Share

บทที่ 3

Author: เหลียงซานเหลากุ่ย
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหาร

ณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่ง

หากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียน

แต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้ง

แคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง

ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก

และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวช

และในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด

จักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้

และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับลี่เออร์ด้วยเพคะ! ฮือๆๆ…”

“ค่อกๆ…”

จักรพรรดิเหวินส่งเสียงไอค่อกแค่ก ส่งสายตาให้กับซูเฟย “ข้ากำลังหารือเรื่องสำคัญกับเหล่าขุนนางอยู่ ซูเฟยกลับไปก่อน มีเรื่องอันใดค่อยว่ากันทีหลัง!”

ซูเฟยไม่เพียงแต่จะไม่กลับไป แต่ยังส่งเสียงร้องห่มร้องไห้ดังลั่นกว่าเดิมอีก “ฝ่าบาท หยุนเจิงถีบจุดสำคัญของลี่เออร์ ดีไม่ดีลี่เออร์อาจจะเป็นบุรุษไม่ได้ด้วยซ้ำ! ฮือๆๆ…”

“ว่าอย่างไรนะ?”

สีหน้าของจักรพรรดิเหวินพลันเปลี่ยนไป เขากำลังจะปล่อยโทสะออกมา แต่จู่ๆ ก็สงบนิ่งลง

จากนั้นไม่นานจักรพรรดิเหวินก็หัวเราะพลางกล่าวว่า “ซูเฟยอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลไปเลย นิสัยของเจ้าหกเป็นเช่นไร ข้าย่อมรู้ดี! เขาไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอก!”

จิงกั๋วกงก็ออกมาหัวเราะเหอะๆ ก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางซูเฟย ฝ่าบาทมีราชกิจต้องทำมากมาย อย่าได้กล่าววาจาล้อเล่นเช่นนี้เลย! องค์ชายหกเป็นคนซื่อสัตย์นิสัยดี จะกระทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”

ซื่อสัตย์นิสัยดีอย่างนั้นหรือ คงเป็นเพียงแค่คำพูดรื่นหูให้ดูดีนะสิไม่ว่า

องค์ชายหกเป็นคนอ่อนแอ ขี้ขลาด เป็นคนไร้ความสามารถ!

ซูเฟยตกตะลึงนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาอีก

จักรพรรดิเหวินไม่เชื่อคำพูดของนาง แม้แต่พี่ชายตัวเองแท้ๆ ก็ไม่เชื่อ

แต่สิ่งที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!

และในตอนนี้เอง องครักษ์ด้านนอกตำหนักก็เข้ามารายงานว่า “กราบทูลฝ่าบาท องค์ชายหกมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”

เจ้าหกรึ?

จักรพรรดิเหวินตกใจเล็กน้อยจึงกล่าวถามว่า “เขามาด้วยเหตุอันใด?”

องครักษ์ก้มหน้า กราบทูลด้วยความประหม่าเล็กน้อยว่า “องค์ชายหกบอกว่าองค์ชายหกถีบจุดสำคัญขององค์ชายสาม จึงมาขอรับโทษพ่ะย่ะค่ะ…”

เมื่อได้ยินคำพูดขององครักษ์ เหล่าขุนนางต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

เป็นไปได้อย่างไร?

องค์ชายหกเป็นคนขี้ขลาดตาขาว ไร้ความสามารถ เขาจะกล้าทำร้ายร่างกายจุดสำคัญขององค์ชายสามจริงๆ หรือ?

จักรพรรดิเหวินเองก็ตกใจเมื่อได้ยินการกราบทูลขององครักษ์ สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไปอีกครา และตะคอกองครักษ์ด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ไปเอาตัวลูกไม่รักดีเข้ามาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

ไม่นานนักหยุนเจิงก็ถูกนำตัวเข้ามาในตำหนัก

หยุนเจิงมองหน้าเสด็จพ่อจำเป็นผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรอย่างพิจารณา

ยังใช้ได้ แม้จะอายุห้าสิบกว่าแล้ว แต่ก็ถือว่ายังไม่ได้แก่มาก

ไม่เหมือนกับประวัติศาสตร์ที่เขารู้มา คราขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าเฉียนก็จะแต่งตั้งตำแหน่งให้ตนเองเพื่อยกย่องยศฐาบรรดาศักดิ์

และยศฐาบรรดาศักดิ์ของหยุนเกิงผู้นี้ก็คือจักรพรรดิเหวินนั่นเอง

“เจ้าลูกไม่รักดี!”

