แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: ชาผลไม้
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2023-11-07 12:03:51
“เหตุใดน้องหญิงถึงได้ซุ่มซ่ามถึงเพียงนี้ แค่น้ำชายังยกดี ๆ มิได้”

ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน ซ่างกวานเยียนไม่ได้ยินเสียงถ้วยชาที่ตกลงสู่พื้น อารมณ์ที่หมักหมมไว้รู้สึกแตกร้าว และนางก็มองไปที่ฉู่เนี่ยนซีด้วยความประหลาดใจ

เห็นเพียงมือของฉู่เนี่ยนซีที่รับถ้วยชาที่กำลังหล่นไว้ได้อย่างมั่นคง และดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและเหน็บแนม

ซ่างกวานเยียนสะดุ้ง

ผู้หญิงคนนี้สั่งให้นางคุกเข่าและยกน้ำชาให้ นางจะยอมรับสิ่งนี้ได้อย่างไร?

เดิมทีนางต้องการทำให้คนอื่นคิดว่าฉู่เนี่ยนซีริษยา จึงปัดถ้วยชาตกและผลักนางออก

แต่สิ่งที่นางคิดไม่ถึงคือ ฉู่เนี่ยนซีกลับรับถ้วยชาไว้ได้!

“น้องหญิงมีชื่อเสียงในด้านพรสวรรค์มาโดยตลอด วันนี้กลับพูดผิดกาลเทศะ แถมยังทำผิดพลาดเช่นนี้อีก คนที่ไม่รู้จักน้องหญิงดีคงจะคิดว่าน้องมีปัญหากับข้าเอาได้ ถึงได้จงใจทำเช่นนี้ ครั้งต่อไปจงระวังให้มากขึ้น”

ขณะที่พูดฉู่เนี่ยนซีก็ยืนขึ้น และยื่นมือออกไปให้ซ่างกวานเยียนที่นั่งอยู่บนพื้น "รีบลุกขึ้นมาเถิด บนพื้นมันเย็น"

แม้ว่าซ่างกวานเยียนจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่ตอนนี้มีคนมากมายอยู่รอบตัว ดังนั้นจึงทำได้เพียงกลืนอารมณ์ของนางลงไป ก่อนจะแสร้งยิ้มออกมาแล้วยื่นมือออกไป "ขอบคุณสำหรับคำสอนของพี่หญิงเจ้าค่ะ"

ฉู่เนี่ยนซีดึงซ่างกวานเยียนขึ้นมาอย่างมั่นคง และในเวลาเดียวกันก็มีเข็มเงินปรากฏขึ้นในมือ

ตอนที่ซ่างกวานเยียนกำลังจะถอนมือออก มุมปากของฉู่เนี่ยนซีที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมก็ยกขึ้น จากนั้นก็แทงเข็มลงไปบนจุดฝังเข็มบนมือของนางอย่างแม่นยำ

เหอะ ในเมื่อคิดจะรังแกนาง เช่นนั้นนางก็จะทำให้ประจำเดือนของนางมาก่อนกำหนดเสียเลย

ซ่างกวานเยียนรู้สึกเจ็บที่มือ นางหายใจเข้าลึก ก่อนจะสะบัดมือออกอย่างแรง

หลังจากที่ฉู่เนี่ยนซีลงมือเรียบร้อยแล้ว นางก็อุทานขึ้นมา และเดินโซเซถอยหลังไปสองก้าวก่อนจะล้มลงบนเก้าอี้ด้านหลัง

“น้องหญิง นี่เจ้าทำอะไรน่ะ?” ฉู่เนี่ยนซีแสร้งทำเป็นประหลาดใจ โดยมีน้ำตาไหลออกมาดูเจ็บปวด พลางยกมือขึ้นกุมหัวใจ

"ข้าเข้าใจแล้ว เป็นเพราะข้าคิดไปเองว่าเจ้าเรียกข้าว่าพี่หญงด้วยความจริงใจ จึงได้หวังดีจะช่วยดึงเจ้าขึ้นมา แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะไม่พอใจข้าเช่นนี้…”

“ไม่นะ กระหม่อมไม่ได้ผลักนาง” ซ่างกวานเยียนตื่นตระหนกเล็กน้อย และรีบมองไปที่เย่เฟยหลีเพื่ออธิบาย

“ลือกันว่าคุณหนูซ่างกวานเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ และเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมือง นางมีชื่อเสียงที่ดีมาโดยตลอด ไม่นึกเลยว่านางจะมีนิสัยเช่นนี้!”

“ใครบอกว่าไม่ใช่กันล่ะ เมื่อครู่ข้าเห็นนางผลักพระชายาหลีออกไปจริง ๆ!”

