แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: เหลียงซานเหลากุ่ย
ซูเฟยสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ แม้ว่าลี่เออร์จะไม่เป็นไรมาก แต่…”

“หุบปาก!”

จักรพรรดิเหวินเบิกพระเนตรจ้องไปที่ซูเฟย “เจ้าหกนิสัยเช่นไร ขุนนางบู๊บุ๋นทั่วทั้งราชสำนักต่างรู้ดี! หากวันนี้ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่อง เจ้าหกจะกล้าทำเช่นนี้กับเจ้าสามหรือ ข้าก็ไม่อยากไล่ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้!”

ซูเฟยชะงักงัน ตอนนี้นางยิ้มไม่ออกแล้ว

จักรพรรดิเหวินปรามซูเฟยแล้วก็โบกพระหัตถ์ไปยังหยุนเจิงอย่างเหนื่อยล้า “แล้วเจ้าก็กลับไปขอโทษที่สามของเจ้าด้วย เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเช่นนี้เถอะ!”

ซวยแล้ว!

แสดงเกินบทบาท!

หยุนเจิงค่อยๆ มองไปทางสวีสือฝู่กับซูเฟย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสองพี่น้องนี้จะกระโดดขึ้นมาคัดค้าน

แม้ว่าสวีสือฝู่กับซูเฟยไม่กล้าดื้อดึงสุดขีดอีก แต่คำพูดของจักรพรรดิเหวินเมื่อครู่นี้ได้ตัดความคิดที่จะเรียกร้องให้จักรพรรดิเหวินลดหยุนเจิงเป็นเพียงสามัญชนแล้ว

จากนี้ย่อมมีโอกาสจัดการหยุนเจิง!

พอหยุนเจิงเห็นว่าคาดหวังอะไรจากคนตัวดีสองคนนี้ไม่ได้เลย เขาจึงคุกเข่าลง “ตุ้บ

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่มีพระทัยกว้างขวาง!”

หยุนเจิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “แต่วันนี้ลูกเพียงอยากตายในสมรภูมิรบอย่างภาคภูมิพ่ะย่ะค่ะ! ขอเสด็จพ่อโปรดเมตตาด้วย!”

“เจ้า…”

จักรพรรดิเหวินถูกคำพูดของหยุนเจิงทำให้โกรธจนแทบจะพ่นไฟ “พี่ใหญ่ของเจ้า ก่อนหน้านี้เพิ่งจะชักกระบี่สังหารตนเพราะล้มเหลวในการก่อกบฏ! มาวันนี้ เจ้าก็ยังคิดจะไปสังเวยชีวิตอีก? นี่ไม่ใช่การแก้แค้นกับข้าหรือไง?”

“ฝ่าบาท โปรดรักษาพระวรกายด้วยเพคะ!”

ซูเฟยปลอบพระทัยจักรพรรดิเหวิน แล้วก็รีบเสแสร้งพูดกับหยุนเจิงขึ้นอีกว่า “หยุนเจิง เรื่องของพี่สามเจ้านั้น ข้าจะไม่เอาเรื่องกับเจ้าอีก! เจ้ารีบลุกขึ้นยืนเร็ว อย่าให้เสด็จพ่อของเจ้าต้องกังวลพระทัย!”

ถุย!

บิดาไม่ให้เจ้ามีโอกาสใช้มีดมาแทงข้างหลังหรอก!

หยุนเจิงลอบด่าในใจไปคำหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างดื้อรั้นว่า “ความหวังดีของพระสนมซูเฟยกับเสด็จพ่อลูกขอรับไว้ด้วยใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ! แต่ลูกอยู่อย่างอ้อนแอดมาหลายปี ควรจะใช้ชีวิตอย่างเต็มภาคภูมิสักครั้งแล้ว!”

คำพูดของคนทั้งสอง ทำให้ขุนนางบู๊บุ๋นทั้งราชสำนักไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

แม้กระทั่งซูเฟยที่เมื่อครู่ร้องไห้คร่ำครวญขอจักรพรรดิเหวินให้ความเป็นธรรมแก่องค์ชายสามเมื่อครู่ มาถึงตอนนี้กลับรับปากว่าจะไม่เอาเรื่องกับองค์ชายหกเรื่องนี้อีก?

แต่หยุนเจิงก็ตั้งมั่นใจเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าอย่างไรก็จะไปสังเวยชีวิต?

นี่มันเรื่องอะไรกันขอรับเนี่ย!

“องค์ชายหก รีบขอบพระทัยฝ่าบาทเถิด! อย่าทำให้ทรงกริ้วอีกเลย”

เวลานี้ จางฮว๋ายขุนนางสามราชวงศ์พูดโน้มน้าวแล้ว

“จริงพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายหก ฝ่าบาทกับพระสนมซูเฟยต่างให้อภัยท่านแล้ว…”

“องค์ชายหก อย่าก่อเรื่องอีกเลย พวกเรายังต้องเจรจาหารือปัญหาใหญ่กับฝ่าบาทอีกนะพ่ะยะค่ะ …”

ชั่วครู่หนึ่ง ผู้คนทั้งหมดในราชสำนักต่างมาพูดโน้มน้าวหยุนเจิง

พอหยุนเจิงได้ฟังคำพูดห้ามปรามโน้มน้าวของคนเหล่านนี้ ในใจได้แต่ลอบด่ามารดา

มารดาพวกเจ้าสิ!

