นี่เป็นช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง!ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เป่ยหวนจะค่อยๆ กลายเป็นสวนหลังบ้านของพวกเขา!รอจนกระทั่งหยุนเจิงถูกโยนจนเกือบมึนแล้ว ทุกคนจึงวางเขาลง“เอาล่ะ อย่าเอาแต่ดีใจ! รีบไปพักผ่อนก่อน!”หยุนเจิงยิ้มจ้องมองทุกคน จากนั้นก็สั่งเกาเหอ “ก่อนที่จะฉลอง ไปหาเชลยพวกนั้น ถามว่าหลังจากพวกพ่อตาของข้าแพ้สงครามปีนั้น สถานที่ที่ร่างถูกม้าศึกของทัพศัตรูเยียบย่ำจนแหลกเหลวอยู่ที่ใด”เกาเหอชะงักเล็กน้อย รีบรับคำสั่งไม่นาน เกาเหอการถามตำแหน่งมาจากเชลยศึกหยุนเจิงสั่งให้เชลยศึกพาพวกเขาไปสถานที่แห่งนี้ ห่างจากพวกเขาไม่ถึงห้าลี้เท่านั้นถ้าเสิ่นหนานเจิงนำกองทัพหนึ่งหมื่นโชคดีสักหน่อย บางที พวกเขาก็คงได้ย่ำม้าสู้ราชสำนักเป่ยหวนจริงๆ แล้วน่าเสียดาย ในที่สุดพวกเขาก็กองทัพล่มสลายผืนดินแห่งนี้ มองไม่เห็นร่องรอยที่หลงเหลือจากการต่อสู้แล้วแต่ว่า หากมองอย่างละเอียด ก็ยังเห็นเศษกระดูกบางส่วนบนพื้นได้หยุนเจิงคุกเข่า ขุดลงไปเล็กน้อย ก็เห็นกระดูกโพลนขาวชิ้นหนึ่งไม่รู้เจ้ากระดูกขาวชิ้นนี้เป็นของผู้ใดแต่น่าจะเป็นกระดูกของผู้กล้าเป่ยหวนท่านหนึ่ง“ไป เอาถุงมาให้ข้า!”หยุนเจิงเ
“ว่ะฮ่าๆ...”ยังอยู่ห่างไกล เสียงหัวเราะที่เป็นเอกลักษณ์ของฉินชีหู่ดังขึ้นฉินชีหู่และต่งกังขี่ม้ามาถึงหยุนเจิงอย่างรวดเร็วต่งกังกำลังจะกระโดดลงจากหลังม้าเพื่อทำความเคารพ กลับถูกหยุนเจิงห้ามไว้“รีบบอกมา ทางนั้นพวกเจ้าเกิดสิ่งใดขึ้น?”หยุนเจิงถามทั้งสองคนด้วยความสงสัย “พวกเจ้าบุกทะลวงกองทัพศัตรูทางนั้นแล้ว?”“เป็นเช่นนั้นแน่นอน!”ฉินชีหู่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “พวกเราบุกทะลวงทัพศัตรูแล้วรีบตรงมาที่นี่ นึกไม่ถึง ยังถูกพวกท่านชิงตัดหน้าแล้ว...”ภายใต้การซักไซ้ของหยุนเจิง ทั้งสองคนบอกเล่ารายละเอียดการบุกทะลวงทัพศัตรูในตอนแรกสุด พวกเขายังรู้สึกหวาดหวั่นนึกไม่ถึง คนและม้าของพวกเขาเส้นทางนั้น รวมกับกองทัพรับใช้เป่ยหมัวถัวแล้ว มีเพียงสองหมื่นกว่าคนเท่านั้นอักทั้ง นี่ยังนับรวมทหารราบขนส่งคุ้มกันเสบียงห้าพันคนด้วยหากทัพศัตรูบุกมาโดยตรง พวกเขาต้องเสียหายอย่างหนักแน่นอนทว่า กุ่ยฟางและเป่ยหวนต่างคนจะให้อีกฝ่ายมาสิ้นเปลืองกับต้าเฉียน ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทำงานร่วมกันได้แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งก็ตามหลังจากอวี๋ซื่อจงมาถึง มองเห็นปัญหาของกุ่ยฟางและเป่ยหวนด้านหนึ่งอวี๋ซื่อจงรีบติดต่