จักรพรรดิเหวินจ้องมองหยุนเจิงด้วยแววตาอันแผดเผาร้อนดั่งไฟสุมด้วยความโกรธ “นี่เจ้าเตะจุดสำคัญของพี่สามของเจ้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”

จนถึงตอนนี้แล้วจักรพรรดิเหวินก็ยังไม่เชื่อในความจริงนี้

โดยปกติแล้วเจ้าหกไม่กล้าแม้แต่จะพูดจาเสียงดัง แล้วจะทำร้ายพี่ชายของเขาได้อย่างไรกันเล่า?

“พ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ

เมื่อได้คำตอบที่แน่ชัดแล้ว สีหน้าของจักรพรรดิเหวินก็ย่ำแย่ขึ้นมาทันที

“เจ้าลูกทรพี นี่เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับพี่สามของเจ้าได้อย่างไร?”

จักรพรรดิเหวินจ้องมองด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และตะคอกว่า “เจ้าก็รู้ ว่าสิ่งที่ข้าไม่ชอบที่สุดก็คือการเห็นพวกเจ้าพิการ”

สีหน้าของสวีสือฝู่เย็นยะเยือกขึ้น เขาโค้งคำนับพลางกล่าวว่า “กระหม่อมคิดว่า องตค์ชายหกไม่เห็นพี่น้องอยู่ในสายตา แม้แต่กับองค์ชายสามยังทำร้ายได้ ปล่อยผ่านไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! ได้โปรดฝ่าบาททรงถอดยศฐาบรรดาศักดิ์ขององค์ชายหกให้เป็นสามัญชนด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”

เขาเป็นถึงลุงของหยุนลี่!

หยุนลี่เสียหายด้วยน้ำมือของหยุนเจิง จะให้เขาปล่อยหยุนเจิงไปได้อย่างไร?

“นึกไม่ถึงเลยว่าองค์ชายหกจะกล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับองค์ชายสามเช่นนี้ โทษนี้ไม่อาจอภัยได้!”

“ฝ่าบาทเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ พระองค์จะลงโทษเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์อย่างรุนแรงเช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้โปรดฝ่าบาทถอดยศฐานบรรดาศักดิ์ขององค์ชายหกให้เป็นสามัญชนด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการตักเตือนผู้อื่นไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างพ่ะย่ะค่ะ”

“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ…”

คำพูดของสวีสือฝู่สะท้อนให้เห็นทันทีว่าองค์ชายสามมีพรรคมีพวก

ทุกคนต่างพากันร้องขอให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์ให้หยุนเจิงเป็นคนธรรมดา

แม้แต่เหล่าขุนนางที่มิได้เอ่ยปากกล่าวแต่อย่างใด แต่ก็ยังมองเขาด้วยสายตาเย็นชาอยู่ข้างๆ

ในตำหนักใหญ่แห่งนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีใครช่วยพูดแทนหยุนเจิงแม้แต่คนเดียว

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของคนเหล่านี้ หยุนเจิงก็อดที่จะชื่นชมการตัดสินใจของตัวเองไม่ได้

Related chapters

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 4

    หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 5

    เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 6

    ซูเฟยสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ แม้ว่าลี่เออร์จะไม่เป็นไรมาก แต่…”“หุบปาก!”จักรพรรดิเหวินเบิกพระเนตรจ้องไปที่ซูเฟย “เจ้าหกนิสัยเช่นไร ขุนนางบู๊บุ๋นทั่วทั้งราชสำนักต่างรู้ดี! หากวันนี้ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่อง เจ้าหกจะกล้าทำเช่นนี้กับเจ้าสามหรือ ข้าก็ไม่อยากไล่ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้!”ซูเฟยชะงักงัน ตอนนี้นางยิ้มไม่ออกแล้วจักรพรรดิเหวินปรามซูเฟยแล้วก็โบกพระหัตถ์ไปยังหยุนเจิงอย่างเหนื่อยล้า “แล้วเจ้าก็กลับไปขอโทษที่สามของเจ้าด้วย เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเช่นนี้เถอะ!”ซวยแล้ว!แสดงเกินบทบาท!หยุนเจิงค่อยๆ มองไปทางสวีสือฝู่กับซูเฟย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสองพี่น้องนี้จะกระโดดขึ้นมาคัดค้านแม้ว่าสวีสือฝู่กับซูเฟยไม่กล้าดื้อดึงสุดขีดอีก แต่คำพูดของจักรพรรดิเหวินเมื่อครู่นี้ได้ตัดความคิดที่จะเรียกร้องให้จักรพรรดิเหวินลดหยุนเจิงเป็นเพียงสามัญชนแล้วจากนี้ย่อมมีโอกาสจัดการหยุนเจิง!พอหยุนเจิงเห็นว่าคาดหวังอะไรจากคนตัวดีสองคนนี้ไม่ได้เลย เขาจึงคุกเข่าลง “ตุ้บ“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่มีพระทัยกว้างขวาง!”หยุนเจิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “แต