“ใช่ ใช่ ข้าก็เห็นเช่นกัน ทุกคนต่างพูดว่าพระชายาหลีไร้ยางอายและขี้อิจฉา แต่เท่าที่เห็นในวันนี้ ข้าว่าไม่ใช่เช่นนั้นเลย! กลับกลายเป็นซ่างกวานเยียนคนนี้ต่างหาก... เห้อ... มันยากที่จะอธิบายจริง ๆ"

ทุกคนต่างพูดคุยกัน และพวกเขาไม่สามารถปกปิดสายตาดูถูกเยาะเย้ยซ่างกวานเยียนได้

เย่เฟยหลีเหลือบมองผู้คนที่กำลังพูดคุยกันอย่างไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความเย็นชาจนคนเหล่านั้นรู้สึกหวาดกลัวและเงียบลงทันที

ซ่างกวานเยียนตื่นตระหนกมากขึ้น หลังจากได้ยินคำพูดของผู้คน นางน้ำตาคลอเบ้า ช่างดูน่าสงสาร

“ท่านพี่หลี หม่อมฉันไม่ได้ผลักพี่หญิงนะเพคะ ท่านต้องเชื่อหม่อมฉันนะ”

ร่องรอยของความสงสัยแวบขึ้นมาในดวงตาของเย่เฟยหลี เขาเห็นการกระทำของซ่างกวานเยียน แต่ภาพลักษณ์ความอ่อนโยนและความเมตตาของเธอนั้นแน่นหนาเกินไป และถ้าตอนนั้นนางไม่ได้เอาตัวเข้ามาบังดาบเล่มนั้นให้เขา บางทีตอนนี้เขาอาจจะตายไปแล้ว

“เอาล่ะ ข้าเชื่อเจ้า”

ฉู่เนี่ยนซีมองไปที่คนสองคนที่มองหน้ากันด้วยความรัก พลางส่ายหัวและเยาะเย้ยในใจ

ชายผู้นี้เลือกฝั่งโดยไม่ขบคิดอะไรเลย เขาตกอยู่ในกำมือของสตรีที่ภายนอกดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ภายในคิดไม่ซื่อเข้าอย่างจัง

แม้ว่าสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดจะเป็นเรื่องจริง แต่แล้วอย่างไร นางก็ใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งทำร้ายผู้อื่นอยู่ดี!

แสดงละครอย่างนั้นหรือ? ใครบ้างที่ทำไม่เป็น!

“ถ้าการที่ข้าอยู่ที่นี่แล้วทำให้น้องหญงไม่มีความสุข เช่นนั้นข้าจะกลับไปก็ได้! จะได้ไม่ขวางหูขวางตาผู้อื่นด้วย!”

ฉู่เนี่ยนซีสะอึกสะอื้น แสร้งยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง ก่อนจะยืนขึ้นและวิ่งออกจากห้องโถงด้วยท่าทางเจ็บปวดรวดร้าว

จนกระทั่งวิ่งไปถึงสถานที่ที่ปลอดผู้คน นางก็กลับมานิ่งสงบเช่นเดิม

ฝูงชนในห้องโถงที่เห็นการจากไปของฉู่เนี่ยนซีต่างตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อนาง และตำหนิต่อซ่างกวนหยานผ่านทางสายตา

แต่เนื่องจากแรงกดดันของเย่เฟยหลี ทุกคนจึงกล้าแสดงอารมณ์ด้วยสายตาเท่านั้น

เนื่องจากเหตุการณ์นี้ งานเลี้ยงแต่งงานจึงถูกจัดขึ้นอย่างเร่งรีบ

แน่นอนว่าทั้งหมดไปตามความคาดหมายของฉู่เนี่ยนซี แต่นางไม่สนใจพวกเขา ตอนนี้การรักษาใบหน้าของนางต่างหากที่สำคัญ

ดังนั้นนางจึงรีบกลับมาห้องนอนของตัวเอง

“พระชายา ทำไมท่านกลับมาเร็วเช่นนี้ล่ะเพคะ?”

เสี่ยวเถาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเมื่อเห็นดวงตาสีแดงของนาง

“ไม่เป็นไร ช่วยข้าจัดเครื่องประดับหน่อย ข้าจะออกไปข้างนอกสักครู่”

ฉู่เนี่ยนซีส่ายหัว และสั่งการเสี่ยวเถา

ใบหน้าของนางยังต้องได้รับการรักษา และต้องมียาที่จำเป็น ดึงนั้นนางจึงจะใช้โอกาสงานแต่งตั้งพระชายารองนี้ออกไปซื้อของเหล่านี้

วัตถุดิบยาล้ำค่ามีเพียงไม่กี่อย่าง ไม่รู้ว่าจะมีขายตามร้านขายยาหรือไม่ ลองไปเดินดูก่อนก็แล้วกัน