ต้องเป็นเพราะวิธีเปิดบทละครของตนผิดพลาดแน่ๆ!

“เสด็จพ่อโปรดเมตตา!”

หยุนเจิงส่งเสียงดังขอร้องอีกรอบ “ลูกไม่มีปัญญาทำเรื่องอื่น ขอเพียงความตายของลูกสามารถปลุกขวัญกำลังใจให้กับบรรดากองทัพทหารและสามารถอุดปากผู้คนได้ อย่าให้ผู้คนใต้หล้าพูดได้ว่าราชวงศ์เรามีแต่คนรักตัวกลัวตายพ่ะย่ะค่ะ!”

“หากสามารถสำเร็จลุล่วงได้เพียงหนึ่งในสองข้อ ก็นับว่าความตั้งใจสำเร็จแล้ว!”

“หากเสด็จพ่อไม่อนุญาต ลูกคงทำได้เพียงวิ่งชนเสาในท้องพระโรงนี้ ใช้ความตายเป็นตัวพิสูจน์!”

สิ้นเสียงของหยุนเจิง ทันใดนั้นในท้องพระโรงก็ไม่มีแม้แต่เสียงนกกา

ทุกคนจับจ้องไปที่หยุนเจิงอย่างเหม่อลอย คิดไม่ถึงว่าเขาจะรั้นเพียงนี้

จักรพรรดิเหวินถูกคำพูดของหยุนเจิงกระตุ้นจนบันดาลโทสะ สีพระพักตร์เขียวคล้ำ ตะโกนเสียงทุ้มว่า “ได้! ในเมื่อเจ้าจะไปตายให้ได้ ข้าก็จะส่งเสริมเจ้า! ประกาศพระราชโองการ: แต่งตั้งองค์ชายหกหยุนเจิงเป็นแม่ทัพพยัคฆ์ และจะเลือกวันพิธีสมรสกับเสิ่นลั่วเยี่ยนบุตรีของท่านแม่ทัพเสิ่นหนานเจิง ภายในครึ่งเดือนหลังสมรส ให้เดินทางไปยังซั่วเป่ย…”

หยุนเจิงเพียงได้ยินคำพูดประโยคแรกของจักรพรรดิเหวินก็ดีใจจนจะเสียสติแล้ว

หากได้เป็นตำแหน่งเสี้ยวเว่ยในกองทหารก็นับว่าไม่เลวแล้ว!

คิดไม่ถึงว่า บิดาจำเป็นของเขาจะน้ำใจกว้างขวาง แถมยังแต่งตั้งให้เขาป็นแม่ทัพพยัคฆ์ด้วย!

แต่ว่า พอได้ยินประโยคหลัง หยุนเจิงก็สับสนแล้ว

ท่านพระราชทานกระบี่วิเศษมาให้ไม่ดีกว่าหรือไงเล่า!

พระราชทานพิธีสมรสทำไมเล่า?

โคตรบิดามารดาเจ้าสิ!

สตรีจะส่งผลต่อความเร็วในการชักกระบี่ของข้านะรู้ไหม!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 7

    ไม่ว่าหยุนเจิงจะยินยอมหรือไม่ จักรพรรดิเหวินก็ได้ออกราชโองการแล้ว เขาก็ทำได้แต่ยอมรับเอาเถอะ!แต่งงานพระราชทานก็พระราชทานมาเถอะ!เอาอำนาจทหารมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!จะยังไง จะดีจะร้ายยังไงตนก็ยังคงเป็นองค์ชายอยู่นะ!พิธีมงคลสมรสขององค์ชาย ต่อให้พวกขุนนางจะดูถูกตนมากเพียงใด อย่างไรก็ต้องเออออตามกันอืม ฉวยโอกาสทำเงิน!ยิ่งมากยิ่งดีมีทัพทหารม้าแล้วก็ต้องมีเงินมีเสบียงกรังด้วย!เพียงแต่ หากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องอยู่ที่เมืองหลวงอีกสักช่วงหนึ่งสินะ!พวกหยุนลี่กับซูเฟยก็ต้องฉวยโอกาสนี้แก้แค้นตนแน่ๆ!ช่วงเวลาที่อยู่เมืองหลวงนี้ เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงอันตรายมากแน่ๆต้องรีบหาวิธีรับมือ!“องค์ชายหก ช้าก่อน!”ขณะที่หยุนเจิงเดินไปคิดไปนั้น หัวหน้าขันทีมู่ซุ่นผู้รับใช้ข้างกายจักรพรรดิเหวินก็ไล่ตามเขามาหยุนเจิงหยุดฝีเท้า หันหลังกลับดูมู่ซุ่น “หัวหน้ามู่เรียกข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ”หยุนเจิงมองมู่ซุ่น จิตใจของเขาตื่นตระหนกขึ้นมามู่ซุ่นเป็นคนสนิทใกล้ตัวพ่อจำเป็นนั่นเชียวนะแม้แต่องค์รัชทายาทองค์ก่อนยังต้องให้เกียรติมู่ซุ่นถ้าหากว่าสามารถชักชวนมู่ซุ่นมาเป็นพวก…ไม่ช้า หยุนเจิงก็ยกเลิ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 8

