ในวังหลวงยามวิกาล“ตรวจสอบได้ความหรือยัง”จักรพรรดิเหวินเงยประพักตร์ขึ้นจ้องถามองค์รักษ์เงา“กราบทูลฝ่าบาท ตรวจสอบได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องค์รักษ์เงาค้อมกาย ค่อยๆ รายงานความจริงตามที่ได้สืบได้จากองครักษ์ที่จับตัวมาจากเรือนปี้ปัว“จับเข้าคุกสวรรค์?”จักรพรรดิเหวินตบไปที่กองฎีกา พูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่มีคำอนุญาตจากข้า แต่เจ้าสามกลับกล้าจับเจ้าหกเข้าคุกสวรรค์? มิน่าเล่า เจ้าหกจึงได้ตกใจกลัวจนมาขอความตายกับข้า!”จักรพรรดิเหวินกริ้วเป็นอย่างมาก หายใจหอบแรง“ฝ่าบาทได้โปรดคลายโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นที่รับใช้อยู่ข้างกายรีรบกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง “องค์ชายสามอาจจะแค่อยากหยอกล้อองค์ชายหกก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเสีย คนสนิทขององครัชทายาทได้ไปหาองค์ชายหกก่อนตาย…”จักรพรรดิเหวินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันสายตาไปมองมู่ซุ่น “เจ้าคิดว่าเจ้าหกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์รัชทยาท?”“เรื่องนี้…”มู่ซุ่นตัวกระตุกอย่างแรงแล้วรีบตอบว่า “บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่รู้? เช่นนั้นก็แปลว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะสิ?”จักรพรรดิเหวินส่งเสียงเหอะเบาๆ “หากเจ้าเป็นองค์รัชทายาท เจ้าจะคนไ
ที่พำนักของหยุนเจิงในตอนนี้ ยังเป็นที่พักที่เขาพักตั้งแต่สมัยยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำพอจักรพรรดิเหวินนึกถึงหยุนเจิง ในใจก็ลอบด่าว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ขึ้นอีกตนลืมเรื่องนี้ เขาเองก็ไม่กล้ามาทูลขอเลยหรือไง?ไร้ประโยชน์จริงๆ!หลังจากจักรพรรดิเหวินไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง ก็มีรับสั่งไปยังมู่ซุ่น “สั่งคนให้ไปทำความสะอาดจวนของอวี๋หมิ่น ขุนนางที่มีความผิดติดตัว ทำทั้งคืนจัดการให้สะอาด รุ่งเช้าวันพรุ่งให้ไปที่เรือนปี้ปัว พระราชทานแก่หยุนเจิง! บ่าวรับใช้ในจวน ให้จัดใหม่ตามกฎมณเฑียรบาล!”…จวนองค์ชายสามมีเสียงโอดครวญดังมาจากหยุนลี่เป็นครั้งคราวสวีสือฝู่กับซูเฟยมาเยี่ยมหยุนลี่ที่จวนพอเห็นสภาพของหยุนลี่ สองพี่น้องทั้งสงสารทั้งโกรธหยุนลี่ถูกสวะอย่างหยุนเจิงทำร้าย?ที่มันเรื่องตลกระดับฟ้าสวรรค์ยังต้องหัวเราะ!นอกจากจะโกรธเคืองแล้ว สวีสือฝู่ก็อดสั่งสอนหยุนลี่ไม่ได้ว่า “เจ้าเองก็เลอะเลือน เจ้าจะใส่ความอะไรสวะอย่างหยุนเจิงก็ได้ แต่กลับไปใส่ความว่าเขาเป็นพรรคพวกขององค์รัชทายาท! คำพูดนี้พอพูดออกไป อย่าว่าแต่พวกขุนนางบู๊บุ๋นในราชสำนักเลย ตัวเจ้าเองได้ยินแล้วเจ้าเชื่องั้นรึ?”หยุนเจิงติดตา
