แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: เหลียงซานเหลากุ่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-01-31 11:43:56
มู่ซุ่นหัวเราะเหอะๆ แล้วเหงยหน้ามองหยุนเจิง

“ไม่ต้องมากพิธี!”

หยุนเจิงยกมือขึ้นเล็กน้อย ในใจคิดว่ามู่ซุ่นช่างเป็นผู้รู้ความจริงๆ

“ขอบพระทัยเพคะ”

ทั้งกลุ่มคนจึงยืดตัวยืนตรง

“ฮูหยินเสิ่น ยินดีด้วย ยินดีด้วยจริงๆ!”

เมื่อมู่ซุ่นเห็นฮูหยินเสิ่นเขาจึงรีบกล่าวยินดี

ฮูหยินเสิ่นยินดียิ่ง รีบถามขึ้นว่า “หัวหน้ามู่เจ้าคะ มีเรื่องอันใดให้ยินดีหรือ”

มู่ซุ่นลีลาเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า “คุณหนูเสิ่นลั่วเยี่ยนอยู่ไหนหรือ”

เสิ่นลั่วเยี่ยนพอได้ยิน ก็รีบก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าน้อยคาราวะท่านหัวหน้ามู่เจ้าค่ะ”

หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างละเอียด

ดวงตาสดใสฟันขาวสะอาด รูปร่างสูงเพรียว

มีร่องรอยของความกล้าหาญระหว่างคิ้ว

นับว่าเป็นสาวงามที่ห้าวหาญ!

มู่ซุ่นมองที่เสิ่นลั่วเยี่ยนแวบหนึ่ง แล้วส่งเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน “เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโอการ!”

เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจค้าง รีบคุกเข่าลงรับราชโองการ

“ฝ่าบาทมีราชโองการ: ตระกูลเสิ่น จงรักภักดีมิเสื่อมคลาย มีศีลธรรมอันดี สมเป็นมาตรฐานของราชวงศ์เรา! วันนี้เป็นฤกษ์ดี มีราชโองการให้พระราชทานเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นพระชายาเอกขงอองค์ชายหก เลือกวันสมรสเป็นวันที่…”

วิ้ง!

เมื่อเสียงของมู่ซุ่นดังขึ้น ในหูของคนตระกูลเสิ่นดังอื้ออึงวิ้งๆ

จักรพรรดิเหวินพระราชทานงานสมรสให้เสิ่นลั่วเยี่ยน?

แถมยังพระราชทานให้แก่องค์ชายหกผู้ไร้ความสามารถนั่น?

เสิ่นลั่วเยี่ยนเสียใจและโกรธแค้นยิ่งนัก ความโกรธเต็มใบหน้า

เมื่อครู่ที่สวนดอกไม้หลังจวน นางเพิ่งหัวเราะเยาะองค์ชายหกว่าเป็นเศษสวะไร้ความสามารถ ในชั่วพริบตา องค์ชายหกได้กลายมาเป็นสวามีของตน?

จนกระทั่งมู่ซุ่นอ่านพระราชโองการจบ ทุกคนยังคงตกอยู่ในภวังค์

“พระชายาองค์ชายหก โปรดรับราชโองการ!”

มู่ซุ่นหัวเราะเหอะๆ ไปทางเสิ่นลั่วเยี่ยน

เสิ่นลั่วเยี่ยนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองดูมู่ซุ่นที่ถือราชโองการมาทางตน นางลุกขึ้นพรวดทันที พูดด้วยสีหน้าโกรธแค้นว่า “รบกวนหัวหน้ามู่กราบเรียนฝ่าบาทด้วยว่า ข้าน้อยมิกล้ารรับราชโองการ”

“บังอาจ!”

มู่ซุ่นสีหน้าเปลี่ยนสี “เสิ่นลั่วเยี่ยน เจ้าจะขัดราชโองการรึ?”

“ใช่เจ้าค่ะ ข้าจะขัดราชโองการ!” เสิ่นลั่วเยี่ยนตะโกนสุดเสียง

“สามหาว!”

มู่ซุ่นสีหน้าเย็นเยียบ “เจ้ารู้ไหมว่า ขัดราชโองการ จะมีโทษสถานใด?”

“ก็แค่ตายมิใช่รึ”

เสิ่นลั่วเยี่ยนน้ำตารื้น เงยหน้าของนางขึ้นสูง กัดฟันพูด “ท่านกลับไปรายงานฝ่าบาทตอนนี้ได้เลยว่า ข้าน้อยจะรอฝ่าบาทพระราชทานสุราพิษหรือไม่ก็ผ้าขาวผูกคออยู่ที่บ้าน”

หยุนเจิงฟังคำพูดของเสิ่นลั่วเยี่ยน เขาก็ตกตะลึงในใจ

แม่นางผู้นี้แข็งกร้าวขนาดนี้เชียว?

กล้าขัดราชโองการต่อหน้าทุกคน แถมยังขอให้ฮ่องเต้พระราชทานความตายให้?

นี่ทำไมนิสัยเหมือนตนขนาดนี้?

ทว่า ตนร้องขอความตาย แต่ใจจริงยังอยากมีชีวิตอยู่

แต่นี่นางร้องขอความตาย ดูเหมือนจะอยากตายจริงๆ!

แล้วนี่ ตนแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ยอมตายยังจะดีกว่าแต่งงานกับตน?

ขัดราชโองการต่อหน้าผู้คน นี่นางคิดว่าเล่นลิเกอยู่หรือไง?