    มู่ซุ่นหัวเราะเหอะๆ แล้วเหงยหน้ามองหยุนเจิง“ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงยกมือขึ้นเล็กน้อย ในใจคิดว่ามู่ซุ่นช่างเป็นผู้รู้ความจริงๆ“ขอบพระทัยเพคะ”ทั้งกลุ่มคนจึงยืดตัวยืนตรง“ฮูหยินเสิ่น ยินดีด้วย ยินดีด้วยจริงๆ!”เมื่อมู่ซุ่นเห็นฮูหยินเสิ่นเขาจึงรีบกล่าวยินดีฮูหยินเสิ่นยินดียิ่ง รีบถามขึ้นว่า “หัวหน้ามู่เจ้าคะ มีเรื่องอันใดให้ยินดีหรือ”มู่ซุ่นลีลาเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า “คุณหนูเสิ่นลั่วเยี่ยนอยู่ไหนหรือ”เสิ่นลั่วเยี่ยนพอได้ยิน ก็รีบก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าน้อยคาราวะท่านหัวหน้ามู่เจ้าค่ะ”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างละเอียดดวงตาสดใสฟันขาวสะอาด รูปร่างสูงเพรียวมีร่องรอยของความกล้าหาญระหว่างคิ้วนับว่าเป็นสาวงามที่ห้าวหาญ!มู่ซุ่นมองที่เสิ่นลั่วเยี่ยนแวบหนึ่ง แล้วส่งเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน “เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโอการ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจค้าง รีบคุกเข่าลงรับราชโองการ“ฝ่าบาทมีราชโองการ: ตระกูลเสิ่น จงรักภักดีมิเสื่อมคลาย มีศีลธรรมอันดี สมเป็นมาตรฐานของราชวงศ์เรา! วันนี้เป็นฤกษ์ดี มีราชโองการให้พระราชทานเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นพระชายาเอกขงอองค์ชายหก เลือกวั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 9

    เสิ่นเนี่ยนฉือ!เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปที่หลานสาวของตนนี่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของพี่ชายคนโตนาง!เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นเสิ่นเนี่ยนฉือร้องไห้โฮเพราะความตกใจ ใจนางจึงอ่อนลงเว่ยซวงรีบวิ่งไปอุ้มลูกสาวของตนมา ขอร้องน้ำตานองหน้า “ลั่วเยี่ยน พวกเราตายไม่เป็นไร แต่เนี่ยนฉือยังมีอายุไม่ถึงเจ็ดปีเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นหลานสาวมีน้ำตาอาบสองแก้ม มือที่กำหมัดแน่นของนางก็คลายออกตุ้บ!เสิ่นลั่วเยี่ยนคุกเข่าลง น้ำตาแห่งความเสียใจและความโกรธไหลผ่าน“หม่อมฉัน…รับราชโองการ ขอบพระทัยฝ่าบาท!”ขณะที่พูดสองประโยคนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนราวกับว่าตนได้ดึงพลังงานทั้งหมดออกจากร่างไปแล้วกระทั่งตอนที่เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโองการ สีหน้าของมู่ซุ่นจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นดี“เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับไปรายงานก่อน สำหรับเรื่องกำหนดวันสมรสนั้น จะแจ้งให้ทราบภายหลัง!”พูดไปมู่ซุ่นก็มองไปที่หยุนเจิง “องค์ชายหก พวกเรากลับวังกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“หัวหน้ามู่เชิญกลับก่อนเถอะ ข้าอยากจะพูดคุยกับพวกนางสักหน่อย”หยุนเจิงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “หัวหน้ามู่ คุณหนูเสิ่นตกใจจนเสียการควบคุม เรื่องในวันนี้ ขอหัวหน้ามู่รายงานเสด็

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 10

    “…”เสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้ากระตุกอย่างคุมไม่ได้ ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดว่า “ใครจะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะไม่ตายพร้อมกับเจ้า!” ต้องขนาดนี้เลยหรือ?ยัยเด็กโง่นี่!แค่หยอกล้อเล่นนิดหน่อย นางยังคิดถือเป็นจริงจัง?สติปัญญานาง ดูท่าแล้วคงไม่ได้สูงมากนัก?นางฝึกสมองแต่ไปขึ้นที่กล้ามเนื้อแล้วหรือไง?เสียงกบร้องระงม แมลงวันบินดังหวี่ๆ ทั้งวี่ทั้งวันไม่มีใครฟังไก่ขันเพียงยามเช้า แต่กลับปลุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากภวังค์ได้คำพูดหากไม่มีใครฟัง ก็อย่าได้พูดพล่ามเลยหยุนเจิงลอบหัวเราะในใจ แล้วพูดหยอกล้อขึ้นอีกว่า “เสด็จพ่อได้พระราชทานงานสมรสแล้ว หากพวกเราล้วนตกตายกันไปหมด คาดว่าเสด็จพ่อคงสั่งให้คนฝังเราไว้ด้วยกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนฟังคำพูดของหยุนเจิงใบหน้าก็กระตุกขึ้นมาอีกแม้กระทั่งความตายก็มิอาจพรากนางไปจากไอ้สวะนี่ได้งั้นหรือ?“เอาล่ะ”หยุนเจิงค่อยๆ ยืดตัวยืนขึ้น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสด็จพ่อได้ตัดสินพระทัยแล้ว ราชวงศ์เราในเวลานี้ก็มีเรื่องมากมาย พวกเจ้าก็อย่าได้ไปหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย” กล่าวจบ หยุนเจิงก็ปลีกตัวจากไปอย่างไรเขาก็ได้เตือนพวกนางแล้วหากพวกนางยังไม่ฟั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 11

