Share

บทที่ 9

Author: เหลียงซานเหลากุ่ย
เสิ่นเนี่ยนฉือ!

เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปที่หลานสาวของตน

นี่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของพี่ชายคนโตนาง!

เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นเสิ่นเนี่ยนฉือร้องไห้โฮเพราะความตกใจ ใจนางจึงอ่อนลง

เว่ยซวงรีบวิ่งไปอุ้มลูกสาวของตนมา ขอร้องน้ำตานองหน้า “ลั่วเยี่ยน พวกเราตายไม่เป็นไร แต่เนี่ยนฉือยังมีอายุไม่ถึงเจ็ดปีเลย!”

เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นหลานสาวมีน้ำตาอาบสองแก้ม มือที่กำหมัดแน่นของนางก็คลายออก

ตุ้บ!

เสิ่นลั่วเยี่ยนคุกเข่าลง น้ำตาแห่งความเสียใจและความโกรธไหลผ่าน

“หม่อมฉัน…รับราชโองการ ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

ขณะที่พูดสองประโยคนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนราวกับว่าตนได้ดึงพลังงานทั้งหมดออกจากร่างไปแล้ว

กระทั่งตอนที่เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโองการ สีหน้าของมู่ซุ่นจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นดี

“เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับไปรายงานก่อน สำหรับเรื่องกำหนดวันสมรสนั้น จะแจ้งให้ทราบภายหลัง!”

พูดไปมู่ซุ่นก็มองไปที่หยุนเจิง “องค์ชายหก พวกเรากลับวังกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

“หัวหน้ามู่เชิญกลับก่อนเถอะ ข้าอยากจะพูดคุยกับพวกนางสักหน่อย”

หยุนเจิงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “หัวหน้ามู่ คุณหนูเสิ่นตกใจจนเสียการควบคุม เรื่องในวันนี้ ขอหัวหน้ามู่รายงานเสด็จพออย่างพองามด้วย”

“บ่าวจะระวังพ่ะย่ะค่ะ”

มู่ซุ่นหัวเราะเหอๆ ก่อนจะลาทุกคนไป

พอมู่ซุ่นไปแล้ว สายตาทุกคู่ก็จดจ้องไปที่ร่างของหยุนเจิง

“อย่าคิดว่าแค่เจ้าพูดจาสวยหรูสองสามประโยค แล้วข้าจะรู้สึกขอบคุณเจ้า!”

เสิ่นลั่วเยี่ยนมองหยุนเจิงอย่างรังเกียจ ไม่เห็นแก่หน้าเขาที่เป็นถึงองค์ชายเลยสักนิด

“ข้าก็ไม่ได้หวังให้เจ้าขอบคุณข้าเช่นกัน”

หยุนเจิงส่ายหน้าหัวเราะ “หากไม่เห็นว่าหลานสาวของเจ้าคนนี้ยังเด็กเกินไป ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะขัดราชโองการ เช่นนั้นแล้ว ข้าจะไปกราบทูลเสด็จพ่อ ให้เจ้ากับข้าไปเสียสละชีวิตอยู่ที่ซั่วเป่ย”

“ใครจะไปเสียสละชีวิตกับเจ้าห้ะ?”

เสิ่นลั่วเยี่ยนแค่นเสียงเหอะ รีบเช็ดหน้าน้ำตาของตนลวกๆ วินาทีถัดไป มือของนางก็หยุดลง “เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้เจ้าบอกว่า เจ้าจะไปเสียสละชีวิตที่ซั่วเป่ย?”

ฮูหยินเสิ่นกับสะใภ้อีกสองคนตกตะลึงงัน จนกระทั่งลืมดูถูกหยุนเจิงเสีย

“ใช่แล้ว!”

หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อได้แต่งตั้งให้ข้าเป็นแม่ทัพพยัคฆ์ รอพวกเราแต่งงานกันแล้ว เข้าก็จะไปยังซั่วเป่ย! ข้าไม่ได้หวังว่าจะทำคุณูประการยิ่งใหญ่ใดๆ แต่หวังจะปลุกใจสู้ให้กับเหล่ากองทัพของต้าเฉียนเรา …”

อะไรนะ?

หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ของหยุนเจิงบรรดาสตรีก็เปลี่ยนสีหน้า

ฮูหยินเสิ่นถึงขั้นอ่อนไปทั้งตัว นั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้

หยุนเจิงจะไปเสี่ยงตายอยู่ที่ซั่วเป่ย?

เช่นนั้นก็เท่ากับว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนยังไม่ได้แต่งงานแต่กลับถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นหม้าย?

จักรพรรดิเหวินจะส่งองค์ชายไร้ความสามารถผู้นี้ไปตายเพื่อปลุกขวัญกำลังให้กับเหล่าทหารอยู่แล้วแท้ๆ แล้วยังคิดจะพระราชทานพิธีสมรสให้เขากับเสิ่นลั่วเยี่ยน?

จักรพรรดิเหวินคิดจะทำให้ตระกูลเสิ่นมีแต่หญิงหม้ายอย่างสมบูรณ์?

ตระกูลเสิ่นต้องเป็นหม้ายกันทั้งตระกูลเลยหรือไง?

ทันใดนั้น ฮูหยินเสิ่นตบโต๊ะทันที

ปั้ง!

โต๊ะไม้ดีๆ ตัวหนึ่งถูกตบจนแตกเป็นสี่ห้าแฉก

หยุนเจิงพอได้เห็นฉากนี้ก็ตกใจขึ้นมา

ฉิบหาย!

