Share

บทที่ 4

Author: เหลียงซานเหลากุ่ย
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?

หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!

หนี!

ต้องหนี!

สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”

หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้

สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!

ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้

ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!

เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดา

สวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”

“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

พวกพ้องขององค์ชายสามต่างยื่นคำร้อง

หยุนเจิงจดจำคนสารเลวเหล่านี้ไว้ในใจแล้ว อีกทั้งยังโค้งคำนับจักรพรรดิเหวิน และกล่าวด้วยเสียงถ้อยคำชัดว่า “ลูกรู้ว่าโทษของลูกร้ายแรงนัก ได้โปรดอภัยโทษให้ลูกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“อภัยโทษ?”

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของจักรพรรดิเหวิน “เช่นนั้นเจ้ามาเรามาซิ ว่าเจ้าควรได้รับโทษเช่นไร?”

“โทษตายพ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเจิงกล่าวอย่างไม่คิดเลย เขาโค้งคำนับพลางกล่าว “เสด็จพ่อได้โปรดให้ลูกตายเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”

ปัง!

ทันทีที่สิ้นเสียงของหยุนเจิง ในตำหนักก็เงียบสงัดเป็นป่าสาก…

ให้โทษตายอย่างนั้นหรือ?

นึกไม่ถึงเลยว่าหยุนเจิงจะขอให้จักรพรรดิเหวินลงโทษประหารเขา

สมองเขาเลอะเลือนไปแล้วหรือไม่?

ทุกคนมองหยุนเจิงด้วยความสับสนมึนงง

ใครก็คิดไม่ถึงว่าหยุนเจิงจะเอ่ยปากขอความตายเช่นนี้

แม้แต่สองพี่น้องอย่างซูเฟยและสวีสือฝู่เองก็งุนงงสับสนไปโดยสิ้นเชิง

แม้ว่าหยุนเจิงจะไม่ได้มีตำแหน่งอันใด แต่อย่างไรเขาก็เป็นองค์ชาย

องค์ชายแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน ขอเพียงแค่ไม่ก่อกบฏ และไม่กระทำเรื่องร้ายแรง ก็ไม่จำเป็นต้องโทษประหาร

หยุนเจิงถีบเป้ากางเกงหยุนลี่ไปครั้งเดียว ยังไม่เพียงพอที่จะให้จักรพรรดิเหวินลงโทษประหาร

แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่อยากขอ นึกไม่ถึงเลยว่าหยุนเจิงจะเอ่ยปากขอด้วยตัวเองเช่นนี้

จักรพรรดิเหวินเองก็ตกตะลึงมากเช่นกัน

หลังจากที่เงียบไปครู่ใหญ่ จักรพรรดิเหวินก็กล่าวถามด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะให้ข้าลงโทษประหารเจ้า?”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเจิงพยักหน้า “ลูกมีเพียงโทษความตายเท่านั้น!”

หัวใจของจักรพรรดิเหวินเต้นแรง

เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดหยุนเจิงถึงดื้อรั้นอยากตายมากปานนี้

แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยปลื้มบุตรชายผู้นี้ แต่อย่างไรเสียก็เป็นบุตรชายของเขา

และต่อให้หยุนเจิงจะกลัว แต่คงไม่ถึงกับกลัวจนเป็นเช่นนี้ได้

เหล่าบรรดาขุนนาง มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากบอกให้เขาต้องโทษประหารบ้างเล่า?

หลังจากคิดไตร่ตรองดูแล้ว จักรพรรดิเหวินก็กล่าวถามด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “มีคนบังคับขมขู่เจ้าอย่างนั้นรึ?”

ในขณะที่กล่าวนั้น สายตาของจักรพรรดิเหวินก็กวาดมองไปที่ซูเฟย

ซูเฟยเห็นเช่นนี้จึงตกใจขึ้นและทวงความยุติธรรม

นางยังไม่ทันได้เอ่ยปากกล่าวอันใดกับหยุนเจิงเลย จะบังคับข่มขู่เขาได้อย่างไรกัน?

“หม่อมฉันเปล่านะเพคะ!”

หยวนเจิงส่ายศีรษะ

“แล้วเหตุอันใดเจ้าถึงรั้นอยากตายมากเช่นนี้?”

จักรพรรดิเหวินขึ้นเสียงทันใด

ทันใดนั้นเองขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นในตำหนักต่างเงียบไป

“ความผิดของลูกนั้นร้ายแรงยิ่ง สมควรตายเพื่อไถ่โทษพ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเจิงหล่าวด้วยใบหน้าโศกเศร้าว่า “ลูกไม่ร้องขออันใด ขอเพียงเสด็จพ่อรับปากลูกเรื่องหนึ่งได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!”

“ว่ามา!”

จักรพรรดิเหวินกล่าวด้วยสีหน้าดำคร่ำเครียด

“ลูกขี้ขลาดไร้ความสามารถมาหลายปี ลูกไม่อยากตายไปอย่างขี้ขลาด!”