“ดีไม่ดี พวกเราสามารถจัดการคนและม้าที่เป่ยหวนวางไว้ตำแหน่งทางเดินทะเลทรายตะวันตกได้...”หลังจากชวีจื้อเป่ยหวน ทุกคนก็เริ่มพูดพร่ำเรื่อยเปื่อยทุกคนตื่นเต้นเป็นพิเศษ ราวกับฉีดเลือดไก่หลังจากพวกเขารวมตัวกับกองทหารโลหิต กำลังทหารมีเกือบหนึ่งหมื่นสองพันคนตอนนี้เป่ยหวนอ่อนแออย่างมากหนึ่งหมื่นคนของพวกเขา มีทุนพอที่จะอาละวาดด้านหลังของทัพศัตรูต่อให้ไม่สามารถยึดม้าศึกชั้นยอดมาได้มากนัก ก็ยังสามารถสังหารปศุสัตว์จำนวนมากของทัพศัตรูได้เมื่อเป็นเช่นนี้ วิกฤตขาดแคลนอาหารของเป่ยหวนก็จะยิ่งหนักขึ้นเมื่อได้ฟังเสียงของทุกคนพูดพร่ำ หยุนเจิงอดมได้ที่จะแอบพยักหน้าอื้ม ไม่เลว!ล้วนแต่คิดจะขยายผลการรบต่อไปในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ขยายผลการรบออกไปแล้วกัน!“พวกเราจำเป็นต้องหาชนเผ่าของพวกเขาให้พบ!”หยุนเจิงใบหน้าเผยรอยยิ้มร้าย “พวกเราเคลื่อนตัวจากราชสำนักบุกไปจากทางด้านตกวันออกของชิ่นหลินก็พอแล้ว! หากพบชนเผ่าของเป่ยหวนได้จะดีที่สุด หากไม่พบ สามารถเดินไปรอบๆ ของทุ่งหญ้าชิ่นหลินได้ เป็นการให้อาหารม้า...”เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะพวกเขาเดินไปรอบๆ เช่นนี้ มี
หลังพักครึ่งวัน หยุนเจิงเริ่มนำทัพเคลื่อนทัพเลาะไปตามทุ่งหญ้าซิ่นหลินด้านตะวันออกสองวันก่อนหน้า พวกเขาไม่พลแม้แต่เงาของผีสักตัวแต่ว่า หยุนเจิงไม่ย่อท้อเดิมนี่ก็เป็นเรื่องปกติเมื่อรู้ว่าการล่มสลายของราชสำนักเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชนเผ่าของทุ่งหญ้าซิ่นหลินที่อยู่ใกล้กับราชสำนัก ย่อมหนีไปตั้งนานแล้วจนกระทั่งตอนบ่ายของวันที่สาม นับรบภูตสิบแปดที่ออกไปสำรวจเส้นทางก็นำข่าวกลับมาด้านหน้าทางขวาของพวกเขาประมาณยี่สิบลี้ มีชนเผ่าอพพยขนาดใหญ่ดูจากทิศทางที่พวกเขาอพยพ น่าจะไปอพยพไปยังทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงและฉินชีหู่ตื่นเต้นดีใจ“สั่งฉินชีหู่ รีบนำทัพมารวมตัวกับพวกเรา! ทหารกองกำลังข้า ลงจากหลังม้าเก็บรวบรวมหญ้าให้พวกเขา เก็บได้เท่าใดก็เท่านั้น!”หยุนเจิงออกคำสั่งอย่างรวดเร็วไม่นาน ฉินชีหู่นำกองทัพด้านหลังเดินทางมาถึงหลังพักผ่อนเล็กน้อย พวกเขารวมทหารไว้ด้วยกัน เปิดฉากบุกไปทางชนเผ่าแห่งนั้นโดยเร็วไม่นาน พวกเขาก็เห็นชนเผ่าแห่งนั้นไม่ได้พูดสิ่งใดมากมาย หลังหยุนเจิงให้สัญญาณมือบุกโจมตี กองทัพใหญ่มุ่งหน้าเข้าหาชนเผ่าเป่ยหวนอย่างรวดเร็วการสู้ครั้
แต่ว่า เพราะเป่ยหวนต้องหารเสบียงกองทัพและม้าศึกจำนวนมาก เจียเหยาจึงตัดแบ่งชนเผ่าของตัวเองนางยึดเอาปศุสัตว์จำนวนมากจากชนเผ่าของนาง เหลือไว้เพียงสัตว์จำพวกแพะบางส่วนจากนั้น นางก็กระจายชนเผ่าของนางไปยังชนเผ่าอื่น ไม่ขอร้องให้ชนเผ่าอื่นปฏิบัติดีต่อคนเหล่านี้ ขอแค่ให้คนของชนเผ่านางมีกิน อย่าปล่อยให้พวกเขาอดตายก็พอแล้วก่อนที่จะแยกย้ายคนเหล่านี้ เจียเหยารับปากกับพวกเขา สักวันจะชดใช้ให้พวกเขาเป็นสองเท่าผู้เฒ่ากล่าวจบ ก็กล่าวอย่างตะกุกตะกัก “องค์หญิงเจียเหยาบอกว่า จิ้งเป่ยอ่องของต้าเฉียนเป็น...