“เจ้าคิดว่า ขัดราชโองการไม่ยอมทำตาม เพียงแค่สั่งประหารเจ้าก็พองั้นหรือ?”

มู่ซุ่นจ้องตาเขม็งไปที่เสิ่นลั่วเยี่ยน “ตามกฎมณเฑียรบ้านของราชวงศ์ ผู้ใดที่ขัดต่อราชโองการ ต้องได้รับโทษประหารสามตระกูล!”

ประหารสามตระกูล?

เมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ของมู่ซุ่นนางก็ตะลึงงัน ท่าทีก็อ่อนลงเล็กน้อย

จนถึงตอนนี้ ผู้คนในตระกูลเสิ่นเพิ่งจะหลุดออกจากภวังค์

พี่สะใภ้ใหญ่เว่ยซวงมองไปที่ลูกสาววัยหกขวบของตน จึงรีบดึงตัวเสิ่นลั่วเยี่ยน ร้องขอเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าอย่าทำตามใจตัวเองเลยนะ หากเจ้าไม่นึกถึงตัวเอง ก็นึกถึงตระกูลเสิ่นบ้าง!”

พูดไป เว่ยซวงก็รีบหันหน้าไปมองแม่สามีของตน

ไฟโกรธในใจฮูหยินเสิ่นกระเพื่อมขึ้นอย่างแรง นางต้องรีบสยบไฟโกรธลง

สักพักใหญ่ ฮูหยินเสิ่นประสานสองมือยกขึ้นเหนือศีรษะ กัดฟันถาม “หัวหน้ามู่ ตระกูลเสิ่นข้ามีโทษสถานใดหรือ เหตุใดฝ่าบาทจึงได้ทำต่อตระกูลเสิ่นเราเช่นนี้”

มู่ซุ่นจ้องที่ฮูหยินเสิ่น “ฮูหยินเสิ่น นี่เป็นเพราะฝ่าบาททรงคำนึงถึงคุณงามความดีที่เหล่าแม่ทัพทั้งหลายของตระกูลเสิ่นได้เสียสละชีวิต จึงได้พระราชทานพิธีสมรสนี้ นับเป็นพระมหากรุณาอย่างยิ่ง!”

“พระมหากรุณา?”

ฮูหยินเสิ่นโกรธจนตาเบิกโพลง “เห็นชัดๆ ว่ากำลังรังแกพวกเราหญิงหม้ายตระกูลเสิ่น!”

“ฮูหยินเสิ่น ระวังคำพูดด้วย!”

มู่ซุ่นสีหน้าเย็นชา พูดขึ้นอย่างเข้มงวดว่า “จากนี้ไป ตระกูลเสิ่นก็จะเป็นเครือญาติของเชื้อพระวงศ์แล้ว! นี่ยังไม่นับเป็นพระมหากรุณาอีกรึ?”

มู่ซุ่นพูดไป แล้วจ้องมองไปทางเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างเย็นชา “คุณหนูเสิ่น เห็นแก่ความเสียสละของบิดาเจ้า ข้าขอให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง! หากเจ้ายังไม่ยอมรับพระราชโองการ ก็จะได้รับโทษตามนั้นแล้ว!”

สิ้นเสียงมู่ซุ่น เหล่าองครักษ์อวี่หลินที่ติดตามมาก็ได้วางมือไว้บนอาวุธแล้ว

ภายในพริบตาเดียว บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้น

“แง้…”

ทันใดนั้น เสียงร้องไห้จ้าของเด็กสาวก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศที่หนักอึ้งนี้เสีย......

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 9

    เสิ่นเนี่ยนฉือ!เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปที่หลานสาวของตนนี่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของพี่ชายคนโตนาง!เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นเสิ่นเนี่ยนฉือร้องไห้โฮเพราะความตกใจ ใจนางจึงอ่อนลงเว่ยซวงรีบวิ่งไปอุ้มลูกสาวของตนมา ขอร้องน้ำตานองหน้า “ลั่วเยี่ยน พวกเราตายไม่เป็นไร แต่เนี่ยนฉือยังมีอายุไม่ถึงเจ็ดปีเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นหลานสาวมีน้ำตาอาบสองแก้ม มือที่กำหมัดแน่นของนางก็คลายออกตุ้บ!เสิ่นลั่วเยี่ยนคุกเข่าลง น้ำตาแห่งความเสียใจและความโกรธไหลผ่าน“หม่อมฉัน…รับราชโองการ ขอบพระทัยฝ่าบาท!”ขณะที่พูดสองประโยคนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนราวกับว่าตนได้ดึงพลังงานทั้งหมดออกจากร่างไปแล้วกระทั่งตอนที่เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโองการ สีหน้าของมู่ซุ่นจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นดี“เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับไปรายงานก่อน สำหรับเรื่องกำหนดวันสมรสนั้น จะแจ้งให้ทราบภายหลัง!”พูดไปมู่ซุ่นก็มองไปที่หยุนเจิง “องค์ชายหก พวกเรากลับวังกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“หัวหน้ามู่เชิญกลับก่อนเถอะ ข้าอยากจะพูดคุยกับพวกนางสักหน่อย”หยุนเจิงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “หัวหน้ามู่ คุณหนูเสิ่นตกใจจนเสียการควบคุม เรื่องในวันนี้ ขอหัวหน้ามู่รายงานเสด็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-31
  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 10