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 7

    ไม่ว่าหยุนเจิงจะยินยอมหรือไม่ จักรพรรดิเหวินก็ได้ออกราชโองการแล้ว เขาก็ทำได้แต่ยอมรับเอาเถอะ!แต่งงานพระราชทานก็พระราชทานมาเถอะ!เอาอำนาจทหารมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!จะยังไง จะดีจะร้ายยังไงตนก็ยังคงเป็นองค์ชายอยู่นะ!พิธีมงคลสมรสขององค์ชาย ต่อให้พวกขุนนางจะดูถูกตนมากเพียงใด อย่างไรก็ต้องเออออตามกันอืม ฉวยโอกาสทำเงิน!ยิ่งมากยิ่งดีมีทัพทหารม้าแล้วก็ต้องมีเงินมีเสบียงกรังด้วย!เพียงแต่ หากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องอยู่ที่เมืองหลวงอีกสักช่วงหนึ่งสินะ!พวกหยุนลี่กับซูเฟยก็ต้องฉวยโอกาสนี้แก้แค้นตนแน่ๆ!ช่วงเวลาที่อยู่เมืองหลวงนี้ เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงอันตรายมากแน่ๆต้องรีบหาวิธีรับมือ!“องค์ชายหก ช้าก่อน!”ขณะที่หยุนเจิงเดินไปคิดไปนั้น หัวหน้าขันทีมู่ซุ่นผู้รับใช้ข้างกายจักรพรรดิเหวินก็ไล่ตามเขามาหยุนเจิงหยุดฝีเท้า หันหลังกลับดูมู่ซุ่น “หัวหน้ามู่เรียกข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ”หยุนเจิงมองมู่ซุ่น จิตใจของเขาตื่นตระหนกขึ้นมามู่ซุ่นเป็นคนสนิทใกล้ตัวพ่อจำเป็นนั่นเชียวนะแม้แต่องค์รัชทายาทองค์ก่อนยังต้องให้เกียรติมู่ซุ่นถ้าหากว่าสามารถชักชวนมู่ซุ่นมาเป็นพวก…ไม่ช้า หยุนเจิงก็ยกเลิ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 8

    มู่ซุ่นหัวเราะเหอะๆ แล้วเหงยหน้ามองหยุนเจิง“ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงยกมือขึ้นเล็กน้อย ในใจคิดว่ามู่ซุ่นช่างเป็นผู้รู้ความจริงๆ“ขอบพระทัยเพคะ”ทั้งกลุ่มคนจึงยืดตัวยืนตรง“ฮูหยินเสิ่น ยินดีด้วย ยินดีด้วยจริงๆ!”เมื่อมู่ซุ่นเห็นฮูหยินเสิ่นเขาจึงรีบกล่าวยินดีฮูหยินเสิ่นยินดียิ่ง รีบถามขึ้นว่า “หัวหน้ามู่เจ้าคะ มีเรื่องอันใดให้ยินดีหรือ”มู่ซุ่นลีลาเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า “คุณหนูเสิ่นลั่วเยี่ยนอยู่ไหนหรือ”เสิ่นลั่วเยี่ยนพอได้ยิน ก็รีบก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าน้อยคาราวะท่านหัวหน้ามู่เจ้าค่ะ”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างละเอียดดวงตาสดใสฟันขาวสะอาด รูปร่างสูงเพรียวมีร่องรอยของความกล้าหาญระหว่างคิ้วนับว่าเป็นสาวงามที่ห้าวหาญ!มู่ซุ่นมองที่เสิ่นลั่วเยี่ยนแวบหนึ่ง แล้วส่งเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน “เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโอการ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจค้าง รีบคุกเข่าลงรับราชโองการ“ฝ่าบาทมีราชโองการ: ตระกูลเสิ่น จงรักภักดีมิเสื่อมคลาย มีศีลธรรมอันดี สมเป็นมาตรฐานของราชวงศ์เรา! วันนี้เป็นฤกษ์ดี มีราชโองการให้พระราชทานเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นพระชายาเอกขงอองค์ชายหก เลือกวั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 9