คนดี ไม่มีทางฆ่าผู้บริสุทธิ์ ขอร้อง...ท่านอ๋องปล่อยพวกเรา...”คนดี?หยุนเจิงแทบจะหลุดหัวเราะเพราะประโยคของผู้เฒ่าแล้วเจียเหยากำลังแจกไพ่คนดีกับเขาไปทั่วโลกหรือ?เขาเป็นคนดีเสียที่ไหน!คิดว่า ภายในใจคนเป่ยหวน เขาก็คือปีศาจกระมัง?“วางใจ ข้าเคารพกฎของทุ่งหญ้าเสมอมา!”หยุนเจิงกลั้นรอยยิ้ม มองผู้เฒ่าอย่างไม่แยแส จากนั้นก็สั่งอวี๋ซื่อจง “ทิ้งม้าของพวกเขาไว้ ปศุสัตว์ที่เหลือ ฆ่าให้หมด! ให้พวกเขาได้กินอิ่มสักมื้อ!”“ใต้เท้า ไม่เอา!”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ผู้เฒ่าร้องไห้คร่ำครวญหลั่งน้ำตา “พวก
เจียเหยาพาคนล่าถอยไม่หยุดพบกับชนเผ่าบางส่วนระหว่างทาง ก็ส่งคนไปช่วยชนเผ่าเหล่านี้อพยพระหว่างล่าถอย เจียเหยาได้ข่าวที่สายลับนำกลับมาทหารต้าเฉียนรับช่วงต่อคนชราอ่อนแอเหล่านั้น แล้วก็ไม่ได้ทำให้คนชราเหล่านั้นลำบากหลังจากได้รับข่าวนี้ เจียเหยาถอนหายใจยาว หินก้อนใหญ่ภายในใจก็วางลงสักทีสำหรับนางแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้ยากลำบากมากแต่ด้วยความโชคดี การตัดสินใจนี้ถูกต้องแล้ว แม้เจียเหยาเกลียดหยุนเจิงจนอยากสับร่างเป็นหมื่นชิ้น แต่กล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว นางควรขอบคุณหยุนเจิงด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขากับต้าเฉียน ต่อให้หยุนเจิงไม่สนใจคนชราเหล่านั้น นางก็ไม่มีสิ่งใดให้กล่าวหากแม่ทัพหลักของทัพศัตรูเปลี่ยนเป็นคนอื่น เป็นไปได้มากว่าจะไม่ใช่ผลลัพธ์เช่นนี้แน่นอน ขอบคุณก็ส่วนขอบคุณ ถ้าพบกันในสนามรบ นางยังคงทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารหยุนเจิงเพียงแต่ ตอนนี้นางไม่มีความมั่นใจแล้วมั้งเป่ยหวนล้วนไม่มีความมั่นใจในการเอาชนะหยุนเจิงแล้วเป่ยหวนต้องการเวลาเพื่อเลียบาดแผล แล้วก็ต้องการเวลากลับมาลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้งภายในสิบถึงยี่สิบปี พวกเขาไม่คิดจะไปหาต้าเฉียนเพื่อแก้แค้นนอกจาก ต้าเฉียนเกิดส
คนผู้นี้กล่าวไปร้องไห้ไปผู้ชายตัวโต ร้องไห้ราวกับเด็กคนผู้นี้กล่าวอย่างติดๆ ขัดๆ อยู่นาน จึงเล่าเรื่องทีหยุนเจิงดักซุ่มโจมตีโจมตีพวกเขาจบเจียเหยาถอนหายใจยังดี หยุนเจิงไม่ได้สังหารหมู่ชายหนุ่มของชนเผ่าแห่งนั้น“รอก่อน...”ท่ามกลางความโชคดี เจียเหยาพลันร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าบอกว่า หยุนเจิงปล่อยพวกเจ้าทั้งหมด?”หยุนเจิงมีเมตตาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?ในนี้ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากล!“ขอรับ”คนผู้นั้นร้องไห้ “แต่วัวแพะของพวกเราถูกฆ่าทิ้งเกลี้ยงแล้ว...”“หยุนเจิงได้บอกสิ่งใดกับพวกเจ้าหรือไม่?”