นี่แม่เมียจำเป็นของเขายังเป็นยอดฝีมือด้วย?

ยังไม่รอให้หยุนเจิงได้สติกลับมา ฮูหยินเสิ่นก็ลุกขึ้นพรวดทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น หันหน้าไปทางบุตรสาวแล้วร้องตะโกนว่า “นำป้ายวิญญาณของบิดาและพี่ชายของเจ้ามา ติดตามแม่ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้!”

“ใช่แล้ว ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”

เยี่ยจื่อพี่สะใภ้รองก็ส่งเสียงขึ้นตามอย่างโกรธเคือง

ตอนนั้นนางเพิ่งจะแต่งงานกับพี่ชายคนรองของเสิ่นลั่วเยี่ยน ยังไม่ทันได้ร่วมหอกันเลย พี่รองของนางก็รีบรุดไปยังสนามรบที่ซั่วเป่ยแล้ว

ยามไปยังมีชีวิต ยามกลับเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ!

นางรู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่าต้องเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาวนั้นขมขื่นเพียงไร

นางไม่มีทางยอมให้เสิ่นลั่วเยี่ยนต้องมารับชะตากรรมเช่นเดียวกับนาง

ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ฮ่องเต้เรียกคือพระราชโองการ!

“ไม่มีประโยชน์หรอก”

เว่ยซวงส่ายหน้าเบาๆ พูดขึ้นอย่างขมขื่นว่า “พวกเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ฮ่องเต้ต้องการให้ลั่วเยี่ยนสืบเชื้อสายให้ลูกชายของเขาเท่านั้น …”

“ข้ายอมหัวโขกเสาตายก็ไม่ยอมสืบเชื้อสายให้เขา!”

เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปทางหยุนเจิงอย่างแค้นเคือง

“หัวโขกเสาตายไปเสียเถอะ!”

หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ มองไปทางเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างจริงจัง “ใจเมื่อเจ้าก็อยากตายอยู่แล้ว ไม่สู้ไปเสียสละชีวิตกับข้าที่ซั่วเป่ยเถอะ! อย่างน้อยเมื่อไปถึงปรโลกเราก็เป็นเพื่อนกันได้!”

Comments (1)
goodnovel comment avatar
Pakpadee Yukongdi
สนุกดี การดำเนินเรื่องช้าไปหน่อย อธิบายรายละเอียดมาก ซึ่งจะทำให้เรื่องราวเยิ่นเย้อเกินความจำเป็น แต่เนื้อเรื่องน่าสนใจ แตกต่างจากเรื่องอื่น ภาษาที่ใช้เขียน ใช้ได้ดี แต่ยังมีการใช้ภาษาสมัยใหม่แทรกปนกับการใช้คำตามธรรมเนียมการประพันธ์เรื่องโบราณของจีนอยู่การสะกดคำไม่มีผิดพลาดอย่างที่อ่านในเว็ปไซต์อื่น
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 10

    “…”เสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้ากระตุกอย่างคุมไม่ได้ ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดว่า “ใครจะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะไม่ตายพร้อมกับเจ้า!” ต้องขนาดนี้เลยหรือ?ยัยเด็กโง่นี่!แค่หยอกล้อเล่นนิดหน่อย นางยังคิดถือเป็นจริงจัง?สติปัญญานาง ดูท่าแล้วคงไม่ได้สูงมากนัก?นางฝึกสมองแต่ไปขึ้นที่กล้ามเนื้อแล้วหรือไง?เสียงกบร้องระงม แมลงวันบินดังหวี่ๆ ทั้งวี่ทั้งวันไม่มีใครฟังไก่ขันเพียงยามเช้า แต่กลับปลุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากภวังค์ได้คำพูดหากไม่มีใครฟัง ก็อย่าได้พูดพล่ามเลยหยุนเจิงลอบหัวเราะในใจ แล้วพูดหยอกล้อขึ้นอีกว่า “เสด็จพ่อได้พระราชทานงานสมรสแล้ว หากพวกเราล้วนตกตายกันไปหมด คาดว่าเสด็จพ่อคงสั่งให้คนฝังเราไว้ด้วยกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนฟังคำพูดของหยุนเจิงใบหน้าก็กระตุกขึ้นมาอีกแม้กระทั่งความตายก็มิอาจพรากนางไปจากไอ้สวะนี่ได้งั้นหรือ?“เอาล่ะ”หยุนเจิงค่อยๆ ยืดตัวยืนขึ้น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสด็จพ่อได้ตัดสินพระทัยแล้ว ราชวงศ์เราในเวลานี้ก็มีเรื่องมากมาย พวกเจ้าก็อย่าได้ไปหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย” กล่าวจบ หยุนเจิงก็ปลีกตัวจากไปอย่างไรเขาก็ได้เตือนพวกนางแล้วหากพวกนางยังไม่ฟั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 11

