ แม้ว่าจะเป็นมือที่จับคันธนูและใช้ยิงธนู แต่มันก็เรียวได้รูป แม้แต่ข้อต่อระหว่างนิ้วก็ยังงดงามมากฉู่เนี่ยนซีชื่นชมอย่างใจกว้างอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็จับมือคนบนหลังม้า แล้วพลิกขึ้นตัวม้าไปนั่งข้างหลังเขาอีกทีเย่เฟยหลีหันข้าง ก่อนพูดเบา ๆ ราวกับจงใจให้นางได้ยิน “เจ้าไม่ต้องคิดมาก หน้าเจ้าก็คือหน้าข้า หากพรุ่งนี้มีข่าวเลยออกไปว่าพระชายาหลีและสาวใช้ของนางใช้เวลาทั้งคืนเดินกลับจวน เจ้าจะให้ข้าเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”ทันทีที่พูดจบ เขาก็เริ่มควบม้าไปบนถนนที่ไร้ผู้คนเดิมทีฉู่เนี่ยนซีไม่ได้อยากจะกอดเอวเย่เฟยหลี แต่ถูกกระแทกอย่างกะทันหันนั้นโดยไม่ทันได้คาดคิด ทำให้นางได้แต่ต้องกัดฟันออกแขนเข้าที่รอบเอวของเขาสายลมเย็นย่ำในยามค่ำคืนพัดผ่านหู ให้ความรู้สึกดีเป็นที่สุดฉู่เนี่ยนซีสูบลมหายใจเข้าเต็มปอด แม้ว่านางจะขี่ม้าไม่เป็น แต่นางก็ก็คิดว่านางอาจจะตกหลุมรักความรู้สึกของการขี่ม้าและควบม้าได้ในอนาคตสิ่งที่นางไม่ได้เห็นก็คือ ทันทีที่นางโอบแขนรอบเอวเขา เย่เฟยหลีนึกอยากจะปัดป้องมือของนางออก แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด เมื่อมือของนางหยุดเคลื่อนไหว

Latest chapter

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 544

    “ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้นางอยู่ด้วยกันต่อไปเถอะ ช่วงนี้เราเข้ากันได้ดี นางอ่อนโยน มีน้ำใจและใฝ่เรียนใฝ่รู้ ข้าชอบนางมาก ดีที่มีนางอยู่ที่จวนแห่งนี้ ข้าจึงคลายความเบื่อลงไปได้บ้าง”สิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดนั้นเป็นความจริง ตอนแรกนางสงสัยในเจตนาของซุนจื่อซีที่ช่วยนางจากการตกน้ำ แต่ตอนที่นางตกจากรถม้า ซุนจื่อซีกลับไม่ห่วงตนเองและเอาตัวมารองรับนางไว้ ช่างเป็นสตรีที่จิตใจงามอย่างแท้จริงทันใดนั้น ท้องฟ้าก็สว่างไสวไปด้วยดอกไม้ไฟ ส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับแสงสว่างของรุ่งอรุณส่องขึ้นมาจากความมืดมิดประกายแสงนั้นส่องสว่างราวกับหมู่ดาวที่โอบล้อมภูเขาและแม่น้ำอันกว้างใหญ่ที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก รวมไปถึงป่าอันงดงามและที่ราบอันไร้ขอบเขต ทำให้ความขุ่นข้องในใจของคนสองคนจางลง และคนทั้งคู่ก็ยังได้มองดูความยิ่งใหญ่ที่พร่างพราวนี้ไปด้วยกันณ พระตำหนักเจาฮุย ซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอย่างงดงามดุจนางสวรรค์ หลังจากการแสดงสิ้นสุดลง ผู้คนในโถงยังคงตกอยู่ในภวังค์องค์จักรพรรดิทรงปรบมือใหญ่แล้วหันไปหาไทเฮาพร้อมรอยยิ้ม “ทักษะการร่ายรำของจื่อซีดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนอย่างหนักและลำบากไม่น้อย เป็นเสด็จแม่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 543

    ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ จนแทบมองเห็นแสงสว่าง เช่นนี้เขาเห็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่สุดที่ว่านั่นจากที่ใดกัน?“ท่านอ๋องชื่นชมดวงจันทร์ได้อย่างไรหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีมองดูแสงสีเหลืองจาง ๆ ที่ขอบฟ้านั้น อย่างกับมันถูกขัดถูจนไร้ซึ่งความแวววาวเย่เฟยหลีทัดผมฉู่เนี่ยนซีไว้ข้างหลังใบหูของนาง พลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เพราะดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่ว่านี้ไม่ใช่ดวงจันทร์ดวงนั้น”ฉู่เนี่ยนซีหันมาสบตาที่เป็นประกายของเย่เฟยหลี มือที่ค้างเติ่งในตอนแรกเลื่อนมาตรงแก้มของนาง เย่เฟยหลีรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือ เขาคลี่ยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังเขินอาย“ข้าได้ยินจากน้องเจ็ดว่าเจ้าคิดว่าซุนจื่อซีกับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากหรือ?”เย่เฟยหลีดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน หางตาของเขาเห็นท่าทางหงุดหงิดของฉู่เนี่ยนซีพลางคิดว่าช่างน่าสนุกฉู่เนี่ยนซีแอบด่าทอเย่ฉงเฉิงในใจว่าเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ นางพูดความในใจออกไปเพียงนิดเดียวเขาก็นำไปบอกเจ้าตัวในพริบตาเสียอย่างนั้น“ก็คิดบ้าง เป็นบางครั้ง”ฉู่เนี่ยนซีกะพริบตาและพยายามอย่างมากเพื่อรักษาท่าทางสงบนิ่งอย่างเคย นางไม่สามารถปฏิเส

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 542

    เย่เฟยหลีเหลือบมองอีกฝ่าย “เจ้าว่าเจ้ารู้จักข้าดีที่สุดไม่ใช่หรือ?”“แต่พี่สะใภ้สามไม่รู้จักท่านดีเท่าข้า หากมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ควรรีบแก้ไขเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยท่านไม่ได้”เมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากพระตำหนักเจาฮุย เขาก็รู้ได้ทันทีว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว เย่เฟยหลีจึงให้เย่ฉงเฉิง เรียกฉู่เนี่ยนซีมาที่นี่เพราะเขามีเรื่องจะพูดกับนางเย่ฉงเฉิงรับคำสั่งแล้วจากไป ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องจัดงาน เขาก็เห็นซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอยู่อย่างอ่อนช้อย นางอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงราวกับดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเขาหันไปด้านข้างและกระซิบกับฉู่เนี่ยนซี “พี่สะใภ้สาม พี่สามกำลังรอท่านอยู่ไม่ไกลจากทางเหนือของ พระตำหนักเจาฮุย ท่านรีบไปเถิด”ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่ฉงเฉิงอย่างสงสัยและบอกให้เสี่ยวเถารออยู่ที่นี่ หากใครถามหาก็บอกว่านางออกไปเดินรับลมข้างนอกให้สร่างเมาในห้องจัดงาน ซุนจื่อซีออกท่วงท่าราวกับต้นหลิวที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างเพลินใจ ชายแขนเสื้อในมือของนางกระพือเบา ๆ แขนเรียวยาวใต้เสื้อคดเคี้ยวราวกับดอกบ๊วยแดงที่ล่องลอยในอากาศแต่ไม่ว่านางจะพย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status