    เสิ่นเนี่ยนฉือ!เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปที่หลานสาวของตนนี่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของพี่ชายคนโตนาง!เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นเสิ่นเนี่ยนฉือร้องไห้โฮเพราะความตกใจ ใจนางจึงอ่อนลงเว่ยซวงรีบวิ่งไปอุ้มลูกสาวของตนมา ขอร้องน้ำตานองหน้า “ลั่วเยี่ยน พวกเราตายไม่เป็นไร แต่เนี่ยนฉือยังมีอายุไม่ถึงเจ็ดปีเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นหลานสาวมีน้ำตาอาบสองแก้ม มือที่กำหมัดแน่นของนางก็คลายออกตุ้บ!เสิ่นลั่วเยี่ยนคุกเข่าลง น้ำตาแห่งความเสียใจและความโกรธไหลผ่าน“หม่อมฉัน…รับราชโองการ ขอบพระทัยฝ่าบาท!”ขณะที่พูดสองประโยคนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนราวกับว่าตนได้ดึงพลังงานทั้งหมดออกจากร่างไปแล้วกระทั่งตอนที่เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโองการ สีหน้าของมู่ซุ่นจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นดี“เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับไปรายงานก่อน สำหรับเรื่องกำหนดวันสมรสนั้น จะแจ้งให้ทราบภายหลัง!”พูดไปมู่ซุ่นก็มองไปที่หยุนเจิง “องค์ชายหก พวกเรากลับวังกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“หัวหน้ามู่เชิญกลับก่อนเถอะ ข้าอยากจะพูดคุยกับพวกนางสักหน่อย”หยุนเจิงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “หัวหน้ามู่ คุณหนูเสิ่นตกใจจนเสียการควบคุม เรื่องในวันนี้ ขอหัวหน้ามู่รายงานเสด็

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 10

    “…”เสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้ากระตุกอย่างคุมไม่ได้ ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดว่า “ใครจะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะไม่ตายพร้อมกับเจ้า!” ต้องขนาดนี้เลยหรือ?ยัยเด็กโง่นี่!แค่หยอกล้อเล่นนิดหน่อย นางยังคิดถือเป็นจริงจัง?สติปัญญานาง ดูท่าแล้วคงไม่ได้สูงมากนัก?นางฝึกสมองแต่ไปขึ้นที่กล้ามเนื้อแล้วหรือไง?เสียงกบร้องระงม แมลงวันบินดังหวี่ๆ ทั้งวี่ทั้งวันไม่มีใครฟังไก่ขันเพียงยามเช้า แต่กลับปลุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากภวังค์ได้คำพูดหากไม่มีใครฟัง ก็อย่าได้พูดพล่ามเลยหยุนเจิงลอบหัวเราะในใจ แล้วพูดหยอกล้อขึ้นอีกว่า “เสด็จพ่อได้พระราชทานงานสมรสแล้ว หากพวกเราล้วนตกตายกันไปหมด คาดว่าเสด็จพ่อคงสั่งให้คนฝังเราไว้ด้วยกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนฟังคำพูดของหยุนเจิงใบหน้าก็กระตุกขึ้นมาอีกแม้กระทั่งความตายก็มิอาจพรากนางไปจากไอ้สวะนี่ได้งั้นหรือ?“เอาล่ะ”หยุนเจิงค่อยๆ ยืดตัวยืนขึ้น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสด็จพ่อได้ตัดสินพระทัยแล้ว ราชวงศ์เราในเวลานี้ก็มีเรื่องมากมาย พวกเจ้าก็อย่าได้ไปหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย” กล่าวจบ หยุนเจิงก็ปลีกตัวจากไปอย่างไรเขาก็ได้เตือนพวกนางแล้วหากพวกนางยังไม่ฟั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 11

    ในวังหลวงยามวิกาล“ตรวจสอบได้ความหรือยัง”จักรพรรดิเหวินเงยประพักตร์ขึ้นจ้องถามองค์รักษ์เงา“กราบทูลฝ่าบาท ตรวจสอบได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องค์รักษ์เงาค้อมกาย ค่อยๆ รายงานความจริงตามที่ได้สืบได้จากองครักษ์ที่จับตัวมาจากเรือนปี้ปัว“จับเข้าคุกสวรรค์?”จักรพรรดิเหวินตบไปที่กองฎีกา พูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่มีคำอนุญาตจากข้า แต่เจ้าสามกลับกล้าจับเจ้าหกเข้าคุกสวรรค์? มิน่าเล่า เจ้าหกจึงได้ตกใจกลัวจนมาขอความตายกับข้า!”จักรพรรดิเหวินกริ้วเป็นอย่างมาก หายใจหอบแรง“ฝ่าบาทได้โปรดคลายโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นที่รับใช้อยู่ข้างกายรีรบกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง “องค์ชายสามอาจจะแค่อยากหยอกล้อองค์ชายหกก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเสีย คนสนิทขององครัชทายาทได้ไปหาองค์ชายหกก่อนตาย…”จักรพรรดิเหวินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันสายตาไปมองมู่ซุ่น “เจ้าคิดว่าเจ้าหกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์รัชทยาท?”“เรื่องนี้…”มู่ซุ่นตัวกระตุกอย่างแรงแล้วรีบตอบว่า “บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่รู้? เช่นนั้นก็แปลว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะสิ?”จักรพรรดิเหวินส่งเสียงเหอะเบาๆ “หากเจ้าเป็นองค์รัชทายาท เจ้าจะคนไ