เสี่ยวเถารีบช่วยจัดของพลางพูดขึ้นว่า "ตั้งแต่พระชายาแต่งงาน พระองค์ก็ยังไม่ได้กลับไปที่จวนมหาเสนาบดีอีกเลย ตอนนี้ท่านเสนาบดีไม่สบาย พระชายาก็ควรจะกลับไปเยี่ยมท่านสักสองสามวันจริง ๆ นะเพคะ"

“อะไรนะ?” ฉู่เนี่ยนซีเลิกคิ้วแล้วถามขึ้นด้วยความสับสน

“ครู่นี้ จวนมหาเสนาบดีส่งคนมาบอกข่าวว่าท่านมหาเสนาบดีไม่สบาย และขอให้ท่านกลับไปเยี่ยมเพคะ” เสี่ยวเถาดูสับสน “พระชายาไม่รู้หรือเพคะ? แล้วนี่ท่าน …”

ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้ว ในความทรงจำ นางไม่เคยกลับไปบ้านอีกเลยตั้งแต่แต่งงาน

ในฐานะเด็กกำพร้าในชาติที่แล้ว นางไม่ต้องกังวลใด ๆ แต่ในชีวิตนี้เมื่อนางได้ครอบครองร่างกายของคนอื่นไปแล้ว นางจึงต้องปกป้องทุกอย่างเพื่อตัวนาง

“อีกสักพักข้าจะกลับไปเอง ถ้ามีคนมาถาม ก็บอกแค่ว่าข้าร้องไห้กลับจวนมหาเสนาบดีไปแล้ว”

พูดจบ นางก็หยิบของแล้วเดินออกจากจวนไป

ไม่ช้าฉู่เนี่ยนซีก็มาถึงหน้าประตูจวนมหาเสนาบดี นางกระโดดลงจากรถม้า และขวางเด็กชายที่กำลังจะเข้าไปส่งข่าวไว้ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปด้านใน

ขณะที่ก้าวเข้ามาในห้องโถงด้านข้าง ก็มีเสียงพูดคุยกันเบา ๆ ดังมาจากด้านหลังฉากกั้น

“ถึงแม้ที่นี่จะเป็นจวนมหาเสนาบดี ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน แต่ตอนนี้สามีเจ้าพิการแล้ว และเขาก็ไม่สามารถดำรงตำแหน่งเสนาบดีในอนาคตได้ เมื่อถึงตอนนั้น ลูกชายคนรองได้กลายเป็นหัวหน้าครอบครัวขึ้นมา เจ้าจะยังมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร? ในเมื่อเจ้ายังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ และยังไม่มีทายาทก็รีบหย่าซะ! เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าอาจจะยังสามารถแต่งเขาตระกูลที่ร่ำรวยได้ แถมยังสามารถช่วยพ่อและพี่น้องของเจ้าได้อีกด้วย อย่ามัวเสียเวลาอยู่กับคนพิการนี่อยู่เลย เจ้าต้องรอให้แก่ตัวก่อนหรือ ถึงจะรู้สึกเสียใจ!”

ฉู่เนี่ยนซีเลิกคิ้ว ชะลอความเร็วลงทันที พลางกลั้นหายใจ

อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่อยู่ด้านในก็ระมัดระวังมาก และทุกอย่างก็เงียบลงทันที

หญิงสูงอายุเอี้ยวตัวออกมา เมื่อเห็นว่าเป็นฉู่เนี่ยนซี ท่าทางของนางก็เปลี่ยนจากความระมัดระวังเป็นการดูถูกทันที

ผู้หญิงคนนี้คือหลิวซื่อ มารดาของจ้าวม่อเหยียน ที่เป็นภรรยาของลูกชายคนโตของจวนมหาเสนาบดี จ้าวเต๋อเฉวียน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับห้าในราชวงศ์

ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองนางแล้วถอนหายใจ น่าเสียดายใบหน้าที่สวยงามของนางถูกทำลายด้วยความโกรธที่ครอบงำระหว่างคิ้ว

ฉู่เนี่ยนซียิ้มเล็กน้อย และทักทายขึ้นทันที

นี่คือจวนมหาเสนาบดี และบุคคลนี้เป็นมารดาของพี่สะใภ้คนโตของนาง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะแสดงความเคารพ

“ในเมื่อป้าสะใภ้มาแล้ว เหตุใดจึงไม่ให้คนไปแจ้งกับท่านแม่ล่ะเจ้าคะ? หรือว่าคนใช้ละเลยหน้าที่หรือไม่?”