หยุนเจิงกัดฟันกรอดพลางกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าและโกรธว่า “เสด็จพ่อโปรดอนุญาตให้ลูกไปชายแดน ลูกยอมถือกระบี่สู้รบจนตัวตาย!”

สู้รบจนตัวตายอย่างนั้นหรือ?

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของสวีสือฝู่

เขาเข้าใจแล้ว!

หยุนเจิงต้องการหนีไปจากวังหลวง!

“องค์ชายหกกล้าหาญยิ่งนัก แต่กระหม่อมคิดว่าไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”

สวีสือฝู่รีบออกมาคัดค้านทันใด “อย่างไรเสียองค์ชายหกก็เป็นถึงองค์ชาย หากแม้แต่องค์ชายต้องออกสู้รบจนตัวตายในสนามรบ พวกป่าเถื่อนเหล่านั้นคงต้องหัวเราะเยาะราชวงศ์ต้าเฉียนเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ’”

เขาไม่มีทางปล่อยให้หยุนเจิงหนีรอดไปจากวังหลวงได้หรอก!

เรื่องจดหมายเลือด หยุนลี่เคยบอกเรื่องนี้กับเขาแล้ว

พวกเขาจะต้องเอาจดหมายเลือดออกมาให้ได้!

หยุนเจิงส่ายหน้าพลางกล่าว “คำพูดนี้ของจิ้งกั๋วกง ข้าไม่เห็นด้วย!”

“อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

สวีสือฝู่เงยหน้ามองหยุนเจิง “แล้วองค์ชายหกมีความเห็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”

หยุนเจิงยืดอกตรงพลางกล่าวเสียงดังว่า “แม้นแต่ลูกชายของชาวบ้านตาดำๆ ยังต้องออกศึกสู้รบตายเพื่อต้าเฉียนได้เลย ข้าในฐานะที่เป็นโอรสของฮ่องเต้ ก็ควรเป็นแบบอย่างให้กับใต้หล้าไม่ใช่หรือ!”

“แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่มีเคยองค์ชายใดต้องออกศึกสู้รบตายในสนามรบ กฎบ้านเมืองไม่อาจฝืนได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!!”

Related chapters

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 5

    เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 6

    ซูเฟยสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ แม้ว่าลี่เออร์จะไม่เป็นไรมาก แต่…”“หุบปาก!”จักรพรรดิเหวินเบิกพระเนตรจ้องไปที่ซูเฟย “เจ้าหกนิสัยเช่นไร ขุนนางบู๊บุ๋นทั่วทั้งราชสำนักต่างรู้ดี! หากวันนี้ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่อง เจ้าหกจะกล้าทำเช่นนี้กับเจ้าสามหรือ ข้าก็ไม่อยากไล่ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้!”ซูเฟยชะงักงัน ตอนนี้นางยิ้มไม่ออกแล้วจักรพรรดิเหวินปรามซูเฟยแล้วก็โบกพระหัตถ์ไปยังหยุนเจิงอย่างเหนื่อยล้า “แล้วเจ้าก็กลับไปขอโทษที่สามของเจ้าด้วย เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเช่นนี้เถอะ!”ซวยแล้ว!แสดงเกินบทบาท!หยุนเจิงค่อยๆ มองไปทางสวีสือฝู่กับซูเฟย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสองพี่น้องนี้จะกระโดดขึ้นมาคัดค้านแม้ว่าสวีสือฝู่กับซูเฟยไม่กล้าดื้อดึงสุดขีดอีก แต่คำพูดของจักรพรรดิเหวินเมื่อครู่นี้ได้ตัดความคิดที่จะเรียกร้องให้จักรพรรดิเหวินลดหยุนเจิงเป็นเพียงสามัญชนแล้วจากนี้ย่อมมีโอกาสจัดการหยุนเจิง!พอหยุนเจิงเห็นว่าคาดหวังอะไรจากคนตัวดีสองคนนี้ไม่ได้เลย เขาจึงคุกเข่าลง “ตุ้บ“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่มีพระทัยกว้างขวาง!”หยุนเจิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “แต

