พูดจบ ฉู่เนี่ยนซีก็ฮัมเพลงเล็กน้อยและขึ้นไปที่ห้องเล็ก ๆ บนชั้นสามด้วยอารมณ์ที่มีความสุขไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือผี ข้า ฉู่เนี่ยนซีจะได้เห็นชัดในวันนี้!ในไม่ช้า อวี๋หนานก็แอบกลับเข้ามาในหอการแพทย์ และพยักหน้าให้อวี๋ตงเกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา อวี๋หนานก็ออกจากหอการแพทย์ผ่านประตูด้านข้างอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูด้านหน้า ดวงตาของอวี๋ตงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นก่อนจะรีบเปิดประตูที่หน้าประตู เย่ฉงเฉิงค้ำขอบประตูด้วยสีหน้าเหนื่อยหอบ เมื่อเห็นประตูเปิด เขาก็รีบแทรกตัวเข้ามาทันที“ท่านอ๋องเฉิง วันนี้หอการแพทย์ปิดพะย่ะค่ะ โปรดกลับไปเถิด”“ข้าอยากพบหมอเทวดาซานเซิง ให้ข้าเข้าไป”ในขณะที่อวี๋ตงกำลังขวางเย่ฉงเฉิง เขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจ "ตอนนี้คุณชายของกระหม่อมไม่สะดวกที่จะพบแขก ท่านอ๋องกลับไปก่อนเถิด"“ข้ารู้ว่าเขาไม่สะดวก จึงได้พาหมอหลวงมาด้วย อาจช่วยรักษาอาการของเขาได้ รีบให้ข้าเข้าไปเร็วเข้า”พูดจบ เย่ฉงเฉิงก็พยายามบุกเข้าไปด้านใน แต่ศิลปะการต่อสู้ของอวี๋ตงนั้นสูงเกินไป เขาจึงถูกสกัดกั้นไว้ในเวลาไม่นาน“คุณชายของกระหม่อมไม่ได้ป่วย ท่านพาหมอหลวงมาก็เปล่าประโยชน
เขาเดินหาไปรอบ ๆ ห้องเล็กบนชั้นสาม และในที่สุดก็มาหยุดที่ประตูสุดท้าย เขาถือขวดยาพิษอยู่ในมือ และค่อย ๆ เปิดประตูที่แง้มไว้ออกสิ่งที่ดึงดูดสายตาคือโต๊ะตัวหนึ่ง ถัดไปด้านในคือเตียงนอน และมีชายชุดขาวผู้หนึ่งกำลังนอนอยู่บนนั้นผิวของบุรุษคนนั้นเรียบเนียนราวกับหยก ดวงตาของเขาปิดสนิท ขนตายาวราวกับขนนกทอดเงาใต้ดวงตา จมูกสันตรง และริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มละเอียดอ่อนราวกับสตรี แต่ใบหน้าของเขากลับแหลมคม ดุจใบมีดทำให้มีพลังแบบบุรุษคนผู้นี้คือฉู่เนี่ยนซีที่แต่งตัวเป็นบุรุษชายที่สวมผ้าคลุมจ้องไปที่ฉู่เนี่ยนซีบนเตียงอย่างว่างเปล่า สายตาหลงใหลเต็มไปด้วยความตกใจ"แม่บุญธรรม!"เสียงกระซิบที่น่าตกใจของชายคนนั้นทำให้ฉู่เนี่ยนซีที่นอนเงียบ ๆ บนเตียงเกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีแต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ในมือนางก็มีเข็มเงินเพิ่มขึ้นมาสองสามเล่มทันที และในขณะที่ชายคนนั้นยังคงตกตะลึง นางก็แทงเข็มเงินเหล่านั้นเข้าไปที่จุดฝังเข็มของเขาอย่างแน่นหนาทันใดนั้นชายคนนั้นก็เดินกะเผลกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มองไปที่ฉู่เนี่ยนซีด้วยสีหน้าประหลาดใจ“ท่านไม่ได้ถูกวางยาพิษ!”ฉู่เนี่ยนซีปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่บน
ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะไม่ได้ฟังคำพูดของนางเลย และเสียงร้องไห้ของนางก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉู่เนี่ยนซีเห็นว่านางไม่ยอมหยุดร้องไห้สักที ใบหน้าที่ดูราวกับตุ๊กตาเด็กในตอนที่กำลังร้องไห้ ก็ยิ่งทำให้ฉู่เนี่ยนซีรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังรังแกเด็กน้อยอยู่ นางก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก เลยรีบคุกเข่าลง“เจ้าอย่าร้องไห้นะ…เอ่อ…”ฉู่เนี่ยนซียังไม่ทันจะได้เอ่ยจบประโยค สตรีที่อยู่ตรงหน้าก็โบกข้อมือ ก่อนจะมีผงอะไรบางอย่างลอยกระจายออกมาจากในขวด“ฮ่า ๆ …เจ้าโดนหลอกแล้ว ใครใช้ให้เจ้ามาซุ่มโจมตีข้า!” สตรีมองไปยังฉู่เนี่ยนซีที่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนพลางหัวเราะออกมาอย่างหนัก ในตอนที่นางพูดนางก็เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าที่ดูตื่นเต้นอย่างคาดเดาไม่ได้ฉู่เนี่ยนซีมองไปยังสตรีที่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ มุมปากของนางก็โค้งขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำชวนน่าหลงใหลออกมา “ในที่สุดก็หยุดร้องเสียที!”“แน่นอนสิ ปกติข้าไม่ได้ร้องไห้ง่าย…” ตอนนั้นเองสตรีก็เพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะรีบหันขวับไปมองฉู่เนี่ยนซีทันที “เจ้า…ทำไมเจ้ายังไม่ล้มไป!”“ถ้าข้าล้มไปเจ้าก็คงกองอยู่ที่นี่ตลอดไปแล้วล่ะ” ฉู่เนี่ยนซีเอ่ยอย่างเย็นชา โชคดีที่ก่อนหน้านี้นางรอบค
ฉู่เนี่ยนซีเห็นว่านางไม่ได้โกหก ก่อนจะเดินไปข้างหน้าและแทงเข็มเงินไปบางส่วนใส่จุดที่ฝังเข็มไปเหยียนตั่วรู้สึกร้อนผ่าวบนร่างกาย จากนั้นท่อนแขนท่อนขาทั้งสี่ที่อ่อนแรงของนางก็กลับมาเป็นปกติในทันที“เอ๊ะ? ได้แล้วนี่” เหยียนตั่วขยับตัวไปมา ก่อนจะลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น “พลังข้ากลับมาแล้ว! พิษของท่านช่างมหัศจรรย์มาก ท่านสอนข้าหน่อยสิ”ฉู่เนี่ยนซีเมื่อเห็นรอยยิ้มจริงใจของอีกฝ่าย ในใจนางก็รู้สึกผ่อนคลายลงตั้งแต่ถูกส่งมาในโลกใบนี้ นางก็เป็นเด็กสาวคนแรกที่นางได้พบ แม้ว่านางจะมีท่าทีที่ระมัดระวัง แต่เวลาร้องไห้หรือหัวเราะกลับไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเลยคงจะมีแต่หญิงสาวที่ได้รับการปกป้องเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากครอบครัวเท่านั้นจึงจะเป็นเช่นนี้ได้“นั่นไม่ใช่ยาพิษ เป็นแค่เข็มเงินโจมตีในจุดฝังเข็มเท่านั้น” ฉู่เนี่ยนซีตอบด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นเหยียนตั่วราวกับได้เปิดโลกใบใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน สีหน้าเกิดความอยากรู้อยากเห็น “การฝังเข็มเงิน นั่นเป็นการรักษาโรคไม่ใช่หรือ? แต่เมื่อครู่ข้าไม่มีพลังอะไรเลยจริง ๆ นะ อ้อ หรือท่านใส่ยาพิษลงไปที่เข็ม!”ฉู่เนี่ยนซีเบิกตากว้าง สีหน้านางก็ถึงบางอ้อทันที ก่อนนางจะส่ายหน
ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็ล้วนสงสัย และได้พูดถึงหมอเฮ่อหลาน และในตอนนั้นเองอวี๋หนานที่แกล้งกลับไปหาหมอเฮ่อหลานกลับมาบอกว่าหมอเฮ่อหลานไม่ได้อยู่บ้านนี่จึงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทับอูฐตายดังนั้นทุกคนจึงเชื่อว่าซีซานเซิงถูกวางยาพิษและกำลังจะตายดังนั้นผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากหอการแพทย์ และคนที่อิจฉาในชื่อเสียง และก็เกิดความตื่นเต้นขึ้นเมื่อผู้คนเริ่มเห็นซีซานเซิงเป็นเช่นนั้นก็โห่ร้องกันขึ้นมาบรรยากาศก็ยิ่งวุ่นวายขึ้นไปใหญ่นี่เป็นสิ่งที่ฉู่เนี่ยนซีคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นกลอุบายที่ฉู่เนี่ยนสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ของนางเอง นั่นคือการล่อให้คนที่วางยาพิษปรากฏตัวออกมาเพราะนางมั่นใจว่าคนที่วางยาพิษไม่ได้มีเจตนาทำร้ายคนอื่น หากได้ยินว่าซีซานเซิงโดนยาพิษเสียเอง คนอื่นก็คงไม่มีทางรักษาให้หายได้ ดังนั้น คนผู้นั้นจะต้องกังวลกับสถานการณ์ของซีซานเซิงเช่นนั้นเหยียนตั่วผู้ซึ่งวางยาพิษก็ถูกฉู่เนี่ยนซีชักนำละขั้น“พวกเจ้าทำอะไรกัน?!” ฉู่เนี่ยนซีเห็นเวลาใกล้จะหมดลงแล้ว จึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นทุกคนที่ได้ยินเสียงนั้น ต่างมองไปยังประตู เห็นซีซานเซิงในอาภรณ์สีขาว ยืนตัว
“ข้าโตขนาดนี้แล้วนะ จะทำตัวเองหลงทางได้อย่างไรเล่า?!” เหยียนตั่วทำหน้าบูดบึ้ง สีหน้าไม่พอใจ“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกเจ้าค่ะ แต่ท่านยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่ ถ้าเจอคนไม่ดีจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”“คนไม่ดี? ยังมีที่เลวกว่าข้าอีกเหรอ?” เหยียนตั่วเลิกคิ้ว อดไม่ได้ที่จะยิ้มตรงมุมปาก “เอาล่ะ ข้าแค่อยากจะมาดูว่าพี่ชายข้ามอบอำพันทะเลก้อนนั้นแก่ใครก็เท่านั้น ตอนนี้รู้แล้ว จะไม่กลับได้เหรอ? ไปเถอะ”เหยียนตั่วเอ่ยจบ ก่อนจะเดินนำไป สาวใช้อีกสองสามคนหันมามองหน้ากันก่อนจะรีบตามนางไปด้วยคำสัญญาของฉู่เนี่ยนซี หอการแพทย์จึงกลับมาทำการได้ตามปกติ เถ้าแก่จ้าวเมื่อได้รับการรักษาก็เริ่มดีขึ้นในทุก ๆ วัน เขาปิดหอหุยชุนเร็วขึ้นและมาที่หอการแพทย์เนื่องจากนึกถึงบุญคุณของฉู่เนี่ยนซี และเรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นหัวข้อที่ประชาชนเริ่มนำมาพูดคุยกันทางด้านเย่ฉงเฉิง นับตั้งแต่ที่เขาออกจากหอการแพทย์ ไปที่จวนอ๋องหลี เขาก็เริ่มปลีกวิเวกศึกษาตำรา การเปลี่ยนแปลงของเขาทำให้เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่และเหล่าองค์ชายคนอื่น ๆ เกิดความสงสัย หลังจากที่สอบถามบางอย่างไปจึงรู้ว่าเป็นเพราะคำพูดหนึ่งของซีซานเชิง สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิเริ่มสนใจในต
