แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: เหลียงซานเหลากุ่ย
หากไม่หนีจะอยู่ทำหอกอันใดในวังหลวงล่ะ?

หากอยู่ในวังหลวงต่อ ก็ต้องถูกฆ่าตายเป็นแน่!

หนี!

ต้องหนี!

สายตาของจักรพรรดิเหวินดุดันขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองหยุนเจิงพลางกล่าว “เจ้าลูกทรพี เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด เราจะให้เจ้าพูด ให้โอกาสเจ้าอธิบาย!”

หยุนเจิงรับกับความโกรธโค้งคำนับพลางกล่าว “ลูกไม่อยากอธิบายพ่ะย่ะค่ะ และไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายด้วย! ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็บังอาจทำร้ายพี่สามเช่นนั้น ไปแล้ว! ลูกยอมรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อได้ยอนคำพูดนี้ของหยุนเจิง สวีสือฝู่ก็อดที่จะทำเสียงเหอะๆ อยู่ในใจไม่ได้

สวะไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นสวะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ!

ให้โอกาสไปแล้วก็ไม่ใช้

ทว่า ต่อให้ให้โอกาสคนไร้ประโยชน์อธิบายมันก็ไร้ค่าอยู่ดี!

เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ให้จักรพรรดิเหวินถอดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายไร้ประโยชน์นี้ให้เป็นสามัญชนคนธรรมดา

สวีสือฝู่ครุ่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อองค์ชายหกยอมรับโทษแล้ว โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนคนธรรมดา เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”

“โปรดฝ่าบาทลดยศฐาบรรดาศักดิ์องค์ชายหกเป็นสามัญชนเพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

พวกพ้องขององค์ชายสามต่างยื่นคำร้อง

หยุนเจิงจดจำคนสารเลวเหล่านี้ไว้ในใจแล้ว อีกทั้งยังโค้งคำนับจักรพรรดิเหวิน และกล่าวด้วยเสียงถ้อยคำชัดว่า “ลูกรู้ว่าโทษของลูกร้ายแรงนัก ได้โปรดอภัยโทษให้ลูกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“อภัยโทษ?”

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของจักรพรรดิเหวิน “เช่นนั้นเจ้ามาเรามาซิ ว่าเจ้าควรได้รับโทษเช่นไร?”

“โทษตายพ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเจิงกล่าวอย่างไม่คิดเลย เขาโค้งคำนับพลางกล่าว “เสด็จพ่อได้โปรดให้ลูกตายเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”

ปัง!

ทันทีที่สิ้นเสียงของหยุนเจิง ในตำหนักก็เงียบสงัดเป็นป่าสาก…

ให้โทษตายอย่างนั้นหรือ?

นึกไม่ถึงเลยว่าหยุนเจิงจะขอให้จักรพรรดิเหวินลงโทษประหารเขา

สมองเขาเลอะเลือนไปแล้วหรือไม่?

ทุกคนมองหยุนเจิงด้วยความสับสนมึนงง

ใครก็คิดไม่ถึงว่าหยุนเจิงจะเอ่ยปากขอความตายเช่นนี้

แม้แต่สองพี่น้องอย่างซูเฟยและสวีสือฝู่เองก็งุนงงสับสนไปโดยสิ้นเชิง

แม้ว่าหยุนเจิงจะไม่ได้มีตำแหน่งอันใด แต่อย่างไรเขาก็เป็นองค์ชาย

องค์ชายแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน ขอเพียงแค่ไม่ก่อกบฏ และไม่กระทำเรื่องร้ายแรง ก็ไม่จำเป็นต้องโทษประหาร

หยุนเจิงถีบเป้ากางเกงหยุนลี่ไปครั้งเดียว ยังไม่เพียงพอที่จะให้จักรพรรดิเหวินลงโทษประหาร

แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่อยากขอ นึกไม่ถึงเลยว่าหยุนเจิงจะเอ่ยปากขอด้วยตัวเองเช่นนี้

จักรพรรดิเหวินเองก็ตกตะลึงมากเช่นกัน

หลังจากที่เงียบไปครู่ใหญ่ จักรพรรดิเหวินก็กล่าวถามด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะให้ข้าลงโทษประหารเจ้า?”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเจิงพยักหน้า “ลูกมีเพียงโทษความตายเท่านั้น!”

หัวใจของจักรพรรดิเหวินเต้นแรง

เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดหยุนเจิงถึงดื้อรั้นอยากตายมากปานนี้

แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยปลื้มบุตรชายผู้นี้ แต่อย่างไรเสียก็เป็นบุตรชายของเขา

และต่อให้หยุนเจิงจะกลัว แต่คงไม่ถึงกับกลัวจนเป็นเช่นนี้ได้

เหล่าบรรดาขุนนาง มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากบอกให้เขาต้องโทษประหารบ้างเล่า?

หลังจากคิดไตร่ตรองดูแล้ว จักรพรรดิเหวินก็กล่าวถามด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “มีคนบังคับขมขู่เจ้าอย่างนั้นรึ?”