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 7

    ไม่ว่าหยุนเจิงจะยินยอมหรือไม่ จักรพรรดิเหวินก็ได้ออกราชโองการแล้ว เขาก็ทำได้แต่ยอมรับเอาเถอะ!แต่งงานพระราชทานก็พระราชทานมาเถอะ!เอาอำนาจทหารมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!จะยังไง จะดีจะร้ายยังไงตนก็ยังคงเป็นองค์ชายอยู่นะ!พิธีมงคลสมรสขององค์ชาย ต่อให้พวกขุนนางจะดูถูกตนมากเพียงใด อย่างไรก็ต้องเออออตามกันอืม ฉวยโอกาสทำเงิน!ยิ่งมากยิ่งดีมีทัพทหารม้าแล้วก็ต้องมีเงินมีเสบียงกรังด้วย!เพียงแต่ หากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องอยู่ที่เมืองหลวงอีกสักช่วงหนึ่งสินะ!พวกหยุนลี่กับซูเฟยก็ต้องฉวยโอกาสนี้แก้แค้นตนแน่ๆ!ช่วงเวลาที่อยู่เมืองหลวงนี้ เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงอันตรายมากแน่ๆต้องรีบหาวิธีรับมือ!“องค์ชายหก ช้าก่อน!”ขณะที่หยุนเจิงเดินไปคิดไปนั้น หัวหน้าขันทีมู่ซุ่นผู้รับใช้ข้างกายจักรพรรดิเหวินก็ไล่ตามเขามาหยุนเจิงหยุดฝีเท้า หันหลังกลับดูมู่ซุ่น “หัวหน้ามู่เรียกข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ”หยุนเจิงมองมู่ซุ่น จิตใจของเขาตื่นตระหนกขึ้นมามู่ซุ่นเป็นคนสนิทใกล้ตัวพ่อจำเป็นนั่นเชียวนะแม้แต่องค์รัชทายาทองค์ก่อนยังต้องให้เกียรติมู่ซุ่นถ้าหากว่าสามารถชักชวนมู่ซุ่นมาเป็นพวก…ไม่ช้า หยุนเจิงก็ยกเลิ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 8

    มู่ซุ่นหัวเราะเหอะๆ แล้วเหงยหน้ามองหยุนเจิง“ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงยกมือขึ้นเล็กน้อย ในใจคิดว่ามู่ซุ่นช่างเป็นผู้รู้ความจริงๆ“ขอบพระทัยเพคะ”ทั้งกลุ่มคนจึงยืดตัวยืนตรง“ฮูหยินเสิ่น ยินดีด้วย ยินดีด้วยจริงๆ!”เมื่อมู่ซุ่นเห็นฮูหยินเสิ่นเขาจึงรีบกล่าวยินดีฮูหยินเสิ่นยินดียิ่ง รีบถามขึ้นว่า “หัวหน้ามู่เจ้าคะ มีเรื่องอันใดให้ยินดีหรือ”มู่ซุ่นลีลาเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า “คุณหนูเสิ่นลั่วเยี่ยนอยู่ไหนหรือ”เสิ่นลั่วเยี่ยนพอได้ยิน ก็รีบก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าน้อยคาราวะท่านหัวหน้ามู่เจ้าค่ะ”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างละเอียดดวงตาสดใสฟันขาวสะอาด รูปร่างสูงเพรียวมีร่องรอยของความกล้าหาญระหว่างคิ้วนับว่าเป็นสาวงามที่ห้าวหาญ!มู่ซุ่นมองที่เสิ่นลั่วเยี่ยนแวบหนึ่ง แล้วส่งเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน “เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโอการ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจค้าง รีบคุกเข่าลงรับราชโองการ“ฝ่าบาทมีราชโองการ: ตระกูลเสิ่น จงรักภักดีมิเสื่อมคลาย มีศีลธรรมอันดี สมเป็นมาตรฐานของราชวงศ์เรา! วันนี้เป็นฤกษ์ดี มีราชโองการให้พระราชทานเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นพระชายาเอกขงอองค์ชายหก เลือกวั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 9

    เสิ่นเนี่ยนฉือ!เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปที่หลานสาวของตนนี่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของพี่ชายคนโตนาง!เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นเสิ่นเนี่ยนฉือร้องไห้โฮเพราะความตกใจ ใจนางจึงอ่อนลงเว่ยซวงรีบวิ่งไปอุ้มลูกสาวของตนมา ขอร้องน้ำตานองหน้า “ลั่วเยี่ยน พวกเราตายไม่เป็นไร แต่เนี่ยนฉือยังมีอายุไม่ถึงเจ็ดปีเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นหลานสาวมีน้ำตาอาบสองแก้ม มือที่กำหมัดแน่นของนางก็คลายออกตุ้บ!เสิ่นลั่วเยี่ยนคุกเข่าลง น้ำตาแห่งความเสียใจและความโกรธไหลผ่าน“หม่อมฉัน…รับราชโองการ ขอบพระทัยฝ่าบาท!”ขณะที่พูดสองประโยคนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนราวกับว่าตนได้ดึงพลังงานทั้งหมดออกจากร่างไปแล้วกระทั่งตอนที่เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโองการ สีหน้าของมู่ซุ่นจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นดี“เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับไปรายงานก่อน สำหรับเรื่องกำหนดวันสมรสนั้น จะแจ้งให้ทราบภายหลัง!”พูดไปมู่ซุ่นก็มองไปที่หยุนเจิง “องค์ชายหก พวกเรากลับวังกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“หัวหน้ามู่เชิญกลับก่อนเถอะ ข้าอยากจะพูดคุยกับพวกนางสักหน่อย”หยุนเจิงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “หัวหน้ามู่ คุณหนูเสิ่นตกใจจนเสียการควบคุม เรื่องในวันนี้ ขอหัวหน้ามู่รายงานเสด็