เจียเหยาไม่มีจิตใจสนใจวัวแพะเหล่านั้น รีบไถ่ถามคนผู้นั้นร้องไห้กล่าว “เขาบอกว่า หากพวกเราพบเขาอีกครั้ง เขาจะสังหารพวกเราทั้งหมด! หัวหน้าเผ่าเกรงว่าชนเผ่าอื่นจะถูกโจมตี จึงสังคนไปส่งข่าวให้ทุกชนเผ่า บอกว่าห้ามพวกเขาอพยมมาทางนี้เด็ดขาด...”เมื่อได้ยินคำกล่าวของคนผู้นี้ เจียเหยาใจกระตุกโดยพลันนางรู้เป้าหมายของหยุนเจิงแล้ว!หยุนเจิงจงใจ!เขาต้องการให้ชนเผ่าโดยรอบทุ่งหญ้าซิ่นหลินเดินทางไปยังฉวนหรงและแมนจูตอนเหนือทางนั้น!เขาต้องหารให้กุ่ยฟางไปปล้นชนเผ่าของพวกเขา ทำลายพันธมิตรร
ถัดไปสองวัน พวกหยุนเจิงโจมตีชนเผ่าหนึ่งอีกครั้งแต่ว่า ชนเผ่าแห่งนี้ได้ข่าวการบุกรุกของพวกเขาแล้ว ทั้งหมดหนีไปแล้วกระโจมของชนเผ่าแห่งนั้นยังอยู่ แต่คนและปศุสัตว์ล้วนหนีไปหมดเกลี้ยงแล้วมองดูร่องรอย น่าจะหนีไปทางตะวันตกแล้วพวกหยุนเจิงบุกมา นางจากกระโจมมากมายและอาหารประเภทเนื้อแห้ง ก็ไม่ได้รับสิ่งอื่นใดแต่ว่า นี่สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสิ่งที่เขาต้องการก็คือผลลัพธ์นี้!หากเป่ยหวนยอมจำนนแล้ว สิ่งที่พวกเขาไม่ได้รับบนสนามรบ ล้วนได้มาด้วยการเจรจา!ตอนนี้ ยังไม่ต้องรีบ!ตอนที่หยุนเจิงเตรียมจะเรียกคนให้เผากระโจมเหล่านี้ หน่วยสอดแนมคนหนึ่งควบม้ามารายงาน “รายงานองค์ชาย มีทหารม้ากองหนึ่งกำลังมุ่งหน้าประชิดเข้ามาจากสถานที่ไกล! คำนวณดูคร่าวๆ น่าจะไม่ถึงห้าร้อยคน...”ไม่ถึงห้าร้อยคน?หยุนเจิงรู้สึกผิดปกติเล็กน้อยน่าจะไม่ใช่คนของพวกเขากระมัง?แม้เป่ยหวนพ่ายแพ้แล้ว แต่ถึงเช่นไรนี่ก็เป็นถิ่นฐานของเป่ยหวนต่อให้พวกเขาบังอาจเพียงใดก็ไม่ถึงขั้นหูหนวกตาบอดพาคนมาห้าร้อยคนหรอก!น่าจะเป็นชาวเป่ยหวนกระมัง?แต่ว่า เป่ยหวนคนเล็กน้อยเพียงเท่านี้มาเพื่อสิ่งใด?หรือว่า มาน้อมส่งพ
"ไม่ต้องเก็บแล้ว!" จักรพรรดิเหวินตวาดเสียงดัง "รีบไปแจ้งเจ้าหกตามคำสั่งข้าว่า ข้าจะไปตกปลาที่ทะเลสาบชิงซาน ให้เขามาคอยปรนนิบัติข้างกาย!"มู่ซุ่นสะดุ้งตัว รีบกล่าวด้วยความหวาดกลัว "ฝ่าบาท โปรดระงับโทสะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้ ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกริ้วจนเสียสุขภาพเลยพ่ะย่ะค่ะ...""รีบไปถ่ายทอดคำสั่งของข้าเดี๋ยวนี้!"จักรพรรดิเหวินขัดคำพูดของมู่ซุ่นอย่างหยาบกระด้างมู่ซุ่นไม่กล้าพูดอะไรต่อ รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วหลังจากประตูปิดลง จักรพรรดิเหวินก็เริ่มขว้างปาข้าวของในห้องอีกครั้งเมื่อมองดูความยุ่งเหยิงเต็มพื้น สีหน้าของจักรพรรดิเหวินเริ่มแสดงความรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อยการระบายโทสะครั้งนี้ ข้าทำลายของมีค่ามากมายเลยทีเดียวแต่เมื่อสายตาของเขาหันไปมองราชบัลลังก์ของโฉวฉือที่ตั้งอยู่ในห้อง ความเสียดายก็คลายลงไปอืม ของสิ่งนี้นับว่าเป็นของดีจริงๆหากนำไปขาย คงได้ราคาไม่ต่ำกว่าสองสามล้านตำลึงเงินแน่แต่ปัญหาคือ ของสิ่งนี้ขายยาก!ในราชสำนักต้าเฉียน ไม่มีใครมีปัญญาซื้อหรือถึงจะมีก็แทบไม่มีคนที่กล้าซื้ออยู่ดีช่างเถิด บัลลังก์นี้อย่าขายเลยไว้เมื่อใดที่ข้าล่วงลับ ก็จะนำมันไปเป็น