เนื่องจากความจริงถูกเปิดเผยแล้ว หลิวซื่อจึงไม่สนใจที่จะอธิบายเพิ่มเติม นางกลับทักทายอย่างเกียจคร้าน และระงับการดูถูกฉู่เนี่ยนซีที่อยู่ลึกลงไปภายใน "มันไม่ใช่ความประมาทเลินเล่อ เพียงว่าข้าไม่ได้เจอลูกสาวของข้ามานานแล้ว ข้าแค่อยากจะพูดคุยเรื่องส่วนตัวบ้างกับนาง" นางฝืนพูดออกมา

หลิวซื่อมองดูฉู่เนี่ยนซีอย่างเหยียดหยาม จากนั้นจับมือของจ้าวม่อเหยียน และตบมันโดยแสร้งทำเป็นดูเป็นทุกข์ "ลูกสาวของข้า นางเทียบความโชคดีของคุณหนูไม่ได้ นางดูแลพี่ชายพิการของท่านทั้งวันทั้งคืน ละเลยความเป็นอยู่ของตนเอง สุขภาพก็ทรุดโทรม กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ผ่ายผอมลงทุกวัน เห็นลูกสาวที่น่าสงสารของข้าแบบนี้ ข้าในฐานะแม่ ก็ปวดใจแทนนาง"

“ท่านแม่!” จ้าวม่อเหยียนดึงมือหลิวซื่อพลางขมวดคิ้ว

แต่เมื่อเห็นท่าทีเตือนจากแม่ นางก็กลืนคำโต้แย้งกลับลงไปตามเดิม

เมื่อฟังน้ำเสียงที่ชั่วร้ายของหลิวซื่อ มุมปากของฉู่เนี่ยนซีก็ยกขึ้น ก่อนจะพูดคำที่ทำให้หลิวซื่อถึงกับเหงื่อตก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 6

    “ท่านป้าระวังคำพูดด้วย ถึงแม้ว่าจะอายุน้อยกว่า แต่ข้าก็แต่งงานแล้ว ที่จวนมหาเสนาบดีเอง ข้าก็เป็นถึงพระชายาขององค์ชายสามขององค์จักรพรรดิ ท่านเรียกข้าเช่นนั้น มันจะไม่ทำให้เกิดความสับสนหรอกหรือ?”“ยิ่งกว่านั้น พี่สะใภ้เองก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฉู่ของเราแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ปฏิบัติต่อนางเหมือนลูกสาวที่รัก บรรดาฮูหยินและขุนนางผู้สูงศักดิ์ในเมืองล้วนเห็นสิ่งนี้ คำพูดดังกล่าวเมื่อพูดภายในครอบครัวอาจจะไม่เป็นอะไร แต่ไม่ควรพูดไปข้างนอก คนที่รู้สถานการณ์จะเข้าใจว่าท่านแค่เอ็นดู แต่หากคนที่ไม่คิดเช่นนั้นเล่า อาจจะกำลังคิดว่าท่านไม่ชอบลูกเขยของตัวเอง สิ่งนี้อาจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของพี่สะใภ้ บ่งบอกว่าท่านกำลังมีใจเป็นอื่น”“นี่เจ้า...!” ดวงตาของหลิวซื่อเบิกกว้าง พลางชี้นิ้วไปที่ฉู่เนี่ยนซี ทว่าหญิงสาวกลับยังยืนอยู่ด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีเอ่ย หลิวซื่อก็ต้องกลืนความโกรธทั้งหมดลงไป“ตอนนี้คำพูดจาของพระชายาหลีนั้นเฉียบแหลมนัก ข้าน้อมรับคำแนะนำ นี่ก็นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้เจอแม่ของท่าน คงจะดีไม่น้อยถ้าได้ถามไถ่กันบ้าง”แม้จะไม่อยากเจอหน้าของฉู่เนี่ยนซีแล้ว แต่หลิวซื่อก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 7

    ได้ยินอย่างนั้น มหาเสนาบดีฉู่จึงได้หันมามอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ย ก็เห็นฉู่เนี่ยนซียืนชะงักอยู่อย่างนั้น ด้วยท่าทางที่เพิ่งผลักประตูเข้ามาด้วยความรีบเร่ง สีหน้าของนางดูแตกต่างออกไปจากปกติมหาเสนาบดีฉู่เองก็ตกตะลึงอยู่ไม่น้อยกระทั่งหนังสือในมือหล่นลงบนโต๊ะ ชายชราก็เริ่มรู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ เขารีบยกเสื้อคลุมขึ้นและลุกยืนด้านหลังโต๊ะ รีบก้าวเข้าไปจับมือฉู่เนี่ยนซีอย่างเร็ว“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกคนรับใช้ว่ามาถึงแล้ว? รีบเข้ามานั่งข้าง ๆ แล้วให้พ่อมองเจ้าชัด ๆ” น้ำเสียงของมหาเสนาบดีฉู่สั่นเครือเล็กน้อย ไม่อาจฝืนแสดงความน่าเกรงขามได้อีกต่อไป เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เป็นลูกสาวเขาจับมือฉู่เนี่ยนซีเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวดหัวใจฉู่เนี่ยนซีตามผู้เป็นพ่อไปด้วยแววตาที่ว่างเปล่ามึนงง ไม่รู้ตัวจนกระทั่งเขานั่งลง แล้วเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ “ท่านพ่อแกล้งป่วยเพื่อที่จะทำให้ลูกได้ออกมาจากวังของท่านอ๋องหลีใช่หรือไม่?”เป็นเวลาเดียวกันกับที่ฮูหยินเดินออกมาจากห้องด้านข้างด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นเลย แม่ได้ยินมาว่าท่านอ๋องหลีได้พาคุณหนูซ่างกวานคนนั้นมาเป็นนางสนม พ่อของเจ้าก็นอนไม่ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 8