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 10

    “…”เสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้ากระตุกอย่างคุมไม่ได้ ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดว่า “ใครจะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะไม่ตายพร้อมกับเจ้า!” ต้องขนาดนี้เลยหรือ?ยัยเด็กโง่นี่!แค่หยอกล้อเล่นนิดหน่อย นางยังคิดถือเป็นจริงจัง?สติปัญญานาง ดูท่าแล้วคงไม่ได้สูงมากนัก?นางฝึกสมองแต่ไปขึ้นที่กล้ามเนื้อแล้วหรือไง?เสียงกบร้องระงม แมลงวันบินดังหวี่ๆ ทั้งวี่ทั้งวันไม่มีใครฟังไก่ขันเพียงยามเช้า แต่กลับปลุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากภวังค์ได้คำพูดหากไม่มีใครฟัง ก็อย่าได้พูดพล่ามเลยหยุนเจิงลอบหัวเราะในใจ แล้วพูดหยอกล้อขึ้นอีกว่า “เสด็จพ่อได้พระราชทานงานสมรสแล้ว หากพวกเราล้วนตกตายกันไปหมด คาดว่าเสด็จพ่อคงสั่งให้คนฝังเราไว้ด้วยกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนฟังคำพูดของหยุนเจิงใบหน้าก็กระตุกขึ้นมาอีกแม้กระทั่งความตายก็มิอาจพรากนางไปจากไอ้สวะนี่ได้งั้นหรือ?“เอาล่ะ”หยุนเจิงค่อยๆ ยืดตัวยืนขึ้น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสด็จพ่อได้ตัดสินพระทัยแล้ว ราชวงศ์เราในเวลานี้ก็มีเรื่องมากมาย พวกเจ้าก็อย่าได้ไปหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย” กล่าวจบ หยุนเจิงก็ปลีกตัวจากไปอย่างไรเขาก็ได้เตือนพวกนางแล้วหากพวกนางยังไม่ฟั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 11

    ในวังหลวงยามวิกาล“ตรวจสอบได้ความหรือยัง”จักรพรรดิเหวินเงยประพักตร์ขึ้นจ้องถามองค์รักษ์เงา“กราบทูลฝ่าบาท ตรวจสอบได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องค์รักษ์เงาค้อมกาย ค่อยๆ รายงานความจริงตามที่ได้สืบได้จากองครักษ์ที่จับตัวมาจากเรือนปี้ปัว“จับเข้าคุกสวรรค์?”จักรพรรดิเหวินตบไปที่กองฎีกา พูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่มีคำอนุญาตจากข้า แต่เจ้าสามกลับกล้าจับเจ้าหกเข้าคุกสวรรค์? มิน่าเล่า เจ้าหกจึงได้ตกใจกลัวจนมาขอความตายกับข้า!”จักรพรรดิเหวินกริ้วเป็นอย่างมาก หายใจหอบแรง“ฝ่าบาทได้โปรดคลายโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นที่รับใช้อยู่ข้างกายรีรบกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง “องค์ชายสามอาจจะแค่อยากหยอกล้อองค์ชายหกก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเสีย คนสนิทขององครัชทายาทได้ไปหาองค์ชายหกก่อนตาย…”จักรพรรดิเหวินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันสายตาไปมองมู่ซุ่น “เจ้าคิดว่าเจ้าหกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์รัชทยาท?”“เรื่องนี้…”มู่ซุ่นตัวกระตุกอย่างแรงแล้วรีบตอบว่า “บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่รู้? เช่นนั้นก็แปลว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะสิ?”จักรพรรดิเหวินส่งเสียงเหอะเบาๆ “หากเจ้าเป็นองค์รัชทายาท เจ้าจะคนไ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 12