คืนนั้น หยุนเจิงพักอยู่ในจวนอ๋องแห่งใหม่ของเขาการป้องกันภายในจวนแน่นหนาเป็นพิเศษ หากจะใช้คำว่า สามก้าวหนึ่งด่าน ห้าก้าวหนึ่งยาม ก็คงไม่เกินจริงรอบจวนอ๋องเอง ก็มีทหารองครักษ์ของหยุนเจิงลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องด้วยการป้องกันเช่นนี้ การลอบสังหารหยุนเจิงแทบจะเป็นไปไม่ได้แม้ใครจะส่งกองทัพใหญ่เข้ามาโจมตีจวนอ๋องโดยตรง ก็ไร้ความหมายทหารองครักษ์ของหยุนเจิงเพียงพอที่จะต้านทานได้ระยะหนึ่ง และเมื่อยื้อเวลาไว้ได้ไม่นาน กองทหารโลหิตก็จะเข้ามาเสริมกำลังเช้าวันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงกำลังรับประทานอาหาร เสิ่นควานก็รีบร้อนพาภูตห้ามาพบเมื่อหยุนเจิงไล่คนรอบข้างออกไปแล้ว ภูตห้าก็รายงานทันที “กราบทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมได้จับตัวเฉียวเหยียนเซียน ผู้บัญชาการทหารฝ่ายซ้ายของจวนองค์รัชทายาท พร้อมพรรคพวกของเขาได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเขากำลังจะไปยังหุบเขาที่จ้าวจี๋ประจำการอยู่ แต่กระหม่อมพบว่าเฉียวเหยียนเซียนปิดปากแน่น กระหม่อมลองทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่สามารถให้เขาเปิดปากได้...”ผู้ที่ไปพร้อมกับเฉียวเหยียนเซียนยังมีทหารอีกจำนวนหนึ่งแต่ทหารเหล่านั้นรู้เพียงว่าพวกเขาจะไปยังที่ตั้งของจ้าวจี๋ในหุบเขาส่วนจุดประสงค์
“ลุกขึ้นเถิด”หยุนเจิงสะบัดแขนเสื้อเบาๆ “ใต้เท้าเซี่ยมีธุระอันใดหรือ?”“กระหม่อมมาพบองค์หญิงเจียเหยาพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยหล่างโค้งตัวกล่าว “กระหม่อมได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาท ให้มาแจ้งองค์หญิงตามราชประเพณี โปรดให้องค์หญิงย้ายไปยังจวนชั่วคราวที่เตรียมไว้ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้องค์หญิงนำองครักษ์ใกล้ชิดจำนวนสามร้อยนายไปด้วย กระหม่อมได้จัดเตรียมข้าทาสบริวารไว้พร้อมแล้ว สำหรับคนอื่นๆ ในคณะส่งตัวเจ้าสาว จะจัดให้อยู่ในค่ายป้องกันเมืองชั่วคราว...”“ได้ทั้งนั้น”เจียเหยาตอบเรียบๆพวกนั้นมิใช่คนของนาง จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่พวกเขา“ถ้าเช่นนั้น เจ้าพาองค์หญิงเจียเหยาไปยังจวนชั่วคราวก่อนเถิด!”หยุนเจิงรู้สึกไม่พอใจกับพิธีการซับซ้อนเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไม่นาน เจียเหยาก็พาองครักษ์ของนางติดตามเซี่ยหล่างไปเนื่องจากองครักษ์ของเจียเหยามีไม่ถึงร้อยคน ฟู่เทียนเหยียนจึงส่งคนเพิ่มให้อีกสองร้อยคนร่วมเดินทางด้วยส่วนสินเดิมทั้งหมด ก็จะถูกส่งไปยังจวนชั่วคราวพร้อมกันในวันแต่งงาน สินเดิมเหล่านี้จะถูกขนย้ายไปยังจวนจิ้งเป่ยอ๋องหลังจากเจียเหยาออกไปได้ไม่นาน หลูซิ่งก็มาหาที่จวนหยุนเจิงเชิญหลูซิ่งนั่ง