    ในวังหลวงยามวิกาล“ตรวจสอบได้ความหรือยัง”จักรพรรดิเหวินเงยประพักตร์ขึ้นจ้องถามองค์รักษ์เงา“กราบทูลฝ่าบาท ตรวจสอบได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องค์รักษ์เงาค้อมกาย ค่อยๆ รายงานความจริงตามที่ได้สืบได้จากองครักษ์ที่จับตัวมาจากเรือนปี้ปัว“จับเข้าคุกสวรรค์?”จักรพรรดิเหวินตบไปที่กองฎีกา พูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่มีคำอนุญาตจากข้า แต่เจ้าสามกลับกล้าจับเจ้าหกเข้าคุกสวรรค์? มิน่าเล่า เจ้าหกจึงได้ตกใจกลัวจนมาขอความตายกับข้า!”จักรพรรดิเหวินกริ้วเป็นอย่างมาก หายใจหอบแรง“ฝ่าบาทได้โปรดคลายโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นที่รับใช้อยู่ข้างกายรีรบกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง “องค์ชายสามอาจจะแค่อยากหยอกล้อองค์ชายหกก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเสีย คนสนิทขององครัชทายาทได้ไปหาองค์ชายหกก่อนตาย…”จักรพรรดิเหวินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันสายตาไปมองมู่ซุ่น “เจ้าคิดว่าเจ้าหกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์รัชทยาท?”“เรื่องนี้…”มู่ซุ่นตัวกระตุกอย่างแรงแล้วรีบตอบว่า “บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่รู้? เช่นนั้นก็แปลว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะสิ?”จักรพรรดิเหวินส่งเสียงเหอะเบาๆ “หากเจ้าเป็นองค์รัชทายาท เจ้าจะคนไ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 12

    ที่พำนักของหยุนเจิงในตอนนี้ ยังเป็นที่พักที่เขาพักตั้งแต่สมัยยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำพอจักรพรรดิเหวินนึกถึงหยุนเจิง ในใจก็ลอบด่าว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ขึ้นอีกตนลืมเรื่องนี้ เขาเองก็ไม่กล้ามาทูลขอเลยหรือไง?ไร้ประโยชน์จริงๆ!หลังจากจักรพรรดิเหวินไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง ก็มีรับสั่งไปยังมู่ซุ่น “สั่งคนให้ไปทำความสะอาดจวนของอวี๋หมิ่น ขุนนางที่มีความผิดติดตัว ทำทั้งคืนจัดการให้สะอาด รุ่งเช้าวันพรุ่งให้ไปที่เรือนปี้ปัว พระราชทานแก่หยุนเจิง! บ่าวรับใช้ในจวน ให้จัดใหม่ตามกฎมณเฑียรบาล!”…จวนองค์ชายสามมีเสียงโอดครวญดังมาจากหยุนลี่เป็นครั้งคราวสวีสือฝู่กับซูเฟยมาเยี่ยมหยุนลี่ที่จวนพอเห็นสภาพของหยุนลี่ สองพี่น้องทั้งสงสารทั้งโกรธหยุนลี่ถูกสวะอย่างหยุนเจิงทำร้าย?ที่มันเรื่องตลกระดับฟ้าสวรรค์ยังต้องหัวเราะ!นอกจากจะโกรธเคืองแล้ว สวีสือฝู่ก็อดสั่งสอนหยุนลี่ไม่ได้ว่า “เจ้าเองก็เลอะเลือน เจ้าจะใส่ความอะไรสวะอย่างหยุนเจิงก็ได้ แต่กลับไปใส่ความว่าเขาเป็นพรรคพวกขององค์รัชทายาท! คำพูดนี้พอพูดออกไป อย่าว่าแต่พวกขุนนางบู๊บุ๋นในราชสำนักเลย ตัวเจ้าเองได้ยินแล้วเจ้าเชื่องั้นรึ?”หยุนเจิงติดตา

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 13

    วันรุ่งขึ้นเช้าตรู มู่ซุ่นก็มามอบราชโองการพอหยุนเจิงได้ยินรชโองการ ในใจทั้งยินดีทั้งเศร้าหมองที่ยินดีก็เพราะเขาไม่ต้องอยู่ในวังแล้ว สามารถทำอะไรในที่ลับได้บ้างแต่เขาก็กังวลว่าหากจู่ๆ จักรพรรดิเหวินรู้สึกผิดต่อตนเองขึ้นมา สมอเกิดทำงานผิดพลาด หลังพิธีสมรสก็ไม่ส่งตัวเขาไปซั่วเป่ยแล้วหากเป็นเช่นนั้น ก็แย่แล้วจริงๆ!ทว่า ต่อให้ตอนนี้เขาจะกังวลใจก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงรับราชโองการอย่างหน้าชื่นบานแม้ว่าหยุนเจิงจะอาศัยอยู่ในเรือนปี้ปัวมาหลายปี แต่ของของเขามีไม่มากแค่เก็บเพียงครู่ หยุนเจิงก็พาองครักษ์ทั้งคู่จากไปพอมาถึงจวนอวี๋ เขาเพิ่งจะพบว่าป้ายจวนอวี๋ถูกแกะลงมาแล้ว เปลี่ยนเป็นป้ายจวนองค์ชายหกพอดูป้ายชื่อแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าเร่งทำขึ้นมาทั้งคืน ฝีมือไม่ประณีตเท่าไหร่ แม้แต่สีน้ำมันที่ลงทับยังไม่ทันแห้งดีเสียด้วยซำ!“รับเสด็จองค์ชายหก!”คนในจวนรีบทำการคาราวะให้มันได้อย่างนี้สิ คนไม่น้อยเลยหากรวมชายหญิงทั้งหมดแล้ว น่าจะมีสามสิบกว่าคนในคนพวกนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสาวรับใช้กับคนสวนยังมีองครักษ์อีกหกนายทว่า คนพวกนี้คงเป็นคนที่จักรพรรดิเหวินให้คนจัดหามาให้ ในใจหยุนเจิงเกิ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 14