    ที่พำนักของหยุนเจิงในตอนนี้ ยังเป็นที่พักที่เขาพักตั้งแต่สมัยยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำพอจักรพรรดิเหวินนึกถึงหยุนเจิง ในใจก็ลอบด่าว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ขึ้นอีกตนลืมเรื่องนี้ เขาเองก็ไม่กล้ามาทูลขอเลยหรือไง?ไร้ประโยชน์จริงๆ!หลังจากจักรพรรดิเหวินไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง ก็มีรับสั่งไปยังมู่ซุ่น “สั่งคนให้ไปทำความสะอาดจวนของอวี๋หมิ่น ขุนนางที่มีความผิดติดตัว ทำทั้งคืนจัดการให้สะอาด รุ่งเช้าวันพรุ่งให้ไปที่เรือนปี้ปัว พระราชทานแก่หยุนเจิง! บ่าวรับใช้ในจวน ให้จัดใหม่ตามกฎมณเฑียรบาล!”…จวนองค์ชายสามมีเสียงโอดครวญดังมาจากหยุนลี่เป็นครั้งคราวสวีสือฝู่กับซูเฟยมาเยี่ยมหยุนลี่ที่จวนพอเห็นสภาพของหยุนลี่ สองพี่น้องทั้งสงสารทั้งโกรธหยุนลี่ถูกสวะอย่างหยุนเจิงทำร้าย?ที่มันเรื่องตลกระดับฟ้าสวรรค์ยังต้องหัวเราะ!นอกจากจะโกรธเคืองแล้ว สวีสือฝู่ก็อดสั่งสอนหยุนลี่ไม่ได้ว่า “เจ้าเองก็เลอะเลือน เจ้าจะใส่ความอะไรสวะอย่างหยุนเจิงก็ได้ แต่กลับไปใส่ความว่าเขาเป็นพรรคพวกขององค์รัชทายาท! คำพูดนี้พอพูดออกไป อย่าว่าแต่พวกขุนนางบู๊บุ๋นในราชสำนักเลย ตัวเจ้าเองได้ยินแล้วเจ้าเชื่องั้นรึ?”หยุนเจิงติดตา

Latest chapter

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1570

    หยุนเจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสั่งให้คนไปเรียกอวี๋ฝูมา “พระชายาอ๋อง กล่าวว่าพวกเราไม่ได้พักอยู่ที่นี่บ่อยนัก การมีข้ารับใช้มากเกินไปในจวนอ๋อง ก็ไม่ใช่เรื่องดี! เช่นนี้แล้ว เจ้าจงคัดเลือกข้ารับใช้ที่มีไหวพริบดีสักห้าคนให้อยู่ต่อ ส่วนที่เหลือ แจกเงินให้คนละห้าตำลึง แล้วปล่อยพวกเขาไปเถอะ!”เมื่อจำนวนคนลดลง การจับตาดูก็จะง่ายขึ้นก่อนหน้านี้มีข้ารับใช้มากมาย หากต้องจับตาทุกคน คงเป็นเรื่องยากไม่น้อยอวี๋ฝูตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อได้สติกลับมา ก็กระวนกระวายเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋อง จะให้เหลือเพียงห้าคนเท่านั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? จะให้ข้าเก็บไว้มากกว่านี้อีกหน่อยดีหรือไม่?”“เก็บไว้มากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์”หยุนเจิงส่ายหน้า “ครั้งนี้พวกเราจะพักอยู่ที่นี่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นจวนนี้ก็จะถูกปล่อยว่างเป็นส่วนใหญ่ ขอแค่มีคนดูแลทำความสะอาดก็เพียงพอแล้ว”อวี๋ฝูได้ยินเช่นนั้น ก็รีบโค้งคำนับกล่าวว่า “ข้าน้อยขอขอบพระคุณในพระกรุณาธิคุณแทนพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงส่ายหน้าพลางยิ้ม “อย่าขอบคุณข้า หากจะขอบคุณ ก็ไปขอบคุณ พระชายาอ๋องเถอะ”“ขอบพระคุณพระชายาอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”อวี๋ฝูรีบหันไปโค้ง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1569

    เมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากสตรีทั้งสาม หยุนเจิงก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดที่จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับพวกที่ดักซุ่มโดยตรงขณะเดินทางมาถึงบริเวณที่ศัตรูวางกับดัก หน่วยสำรวจเส้นทางของพวกเขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติ และตระหนักว่าสถานที่นั้นเหมาะสำหรับซุ่มโจมตี จึงรีบออกไปตรวจสอบเมื่อพวกเขาเคลื่อนเข้าไปใกล้ กลุ่มคนที่แฝงตัวอยู่เพิ่งจะล่าถอยไปไม่นาน ร่องรอยบนพื้นดินยังดูสดใหม่ทหารของพวกเขารีบไล่ติดตามไปทันที แต่ก็พบเพียงไม่กี่คนที่ล้าหลังอยู่ไกลๆ ในมือของพวกนั้นยังถือหน้าไม้กำลังสูง ดูจากอาวุธและอุปกรณ์แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกมันได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีคนเหล่านั้นล่าถอยไปอย่างเด็ดขาด ในที่สุดฝ่ายของหยุนเจิงก็ไม่สามารถไล่ตามทันจากร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ ณ จุดซุ่มโจมตี คาดการณ์ได้ว่าพวกที่ซุ่มอยู่นั้นน่าจะมีประมาณหนึ่งร้อยคน และที่แน่ๆ พวกมันเป็นนักรบที่ผ่านการฝึกฝนมาโดยเฉพาะก่อนหน้านี้ เนื่องจากอยู่ต่อหน้าข้ารับใช้ในจวนอ๋อง เสิ่นลั่วเยี่ยนจึงไม่สะดวกกล่าวถึงเรื่องนี้ตรงๆ นางจึงโกหกว่าระหว่างทางไม่ได้พบเจอเรื่องใด“หน้าไม้กำลังสูง?”หยุนเจิงขมวดคิ้ว “ดูจากลักษณะแล้ว คงเป็นฝีมือ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1568