“เสด็จพ่อของเจ้า ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเจ้าสักเท่าไรหรอกนัก?”ขณะที่เดินทางไปยังจวนเพื่อแนะนำทาง เจียเหยายิ้มพลางเอ่ยถามหยุนเจิง“นี่ไม่ใช่คำถามไร้สาระหรอกหรือ?”หยุนเจิงเหลือบมองเจียเหยาด้วยสายตาเฉียง ก่อนตอบว่า “หากเจ้าเป็นเขา เจ้าจะชอบลูกที่เกิดจากนางกำนัลคนหนึ่งหรือไม่? แถมลูกคนนี้ยังแย่งชิงอำนาจการทหารของกองทัพมณฑลทางเหนือ ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของราชสำนัก และราชสำนักก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้”“แล้วมันสำคัญอะไร?”เจียเหยาแสดงท่าทีไม่ใส่ใจ “หากข้าเป็นเขา แล้วมีลูกชายที่เก่งกาจในการรบเช่นนี้ ข้าคงดีใจจนแทบบ้า”“นั่นก็เพราะเจ้ามิได้นั่งอยู่ในตำแหน่งของเขา” หยุนเจิงส่ายหัวเบาๆ “หากเจ้านั่งอยู่ในตำแหน่งของเขา สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาย่อมมากกว่านี้อีก! แม่ทัพผู้เก่งกาจมีมากมาย แต่มีจักรพรรดิคนใดเล่าที่เก่งกาจในการรบด้วยตัวเอง?”อย่างนั้นหรือ?เจียเหยาหันศีรษะครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสงบนิ่งสิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผลไม่ว่าจะเป็นต้าเฉียนหรือเป่ยหวน ผู้ที่เก่งกาจในการรบ มักตกเป็นเป้าหมายของความหวาดระแวงช่วยไม่ได้ นี่คือธรรมชาติของมนุษย์“จริงๆ แล้ว ด้วยอำนาจของเจ้าในตอนนี้ เจ
“พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รับคำสั่งด้วยความนอบน้อม แต่ในใจกลับเย็นเยียบหากไม่ใช่เพราะเสด็จพ่อเตือน เขาคงไม่คิดสงสัยว่าจะมีใครลอบส่งข่าวให้เจ้าหกตอนนี้ เจ้าหกมีกำลังทหารที่แข็งแกร่ง หากมีคนหวาดกลัวเขาแล้วเลือกที่จะลอบสมคบ คงเป็นไปได้ยิ่งนัก!หวังว่าจะไม่ใช่คนของฝั่งตนเอง!ไม่เช่นนั้น ตนจะทำให้พวกมันอยู่ไม่สู้ตาย!หยุนลี่คิดอย่างเคียดแค้น"เฮ้อ..."ขณะที่หยุนลี่กำลังคิดอย่างโกรธแค้น จักรพรรดิเหวินก็ถอนหายใจยาว“เสด็จพ่อ เหตุใดจึงถอนหายใจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หยุนลี่ถามด้วยความกังวล“เจ้าสาม เจ้าต้องทำให้ข้าภูมิใจ!”จักรพรรดิเหวินจ้องหยุนลี่นิ่งๆ ก่อนจะกล่าวต่อ“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ก่อนข้าออกจากเมืองหลวง มีคนลอบกราบทูลข้าว่า หากต้องการแก้ปัญหาระหว่างราชสำนักกับเจ้าหก วิธีที่ดีที่สุดก็คือแต่งตั้งเจ้าหกเป็นองค์รัชทายาท...”อะไรนะ?เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ก็เกิดจิตสังหารขึ้นในใจคนสารเลวคนไหนที่บังอาจลอบกราบทูลเรื่องนี้?แต่งตั้งหยุนเจิงเป็นองค์รัชทายาท เช่นนั้นตนยังจะมีทางรอดหรือ?คนสารเลวคนนี้ คิดจะเอาชีวิตตนแน่!ต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้ว่าใครเป็นผู้ก่อคลื่นลม หาก