    “…”เสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้ากระตุกอย่างคุมไม่ได้ ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดว่า “ใครจะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะไม่ตายพร้อมกับเจ้า!” ต้องขนาดนี้เลยหรือ?ยัยเด็กโง่นี่!แค่หยอกล้อเล่นนิดหน่อย นางยังคิดถือเป็นจริงจัง?สติปัญญานาง ดูท่าแล้วคงไม่ได้สูงมากนัก?นางฝึกสมองแต่ไปขึ้นที่กล้ามเนื้อแล้วหรือไง?เสียงกบร้องระงม แมลงวันบินดังหวี่ๆ ทั้งวี่ทั้งวันไม่มีใครฟังไก่ขันเพียงยามเช้า แต่กลับปลุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากภวังค์ได้คำพูดหากไม่มีใครฟัง ก็อย่าได้พูดพล่ามเลยหยุนเจิงลอบหัวเราะในใจ แล้วพูดหยอกล้อขึ้นอีกว่า “เสด็จพ่อได้พระราชทานงานสมรสแล้ว หากพวกเราล้วนตกตายกันไปหมด คาดว่าเสด็จพ่อคงสั่งให้คนฝังเราไว้ด้วยกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนฟังคำพูดของหยุนเจิงใบหน้าก็กระตุกขึ้นมาอีกแม้กระทั่งความตายก็มิอาจพรากนางไปจากไอ้สวะนี่ได้งั้นหรือ?“เอาล่ะ”หยุนเจิงค่อยๆ ยืดตัวยืนขึ้น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสด็จพ่อได้ตัดสินพระทัยแล้ว ราชวงศ์เราในเวลานี้ก็มีเรื่องมากมาย พวกเจ้าก็อย่าได้ไปหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย” กล่าวจบ หยุนเจิงก็ปลีกตัวจากไปอย่างไรเขาก็ได้เตือนพวกนางแล้วหากพวกนางยังไม่ฟั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-31
  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 11

    ในวังหลวงยามวิกาล“ตรวจสอบได้ความหรือยัง”จักรพรรดิเหวินเงยประพักตร์ขึ้นจ้องถามองค์รักษ์เงา“กราบทูลฝ่าบาท ตรวจสอบได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องค์รักษ์เงาค้อมกาย ค่อยๆ รายงานความจริงตามที่ได้สืบได้จากองครักษ์ที่จับตัวมาจากเรือนปี้ปัว“จับเข้าคุกสวรรค์?”จักรพรรดิเหวินตบไปที่กองฎีกา พูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่มีคำอนุญาตจากข้า แต่เจ้าสามกลับกล้าจับเจ้าหกเข้าคุกสวรรค์? มิน่าเล่า เจ้าหกจึงได้ตกใจกลัวจนมาขอความตายกับข้า!”จักรพรรดิเหวินกริ้วเป็นอย่างมาก หายใจหอบแรง“ฝ่าบาทได้โปรดคลายโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นที่รับใช้อยู่ข้างกายรีรบกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง “องค์ชายสามอาจจะแค่อยากหยอกล้อองค์ชายหกก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเสีย คนสนิทขององครัชทายาทได้ไปหาองค์ชายหกก่อนตาย…”จักรพรรดิเหวินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันสายตาไปมองมู่ซุ่น “เจ้าคิดว่าเจ้าหกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์รัชทยาท?”“เรื่องนี้…”มู่ซุ่นตัวกระตุกอย่างแรงแล้วรีบตอบว่า “บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่รู้? เช่นนั้นก็แปลว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะสิ?”จักรพรรดิเหวินส่งเสียงเหอะเบาๆ “หากเจ้าเป็นองค์รัชทายาท เจ้าจะคนไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-31
  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 12

    ที่พำนักของหยุนเจิงในตอนนี้ ยังเป็นที่พักที่เขาพักตั้งแต่สมัยยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำพอจักรพรรดิเหวินนึกถึงหยุนเจิง ในใจก็ลอบด่าว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ขึ้นอีกตนลืมเรื่องนี้ เขาเองก็ไม่กล้ามาทูลขอเลยหรือไง?ไร้ประโยชน์จริงๆ!หลังจากจักรพรรดิเหวินไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง ก็มีรับสั่งไปยังมู่ซุ่น “สั่งคนให้ไปทำความสะอาดจวนของอวี๋หมิ่น ขุนนางที่มีความผิดติดตัว ทำทั้งคืนจัดการให้สะอาด รุ่งเช้าวันพรุ่งให้ไปที่เรือนปี้ปัว พระราชทานแก่หยุนเจิง! บ่าวรับใช้ในจวน ให้จัดใหม่ตามกฎมณเฑียรบาล!”…จวนองค์ชายสามมีเสียงโอดครวญดังมาจากหยุนลี่เป็นครั้งคราวสวีสือฝู่กับซูเฟยมาเยี่ยมหยุนลี่ที่จวนพอเห็นสภาพของหยุนลี่ สองพี่น้องทั้งสงสารทั้งโกรธหยุนลี่ถูกสวะอย่างหยุนเจิงทำร้าย?ที่มันเรื่องตลกระดับฟ้าสวรรค์ยังต้องหัวเราะ!นอกจากจะโกรธเคืองแล้ว สวีสือฝู่ก็อดสั่งสอนหยุนลี่ไม่ได้ว่า “เจ้าเองก็เลอะเลือน เจ้าจะใส่ความอะไรสวะอย่างหยุนเจิงก็ได้ แต่กลับไปใส่ความว่าเขาเป็นพรรคพวกขององค์รัชทายาท! คำพูดนี้พอพูดออกไป อย่าว่าแต่พวกขุนนางบู๊บุ๋นในราชสำนักเลย ตัวเจ้าเองได้ยินแล้วเจ้าเชื่องั้นรึ?”หยุนเจิงติดตา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-31
  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 13