    ทุกคนถึงกับตกตะลึง แต่เมื่อหันกลับมาก็เจอกับหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีเหลืองคนหนึ่ง ข้างกันเป็นชายชราผมขาวที่รีบเข้ามา ก่อนจะตามมาด้วยเด็กหนุ่มที่ห้ามพวกเขาไม่ให้เข้ามาในบริเวณไม่ทันการณ์เสียแล้ว ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำ และเต็มไปด้วยความวิตกกังวล“ท่านมหาเสนาบดี ท่านมหาเสนาบดี ข้าหยุดพวกเขาเอาไว้ไม่ได้...”เด็กหนุ่มที่เฝ้าประตูคุกเข่าลงกับพื้น ด้วยรู้ว่ามหาเสนาบดีฉู่เป็นคนที่เคร่งในกฎระเบียบมาก หากมาตะโกนในจวนมหาเสนาบดีแบบนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริง ๆมหาเสนาบดีฉู่ที่กังวลเรื่องขาของลูกชายได้แต่ขมวดคิ้ว ไม่ได้อยากจะต่อว่าคนรับใช้เหล่านั้น จึงโบกมือปล่อยให้เด็กหนุ่มจากไปหญิงสาวที่เข้ามานั้นเป็นลูกสาวของน้องชายมหาเสนาบดีฉู่ ชื่อว่าฉู่หว่านเอ๋อ แม่ของหญิงสาวเสียชีวิตไปตั้งแต่ที่นางยังเล็ก ส่วนน้องชายก็แต่งงานสืบสกุลต่อ ทำให้นางต้องมาใช้ชีวิตและเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของยายเมื่อโตขึ้น ยายของนางก็แก่ตัวลงมาก จึงส่งตัวนางมาอยู่กับลูกชายเสนาบดีในเมืองกัวเฉิง โดยหวังว่าฉู่หว่านเอ๋อจะหาสามีที่ดีได้ และอยู่ในฐานะบุตรสาวตระกูลผู้สูงศักดิ์ฉู่เนี่ยนซีมองผู้หญิงตรงหน้า แล้วก็สังเกตเห็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 9

    ฉู่เนี่ยนซียิ้มเยาะอีกครั้ง “ที่ข้าสามารถบอกได้ก็คือ เกรงว่าบุคคลผู้นี้จะอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงจวนมหาเสนาบดีอยู่ก่อนแล้วพักหนึ่ง”หว่านเอ๋อตกใจเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เมื่อกำลังจะอธิบาย นางก็ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของฉู่เนี่ยนซีอีกครั้ง “ไม่จำเป็นจะต้องรีบปฏิเสธหรอก ของแบบนี้ตรวจสอบเพียงเล็กน้อยก็รู้แล้ว แต่สิ่งที่ข้าสงสัยก็คือ เจ้าจะสามารถเตรียมการรักษาท่านพี่ของข้าได้อย่างไร ในเมื่อเพิ่งพาบุคคลนี้เข้ามาอย่างกะทันหัน เจ้าทำแบบนี้เพื่อท่านพี่จริง ๆ ใช่หรือไม่?”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา แม้แต่คนที่โง่เขลาก็น่าจะพอเข้าใจแม้แต่หมอเฮ่อหลานเองก็รับรู้ได้ถึงความละเอียดอ่อนของเรื่องนี้ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่สายตาที่มีต่อฉู่หว่านเอ๋อนั้นได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว“แม้ว่าหว่านเอ๋อร์จะมีปากเป็นพัน ก็คงอธิบายเรื่องความบังเอิญนี้ไม่ได้ แต่เป็นเรื่องจริงที่หม่อมฉันติดต่อท่านหมอเมื่อครึ่งเดือนก่อนหน้านี้”จู่ ๆ หว่านเอ๋อก็เงยหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “พระชายา มันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆเพคะ”ฉู่เนี่ยนซีถอนหายใจอย่างเย็นชา และไม่ได้พูดอะไรต่อ สิ่งเดียวที่ถูกพูดคือ สิ่งที่ทุก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 10