    พอเห็นหยุนเจิงเดินเข้ามา พวกคนในห้องก็รีบลุกขึ้นทำการคาราวะแม้กระทั่งคนที่มีนิสัยแข็งกระด้างอย่างเสิ่นลั่วเยี่ยนยังลุกขึ้นคาราวะเอ๋?หยุนเจิงประหลาดใจพวกนางเปลี่ยนนิสัยไวมาก?เมื่อวานไม่ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท วันนี้ก็เลยยอมรับความจริงแล้ว?“ล้วนเป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้หรอก!”หยุนเจิงหัวเราะ สายตาของเขากวาดไปเจอชายหนุ่มที่มีราศีวีรบุรุษ “เจ้าเป็นใคร” ชายหนุ่มมีแววดูถูกพาดผ่านตาไปแวบหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นตอบว่า “ทูลองค์ชาย ข้าหยวนกุยนายกองทหารม้าแห่งหน่วยทหารรักษาเมืองตะวันออก บิดาคือแม่ทัพหยวนฉงแห่งหน่วยทหารรักษาเมืองตะวันออก”หยวนฉง?พวกองค์ชายสาม?หยุนเจิงในใจกระตุกเมื่อวานตอนอยู่ในท้องพระโรง หยวนฉงเป็นคนที่โลดเต้นอย่างยินดีมากที่สุดคนหนึ่ง!ในเมื่อเป็นคนขององค์ชายสาม เช่นนั้นก็อย่าหาว่าตนไม่เกรงใจแล้วกัน!“ที่แท้ก็คือนายกองทหารม้าหยวนนี่เอง”หยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ แล้วถามขึ้นว่า “นายกองทหารม้าหยวนวันนี้มาทำอะไรหรือ”หยวนกุยยิ้มจนคิ้วยิ้มตาม พูดขึ้นอย่างไม่เสแสร้างว่า “ขข้าได้ยินว่าคุณหนูเสิ่นอารมณ์ไม่ดี จึงได้ตั้งใจ…”“อะแฮ่มๆ…”เยี่ยจื่อกระแอมไอเบาๆ ตัด

บทล่าสุด

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1470

    เมื่อเจอคำขู่ของหยุนเจิง หยุนลี่ถึงกับตัวสั่นไปทั้งร่างด้วยความโกรธ ลังเลอยู่นาน ในที่สุดหยุนลี่ก็กัดฟันยอมรับ "ตกลง สี่ล้านตำลึง! เหมือนกับเรื่องเสบียง ให้ชำระภายในสิ้นปี!" เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา หยุนลี่แทบกระอักเลือด เขาเคยคิดไว้ว่าจะพึ่งจางซูผู้เป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติเพื่อหาเงินได้อย่างมหาศาล ตอนนี้ เงินหาได้มาก็จริง แต่ยังไม่ทันได้ใช้ให้คุ้ม เจ้าสุนัขตัวนี้ก็มาจ้องตาเป็นมันแล้ว แถมยังต้องควักทุนสำรองออกมา และไปยืมเงินจากคนอื่นอีก! "ทีนี้มาพูดเรื่องช่างฝีมือกันเถอะ!" หยุนเจิงยิ้มอย่างพึงพอใจ "อย่ามาพูดเรื่องไปหาเอาจากกรมโยธาเลย แค่ช่างต่อเรือสองพันคนเอง ไม่ใช่ว่าสร้างเรือรบสองพันลำ! ข้าอาจไม่ยุ่งเรื่องในราชสำนัก แต่ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ยากสำหรับเจ้า" ไม่ยาก? ในใจหยุนลี่ด่าไม่หยุด นี่มันช่างต่อเรือที่มีการลงทะเบียนเอาไว้! ล้วนมีทะเบียนช่างฝีมืออยู่! ไม่ใช่พวกผู้อพยพสองพันคน! "หนึ่งพัน!" หยุนลี่พยายามระงับโทสะ "จะเคลื่อนย้ายคนที่มีทะเบียนช่างฝีมือเยอะๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย! การควบคุมช่างต่อเรืออาจไม่เข้มงวดเท่าช่างทำเกราะ แต่ถ้ามีทะเบียนติดตัว..."