วันรุ่งขึ้นเช้าตรู มู่ซุ่นก็มามอบราชโองการพอหยุนเจิงได้ยินรชโองการ ในใจทั้งยินดีทั้งเศร้าหมองที่ยินดีก็เพราะเขาไม่ต้องอยู่ในวังแล้ว สามารถทำอะไรในที่ลับได้บ้างแต่เขาก็กังวลว่าหากจู่ๆ จักรพรรดิเหวินรู้สึกผิดต่อตนเองขึ้นมา สมอเกิดทำงานผิดพลาด หลังพิธีสมรสก็ไม่ส่งตัวเขาไปซั่วเป่ยแล้วหากเป็นเช่นนั้น ก็แย่แล้วจริงๆ!ทว่า ต่อให้ตอนนี้เขาจะกังวลใจก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงรับราชโองการอย่างหน้าชื่นบานแม้ว่าหยุนเจิงจะอาศัยอยู่ในเรือนปี้ปัวมาหลายปี แต่ของของเขามีไม่มากแค่เก็บเพียงครู่ หยุนเจิงก็พาองครักษ์ทั้งคู่จากไปพอมาถึงจวนอวี๋ เขาเพิ่งจะพบว่าป้ายจวนอวี๋ถูกแกะลงมาแล้ว เปลี่ยนเป็นป้ายจวนองค์ชายหกพอดูป้ายชื่อแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าเร่งทำขึ้นมาทั้งคืน ฝีมือไม่ประณีตเท่าไหร่ แม้แต่สีน้ำมันที่ลงทับยังไม่ทันแห้งดีเสียด้วยซำ!“รับเสด็จองค์ชายหก!”คนในจวนรีบทำการคาราวะให้มันได้อย่างนี้สิ คนไม่น้อยเลยหากรวมชายหญิงทั้งหมดแล้ว น่าจะมีสามสิบกว่าคนในคนพวกนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสาวรับใช้กับคนสวนยังมีองครักษ์อีกหกนายทว่า คนพวกนี้คงเป็นคนที่จักรพรรดิเหวินให้คนจัดหามาให้ ในใจหยุนเจิงเกิ
พอเห็นหยุนเจิงเดินเข้ามา พวกคนในห้องก็รีบลุกขึ้นทำการคาราวะแม้กระทั่งคนที่มีนิสัยแข็งกระด้างอย่างเสิ่นลั่วเยี่ยนยังลุกขึ้นคาราวะเอ๋?หยุนเจิงประหลาดใจพวกนางเปลี่ยนนิสัยไวมาก?เมื่อวานไม่ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท วันนี้ก็เลยยอมรับความจริงแล้ว?“ล้วนเป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้หรอก!”หยุนเจิงหัวเราะ สายตาของเขากวาดไปเจอชายหนุ่มที่มีราศีวีรบุรุษ “เจ้าเป็นใคร” ชายหนุ่มมีแววดูถูกพาดผ่านตาไปแวบหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นตอบว่า “ทูลองค์ชาย ข้าหยวนกุยนายกองทหารม้าแห่งหน่วยทหารรักษาเมืองตะวันออก บิดาคือแม่ทัพหยวนฉงแห่งหน่วยทหารรักษาเมืองตะวันออก”หยวนฉง?พวกองค์ชายสาม?หยุนเจิงในใจกระตุกเมื่อวานตอนอยู่ในท้องพระโรง หยวนฉงเป็นคนที่โลดเต้นอย่างยินดีมากที่สุดคนหนึ่ง!ในเมื่อเป็นคนขององค์ชายสาม เช่นนั้นก็อย่าหาว่าตนไม่เกรงใจแล้วกัน!“ที่แท้ก็คือนายกองทหารม้าหยวนนี่เอง”หยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ แล้วถามขึ้นว่า “นายกองทหารม้าหยวนวันนี้มาทำอะไรหรือ”หยวนกุยยิ้มจนคิ้วยิ้มตาม พูดขึ้นอย่างไม่เสแสร้างว่า “ขข้าได้ยินว่าคุณหนูเสิ่นอารมณ์ไม่ดี จึงได้ตั้งใจ…”“อะแฮ่มๆ…”เยี่ยจื่อกระแอมไอเบาๆ ตัด
