คนผู้นี้กล่าวไปร้องไห้ไปผู้ชายตัวโต ร้องไห้ราวกับเด็กคนผู้นี้กล่าวอย่างติดๆ ขัดๆ อยู่นาน จึงเล่าเรื่องทีหยุนเจิงดักซุ่มโจมตีโจมตีพวกเขาจบเจียเหยาถอนหายใจยังดี หยุนเจิงไม่ได้สังหารหมู่ชายหนุ่มของชนเผ่าแห่งนั้น“รอก่อน...”ท่ามกลางความโชคดี เจียเหยาพลันร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าบอกว่า หยุนเจิงปล่อยพวกเจ้าทั้งหมด?”หยุนเจิงมีเมตตาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?ในนี้ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากล!“ขอรับ”คนผู้นั้นร้องไห้ “แต่วัวแพะของพวกเราถูกฆ่าทิ้งเกลี้ยงแล้ว...”“หยุนเจิงได้บอกสิ่งใดกับพวกเจ้าหรือไม่?”เจียเหยาไม่มีจิตใจสนใจวัวแพะเหล่านั้น รีบไถ่ถามคนผู้นั้นร้องไห้กล่าว “เขาบอกว่า หากพวกเราพบเขาอีกครั้ง เขาจะสังหารพวกเราทั้งหมด! หัวหน้าเผ่าเกรงว่าชนเผ่าอื่นจะถูกโจมตี จึงสังคนไปส่งข่าวให้ทุกชนเผ่า บอกว่าห้ามพวกเขาอพยมมาทางนี้เด็ดขาด...”เมื่อได้ยินคำกล่าวของคนผู้นี้ เจียเหยาใจกระตุกโดยพลันนางรู้เป้าหมายของหยุนเจิงแล้ว!หยุนเจิงจงใจ!เขาต้องการให้ชนเผ่าโดยรอบทุ่งหญ้าซิ่นหลินเดินทางไปยังฉวนหรงและแมนจูตอนเหนือทางนั้น!เขาต้องหารให้กุ่ยฟางไปปล้นชนเผ่าของพวกเขา ทำลายพันธมิตรร
ถัดไปสองวัน พวกหยุนเจิงโจมตีชนเผ่าหนึ่งอีกครั้งแต่ว่า ชนเผ่าแห่งนี้ได้ข่าวการบุกรุกของพวกเขาแล้ว ทั้งหมดหนีไปแล้วกระโจมของชนเผ่าแห่งนั้นยังอยู่ แต่คนและปศุสัตว์ล้วนหนีไปหมดเกลี้ยงแล้วมองดูร่องรอย น่าจะหนีไปทางตะวันตกแล้วพวกหยุนเจิงบุกมา นางจากกระโจมมากมายและอาหารประเภทเนื้อแห้ง ก็ไม่ได้รับสิ่งอื่นใดแต่ว่า นี่สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสิ่งที่เขาต้องการก็คือผลลัพธ์นี้!หากเป่ยหวนยอมจำนนแล้ว สิ่งที่พวกเขาไม่ได้รับบนสนามรบ ล้วนได้มาด้วยการเจรจา!ตอนนี้ ยังไม่ต้องรีบ!ตอนที่หยุนเจิงเตรียมจะเรียกคนให้เผากระโจมเหล่านี้ หน่วยสอดแนมคนหนึ่งควบม้ามารายงาน “รายงานองค์ชาย มีทหารม้ากองหนึ่งกำลังมุ่งหน้าประชิดเข้ามาจากสถานที่ไกล! คำนวณดูคร่าวๆ น่าจะไม่ถึงห้าร้อยคน...”ไม่ถึงห้าร้อยคน?หยุนเจิงรู้สึกผิดปกติเล็กน้อยน่าจะไม่ใช่คนของพวกเขากระมัง?แม้เป่ยหวนพ่ายแพ้แล้ว แต่ถึงเช่นไรนี่ก็เป็นถิ่นฐานของเป่ยหวนต่อให้พวกเขาบังอาจเพียงใดก็ไม่ถึงขั้นหูหนวกตาบอดพาคนมาห้าร้อยคนหรอก!น่าจะเป็นชาวเป่ยหวนกระมัง?แต่ว่า เป่ยหวนคนเล็กน้อยเพียงเท่านี้มาเพื่อสิ่งใด?หรือว่า มาน้อมส่งพ
