เมื่อไทเฮาเห็นทางทางสงบนิ่งของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อยในใจ สิ่งนี้ต่างไปจากข่าวลือที่เคยได้ยินมา แต่การชิงของคนอื่นไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีไทเฮาขมวดคิ้ว และไม่ได้สนใจนางอีก “จักรพรรดิ เริ่มพิธีเซ่นไหว้เถิด”“เริ่มพิธีเซ่นไหว้!” เมื่อจักรพรรดิพยักหน้า เสียงคมชัดของขันทีเฉินก็ดังก้องไปทั่วทั้งลานกลุ่มคนในชุดนักพรตยืนอยู่บนแท่น และวางสัตว์หกชนิดลงบนโต๊ะ ได้แก่ ม้า วัว แกะ ไก่ สุนัข และหมูผู้นำนักพรตที่มีเครายาว ในมือข้างหนึ่งถือแส้และอีกข้างถือแก้วสุรา เสียงกลองดังขึ้นและมีการจุดธูปบนเครื่องสังเวยเขาปาข้าวสาร เผาธูปและกระดาษ ก่อนจะคุกเข่าลงคำนับถือเป็นอันเสร็จพิธี ผู้นำนักพรตยื่นธูปเก้าดอกให้ไทเฮา จักรพรรดิและฮ่องเฮาตามลำดับทั้งสามหยิบธูป จุดไฟก่อนจะคุกเข่าลงบนเสื่อและกราบไหว้เทพเจ้า อธิษฐานด้วยศรัทธาเมื่อเสียงกลองหยุดลง ทั้งสามก็ยืนขึ้นและปักธูปลงในกระถางแต่ทันทีที่ปักธูปลงไป ธูปที่ลุกไหม้ก็หักลงทันที และธูปอีกครึ่งหนึ่งก็ตกลงไปบนโต๊ะไทเฮาเป็นเช่นนั้น และแม้แต่จักรพรรดิและฮ่องเฮาเองก็เป็นแบบเดียวกันเหตุการณ์พลิกผันครั้งนี้ทำให้ทุกคนตกใจ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าแ
หลังจากนั้นไม่นาน นักพรตทีหนวดเครายาวก็กลับมาสงบอีกครั้ง เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และหน้าผากก็เต็มไปด้วยเหงื่อทุกคนมองดูท่าทางที่อ่อนแรงของเขาและถอนหายใจ ในขณะที่พวกเขากังวลเกี่ยวกับวิธีแก้หายนะ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกย่องนักพรตที่สามารถสื่อสารกับเทพเจ้าได้ เขาเป็นคนที่ถูกสวรรค์เมตตาเป็นอย่างมากทีเดียวฉู่เนี่ยนซีอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ แค่กระตุกนิดหน่อยก็เหนื่อยจนเหงื่อออกเสียแล้ว“ท่านนักพรต เป็นอย่างไรบ้าง?!” จักรพรรดิและไทเฮารีบไปข้างหน้าผู้นำนักพรตปาดเหงื่อออกจากหน้าผากแล้วพยักหน้า "สำเร็จลุล่วงพะย่ะค่ะ"เมื่อได้ยินคำนี้ ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“แล้วจะต้องแก้ไขอย่างไร ข้าจะให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้”“ขณะที่ข้าสื่อสารกับสวรรค์ จึงรู้ต้นเหตุของหายนะนี้ เพียงแค่หาสิ่งนี้ให้พบ และเผามันเพื่อบูชา จะไม่เพียงแต่สามารถทำลายหายนะนี้ได้เท่านั้น แต่ยังจะปกปักรักษาให้ไทเฮาและจักรพรรดิมีอายุยืนยาวได้ด้วย ประเทศชาติและราษฎรก็จะอยู่รอดปลอดภัยพะย่ะค่ะ”ไทเฮารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และตรัสถามอย่างรวดเร็ว “แล้วต้นเหตุของหายนะนี้มาจากไหนกัน”“ต้นเหตุของหายนะคือสตรีที่เกิดในวันที่สามเดือนเก้