สอนเขาขี่ม้า?หยวนกุยคิดในใจ รีบหัวเราะเหอะๆ พยักหน้ารับ “ในเมื่อองค์ชายตรัสเช่นนี้แล้ว หยวนกุยไม่กล้าไม่ทำตาม!”ดีเลย ให้เขาได้เห็นทักษะการขี่ม้าของตนหน่อย!ให้เขาเห็นว่าตัวเองนั้นใช้ไม่ได้แค่ไหน ไม่ได้เรื่องแค่ไหน!หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิเหวินพระราชทานการสมรสให้ เสิ่นลั่วเยี่ยนต้องเป็นของเขาแน่นอน!แม้ว่าตนจะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรไม่ได้ แต่ก็ขอตบหน้าเขาแรงๆ สักที จะได้ระบายโทสะในใจด้วย!“เช่นนั้นพวกเจ้าไปเถอะ ข้าไม่ไปแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่มีความสนใจจะไปด้วยแต่แรก ยิ่งพอหยุนเจิงหน้าด้านหน้าทนขอตามไปด้วยให้ได้ นางยิ่งไม่อยากไปกว่าเดิมนางไม่อยากเห็นหยุนเจิงแม้แต่วินาทีเดียว!เยี่ยจื่อพอได้ยิน ก็ใบ้รับประทานครู่หนึ่งแล้วรีบพูดว่า “ลั่วเยี่ยน พวกเราออกไปเดินเล่นให้สบายอารมณ์กันเถอะ! เจ้ากับองค์ชายหกจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นด้วย”ในใจเยี่ยจื่อก็ขมขื่นมากเช่นกัน ตัวนางไม่อยากให้เสิ่นลั่วเยี่ยนซวยไปด้วย จึงยอมเอาขี้เถ้ามาสุมหัวตนเอง ตอนนี้นางมาบอกว่าไม่ไปด้วย ไม่ได้เป็นการขายตนเองหรอกหรือ?นางไม่อยากเห็นหน้าคนไร้ประโยชน์คนนั้น แล้วคิดว่าตนอยากเห็นหรือไงหากมีเสิ่นลั่วเยี่
นางเก็บคะแนนที่เคยให้หยวนกุยไปก่อนหน้านี้เขาไม่ใช่คนที่มีกำลังแต่ไร้สมอง แต่โง่เง่าจริงๆ!เยี่ยจื่อมองหยวนกุยอย่างดูแคลน แล้วดึงตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ เบาๆ เตือนให้นางเก็บอาการหน่อย“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”หยุนเจิงลุกขึ้น รีบดึงตัวโจวมี่ขึ้นมา“ขอพระทัยองค์ชายที่ทรงเป็นห่วง ข้าน้อยไม่เป็นไร”โจวมี่ปัดเศษฝุ่นบนตัว“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”หยุนเจิงถอนหายใจโล่ง แล้วมองไปทางหยวนกุย “นายกองทหารม้าหยวน ครั้งหน้าที่เจ้าดันตัวข้า อย่าออกแรงเยอะเช่นนี้อีก”ออกแรง?หยวนกุยชะงักงันตนไม่ได้ออกแรงสักนิด!ก็แค่แรงปกติธรรมดเนี่ย!“บังอาจ หยวนกุยเจ้ากล้าผลักองค์ชายหกตกม้างั้นรึ?”มีเสียงดังขึ้นข้างหูหยวนกุยหยวนกุยพอได้ยิน ก็เกิดไหวพริบขึ้นมา รีบอธิบายว่า “ข้า ข้าไม่ได้ออกแรงสักนิด เป็นองค์ชายหกเองที่ตกลงไปโดยไม่ระวังตน!”“เลอะเลือน!”ใบหน้าเกาเหอเย็นดั่งน้ำค้าง “เจ้าหมายความว่าองค์ชายใส่ร้ายเจ้า?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!”หยุนเจิงรีบออกมาช่วยพูด หัวเราะเหอะๆ กล่าวว่า “ข้าว่านายกองทหารม้าหยวนก็ไม่ได้ตั้งใจ คงกะแรงไม่ถูก เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก”หยวนกุยฟังคำพูดของหยุนเจิงแล้วก็แทบจะด่
ณ จวนหยวน “อะไรนะ?”หยวนฉงลุกขึ้นพรวดอย่างรุนแรง ถีบไปที่หยวนกุยจนเขาล้มกองกับพื้น พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “เดรัจฉาน เจ้ากล้าผลักองค์ชายหกตกม้า? เจ้าไม่อยากอยู่แล้วหรือไง”“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ผลักเขาจริงๆ นะขอรับ!”หยวนกุยร้องไห้อยู่กับพื้น “เขาตกลงไปเองชัดๆ!”“ไร้สาระ!”หยวนฉงโกรธจัด “หากเจ้าไม่ได้ผลักเขาตกลงไป แล้วเจ้าหัวเราะเยาะอะไร?”