    เมื่อมาถึงจุดนี้ นางก็จงใจมองไปที่ฉู่หว่านเอ๋อ “ถ้าหากว่าข้าชนะ เจ้าจะต้องคุกเข่าลงคำนับข้าสามครั้งที่ลานหน้าจวนมหาเสนาบดี ส่วนท่านหมอก็จะต้องรับปากกับข้าอยู่สามเรื่อง กล้าหรือไม่เล่า?”ใบหน้าของฉู่หว่านเอ๋อเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “เหตุใดพระชายาจึงทำเช่นนี้?”“ช่างเถอะ มันไม่สำคัญอะไร หากพระชายาพูดอย่างนั้นข้าก็มิอาจไปขัดใจ แต่สนับสนุนความคิดของท่าน หากญาติผู้พี่ของข้ามีอาการดีขึ้นได้จริง มันก็เป็นการดีที่ครอบครัวเราจะได้มาเฉลิงฉลองร่วมกัน ท่านหมอ ได้โปรดปล่อยให้พระชายาลงมือด้วยตัวเองเถิด”เหลืออีกขั้นตอนสุดท้ายในการทำลายคนคนนี้แล้วหมอมหัศจรรย์ผู้นี้มีฝีมือดีที่สุดแล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงดูอีกฝ่ายทำให้ตัวเองต้องขายหน้าก็เท่านั้นฉู่เนี่ยนซีผู้ซึ่งมีใบหน้าน่าเกลียดและใจร้ายผู้นี้ จะได้รับการสนับสนุนจากทุกคนในจวนมหาเสนาบดีได้อย่างไร?วันนี้นางกำลังรนหาที่ตาย และจะโทษใครก็ไม่ได้ด้วยฉู่เจี้ยนอี้ซึ่งเงียบมาตลอด จู่ ๆ ก็ยิ้มบาง ๆ จนทุกคนต้องหันมาสนใจเขาเขาตบไหล่ภรรยาของตัวเองเบา ๆ “น้องสาวของข้ายอมสาบานว่าจะสามารถรักษาอาการข้าให้ได้ ในฐานะพี่ชายคนโต ข้าก็จะขอเป็นคนแรกที่จะสนั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 11

    ในเวลานี้ ฉู่เนี่ยนซีบังเอิญเดินมาพร้อมกับชามยา เมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของพี่ชาย จึงรีบเข้าไปตรวจดูขาของเขาทันที“เหยียนเอ๋อร์ เนี่ยนซี เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่า...ขาของข้ารู้สึกเจ็บขึ้นมาครู่หนึ่ง...”อาจเป็นเพราะขาของเขาไม่มีความรู้สึกมานานหลายปีแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่ฉู่เจี้ยนอี้จะคิดว่าเขาคิดไปเอง แต่เมื่อฉู่เนี่ยนซีเอื้อมมือออกไปกดจุดฝังเข็มของเขาโดยไม่พูดอะไรขาของฉู่เจี้ยนอี้ก็หดตัวย่างกะทันหันการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ทำให้ทั้งสามคนหยุดนิ่งอยู่กับที่ทันทีจ้าวม่อเหยียนอ้าปากค้าง แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรออกมา น้ำตาของนางก็ไหลลงมาอาบแก้มแล้ว!ฉู่เจี้ยนอี้มองขาตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ และพยายามขยับมันอีกครั้ง เขารู้สึกได้แล้วจริง ๆ!ฉู่เนี่ยนซีเขย่าจ้าวม่อเหยียนที่กำลังร้องไห้อย่างเงียบ ๆ อย่างตื่นเต้น และให้กำลังใจนาง "พี่สะใภ้ รีบพยุงท่านพี่สิ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังเดินไม่ได้ แต่น่าจะยืนขึ้นได้นะ! เร็วสิ!"ไม่รู้ว่าคนใช้ขาเร็วคนไหนนำเรื่องนี้ไปรายงาน มหาเสนาบดีฉู่และฮูหยินฉู่จึงรีบวิ่งเข้ามาจากประตูใบหน้าของมหาเสนาบดีฉู่เบี้ยวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินข่าวหลังจากตื่นนอน และวิ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 12