มหาเสนาบดีฉู่บีบมือตัวเองแล้วยืนขึ้นทันที "ใต้เท้าหลิว ท่านควรคิดให้รอบคอบก่อนจะพูดอะไรออกมา! บุตรสาวของท่านไม่ใช่ หมายความว่าบุตรสาวของข้าใช่อย่างนั้นรึ?!"เสนาบดีฉู่มีสีหน้ามืดมน ถึงเขาจะยืนประสานมืออยู่ตรงนั้นแต่ก็ยังสร้างแรงกดดันต่อใต้เท้าหลิวได้“ทุกคนในเมืองแห่งรัตติกาล ใครไม่รู้บ้างว่าเมื่อก่อนพระชายาหลีไม่ใช่แค่ไล่ตามองค์ชายหลีตลอดทั้งวันเท่านั้น แต่ยังก่อปัญหาไปทั่ว ได้ยินมาว่าลูกชายคนโตของเสนาบดีฉู่มีอาการขาพิการก็อาจจะมีสาเหตุจากนาง ถ้าจะกล่าวหาว่าใครคือหายนะ คนผู้นั้นก็ต้องเป็นพระชายาหลีอย่างแน่นอน” ใต้เท้าหลิวพยายามเพิกเฉยต่อแรงกดดันของเสนาบดีฉู่ และพูดขึ้นทีละคำการแสดงออกของจักรพรรดินั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วในขณะที่มองดูพวกเขาทั้งสองจากนั้นเสนาบดีฉู่ก็พูดขึ้นมาว่า “ท่านพูดเองว่าเป็นเรื่องในอดีต! เป็นความจริงที่ลูกชายคนโตของข้าบาดเจ็บ แต่บุตรสาวของข้าเป็นคนรักษาเขาจนกลับมาเดินได้อีกครั้ง”ทุกคนต่างเฝ้าดูความตื่นเต้น แต่พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเมื่อได้ยินว่าฉู่เนี่ยนซีเป็นผู้รักษาฉู่เจี้ยนอี้ พวกเขานึกมาโดยตลอดว่าเฮ่อหลานหมอมหัศจรรย์เป็นผู้
ผู้คนบนแท่นบูชาต่างงงงวยอยู่พักหนึ่งเมื่อเห็นนางเข้ามาใกล้ แต่เมื่อนางพูดแบบนั้นออกมา พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกังวล ทันใดนั้นฮ่องเฮาก็ตะโกนขึ้นมาว่า "ฉู่เนี่ยนซี นี่เจ้าจะทำอะไร? เจ้าคิดจะฆ่าคนเพื่อปิดปากอย่างนั้นรึ? รีบเข้าไปหยุดนางเร็วเข้า!" "“ใครกล้า!” ดวงตาของฉู่เนี่ยนซีดูเหมือนจะเปล่งแสงเย็น ๆ ออกมา นางมองไปที่องครักษ์ที่กำลังจะเข้ามา ก่อนจะหันไปหาฮ่องเฮา “ท่านแม่หมายความว่าอย่างไรเพคะ ไม่ว่ายังไงซีเออร์ก็เป็นคนของราชวงศ์ ตอนนี้กำลังถูกคนใส่ร้ายว่าเป็นตัวหายนะ ยังไงก็ต้องพิสูจน์ให้ชัดเจนเสียก่อน หากหม่อมฉันเป็นตัวหายนะจริง หม่อมฉันจะเห็นแก่ไทเฮา จักรพรรดิ และแผ่นดิน หม่อมฉันจะโยนตัวเองเข้าไปในกองไฟเอง เป็นเช่นไรเพคะ เพียงแต่จะให้หม่อมฉันถูกเผาอย่างไร้เหตุผลได้อย่างไรกัน”คำพูดของฉู่เนี่ยนซีนั้นชอบธรรมและน่าเกรงขาม จนผู้คนอดไม่ได้ที่จะประทับใจแม้ว่าจะเชื่อในเทพเจ้ามากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจเผาคนให้ตายอย่างไม่มีเหตุมีผลได้ไทเฮามองนางอย่างอึ้ง ๆ ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในใจ ในด้านหนึ่งนางเชื่อนักพรต แต่ในทางกลับกันก็เห็นว่าการกระทำของฉู่เนี่ยนซีนั้นทั้งสง่างามและสมเหตุสมผล ไม่ได