“ข้า…”หยวนกุยอ่อนยวบแยบ ในใจร้องว่าไม่ยุติธรรมไม่หยุด“นายท่าน อย่าบันดาลโทสะเลยเจ้าค่ะ!”มารดาหยวนกุยหัวเราะเหอะๆ แล้วเดินมาทางเขา “ก็แค่องค์ชายหกที่ไม่ได้เรื่องเอง? ต่อให้กุยเออร์จะตั้งใจผลักเขาตกลงม้า แล้วจะเป็นเช่นไร? เกรงว่าฝ่าบาทเองคงลืมไปแล้วว่ามีลูกชายคนนี้อยู่ จะมาทำอะไรเพราะเศษสวะคนหนึ่งได้อย่างไร…”เพี๊ยะ!มารดาหยวนกุยยังพูดไม่ทันจบ หยวนฉงก็ตบนางฉาดใหญ่หยวนฉงจ้องมองภรรยาของเขาอย่างโกรธกริ้ว ตวาดว่า “องค์ชายหกตอนนี้มีใจเด็ดเดี่ยวจะส่งตัวเองไปตาย ฝ่าบาทกำลังอยู่ในช่วงโทษตัวเองที่ลืมบุตรชายคนนี้ไปนาน แล้วเจ้าจะมาบอกกับข้าว่าไม่เป็นไร?”“อะไรนะ?”มารดาหยวนกุยเปลี่ยนสีโดยพลัน กระทั่งลืมความเจ็บปวดบนใบหน้า “เช่นนั้น…เช่นนั้นพวกเรา
หยวนฉงเขียนจนถึงคล้อยบ่าย จึงได้เขียนเทียบเชิญร้อยกว่าใบเสร็จระหว่างนั้น หยุนเจิงยังให้คนยกน้ำชาและของว่างมาให้ระหว่างนั้น หยุนเจิงยังเลือกเทียบเชิญบางฉบับ สั่งให้บ่าวรับใช้ในจวนรีบไปส่งให้พวกขุนนาง“แม่ทัพหยวนช่างอ่อนน้อมถ่อมตนเหลือเกิน ลายมือของท่านนี้เขียนได้ดีกว่าข้าตั้งหลายส่วน”หยุนเจิงยิ้มตาหยีชมเชยหยวนฉงไปประโยคหนึ่ง “เดี๋ยวข้าจะไปมอบเทียบเชิญให้เหล่าขุนนางท่านอื่นที่ราชสำนัก ไม่รั้งพวกท่านไว้กินข้าวเย็นด้วยกันแล้วนะ”“พ่ะย่ะค่ะๆ”หยวนฉงพยักหน้าหงึกๆ ถามขึ้นว่า “เช่นนั้นองค์ชายให้อภัยลูกสุนัขนี้แล้วหรือ?”“ให้อภัยไม่ให้อภัยอะไรกัน”หยุนเจิงโบกมือ “ข้าไม่ได้นับเป็นเรื่องอะไรเสียด้วยซ้ำ ข้ารู้ว่านายกองทหารม้าหยวนไม่ได้ตั้งใจ”“ใช่ ใช่พ่ะย่ะค่ะ!”หยวนฉงเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขม่นหยวนกุยไปทีหนึ่ง “ยังไม่รีบขอบพระทัยองค์ชายอีก?”หยวนกุยแม้จะอัดอั้นตันใจ แต่ก็ปั้นหน้าพูดว่า “ขอบพระทัยองค์ชายที่มีพระทัยกว้างขวางพ่ะย่ะค่ะ”“เอาล่ะ ข้าส่งพวกเจ้าออกจวนไปแล้วกัน!”หยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ“ไม่บังอาจรบกวนองค์ชาย”หยวนฉงพูดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวที่จู่ๆ หยุนเจิงก็ทำดีด้วย“ไม่เ
หยุนเจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสั่งให้คนไปเรียกอวี๋ฝูมา “พระชายาอ๋อง กล่าวว่าพวกเราไม่ได้พักอยู่ที่นี่บ่อยนัก การมีข้ารับใช้มากเกินไปในจวนอ๋อง ก็ไม่ใช่เรื่องดี! เช่นนี้แล้ว เจ้าจงคัดเลือกข้ารับใช้ที่มีไหวพริบดีสักห้าคนให้อยู่ต่อ ส่วนที่เหลือ แจกเงินให้คนละห้าตำลึง แล้วปล่อยพวกเขาไปเถอะ!”เมื่อจำนวนคนลดลง การจับตาดูก็จะง่ายขึ้นก่อนหน้านี้มีข้ารับใช้มากมาย หากต้องจับตาทุกคน คงเป็นเรื่องยากไม่น้อยอวี๋ฝูตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อได้สติกลับมา ก็กระวนกระวายเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋อง จะให้เหลือเพียงห้าคนเท่านั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? จะให้ข้าเก็บไว้มากกว่านี้อีกหน่อยดีหรือไม่?”