Latest chapter

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1434

    ขณะที่หยุนลี่กำลังคิดอย่างโกรธเคืองอยู่ในใจ ทหารสอดแนมที่เขาส่งไปก็กลับมารายงาน"ขอถวายบังคมองค์รัชทายาท องค์ชายหกและพวกของเขากำลังมาถึงที่นี่แล้ว ห่างจากที่นี่ไม่ถึงสิบลี้ อีกอย่าง..."ทหารสอดแนมที่กลับมาหยุดพูดไปทันที"อีกอย่างอะไร?"หยุนลี่มองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็นทหารสอดแนมมองหน้าหยุนลี่อย่างระมัดระวัง ก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนเบา "องค์ชายหกได้นำทหารที่สวมเกราะหนักมา...""อะไรนะ?"สีหน้าของหยุนลี่เปลี่ยนไปทันที "เจ้ามั่นใจว่าเป็นทหารม้าชุดเกราะหนักหรือ?""มั่นใจพ่ะย่ะค่ะ!""มีกี่คน?""จำนวนไม่แน่ชัด แต่ไม่น่าจะต่ำกว่าสองพันคน..."สองพันคน... มากกว่าสองพันคน?เมื่อได้ยินการรายงานนี้ สีหน้าของหยุนลี่ก็เปลี่ยนไปเป็นเขียวอย่างชัดเจนทหารม้าชุดเกราะหนัก!เจ้าหกตัวนี้ ไอ้หมาหมู่! เขากล้าสร้างทหารม้าชุดเกราะหนักในซั่วเป่ยได้หรือ?แม้ว่าหยุนลี่จะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องทหารนัก แต่เขาก็รู้ดีว่าทหารม้าชุดเกราะหนักนั้นน่ากลัวแค่ไหนปัญหาคือ ทหารทั้งหมดในหัวเมืองสี่ทิศล้วนเป็นทหารเดินเท้า!และยังเป็นทหารเดินเท้าที่เกราะก็ไม่ได้สมบูรณ์ด้วย!ทหารม้าชุดเกราะหนักสองพันนาย สามารถทลายทั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1433

    หลังจากพักที่ด่านเป่ยลู่หนึ่งคืน หยุนเจิงก็เป็นผู้นำกองทัพออกเดินทางเมื่อพวกเขาออกเดินทาง มาในขบวนมีรถม้าบรรทุกสินค้าหลายสิบคันภายในรถม้ามีทั้งขนสัตว์ ทองคำ เงิน และสมุนไพรต่างๆ รวมไปถึงบัลลังก์ของราชาโฉวฉือแต่หลายคันในขบวนดูเหมือนจะเต็มไปด้วยสินค้าจริงๆ แต่อันที่จริง กล่องในรถม้าบางคันมีของจริงแค่ชั้นบน ส่วนข้างล่างเต็มไปด้วยหญ้าสิ่งเหล่านี้เป็นของที่หยุนเจิงเตรียมให้เจียเหยาเป็นสินเดิม และต้องนำกลับไปด้วยการบรรทุกสินค้านั้นดูเหมือนจะเต็มมาก แต่การขนย้ายไปมาอย่างนี้ก็เหนื่อยพอสมควร"รายงาน...!"ทหารม้าคนหนึ่งขี่ม้าพุ่งมาหยุนเจิงอย่างรวดเร็ว "ฝ่าบาท ขุนนางทุกท่านภายใต้การนำขององค์รัชทายาทกำลังรอรับฝ่าบาทและขบวนส่งตัวเจ้าสาวจากเป่ยหวนที่อยู่นอกหัวเมืองสี่ทิศสิบลี้!""รู้แล้ว!"หยุนเจิงพยักหน้าและยิ้ม ก่อนจะสั่งเสิ่นควาน "สั่งให้ทุกคนเร่งความเร็ว! อย่าให้องค์รัชทายาทต้องรอนาน!"ยังจะเล่นละครว่ามารับสิบลี้อีกหรือ?เจ้าสามนี่ไม่เลวเลย!ถึงขั้นรู้จักอดทนและรับภาระแล้วสินะ!แต่ไม่รู้ว่าเจ้าสามจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นขบวนของพวกเขาเมื่อเสิ่นควานถ่ายทอดคำสั่งของหยุนเจิงไป ทุ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1432