    วันรุ่งขึ้นเช้าตรู มู่ซุ่นก็มามอบราชโองการพอหยุนเจิงได้ยินรชโองการ ในใจทั้งยินดีทั้งเศร้าหมองที่ยินดีก็เพราะเขาไม่ต้องอยู่ในวังแล้ว สามารถทำอะไรในที่ลับได้บ้างแต่เขาก็กังวลว่าหากจู่ๆ จักรพรรดิเหวินรู้สึกผิดต่อตนเองขึ้นมา สมอเกิดทำงานผิดพลาด หลังพิธีสมรสก็ไม่ส่งตัวเขาไปซั่วเป่ยแล้วหากเป็นเช่นนั้น ก็แย่แล้วจริงๆ!ทว่า ต่อให้ตอนนี้เขาจะกังวลใจก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงรับราชโองการอย่างหน้าชื่นบานแม้ว่าหยุนเจิงจะอาศัยอยู่ในเรือนปี้ปัวมาหลายปี แต่ของของเขามีไม่มากแค่เก็บเพียงครู่ หยุนเจิงก็พาองครักษ์ทั้งคู่จากไปพอมาถึงจวนอวี๋ เขาเพิ่งจะพบว่าป้ายจวนอวี๋ถูกแกะลงมาแล้ว เปลี่ยนเป็นป้ายจวนองค์ชายหกพอดูป้ายชื่อแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าเร่งทำขึ้นมาทั้งคืน ฝีมือไม่ประณีตเท่าไหร่ แม้แต่สีน้ำมันที่ลงทับยังไม่ทันแห้งดีเสียด้วยซำ!“รับเสด็จองค์ชายหก!”คนในจวนรีบทำการคาราวะให้มันได้อย่างนี้สิ คนไม่น้อยเลยหากรวมชายหญิงทั้งหมดแล้ว น่าจะมีสามสิบกว่าคนในคนพวกนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสาวรับใช้กับคนสวนยังมีองครักษ์อีกหกนายทว่า คนพวกนี้คงเป็นคนที่จักรพรรดิเหวินให้คนจัดหามาให้ ในใจหยุนเจิงเกิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-31
  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 14

    พอเห็นหยุนเจิงเดินเข้ามา พวกคนในห้องก็รีบลุกขึ้นทำการคาราวะแม้กระทั่งคนที่มีนิสัยแข็งกระด้างอย่างเสิ่นลั่วเยี่ยนยังลุกขึ้นคาราวะเอ๋?หยุนเจิงประหลาดใจพวกนางเปลี่ยนนิสัยไวมาก?เมื่อวานไม่ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท วันนี้ก็เลยยอมรับความจริงแล้ว?“ล้วนเป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้หรอก!”หยุนเจิงหัวเราะ สายตาของเขากวาดไปเจอชายหนุ่มที่มีราศีวีรบุรุษ “เจ้าเป็นใคร” ชายหนุ่มมีแววดูถูกพาดผ่านตาไปแวบหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นตอบว่า “ทูลองค์ชาย ข้าหยวนกุยนายกองทหารม้าแห่งหน่วยทหารรักษาเมืองตะวันออก บิดาคือแม่ทัพหยวนฉงแห่งหน่วยทหารรักษาเมืองตะวันออก”หยวนฉง?พวกองค์ชายสาม?หยุนเจิงในใจกระตุกเมื่อวานตอนอยู่ในท้องพระโรง หยวนฉงเป็นคนที่โลดเต้นอย่างยินดีมากที่สุดคนหนึ่ง!ในเมื่อเป็นคนขององค์ชายสาม เช่นนั้นก็อย่าหาว่าตนไม่เกรงใจแล้วกัน!“ที่แท้ก็คือนายกองทหารม้าหยวนนี่เอง”หยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ แล้วถามขึ้นว่า “นายกองทหารม้าหยวนวันนี้มาทำอะไรหรือ”หยวนกุยยิ้มจนคิ้วยิ้มตาม พูดขึ้นอย่างไม่เสแสร้างว่า “ขข้าได้ยินว่าคุณหนูเสิ่นอารมณ์ไม่ดี จึงได้ตั้งใจ…”“อะแฮ่มๆ…”เยี่ยจื่อกระแอมไอเบาๆ ตัด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-31
  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 15

    สอนเขาขี่ม้า?หยวนกุยคิดในใจ รีบหัวเราะเหอะๆ พยักหน้ารับ “ในเมื่อองค์ชายตรัสเช่นนี้แล้ว หยวนกุยไม่กล้าไม่ทำตาม!”ดีเลย ให้เขาได้เห็นทักษะการขี่ม้าของตนหน่อย!ให้เขาเห็นว่าตัวเองนั้นใช้ไม่ได้แค่ไหน ไม่ได้เรื่องแค่ไหน!หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิเหวินพระราชทานการสมรสให้ เสิ่นลั่วเยี่ยนต้องเป็นของเขาแน่นอน!แม้ว่าตนจะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรไม่ได้ แต่ก็ขอตบหน้าเขาแรงๆ สักที จะได้ระบายโทสะในใจด้วย!“เช่นนั้นพวกเจ้าไปเถอะ ข้าไม่ไปแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่มีความสนใจจะไปด้วยแต่แรก ยิ่งพอหยุนเจิงหน้าด้านหน้าทนขอตามไปด้วยให้ได้ นางยิ่งไม่อยากไปกว่าเดิมนางไม่อยากเห็นหยุนเจิงแม้แต่วินาทีเดียว!เยี่ยจื่อพอได้ยิน ก็ใบ้รับประทานครู่หนึ่งแล้วรีบพูดว่า “ลั่วเยี่ยน พวกเราออกไปเดินเล่นให้สบายอารมณ์กันเถอะ! เจ้ากับองค์ชายหกจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นด้วย”ในใจเยี่ยจื่อก็ขมขื่นมากเช่นกัน ตัวนางไม่อยากให้เสิ่นลั่วเยี่ยนซวยไปด้วย จึงยอมเอาขี้เถ้ามาสุมหัวตนเอง ตอนนี้นางมาบอกว่าไม่ไปด้วย ไม่ได้เป็นการขายตนเองหรอกหรือ?นางไม่อยากเห็นหน้าคนไร้ประโยชน์คนนั้น แล้วคิดว่าตนอยากเห็นหรือไงหากมีเสิ่นลั่วเยี่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-31
  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 16