ในขณะที่กล่าวนั้น สายตาของจักรพรรดิเหวินก็กวาดมองไปที่ซูเฟย

ซูเฟยเห็นเช่นนี้จึงตกใจขึ้นและทวงความยุติธรรม

นางยังไม่ทันได้เอ่ยปากกล่าวอันใดกับหยุนเจิงเลย จะบังคับข่มขู่เขาได้อย่างไรกัน?

“หม่อมฉันเปล่านะเพคะ!”

หยวนเจิงส่ายศีรษะ

“แล้วเหตุอันใดเจ้าถึงรั้นอยากตายมากเช่นนี้?”

จักรพรรดิเหวินขึ้นเสียงทันใด

ทันใดนั้นเองขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นในตำหนักต่างเงียบไป

“ความผิดของลูกนั้นร้ายแรงยิ่ง สมควรตายเพื่อไถ่โทษพ่ะย่ะค่ะ!”

หยุนเจิงหล่าวด้วยใบหน้าโศกเศร้าว่า “ลูกไม่ร้องขออันใด ขอเพียงเสด็จพ่อรับปากลูกเรื่องหนึ่งได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!”

“ว่ามา!”

จักรพรรดิเหวินกล่าวด้วยสีหน้าดำคร่ำเครียด

“ลูกขี้ขลาดไร้ความสามารถมาหลายปี ลูกไม่อยากตายไปอย่างขี้ขลาด!”

หยุนเจิงกัดฟันกรอดพลางกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าและโกรธว่า “เสด็จพ่อโปรดอนุญาตให้ลูกไปชายแดน ลูกยอมถือกระบี่สู้รบจนตัวตาย!”

สู้รบจนตัวตายอย่างนั้นหรือ?

แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของสวีสือฝู่

เขาเข้าใจแล้ว!

หยุนเจิงต้องการหนีไปจากวังหลวง!

“องค์ชายหกกล้าหาญยิ่งนัก แต่กระหม่อมคิดว่าไม่เหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ”

สวีสือฝู่รีบออกมาคัดค้านทันใด “อย่างไรเสียองค์ชายหกก็เป็นถึงองค์ชาย หากแม้แต่องค์ชายต้องออกสู้รบจนตัวตายในสนามรบ พวกป่าเถื่อนเหล่านั้นคงต้องหัวเราะเยาะราชวงศ์ต้าเฉียนเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ’”

เขาไม่มีทางปล่อยให้หยุนเจิงหนีรอดไปจากวังหลวงได้หรอก!

เรื่องจดหมายเลือด หยุนลี่เคยบอกเรื่องนี้กับเขาแล้ว

พวกเขาจะต้องเอาจดหมายเลือดออกมาให้ได้!

หยุนเจิงส่ายหน้าพลางกล่าว “คำพูดนี้ของจิ้งกั๋วกง ข้าไม่เห็นด้วย!”

“อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

สวีสือฝู่เงยหน้ามองหยุนเจิง “แล้วองค์ชายหกมีความเห็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”

หยุนเจิงยืดอกตรงพลางกล่าวเสียงดังว่า “แม้นแต่ลูกชายของชาวบ้านตาดำๆ ยังต้องออกศึกสู้รบตายเพื่อต้าเฉียนได้เลย ข้าในฐานะที่เป็นโอรสของฮ่องเต้ ก็ควรเป็นแบบอย่างให้กับใต้หล้าไม่ใช่หรือ!”

“แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่มีเคยองค์ชายใดต้องออกศึกสู้รบตายในสนามรบ กฎบ้านเมืองไม่อาจฝืนได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!!”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 5

    เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนักเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคนแม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขาไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อยโดยเฉพาะฝ่ายบู๊พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆสำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ขอ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 6

    ซูเฟยสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ แม้ว่าลี่เออร์จะไม่เป็นไรมาก แต่…”“หุบปาก!”จักรพรรดิเหวินเบิกพระเนตรจ้องไปที่ซูเฟย “เจ้าหกนิสัยเช่นไร ขุนนางบู๊บุ๋นทั่วทั้งราชสำนักต่างรู้ดี! หากวันนี้ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่อง เจ้าหกจะกล้าทำเช่นนี้กับเจ้าสามหรือ ข้าก็ไม่อยากไล่ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้!”ซูเฟยชะงักงัน ตอนนี้นางยิ้มไม่ออกแล้วจักรพรรดิเหวินปรามซูเฟยแล้วก็โบกพระหัตถ์ไปยังหยุนเจิงอย่างเหนื่อยล้า “แล้วเจ้าก็กลับไปขอโทษที่สามของเจ้าด้วย เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเช่นนี้เถอะ!”ซวยแล้ว!แสดงเกินบทบาท!หยุนเจิงค่อยๆ มองไปทางสวีสือฝู่กับซูเฟย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสองพี่น้องนี้จะกระโดดขึ้นมาคัดค้านแม้ว่าสวีสือฝู่กับซูเฟยไม่กล้าดื้อดึงสุดขีดอีก แต่คำพูดของจักรพรรดิเหวินเมื่อครู่นี้ได้ตัดความคิดที่จะเรียกร้องให้จักรพรรดิเหวินลดหยุนเจิงเป็นเพียงสามัญชนแล้วจากนี้ย่อมมีโอกาสจัดการหยุนเจิง!พอหยุนเจิงเห็นว่าคาดหวังอะไรจากคนตัวดีสองคนนี้ไม่ได้เลย เขาจึงคุกเข่าลง “ตุ้บ“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่มีพระทัยกว้างขวาง!”หยุนเจิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “แต