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1469

    ในห้องของหยุนเจิง เพิ่งจะจัดการความยุ่งเหยิงเรียบร้อย หยุนลี่ก็โผล่มาพอดี ในเวลานั้น หยุนเจิงเพิ่งจะตั้งตัวได้จากเรื่องวุ่นวายที่เกิดกับเจียเหยา "เจ้าหก เจ้าวางแผนได้ดีจริง!" หยุนลี่กำหมัดแน่น กัดฟันพูดว่า "ว่ามา เจ้าอยากได้อะไร?" หยุนลี่ไม่คิดจะอ้อมค้อมกับหยุนเจิง เจ้าสุนัขนี่วางแผนแบบนี้ก็เพื่อจะหาประโยชน์จากตนเองเท่านั้น หากมัวแต่เลี่ยงไปเลี่ยงมา คนที่ต้องเจ็บใจก็คือตัวเองอยู่ดี "พี่สาม ใจเด็ดดีจริง!" หยุนเจิงหัวเราะเสียงดัง "เงินห้าล้านตำลึง กับช่างต่อเรืออีกสองพันคน!" "เจ้า..." หยุนลี่โกรธจนแทบระเบิด กัดฟันตะโกน "ทำไมเจ้าไม่ไปปล้นเอาเลยล่ะ?" เจ้าสัตว์เดรัจฉาน! ยังแย่กว่าเดรัจฉานเสียอีก! เขารู้อยู่แล้วว่าหยุนเจิงต้องเรียกร้องมากแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ เงินห้าล้านตำลึง? ตนจะหาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน? แม้จะมีจางซูผู้เปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งโชคลาภช่วยหาเงิน แต่แม่เจ้า ก็ไม่ถึงขนาดนี้! ซั่วเป่ยก็ยกให้เขาไปแล้ว! เขายังมาอ้อมค้อมขอเงินและเสบียงจากราชสำนักอีก? ไม่สิ ต้องบอกว่าขอจากตนต่างหาก! เขาเสียใจจริงๆ ที่ตอนนั้นปล่อยเจ้าหมอนี่ออกจากเมืองหล

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1468

    เอาได้เท่าไรก็เท่านั้น หยุนเจิงหัวเราะเมื่อได้ยิน “เจ้าชอบว่าข้าว่าหน้าหนา แต่ดูเจ้าสิ ก็ไม่ได้บางไปกว่าข้าเลย!” เจียเหยาหัวเราะเบาๆ “ข้านี่แหละเรียนจากเจ้าไง?” “เช่นนั้นรบกวนเจ้าจ่ายค่าเล่าเรียนมาก่อนนะ” หยุนเจิงพูดพลางยื่นมือไปทางเจียเหยา เจียเหยาทำหน้างง ก่อนจะตบมือหยุนเจิงเบาๆ ทันทีที่มือของเจียเหยาสัมผัส ถูกลูกธนูหลายดอกยิงเข้ามาในห้องด้วยเสียง “ฟิ้ว ฟิ้ว” มีลูกธนูสองดอกที่ทะลุผ่านผ้าห่มด้านนอกมากระแทกบนโต๊ะ เกิดเสียง "ตึบ ตึบ" เจียเหยาตั้งใจจะพุ่งไปหยิบแส้ของนางที่ข้างเตียง แต่ถูกหยุนเจิงดึงตัวไว้ เจียเหยาเสียหลัก ล้มเข้าไปในอ้อมอกของหยุนเจิงทันที “ฟิ้ว ฟิ้ว…” ลูกธนูยังคงยิงเข้ามาในห้องอย่างต่อเนื่อง สองคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังโต๊ะเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วน เจียเหยาจ้องมองหยุนเจิงอย่างมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งสังเกตถึงสิ่งแปลกประหลาดก่อนจะถามด้วยใบหน้าแดงซ่าน “เจ้ายังพกของเล่นที่ทำไว้ให้ลูกติดตัวอยู่หรือ?” พูดจบ เจียเหยาก็คว้าสิ่งที่ดันตัวนางอยู่ พร้อมกระตุกมันออกมา นางอยากรู้ว่ามันคืออะไร ที่หยุนเจิงทำหล่นเมื่อคราวก่อน “อย่า…” หยุนเจิงพยายามห้าม แต

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1467

    โต๊ะในห้องของเขาทั้งสองมีขนาดแค่นั้น ซ่อนตัวคนเดียวก็ดูกว้างขวางดี แต่พอซ่อนตัวสองคนหลังโต๊ะ ก็รู้สึกค่อนข้างแคบลง ในระยะนี้ หยุนเจิงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเจียเหยาอย่างชัดเจน นางคงจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าใช่สบู่หอมหรือเปล่า หรือว่านางเหมือนเยี่ยจื่อ ที่ใส่กลีบดอกไม้จำนวนมากในอ่างอาบน้ำ หรือจะเป็นการอาบน้ำด้วยน้ำอบหอม? จู่ๆ ภาพเจียเหยาขณะอาบน้ำก็ผุดขึ้นมาในหัวของหยุนเจิง ทันใดนั้น หยุนเจิงรู้สึกเหมือนมีคนดึงตัวเขา จนถึงตอนนี้ หยุนเจิงถึงได้รู้สึกตัว หยุนเจิงหันศีรษะไป ก็เห็นเจียเหยาจ้องเขาด้วยสายตาสงสัย “อะไร? บนหน้าข้ามีดอกไม้หรือ?” หยุนเจิงถามด้วยสีหน้างงงวย “อะไร? ข้ากำลังอยากถามเจ้าว่ากำลังทำอะไรอยู่?” เจียเหยาหัวเราะเล็กน้อย “ข้าพูดกับเจ้านานแล้ว แต่เจ้าไม่มีปฏิกิริยาเลย ข้ายังคิดว่าเจ้าถูกผีสิงเสียอีก!” “หา?” “เช่นนั้นหรือ?” หยุนเจิงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ในใจ บ้าจริง! ยังไม่ทันถึงฤดูใบไม้ผลิเลย! เขานี่กำลังคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่? หยุนเจิงรีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนพูดด้วยท่าทีจริงจัง “เมื่อครู่ข้ากำลังคิดบางเรื่อง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1466