หยุนเจิงขมวดคิ้วมองเจียเหยา “เจ้าวิ่งมาหาข้าเช่นนี้ คงไม่ใช่เพราะเรื่องนี้กระมัง?”“ไม่ใช่อยู่แล้ว!”เจียเหยาสูดหายใจลึก พยายามทำให้ตัวเองสงบลง จากนั้นก็ค่อยๆ คุกเข่าลงกับพื้น “ข้าในนางองค์หญิงเจี้ยนกั๋ว ขอยอมจำนนต่อต้าเฉียนอย่างเป็นทางการ นี่คือตราสารยอมจำนนของเป่ยหวน ขอท่านอ๋อง...โปรดอ่าน!”เจียเหยากล่าวจบ ก็ค่อยๆ นำม้วนหนังสือออกมาจากหน้าอก สองมือชูม้วนหนังสือขึ้นสูงเดิมทีนี่ก็เป็นความอัปยศครั้งยิ่งใหญ่ทว่านางก็ยังคงเชิดหน้าขึ้น ราวกับว่า นี่เป็นความอัปยศครั้งสุดท้ายของนางหรือบางที นางกลัวว่าตอนที่ก้มหน้า น้ำตาจะหยดไหลลงมาเมื่อได้ฟังคำของเจียเยหา ทหารต้าเฉียนตื่นเต้นอย่างมากยอมจำนน!นี่คือการยอมจำนนที่แท้จริงแล้ว!ไม่เพียงเจรจาสันติ!พวกเขาตีเป่ยหวนจนยอมจำนนแล้ว!การยอมจำนนกะทันหันของเจียเหยา ทำให้หยุนเจิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ตามสถานการณ์ปกติแล้ว ตอนนี้เขาควรลงจากหลังม้าไปนั่งคุยกับเจียเหยาแต่เขาไม่ได้ทำเช่นนี้เจียเหยายอมจำยย เป็นทางเลือกที่ฉลาดมีปัญญาที่สุดเป่ยหวนโดนบีบบังคับจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว หากไม่ยอมจำนน ไม่รู้ต้องมีคนตายมากมายเท่าใดพวกเขาก่อเรื่องเช่
“ลูกไม้?”เจียเหยายิ้มอย่างโศกเศร้า “เดินข้าสามารถหนีไปไกลได้ เดิมก็สามารถรอจนพวกเจ้าล่าถอยค่อยพาคนกลับมาอีกครั้งได้ แต่ตอนนี้ข้าเป็นฝ่ายมาหาเจ้าเพื่อยอมจำนน เจ้ายังบอกว่าข้าเล่นลูกไม้?”หยุนเจิงสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อไม่มีลูกไม้ใด เช่นนั้นก็ยกฉีเหยียนให้ข้าเถอะ!”เจียเหยาจับจ้องหยุนเจิงช่วงพริบตานั้น นางอยากจะโผเข้าไปโดยไม่สนทุกสิ่ง ตายตกไปพร้อมหยุนเจิงแต่สุดท้าย เจียเหยาก็พยามยามควบคุมความคิดนี้เอาไว้ไม่ต้องพูดถึงว่านางจะสามารถตายไปพร้อมกับหยุนเจิงได้หรือไม่ต่อให้นางทำเช่นนั้นได้จริง นางเองก็ไม่กล้าทำเมื่อสูญเสียหยุนเจิงไป ด้วยความโกรธของเหล่าลูกน้องหยุนเจิงจะทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่สนใจผลลัพธ์ เปิดฉากสังหารหมู่นองเลือดกับชนเผ่าทุกแห่งในทุ่งหญ้าต่อให้พวกเขาต้องให้อาหารม้าไปไล่ล่าติดตามไป ก็ไม่มีทางปล่อยทุกชนเผ่าในทุ่งหญ้าอีกทั้ง คนชราเหล่านั้น จะต้องเผชิญกับการสังหารหมู่“ถ้าหากเจ้าต้องการฉีเหยียนให้ได้ เช่นนั้นข้าก็ยกเข้าให้เจ้าแล้วกัน!”หลังพยายามควบคุมความวู่วามภายในใจ ในที่สุดเจียเหยาก็เลือกประณีประนอม “เจ้าจับข้าก่อนได้ ถึงเวลานั้น จะมีคนนำฉีเหยียนมาเปลี่ยนตัวก
เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทุกคนสีหน้าดำอึมครึมอีกครั้งฉินชีหู่มองหยุนเจิงด้วยความสนอกสนใจ ในใจแอบคิดหนังหน้าของหยุนเจิงนี้ฝึกฝนออกมาได้เช่นไร!กล่าวคำนี้ออกมา นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่หน้าแดงสักนิด?หากให้เขาไป เขาคงเกรงใจที่จะพูดออกมาในทางกลับกันหยุนเจิง กลับพูดออกมาได้หน้าตาเฉยเจียเหยาใบหน้ากระตุกเล็กน้อย กัดฟันกล่าว “ข้าคุกเข่าดีแล้ว! ข้าเป็นองค์หญิงเจี้ยนกั๋ว ไม่มีสิทธิ์ยืนเจรจากับเจ้า! เจ้าบอกเงื่อนไขเจ้ามาเถอะ!”