    เมื่อมหาเสนาบดีฉู่เห็นว่านางเดินตามมา สีหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพราะเขาผ่านอะไรมามากมายแล้วในชีวิตนี้ เขาเพียงแค่มองนางเงียบ ๆ ด้วยอารมณ์ที่หลากหลายในดวงตา“ท่านพ่อ เรื่องนี้เกี่ยวกับลูกหรือไม่?”ฉู่เนี่ยนซียังคงถามอย่างระมัดระวัง ในด้านหนึ่ง นางไม่ต้องการให้พ่อของนางต้องแบกรับภาระทั้งหมดให้นาง แต่ในทางกลับกัน นางก็กังวลว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของจวนมหาเสนาบดีเพราะคนเหล่านี้คือพ่อแม่และพี่ชายของนาง และก็นี่คือบ้านของนางหลังจากลังเลอยู่นาน มหาเสนาบดีฉู่ก็มอบกระดาษที่องครักษ์มอบให้เขาเมื่อครู่กับฉู่เนี่ยนซีฉู่เนี่ยนซีหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดออก ด้านในมีหนังสือเพียงบรรทัดเดียวเท่านั้นท่านอ๋องหลีถูกลูกธนูอาบยาพิษโจมตี และมีอันตรายถึงแก่ชีวิต ฉู่เนี่ยนซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง“จวนของท่านอ๋องหลีถูกปิดแล้ว แม้ว่าท่านอ๋องหลีจะไม่ได้เป็นที่โปรดปราน แต่พระองค์ก็ไม่ใช่องค์ชายที่จะถูกคนทำร้ายได้ง่าย ๆ แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นอันตรายมาก แต่พ่อคิดว่ามันคงไม่ได้ร้ายแรงมากนัก”คำพูดนี้พูดอย่างมีไหวพริบมากแล้วตอนนี้ทั่วทั้งอาณาจักรแห่งรัตติกาลดูเหมือนจะสงบลง แต่พรรคพวกขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07
  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 13

    อวี่ซีกระโดดลงจากรถม้าและยืนคุ้มกันอยู่ด้านหลังฉู่เนี่ยนซี ส่วนอวี่ตง อวี่หนาน และอวี่เป่ยถือดาบคุ้มกันอยู่ด้านหน้าของนาง ฉู่เนี่ยนซีเริ่มหมดความอดทน นางกวาดสายมององครักษ์รอบตัวด้วยสีหน้าเย็นชา และพูดเสียงต่ำแต่หนักแน่น "หลบไป!"อวี่หนานเลิกคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะมองเจ้านายคนใหม่จากหางตาใคร ๆ ก็บอกว่าพระชายาหลีเป็นหนึ่งในคนที่ยอมคนมากที่สุดในเมืองหลวง นางถูกเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก จนมีนิสัยอ่อนแอเหมือนลูกคุณหนูไม่ว่านายหญิงจะมีแผนการอะไร นางก็คงไม่กล้าแม้แต่จะเมินทหารองครักษ์ของท่านอ๋องหลีแน่ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ยอมให้ซ่างกวานเยียนแต่งเข้ามาในจวนท่านอ๋องเช่นนี้ด้วยเพียงแต่วันนี้เมื่อมองดูแล้ว...เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นทันทีที่สิ้นสุดคำพูด เหล่าทหารก็มองหน้ากันก่อนจะมองไปที่หัวหน้าองครักษ์องครักษ์มีสายตาดูถูกเหยียดหยาม และทำราวกับว่าตนเองกำลังปฏิบัติตามหน้าที่อยู่ "ในช่วงเวลาพิเศษของจวนเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็มิได้รับอนุญาตให้เข้าไปทั้งนั้น"ฉู่เนี่ยนซียิ้มเยาะที่มุมปากก่อนจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว "ไม่ว่าใครอย่างนั้นรึ? แม้แต่พระชายาอย่างข้าจะกลับบ้านต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2023-11-07

บทล่าสุด

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 544

    “ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็ให้นางอยู่ด้วยกันต่อไปเถอะ ช่วงนี้เราเข้ากันได้ดี นางอ่อนโยน มีน้ำใจและใฝ่เรียนใฝ่รู้ ข้าชอบนางมาก ดีที่มีนางอยู่ที่จวนแห่งนี้ ข้าจึงคลายความเบื่อลงไปได้บ้าง”สิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีพูดนั้นเป็นความจริง ตอนแรกนางสงสัยในเจตนาของซุนจื่อซีที่ช่วยนางจากการตกน้ำ แต่ตอนที่นางตกจากรถม้า ซุนจื่อซีกลับไม่ห่วงตนเองและเอาตัวมารองรับนางไว้ ช่างเป็นสตรีที่จิตใจงามอย่างแท้จริงทันใดนั้น ท้องฟ้าก็สว่างไสวไปด้วยดอกไม้ไฟ ส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับแสงสว่างของรุ่งอรุณส่องขึ้นมาจากความมืดมิดประกายแสงนั้นส่องสว่างราวกับหมู่ดาวที่โอบล้อมภูเขาและแม่น้ำอันกว้างใหญ่ที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก รวมไปถึงป่าอันงดงามและที่ราบอันไร้ขอบเขต ทำให้ความขุ่นข้องในใจของคนสองคนจางลง และคนทั้งคู่ก็ยังได้มองดูความยิ่งใหญ่ที่พร่างพราวนี้ไปด้วยกันณ พระตำหนักเจาฮุย ซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอย่างงดงามดุจนางสวรรค์ หลังจากการแสดงสิ้นสุดลง ผู้คนในโถงยังคงตกอยู่ในภวังค์องค์จักรพรรดิทรงปรบมือใหญ่แล้วหันไปหาไทเฮาพร้อมรอยยิ้ม “ทักษะการร่ายรำของจื่อซีดีขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนอย่างหนักและลำบากไม่น้อย เป็นเสด็จแม่