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 7

    ไม่ว่าหยุนเจิงจะยินยอมหรือไม่ จักรพรรดิเหวินก็ได้ออกราชโองการแล้ว เขาก็ทำได้แต่ยอมรับเอาเถอะ!แต่งงานพระราชทานก็พระราชทานมาเถอะ!เอาอำนาจทหารมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!จะยังไง จะดีจะร้ายยังไงตนก็ยังคงเป็นองค์ชายอยู่นะ!พิธีมงคลสมรสขององค์ชาย ต่อให้พวกขุนนางจะดูถูกตนมากเพียงใด อย่างไรก็ต้องเออออตามกันอืม ฉวยโอกาสทำเงิน!ยิ่งมากยิ่งดีมีทัพทหารม้าแล้วก็ต้องมีเงินมีเสบียงกรังด้วย!เพียงแต่ หากเป็นเช่นนี้ ก็ต้องอยู่ที่เมืองหลวงอีกสักช่วงหนึ่งสินะ!พวกหยุนลี่กับซูเฟยก็ต้องฉวยโอกาสนี้แก้แค้นตนแน่ๆ!ช่วงเวลาที่อยู่เมืองหลวงนี้ เป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงอันตรายมากแน่ๆต้องรีบหาวิธีรับมือ!“องค์ชายหก ช้าก่อน!”ขณะที่หยุนเจิงเดินไปคิดไปนั้น หัวหน้าขันทีมู่ซุ่นผู้รับใช้ข้างกายจักรพรรดิเหวินก็ไล่ตามเขามาหยุนเจิงหยุดฝีเท้า หันหลังกลับดูมู่ซุ่น “หัวหน้ามู่เรียกข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ”หยุนเจิงมองมู่ซุ่น จิตใจของเขาตื่นตระหนกขึ้นมามู่ซุ่นเป็นคนสนิทใกล้ตัวพ่อจำเป็นนั่นเชียวนะแม้แต่องค์รัชทายาทองค์ก่อนยังต้องให้เกียรติมู่ซุ่นถ้าหากว่าสามารถชักชวนมู่ซุ่นมาเป็นพวก…ไม่ช้า หยุนเจิงก็ยกเลิ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 8

    มู่ซุ่นหัวเราะเหอะๆ แล้วเหงยหน้ามองหยุนเจิง“ไม่ต้องมากพิธี!”หยุนเจิงยกมือขึ้นเล็กน้อย ในใจคิดว่ามู่ซุ่นช่างเป็นผู้รู้ความจริงๆ“ขอบพระทัยเพคะ”ทั้งกลุ่มคนจึงยืดตัวยืนตรง“ฮูหยินเสิ่น ยินดีด้วย ยินดีด้วยจริงๆ!”เมื่อมู่ซุ่นเห็นฮูหยินเสิ่นเขาจึงรีบกล่าวยินดีฮูหยินเสิ่นยินดียิ่ง รีบถามขึ้นว่า “หัวหน้ามู่เจ้าคะ มีเรื่องอันใดให้ยินดีหรือ”มู่ซุ่นลีลาเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า “คุณหนูเสิ่นลั่วเยี่ยนอยู่ไหนหรือ”เสิ่นลั่วเยี่ยนพอได้ยิน ก็รีบก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “ข้าน้อยคาราวะท่านหัวหน้ามู่เจ้าค่ะ”หยุนเจิงมองเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างละเอียดดวงตาสดใสฟันขาวสะอาด รูปร่างสูงเพรียวมีร่องรอยของความกล้าหาญระหว่างคิ้วนับว่าเป็นสาวงามที่ห้าวหาญ!มู่ซุ่นมองที่เสิ่นลั่วเยี่ยนแวบหนึ่ง แล้วส่งเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน “เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโอการ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนตกใจค้าง รีบคุกเข่าลงรับราชโองการ“ฝ่าบาทมีราชโองการ: ตระกูลเสิ่น จงรักภักดีมิเสื่อมคลาย มีศีลธรรมอันดี สมเป็นมาตรฐานของราชวงศ์เรา! วันนี้เป็นฤกษ์ดี มีราชโองการให้พระราชทานเสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นพระชายาเอกขงอองค์ชายหก เลือกวั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 9