    ในวังหลวงยามวิกาล“ตรวจสอบได้ความหรือยัง”จักรพรรดิเหวินเงยประพักตร์ขึ้นจ้องถามองค์รักษ์เงา“กราบทูลฝ่าบาท ตรวจสอบได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องค์รักษ์เงาค้อมกาย ค่อยๆ รายงานความจริงตามที่ได้สืบได้จากองครักษ์ที่จับตัวมาจากเรือนปี้ปัว“จับเข้าคุกสวรรค์?”จักรพรรดิเหวินตบไปที่กองฎีกา พูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่มีคำอนุญาตจากข้า แต่เจ้าสามกลับกล้าจับเจ้าหกเข้าคุกสวรรค์? มิน่าเล่า เจ้าหกจึงได้ตกใจกลัวจนมาขอความตายกับข้า!”จักรพรรดิเหวินกริ้วเป็นอย่างมาก หายใจหอบแรง“ฝ่าบาทได้โปรดคลายโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นที่รับใช้อยู่ข้างกายรีรบกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง “องค์ชายสามอาจจะแค่อยากหยอกล้อองค์ชายหกก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเสีย คนสนิทขององครัชทายาทได้ไปหาองค์ชายหกก่อนตาย…”จักรพรรดิเหวินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันสายตาไปมองมู่ซุ่น “เจ้าคิดว่าเจ้าหกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์รัชทยาท?”“เรื่องนี้…”มู่ซุ่นตัวกระตุกอย่างแรงแล้วรีบตอบว่า “บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่รู้? เช่นนั้นก็แปลว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะสิ?”จักรพรรดิเหวินส่งเสียงเหอะเบาๆ “หากเจ้าเป็นองค์รัชทายาท เจ้าจะคนไ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 12

    ที่พำนักของหยุนเจิงในตอนนี้ ยังเป็นที่พักที่เขาพักตั้งแต่สมัยยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำพอจักรพรรดิเหวินนึกถึงหยุนเจิง ในใจก็ลอบด่าว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ขึ้นอีกตนลืมเรื่องนี้ เขาเองก็ไม่กล้ามาทูลขอเลยหรือไง?ไร้ประโยชน์จริงๆ!หลังจากจักรพรรดิเหวินไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง ก็มีรับสั่งไปยังมู่ซุ่น “สั่งคนให้ไปทำความสะอาดจวนของอวี๋หมิ่น ขุนนางที่มีความผิดติดตัว ทำทั้งคืนจัดการให้สะอาด รุ่งเช้าวันพรุ่งให้ไปที่เรือนปี้ปัว พระราชทานแก่หยุนเจิง! บ่าวรับใช้ในจวน ให้จัดใหม่ตามกฎมณเฑียรบาล!”…จวนองค์ชายสามมีเสียงโอดครวญดังมาจากหยุนลี่เป็นครั้งคราวสวีสือฝู่กับซูเฟยมาเยี่ยมหยุนลี่ที่จวนพอเห็นสภาพของหยุนลี่ สองพี่น้องทั้งสงสารทั้งโกรธหยุนลี่ถูกสวะอย่างหยุนเจิงทำร้าย?ที่มันเรื่องตลกระดับฟ้าสวรรค์ยังต้องหัวเราะ!นอกจากจะโกรธเคืองแล้ว สวีสือฝู่ก็อดสั่งสอนหยุนลี่ไม่ได้ว่า “เจ้าเองก็เลอะเลือน เจ้าจะใส่ความอะไรสวะอย่างหยุนเจิงก็ได้ แต่กลับไปใส่ความว่าเขาเป็นพรรคพวกขององค์รัชทายาท! คำพูดนี้พอพูดออกไป อย่าว่าแต่พวกขุนนางบู๊บุ๋นในราชสำนักเลย ตัวเจ้าเองได้ยินแล้วเจ้าเชื่องั้นรึ?”หยุนเจิงติดตา

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 13

    วันรุ่งขึ้นเช้าตรู มู่ซุ่นก็มามอบราชโองการพอหยุนเจิงได้ยินรชโองการ ในใจทั้งยินดีทั้งเศร้าหมองที่ยินดีก็เพราะเขาไม่ต้องอยู่ในวังแล้ว สามารถทำอะไรในที่ลับได้บ้างแต่เขาก็กังวลว่าหากจู่ๆ จักรพรรดิเหวินรู้สึกผิดต่อตนเองขึ้นมา สมอเกิดทำงานผิดพลาด หลังพิธีสมรสก็ไม่ส่งตัวเขาไปซั่วเป่ยแล้วหากเป็นเช่นนั้น ก็แย่แล้วจริงๆ!ทว่า ต่อให้ตอนนี้เขาจะกังวลใจก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงรับราชโองการอย่างหน้าชื่นบานแม้ว่าหยุนเจิงจะอาศัยอยู่ในเรือนปี้ปัวมาหลายปี แต่ของของเขามีไม่มากแค่เก็บเพียงครู่ หยุนเจิงก็พาองครักษ์ทั้งคู่จากไปพอมาถึงจวนอวี๋ เขาเพิ่งจะพบว่าป้ายจวนอวี๋ถูกแกะลงมาแล้ว เปลี่ยนเป็นป้ายจวนองค์ชายหกพอดูป้ายชื่อแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าเร่งทำขึ้นมาทั้งคืน ฝีมือไม่ประณีตเท่าไหร่ แม้แต่สีน้ำมันที่ลงทับยังไม่ทันแห้งดีเสียด้วยซำ!“รับเสด็จองค์ชายหก!”คนในจวนรีบทำการคาราวะให้มันได้อย่างนี้สิ คนไม่น้อยเลยหากรวมชายหญิงทั้งหมดแล้ว น่าจะมีสามสิบกว่าคนในคนพวกนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสาวรับใช้กับคนสวนยังมีองครักษ์อีกหกนายทว่า คนพวกนี้คงเป็นคนที่จักรพรรดิเหวินให้คนจัดหามาให้ ในใจหยุนเจิงเกิ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 14