เมื่อเผชิญกับคำถามที่เปี่ยมด้วยความโกรธของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ในใจก็ได้แต่ร้องบอกว่าไม่ยุติธรรมเขาย่อมอยากจับตัวเจ้าหก คนชั่วนี้ไว้จริงๆ!แต่คนชั่วนี้กลับนำทหารม้าชุดเกราะหนักมาด้วย!เขาอยากจับตัวหยุนเจิง แต่ก็ต้องมีโอกาสสิ!หากจัดการเรื่องนี้ไม่ดี อาจถึงคราวชีวิตองค์รัชทายาทอย่างเขาต้องจบสิ้น!หยุนเจิงคงไม่กล้าฆ่าเสด็จพ่อ แต่เขาจะไม่กล้าฆ่าตนด้วยหรือ?คนชั่วนั้น ตอนเข้าเฝ้าเสด็จพ่อในโถงใหญ่ บรรดาทหารองครักษ์ของเขาก็อยู่รอที่ด้านนอกโถงเห็นได้ชัดว่า คนชั่วนี้ระวังตัวทุกขณะ แม้แต่กับพวกเราหากลงมือพลาดไป เรื่องนี้ก็ไม่มีทางแก้ไขได้อีกแล้ว!“ทหารม้าชุดเกราะหนัก?”สีหน้าของจักรพรรดิเหวินพลันมืดลงทันที เขาคว้าถ้วยชาขึ้นแล้วปามันลงพื้น แตกกระจายเต็มไปหมด พลางตะโกนด้วยเสียงต่ำและโกรธเกรี้ยว “ลูกอกตัญญูคนนี้ยังกล้าซ่อนกองทหารม้าชุดเกราะหนักอีกหรือ? นำทหารม้าชุดเกราะหนักมาที่หัวเมืองสี่ทิศ เขาคิดจะทำอะไร?”หยุนลี่ตอบด้วยใบหน้าขมขื่นว่า“เจ้าหกกล่าวว่า นี่เพื่อข่มขวัญคณะส่งตัวเจ้าสาวจากเป่ยหวน และป้องกันไม่ให้พวกเขาฉวยโอกาสทำร้ายเสด็จพ่อและลูกพ่ะย่ะค่ะ”“ไร้สาระ!” จักรพรรดิเหวินตว
จักรพรรดิเหวินแม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ท่าทีของเขากลับเรียบนิ่ง ดูเหมือนไม่ได้มีความสนใจเลยแม้แต่น้อยหยุนลี่จับสังเกตท่าทีทั้งหมดของจักรพรรดิเหวินไว้ในใจ พลางลอบยินดีหยุนเจิงรับคำสั่งทันที แล้วบอกให้เสิ่นควานจัดการให้คนยกสิ่งของขึ้นมาไม่นานนัก ทหารองครักษ์แปดนายก็แบกบัลลังก์ของราชาโฉวฉือเดินเข้ามาอย่างช้าๆ“นี่คือ…อะไรหรือ?”จักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง“นี่คือบัลลังก์ของราชาโฉวฉือ!”หยุนเจิงยิ้มพลางกล่าว “หลังจากโฉวฉือยอมจำนน กระหม่อมได้สั่งให้คนยกบัลลังก์นี้กลับมายังซั่วเป่ยโดยเฉพาะ เพื่อถวายแด่เสด็จพ่อ!”“โอ้?”จักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะสนใจขึ้นจริงๆ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืน รอจนทหารองครักษ์ของหยุนเจิงวางบัลลังก์ของราชาโฉวฉือลงแล้ว จักรพรรดิเหวินก็รีบขึ้นไปนั่งทดลองทันที ก่อนจะหัวเราะพลางกล่าวว่า “เห็นแก่ความจงรักภักดีของเจ้า ของขวัญชิ้นนี้ ข้ารับไว้แล้ว! องค์รัชทายาท เจ้าก็มาลองนั่งดูบ้าง!”พูดจบ จักรพรรดิเหวินก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์“เสด็จพ่อ ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่โบกมือปฏิเสธรัวๆ “นี่คือของขวัญที่น้องหกถวายแด่เสด็จพ่อ ของสิ่งนี้เป็นถึงบัลลังก์ ลูกไม่อาจ…”