    เสิ่นเนี่ยนฉือ!เสิ่นลั่วเยี่ยนมองไปที่หลานสาวของตนนี่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของพี่ชายคนโตนาง!เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นเสิ่นเนี่ยนฉือร้องไห้โฮเพราะความตกใจ ใจนางจึงอ่อนลงเว่ยซวงรีบวิ่งไปอุ้มลูกสาวของตนมา ขอร้องน้ำตานองหน้า “ลั่วเยี่ยน พวกเราตายไม่เป็นไร แต่เนี่ยนฉือยังมีอายุไม่ถึงเจ็ดปีเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นหลานสาวมีน้ำตาอาบสองแก้ม มือที่กำหมัดแน่นของนางก็คลายออกตุ้บ!เสิ่นลั่วเยี่ยนคุกเข่าลง น้ำตาแห่งความเสียใจและความโกรธไหลผ่าน“หม่อมฉัน…รับราชโองการ ขอบพระทัยฝ่าบาท!”ขณะที่พูดสองประโยคนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนราวกับว่าตนได้ดึงพลังงานทั้งหมดออกจากร่างไปแล้วกระทั่งตอนที่เสิ่นลั่วเยี่ยนรับราชโองการ สีหน้าของมู่ซุ่นจึงได้แปรเปลี่ยนเป็นดี“เช่นนั้นข้าก็ขอตัวกลับไปรายงานก่อน สำหรับเรื่องกำหนดวันสมรสนั้น จะแจ้งให้ทราบภายหลัง!”พูดไปมู่ซุ่นก็มองไปที่หยุนเจิง “องค์ชายหก พวกเรากลับวังกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“หัวหน้ามู่เชิญกลับก่อนเถอะ ข้าอยากจะพูดคุยกับพวกนางสักหน่อย”หยุนเจิงยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “หัวหน้ามู่ คุณหนูเสิ่นตกใจจนเสียการควบคุม เรื่องในวันนี้ ขอหัวหน้ามู่รายงานเสด็

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 10

    “…”เสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้ากระตุกอย่างคุมไม่ได้ ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดว่า “ใครจะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะไม่ตายพร้อมกับเจ้า!” ต้องขนาดนี้เลยหรือ?ยัยเด็กโง่นี่!แค่หยอกล้อเล่นนิดหน่อย นางยังคิดถือเป็นจริงจัง?สติปัญญานาง ดูท่าแล้วคงไม่ได้สูงมากนัก?นางฝึกสมองแต่ไปขึ้นที่กล้ามเนื้อแล้วหรือไง?เสียงกบร้องระงม แมลงวันบินดังหวี่ๆ ทั้งวี่ทั้งวันไม่มีใครฟังไก่ขันเพียงยามเช้า แต่กลับปลุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากภวังค์ได้คำพูดหากไม่มีใครฟัง ก็อย่าได้พูดพล่ามเลยหยุนเจิงลอบหัวเราะในใจ แล้วพูดหยอกล้อขึ้นอีกว่า “เสด็จพ่อได้พระราชทานงานสมรสแล้ว หากพวกเราล้วนตกตายกันไปหมด คาดว่าเสด็จพ่อคงสั่งให้คนฝังเราไว้ด้วยกัน!”เสิ่นลั่วเยี่ยนฟังคำพูดของหยุนเจิงใบหน้าก็กระตุกขึ้นมาอีกแม้กระทั่งความตายก็มิอาจพรากนางไปจากไอ้สวะนี่ได้งั้นหรือ?“เอาล่ะ”หยุนเจิงค่อยๆ ยืดตัวยืนขึ้น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสด็จพ่อได้ตัดสินพระทัยแล้ว ราชวงศ์เราในเวลานี้ก็มีเรื่องมากมาย พวกเจ้าก็อย่าได้ไปหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย” กล่าวจบ หยุนเจิงก็ปลีกตัวจากไปอย่างไรเขาก็ได้เตือนพวกนางแล้วหากพวกนางยังไม่ฟั

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 11

    ในวังหลวงยามวิกาล“ตรวจสอบได้ความหรือยัง”จักรพรรดิเหวินเงยประพักตร์ขึ้นจ้องถามองค์รักษ์เงา“กราบทูลฝ่าบาท ตรวจสอบได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”องค์รักษ์เงาค้อมกาย ค่อยๆ รายงานความจริงตามที่ได้สืบได้จากองครักษ์ที่จับตัวมาจากเรือนปี้ปัว“จับเข้าคุกสวรรค์?”จักรพรรดิเหวินตบไปที่กองฎีกา พูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่มีคำอนุญาตจากข้า แต่เจ้าสามกลับกล้าจับเจ้าหกเข้าคุกสวรรค์? มิน่าเล่า เจ้าหกจึงได้ตกใจกลัวจนมาขอความตายกับข้า!”จักรพรรดิเหวินกริ้วเป็นอย่างมาก หายใจหอบแรง“ฝ่าบาทได้โปรดคลายโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ”มู่ซุ่นที่รับใช้อยู่ข้างกายรีรบกล่าวเตือนอย่างเป็นห่วง “องค์ชายสามอาจจะแค่อยากหยอกล้อองค์ชายหกก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเสีย คนสนิทขององครัชทายาทได้ไปหาองค์ชายหกก่อนตาย…”จักรพรรดิเหวินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันสายตาไปมองมู่ซุ่น “เจ้าคิดว่าเจ้าหกมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขององค์รัชทยาท?”“เรื่องนี้…”มู่ซุ่นตัวกระตุกอย่างแรงแล้วรีบตอบว่า “บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่รู้? เช่นนั้นก็แปลว่าเป็นไปไม่ได้ล่ะสิ?”จักรพรรดิเหวินส่งเสียงเหอะเบาๆ “หากเจ้าเป็นองค์รัชทายาท เจ้าจะคนไ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 12

