Share

บทที่ 3

Author: เหลียงซานเหลากุ่ย
ภายในตำหนัก จักรพรรดิเหวินเรียกเหล่าขุนนางมารวมตัวกันด่วนเพื่อหารือรับมือเรื่องเป่ยหวนขอเสบียงอาหาร

ณ ตอนนี้จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างยิ่ง

หากมอบเสบียงให้เป่ยหวน ก็เท่ากับว่าสนับสนุนศัตรูของแคว้นต้าเฉียน

แต่หากไม่มอบเสบียงให้ เป่ยหวนก็ไม่มีทางรอดในเหมันตฤดูที่จะมาถึง และต้องลงทางใต้เพื่อปล้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงตอนนั้น ทางเหนือที่กำลังทำการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี คงต้องเข้าสู่สงครามอันวุ่นวายอีกครั้ง

แคว้นต้าเฉียนเพิ่งจะประสบกับแผนการก่อกบฏขององค์รัชทายาท ศึกภายในยังไม่นิ่ง

ตอนนี้หากต้องทำศึกกับเป่ยหวน โอกาสชนะมีน้อยมาก

และแม้ว่าจะชนะ ก็เกรงว่าจะเป็นชัยชนะที่น่าสังเวช

และในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่นั้น ฝ่ายสงครามกับฝ่ายสันติก็กำลังโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสันติมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด

จักรพรรดิเหวินฟังการโต้เถียงนี้จนปวดเศียรเวียนเกล้า อีกทั้งยังไม่อาจได้

และในตอนนี้เอง ซูเฟยร้องห่มร้องไห้เดินพรวดพราดเข้ามาโดยไม่สนการขัดขวางขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าตำหนักแต่อย่างใดเลย “ฝ่าบาท ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับลี่เออร์ด้วยเพคะ! ฮือๆๆ…”

“ค่อกๆ…”

จักรพรรดิเหวินส่งเสียงไอค่อกแค่ก ส่งสายตาให้กับซูเฟย “ข้ากำลังหารือเรื่องสำคัญกับเหล่าขุนนางอยู่ ซูเฟยกลับไปก่อน มีเรื่องอันใดค่อยว่ากันทีหลัง!”

ซูเฟยไม่เพียงแต่จะไม่กลับไป แต่ยังส่งเสียงร้องห่มร้องไห้ดังลั่นกว่าเดิมอีก “ฝ่าบาท หยุนเจิงถีบจุดสำคัญของลี่เออร์ ดีไม่ดีลี่เออร์อาจจะเป็นบุรุษไม่ได้ด้วยซ้ำ! ฮือๆๆ…”

“ว่าอย่างไรนะ?”

สีหน้าของจักรพรรดิเหวินพลันเปลี่ยนไป เขากำลังจะปล่อยโทสะออกมา แต่จู่ๆ ก็สงบนิ่งลง

จากนั้นไม่นานจักรพรรดิเหวินก็หัวเราะพลางกล่าวว่า “ซูเฟยอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลไปเลย นิสัยของเจ้าหกเป็นเช่นไร ข้าย่อมรู้ดี! เขาไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอก!”

จิงกั๋วกงก็ออกมาหัวเราะเหอะๆ ก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางซูเฟย ฝ่าบาทมีราชกิจต้องทำมากมาย อย่าได้กล่าววาจาล้อเล่นเช่นนี้เลย! องค์ชายหกเป็นคนซื่อสัตย์นิสัยดี จะกระทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”

ซื่อสัตย์นิสัยดีอย่างนั้นหรือ คงเป็นเพียงแค่คำพูดรื่นหูให้ดูดีนะสิไม่ว่า

องค์ชายหกเป็นคนอ่อนแอ ขี้ขลาด เป็นคนไร้ความสามารถ!

ซูเฟยตกตะลึงนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาอีก

จักรพรรดิเหวินไม่เชื่อคำพูดของนาง แม้แต่พี่ชายตัวเองแท้ๆ ก็ไม่เชื่อ

แต่สิ่งที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!

และในตอนนี้เอง องครักษ์ด้านนอกตำหนักก็เข้ามารายงานว่า “กราบทูลฝ่าบาท องค์ชายหกมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”

เจ้าหกรึ?

จักรพรรดิเหวินตกใจเล็กน้อยจึงกล่าวถามว่า “เขามาด้วยเหตุอันใด?”

องครักษ์ก้มหน้า กราบทูลด้วยความประหม่าเล็กน้อยว่า “องค์ชายหกบอกว่าองค์ชายหกถีบจุดสำคัญขององค์ชายสาม จึงมาขอรับโทษพ่ะย่ะค่ะ…”

เมื่อได้ยินคำพูดขององครักษ์ เหล่าขุนนางต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

เป็นไปได้อย่างไร?