ฉู่เนี่ยนซีฟังคำตอบของเขาแล้วก็รู้สึกหดหู่ในใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“อืม ที่ทะเลสาบลมแรง ต้องสวมเสื้อผ้าให้หนาหน่อย หากกลับมาป่วยอีก การรักษาอาการบาดเจ็บของท่านที่ผ่านมาจะเสียเปล่าเอาได้!” ฉู่เนี่ยนซีพูดทีละคำ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห จนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มโกรธอย่างไม่มีเหตุผล “แล้วก็ ขอให้ท่านไปเที่ยวกับซ่างกวานเยียนให้สนุกแล้วกันเจ้าค่ะ”เอ่ยเสร็จ ฉู่เนี่ยนซีก็หันหลังกลับด้วยความโกรธเย่เฟยหลีฟังแล้วก็สับสนเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนคว้านางทันที“นี่ไม่เกี่ยวกับ…”“ถ้าพี่หญิงอยากไป ก็ไปด้วยกันกับพวกเราสิเจ้าคะ”เย่เฟยหลีกำลังจะอธิบาย แต่เสียงของซ่างกวานเยียนก็ดังออกมาจากหลังประตูเสียก่อนรอยยิ้มที่อ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าของนาง เดินเข้ามาด้วยท่าทางสูงส่งสง่างามจากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้ฉู่เนี่ยนซีทันที ก่อนจะดึงมือนางขึ้นมา “พี่หญิง เพราะอาการของท่านอ๋องช่วงนี้เขาจึงไม่ค่อยได้พักผ่อน ทำไมเราไม่ออกไปพักผ่อนด้วยกันสักหน่อยเล่าเจ้าคะ?”ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองไปยังมือที่ถูกนางจับไว้อย่างเย็นชา ก่อนจะดึงมือตัวเองกลับ“ท่านอ๋องบาดเจ็บก็เพราะข้า ข้าก็ต้องรักษาเขาอยู่แล้ว แต่มันก็มีแค่นั้น เรื่องทะเล
ประมาณหนึ่งชั่วยาม**ต่อมา เย่เฟยหลีก็พาฉู่เนี่ยนซีและซ่างกวานเยียนขึ้นรถม้าไปยังทะเลสาบในเขตชานเมือง ฉู่เนี่ยนซีทำสีหน้าไร้ความรู้สึกมาตลอดทาง ไม่สนใจเย่เฟยหลีแม้แต่น้อย หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็มาถึงเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง จึงมีเรือหลายลำลอยอยู่ในทะเลสาบเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละสองสามลำ ทันทีที่ทั้งสามลงจากรถม้า พวกเขาก็เห็นบุรุษคนหนึ่งในชุดสีดำเดินลงจากเรือลำใหญ่บนฝั่ง “ไม่คิดว่าน้องสามจะมาล่องทะเลสาบกับเขาด้วย?” เย่เหลียนโบกพัดจิ๋วในมือสองสามครั้ง ผมบนหน้าผากของเขาถูกพัดไปตามลม ทำให้เขาดูราวกับบุรุษรูปงาม ฉู่เนี่ยนซีและเย่เฟยหลีต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าเย่เหลียนจะอยู่ที่นี่ด้วย! “ว่ากันว่าทิวทัศน์ของทะเลสาบในเขตชานเมืองนั้นสวยงามมาก ข้าควรจะเอาอย่างพี่รอง โดยการมาเยี่ยมชมที่นี่และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบ่อย ๆ ” “โอ้~ ข้าคงไม่มีความสุขเท่าน้องสามกระมังที่มีชายาล้อมหน้าล้อมหลัง” ขณะที่พูด เย่เหลียนก็มองไปยังฉู่เนี่ยนซี เย่เฟยหลีที่เห็นก็รีบเอาตัวมาบังไว้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ได้ยินมาว่าหลังจบงานเลี้ยงที่จวนเสนาบดีพี่รองได้รับบ