    พอเห็นหยุนเจิงเดินเข้ามา พวกคนในห้องก็รีบลุกขึ้นทำการคาราวะแม้กระทั่งคนที่มีนิสัยแข็งกระด้างอย่างเสิ่นลั่วเยี่ยนยังลุกขึ้นคาราวะเอ๋?หยุนเจิงประหลาดใจพวกนางเปลี่ยนนิสัยไวมาก?เมื่อวานไม่ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท วันนี้ก็เลยยอมรับความจริงแล้ว?“ล้วนเป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้หรอก!”หยุนเจิงหัวเราะ สายตาของเขากวาดไปเจอชายหนุ่มที่มีราศีวีรบุรุษ “เจ้าเป็นใคร” ชายหนุ่มมีแววดูถูกพาดผ่านตาไปแวบหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นตอบว่า “ทูลองค์ชาย ข้าหยวนกุยนายกองทหารม้าแห่งหน่วยทหารรักษาเมืองตะวันออก บิดาคือแม่ทัพหยวนฉงแห่งหน่วยทหารรักษาเมืองตะวันออก”หยวนฉง?พวกองค์ชายสาม?หยุนเจิงในใจกระตุกเมื่อวานตอนอยู่ในท้องพระโรง หยวนฉงเป็นคนที่โลดเต้นอย่างยินดีมากที่สุดคนหนึ่ง!ในเมื่อเป็นคนขององค์ชายสาม เช่นนั้นก็อย่าหาว่าตนไม่เกรงใจแล้วกัน!“ที่แท้ก็คือนายกองทหารม้าหยวนนี่เอง”หยุนเจิงหัวเราะเหอะๆ แล้วถามขึ้นว่า “นายกองทหารม้าหยวนวันนี้มาทำอะไรหรือ”หยวนกุยยิ้มจนคิ้วยิ้มตาม พูดขึ้นอย่างไม่เสแสร้างว่า “ขข้าได้ยินว่าคุณหนูเสิ่นอารมณ์ไม่ดี จึงได้ตั้งใจ…”“อะแฮ่มๆ…”เยี่ยจื่อกระแอมไอเบาๆ ตัด

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 15

    สอนเขาขี่ม้า?หยวนกุยคิดในใจ รีบหัวเราะเหอะๆ พยักหน้ารับ “ในเมื่อองค์ชายตรัสเช่นนี้แล้ว หยวนกุยไม่กล้าไม่ทำตาม!”ดีเลย ให้เขาได้เห็นทักษะการขี่ม้าของตนหน่อย!ให้เขาเห็นว่าตัวเองนั้นใช้ไม่ได้แค่ไหน ไม่ได้เรื่องแค่ไหน!หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิเหวินพระราชทานการสมรสให้ เสิ่นลั่วเยี่ยนต้องเป็นของเขาแน่นอน!แม้ว่าตนจะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรไม่ได้ แต่ก็ขอตบหน้าเขาแรงๆ สักที จะได้ระบายโทสะในใจด้วย!“เช่นนั้นพวกเจ้าไปเถอะ ข้าไม่ไปแล้ว!”เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่มีความสนใจจะไปด้วยแต่แรก ยิ่งพอหยุนเจิงหน้าด้านหน้าทนขอตามไปด้วยให้ได้ นางยิ่งไม่อยากไปกว่าเดิมนางไม่อยากเห็นหยุนเจิงแม้แต่วินาทีเดียว!เยี่ยจื่อพอได้ยิน ก็ใบ้รับประทานครู่หนึ่งแล้วรีบพูดว่า “ลั่วเยี่ยน พวกเราออกไปเดินเล่นให้สบายอารมณ์กันเถอะ! เจ้ากับองค์ชายหกจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นด้วย”ในใจเยี่ยจื่อก็ขมขื่นมากเช่นกัน ตัวนางไม่อยากให้เสิ่นลั่วเยี่ยนซวยไปด้วย จึงยอมเอาขี้เถ้ามาสุมหัวตนเอง ตอนนี้นางมาบอกว่าไม่ไปด้วย ไม่ได้เป็นการขายตนเองหรอกหรือ?นางไม่อยากเห็นหน้าคนไร้ประโยชน์คนนั้น แล้วคิดว่าตนอยากเห็นหรือไงหากมีเสิ่นลั่วเยี่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 16

    นางเก็บคะแนนที่เคยให้หยวนกุยไปก่อนหน้านี้เขาไม่ใช่คนที่มีกำลังแต่ไร้สมอง แต่โง่เง่าจริงๆ!เยี่ยจื่อมองหยวนกุยอย่างดูแคลน แล้วดึงตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ เบาๆ เตือนให้นางเก็บอาการหน่อย“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”หยุนเจิงลุกขึ้น รีบดึงตัวโจวมี่ขึ้นมา“ขอพระทัยองค์ชายที่ทรงเป็นห่วง ข้าน้อยไม่เป็นไร”โจวมี่ปัดเศษฝุ่นบนตัว“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”หยุนเจิงถอนหายใจโล่ง แล้วมองไปทางหยวนกุย “นายกองทหารม้าหยวน ครั้งหน้าที่เจ้าดันตัวข้า อย่าออกแรงเยอะเช่นนี้อีก”ออกแรง?หยวนกุยชะงักงันตนไม่ได้ออกแรงสักนิด!ก็แค่แรงปกติธรรมดเนี่ย!“บังอาจ หยวนกุยเจ้ากล้าผลักองค์ชายหกตกม้างั้นรึ?”มีเสียงดังขึ้นข้างหูหยวนกุยหยวนกุยพอได้ยิน ก็เกิดไหวพริบขึ้นมา รีบอธิบายว่า “ข้า ข้าไม่ได้ออกแรงสักนิด เป็นองค์ชายหกเองที่ตกลงไปโดยไม่ระวังตน!”“เลอะเลือน!”ใบหน้าเกาเหอเย็นดั่งน้ำค้าง “เจ้าหมายความว่าองค์ชายใส่ร้ายเจ้า?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!”หยุนเจิงรีบออกมาช่วยพูด หัวเราะเหอะๆ กล่าวว่า “ข้าว่านายกองทหารม้าหยวนก็ไม่ได้ตั้งใจ คงกะแรงไม่ถูก เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก”หยวนกุยฟังคำพูดของหยุนเจิงแล้วก็แทบจะด่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 17