“เก็บไว้มากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์”หยุนเจิงส่ายหน้า “ครั้งนี้พวกเราจะพักอยู่ที่นี่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นจวนนี้ก็จะถูกปล่อยว่างเป็นส่วนใหญ่ ขอแค่มีคนดูแลทำความสะอาดก็เพียงพอแล้ว”อวี๋ฝูได้ยินเช่นนั้น ก็รีบโค้งคำนับกล่าวว่า “ข้าน้อยขอขอบพระคุณในพระกรุณาธิคุณแทนพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงส่ายหน้าพลางยิ้ม “อย่าขอบคุณข้า หากจะขอบคุณ ก็ไปขอบคุณ พระชายาอ๋องเถอะ”“ขอบพระคุณพระชายาอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”อวี๋ฝูรีบหันไปโค้ง
เมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากสตรีทั้งสาม หยุนเจิงก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดที่จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับพวกที่ดักซุ่มโดยตรงขณะเดินทางมาถึงบริเวณที่ศัตรูวางกับดัก หน่วยสำรวจเส้นทางของพวกเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติ และตระหนักว่าสถานที่นั้นเหมาะสำหรับซุ่มโจมตี จึงรีบออกไปตรวจสอบเมื่อพวกเขาเคลื่อนเข้าไปใกล้ กลุ่มคนที่แฝงตัวอยู่เพิ่งจะล่าถอยไปไม่นาน ร่องรอยบนพื้นดินยังดูสดใหม่ทหารของพวกเขารีบไล่ติดตามไปทันที แต่ก็พบเพียงไม่กี่คนที่ล้าหลังอยู่ไกลๆ ในมือของพวกนั้นยังถือหน้าไม้กำลังสูง ดูจากอาวุธและอุปกรณ์แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกมันได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีคนเหล่านั้นล่าถอยไปอย่างเด็ดขาด ในที่สุดฝ่ายของหยุนเจิงก็ไม่สามารถไล่ตามทันจากร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ ณ จุดซุ่มโจมตี คาดการณ์ได้ว่าพวกที่ซุ่มอยู่นั้นน่าจะมีประมาณหนึ่งร้อยคน และที่แน่ๆ พวกมันเป็นนักรบที่ผ่านการฝึกฝนมาโดยเฉพาะก่อนหน้านี้ เนื่องจากอยู่ต่อหน้าข้ารับใช้ในจวนอ๋อง เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงไม่สะดวกกล่าวถึงเรื่องนี้ตรงๆ นางจึงโกหกว่าระหว่างทางไม่ได้พบเจอเรื่องใด“หน้าไม้กำลังสูง?”หยุนเจิงขมวดคิ้ว “ดูจากลักษณะแล้ว คงเป็นฝีมือ
ทัวฮวนและจี้หรานรับคำสั่งจากหยุนเจิง“พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปหัวเมืองสี่ทิศแล้ว ที่นี่ขอฝากให้พวกเจ้าดูแลแทนก่อน”หยุนเจิงกล่าวพลางมองไปที่จี้หราน “เจ้ารู้เรื่องของฟู่โจวดีที่สุด เจ้าต้องช่วยทัวฮวนให้เต็มที่”จี้หรานพยักหน้า เรื่องนี้หยุนเจิงเคยบอกกับเขามาก่อนแล้วทัวฮวนจะเป็นคนที่รับผิดชอบดูแลฟู่โจวโดยแท้จริง ส่วนเขาเป็นเพียงผู้ช่วยส่วนอนาคตของเขาจะได้รับความสำคัญจากหยุนเจิงหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับการแสดงฝีมือในครั้งนี้หลังจากนั้น หยุนเจิงกำชับอีกสองสามเรื่อง จึงให้ทั้งสองคนไปพักผ่อนรุ่งเช้า หยุนเจิงก็นำคนออกเดินทางไปหัวเมืองสี่ทิศในขณะเดียวกัน