    ที่พำนักของหยุนเจิงในตอนนี้ ยังเป็นที่พักที่เขาพักตั้งแต่สมัยยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำพอจักรพรรดิเหวินนึกถึงหยุนเจิง ในใจก็ลอบด่าว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ขึ้นอีกตนลืมเรื่องนี้ เขาเองก็ไม่กล้ามาทูลขอเลยหรือไง?ไร้ประโยชน์จริงๆ!หลังจากจักรพรรดิเหวินไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง ก็มีรับสั่งไปยังมู่ซุ่น “สั่งคนให้ไปทำความสะอาดจวนของอวี๋หมิ่น ขุนนางที่มีความผิดติดตัว ทำทั้งคืนจัดการให้สะอาด รุ่งเช้าวันพรุ่งให้ไปที่เรือนปี้ปัว พระราชทานแก่หยุนเจิง! บ่าวรับใช้ในจวน ให้จัดใหม่ตามกฎมณเฑียรบาล!”…จวนองค์ชายสามมีเสียงโอดครวญดังมาจากหยุนลี่เป็นครั้งคราวสวีสือฝู่กับซูเฟยมาเยี่ยมหยุนลี่ที่จวนพอเห็นสภาพของหยุนลี่ สองพี่น้องทั้งสงสารทั้งโกรธหยุนลี่ถูกสวะอย่างหยุนเจิงทำร้าย?ที่มันเรื่องตลกระดับฟ้าสวรรค์ยังต้องหัวเราะ!นอกจากจะโกรธเคืองแล้ว สวีสือฝู่ก็อดสั่งสอนหยุนลี่ไม่ได้ว่า “เจ้าเองก็เลอะเลือน เจ้าจะใส่ความอะไรสวะอย่างหยุนเจิงก็ได้ แต่กลับไปใส่ความว่าเขาเป็นพรรคพวกขององค์รัชทายาท! คำพูดนี้พอพูดออกไป อย่าว่าแต่พวกขุนนางบู๊บุ๋นในราชสำนักเลย ตัวเจ้าเองได้ยินแล้วเจ้าเชื่องั้นรึ?”หยุนเจิงติดตา

บทล่าสุด

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1430

    "ใช่ ข้าก็เคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน"เยี่ยจื่อที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่พยักหน้า "น่าจะเป็นเสียงจ้าล่าจื่อจริงๆ…"ต้นจ้าล่าจื่อนั้นดูเหมือนจะมีอยู่แค่บนภูเขาแถวซั่วเป่ยเท่านั้นเมื่อหลายปีก่อน ชาวบ้านในซั่วเป่ยเริ่มนิยมเผาจ้าล่าจื่อช่วงปีใหม่ว่ากันว่า การเผาใบนี้ช่วยขับไล่เหาและแมลงต่างๆ ในพื้นที่ ติ้งเป่ยบางพื้นที่จึงเรียกมันว่าเผากำจัดเหายังมีเพลงพื้นบ้านร้องว่า "วันขึ้น 15 ค่ำเผาไล่เหา บ้านตระกูลหลี่มาก บ้านตระกูลหวังน้อย…"โดยทั่วไป ชาวบ้านส่วนใหญ่จะเผาจ้าล่าจื่อหลังเที่ยงคืนแต่ก็มีบางคนที่เผาล่วงหน้า เพื่อให้เกิดเสียงดังและเพิ่มความสนุกสนานทว่า การเผาจ้าล่าจื่อไม่ได้อนุญาตให้ทำได้ทุกเวลาทางการอนุญาตให้เผาเฉพาะช่วงปีใหม่และวันขึ้น 15 ค่ำเท่านั้นปีที่แล้ว เพราะซั่วเป่ยมีศึกสงครามอย่างหนัก ทางการจึงสั่งห้ามเผาจ้าล่าจื่อเป็นการชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอาจเป็นเพราะเหตุนี้เอง ที่หยุนเจิงไม่รู้เรื่องการเผาจ้าล่าจื่อในขณะที่เยี่ยจื่ออธิบายเรื่องนี้ให้หยุนเจิงฟัง ซินเซิงก็รีบสั่งให้คนไปเอาจ้าล่าจื่อมาไม่นาน สาวใช้คนหนึ่งก็ถือกิ่งไม้เข้ามาในห้องซินเซ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1429

    ท้องฟ้าของซั่วเป่ยมืดเร็วกว่าที่อื่น หมายความว่าคืนนี้จะยาวนานเป็นพิเศษคืนนี้ ทุกคนต้องอยู่เฝ้ายามดึกจนถึงหลังเที่ยงคืนหลังจากเล่นกันได้สักพัก ฉินชีหู่กับภรรยาและบุตรทั้งสามก็พากันกลับไปก่อน ส่วนเว่ยซวงและพวกก็ไม่ได้จัดการเล่นไพ่นกกระจอกต่อ ต่างนั่งเฝ้ายามอย่างสงบอยู่ข้างเตาไฟ พูดคุยเรื่องไร้สาระกันไปเรื่อยๆหยุนเจิงนอนเหยียดขาเหมือนนายท่านใหญ่ พาดขาไว้บนตักของเมี่ยวอิน เมี่ยวอินผลักขาเขาออกหลายครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าคนหน้าด้านอย่างหยุนเจิงไม่ยอมลดละ นางก็ปล่อยเลยตามเลยอย่างไรเสีย คนในจวนก็รู้ดีอยู่แล้วถึงความประพฤติของหยุนเจิงถึงแม้จะคิดเช่นนั้น แต่เมี่ยวอินก็ยังคงหยิกขาหยุนเจิงเป็นระยะๆไม่ได้มีเหตุผลอะไรพิเศษ นอกจากอยากเห็นสายตาน้อยใจที่หยุนเจิงส่งมาเป็นระยะ"อย่างไรก็ไม่มีอะไรทำ เรามาเล่นหมากรุกกันเถอะ"เจียเหยาที่เบื่อหน่ายจนไม่รู้จะทำอะไร จึงเสนอตัวเล่นหมากรุกกับหยุนเจิง"ไม่เอา!"หยุนเจิงปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด "เจ้าคิดมากทั้งวันยังไม่พออีกหรือ? วันสิ้นปีแบบนี้ ทำตัวสบายๆ ปล่อยวางหน่อยจะดีกว่าไหม?""ปล่อยวาง?"เจียเหยาไม่เข้าใจในคำพูดของเขาหยุนเจิงอธิบายว่า "ก