    ณ จวนหยวน “อะไรนะ?”หยวนฉงลุกขึ้นพรวดอย่างรุนแรง ถีบไปที่หยวนกุยจนเขาล้มกองกับพื้น พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “เดรัจฉาน เจ้ากล้าผลักองค์ชายหกตกม้า? เจ้าไม่อยากอยู่แล้วหรือไง”“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ผลักเขาจริงๆ นะขอรับ!”หยวนกุยร้องไห้อยู่กับพื้น “เขาตกลงไปเองชัดๆ!”“ไร้สาระ!”หยวนฉงโกรธจัด “หากเจ้าไม่ได้ผลักเขาตกลงไป แล้วเจ้าหัวเราะเยาะอะไร?”“ข้า…”หยวนกุยอ่อนยวบแยบ ในใจร้องว่าไม่ยุติธรรมไม่หยุด“นายท่าน อย่าบันดาลโทสะเลยเจ้าค่ะ!”มารดาหยวนกุยหัวเราะเหอะๆ แล้วเดินมาทางเขา “ก็แค่องค์ชายหกที่ไม่ได้เรื่องเอง? ต่อให้กุยเออร์จะตั้งใจผลักเขาตกลงม้า แล้วจะเป็นเช่นไร? เกรงว่าฝ่าบาทเองคงลืมไปแล้วว่ามีลูกชายคนนี้อยู่ จะมาทำอะไรเพราะเศษสวะคนหนึ่งได้อย่างไร…”เพี๊ยะ!มารดาหยวนกุยยังพูดไม่ทันจบ หยวนฉงก็ตบนางฉาดใหญ่หยวนฉงจ้องมองภรรยาของเขาอย่างโกรธกริ้ว ตวาดว่า “องค์ชายหกตอนนี้มีใจเด็ดเดี่ยวจะส่งตัวเองไปตาย ฝ่าบาทกำลังอยู่ในช่วงโทษตัวเองที่ลืมบุตรชายคนนี้ไปนาน แล้วเจ้าจะมาบอกกับข้าว่าไม่เป็นไร?”“อะไรนะ?”มารดาหยวนกุยเปลี่ยนสีโดยพลัน กระทั่งลืมความเจ็บปวดบนใบหน้า “เช่นนั้น…เช่นนั้นพวกเรา

Latest chapter

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1598

    เขารู้เพียงว่า ท่านอ๋องผู้นี้ ซึ่งผ่านศึกมานับไม่ถ้วน มิใช่คนที่จะเมตตาปรานีใครได้ง่ายๆอู๋โหย่วเต๋อสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในที่สุดก็พยายามรวบรวมเรี่ยวแรง ขยับร่างที่อ่อนแรงของตนขึ้นคุกเข่าให้เรียบร้อย“ขอ… ขอท่านอ๋องเมตตาด้วย…”“ได้! ข้าจะให้เจ้า!”หยุนเจิงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองหลิวอู่และหลี่เจี่ย “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกตระกูลอู๋ ทั้งบิดา บุตร และพ่อบ้านผู้นี้ จะเป็น วัวไถนา ของพวกเจ้า! ให้พวกมันลากคันไถให้พวกเจ้า! ส่วนเรื่องอาหารไม่ต้องห่วง ข้าจะเป็นคนดูแลเอง ข้าจะทำให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่อดตาย!”อะไรนะ?เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ไม่เพียงแต่อู๋โหย่วเต๋อเท่านั้นที่ตะลึงงัน แม้แต่หลิวอู่และหลี่เจี่ยเองก็ตกตะลึงเช่นกันภายในแคว้นต้าเฉียน ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนถูกใช้ให้ลากคันไถแทนวัวแต่เรื่องเช่นนี้มักเกิดขึ้นกับชาวบ้านยากไร้ที่ไม่มีเงินเช่าวัวเท่านั้นทว่า เรื่องให้ตระกูลอู๋กลายเป็นวัวไถนาให้พวกเขา แม้แต่ในฝัน พวกเขาก็ไม่เคยกล้าคิด!พวกเขานิ่งอึ้งไปอยู่นาน ก่อนจะได้สติ รีบคุกเข่ากระแทกพื้นและกล่าวเสียงดัง “ข้าน้อยขอคารวะท่านอ๋อง! ขอขอบพระคุณในพระเมตตาอันล้ำลึก!”ใ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1597

    เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้ซับซ้อนอะไรเพียงแค่อู๋โหย่วเต๋อโลภอยากได้วัวไถนาของเหล่าหลิวโถวเดิมทีเขาตั้งใจจะใช้เงินซื้อวัวจากเหล่าหลิวโถวในราคาถูก แต่เหล่าหลิวโถวกลับไม่ยอมขายให้ไม่ว่าจะอย่างไรเมื่ออู๋โหย่วเต๋อหมดความอดทน จึงใส่ร้ายว่าเหล่าหลิวโถวขโมยวัวของตระกูลอู๋ไป และกล่าวว่า หากไม่ได้ขโมยจริง ก็ต้องมีทะเบียนวัวมายืนยันแต่ปัญหาก็คือ วัวตัวนี้เป็นของที่หยุนเจิงพระราชทานให้เหล่าหลิวโถว! แล้วเหล่าหลิวโถวจะมีทะเบียนวัวจากที่ใดกัน?เหล่าหลิวโถวพูดจนปากจะฉีกก็ยังแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ เขายืนกรานว่าวัวตัวนี้เป็นของที่หยุนเจิงพระราชทานให้ แต่ไม่ว่าอย่างไร อู๋โหย่วเต๋อก็ไม่ยอมฟัง ซ้ำยังข่มขู่ว่าจะพาตัวเหล่าหลิวโถวไปแจ้งความที่ศาลเหล่าหลิวโถวเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอดชีวิต พอได้ยินว่าต้องไปแจ้งความก็ถึงกับตกใจกลัวสุดท้าย วัวตัวนั้นก็ถูกอู๋โหย่วเต๋อแย่งไปจนได้หลังจากวัวถูกพาออกไป เหล่าหลิวโถวก็ร้องไห้ไม่หยุด ราวกับจิตวิญญาณหลุดออกจากร่างเมื่อหลิวอู่และหลี่เจี่ยได้ยินข่าวอีกครั้ง เหล่าหลิวโถวก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว… เขาแขวนคอตายใต้ต้นไม้ข้างกระท่อมของตัวเอง“ที่พวกเขาก

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1596

    อู๋โหย่วเต๋อเห็นท่าไม่ดีจึงไม่กล้าเอนกายต่อ รีบลุกจากเก้าอี้ไม้ไผ่ แล้วเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มประจบ“นายทหาร ข้ามิทราบว่ามีใครในจวนข้าทำเรื่องผิดไป…”“พาตัวไป!”เสิ่นควานไม่แม้แต่จะให้เขาพูดจบ โบกมือสั่งการทันที ทหารองครักษ์สองนายตรงเข้าไปจับกุมอู๋โหย่วเต๋อ“ปล่อยข้านะ!”อู๋โหย่วเต๋อโกรธจัด “พวกเจ้าคิดว่าเป็นใคร ถึงกล้าบุกเข้ามาอาละวาดในตระกูลอู๋ของข้า? อย่าคิดว่าใส่ชุดเกราะแล้วจะขู่ข้าได้ ข้า…”ผัวะ!ยังไม่ทันที่อู๋โหย่วเต๋อจะพูดจบ ทหารองครักษ์นายหนึ่งก็ซัดหมัดเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรงอู๋โหย่วเต๋อร้องลั่น ร่างกายโค้งงอราวกับกุ้งต้ม“เจ้าด้วย! จับไป!”เสิ่นควานปรายตามองพ่อบ้าน ก่อนจะสั่งต่อไปยังเหล่าทหาร “ปิดล้อมตระกูลอู๋! หากไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง ห้ามผู้ใดเข้าออกเด็ดขาด!”“รับทราบ!”กองทหารองครักษ์รับคำสั่งทันทีท่านอ๋อง!เมื่อได้ยินคำนี้ พ่อบ้านถึงกับรู้สึกว่าโลกหมุนคว้าง ก่อนจะล้มลงนั่งก้นกระแทกพื้น ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดท่านอ๋อง! เป็นท่านอ๋องจริงๆ!สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว!อู๋โหย่วเต๋อที่กำลังเจ็บจนหน้าบิดเบี้ยวก็ถึงกับแข็งค้างไปชั่วขณะ ราวกับว่าเขา

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1595

    ตระกูลอู๋นายท่านอู๋โหย่วเต๋อกำลังเอนกายบนเก้าอี้ไม้ไผ่ รับไออุ่นจากแสงแดดอย่างสบายใจ บนร่างยังมีผ้าขนสัตว์นุ่มคลุมอยู่สาวรับใช้สองนางคุกเข่าอยู่ข้างซ้ายขวาของเขา พลางนวดเฟ้นให้เป็นจังหวะเป็นตอน บางครั้งยังถูกอู๋โหย่วเต๋อใช้มือบีบเค้นร่างกายพวกนางไปด้วยสาวรับใช้ทั้งสองไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง ได้แต่ปล่อยให้อู๋โหย่วเต๋อกระทำตามใจขณะที่อู๋โหย่วเต๋อกำลังหลับตาเพลิดเพลิน พ่อบ้านก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา“นายท่าน!”พ่อบ้านดูร้อนรน รีบเข้าไปใกล้แล้วกระซิบเบาๆ ข้างหูอู๋โหย่วเต๋อลืมตาขึ้นทันที โบกมือไล่สาวรับใช้ทั้งสองออกไป ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น “เหล่าหลิวโถวตายแล้ว? ตายได้อย่างไร?”พ่อบ้านตอบกลับ “เจ้าเฒ่านั่นบอกว่าจะออกไปเข้าห้องส้วมเมื่อคืน แต่กลับไปหยิบเชือกป่านแล้วแขวนคอตายใต้ต้นไม้ ตอนที่มีคนพบเข้าก็แข็งทื่อไปแล้ว…”“แขวนคอตายรึ?”อู๋โหย่วเต๋อถอนหายใจโล่งอกก่อนจะบ่นอย่างไม่พอใจ “มันแขวนคอตายเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา เจ้าจะร้อนรนไปทำไม?”“ข้าน้อยแค่กลัวว่าเรื่องที่เจ้าเฒ่านั่นพูดไว้จะเป็นความจริง…” พ่อบ้านสีหน้าไม่สู้ดีนัก “นายท่าน วัวตัวนั้นจะเป็นของที่ท่านอ๋องมอบให้เหล่าหลิวโถวจริ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1594