    เจียเหยาโกรธ “ข้าไม่ได้สงสัยว่าเจ้ามีสิ่งนั้นอยู่ในมือหรือไม่ ข้าแค่ถามไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น!” “ข้าบอกให้เจ้าไป ก็ต้องไป!” หยุนเจิงจ้องเจียเหยาทีหนึ่ง “แม้ว่าเจ้าจะวิ่งกลับไป ถ้าสถานการณ์ในเป่ยหวนไม่ดี เจ้าก็ต้องวิ่งมาหาข้าอยู่ดี วิ่งไปวิ่งมานี่เจ้าไม่เหนื่อยหรือ? หรือเจ้าอยากทรมานตัวเองจนตายเพื่อแก้แค้นข้า?” “ข้า…” เจียเหยาอึ้งจนพูดไม่ออก แต่ว่า คิดดูแล้วก็จริง หากสถานการณ์ในเป่ยหวนไม่ดี นางก็ต้องมาหาหยุนเจิงอยู่ดี คิดแบบนี้ การวิ่งไปมานั้นเหนื่อยมากจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไปดูเขาขยายช่องเขาหลางหยาก็น่าสนใจ “ก็ได้ ข้าจะฟังเจ้า” เจียเหยาพยักหน้าเบาๆ ก่อนถามด้วยสีหน้าล้อเลียน “เจ้ารู้สึกสงสารข้าหรือ?” “เจ้าอยากให้ข้าสงสารเจ้าหรือ?” หยุนเจิงถามกลับ “แน่นอน!” เจียเหยาตอบทันที “ถ้ามองในมุมของข้า ยิ่งเจ้าสงสารข้า ข้าและเป่ยหวนก็ยิ่งได้ประโยชน์” หยุนเจิงยักไหล่ “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าสงสารเจ้าก็แล้วกัน อย่างไรเจ้าก็คิดอะไรก็ได้ที่ทำให้เจ้ามีความสุข” สงสารเจียเหยาหรือ? ก็มีอยู่เล็กน้อยแหล่ะ! ทว่าก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็เพื่อรักษาอำนาจข่มขู่เจียเห

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1465

    มีเรื่องต้องทำอีก?หยุนเจิงไม่กล้าจะเข้าหอกับนาง แล้วจะมีเรื่องอะไรอีก? “อย่าถามแล้ว รีบกินเถอะ! ไม่อย่างนั้น เดี๋ยวก็ไม่มีอะไรกินแล้ว!” หยุนเจิงไม่ได้อธิบายอะไรมาก และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบาย เมื่อเห็นว่าหยุนเจิงไม่อยากพูดมาก เจียเหยาก็รู้ตัวและไม่ซักถามอีก “เจ้าไม่ดื่มกับข้าสักจอกจริงๆ หรือ?” เจียเหยาช้อนตาขึ้นมอง ใบหน้าฉายแววเศร้าสร้อยเล็กน้อย “นี่ก็คือสุรามงคลของเรา แม้จะเป็นเพียงพิธีผ่านๆ แต่สำหรับข้า นี่คืองานแต่งครั้งเดียวในชีวิต…” “เจ้าอย่ามายั่วข้าเลย” หยุนเจิงทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ข้านี่แหละเป็นคนที่แพ้ความงามที่สุด” “ข้ากลับหวังว่าเจ้าจะแพ้ความงามบ้าง” เจียเหยาหัวเราะเยาะตัวเอง “พูดตรงๆ เจ้าไม่ได้แค่ทำลายความมั่นใจในสนามรบของข้า แต่ยังทำให้ข้าหมดความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองด้วย” หยุนเจิงเอียงศีรษะมองเจียเหยาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “นี่เจ้าคิดจะใช้แผนแกล้งอ่อนล่อศัตรูหรือเปล่า?” “ใครกันที่ทำตัวอ่อนข้อให้เจ้า?” เจียเหยาฮึดฮัดเบาๆ อย่างขี้เล่น “เจ้าไม่คิดหรือว่าการแต่งงานครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ดื่มสุราป้อนกัน มันน่าเสียดาย?” เสียดายหรือ? ก็น่าเสียดายจริงๆ อยา