คำสั่งให้บังคับใช้ระบบภาษีใหม่ก็ถูกส่งไปยังทุกมณฑลในฟู่โจว บนถนนหนทางในจิงหยางฝู่เต็มไปด้วยประกาศของทางการ และยังมีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายความหมายของภาษีตามที่ดินให้กับชาวบ้านที่อ่านไม่ออกสำหรับเหล่าราษฎรที่ไม่มีที่ดินหรือมีที่ดินเพียงเล็กน้อย ระบบภาษีใหม่เปรียบเสมือนข่าวดีจากสวรรค์โดยแท้แต่สำหรับชนชั้นที่ครอบครองที่ดินเป็นจำนวนมาก ระบบภาษีใหม่นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการพรากชีวิตของพวกเขาเลยเมื่อข่าวเรื่องภาษีตามที่ดินแพร่กระจายในฟู่โ
จนกระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุด หยุนเจิงก็ยังไม่ปรากฏตัวแรงกดดันที่ควรมี เขาได้มอบให้กับเหล่าขุนนางไปแล้วส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้ทัวฮวนและจี้หรานเป็นคนจัดการ“ท่านอ๋อง ท่านจะไม่ไปตรวจดูหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เสิ่นควานที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างหยุนเจิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย“มีอะไรให้ต้องดูอีกเล่า?” หยุนเจิงส่ายหน้าพลางยิ้ม “เมื่อมีลูกน้องก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าทุกเรื่องต้องทำเองหมด ข้าคงเหนื่อยตายก่อน!”“จริงด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นควานหัวเราะเบาๆ “เมื่อก่อนฮูหยินจื่อก็เพราะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ถึงได้ล้มพับไปทีหนึ่ง”เมื่อเอ่ยถึงเยี่ยจื่อ หยุนเจิงจึงถามขึ้นทันที “แล้วพระชายาอ๋องกับคณะจะถึงหัวเมืองสี่ทิศเมื่อใด?”“คาดว่าราวสองหรือสามวันนี่แหละพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นควานตอบ “เมื่อวานเพิ่งมีข่าวมาว่าพวกนางข้ามด่านเป่ยลู่มาแล้ว แม้การเดินทางจะช้าหน่อย แต่ไม่เกินสามวันต้องถึงหัวเมืองสี่ทิศแน่”เช่นนั้นหรือ?หยุนเจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เราออกเดินทางไปหัวเมืองสี่ทิศกันเถอะ”“หา?” เสิ่นควานตกตะลึง “ไปเลยหรือ? แล้วเรื่องที่นี่ไม่ต้องสนใจแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ตอนนี้เป็นช่วงสำคัญ
ซูหานซงขมวดคิ้วและถามจี้หราน “ใต้เท้าจี้ เรื่องสำคัญที่ท่านพูดถึงคือเรื่องอะไร?”เมื่อเขาถามขึ้น ขุนนางที่เหลือต่างก็เร่งถามตามไปด้วยหยุนเจิงทำเช่นนี้ ใครมันจะมีความอยากอาหารได้เล่า!ทุกคนต้องการรู้โดยเร็วว่าเรื่องสำคัญที่จี้หรานพูดถึงคืออะไรเมื่อได้ยินเสียงถามรอบข้าง จี้หรานก็หันไปมองทัวฮวนด้วยท่าทางลำบากใจ “ในเมื่อทุกคนอยากรู้ขนาดนี้ ใต้เท้าทัวฮวน ท่านคิดว่าเราควรบอกพวกเขาก่อนหรือไม่?”ทัวฮวนยิ้มเบาๆ “ก็บอกพวกเขาเถอะ!”จี้หราน “เชิญท่านใต้เท้าเป็นคนพูดเถอะ”ทัวฮวนส่ายหน้าและหัวเราะ “เจ้าเป็นคนบอกเถอะ ข้าเองก็แค่คนที่จะต้องรับความผิดแทนเท่านั้น!”