องค์ชายหกเป็นคนขี้ขลาดตาขาว ไร้ความสามารถ เขาจะกล้าทำร้ายร่างกายจุดสำคัญขององค์ชายสามจริงๆ หรือ?

จักรพรรดิเหวินเองก็ตกใจเมื่อได้ยินการกราบทูลขององครักษ์ สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไปอีกครา และตะคอกองครักษ์ด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ไปเอาตัวลูกไม่รักดีเข้ามาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

ไม่นานนักหยุนเจิงก็ถูกนำตัวเข้ามาในตำหนัก

หยุนเจิงมองหน้าเสด็จพ่อจำเป็นผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรอย่างพิจารณา

ยังใช้ได้ แม้จะอายุห้าสิบกว่าแล้ว แต่ก็ถือว่ายังไม่ได้แก่มาก

ไม่เหมือนกับประวัติศาสตร์ที่เขารู้มา คราขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าเฉียนก็จะแต่งตั้งตำแหน่งให้ตนเองเพื่อยกย่องยศฐาบรรดาศักดิ์

และยศฐาบรรดาศักดิ์ของหยุนเกิงผู้นี้ก็คือจักรพรรดิเหวินนั่นเอง

“เจ้าลูกไม่รักดี!”

จักรพรรดิเหวินจ้องมองหยุนเจิงด้วยแววตาอันแผดเผาร้อนดั่งไฟสุมด้วยความโกรธ “นี่เจ้าเตะจุดสำคัญของพี่สามของเจ้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”

จนถึงตอนนี้แล้วจักรพรรดิเหวินก็ยังไม่เชื่อในความจริงนี้

โดยปกติแล้วเจ้าหกไม่กล้าแม้แต่จะพูดจาเสียงดัง แล้วจะทำร้ายพี่ชายของเขาได้อย่างไรกันเล่า?

“พ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ

เมื่อได้คำตอบที่แน่ชัดแล้ว สีหน้าของจักรพรรดิเหวินก็ย่ำแย่ขึ้นมาทันที

“เจ้าลูกทรพี นี่เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับพี่สามของเจ้าได้อย่างไร?”

จักรพรรดิเหวินจ้องมองด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และตะคอกว่า “เจ้าก็รู้ ว่าสิ่งที่ข้าไม่ชอบที่สุดก็คือการเห็นพวกเจ้าพิการ”

สีหน้าของสวีสือฝู่เย็นยะเยือกขึ้น เขาโค้งคำนับพลางกล่าวว่า “กระหม่อมคิดว่า องตค์ชายหกไม่เห็นพี่น้องอยู่ในสายตา แม้แต่กับองค์ชายสามยังทำร้ายได้ ปล่อยผ่านไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! ได้โปรดฝ่าบาททรงถอดยศฐาบรรดาศักดิ์ขององค์ชายหกให้เป็นสามัญชนด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”

เขาเป็นถึงลุงของหยุนลี่!

หยุนลี่เสียหายด้วยน้ำมือของหยุนเจิง จะให้เขาปล่อยหยุนเจิงไปได้อย่างไร?

“นึกไม่ถึงเลยว่าองค์ชายหกจะกล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับองค์ชายสามเช่นนี้ โทษนี้ไม่อาจอภัยได้!”

“ฝ่าบาทเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ พระองค์จะลงโทษเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์อย่างรุนแรงเช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”

“ได้โปรดฝ่าบาทถอดยศฐานบรรดาศักดิ์ขององค์ชายหกให้เป็นสามัญชนด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการตักเตือนผู้อื่นไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างพ่ะย่ะค่ะ”

“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ…”

คำพูดของสวีสือฝู่สะท้อนให้เห็นทันทีว่าองค์ชายสามมีพรรคมีพวก

ทุกคนต่างพากันร้องขอให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์ให้หยุนเจิงเป็นคนธรรมดา

แม้แต่เหล่าขุนนางที่มิได้เอ่ยปากกล่าวแต่อย่างใด แต่ก็ยังมองเขาด้วยสายตาเย็นชาอยู่ข้างๆ

ในตำหนักใหญ่แห่งนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีใครช่วยพูดแทนหยุนเจิงแม้แต่คนเดียว

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของคนเหล่านี้ หยุนเจิงก็อดที่จะชื่นชมการตัดสินใจของตัวเองไม่ได้

Related chapters

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 4

    หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!หนี!ต้องหนี!สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้ สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดาสวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 5

    เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 6

    ซูเฟยสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ แม้ว่าลี่เออร์จะไม่เป็นไรมาก แต่…”“หุบปาก!”จักรพรรดิเหวินเบิกพระเนตรจ้องไปที่ซูเฟย “เจ้าหกนิสัยเช่นไร ขุนนางบู๊บุ๋นทั่วทั้งราชสำนักต่างรู้ดี! หากวันนี้ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่อง เจ้าหกจะกล้าทำเช่นนี้กับเจ้าสามหรือ ข้าก็ไม่อยากไล่ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้!”ซูเฟยชะงักงัน ตอนนี้นางยิ้มไม่ออกแล้วจักรพรรดิเหวินปรามซูเฟยแล้วก็โบกพระหัตถ์ไปยังหยุนเจิงอย่างเหนื่อยล้า “แล้วเจ้าก็กลับไปขอโทษที่สามของเจ้าด้วย เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเช่นนี้เถอะ!”ซวยแล้ว!แสดงเกินบทบาท!หยุนเจิงค่อยๆ มองไปทางสวีสือฝู่กับซูเฟย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสองพี่น้องนี้จะกระโดดขึ้นมาคัดค้านแม้ว่าสวีสือฝู่กับซูเฟยไม่กล้าดื้อดึงสุดขีดอีก แต่คำพูดของจักรพรรดิเหวินเมื่อครู่นี้ได้ตัดความคิดที่จะเรียกร้องให้จักรพรรดิเหวินลดหยุนเจิงเป็นเพียงสามัญชนแล้วจากนี้ย่อมมีโอกาสจัดการหยุนเจิง!พอหยุนเจิงเห็นว่าคาดหวังอะไรจากคนตัวดีสองคนนี้ไม่ได้เลย เขาจึงคุกเข่าลง “ตุ้บ“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่มีพระทัยกว้างขวาง!”หยุนเจิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “แต

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 7

    ไม่ว่าหยุนเจิงจะยินยอมหรือไม่ จักรพรรดิเหวินก็ได้ออกราชโองการแล้ว เขาก็ทำได้แต่ยอมรับเอาเถอะ!แต่งงานพระราชทานก็พระราชทานมาเถอะ!เอาอำนาจทหารมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!จะยังไง จะดีจะร้ายยังไงตนก็ยังคงเป็นองค์ชายอยู่นะ!พิธีมงคลสมรสขององค์ชาย ต่อให้พวกขุนนางจะดูถูกตนมากเพียงใด อย่างไรก็ต้องเออออตามกันอืม ฉวยโอกาสทำเงิน!ยิ่งมากยิ่งดีมีทัพทหารม้าแล้วก็ต้องมีเงินมีเสบียงกรังด้วย!เพียงแต่ หากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องอยู่ที่เมืองหลวงอีกสักช่วงหนึ่งสินะ!พวกหยุนลี่กับซูเฟยก็ต้องฉวยโอกาสนี้แก้แค้นตนแน่ๆ!ช่วงเวลาที่อยู่เมืองหลวงนี้ เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงอันตรายมากแน่ๆต้องรีบหาวิธีรับมือ!“องค์ชายหก ช้าก่อน!”ขณะที่หยุนเจิงเดินไปคิดไปนั้น หัวหน้าขันทีมู่ซุ่นผู้รับใช้ข้างกายจักรพรรดิเหวินก็ไล่ตามเขามาหยุนเจิงหยุดฝีเท้า หันหลังกลับดูมู่ซุ่น “หัวหน้ามู่เรียกข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ”หยุนเจิงมองมู่ซุ่น จิตใจของเขาตื่นตระหนกขึ้นมามู่ซุ่นเป็นคนสนิทใกล้ตัวพ่อจำเป็นนั่นเชียวนะแม้แต่องค์รัชทายาทองค์ก่อนยังต้องให้เกียรติมู่ซุ่นถ้าหากว่าสามารถชักชวนมู่ซุ่นมาเป็นพวก…ไม่ช้า หยุนเจิงก็ยกเลิ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 8

    มู่ซุ่นหัวเราะเหอะๆ แล้วเหงยหน้ามองหยุนเจิง“ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงยกมือขึ้นเล็กน้อย ในใจคิดว่ามู่ซุ่นช่างเป็นผู้รู้ความจริงๆ“ขอบพระทัยเพคะ”ทั้งกลุ่มคนจึงยืดตัวยืนตรง“ฮูหยินเสิ่น ยินดีด้วย ยินดีด้วยจริงๆ!”เมื่อมู่ซุ่นเห็นฮูหยินเสิ่นเขาจึงรีบกล่าวยินดีฮูหยินเสิ่นยินดียิ่ง รีบถามขึ้นว่า “หัวหน้ามู่เจ้าคะ มีเรื่องอันใดให้ยินดีหรือ”มู่ซุ่นลีลาเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า “คุณหนูเสิ่นลั่วเยี่ยนอยู่ไหนหรือ”เสิ่นลั่วเยี่ยนพอได้ยิน ก็รีบก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าน้อยคาราวะท่านหัวหน้ามู่เจ้าค่ะ”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างละเอียดดวงตาสดใสฟันขาวสะอาด รูปร่างสูงเพรียวมีร่องรอยของความกล้าหาญระหว่างคิ้วนับว่าเป็นสาวงามที่ห้าวหาญ!มู่ซุ่นมองที่เสิ่นลั่วเยี่ยนแวบหนึ่ง แล้วส่งเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน “เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโอการ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจค้าง รีบคุกเข่าลงรับราชโองการ“ฝ่าบาทมีราชโองการ: ตระกูลเสิ่น จงรักภักดีมิเสื่อมคลาย มีศีลธรรมอันดี สมเป็นมาตรฐานของราชวงศ์เรา! วันนี้เป็นฤกษ์ดี มีราชโองการให้พระราชทานเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นพระชายาเอกขงอองค์ชายหก เลือกวั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 9