    "มีข่าวจากนักรบภูตสิบแปดหรือไม่?"หยุนเจิงนั่งลงทันทีและถามเรื่องสำคัญ"มีพ่ะย่ะค่ะ!"อวี่ซื่อจงรายงาน "ไม่ผิดจากที่ฝ่าบาทคาดไว้จริงๆ ตอนนี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือส่งคนมาที่นี่! นักรบภูตสิบแปดส่งข่าวมาว่า เมื่อวันก่อนในช่วงเย็น จ้าวจี๋ได้ยกทัพมาพร้อมกับทหารม้าฝีมือดีหนึ่งหมื่นนายเข้าสู่หุบเขาที่อยู่ห่างจากหัวเมืองสี่ทิศทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณห้าสิบลี้…"เรื่องที่จักรพรรดิเหวินส่งข่าวถึงหยุนเจิงนั้น หยุนเจิงไม่ได้บอกให้ใครรู้เขาบอกแค่ว่านี่คือการคาดการณ์ของเขาบางเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องในบ้านเราก็ควรเก็บไว้รู้กันแค่ในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องให้คนทั้งโลกได้รู้"จ้าวจี๋ออกนำทัพเองหรือ?"หยุนเจิงหรี่ตาเล็กน้อย ก่อนจะถามต่อ "นอกจากทัพม้าฝีมือดีหมื่นนายแล้ว ยังมีการเคลื่อนไหวจากทัพอื่นๆ หรือไม่?""ตอนนี้ยังไม่มีข่าวสารที่เกี่ยวข้องครับ" อวี่ซื่อจงตอบหยุนเจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่อวี่ซื่อจง "ท่านมีทัพม้าฝีมือดีหมื่นนายเหมือนกัน, อยากทดสอบฝีมือกับแม่ทัพเก่าของข้าดูไหม?""แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!"อวี่ซื่อจงไม่ลังเลเลยที่จะตอบ พร้อมกับมองหยุนเจิงด้วยสายตาที่มั่นคง "เพียงแค่ฝ่าบาท

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1431

    ในวันที่สามของเดือนหนึ่ง หยุนเจิงพาเจียเหยาออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ฟู่โจวงานแต่งงานของเขากับเจียเหยาถูกกำหนดไว้ในวันที่สิบของเดือนหนึ่งระยะทางไปฟู่โจวนั้นไม่ใกล้ แม้ว่าพวกเขาจะเดินทางด้วยกองทหารม้าทั้งหมด ก็ยังจำเป็นต้องออกเดินทางล่วงหน้าเพราะในวันแต่งงาน วันที่เก้าของเดือนหนึ่ง พวกเขาต้องเดินทางไปถึงหัวเมืองสี่ทิศให้ได้เดิมทีเยี่ยจื่อตั้งใจจะเดินทางไปด้วย แต่หยุนเจิงยืนกรานไม่ให้เยี่ยจื่อเดินทางเพราะรู้ดีว่าเจ้าสามมีเจตนาจะฉวยโอกาสเล่นงานพวกเขา การพาเยี่ยจื่อไปด้วยนั้นไม่ต่างอะไรกับการทำเรื่องโง่เขลาแม้หยุนเจิงจะไม่กลัวแผนการอันลึกลับของเจ้าสาม แต่เยี่ยจื่อกำลังตั้งครรภ์ หากเกิดอะไรขึ้นและนางได้รับบาดเจ็บ เขาคงเสียใจจนแทบอยากตายหยุนเจิงก็ไม่ให้ฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงร่วมเดินทางด้วยเพราะไม่แน่ใจว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนจะคลอดเมื่อไร การให้ฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงอยู่ดูแลในจวนจะทำให้เขาสบายใจมากกว่าสำหรับการเดินทางครั้งนี้ หยุนเจิงเตรียมกำลังทหารมาอย่างเพียงพอเฉพาะกองทหารองครักษ์ประจำตัวของเขาก็ถูกเพิ่มชั่วคราวเป็นสองพันนาย และยังมีกองทหารโลหิตอีกสามพันนายทั้งนี้ กำลังพลเหล่านี้เ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1430

    "ใช่ ข้าก็เคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน"เยี่ยจื่อที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่พยักหน้า "น่าจะเป็นเสียงจ้าล่าจื่อจริงๆ…"ต้นจ้าล่าจื่อนั้นดูเหมือนจะมีอยู่แค่บนภูเขาแถวซั่วเป่ยเท่านั้นเมื่อหลายปีก่อน ชาวบ้านในซั่วเป่ยเริ่มนิยมเผาจ้าล่าจื่อช่วงปีใหม่ว่ากันว่า การเผาใบนี้ช่วยขับไล่เหาและแมลงต่างๆ ในพื้นที่ ติ้งเป่ยบางพื้นที่จึงเรียกมันว่าเผากำจัดเหายังมีเพลงพื้นบ้านร้องว่า "วันขึ้น 15 ค่ำเผาไล่เหา บ้านตระกูลหลี่มาก บ้านตระกูลหวังน้อย…"โดยทั่วไป ชาวบ้านส่วนใหญ่จะเผาจ้าล่าจื่อหลังเที่ยงคืนแต่ก็มีบางคนที่เผาล่วงหน้า เพื่อให้เกิดเสียงดังและเพิ่มความสนุกสนานทว่า การเผาจ้าล่าจื่อไม่ได้อนุญาตให้ทำได้ทุกเวลาทางการอนุญาตให้เผาเฉพาะช่วงปีใหม่และวันขึ้น 15 ค่ำเท่านั้นปีที่แล้ว เพราะซั่วเป่ยมีศึกสงครามอย่างหนัก ทางการจึงสั่งห้ามเผาจ้าล่าจื่อเป็นการชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอาจเป็นเพราะเหตุนี้เอง ที่หยุนเจิงไม่รู้เรื่องการเผาจ้าล่าจื่อในขณะที่เยี่ยจื่ออธิบายเรื่องนี้ให้หยุนเจิงฟัง ซินเซิงก็รีบสั่งให้คนไปเอาจ้าล่าจื่อมาไม่นาน สาวใช้คนหนึ่งก็ถือกิ่งไม้เข้ามาในห้องซินเซ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1429