    นางเก็บคะแนนที่เคยให้หยวนกุยไปก่อนหน้านี้เขาไม่ใช่คนที่มีกำลังแต่ไร้สมอง แต่โง่เง่าจริงๆ!เยี่ยจื่อมองหยวนกุยอย่างดูแคลน แล้วดึงตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ เบาๆ เตือนให้นางเก็บอาการหน่อย“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”หยุนเจิงลุกขึ้น รีบดึงตัวโจวมี่ขึ้นมา“ขอพระทัยองค์ชายที่ทรงเป็นห่วง ข้าน้อยไม่เป็นไร”โจวมี่ปัดเศษฝุ่นบนตัว“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”หยุนเจิงถอนหายใจโล่ง แล้วมองไปทางหยวนกุย “นายกองทหารม้าหยวน ครั้งหน้าที่เจ้าดันตัวข้า อย่าออกแรงเยอะเช่นนี้อีก”ออกแรง?หยวนกุยชะงักงันตนไม่ได้ออกแรงสักนิด!ก็แค่แรงปกติธรรมดเนี่ย!“บังอาจ หยวนกุยเจ้ากล้าผลักองค์ชายหกตกม้างั้นรึ?”มีเสียงดังขึ้นข้างหูหยวนกุยหยวนกุยพอได้ยิน ก็เกิดไหวพริบขึ้นมา รีบอธิบายว่า “ข้า ข้าไม่ได้ออกแรงสักนิด เป็นองค์ชายหกเองที่ตกลงไปโดยไม่ระวังตน!”“เลอะเลือน!”ใบหน้าเกาเหอเย็นดั่งน้ำค้าง “เจ้าหมายความว่าองค์ชายใส่ร้ายเจ้า?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!”หยุนเจิงรีบออกมาช่วยพูด หัวเราะเหอะๆ กล่าวว่า “ข้าว่านายกองทหารม้าหยวนก็ไม่ได้ตั้งใจ คงกะแรงไม่ถูก เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก”หยวนกุยฟังคำพูดของหยุนเจิงแล้วก็แทบจะด่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-31

บทล่าสุด

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1306

    ขณะเดียวกัน ผู้เลี้ยงเหยี่ยวที่ได้รับข่าวสารก็ควบม้ามาอย่างรวดเร็ว“องค์หญิง! ข่าวจากฝั่งจิ้งเป่ยอ๋องมาถึงแล้ว!”ผู้เลี้ยงเหยี่ยวมาถึงเบื้องหน้าพวกเขา และส่งข้อความที่ได้รับมาอย่างรวดเร็วเจียเหยารับข้อความนั้น แล้วใช้ไฟจากไม้ขีดจุดกองหญ้าแห้งเล็กๆ เพื่อเริ่มถอดรหัสข้อความกองกำลังของเราสลายกองทัพศัตรูแล้ว ให้รีบมาจับเชลยทางตะวันตกของแม่น้ำหยางฉางข้อความของหยุนเจิงนั้นสั้นกระชับอย่างไรก็ตาม ขณะที่เจียเหยาอ่านข้อความ นางกลับนิ่งอึ้งไปเจียเหยาถูตาอย่างแรง ก่อนจะตรวจสอบข้อความอีกครั้งอย่างละเอียด กลัวว่าตนเองจะถอดรหัสผิดแต่ไม่ว่านางจะถอดรหัสอีกกี่ครั้ง เนื้อหาก็ยังเหมือนเดิมหยุนเจิงนำกองกำลังสลายทัพเจ็ดหมื่นของกุ่ยฟางได้แล้วหรือ?นี่…เป็นไปได้อย่างไร?กุ่ยฟางยังมีกองกำลังถึงเจ็ดหมื่นไม่ใช่หรือ!หยุนเจิงมีกำลังพลแค่หมื่นกว่านาย และในจำนวนนั้นมีทหารม้าเพียงห้าพันเท่านั้น!พวกเขายังไม่ทันโจมตี ยังไม่ได้สมทบกับหยุนเจิงเพื่อโจมตีศัตรู หยุนเจิงก็สลายกองทัพศัตรูได้แล้ว?นี่มันบ้าไปแล้ว!หยุนเจิงทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?ถึงแม้ขวัญกำลังใจของกุ่ยฟางจะตกต่ำ ก็ไม่น่าจะถูกทำลายลงได