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1428

    หลังจากนั้น หยุนเจิงก็ไม่ได้พูดอะไรที่เจียเหยาไม่ชอบฟังอีก เปลี่ยนไปคุยเรื่องทั่วไปกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ แทนแต่เรื่องที่คุยกันนั้นล้วนเป็นเรื่องครอบครัว ไม่มีใครพูดถึงเรื่องบ้านเมืองหรือการเมืองแต่อย่างใดเมื่อกินดื่มกันอิ่มหนำแล้ว ภรรยาหลวงและอนุของฉินชีหู่ก็ไปรวมกลุ่มกับเมี่ยวอินและเว่ยซวงเพื่อเล่นไพ่นกกระจอกกันส่วนคนอื่นๆ ในจวนก็เริ่มเล่นเกมปาทู่กันอย่างสนุกสนานฉินชีหู่ที่ดื่มจนเกือบเมานิดหน่อย ยังออกไปที่ลานหิมะข้างนอกแล้วแสดงฝีมือการต่อสู้หมัดเต่าทอง อ้างว่าเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับทุกคนเจียเหยาที่มีทักษะการยิงธนูเป็นเลิศ เล่นเกมปาทู่ได้อย่างสบายใจ นางกวาดเงินรางวัลมาไม่น้อยแล้วในขณะที่เจียเหยากำลังสนุกสนาน ฮูหยินเสิ่นก็พาสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาสาวใช้ในมือถือชุดเสื้อผ้าหนึ่งชุด ประกอบไปด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ด้านนอก เสื้อผ้านุ่มคล้ายขนสัตว์ด้านใน และเสื้อคลุมขนมิงค์เมื่อฮูหยินเสิ่นเดินมาหยุดตรงหน้าเจียเหยา นางมองไปที่เสื้อผ้าในมือของสาวใช้ ก่อนจะนิ่งไปเล็กน้อย "ทั้งหมดนี้...คงไม่ใช่สำหรับข้าหรอนะ?""แน่นอนว่าให้เจ้า"ฮูหยินเสิ่นพยักหน้าพลางยิ้ม "พรุ่งนี้ก็

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1427

    ในฤดูหนาวของซั่วเป่ย ท้องฟ้าค่ำมืดเร็วกว่าปกติเพิ่งจะห้าโมงเย็น ท้องฟ้าก็มืดลงอย่างรวดเร็วและมื้อค่ำสำหรับวันสิ้นปีของหยุนเจิงและพวก ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเหล่าเด็กๆ ถูกจัดให้นั่งแยกไปอีกมุมหนึ่ง โต๊ะของพวกเขามีขนมหวานที่พวกเขาชอบเต็มโต๊ะ พร้อมกับหม้อทองแดงเล็กๆ ตรงกลางที่ใช้เตาถ่านให้ความร้อนสาวรับใช้สองคนในจวนถูกจัดให้นั่งร่วมโต๊ะกับเด็กๆ ด้วยแม้สาวรับใช้ทั้งสองต้องรับหน้าที่ดูแลเหล่าเด็กๆ ที่ถือเป็นบรรพบุรุษตัวน้อย แต่การได้ร่วมโต๊ะกับพวกเขาก็นับว่าเป็นพระคุณอันใหญ่หลวงสำหรับพวกนางแล้วส่วนอีกโต๊ะหนึ่ง เป็นโต๊ะที่หยุนเจิงสั่งทำพิเศษ โดยมีหม้อทองแดงใบใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางหม้อนี้ดูเหมือนกับหม้อทองแดงสำหรับลวกเนื้อแกะของภาคเหนือในชาติก่อนของเขาไม่มีผิดหยุนเจิงและพวกนั่งล้อมรอบหม้อทองแดงนี้ โดยมีซินเซิงได้รับเชิญให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยบนโต๊ะไม่เพียงแค่มีเนื้อแกะและเนื้อกวางที่หั่นบาง แต่ยังมีเนื้อวัวซึ่งหาได้ยากยิ่งสองวันก่อน มีข่าวว่าในบ้านของตระกูลใหญ่แห่งหนึ่ง วัวของพวกเขา "บังเอิญ" ล้มจนขาหัก และไม่อาจรักษาได้พวกเขาจึงแจ้งทางการ พร้อมเตรียมเชือดวัวตัวนั้นเ