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1464

    พระราชโองการของจักรพรรดิเหวินมิได้แต่งตั้งให้หยุนเจิงเป็นเพียงฟู่โจวผู้ตรวจการมณฑลเท่านั้น แต่ยังประกาศจัดตั้งเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนืออีกด้วย เมื่อหยุนลี่อ่านพระราชโองการให้บรรดาขุนนางฟัง ทุกคนต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง การจัดตั้งเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือนั้นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจนัก แม้จะยังไม่ได้ประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการมาก่อน แต่ข่าวการจัดตั้งนั้นแพร่สะพัดออกไปนานแล้ว การประกาศครั้งนี้เป็นเพียงการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ตรวจการมณฑลฟู่โจวนี่มันอะไรกัน? หยุนเจิงก็เป็นทั้งเจ้าเมืองซั่วเป่ยและแม่ทัพใหญ่ประจำชาติอยู่แล้ว! ตอนนี้จักรพรรดิเหวินยังแต่งตั้งให้หยุนเจิงควบตำแหน่งฟู่โจวผู้ตรวจการมณฑลอีกหรือ? นี่บ้าหรือเปล่า? การแต่งตั้งให้หยุนเจิงเป็นผู้ตรวจการมณฑลฟู่โจว เท่ากับว่าราชสำนักเปิดทางให้หยุนเจิงโดยสมบูรณ์เลยมิใช่หรือ? ไม่มีใครรู้ว่าทำไมจักรพรรดิเหวินถึงตัดสินใจเช่นนี้ แต่เมื่อรวมกับท่าทีอ่อนแอของจักรพรรดิเหวิน ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงบรรยากาศผิดปกติบางอย่าง “ลูกขอรับพระราชโองการด้วยใจขอบพระคุณ!” หยุนเจิงกล่าวรับพระราชโองการด้วยเสียงดัง “น้

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1463

    วันถัดมา หยุนเจิงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจียเหยา ตามธรรมเนียม หยุนเจิงยังคงรีบไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิเหวินเพื่อถวายพระพรในยามเช้า หลังจากได้พักผ่อนหนึ่งคืน สีพระพักตร์ของจักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิเหวินที่ประทับอยู่ตรงนั้นยังคงดูมีพระอาการอ่อนล้า ถ้าไม่ใช่เพราะสายพระเนตรที่จักรพรรดิเหวินแอบส่งมา หยุนเจิงคงคิดว่าตาแก่คนนี้ประชวรจริงๆ ต้องยอมรับว่าตาแก่นี่เล่นละครได้เก่งจริงๆ จักรพรรดิเหวินไม่มีพระทัยมากนัก ตรัสเพียงไม่กี่ประโยคอย่างเป็นพิธี แล้วก็ส่งหยุนเจิงกลับไป หยุนเจิงถวายบังคมลา จากนั้นจึงนำขบวนใหญ่ไปยังที่พักชั่วคราวของเจียเหยาเพื่อรับตัวเจ้าสาว พิธีทั้งหมดเหมือนกับตอนที่เขาอภิเษกสมรสกับเสิ่นลั่วเยี่ยน แม้ว่าเจียเหยาจะไม่ได้เป็นพระชายาเอก แต่ครั้งนี้คือพิธีอภิเษกสมรสระหว่างสองแคว้น ขนาดของพิธีนี้ยิ่งใหญ่กว่าตอนที่เขารับเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นชายาเสียอีก เมื่อมาถึงที่พักชั่วคราวของเจียเหยา ขุนนางกรมพิธีการกล่าววาจาเยิ่นเย้ออยู่พักใหญ่ จากนั้นหยุนเจิงจึงเชิญเจียเหยาขึ้นเกี้ยวใหญ่ที่เตรียมไว้ ด้านหน้าเกี้ยวมีทหารองครักษ์องอาจสง่ากำลังเป

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1462

    ข้าไม่กล้ามอบต้าเฉียนให้กับเจ้า และไม่อาจให้เจ้าด้วย! ด้านนอกห้องหยุนลี่แสดงความกังวลอย่างหนัก ถามไถ่หมอหลวงถึงอาการของจักรพรรดิเหวิน หมอหลวงสีหน้าลำบาก ตอบด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง "ฝ่าบาทชีพจรผิดปกติ มีไฟในหัวใจล้นหลาม กระหม่อมวินิจฉัยโรคของฝ่าบาทไม่ได้ และไม่กล้าจ่ายยาโดยสะเปะสะปะ..." หยุนลี่โกรธจัด แววตาเย็นชาเปล่งประกาย "เจ้าเป็นหมอหลวงประเภทไหนกัน? ถึงไม่รู้ว่าเสด็จพ่อป่วยเป็นโรคอะไร?" "กระหม่อมไร้ความสามารถ..." เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากหมอหลวง หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินคำพูดของหมอหลวง หยุนลี่ยิ่งโมโหจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อครั้งที่เขาเพิ่งเป็นองค์รัชทายาท เขาหวังเพียงให้จักรพรรดิเหวินสิ้นพระชนม์อย่างรวดเร็วเพื่อเขาจะได้ครองราชย์โดยราบรื่น แต่ตอนนี้ เขาต้องการให้จักรพรรดิเหวินยังมีชีวิตอยู่! เพราะตราบใดที่จักรพรรดิเหวินยังอยู่ หยุนเจิงก็จะไม่กล้าก่อความวุ่นวาย! "ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีใด แต่ต้องรักษาเสด็จพ่อให้หาย!" หยุนลี่พยายามควบคุมสติ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียมมองไปที่หมอหลวง "หากรักษาเสด็จพ่อไม่ได้ เจ้าก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่!"

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status