    เสิ่นเนี่ยนฉือ!เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปที่หลานสาวของตนนี่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของพี่ชายคนโตนาง!เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นเสิ่นเนี่ยนฉือร้องไห้โฮเพราะความตกใจ ใจนางจึงอ่อนลงเว่ยซวงรีบวิ่งไปอุ้มลูกสาวของตนมา ขอร้องน้ำตานองหน้า “ลั่วเยี่ยน พวกเราตายไม่เป็นไร แต่เนี่ยนฉือยังมีอายุไม่ถึงเจ็ดปีเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นหลานสาวมีน้ำตาอาบสองแก้ม มือที่กำหมัดแน่นของนางก็คลายออกตุ้บ!เสิ่นลั่วเยี่ยนคุกเข่าลง น้ำตาแห่งความเสียใจและความโกรธไหลผ่าน“หม่อมฉัน…รับราชโองการ ขอบพระทัยฝ่าบาท!”ขณะที่พูดสองประโยคนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนราวกับว่าตนได้ดึงพลังงานทั้งหมดออกจากร่างไปแล้วกระทั่งตอนที่เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโองการ สีหน้าของมู่ซุ่นจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นดี“เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับไปรายงานก่อน สำหรับเรื่องกำหนดวันสมรสนั้น จะแจ้งให้ทราบภายหลัง!”พูดไปมู่ซุ่นก็มองไปที่หยุนเจิง “องค์ชายหก พวกเรากลับวังกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“หัวหน้ามู่เชิญกลับก่อนเถอะ ข้าอยากจะพูดคุยกับพวกนางสักหน่อย”หยุนเจิงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “หัวหน้ามู่ คุณหนูเสิ่นตกใจจนเสียการควบคุม เรื่องในวันนี้ ขอหัวหน้ามู่รายงานเสด็

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 10

    “…”เสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้ากระตุกอย่างคุมไม่ได้ ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดว่า “ใครจะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะไม่ตายพร้อมกับเจ้า!” ต้องขนาดนี้เลยหรือ?ยัยเด็กโง่นี่!แค่หยอกล้อเล่นนิดหน่อย นางยังคิดถือเป็นจริงจัง?สติปัญญานาง ดูท่าแล้วคงไม่ได้สูงมากนัก?นางฝึกสมองแต่ไปขึ้นที่กล้ามเนื้อแล้วหรือไง?เสียงกบร้องระงม แมลงวันบินดังหวี่ๆ ทั้งวี่ทั้งวันไม่มีใครฟังไก่ขันเพียงยามเช้า แต่กลับปลุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากภวังค์ได้คำพูดหากไม่มีใครฟัง ก็อย่าได้พูดพล่ามเลยหยุนเจิงลอบหัวเราะในใจ แล้วพูดหยอกล้อขึ้นอีกว่า “เสด็จพ่อได้พระราชทานงานสมรสแล้ว หากพวกเราล้วนตกตายกันไปหมด คาดว่าเสด็จพ่อคงสั่งให้คนฝังเราไว้ด้วยกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนฟังคำพูดของหยุนเจิงใบหน้าก็กระตุกขึ้นมาอีกแม้กระทั่งความตายก็มิอาจพรากนางไปจากไอ้สวะนี่ได้งั้นหรือ?“เอาล่ะ”หยุนเจิงค่อยๆ ยืดตัวยืนขึ้น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสด็จพ่อได้ตัดสินพระทัยแล้ว ราชวงศ์เราในเวลานี้ก็มีเรื่องมากมาย พวกเจ้าก็อย่าได้ไปหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย” กล่าวจบ หยุนเจิงก็ปลีกตัวจากไปอย่างไรเขาก็ได้เตือนพวกนางแล้วหากพวกนางยังไม่ฟั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 11