    ทัวฮวนและจี้หรานรับคำสั่งจากหยุนเจิง“พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปหัวเมืองสี่ทิศแล้ว ที่นี่ขอฝากให้พวกเจ้าดูแลแทนก่อน”หยุนเจิงกล่าวพลางมองไปที่จี้หราน “เจ้ารู้เรื่องของฟู่โจวดีที่สุด เจ้าต้องช่วยทัวฮวนให้เต็มที่”จี้หรานพยักหน้า เรื่องนี้หยุนเจิงเคยบอกกับเขามาก่อนแล้วทัวฮวนจะเป็นคนที่รับผิดชอบดูแลฟู่โจวโดยแท้จริง ส่วนเขาเป็นเพียงผู้ช่วยส่วนอนาคตของเขาจะได้รับความสำคัญจากหยุนเจิงหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับการแสดงฝีมือในครั้งนี้หลังจากนั้น หยุนเจิงกำชับอีกสองสามเรื่อง จึงให้ทั้งสองคนไปพักผ่อนรุ่งเช้า หยุนเจิงก็นำคนออกเดินทางไปหัวเมืองสี่ทิศในขณะเดียวกัน คำสั่งให้บังคับใช้ระบบภาษีใหม่ก็ถูกส่งไปยังทุกมณฑลในฟู่โจว บนถนนหนทางในจิงหยางฝู่เต็มไปด้วยประกาศของทางการ และยังมีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายความหมายของภาษีตามที่ดินให้กับชาวบ้านที่อ่านไม่ออกสำหรับเหล่าราษฎรที่ไม่มีที่ดินหรือมีที่ดินเพียงเล็กน้อย ระบบภาษีใหม่เปรียบเสมือนข่าวดีจากสวรรค์โดยแท้แต่สำหรับชนชั้นที่ครอบครองที่ดินเป็นจำนวนมาก ระบบภาษีใหม่นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการพรากชีวิตของพวกเขาเลยเมื่อข่าวเรื่องภาษีตามที่ดินแพร่กระจายในฟู่โ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1567

    จนกระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุด หยุนเจิงก็ยังไม่ปรากฏตัวแรงกดดันที่ควรมี เขาได้มอบให้กับเหล่าขุนนางไปแล้วส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้ทัวฮวนและจี้หรานเป็นคนจัดการ“ท่านอ๋อง ท่านจะไม่ไปตรวจดูหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เสิ่นควานที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างหยุนเจิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย“มีอะไรให้ต้องดูอีกเล่า?” หยุนเจิงส่ายหน้าพลางยิ้ม “เมื่อมีลูกน้องก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าทุกเรื่องต้องทำเองหมด ข้าคงเหนื่อยตายก่อน!”“จริงด้วยพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นควานหัวเราะเบาๆ “เมื่อก่อนฮูหยินจื่อก็เพราะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ถึงได้ล้มพับไปทีหนึ่ง”เมื่อเอ่ยถึงเยี่ยจื่อ หยุนเจิงจึงถามขึ้นทันที “แล้วพระชายาอ๋องกับคณะจะถึงหัวเมืองสี่ทิศเมื่อใด?”“คาดว่าราวสองหรือสามวันนี่แหละพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นควานตอบ “เมื่อวานเพิ่งมีข่าวมาว่าพวกนางข้ามด่านเป่ยลู่มาแล้ว แม้การเดินทางจะช้าหน่อย แต่ไม่เกินสามวันต้องถึงหัวเมืองสี่ทิศแน่”เช่นนั้นหรือ?หยุนเจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เราออกเดินทางไปหัวเมืองสี่ทิศกันเถอะ”“หา?” เสิ่นควานตกตะลึง “ไปเลยหรือ? แล้วเรื่องที่นี่ไม่ต้องสนใจแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ตอนนี้เป็นช่วงสำคัญ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1566