หลังจากสร้างความอึดอัดใจให้หยุนลี่จนเต็มท้อง ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ตัวเมืองการมาถึงของหยุนเจิงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวบ้านในหัวเมืองสี่ทิศแทบทุกคนในหัวเมืองสี่ทิศต่างออกมายืนเรียงรายริมถนนเพื่อต้อนรับ และหวังจะได้เห็นโฉมหน้าของจิ้งเป่ยอ๋องผู้เลื่องชื่อเจียเหยาค่อยๆ เลิกม่านรถม้าขึ้นเล็กน้อย มองดูบรรยากาศด้านนอกอย่างเงียบๆนางไม่รู้ว่าหัวเมืองสี่ทิศนับว่ารุ่งเรืองหรือไม่แต่สิ่งที่นางเห็นคือ รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขบนใบหน้าของชาวบ้านเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความภาคภูมิใจแฝงอยู่เล็กน้อยบางที พวกเขาอาจภูมิใจที่ต้าเฉียนมีท่านอ๋องผู้เก่งกาจในการรบเช่นนี้กระมัง?ใช่แล้ว!ผู้ที่ขยายอาณาเขต กำราบศัตรู และพิชิตแคว้นในศึกเดียว!เขาคือผู้ที่นำทัพสร้างครึ่งหนึ่งของดินแดนต้าเฉียนด้วยความกล้าหาญและความสามารถ!หากเป่ยหวนมีองค์ชายที่เก่งกาจเช่นนี้ ชาวเป่ยหวนก็คงจะรู้สึกภูมิใจเช่นกันกระมัง?เฮ้อ!นางจากเป่ยหวนมานานถึงเพียงนี้ ไม่รู้เลยว่ากุ่ยฟางได้ส่งมอบเสบียงและปศุสัตว์ให้แก่ทัวฮวนแล้วหรือยังตอนนี้คือช่วงเวลาที่เป่ยหวนหนาวเย็นที่สุด หากมีทรัพยากรเหล่านั้น ชาวเป่ยหวนคงจะผ่
หยุนเจิงมองหยุนลี่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ทั้งโลกก็รู้ว่าจางซูเป็นคนของข้า ตอนนี้เจ้าเอาจางซูไปกักขังไว้ในเมืองหลวง เจ้าคิดว่าข้าจะยอมรับได้หรือ?""เจ้าพูดแบบนั้นไม่ถูกแล้ว"เมื่อพูดถึงจางซู หยุนลี่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย พร้อมกับยิ้มอย่างมีเล่ห์ "จางซูเองอยากอยู่ในเมืองหลวง แต่อยู่ดีๆ เจ้าจะมาหาว่าข้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? เจ้าดูสิ เจ้าคิดว่าเอาจางซูมาเป็นพี่น้องกับเจ้าขนาดนี้ แต่วันแต่งงานกับเจียเหยา จางซูกลับไม่ถามอะไรเลย?"การขัดขวางหยุนเจิง ทำให้หยุนลี่รู้สึกสะใจ หมาน้อย เจ้าได้ใจมากไม่ใช่หรือฦเจ้าก็มีวันนี้?“ดีที่สุดก็ให้มันเป็นเช่นนั้น!"หยุนเจิงหน้าเครียดขึ้น เตือนเสียงต่ำ "ถ้าจางซูเลือกที่จะอยู่ในเมืองหลวง ข้าก็ไม่พูดอะไร แต่ถ้าข้าหาเจอว่าจางซูถูกเจ้ากักขังในเมืองหลวง ไม่ว่าเสด็จพ่อจะออกมาช่วยอย่างไรก็ไม่ช่วย!""เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบดูซะ!" หยุนลี่ไม่สะทกสะท้าน ยิ้มเยาะเย้ยอยู่บนใบหน้า"ข้าจะไปตรวจสอบให้ได้!"หยุนเจิงแค่นเสียงเหอะเบาๆ "อ้อ มีเรื่องที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยด้วย"“เจ้าจิ้งเป่ยอ๋องยังมีเรื่องมาขอข้า?”หยุนลี่ทำท่าทางตกใจ "บอกมาเถอะ มีอะไร?"ช่วยเขา? แน