    ในวังหลวงยามวิกาล“ตรวจสอบได้ความหรือยัง”จักรพรรดิเหวินเงยประพักตร์ขึ้นจ้องถามองค์รักษ์เงา“กราบทูลฝ่าบาท ตรวจสอบได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องค์รักษ์เงาค้อมกาย ค่อยๆ รายงานความจริงตามที่ได้สืบได้จากองครักษ์ที่จับตัวมาจากเรือนปี้ปัว“จับเข้าคุกสวรรค์?”จักรพรรดิเหวินตบไปที่กองฎีกา พูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่มีคำอนุญาตจากข้า แต่เจ้าสามกลับกล้าจับเจ้าหกเข้าคุกสวรรค์? มิน่าเล่า เจ้าหกจึงได้ตกใจกลัวจนมาขอความตายกับข้า!”จักรพรรดิเหวินกริ้วเป็นอย่างมาก หายใจหอบแรง“ฝ่าบาทได้โปรดคลายโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นที่รับใช้อยู่ข้างกายรีรบกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง “องค์ชายสามอาจจะแค่อยากหยอกล้อองค์ชายหกก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเสีย คนสนิทขององครัชทายาทได้ไปหาองค์ชายหกก่อนตาย…”จักรพรรดิเหวินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันสายตาไปมองมู่ซุ่น “เจ้าคิดว่าเจ้าหกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์รัชทยาท?”“เรื่องนี้…”มู่ซุ่นตัวกระตุกอย่างแรงแล้วรีบตอบว่า “บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่รู้? เช่นนั้นก็แปลว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะสิ?”จักรพรรดิเหวินส่งเสียงเหอะเบาๆ “หากเจ้าเป็นองค์รัชทายาท เจ้าจะคนไ

Latest chapter

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1570

    หยุนเจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสั่งให้คนไปเรียกอวี๋ฝูมา “พระชายาอ๋อง กล่าวว่าพวกเราไม่ได้พักอยู่ที่นี่บ่อยนัก การมีข้ารับใช้มากเกินไปในจวนอ๋อง ก็ไม่ใช่เรื่องดี! เช่นนี้แล้ว เจ้าจงคัดเลือกข้ารับใช้ที่มีไหวพริบดีสักห้าคนให้อยู่ต่อ ส่วนที่เหลือ แจกเงินให้คนละห้าตำลึง แล้วปล่อยพวกเขาไปเถอะ!”เมื่อจำนวนคนลดลง การจับตาดูก็จะง่ายขึ้นก่อนหน้านี้มีข้ารับใช้มากมาย หากต้องจับตาทุกคน คงเป็นเรื่องยากไม่น้อยอวี๋ฝูตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อได้สติกลับมา ก็กระวนกระวายเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋อง จะให้เหลือเพียงห้าคนเท่านั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? จะให้ข้าเก็บไว้มากกว่านี้อีกหน่อยดีหรือไม่?”“เก็บไว้มากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์”หยุนเจิงส่ายหน้า “ครั้งนี้พวกเราจะพักอยู่ที่นี่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นจวนนี้ก็จะถูกปล่อยว่างเป็นส่วนใหญ่ ขอแค่มีคนดูแลทำความสะอาดก็เพียงพอแล้ว”อวี๋ฝูได้ยินเช่นนั้น ก็รีบโค้งคำนับกล่าวว่า “ข้าน้อยขอขอบพระคุณในพระกรุณาธิคุณแทนพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงส่ายหน้าพลางยิ้ม “อย่าขอบคุณข้า หากจะขอบคุณ ก็ไปขอบคุณ พระชายาอ๋องเถอะ”“ขอบพระคุณพระชายาอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”อวี๋ฝูรีบหันไปโค้ง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1569

    เมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากสตรีทั้งสาม หยุนเจิงก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดที่จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับพวกที่ดักซุ่มโดยตรงขณะเดินทางมาถึงบริเวณที่ศัตรูวางกับดัก หน่วยสำรวจเส้นทางของพวกเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติ และตระหนักว่าสถานที่นั้นเหมาะสำหรับซุ่มโจมตี จึงรีบออกไปตรวจสอบเมื่อพวกเขาเคลื่อนเข้าไปใกล้ กลุ่มคนที่แฝงตัวอยู่เพิ่งจะล่าถอยไปไม่นาน ร่องรอยบนพื้นดินยังดูสดใหม่ทหารของพวกเขารีบไล่ติดตามไปทันที แต่ก็พบเพียงไม่กี่คนที่ล้าหลังอยู่ไกลๆ ในมือของพวกนั้นยังถือหน้าไม้กำลังสูง ดูจากอาวุธและอุปกรณ์แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกมันได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีคนเหล่านั้นล่าถอยไปอย่างเด็ดขาด ในที่สุดฝ่ายของหยุนเจิงก็ไม่สามารถไล่ตามทันจากร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ ณ จุดซุ่มโจมตี คาดการณ์ได้ว่าพวกที่ซุ่มอยู่นั้นน่าจะมีประมาณหนึ่งร้อยคน และที่แน่ๆ พวกมันเป็นนักรบที่ผ่านการฝึกฝนมาโดยเฉพาะก่อนหน้านี้ เนื่องจากอยู่ต่อหน้าข้ารับใช้ในจวนอ๋อง เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงไม่สะดวกกล่าวถึงเรื่องนี้ตรงๆ นางจึงโกหกว่าระหว่างทางไม่ได้พบเจอเรื่องใด“หน้าไม้กำลังสูง?”หยุนเจิงขมวดคิ้ว “ดูจากลักษณะแล้ว คงเป็นฝีมือ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1568