    ท้องฟ้าของซั่วเป่ยมืดเร็วกว่าที่อื่น หมายความว่าคืนนี้จะยาวนานเป็นพิเศษคืนนี้ ทุกคนต้องอยู่เฝ้ายามดึกจนถึงหลังเที่ยงคืนหลังจากเล่นกันได้สักพัก ฉินชีหู่กับภรรยาและบุตรทั้งสามก็พากันกลับไปก่อน ส่วนเว่ยซวงและพวกก็ไม่ได้จัดการเล่นไพ่นกกระจอกต่อ ต่างนั่งเฝ้ายามอย่างสงบอยู่ข้างเตาไฟ พูดคุยเรื่องไร้สาระกันไปเรื่อยๆหยุนเจิงนอนเหยียดขาเหมือนนายท่านใหญ่ พาดขาไว้บนตักของเมี่ยวอิน เมี่ยวอินผลักขาเขาออกหลายครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าคนหน้าด้านอย่างหยุนเจิงไม่ยอมลดละ นางก็ปล่อยเลยตามเลยอย่างไรเสีย คนในจวนก็รู้ดีอยู่แล้วถึงความประพฤติของหยุนเจิงถึงแม้จะคิดเช่นนั้น แต่เมี่ยวอินก็ยังคงหยิกขาหยุนเจิงเป็นระยะๆไม่ได้มีเหตุผลอะไรพิเศษ นอกจากอยากเห็นสายตาน้อยใจที่หยุนเจิงส่งมาเป็นระยะ"อย่างไรก็ไม่มีอะไรทำ เรามาเล่นหมากรุกกันเถอะ"เจียเหยาที่เบื่อหน่ายจนไม่รู้จะทำอะไร จึงเสนอตัวเล่นหมากรุกกับหยุนเจิง"ไม่เอา!"หยุนเจิงปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด "เจ้าคิดมากทั้งวันยังไม่พออีกหรือ? วันสิ้นปีแบบนี้ ทำตัวสบายๆ ปล่อยวางหน่อยจะดีกว่าไหม?""ปล่อยวาง?"เจียเหยาไม่เข้าใจในคำพูดของเขาหยุนเจิงอธิบายว่า "ก

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1428

    หลังจากนั้น หยุนเจิงก็ไม่ได้พูดอะไรที่เจียเหยาไม่ชอบฟังอีก เปลี่ยนไปคุยเรื่องทั่วไปกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ แทนแต่เรื่องที่คุยกันนั้นล้วนเป็นเรื่องครอบครัว ไม่มีใครพูดถึงเรื่องบ้านเมืองหรือการเมืองแต่อย่างใดเมื่อกินดื่มกันอิ่มหนำแล้ว ภรรยาหลวงและอนุของฉินชีหู่ก็ไปรวมกลุ่มกับเมี่ยวอินและเว่ยซวงเพื่อเล่นไพ่นกกระจอกกันส่วนคนอื่นๆ ในจวนก็เริ่มเล่นเกมปาทู่กันอย่างสนุกสนานฉินชีหู่ที่ดื่มจนเกือบเมานิดหน่อย ยังออกไปที่ลานหิมะข้างนอกแล้วแสดงฝีมือการต่อสู้หมัดเต่าทอง อ้างว่าเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับทุกคนเจียเหยาที่มีทักษะการยิงธนูเป็นเลิศ เล่นเกมปาทู่ได้อย่างสบายใจ นางกวาดเงินรางวัลมาไม่น้อยแล้วในขณะที่เจียเหยากำลังสนุกสนาน ฮูหยินเสิ่นก็พาสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาสาวใช้ในมือถือชุดเสื้อผ้าหนึ่งชุด ประกอบไปด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ด้านนอก เสื้อผ้านุ่มคล้ายขนสัตว์ด้านใน และเสื้อคลุมขนมิงค์เมื่อฮูหยินเสิ่นเดินมาหยุดตรงหน้าเจียเหยา นางมองไปที่เสื้อผ้าในมือของสาวใช้ ก่อนจะนิ่งไปเล็กน้อย "ทั้งหมดนี้...คงไม่ใช่สำหรับข้าหรอนะ?""แน่นอนว่าให้เจ้า"ฮูหยินเสิ่นพยักหน้าพลางยิ้ม "พรุ่งนี้ก็