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1426

    "อันนี้เข้าท่าดี!"พอพูดถึงการดื่มเหล้า ฉินชีหู่ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีหยุนเจิงมีกฎห้ามดื่มเหล้าในกองทัพ และฉินชีหู่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นแม้กลับมาที่จวนติ้งเป่ย เขาก็ไม่กล้าดื่มจนสุดเหวี่ยง เพราะเกรงว่าจะมีงานด่วนทางทหารเข้ามาแต่วันนี้เป็นวันสิ้นปีทั้งที เขาจึงคิดว่าจะได้ดื่มจนหนำใจเสียบ้างหยุนเจิงไม่อยากประลองต่อ ส่วนเจียเหยาก็ไม่เซ้าซี้จะให้เขาสู้ด้วยอีก แต่เจียเหยากลับยังติดใจสิ่งที่หยุนเจิงเก็บไว้ก่อนหน้านี้ "เจ้าจะให้ข้าดูสิ่งที่เจ้าซ่อนไว้เมื่อครู่อีกครั้งได้หรือไม่?""จะดูไปทำไม?"หยุนเจิงปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด "นั่นเป็นของที่ข้าทำไว้ให้ลูกของข้า เจ้าโตขนาดนี้แล้ว ยังจะมาแย่งของเล่นกับลูกข้าอีกหรือ? ไม่อายบ้างหรือไง?""ข้า…"เจียเหยาอึ้งไป ก่อนจะถลึงตาใส่หยุนเจิงด้วยความไม่พอใจไม่ให้ดูก็ไม่ดู!แต่ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ของเล่นธรรมดาแน่ๆมันต้องเป็นอาวุธลับอย่างแน่นอน!นางรู้สึกว่าหากตนคิดจะลอบสังหารหยุนเจิง ในระยะใกล้เช่นนั้น คนที่ตายก่อนคงเป็นนางเสียเองเว้นเสียแต่ว่า จะต้องอาศัยจังหวะที่หยุนเจิงเผลอ ใช้ธนูยิงเขาจากระยะไกลเท่านั้น!"เอาล่ะ เจ้า

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1425

    เมื่อเห็นทั้งสองถูกแส้มัดจนแน่นบนหิมะ ฉินชีหู่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้"ระยะห่างแบบนี้ ถ้าไม่สู้กันก็คงจูบกันแน่ๆ..."โชคดีที่ฉินชีหู่ไม่รู้จักของที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือ ไม่เช่นนั้นเขาคงหยิบขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้แน่หยุนเจิงและเจียเหยาที่ถูกแส้มัดจนใบหน้าใกล้กันจนแทบชิด ต่างก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายที่รดอยู่บนใบหน้าของตนทั้งสองมองหน้ากันด้วยความกระอักกระอ่วน ใบหน้าห่างกันเพียงนิดเดียว"ปล่อยสิ!"เจียเหยาหันหน้าไปอีกทาง พยายามหลีกเลี่ยงสายตาของหยุนเจิง ก่อนจะมองไปที่มือของเขาที่ยังจับแส้อยู่แต่ในขณะนั้นเอง เจียเหยาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งและดันอยู่บนร่างของนางเมื่อกวาดตามองดูว่ามือทั้งสองของหยุนเจิงยังว่างเปล่า หัวใจของเจียเหยาก็เต้นแรงขึ้นทันทีนางเข้าใจได้ทันทีว่ามันคืออะไร...คนไร้ยางอายผู้นี้!เจียเหยาด่าหยุนเจิงในใจ ใบหน้าของนางแดงก่ำไปจนถึงใบหู"ปล่อยมือข้าก่อน! มือข้าจะถูกกดจนหักอยู่แล้ว!"หยุนเจิงมองไปยังข้อมือที่ยังถูกเจียเหยาจับไว้อย่างแน่นด้วยท่าทางนี้ มือของเขาถูกกดอยู่ในลักษณะที่ผิดตำแหน่ง ส่งผลให้รู้สึกเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง"สมควร!"เจียเหยา

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1424

    ให้ตายเถอะ!คำพูดแบบนี้นี่มัน!หยุนเจิงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ข้าว่าอย่างไรเจ้าก็ควรใช้แส้... อ้อ ไม่สิ ใช้สิ่งที่เจ้าเชี่ยวชาญจะดีกว่า!"มารดามันสิ พูดว่าชอบดูนางถือแส้เล็กๆ นั่น ฟังดูเหมือนตนมีรสนิยมแปลกๆ ไปอีก!หรือจะให้เจียเหยาถือแส้ฟาดเพียะๆ แล้วตนถือปืนพกยิงปิ้วๆ?แค่คิดภาพก็น่าอายเกินจะมองแล้ว!"ก็ได้!"เมื่อหยุนเจิงยืนยันหนักแน่น เจียเหยาก็ไม่ปฏิเสธอีก นางสะบัดแส้ในมือจนเกิดเสียงดังสนั่น ราวกับประกาศศึกกับหยุนเจิงหยุนเจิงเบะปากพลางรับดาบที่ทหารรับใช้ในจวนส่งมาให้ เขาเหวี่ยงดาบสองสามครั้งในอากาศ ราวกับตอบโต้การท้าทายของเจียเหยาฉินชีหู่ที่ยืนดูอยู่ กลายเป็นผู้ชมที่มีสีหน้าตื่นเต้นสุดๆ เขายังพูดเร่งเร้า "พวกเจ้ามัวแต่พูดกันอยู่นั่นแหละ! รีบลงมือประลองกันเสียทีสิ!"ฉินชีหู่ดูเหมือนจะสนุกมากจนอยากเรียกให้คนยกเหล้ายกกับแกล้มมาด้วย จะได้ทั้งดื่มทั้งกินไปพร้อมกับดูการประลองการได้ดูคู่สามีภรรยาทะเลาะกันอย่างเปิดเผยแบบนี้ ถือเป็นโอกาสที่ไม่ได้มีบ่อยยิ่งกว่านั้น ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งคือท่านอ๋อง อีกคนคือองค์หญิงเจี้ยนกั๋ว การเห็นสองคนนี้มาประลองกัน มันช่างน่าตื่นเต้นจร