    ทัวฮวนและจี้หรานรับคำสั่งจากหยุนเจิง“พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปหัวเมืองสี่ทิศแล้ว ที่นี่ขอฝากให้พวกเจ้าดูแลแทนก่อน”หยุนเจิงกล่าวพลางมองไปที่จี้หราน “เจ้ารู้เรื่องของฟู่โจวดีที่สุด เจ้าต้องช่วยทัวฮวนให้เต็มที่”จี้หรานพยักหน้า เรื่องนี้หยุนเจิงเคยบอกกับเขามาก่อนแล้วทัวฮวนจะเป็นคนที่รับผิดชอบดูแลฟู่โจวโดยแท้จริง ส่วนเขาเป็นเพียงผู้ช่วยส่วนอนาคตของเขาจะได้รับความสำคัญจากหยุนเจิงหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับการแสดงฝีมือในครั้งนี้หลังจากนั้น หยุนเจิงกำชับอีกสองสามเรื่อง จึงให้ทั้งสองคนไปพักผ่อนรุ่งเช้า หยุนเจิงก็นำคนออกเดินทางไปหัวเมืองสี่ทิศในขณะเดียวกัน คำสั่งให้บังคับใช้ระบบภาษีใหม่ก็ถูกส่งไปยังทุกมณฑลในฟู่โจว บนถนนหนทางในจิงหยางฝู่เต็มไปด้วยประกาศของทางการ และยังมีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายความหมายของภาษีตามที่ดินให้กับชาวบ้านที่อ่านไม่ออกสำหรับเหล่าราษฎรที่ไม่มีที่ดินหรือมีที่ดินเพียงเล็กน้อย ระบบภาษีใหม่เปรียบเสมือนข่าวดีจากสวรรค์โดยแท้แต่สำหรับชนชั้นที่ครอบครองที่ดินเป็นจำนวนมาก ระบบภาษีใหม่นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการพรากชีวิตของพวกเขาเลยเมื่อข่าวเรื่องภาษีตามที่ดินแพร่กระจายในฟู่โ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1567

    จนกระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุด หยุนเจิงก็ยังไม่ปรากฏตัวแรงกดดันที่ควรมี เขาได้มอบให้กับเหล่าขุนนางไปแล้วส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้ทัวฮวนและจี้หรานเป็นคนจัดการ“ท่านอ๋อง ท่านจะไม่ไปตรวจดูหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เสิ่นควานที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างหยุนเจิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย“มีอะไรให้ต้องดูอีกเล่า?” หยุนเจิงส่ายหน้าพลางยิ้ม “เมื่อมีลูกน้องก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าทุกเรื่องต้องทำเองหมด ข้าคงเหนื่อยตายก่อน!”“จริงด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นควานหัวเราะเบาๆ “เมื่อก่อนฮูหยินจื่อก็เพราะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ถึงได้ล้มพับไปทีหนึ่ง”เมื่อเอ่ยถึงเยี่ยจื่อ หยุนเจิงจึงถามขึ้นทันที “แล้วพระชายาอ๋องกับคณะจะถึงหัวเมืองสี่ทิศเมื่อใด?”“คาดว่าราวสองหรือสามวันนี่แหละพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นควานตอบ “เมื่อวานเพิ่งมีข่าวมาว่าพวกนางข้ามด่านเป่ยลู่มาแล้ว แม้การเดินทางจะช้าหน่อย แต่ไม่เกินสามวันต้องถึงหัวเมืองสี่ทิศแน่”เช่นนั้นหรือ?หยุนเจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เราออกเดินทางไปหัวเมืองสี่ทิศกันเถอะ”“หา?” เสิ่นควานตกตะลึง “ไปเลยหรือ? แล้วเรื่องที่นี่ไม่ต้องสนใจแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ตอนนี้เป็นช่วงสำคัญ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1566