    พวกเขาต่างรู้ดีว่า การนำโหวซื่อไคมาขายแบบนี้ ย่อมทำให้โหวซื่อไคมีความแค้นต่อพวกเขาแน่นอนว่าโหวซื่อไคคงไม่คิดร่วมมือกับพวกเขาอีกหากต้องการแบ่งผลประโยชน์ในครั้งนี้ ก็มีเพียงให้หยางหุยโจวเป็นผู้เชื่อมโยงความสัมพันธ์เท่านั้น“เรื่องนี้… ไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”หยางหุยโจวรู้สึกโลภขึ้นมา แต่กลับทำเป็นวางตัวไว้ก่อนหากสามารถฟันกำไรจากพวกซูเฮ่อเหนียนอีกทาง หลังจากได้จากโหวซื่อไคไปแล้ว นั่นก็หมายความว่า ตนไม่ต้องลงทุนแม้แต่ตำลึงเดียว แต่กลับสามารถกอบโกยเงินมหาศาลได้!เงินขาวๆ กองโตเช่นนี้ จะให้ตนไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?“ใต้เท้ากล่าวอะไรเช่นนั้น!”ซูเฮ่อเหนียนหัวเราะ “หากมิใช่เพราะใต้เท้า พวกเราคงยังไม่รู้เลยว่าโหวซื่อไคมีเส้นทางทำเงินเช่นนี้! นี่เป็นสิ่งที่ใต้เท้าควรได้รับอยู่แล้ว!”“ถูกต้อง!”ซูซ่งฝู่รีบเสริม “ขอใต้เท้าอย่าได้ปฏิเสธเลย!”อืม… พวกเขากล่าวมาถึงเพียงนี้แล้ว จะปฏิเสธก็ใช่ที่!หยางหุยโจวรู้สึกยินดีจนแทบกลั้นไม่อยู่ แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่ง “เช่นนั้น… ข้าขอไปหารือกับโหวซื่อไคก่อน แล้วค่อยว่ากัน”สำเร็จแล้ว!ซูเฮ่อเหนียนและซูซ่งฝู่สบตากัน ก่อนจะเผยรอยยิ้มพึงพอใจตราบใดที่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1593

    “เจ้าแน่ใจหรือว่าเขามิได้หลอกเจ้า?”หยางหุยโจวยังคงระมัดระวัง จึงย้ำถามอีกครั้ง“แน่ใจ!”โหวซื่อไคพยักหน้าหนักแน่น “เขากล่าวว่าสามารถสอนข้าได้ต่อหน้า! รอจนข้าเรียนรู้วิธีได้แล้ว ค่อยจ่ายเงินให้เขาก็ยังไม่สาย! หากมิเป็นเช่นนี้ ข้าย่อมไม่เชื่อเขาแน่!”อืม เช่นนี้ก็สมเหตุสมผลหากเป็นการสอนกันต่อหน้า ก็ถือว่ามีเหตุผลอยู่แต่ว่า เขาเองก็แปลกใจยิ่งนักผางลู่ซานมีวิธีการเช่นไร ถึงกล้ารับประกันว่าน้ำตาลแดงห้าจินจะได้เป็นน้ำตาลขาวหนึ่งจิน?หากเป็นเรื่องจริง นี่จะกลายเป็นเส้นทางทำเงินมหาศาลทีเดียว!“หากน้ำตาลขาวผลิตได้ง่ายเพียงนี้ เหตุใดเขาจึงมีเพียงสิบจินเท่านั้น?”หยางหุยโจวถามต่อ“เขาไม่กล้าทำอย่างเปิดเผย”โหวซื่อไคกล่าวเสียงต่ำ “ข้าเคยได้ยินเขาพูดว่า ก่อนหน้านี้เคยมีคนสนิทของหยุนเจิงหักหลัง ขายเส้นทางทำเงินมากมายออกไป! ทำให้หยุนเจิงไม่ไว้ใจผู้ใดอีก เขาจึงไม่กล้าซื้อน้ำตาลแดงมากเกินไป เกรงว่าหยุนเจิงจะสงสัย…”คนที่ทรยศหยุนเจิง?นั่นไม่ใช่จางซูหรอกหรือ?หยางหุยโจวแค่นยิ้มในใจ ไม่ซักไซ้เรื่องนี้ต่ออีก แล้วถามว่า “เจ้าขาดอยู่อีกหนึ่งแสนตำลึงเท่านั้นหรือ?”“ยังขาดอยู่อีกมาก”โหวซ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1592