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1423

    ในวันสิ้นปี ซั่วเป่ยก็มีหิมะตกหนักอีกครั้งฉินชีหู่และครอบครัวมาถึงจวนอ๋องตั้งแต่เช้าหลังมื้อเที่ยง ทุกคนก็ไปช่วยกันห่อเกี๊ยวภรรยาหลวงและอนุของฉินชีหู่ก็ไปร่วมกับฮูหยินเสิ่นและคนอื่นๆ ห่อเกี๊ยวด้วยที่จริงแล้ว ในจวนมีคนรับใช้มากมาย งานแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาทำเอง แต่ทุกคนก็สนุกกับความรู้สึกของการที่ครอบครัวได้มารวมตัวกันทำกิจกรรมมีเพียงเจียเหยาเท่านั้น ที่อ้างว่าตัวเองห่อเกี๊ยวออกมาได้ไม่สวย จึงห่อแค่ไม่กี่ชิ้นพอเป็นพิธี แล้วก็ขอถอนตัวออกจากกิจกรรมนี้เมื่อหยุนเจิงและฉินชีหู่มาถึงประตูสวนหลังบ้าน ก็ได้ยินเสียง "แปะๆ" ดังขึ้นเมื่อเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน ก็พบว่าเจียเหยากำลังฝึกวิชาแส้ยาวในมือนางราวกับอสรพิษที่เคลื่อนไหวอย่างอิสระ ฟาดลงบนพื้นหิมะจนเกิดเสียง "เพียะๆ" พร้อมกับหิมะที่กระเซ็นฟุ้งไปทั่ว"นางคงจินตนาการว่าหิมะนี้คือเจ้าแน่ๆ"ฉินชีหู่กระซิบเสียงเบา พร้อมขยิบตาหยอกหยุนเจิง"อาจจะเป็นไปได้!"หยุนเจิงยิ้มแห้งๆ ก่อนเอ่ยว่า "ข้าอยากดูเจ้าสองคนประลองกันสักหน่อย เจ้าว่าจะดีไหม?""พอเถอะ!"ฉินชีหู่ส่ายหัวปฏิเสธ "นี่มันวันสิ้นปี ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน จะมาตี

  • องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน   บทที่ 1422

    "มีอะไรรึ?"หยุนเจิงหันไปมองเจียเหยาเจียเหยายื่นมือออกมา "ข้าไม่มีเงินแล้ว""มิใช่ว่าเพิ่งให้เจ้าไปห้าร้อยตำลึงเงินหรือ? หมดไวถึงเพียงนี้?"หยุนเจิงไม่ค่อยเชื่อพวกเจียเหยาก็แค่เล่นกันสนุกๆ ตั้งฐานไว้เพียงตำลึงเดียวเท่านั้นมิใช่ว่าคนฉลาดเล่นไพ่นกกระจอกมักจะเก่งกันหรือ?นี่เล่นไปไม่ถึงชั่วโมง เจียเหยากลับหมดตัวแล้วหรือ?เขาแทบสงสัยว่าเจียเหยาอาจซ่อนเงินไว้เองหรือไม่ก็เจียเหยาแกล้งเล่นเสีย?เพื่อที่จะใช้โอกาสนี้สร้างความสนิทสนมกับเยี่ยจื่อและพวก?หรือบางที...อาจมีจุดประสงค์อื่น?"นี่ข้าเล่นเป็นครั้งแรก จะให้ทำอย่างไรได้เล่า?"เจียเหยาตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ"ก็ได้..."หยุนเจิงไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างได้ จึงได้แต่สั่งซินเซิงที่ยืนรับใช้ข้างๆ ให้ไปเบิกเงินจากห้องบัญชีอีกห้าร้อยตำลึงมอบให้เจียเหยาเมื่อหยุนเจิงเดินมาถึงสวนหลังบ้าน ฮูหยินเสิ่นกำลังไล่เสิ่นลั่วเยี่ยนให้เดินเล่นราวกับต้อนเป็ดเมื่อเสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นหยุนเจิงมาถึง นางก็เหมือนเห็นฟางช่วยชีวิต รีบส่งสายตาอ้อนวอนไปทางหยุนเจิง"ไม่ต้องมองแล้ว!"ฮูหยินเสิ่นจ้องเสิ่นลั่วเยี่ยน "เจ้ากำลังจะถึงเวลาคลอดแล้ว และนี่เป

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status