    ซูหานซงขมวดคิ้วและถามจี้หราน “ใต้เท้าจี้ เรื่องสำคัญที่ท่านพูดถึงคือเรื่องอะไร?”เมื่อเขาถามขึ้น ขุนนางที่เหลือต่างก็เร่งถามตามไปด้วยหยุนเจิงทำเช่นนี้ ใครมันจะมีความอยากอาหารได้เล่า!ทุกคนต้องการรู้โดยเร็วว่าเรื่องสำคัญที่จี้หรานพูดถึงคืออะไรเมื่อได้ยินเสียงถามรอบข้าง จี้หรานก็หันไปมองทัวฮวนด้วยท่าทางลำบากใจ “ในเมื่อทุกคนอยากรู้ขนาดนี้ ใต้เท้าทัวฮวน ท่านคิดว่าเราควรบอกพวกเขาก่อนหรือไม่?”ทัวฮวนยิ้มเบาๆ “ก็บอกพวกเขาเถอะ!”จี้หราน “เชิญท่านใต้เท้าเป็นคนพูดเถอะ”ทัวฮวนส่ายหน้าและหัวเราะ “เจ้าเป็นคนบอกเถอะ ข้าเองก็แค่คนที่จะต้องรับความผิดแทนเท่านั้น!”รับความผิดแทนอย่างนั้นหรือ?เมื่อได้ยินคำพูดของทัวฮวน ทุกคนก็พากันหันมองด้วยความแปลกใจทัวฮวนหมายความว่าอย่างไร?เขายอมรับความผิดแทนหยุนเจิงอย่างนั้นหรือ?หรือว่า หยุนเจิงตั้งใจจะจัดการพวกเขาทั้งหมดแล้วโยนความผิดให้ทัวฮวน?นี่...มันจะเปิดเผยขนาดนั้นเชียวหรือ?“ช่างเถอะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะเป็นคนพูดเองก็แล้วกัน!”จี้หรานถอนหายใจ ก่อนจะหยิบหนังสือคำสั่งจากราชสำนักออกมา และกล่าวเสียงดัง “ราชสำนักต้องการปฏิรูประบบภาษี และได้ส

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1565

    บรรยากาศในงานเลี้ยงนี้ช่างแปลกประหลาดมีโต๊ะอยู่สองตัวโต๊ะแรกหยุนเจิง ทัวฮวน จี้หราน และเว่ยหยูนั่งร่วมกันส่วนขุนนางที่ไม่มีครอบครัวหรือคนสนิทถูกจับกุมนั่งอีกโต๊ะหนึ่งและใกล้ๆ โต๊ะนั้นคือกลุ่มคนที่กำลังคุกเข่าด้วยร่างกายสั่นสะท้านในบรรยากาศเช่นนี้ ต่อให้มีอาหารเลิศรสแค่ไหน เหล่าขุนนางก็ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อยทุกคนพยายามใช้สมองขบคิด ว่าหยุนเจิงต้องการจะทำอะไรกันแน่ในขณะที่หยุนเจิงและพวกทั้งสี่คนกลับนั่งสนทนาและหัวเราะกันอย่างสบายใจแต่หัวข้อที่พูดคุยล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้าแม้แต่พวกขุนนางที่มีประสบการณ์มากในราชการก็ไม่อาจเดาเจตนาที่แท้จริงของหยุนเจิงได้สายตาของหยุนเจิงกวาดผ่านโต๊ะของเหล่าขุนนางที่นั่งอย่างกังวล เขายิ้มบางๆ ในใจไม่รู้จริงๆ ว่าคนพวกนี้คิดอะไรกันอยู่ไม่กล้าต่อสู้กับข้าตรงๆ แต่กลับมาหาเรื่องข้าแทนหรือ? ถ้าไม่ได้โง่จริงๆ ก็คงไม่ทำเช่นนี้หรอก!หลังจากกินดื่มจนอิ่มหนำสำราญ หยุนเจิงก็ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเขาลุกขึ้น ขุนนางทั้งหลายก็ลุกตามด้วยความตกใจ“นั่ง นั่งลงเถอะ!”หยุนเจิงโบกมือพร้อมรอยยิ้ม “ข้าดูออกว่าพวกท่านไม่กล้

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1564

    เมื่อจี้หรานเดินเข้ามา ขุนนางทั้งหลายต่างลุกขึ้นแสดงความเคารพ“ท่านทั้งหลายไม่ต้องมากพิธี”จี้หรานยิ้มเหอะๆ “ท่านอ๋องกำลังรอพวกท่านอยู่ในห้องโถงด้านหลัง เชิญตามข้ามา”กล่าวจบ จี้หรานก็เดินนำพวกเขาไปยังห้องโถงระหว่างทาง หูซื่อเฉิงที่สนิทกับจี้หรานรีบก้าวมาใกล้และถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ “ใต้เท้าจี้ ท่านอ๋องจัดเลี้ยงพวกเรานี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่?”จี้หรานหันมามองเขาด้วยความสงสัย “คนที่ไปส่งข่าวไม่ได้บอกเจ้าหรือ?”“บอกแล้วสิ!”หูซื่อเฉิงตอบ “แต่พวกเขาแค่บอกว่าท่านอ๋องต้องการพูดคุยเรื่องที่พวกเราลาออก แต่ไม่ได้บอกอะไรมากกว่านั้น”หยุนเจิงแค่ต้องการคุยด้วยอย่างนั้นหรือ? หูซื่อเฉิงย่อมไม่เชื่อหูซื่อเฉิงรู้ดีว่าตัวเองมีจุดอ่อน พอได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดถึงความน่ากลัวของท่านอ๋องผู้นี้ เขาก็ยิ่งกระวนกระวายใจเขาเพียงต้องการรู้ให้ชัดเจนว่าหยุนเจิงต้องการอะไร เพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือเมื่อเห็นท่าทีไม่สบายใจของหูซื่อเฉิง จี้หรานก็ลอบถอนหายใจ ก่อนจะตอบแบบปัดไปว่า “ข้ารู้แค่ว่าท่านอ๋องอยากคุยกับพวกท่าน นอกนั้นข้าก็ไม่รู้อะไรอีก”คำตอบของจี้หรานยิ่งทำให้หูซื่อเฉิงกระสับกระส่ายในที่สุด ข