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 543

    ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ถูกบดบังด้วยเมฆหนาทึบ จนแทบมองเห็นแสงสว่าง เช่นนี้เขาเห็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่สุดที่ว่านั่นจากที่ใดกัน?“ท่านอ๋องชื่นชมดวงจันทร์ได้อย่างไรหรือ?”ฉู่เนี่ยนซีมองดูแสงสีเหลืองจาง ๆ ที่ขอบฟ้านั้น อย่างกับมันถูกขัดถูจนไร้ซึ่งความแวววาวเย่เฟยหลีทัดผมฉู่เนี่ยนซีไว้ข้างหลังใบหูของนาง พลางพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เพราะดวงจันทร์ที่สุกสกาวที่ว่านี้ไม่ใช่ดวงจันทร์ดวงนั้น”ฉู่เนี่ยนซีหันมาสบตาที่เป็นประกายของเย่เฟยหลี มือที่ค้างเติ่งในตอนแรกเลื่อนมาตรงแก้มของนาง เย่เฟยหลีรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือ เขาคลี่ยิ้มออกมาเพราะรู้ว่าฉู่เนี่ยนซีกำลังเขินอาย“ข้าได้ยินจากน้องเจ็ดว่าเจ้าคิดว่าซุนจื่อซีกับข้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากหรือ?”เย่เฟยหลีดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน หางตาของเขาเห็นท่าทางหงุดหงิดของฉู่เนี่ยนซีพลางคิดว่าช่างน่าสนุกฉู่เนี่ยนซีแอบด่าทอเย่ฉงเฉิงในใจว่าเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ นางพูดความในใจออกไปเพียงนิดเดียวเขาก็นำไปบอกเจ้าตัวในพริบตาเสียอย่างนั้น“ก็คิดบ้าง เป็นบางครั้ง”ฉู่เนี่ยนซีกะพริบตาและพยายามอย่างมากเพื่อรักษาท่าทางสงบนิ่งอย่างเคย นางไม่สามารถปฏิเส

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 542

    เย่เฟยหลีเหลือบมองอีกฝ่าย “เจ้าว่าเจ้ารู้จักข้าดีที่สุดไม่ใช่หรือ?”“แต่พี่สะใภ้สามไม่รู้จักท่านดีเท่าข้า หากมีเรื่องเข้าใจผิดกันก็ควรรีบแก้ไขเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยท่านไม่ได้”เมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากพระตำหนักเจาฮุย เขาก็รู้ได้ทันทีว่างานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว เย่เฟยหลีจึงให้เย่ฉงเฉิง เรียกฉู่เนี่ยนซีมาที่นี่เพราะเขามีเรื่องจะพูดกับนางเย่ฉงเฉิงรับคำสั่งแล้วจากไป ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องจัดงาน เขาก็เห็นซุนจื่อซีกำลังร่ายรำอยู่อย่างอ่อนช้อย นางอยู่ในชุดกระโปรงสีแดงราวกับดอกเหมยที่กำลังบานสะพรั่งอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเขาหันไปด้านข้างและกระซิบกับฉู่เนี่ยนซี “พี่สะใภ้สาม พี่สามกำลังรอท่านอยู่ไม่ไกลจากทางเหนือของ พระตำหนักเจาฮุย ท่านรีบไปเถิด”ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่ฉงเฉิงอย่างสงสัยและบอกให้เสี่ยวเถารออยู่ที่นี่ หากใครถามหาก็บอกว่านางออกไปเดินรับลมข้างนอกให้สร่างเมาในห้องจัดงาน ซุนจื่อซีออกท่วงท่าราวกับต้นหลิวที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างเพลินใจ ชายแขนเสื้อในมือของนางกระพือเบา ๆ แขนเรียวยาวใต้เสื้อคดเคี้ยวราวกับดอกบ๊วยแดงที่ล่องลอยในอากาศแต่ไม่ว่านางจะพย

DMCA.com Protection Status