    ซูหานซงขมวดคิ้วและถามจี้หราน “ใต้เท้าจี้ เรื่องสำคัญที่ท่านพูดถึงคือเรื่องอะไร?”เมื่อเขาถามขึ้น ขุนนางที่เหลือต่างก็เร่งถามตามไปด้วยหยุนเจิงทำเช่นนี้ ใครมันจะมีความอยากอาหารได้เล่า!ทุกคนต้องการรู้โดยเร็วว่าเรื่องสำคัญที่จี้หรานพูดถึงคืออะไรเมื่อได้ยินเสียงถามรอบข้าง จี้หรานก็หันไปมองทัวฮวนด้วยท่าทางลำบากใจ “ในเมื่อทุกคนอยากรู้ขนาดนี้ ใต้เท้าทัวฮวน ท่านคิดว่าเราควรบอกพวกเขาก่อนหรือไม่?”ทัวฮวนยิ้มเบาๆ “ก็บอกพวกเขาเถอะ!”จี้หราน “เชิญท่านใต้เท้าเป็นคนพูดเถอะ”ทัวฮวนส่ายหน้าและหัวเราะ “เจ้าเป็นคนบอกเถอะ ข้าเองก็แค่คนที่จะต้องรับความผิดแทนเท่านั้น!”รับความผิดแทนอย่างนั้นหรือ?เมื่อได้ยินคำพูดของทัวฮวน ทุกคนก็พากันหันมองด้วยความแปลกใจทัวฮวนหมายความว่าอย่างไร?เขายอมรับความผิดแทนหยุนเจิงอย่างนั้นหรือ?หรือว่า หยุนเจิงตั้งใจจะจัดการพวกเขาทั้งหมดแล้วโยนความผิดให้ทัวฮวน?นี่...มันจะเปิดเผยขนาดนั้นเชียวหรือ?“ช่างเถอะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะเป็นคนพูดเองก็แล้วกัน!”จี้หรานถอนหายใจ ก่อนจะหยิบหนังสือคำสั่งจากราชสำนักออกมา และกล่าวเสียงดัง “ราชสำนักต้องการปฏิรูประบบภาษี และได้ส

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1565

    บรรยากาศในงานเลี้ยงนี้ช่างแปลกประหลาดมีโต๊ะอยู่สองตัวโต๊ะแรกหยุนเจิง ทัวฮวน จี้หราน และเว่ยหยูนั่งร่วมกันส่วนขุนนางที่ไม่มีครอบครัวหรือคนสนิทถูกจับกุมนั่งอีกโต๊ะหนึ่งและใกล้ๆ โต๊ะนั้นคือกลุ่มคนที่กำลังคุกเข่าด้วยร่างกายสั่นสะท้านในบรรยากาศเช่นนี้ ต่อให้มีอาหารเลิศรสแค่ไหน เหล่าขุนนางก็ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อยทุกคนพยายามใช้สมองขบคิด ว่าหยุนเจิงต้องการจะทำอะไรกันแน่ในขณะที่หยุนเจิงและพวกทั้งสี่คนกลับนั่งสนทนาและหัวเราะกันอย่างสบายใจแต่หัวข้อที่พูดคุยล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ตรงหน้าแม้แต่พวกขุนนางที่มีประสบการณ์มากในราชการก็ไม่อาจเดาเจตนาที่แท้จริงของหยุนเจิงได้สายตาของหยุนเจิงกวาดผ่านโต๊ะของเหล่าขุนนางที่นั่งอย่างกังวล เขายิ้มบางๆ ในใจไม่รู้จริงๆ ว่าคนพวกนี้คิดอะไรกันอยู่ไม่กล้าต่อสู้กับข้าตรงๆ แต่กลับมาหาเรื่องข้าแทนหรือ? ถ้าไม่ได้โง่จริงๆ ก็คงไม่ทำเช่นนี้หรอก!หลังจากกินดื่มจนอิ่มหนำสำราญ หยุนเจิงก็ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเขาลุกขึ้น ขุนนางทั้งหลายก็ลุกตามด้วยความตกใจ“นั่ง นั่งลงเถอะ!”หยุนเจิงโบกมือพร้อมรอยยิ้ม “ข้าดูออกว่าพวกท่านไม่กล้

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1564

    เมื่อจี้หรานเดินเข้ามา ขุนนางทั้งหลายต่างลุกขึ้นแสดงความเคารพ“ท่านทั้งหลายไม่ต้องมากพิธี”จี้หรานยิ้มเหอะๆ “ท่านอ๋องกำลังรอพวกท่านอยู่ในห้องโถงด้านหลัง เชิญตามข้ามา”กล่าวจบ จี้หรานก็เดินนำพวกเขาไปยังห้องโถงระหว่างทาง หูซื่อเฉิงที่สนิทกับจี้หรานรีบก้าวมาใกล้และถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ “ใต้เท้าจี้ ท่านอ๋องจัดเลี้ยงพวกเรานี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่?”จี้หรานหันมามองเขาด้วยความสงสัย “คนที่ไปส่งข่าวไม่ได้บอกเจ้าหรือ?”“บอกแล้วสิ!”หูซื่อเฉิงตอบ “แต่พวกเขาแค่บอกว่าท่านอ๋องต้องการพูดคุยเรื่องที่พวกเราลาออก แต่ไม่ได้บอกอะไรมากกว่านั้น”หยุนเจิงแค่ต้องการคุยด้วยอย่างนั้นหรือ? หูซื่อเฉิงย่อมไม่เชื่อหูซื่อเฉิงรู้ดีว่าตัวเองมีจุดอ่อน พอได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดถึงความน่ากลัวของท่านอ๋องผู้นี้ เขาก็ยิ่งกระวนกระวายใจเขาเพียงต้องการรู้ให้ชัดเจนว่าหยุนเจิงต้องการอะไร เพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือเมื่อเห็นท่าทีไม่สบายใจของหูซื่อเฉิง จี้หรานก็ลอบถอนหายใจ ก่อนจะตอบแบบปัดไปว่า “ข้ารู้แค่ว่าท่านอ๋องอยากคุยกับพวกท่าน นอกนั้นข้าก็ไม่รู้อะไรอีก”คำตอบของจี้หรานยิ่งทำให้หูซื่อเฉิงกระสับกระส่ายในที่สุด ข