รับความผิดแทนอย่างนั้นหรือ?เมื่อได้ยินคำพูดของทัวฮวน ทุกคนก็พากันหันมองด้วยความแปลกใจทัวฮวนหมายความว่าอย่างไร?เขายอมรับความผิดแทนหยุนเจิงอย่างนั้นหรือ?หรือว่า หยุนเจิงตั้งใจจะจัดการพวกเขาทั้งหมดแล้วโยนความผิดให้ทัวฮวน?นี่...มันจะเปิดเผยขนาดนั้นเชียวหรือ?“ช่างเถอะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะเป็นคนพูดเองก็แล้วกัน!”จี้หรานถอนหายใจ ก่อนจะหยิบหนังสือคำสั่งจากราชสำนักออกมา และกล่าวเสียงดัง “ราชสำนักต้องการปฏิรูประบบภาษี และได้ส
บรรยากาศในงานเลี้ยงนี้ช่างแปลกประหลาดมีโต๊ะอยู่สองตัวโต๊ะแรกหยุนเจิง ทัวฮวน จี้หราน และเว่ยหยูนั่งร่วมกันส่วนขุนนางที่ไม่มีครอบครัวหรือคนสนิทถูกจับกุมนั่งอีกโต๊ะหนึ่งและใกล้ๆ โต๊ะนั้นคือกลุ่มคนที่กำลังคุกเข่าด้วยร่างกายสั่นสะท้านในบรรยากาศเช่นนี้ ต่อให้มีอาหารเลิศรสแค่ไหน เหล่าขุนนางก็ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อยทุกคนพยายามใช้สมองขบคิด ว่าหยุนเจิงต้องการจะทำอะไรกันแน่ในขณะที่หยุนเจิงและพวกทั้งสี่คนกลับนั่งสนทนาและหัวเราะกันอย่างสบายใจแต่หัวข้อที่พูดคุยล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้าแม้แต่พวกขุนนางที่มีประสบการณ์มากในราชการก็ไม่อาจเดาเจตนาที่แท้จริงของหยุนเจิงได้สายตาของหยุนเจิงกวาดผ่านโต๊ะของเหล่าขุนนางที่นั่งอย่างกังวล เขายิ้มบางๆ ในใจไม่รู้จริงๆ ว่าคนพวกนี้คิดอะไรกันอยู่ไม่กล้าต่อสู้กับข้าตรงๆ แต่กลับมาหาเรื่องข้าแทนหรือ? ถ้าไม่ได้โง่จริงๆ ก็คงไม่ทำเช่นนี้หรอก!หลังจากกินดื่มจนอิ่มหนำสำราญ หยุนเจิงก็ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเขาลุกขึ้น ขุนนางทั้งหลายก็ลุกตามด้วยความตกใจ“นั่ง นั่งลงเถอะ!”หยุนเจิงโบกมือพร้อมรอยยิ้ม “ข้าดูออกว่าพวกท่านไม่กล้
เมื่อจี้หรานเดินเข้ามา ขุนนางทั้งหลายต่างลุกขึ้นแสดงความเคารพ“ท่านทั้งหลายไม่ต้องมากพิธี”จี้หรานยิ้มเหอะๆ “ท่านอ๋องกำลังรอพวกท่านอยู่ในห้องโถงด้านหลัง เชิญตามข้ามา”กล่าวจบ จี้หรานก็เดินนำพวกเขาไปยังห้องโถงระหว่างทาง หูซื่อเฉิงที่สนิทกับจี้หรานรีบก้าวมาใกล้และถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ “ใต้เท้าจี้ ท่านอ๋องจัดเลี้ยงพวกเรานี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่?”จี้หรานหันมามองเขาด้วยความสงสัย “คนที่ไปส่งข่าวไม่ได้บอกเจ้าหรือ?”“บอกแล้วสิ!”หูซื่อเฉิงตอบ “แต่พวกเขาแค่บอกว่าท่านอ๋องต้องการพูดคุยเรื่องที่พวกเราลาออก แต่ไม่ได้บอกอะไรมากกว่านั้น”หยุนเจิงแค่ต้องการคุยด้วยอย่างนั้นหรือ? หูซื่อเฉิงย่อมไม่เชื่อหูซื่อเฉิงรู้ดีว่าตัวเองมีจุดอ่อน พอได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดถึงความน่ากลัวของท่านอ๋องผู้นี้ เขาก็ยิ่งกระวนกระวายใจเขาเพียงต้องการรู้ให้ชัดเจนว่าหยุนเจิงต้องการอะไร เพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือเมื่อเห็นท่าทีไม่สบายใจของหูซื่อเฉิง จี้หรานก็ลอบถอนหายใจ ก่อนจะตอบแบบปัดไปว่า “ข้ารู้แค่ว่าท่านอ๋องอยากคุยกับพวกท่าน นอกนั้นข้าก็ไม่รู้อะไรอีก”คำตอบของจี้หรานยิ่งทำให้หูซื่อเฉิงกระสับกระส่ายในที่สุด ข