“ใครกล้า!”"ช้าก่อน!""ช้าก่อน!"มีเสียงสามเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เย่เฟยหลีทะยานขึ้นไปก่อนจะลงไปยืนข้าง ๆ ฉู่เนี่ยนซี เสนาบดีฉู่และฉู่เจี้ยนอี้ก็รีบวิ่งไปที่แท่นบูชาเพื่อปกป้องนาง“เสด็จย่าโปรดทรงพิจารณาให้รอบคอบ หลานรู้จักพระยาชาเป็นอย่างดี หลานเอาชีวิตเป็นประกัน นางไม่ใช่ตัวหายนะอย่างแน่นอนพะย่ะค่ะ” เย่เฟยหลียืนนิ่ง ๆ ต่อหน้านาง แม้ว่านางจะมองไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่ก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นบนร่างกายของเขาเมื่อไทเฮาเห็นว่าหลานชายคนโปรดปกป้องนางด้วยชีวิต สามารถทำให้คนที่โหดเหี้ยมและเย็นชาอย่างเขาเป็นเช่นนี้ได้ ดาวหายนะนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ “ไร้สาระ! เจ้าไม่สามารถสื่อสารกับสวรรค์ได้เสียหน่อย แล้วเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่านางคือหายนะหรือไม่! ถ้านางไม่ใช่หายนะ แล้วจะเป็นใครกันล่ะ?!”“ถึงหลานจะไม่สามารถสื่อสารกับสวรรค์ได้ แต่หลานก็เป็นคนที่ใกล้ชิดนางที่สุด ดังนั้นหลานย่อมจึงรู้อย่างแน่นอน หลานเคยถูกวางยาพิษจนเกือบตาย นางพยายามอย่างมากเพื่อช่วยชีวิตหลานเอาไว้อาการป่วยของท่านพ่อนางก็เป็นคนรักษาเช่นกัน แม้ว่าในอดีตนางจะมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก แต่นั่นก็เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น เสด็จย่าสามา
“กบฏ ขุนนางไม่เหมือนขุนนาง ลูกชายไม่เหมือนลูกชาย! นี่มันกบฏชัด ๆ!” ใบหน้าของไทเฮาซีดเผือด นางชี้ไปที่พวกเขาด้วยนิ้วอันสั่นเทา “ทหาร นำพวกเขาไปขังที่กรมอาญา และนำตัวหายนะไปประหารชีวิตเสีย!”“ช้าก่อน” จู่ ๆ จักรพรรดิก็พูดขึ้น และในขณะที่พยายามช่วยไทเฮาสงบสติอารมณ์เขาก็พูดขึ้นว่า "ทั้งสามอาจทำตามอำเภอใจไปบ้าง แต่ก็สามารถเข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อ๋องสามพูดนั้นก็มีเหตุผล เด็กคนนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตเขาไว้เท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตของกระหม่อมไว้ด้วย หากไม่มีนาง เสด็จแม่ก็คงไม่ได้เห็นหน้าลูกอยุ่เช่นนี้”“จิจิจิ...จักรพรรดิทรงตรัสอะไรน่ะ อย่าพูดอะไรไม่มงคลสิ นางเป็นคนเดียวในโลกที่รู้วิธีการรักษาหรืออย่างไร ดูเหมือนว่าเจ้าก็หลงคารมตัวหายนะนี้ไปด้วยอีกคนสินะ"“ครานั้นหมอหลวงในสำนักต่างก็หมดหนทางกับอาการของข้า หลังจากเด็กคนนี้ฝังเข็มให้สองสามครั้ง ข้าก็สามารถลุกจากเตียงและกลับมาเดินเหินได้ ในโลกนี้ใครมีทักษะทางการแพทย์เช่นนางบ้าง ข้าไม่ได้พูดเกินจริง เด็กคนนี้อาจมีอะไรบางอย่างที่บังเอิญตรงกับเงื่อนไขที่ท่านนักพรตพูด แต่บางทีมันอาจเป็นความเข้าใจผิดของนักพรตก็ได้พะย่ะค่ะ”จู่ ๆ นักพรตที่ม
