Share

บทที่ 11

ในวังหลวงยามวิกาล

“ตรวจสอบได้ความหรือยัง”

จักรพรรดิเหวินเงยประพักตร์ขึ้นจ้องถามองค์รักษ์เงา

“กราบทูลฝ่าบาท ตรวจสอบได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รักษ์เงาค้อมกาย ค่อยๆ รายงานความจริงตามที่ได้สืบได้จากองครักษ์ที่จับตัวมาจากเรือนปี้ปัว

“จับเข้าคุกสวรรค์?”

จักรพรรดิเหวินตบไปที่กองฎีกา พูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่มีคำอนุญาตจากข้า แต่เจ้าสามกลับกล้าจับเจ้าหกเข้าคุกสวรรค์? มิน่าเล่า เจ้าหกจึงได้ตกใจกลัวจนมาขอความตายกับข้า!”

จักรพรรดิเหวินกริ้วเป็นอย่างมาก หายใจหอบแรง

“ฝ่าบาทได้โปรดคลายโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

มู่ซุ่นที่รับใช้อยู่ข้างกายรีรบกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง “องค์ชายสามอาจจะแค่อยากหยอกล้อองค์ชายหกก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเสีย คนสนิทขององครัชทายาทได้ไปหาองค์ชายหกก่อนตาย…”

จักรพรรดิเหวินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันสายตาไปมองมู่ซุ่น “เจ้าคิดว่าเจ้าหกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์รัชทยาท?”

“เรื่องนี้…”

มู่ซุ่นตัวกระตุกอย่างแรงแล้วรีบตอบว่า “บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่รู้? เช่นนั้นก็แปลว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะสิ?”

จักรพรรดิเหวินส่งเสียงเหอะเบาๆ “หากเจ้าเป็นองค์รัชทายาท เจ้าจะคนไร้ประโยชน์มาเป็นพรรคพวกเดียวกับเจ้าหรือไม่? เขาสามารถยกพลทหารมาให้องค์รัชทายาทได้งั้นหรือ? หรือสามารถวางแผนออกกลอุบายให้องค์รัชทายาทได้ล่ะ?”

ถ้าจะหาเจ้าหกมาเป็นพรรคพวกในการก่อกบฏ ก็เป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนชัดๆ!

ขอแค่คนที่มีสมองสักนิด ก็ไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้แน่นอน!

มู่ซุ่นตกใจกลัว ไม่กล้ารับคำต่อ

จักรพรรดิเหวินหายใจเข้าลึกแล้วจ้องไปทึ่องค์รักษ์เงาถามขึ้นว่า “หลังจากที่เจ้าหกกลับไปแล้ว เขาจัดการบ่าวรับใช้สารเลวพวกนั้นอย่างไรบ้าง?”

องค์รักษ์เงาตอบว่า “ให้คนพวกนั้นคุกเข่าตบปากตนเองพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ได้จัดการอย่างอื่นอีก?”

จักรพรรดิเหวินขมวดพระขนงแล้วถาม

“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รักษ์เงาส่ายศีรษะเบาๆ

“เจ้าคนไร้ประโยชน์!”

จักรพรรดิเหวินเผยความผิดหวังเต็มพระพักตร์ กล่าวขึ้นอย่างโกรธเคือง “โดนสุนัขที่ตนเลี้ยงไว้แว้งกัด แม้กระทั่งองครักษ์ข้าก็เปลี่ยนให้เขาแล้ว เขายังไม่กล้าส่งบ่าวพวกนั้นไปถึงแดนตาย! สวะ เศษสวะจริงๆ! เหตุใดข้าจึงมีบุตรที่ไร้ความสามารถเช่นนี้ออกมาได้…”

จักรพรรดิเหวินยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ อดไม่ได้ที่จะด่าทอเสียๆ หายๆ

องค์รักษ์เงากับมู่ซุ่นได้แต่ฟัง ไม่กล้าออกเสียงแสดงความเห็น

จักรพรรดิเหวินด่าหยุนเจิง นั่นคือการที่บิดาด่าลูก จะด่าอย่างไรก็ย่อมได้

หากพวกเขากล้าด่าองค์ชายหกว่าเป็นเศษสวะเหมือนที่จักรพรรดิเหวินด่าล่ะก็ เท่ากับเป็นการตบหน้าคนเป็นพ่ออย่างจักรพรรดิเหวินแล้ว

จักรพรรดิเหวินระบายอารมณ์ไปชุดใหญ่ แล้วสั่งองค์รักษ์เงาว่า “เอาตัวพวกบ่าวชั้นต่ำมาจากเรือนปี้ปัว ตีให้ตาย”

ขณะนี้ จักรพรรดิเหวินใช้ด้านอำมหิตของผู้เป็นกษัตริย์

“พ่ะย่ะค่ะ!”

องค์รักษ์เงาค้อมกายถอยออกไป

รอจนองค์รักษ์เงาไปแล้ว จักรพรรดิเหวินถอนหายใจยาว แล้วกล่าวว่า “ฮูหยินเสิ่นยังคุกเค่ารออยู่นอกวังหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

มู่ซุ่นพยักหน้าเบาๆ

จักรพรรดิเหวินตอบเสียงขรึม ถามขึ้นว่า “ข้าทำกับตระกูลเสิ่นเกินกว่าเหตุไปหรือไม่”

มู่ซุ่นรีบยิ้มประจบ “พระราชโองการนี้เป็นพระมหากรุณาต่อตระกูลเสิ่น”

พระมหากรุณาบ้าบออะไรล่ะ?

ตอนนี้พวกฮูหยินเสิ่นคงกำลังด่าเขาอยู่ในใจสินะ

จักรพรรดิเหวินยิ้มอย่างขมขื่น ครุ่นคิดเพียงครู่ แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าไปบอกพวกนางว่า ข้าส่งเจ้าหกไปชายแดนเพื่อสร้างผลงาน ไม่ได้ส่งเขาไปตาย! แม้นเจ้าหกจะไม่ได้เรื่องอะไรมากนัก แต่อย่างไรเสียก็เป็นโอรสของข้า ต่อให้เสือจะดุร้ายแค่ไหนก็ไม่กินลูกของตัวเอง!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

มู่ซุ่นค้อมกาย แล้วพูดอีกว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อพระราชทานการสมรสให้กับองค์ชายหกแล้ว ทรงเห็นสมควรพระราชทานจวนส่วนพระองค์ให้องค์ชายหกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ จะได้จัดเตรียมพิธีมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่”

จวนส่วนพระองค์?

นี่เจ้าหกยังไม่มีจวนเป็นของตัวเองอีกหรือ?

จักรพรรดิเหวินชะงักเพียงครู่ แล้วลูบพระเศียรของตน หัวเราะขึ้นกล่าว “หากไม่ได้เจ้ามาเตือน ข้าก็คงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!”

หลังจากที่องค์ชายของราชวงศ์ต้าเฉียนเติบใหญ่แล้วจะได้รับจวนของตนเอง มีเพียงจวนองค์รัชทายาทที่จะอยู่ภายในรั้ววัง

ที่หยุนเจิงยังอยู่ในวัง เป็นเพราะความผิดพลาดเล็กน้อย

ประเด็นคือหยุนเจิงแทบจะไม่มีตัวตนเลยจริงๆ หากวันนี้ไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น จักรพรรดิเหวินก็คงลืมไปเสียแล้วด้วยซ้ำว่าตนยังมีลูกคนนี้อยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพระราชทานจวนส่วนตัวให้เลย

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status