ราชสำนักส่งคำสั่งกลับมาอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วัน หยุนเจิงก็ได้รับคำสั่งจากราชสำนัก อนุญาตให้เขาใช้ฟู่โจวเป็นพื้นที่ทดลองสำหรับการปฏิรูปภาษีตามที่ดินในต้าเฉียนเมื่อเห็นเนื้อหาในคำสั่งจากราชสำนัก หยุนเจิงก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาราชสำนักก็ยังไม่กล้าลงมือเต็มที่!เฮ้อ เจ้าสามนี่ช่างขาดความเด็ดขาดจริงๆ!ในเมื่อเป้าหมายก็เพื่อทำให้อำนาจของตระกูลใหญ่และชนชั้นสูงอ่อนแอลงอยู่แล้ว จะลงมือพร้อมกันไปเลยไม่ได้หรือ?เขาขาดเงินไม่ใช่หรือไง?ถ้าทำให้พวกตระกูลใหญ่และชนชั้นสูงทนไม่ไหวจนลุกฮือต่อต้าน ก็สามารถใช้ข้ออ้างนั้นยึดทรัพย์เข้าราชสำนักได้ไม่ใช่หรือ?การเก็บภาษีตามที่ดินนี้ จะช้าหรือเร็วก็ต้องผลักดันทั่วทั้งแผ่นดินต้าเฉียนอยู่ดีแต่เจ้าสามกลับมัวแต่ค่อยๆ เดินเกมทีละก้าว ราวกับจงใจทำให้ตระกูลใหญ่เหล่านั้นหวาดระแวงไปวันๆหลังจากนึกตำหนิในใจอยู่ครู่หนึ่ง หยุนเจิงก็เรียกทัวฮวนและจี้หรานเข้ามา “ตามแผนที่วางไว้ สั่งให้ทุกอำเภอและทุกมณฑลจัดตั้งกลุ่มคนเพื่ออธิบายนโยบายภาษีใหม่แก่ชาวบ้าน และเริ่มการวัดที่ดินเพื่อจัดทำบัญชีใหม่โดยทันที!”จี้หรานแสดงความกังวลเล็กน้อย “คำสั่งจากมณฑลถึงขุนนางท
ไม่ว่าฝ่ายไหนต่างก็อ้างว่าตนเองทำเพื่อราชสำนัก และกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวกคนชั่วแม้จักรพรรดิเหวินจะประทับอยู่ตรงนั้น แต่ฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้านก็ยังคงโต้เถียงกันไม่หยุด เพียงแค่พยายามควบคุมท่าทีไม่ให้รุนแรงเกินไปจักรพรรดิเหวินไม่ได้ห้ามปราม หรือกล่าวคำใดๆ ราวกับนั่งชมความบันเทิงอยู่ตรงนั้นฟังเสียงโต้เถียงในท้องพระโรงทำให้หยุนลี่รู้สึกปวดหัวทั้งเขาและจักรพรรดิเหวินต่างรู้ดีว่าในวันนี้ ท้องพระโรงแห่งนี้ไม่มีทางสงบสุขได้แต่ถึงจะรู้อยู่แก่ใจ เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวในใจของหยุนลี่นั้นเต็มไปด้วยคำสาปแช่งหยุนเจิงเจ้าสุนัขนี่ คอยสร้างปัญหาให้ข้าไม่เว้นแต่ละวันมันน่ารำคาญจริงๆ!หลังจากสาปแช่งหยุนเจิงในใจไปหลายร้อยครั้ง หยุนลี่ก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดการโต้เถียง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายว่า “ข้ามีสองคำถามที่อยากถามพวกท่าน”“ข้อแรก หากเจ้าหกยืนกรานที่จะผลักดันภาษีใหม่ในฟู่โจว ราชสำนักจะสามารถหยุดเขาได้หรือไม่?”“ข้อสอง หากราชสำนักไม่สามารถหยุดยั้งได้ และหากชาวบ้านทั่วแผ่นดินรู้ถึงภาษีใหม่ที่เจ้าหกใช้ในฟู่โจว ราชสำนักจะปิดปากพวกเขาได้อย่างไร? หรือว่าราชสำนัก