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1427

    ในฤดูหนาวของซั่วเป่ย ท้องฟ้าค่ำมืดเร็วกว่าปกติเพิ่งจะห้าโมงเย็น ท้องฟ้าก็มืดลงอย่างรวดเร็วและมื้อค่ำสำหรับวันสิ้นปีของหยุนเจิงและพวก ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเหล่าเด็กๆ ถูกจัดให้นั่งแยกไปอีกมุมหนึ่ง โต๊ะของพวกเขามีขนมหวานที่พวกเขาชอบเต็มโต๊ะ พร้อมกับหม้อทองแดงเล็กๆ ตรงกลางที่ใช้เตาถ่านให้ความร้อนสาวรับใช้สองคนในจวนถูกจัดให้นั่งร่วมโต๊ะกับเด็กๆ ด้วยแม้สาวรับใช้ทั้งสองต้องรับหน้าที่ดูแลเหล่าเด็กๆ ที่ถือเป็นบรรพบุรุษตัวน้อย แต่การได้ร่วมโต๊ะกับพวกเขาก็นับว่าเป็นพระคุณอันใหญ่หลวงสำหรับพวกนางแล้วส่วนอีกโต๊ะหนึ่ง เป็นโต๊ะที่หยุนเจิงสั่งทำพิเศษ โดยมีหม้อทองแดงใบใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางหม้อนี้ดูเหมือนกับหม้อทองแดงสำหรับลวกเนื้อแกะของภาคเหนือในชาติก่อนของเขาไม่มีผิดหยุนเจิงและพวกนั่งล้อมรอบหม้อทองแดงนี้ โดยมีซินเซิงได้รับเชิญให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยบนโต๊ะไม่เพียงแค่มีเนื้อแกะและเนื้อกวางที่หั่นบาง แต่ยังมีเนื้อวัวซึ่งหาได้ยากยิ่งสองวันก่อน มีข่าวว่าในบ้านของตระกูลใหญ่แห่งหนึ่ง วัวของพวกเขา "บังเอิญ" ล้มจนขาหัก และไม่อาจรักษาได้พวกเขาจึงแจ้งทางการ พร้อมเตรียมเชือดวัวตัวนั้นเ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1426

    "อันนี้เข้าท่าดี!"พอพูดถึงการดื่มเหล้า ฉินชีหู่ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีหยุนเจิงมีกฎห้ามดื่มเหล้าในกองทัพ และฉินชีหู่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นแม้กลับมาที่จวนติ้งเป่ย เขาก็ไม่กล้าดื่มจนสุดเหวี่ยง เพราะเกรงว่าจะมีงานด่วนทางทหารเข้ามาแต่วันนี้เป็นวันสิ้นปีทั้งที เขาจึงคิดว่าจะได้ดื่มจนหนำใจเสียบ้างหยุนเจิงไม่อยากประลองต่อ ส่วนเจียเหยาก็ไม่เซ้าซี้จะให้เขาสู้ด้วยอีก แต่เจียเหยากลับยังติดใจสิ่งที่หยุนเจิงเก็บไว้ก่อนหน้านี้ "เจ้าจะให้ข้าดูสิ่งที่เจ้าซ่อนไว้เมื่อครู่อีกครั้งได้หรือไม่?""จะดูไปทำไม?"หยุนเจิงปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด "นั่นเป็นของที่ข้าทำไว้ให้ลูกของข้า เจ้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะมาแย่งของเล่นกับลูกข้าอีกหรือ? ไม่อายบ้างหรือไง?""ข้า…"เจียเหยาอึ้งไป ก่อนจะถลึงตาใส่หยุนเจิงด้วยความไม่พอใจไม่ให้ดูก็ไม่ดู!แต่ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ของเล่นธรรมดาแน่ๆมันต้องเป็นอาวุธลับอย่างแน่นอน!นางรู้สึกว่าหากตนคิดจะลอบสังหารหยุนเจิง ในระยะใกล้เช่นนั้น คนที่ตายก่อนคงเป็นนางเสียเองเว้นเสียแต่ว่า จะต้องอาศัยจังหวะที่หยุนเจิงเผลอ ใช้ธนูยิงเขาจากระยะไกลเท่านั้น!"เอาล่ะ เจ้า

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status