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1563

    ราชสำนักส่งคำสั่งกลับมาอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วัน หยุนเจิงก็ได้รับคำสั่งจากราชสำนัก อนุญาตให้เขาใช้ฟู่โจวเป็นพื้นที่ทดลองสำหรับการปฏิรูปภาษีตามที่ดินในต้าเฉียนเมื่อเห็นเนื้อหาในคำสั่งจากราชสำนัก หยุนเจิงก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาราชสำนักก็ยังไม่กล้าลงมือเต็มที่!เฮ้อ เจ้าสามนี่ช่างขาดความเด็ดขาดจริงๆ!ในเมื่อเป้าหมายก็เพื่อทำให้อำนาจของตระกูลใหญ่และชนชั้นสูงอ่อนแอลงอยู่แล้ว จะลงมือพร้อมกันไปเลยไม่ได้หรือ?เขาขาดเงินไม่ใช่หรือไง?ถ้าทำให้พวกตระกูลใหญ่และชนชั้นสูงทนไม่ไหวจนลุกฮือต่อต้าน ก็สามารถใช้ข้ออ้างนั้นยึดทรัพย์เข้าราชสำนักได้ไม่ใช่หรือ?การเก็บภาษีตามที่ดินนี้ จะช้าหรือเร็วก็ต้องผลักดันทั่วทั้งแผ่นดินต้าเฉียนอยู่ดีแต่เจ้าสามกลับมัวแต่ค่อยๆ เดินเกมทีละก้าว ราวกับจงใจทำให้ตระกูลใหญ่เหล่านั้นหวาดระแวงไปวันๆหลังจากนึกตำหนิในใจอยู่ครู่หนึ่ง หยุนเจิงก็เรียกทัวฮวนและจี้หรานเข้ามา “ตามแผนที่วางไว้ สั่งให้ทุกอำเภอและทุกมณฑลจัดตั้งกลุ่มคนเพื่ออธิบายนโยบายภาษีใหม่แก่ชาวบ้าน และเริ่มการวัดที่ดินเพื่อจัดทำบัญชีใหม่โดยทันที!”จี้หรานแสดงความกังวลเล็กน้อย “คำสั่งจากมณฑลถึงขุนนางท

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1562

    ไม่ว่าฝ่ายไหนต่างก็อ้างว่าตนเองทำเพื่อราชสำนัก และกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวกคนชั่วแม้จักรพรรดิเหวินจะประทับอยู่ตรงนั้น แต่ฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้านก็ยังคงโต้เถียงกันไม่หยุด เพียงแค่พยายามควบคุมท่าทีไม่ให้รุนแรงเกินไปจักรพรรดิเหวินไม่ได้ห้ามปราม หรือกล่าวคำใดๆ ราวกับนั่งชมความบันเทิงอยู่ตรงนั้นฟังเสียงโต้เถียงในท้องพระโรงทำให้หยุนลี่รู้สึกปวดหัวทั้งเขาและจักรพรรดิเหวินต่างรู้ดีว่าในวันนี้ ท้องพระโรงแห่งนี้ไม่มีทางสงบสุขได้แต่ถึงจะรู้อยู่แก่ใจ เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวในใจของหยุนลี่นั้นเต็มไปด้วยคำสาปแช่งหยุนเจิงเจ้าสุนัขนี่ คอยสร้างปัญหาให้ข้าไม่เว้นแต่ละวันมันน่ารำคาญจริงๆ!หลังจากสาปแช่งหยุนเจิงในใจไปหลายร้อยครั้ง หยุนลี่ก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดการโต้เถียง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายว่า “ข้ามีสองคำถามที่อยากถามพวกท่าน”“ข้อแรก หากเจ้าหกยืนกรานที่จะผลักดันภาษีใหม่ในฟู่โจว ราชสำนักจะสามารถหยุดเขาได้หรือไม่?”“ข้อสอง หากราชสำนักไม่สามารถหยุดยั้งได้ และหากชาวบ้านทั่วแผ่นดินรู้ถึงภาษีใหม่ที่เจ้าหกใช้ในฟู่โจว ราชสำนักจะปิดปากพวกเขาได้อย่างไร? หรือว่าราชสำนัก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status