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1563

    ราชสำนักส่งคำสั่งกลับมาอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วัน หยุนเจิงก็ได้รับคำสั่งจากราชสำนัก อนุญาตให้เขาใช้ฟู่โจวเป็นพื้นที่ทดลองสำหรับการปฏิรูปภาษีตามที่ดินในต้าเฉียนเมื่อเห็นเนื้อหาในคำสั่งจากราชสำนัก หยุนเจิงก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมาราชสำนักก็ยังไม่กล้าลงมือเต็มที่!เฮ้อ เจ้าสามนี่ช่างขาดความเด็ดขาดจริงๆ!ในเมื่อเป้าหมายก็เพื่อทำให้อำนาจของตระกูลใหญ่และชนชั้นสูงอ่อนแอลงอยู่แล้ว จะลงมือพร้อมกันไปเลยไม่ได้หรือ?เขาขาดเงินไม่ใช่หรือไง?ถ้าทำให้พวกตระกูลใหญ่และชนชั้นสูงทนไม่ไหวจนลุกฮือต่อต้าน ก็สามารถใช้ข้ออ้างนั้นยึดทรัพย์เข้าราชสำนักได้ไม่ใช่หรือ?การเก็บภาษีตามที่ดินนี้ จะช้าหรือเร็วก็ต้องผลักดันทั่วทั้งแผ่นดินต้าเฉียนอยู่ดีแต่เจ้าสามกลับมัวแต่ค่อยๆ เดินเกมทีละก้าว ราวกับจงใจทำให้ตระกูลใหญ่เหล่านั้นหวาดระแวงไปวันๆหลังจากนึกตำหนิในใจอยู่ครู่หนึ่ง หยุนเจิงก็เรียกทัวฮวนและจี้หรานเข้ามา “ตามแผนที่วางไว้ สั่งให้ทุกอำเภอและทุกมณฑลจัดตั้งกลุ่มคนเพื่ออธิบายนโยบายภาษีใหม่แก่ชาวบ้าน และเริ่มการวัดที่ดินเพื่อจัดทำบัญชีใหม่โดยทันที!”จี้หรานแสดงความกังวลเล็กน้อย “คำสั่งจากมณฑลถึงขุนนางท

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1562

    ไม่ว่าฝ่ายไหนต่างก็อ้างว่าตนเองทำเพื่อราชสำนัก และกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวกคนชั่วแม้จักรพรรดิเหวินจะประทับอยู่ตรงนั้น แต่ฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้านก็ยังคงโต้เถียงกันไม่หยุด เพียงแค่พยายามควบคุมท่าทีไม่ให้รุนแรงเกินไปจักรพรรดิเหวินไม่ได้ห้ามปราม หรือกล่าวคำใดๆ ราวกับนั่งชมความบันเทิงอยู่ตรงนั้นฟังเสียงโต้เถียงในท้องพระโรงทำให้หยุนลี่รู้สึกปวดหัวทั้งเขาและจักรพรรดิเหวินต่างรู้ดีว่าในวันนี้ ท้องพระโรงแห่งนี้ไม่มีทางสงบสุขได้แต่ถึงจะรู้อยู่แก่ใจ เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวในใจของหยุนลี่นั้นเต็มไปด้วยคำสาปแช่งหยุนเจิงเจ้าสุนัขนี่ คอยสร้างปัญหาให้ข้าไม่เว้นแต่ละวันมันน่ารำคาญจริงๆ!หลังจากสาปแช่งหยุนเจิงในใจไปหลายร้อยครั้ง หยุนลี่ก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดการโต้เถียง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายว่า “ข้ามีสองคำถามที่อยากถามพวกท่าน”“ข้อแรก หากเจ้าหกยืนกรานที่จะผลักดันภาษีใหม่ในฟู่โจว ราชสำนักจะสามารถหยุดเขาได้หรือไม่?”“ข้อสอง หากราชสำนักไม่สามารถหยุดยั้งได้ และหากชาวบ้านทั่วแผ่นดินรู้ถึงภาษีใหม่ที่เจ้าหกใช้ในฟู่โจว ราชสำนักจะปิดปากพวกเขาได้อย่างไร? หรือว่าราชสำนัก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status