“ข้าหัวเราะไทเฮาและนายท่านต่างหาก คนหนึ่งเชื่อในพระเจ้า อีกคนไม่เชื่อในพระเจ้า” แววตาของนางเต็มไปด้วยการประชดประชัน คำพูดที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยการเหน็บแนม“เจ้าหมายความว่าไง!” ชายชราหนวดเครายาวถลึงตาจ้องมองด้วยความโกรธ“แน่นอนว่าไทเฮาคิดว่าท่านเป็นผู้ส่งสารของเหล่าเทพเทวดา แต่ความจริงท่านก็เป็นเพียงแค่นักต้มตุ๋นพูดจาไร้สาระ การที่ท่านกล้าจะทำเรื่องเลวร้ายอย่างยิ่งในนามของสวรรค์แบบนี้ก็หมายความว่า ตัวท่านเองก็ไม่ได้เชื่อในเทพเทวดาที่ไหนเลย ข้าพูดผิดตรงไหน?”ฉู่เนี่ยนซีลุกขึ้นยืนตัวตรงก่อนจะมองหน้าทุกคนในที่นั้นโดยไร้ซึ่งความเกรงกลัว นางเป็นคนแรกเลยที่กล้าประชดเสียดสีไทเฮาสามารถรู้ได้ทันทีเลยว่าสีหน้าของแต่ละคนในที่นี้เป็นอย่างไรในเวลานั้นเลือดก็ขึ้นหน้าชายชราในทันที ดวงตาทั้งสองของเขาเบิกกว้าง ใจหนึ่งก็กลัว อีกใจหนึ่งก็รู้สึกละอายท่าทีที่ฉู่เนี่ยนซีมองเขา จากนั้นแสงความเจ้าเล่ห์ก็แวบผ่านดวงตาไป เฮ้อ ถึงเวลาต้องชดใช้!“อั่ก…”ทันใดนั้นเอง นักพรตก็ล้มลงกับพื้น เอามือทั้งสองกุมหน้าท้องและโอดครวญ ใบหน้าของเขาเหยเกเพราะความเจ็บปวดเมื่อทุกคนได้เห็นภาพนี้ ต่างพากันยืดคอมองไปรอบ ๆ
ชายชราเครายาวยังคงนอนทุรนทุรายอยู่ที่พื้น สองมือของเขากุมท้องเอาไว้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเลือดสีแดงก่ำ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงจากหน้าผากของเขาเขาต้มตุ๋นผู้คนเช่นนี้มาหลายปีแล้ว ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์อะไรเลย เขารู้ว่าคนที่เป็นตัวการในเรื่องนี้จะต้องเป็นสตรีนางนี้แน่แต่ในตอนนี้ร่างกายของเขาเจ็บปวดราวกับมีมดนับพันรุมกัดกินท้องของเขาอยู่ ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองนางด้วยความขมขื่นฉู่เนี่ยนซีทำราวกับมองไม่เห็นและถอนหายใจอย่างหนักด้วยความจนปัญญา“เฮ้อ…ช่างเถิด ใครใช้ให้ข้าใจดีกัน แม้ว่าตัวข้าจะรักษาท่านไม่ได้ แต่สามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดได้อยู่ ถ้าเจ้าเห็นด้วยก็พยายามพยักหน้าหน่อย”ฉู่เนี่ยนซีในตอนนี้มีความดีที่หาได้ยากจากคนอื่น หลายคนมักตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชัง แต่นางเป็นคนส่วนน้อยที่ตอบแทนความเกลียดชังด้วยความเมตตาสิ่งที่นางทำอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องที่มีไม่กี่คนที่จะทำนักพรตที่ได้ยินฉู่เนี่ยนซีเอ่ยดังนั้นก็รีบพยักหน้าด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามีฉู่เนี่ยนซีเดินไปหาเขาแล้วนั่งยอง ๆ ลง เข็มเงินสองสามเล่มก็ตกลงในมือนาง“วันนี้ข้ายังปลอดภัยสบายดี เจ้าก็จะสบายใจได้อยู่ แต่ไม่รับ