    “ขอรับ!”องครักษ์ทั้งสองรับคำสั่ง แล้วเข้ามาจับกุมโหวซื่อไคทันทีโหวซื่อไคตกใจจนหน้าซีด รีรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบร้องตะโกนออกมา “ใต้เท้า ข้า… ข้ายอมพูด! ข้าจะพูด!”เมื่อเห็นโหวซื่อไคยอมอ่อนข้อ หยางหุยโจวจึงส่งสัญญาณให้องครักษ์ปล่อยตัวเขา“ว่ามา!”หยางหุยโจวกล่าวเสียงขึงขัง แสดงอำนาจขุนนางเต็มที่“เรื่องนี้…”โหวซื่อไคลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะลองกล่าวอย่างระมัดระวัง “ใต้เท้า ขอเจรจาเป็นการส่วนตัวสักคราเถิด?”หยางหุยโจวพยักหน้า แล้วพาโหวซื่อไคเดินออกไปอีกทางครานี้ โหวซื่อไค “สารภาพ” อย่างว่าง่ายน้ำตาลขาวเหล่านี้ล้วนมาจากซั่วเป่ย เป็นผางลู่ซานที่ขายให้แก่เขาผางลู่ซานเป็นผู้ดูแลโรงงานทั้งหมดในซั่วเป่ย รวมถึงโรงงานผลิตน้ำตาลขาวด้วยดังนั้น ผางลู่ซานจึงแอบกักตุนและยักยอกน้ำตาลขาวไว้ไม่น้อยแต่เพราะเขาไม่กล้าออกหน้าขายเองโดยตรง จึงเลือกขายผ่านโหวซื่อไคเหตุที่เขาไม่กล้าบอกที่มาของน้ำตาลขาว ก็เพราะกลัวหยุนเจิงล่วงรู้เรื่องนี้ หากหยุนเจิงรู้เข้า ไม่เพียงแต่เขา แม้แต่ผางลู่ซานก็ต้องเอาชีวิตมาทิ้ง!หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดจบ โหวซื่อไคยังหยิบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงออกมายัดใส่มือหย

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1591

    ตอนเที่ยวันรุ่งขึ้นง โหวซื่อไคถูกเชิญไปที่จวนซูซ่งฝู่อีกครั้งเพื่อดื่มสุราวันนี้ ไม่เพียงแต่มีซูซ่งฝู่และซูเฮ่อเหนียน ยังมีหยางหุยโจวร่วมอยู่ด้วยหลายคนมิได้ร่วมรับประทานอาหารกันในเรือนหลักของจวนซูซ่งฝู่ แต่เลือกไปยังศาลาเย็นในสวนหลังบ้าน ดูจากท่าทีแล้วชัดเจนว่ามีเรื่องจะพูดคุยกัน“หลานรัก ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือใต้เท้าหยาง หยางหุยโจว ผู้ช่วยที่ปรึกษาจวนรัชทายาท!”ซูซ่งฝู่กล่าวพลางหัวเราะ พลางแนะนำโหวซื่อไค“ข้าน้อยคารวะใต้เท้าหยาง”โหวซื่อไครีบคารวะหยางหุยโจวทันที“โหวซื่อไค เจ้ายอมรับความผิดหรือไม่?”หยางหุยโจวมองโหวซื่อไคด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าฉายแววไม่พอใจเจ้ายอมรับความผิดหรือไม่?ประโยคแรกที่หยางหุยโจวเอ่ยออกมา ทำให้โหวซื่อไคถึงกับตกตะลึงโหวซื่อไคมองอย่างงุนงง “ข้าน้อยโง่เขลาเกินไป มิทราบว่าใต้เท้าหยางกล่าวถึงเรื่องใด?”“ในเมื่อเจ้าคิดจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ ข้าก็จะเตือนเจ้าให้สักหน่อย”หยางหุยโจวจ้องโหวซื่อไคด้วยสายตาเย็นเยียบ “น้ำตาลขาว!”น้ำตาลขาว?แววตาของโหวซื่อไคพลันส่องประกายความเข้าใจขึ้นมาวูบหนึ่งเข้าใจแล้วพวกเขามุ่งเป้ามาที่น้ำตาลขาวนี่เอง!นี่ช่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1590

    หลังจากออกจากตระกูลซู โหวซื่อไคก็รีบเดินทางไปยังหัวเมืองสี่ทิศเพื่อทำการซื้อขายน้ำตาลแดงหัวเมืองสี่ทิศแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอาณาเขตของตระกูลซูโดยสมบูรณ์ การกระทำของโหวซื่อไค ย่อมไม่อาจเล็ดลอดสายตาของคนในตระกูลซูไปได้จากพฤติกรรมของโหวซื่อไค พวกเขาก็สามารถคาดเดาได้ทันทีว่า น้ำตาลขาวนั้นผลิตขึ้นจากน้ำตาลแดงที่ผ่านกระบวนการกลั่นให้บริสุทธิ์เมื่อคิดถึงกำไรอันมหาศาลของน้ำตาลขาว ซูซ่งฝู่ก็รีบเรียกประชุมผู้อาวุโสทั้งหกของตระกูลซูในทันที เพื่อหารือกันว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจน้ำตาลขาวนี้ได้อย่างไรโอกาสอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว!หากมีเงินให้หา ยังนิ่งเฉยอยู่ ก็คงเป็นพวกโง่งมเต็มที!แต่ว่า โหวซื่อไคกลับปากแข็งเกินไปและที่สำคัญ ดูเหมือนว่าโหวซื่อไคจะไม่ต้องการให้ตระกูลซูเข้ามาแบ่งส่วนแบ่งในธุรกิจนี้เลย!หากต้องการเข้ามาในธุรกิจน้ำตาลขาว ก็ต้องหาทางให้โหวซื่อไคเปิดปากให้ได้ขณะที่ทุกคนกำลังหารือกันว่าจะบีบให้โหวซื่อไคพูดออกมาได้อย่างไร จู่ๆ ก็มีคนจากจวนของซูเฮ่อเหนียนรีบรุดเข้ามา เขาก้มกระซิบข้างหูซูเฮ่อเหนียนอย่างลับๆ“ว่าอย่างไรนะ!?”ซูเฮ่อเหนียนถึงกับลุกพรวดขึ้นทันที ก่อนจะลากพ่อบ้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status