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1305

    บนทุ่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา อวี่ซื่อจงและเจียเหยายังคงนำทัพบุกโจมตีพวกเขาใช้กลยุทธ์ในการเดินทัพเช่นเดียวกัน โดยให้กองหน้าเตรียมหญ้าแห้งสำหรับกองหลังอย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกำลังพลของกองทหารมณฑลเหนือและเป่ยหวนเข้าด้วยกัน ก็มีจำนวนถึงสองหมื่นนายทำให้ความเร็วในการบุกโจมตีของพวกเขาช้าลงจากความเร็วในปัจจุบัน พวกเขาต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งวันถึงจะไปสมทบกับหยุนเจิงได้เมื่ออวี่ซื่อจงนำกองทหารม้า 10,000 นายมาถึงทุ่งหญ้าเล็กๆ ที่เจียเหยากล่าวถึง ทหารกองทหารมณฑลเหนือก็เริ่มปฏิบัติการกันเองโดยไม่ต้องรอคำสั่งบางคนเริ่มปล่อยม้าให้เล็มหญ้า บางคนเริ่มเก็บเกี่ยวหญ้าแห้งเพื่อเตรียมไว้ให้กองกำลังเป่ยหวนที่ตามมาบางส่วนรวบรวมถุงน้ำของทุกคนแล้ววิ่งไปยังต้นน้ำเพื่อเติมน้ำอวี่ซื่อจงหยุดพัก หยิบข้าวคั่วกำมือเล็กๆ ใส่ปากเคี้ยวอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดในใจหลังจากผ่านไปกว่าชั่วโมง กองกำลังเป่ยหวนที่เป็นกองหลังก็มาถึงขณะนั้น กองทหารมณฑลเหนือได้เตรียมหญ้าแห้งให้ม้าศึกของพวกเขาเรียบร้อยแล้วเมื่อเจียเหยามาหา อวี่ซื่อจงยังคงจมอยู่ในความคิดของตัวเอง“แม่ทัพอวี่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”เจี

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1304

    ทัวต๋า?หยุนเจิงสะดุดใจ ก่อนจะสั่งกองทหารองครักษ์ว่า “ไปตามเหมิงตัวมา ให้เขาตรวจดูว่าคนผู้นั้นคือทัวต๋าหรือไม่!”กองทหารองครักษ์รับคำสั่งแล้วรีบรุดไปไม่นาน หยุนเจิงก็ได้รับคำตอบที่ชัดเจนคนผู้นั้นก็คือทัวต๋า ราชาแห่งกุ่ยฟางจริงๆรถม้าของทัวต๋าพลิกคว่ำระหว่างการถอนกำลัง กองทหารกุ่ยฟางที่หนีตายอย่างลนลานอาจไม่ได้สังเกตเห็นทัวต๋าเลยทัวต๋าที่หมดสติถูกหามเข้ามาเมี่ยวอินเงยหน้ามองหยุนเจิงแล้วถาม “ให้ข้าตรวจดูอาการของทัวต๋าก่อนหรือไม่?”“อย่าเพิ่งไปสนใจเขา!”หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ “ช่วยหวังชี่รักษาบาดแผลก่อน!”ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของกุ่ยฟาง นับได้ว่าถูกทำลายจนหมดสิ้นตามสถานการณ์ปกติ ต่อให้ทัวต๋าตาย กุ่ยฟางก็ควรจะยอมแพ้แล้วหากกุ่ยฟางยังไม่ยอมแพ้ เขาก็ยังมีวิธีจัดการกุ่ยฟางต่อให้ทัวต๋าตาย ยังมีทัวฮวนและเหมิงตัวอยู่มิใช่หรือ?เพียงแต่ถ้าทัวต๋ายังมีชีวิตอยู่ อาจช่วยลดความยุ่งยากได้บ้างแต่ในใจเขา ชีวิตของทัวต๋าไม่มีค่ามากเท่าชีวิตของหวังชี่เลย“เข้าใจแล้ว!”เมี่ยวอินไม่พูดอะไรอีก และลงมือใช้เส้นด้ายจากลำไส้แกะเย็บบาดแผลของหวังชี่ที่ทำความสะอาดแล้วผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วโมง เมี่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1303

    จนกระทั่งฟ้าสว่างจ้า สนามรบที่อยู่ไกลออกไปจึงค่อยๆ สงบลงทหารกุ่ยฟางหลบหนีอย่างไร้ทิศทาง หยุนเจิงก็ไม่ได้ส่งคนไล่ตามในตอนนี้ ทหารกุ่ยฟางตกอยู่ในอาการคุ้มคลั่งพวกทหารเหล่านั้นไม่มีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่ มีเพียงความคิดที่จะเอาชีวิตรอดใครที่ขวางทางพวกเขา พวกเขาก็พร้อมจะสู้ตายถ้าส่งคนไปไล่ตามตอนนี้ พวกเขาจะต้องสูญเสียมากปล่อยให้พวกมันหนีไปก่อน!อย่างไรเสีย พวกมันก็ถอนกำลังอย่างลนลาน แถมยังไม่มีเสบียงติดตัวรอจนพวกมันหมดแรงวิ่ง แล้วค่อยส่งคนไปจับตัวถึงตอนนั้น อาจไม่ต้องจับตัวพวกมันด้วยซ้ำ แค่พวกทหารที่หนีแตกพ่ายรู้ว่าการยอมแพ้จะทำให้พวกเขามีข้าวกิน พวกมันก็จะเข้ามายอมจำนนเองหยุนเจิงวางกล้องส่องทางไกลลง แล้วหันไปสั่งชวีจื้อว่า “รีบพาคนไปกวาดล้างสนามรบ ฆ่าศัตรูที่บาดเจ็บสาหัสให้ตายอย่างรวดเร็ว! ระวังแยกแยะคนของเราให้ดี!”“ขอรับ!”ชวีจื้อรับคำสั่ง แล้วนำคนเข้าไปยังสนามรบที่เต็มไปด้วยความพินาศคนของพวกเขาจะผูกผ้าขาวไว้รอบข้อเท้า เพียงแค่เลิกกางเกงขึ้นมาก็จะมองเห็นแม้ว่าจะเสียเวลาอยู่บ้าง แต่วิธีนี้ช่วยลดโอกาสที่จะฆ่าทหารบาดเจ็บฝ่ายตัวเองได้มากที่สุดขณะที่ชวีจื้อนำคนเข้

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1302

    เมื่อพวกเขาบุกเข้าไป ความโกลาหลในกองทัพกุ่ยฟางก็ยิ่งแพร่กระจายออกไปทหารที่ประสาทตึงเครียดถึงขีดสุดสูญเสียความเชื่อใจต่อคนรอบข้าง บนสมรภูมินั้นดูเหมือนว่าทุกแห่งหนจะเต็มไปด้วยศัตรู“เกิดอะไรขึ้น?”ชื่อเหยียนที่ได้ยินเสียงความวุ่นวาย รีบวิ่งออกมาจากกระโจม และเจอกับทหารที่หน้าตาตื่นตระหนกวิ่งมารายงาน“ฝ่าบาท ศัตรูบุกเข้ามาแล้ว! ทั่วทั้งค่ายมีแต่ศัตรู...”ทหารรายงานด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก“อะไรนะ?”ชื่อเหยียนถึงกับใจสั่นไหวในค่ายเต็มไปด้วยศัตรูอย่างนั้นหรือ?หรือศัตรูบุกโจมตีครั้งใหญ่จริงๆ?ชื่อเหยียนตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก แต่พยายามบังคับตัวเองให้สงบ แล้วตะโกนสั่งเสียงดัง “ตีเกราะ! รีบตีเกราะเดี๋ยวนี้! ส่งคำสั่งไปยังทุกกอง ต้องสกัดศัตรูให้ได้ ฆ่าศัตรูแล้วไล่มันกลับไป!”ทันทีที่คำสั่งของชื่อเหยียนถูกส่งออกไป เสียงกลองดังกึกก้องไปทั่วค่าย“ตึง ตึง ตึง...”เสียงกลองที่ดังถี่ยิบเป็นสัญญาณบอกการโจมตีเมื่อได้ยินเสียงกลองดังนี้ กองทหารกุ่ยฟางก็เริ่มโจมตี “ศัตรู”ทว่าทุกครั้งที่พวกเขาโจมตี ความโกลาหลกลับยิ่งลุกลามเร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกลองถี่ยิบดังมาจากกองทัพกุ่ยฟาง ใบหน้าของหย

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1301

    ทั้งคืนที่ผ่านมา กองทหารมณฑลเหนือสร้างความปั่นป่วนขึ้นแทบทุกหนึ่งชั่วโมงชื่อเหยียนก็ไม่อาจรู้ได้ว่าที่กองทหารมณฑลเหนือทำนั้นคือการเตรียมโจมตีจริงหรือเป็นเพียงกลอุบายถ่วงเวลา เขาทำได้เพียงให้เหล่าทหารระมัดระวังอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการบุกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวจากกองทหารมณฑลเหนือเหล่าทหารต่างนอนไม่หลับ แม้แต่ชื่อเหยียนเองก็ไม่อาจข่มตาได้อย่าว่าแต่กองทหารมณฑลเหนือสร้างเสียงดังทั้งคืนเลย ต่อให้พวกกองทหารมณฑลเหนือเงียบสนิท เขาก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดีในยามนี้ ชื่อเหยียนทั้งหวังให้ฟ้าสางเร็วขึ้น และในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้ฟ้าสางขัดแย้งในใจอย่างมาก แต่สิ่งที่รู้สึกยิ่งกว่านั้นคือความหมดหนทางหากฟ้าสางเร็วขึ้น กองทหารมณฑลเหนือคงหยุดเล่นสงครามประสาทเช่นนี้เสียทีแต่การที่ฟ้าสางก็หมายความว่า เวลาที่เหลือให้เขาตัดสินใจว่าจะยอมรับเงื่อนไขของหยุนเจิงหรือไม่นั้นเหลือน้อยเต็มทีจนถึงตอนนี้ชื่อเหยียนก็ยังไม่ได้ตัดสินใจในยามนี้ ชื่อเหยียนเพียงหวังให้ทัวต๋าตื่นขึ้นมาเร็วๆเช่นนี้ เรื่องหนักอกหนักใจทั้งหมดก็จะไม่ตกอยู่ที่เขาอีกต่อไปด้านนอก ท้องฟ้าเริ่มจะสว่างแล้วหลังจากเผาไหม้ตลอดทั้งคืน ไ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1300

    แม้พวกเขาจะหารือกันมาเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรมาบางคนสนับสนุนให้ยอมรับเงื่อนไขของหยุนเจิง ขณะที่บางคนยังคงคัดค้านทั้งสองฝ่ายไม่สามารถโน้มน้าวอีกฝ่ายได้หนึ่งชั่วโมงผ่านไป“โครมคราม…”เสียงฝีเท้าม้าที่ดังกึกก้องดังขึ้นอีกครั้งทหารกุ่ยฟางเตรียมพร้อมป้องกันอีกครั้งทว่า ครั้งนี้ก็เหมือนครั้งก่อน ยังคงเป็นแค่เสียงตะโกนและเสียงฝีเท้าม้า แต่ไม่มีการโจมตีจริงเสียงตะโกนและเสียงโห่ร้องของกองทหารมณฑณทางเหนือนั้นดังสนั่น แต่ไม่มีการบุกโจมตีแต่อย่างใดเมื่อทราบว่าศัตรูถอยไปอีกครั้ง ชื่อเหยียนและเหล่าแม่ทัพต่างพากันโกรธจัดครั้งแรก ยังพอสงสัยได้ว่า ศัตรูอาจพบว่าพวกเขาเตรียมพร้อมอย่างดี จึงตัดสินใจถอยกลับไปแต่การกลับมาครั้งที่สองแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าศัตรูจงใจ“ศัตรูชัดเจนว่าต้องการทำให้พวกเราไม่ได้พักผ่อน!”“พวกมันใช้เล่ห์กลนี้เพื่อทำลายขวัญกำลังใจของเรา!”“ไม่แน่ว่าพวกมันอาจต้องการให้เราหมดแรง แล้วจึงบุกโจมตีเราอย่างกะทันหัน!”“อย่างไรก็ตาม ศัตรูไม่มีเจตนาดีแน่นอน เราต้องระวังให้มาก…”ในช่วงเวลานั้น เหล่าแม่ทัพต่างกัดฟันแสดงความคิดเห็นของตนเองกลยุทธ์ของศัตรูนี

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1299

    ในยามค่ำคืนหลังจากการเดินทัพตลอดทั้งวัน ทหารของกุ่ยฟางส่วนใหญ่ต่างอ่อนล้าจนหมดแรงสำหรับการล่าถอยครั้งใหญ่เช่นนี้ หากสภาพอากาศไม่เลวร้าย ก็มักจะไม่ตั้งค่ายพักแรมในทุกคืนในฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศเย็นเช่นนี้ ทหารหลายคนใช้เพียงหญ้าแห้งบางๆ รองนอนเพื่อพักผ่อนเนื่องจากเกรงว่าศัตรูจะโจมตีในยามวิกาล ทหารทั้งหมดจึงสวมเกราะไม่ห่างจากตัวเลยและไม่ใช่เพียงคืนนี้ แต่ตั้งแต่เริ่มล่าถอย พวกเขาก็เป็นเช่นนี้มาตลอดแม้ทุกคนจะเข้าใจถึงความจำเป็นของสิ่งนี้ แต่การทำเช่นนี้ต่อเนื่องเป็นเวลานานกลับสร้างความกดดันทางจิตใจให้กับพวกเขาอย่างมากการที่ต้องกังวลเรื่องการโจมตีในยามวิกาลทุกวัน และต้องสวมเกราะอยู่ตลอดเวลา ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดอย่างมากรอบบริเวณที่พวกเขาตั้งค่าย มีการก่อกองไฟไว้มากมายกองไฟเหล่านี้ให้แสงสว่างในยามค่ำคืน และเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้กับพวกเขากลุ่มทหารที่สวมเกราะและถืออาวุธเดินลาดตระเวนรอบบริเวณค่ายพัก เพื่อป้องกันการโจมตีในยามวิกาลจากศัตรู“เจ้าว่า พวกเราต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ถึงจะล่าถอยกลับไปได้?”“ใครจะไปรู้ล่ะ? ขอให้กลับไปได้เร็วๆ ก็แล้วกัน!”“เฮ้อ องค์ราชาก็จริงเช

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1298

    แต่ถึงจะโกรธ ชื่อเหยียนก็ต้องเริ่มพิจารณาเงื่อนไขของหยุนเจิง“เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางเป็นไปได้!”“ถ้าอย่างนั้น สู้ตายกับหยุนเจิงดีกว่า!”“แต่ถ้าเราพ่ายแพ้ล่ะ?”“ทหารเกือบทั้งหมดของเราอยู่ที่นี่ หากพ่ายแพ้ พวกเรากุ่ยฟางก็จบสิ้น!”“ความจริงแล้ว พวกเราอาจต้องพิจารณาเงื่อนไขของหยุนเจิงดู! หากตอนนี้พวกเราไม่ยอมรับข้อเสนอ เมื่อกองทัพอีกสายของพวกเขาบุกเข้ามา เกรงว่าเราคงไม่มีแม้แต่โอกาสจะเจรจาขอสงบศึก...”เหล่าแม่ทัพของกุ่ยฟางเริ่มถกเถียงกันอย่างดุเดือดอีกครั้งมีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนการต่อสู้ ฝ่ายที่สนับสนุนการเจรจา และฝ่ายที่ลังเลไม่เพียงแต่ทหารราบที่ไร้ขวัญกำลังใจ แม่ทัพที่นำกองทัพก็แทบจะหมดความเชื่อมั่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รู้ว่ามู่ลี่จวีพ่ายแพ้เมื่อคนฉลาดอย่างทัวฮวนยังเลือกที่จะนำทัพมายอมจำนน นั่นแสดงให้เห็นว่าศึกครั้งนี้แทบไม่มีความหวังที่จะชนะ“ฝ่าบาท พวกเราห้ามยอมรับเงื่อนไขของหยุนเจิงเด็ดขาด!”มู่ลี่จวีพยายามโน้มน้าวอย่างเต็มกำลัง “แทนที่พวกเราจะยกทรัพย์สินและเสบียงให้พวกเขาเปล่าๆ สู้ส่งทหารสองหมื่นนายไปตัดทางล่าถอยจะดีกว่า! ฤดูหนาวกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ศัตรูที่ยกทัพ

DMCA.com Protection Status