“ไม่ยืนจริงหรือ?”หยุนเจิงขมวดคิ้วเขากำลังสงสัยอย่างรุนแรง เจียเหยากำลังทำตัวหน้าสงสารผู้หญิงคนนี้คิดจะให้เขาเกิดความคิดถนอมหยกรักบุปผาขึ้นมาจริงๆเมื่อได้เช่นนี้ ดาบที่เขาลงใส่เป่ยหวนก็จะไม่ค่อยรุนแรงนักแต่น่าเสียดาย เวลานี้ เขาไม่มีทางถนอมหยกรักบุปผาเด็ดขาด“ในเมื่อเจ้ายินดีคุกเข่า เช่นนั้นก็คุกเข่าเถอะ!”หยุนเจิงมองเจียเหยาเงียบๆ ค่อยๆ กล่าวเงื่อนไขของตัวเองออกมานอกจากเงื่อนไขพื้นฐานของการยอมจำนน การจ่ายส่วย และตัวประกันแล้ว หยุนเจิงมุ่งเน้นไปที่ปากท้องเป่ยหวนอพยพคนหนึ่งแสนเข้าสู่ซั่วเป่ยต้าเฉียนรับประกันความมั่นคงในการครองชีพขั้นพื้นฐานให้กับหนึ่ง
เจียเหยาในเวลานี้ หมดสิ้นความหวังแล้วสำหรับนางแล้ว อยู่ต่อไปยิ่งทุกข์ทนนางผิดต่อเสด็จพ่อ ผิดต่อลูกหลานเป่ยหวนมองเจียเหยาน้ำตาไหลนองหน้า ในใจหยุนเจิงสั่นสะท้านบอกตามตรง จับผู้หญิงอย่างเจียเหยามารังแก เขาเองก็รู้สึกละอายใจไม่มากก็น้อยสำหรับเจียเหยา เขาเองก็รู้สึกนับถือหากพวกเขาไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตกัน บางทีเขาอาจเกิดความคิดอยากจะทำเรื่องสายลมดอกไม้ หิมะพระจันทร์กับเจียเหยาแต่น่าเสียดาย ลิขิตแกล้งคนเขาทำเรื่องใดไป ใจเขารู้ดีบุญคุณความแค้นของเขาและเจียเหยา ทั้งชาตินี้ล้วนไม่มีทางแก้ไขเขาฆ่าพ่อและพี่ชายของเจียเหยา สองมือเปื้อนไปด้วยเลือดของคนเป่ยหวนยังหวังอยากให้เจียเหยาละทิ้งความโกรธแค้น เป็นเรื่องที่โง่งมไร้เดียงสาแล้ว“เห้อ...”ฉินชีหู่ถอนหายใจเบาๆ เดินจากไปเงี่ยบๆมารดาเขาสิ!สองคนนี้ทะเลาะกันเรื่องใด?เขาเป็นผู้ชาย เกือบจะร้องไห้เพราะพวกเขาแล้วให้พวกเขาทะเลาะกันไปเถอะ!เขาอย่าไปดูเรื่องครึกครื้นเลยอย่าว่าแต่ไม่ได้ดูเรื่องครึกครื้น กลับต้องดูจนน้ำตาไหลออกมาแทน เช่นนั้นคงต้องเสียหน้าเสียคนแล้วเห็นฉินชีหู่จากไป พวกชวีจื้อ ต่งกังพากันจากไปแม้พวกเขาเป็นศัตร
หยุนเจิงเองก็รู้ ให้ชายแข็งแรงหนึ่งแสนคนของพวกเขาเข้าสู่เป่ยหวนข้อนั้น เป็นเรื่องโหดเหี้ยมทารุณแต่ว่า เมตตาต่อศัตรู เป็นการทำร้ายตัวเองอีกอย่าง เจียเหยาสามารถเจรจาต่อรองได้!เขาเองก็ไม่ได้คิดว่าเจียเหยาสามารถตอบรับได้อย่างสมบูรณ์!ราคาสูงเทียบฟ้า ก็นั่งลงต่อราคาสิ!“หยุนเจิง ข้าเลื่อมใสเจ้ามาก!”เจียเหยาเขวี้ยงตราสารยอมจำนนใส่หยุนเจิงด้วยความโกรธ “นับถือที่เจ้ากล่าวอย่างไร้ยางอายได้สง่าผ่าเผยเช่นนี้!”“เจียเหยา!”เมี่ยวอินคว้าตราสารยอมจำนนที่เขวี้ยงมา คำรามด้วยความโกรธ “ยอมจำนวนก็ต้องมีมาดของการยอมจำนน! อย่ามาอาละวาดที่นี่!”แม้เมี่ยวอินจะเห็นใจเจียเหยา แต่ ก็ไม่ใช่เหตุผลให้เจียเหยาอาละวาดนางมาเพื่อยอมจำนวนหรือมาเพื่อด่ากราดกัน?อย่างที่หยุนเจิงกล่าว ยอมจำนน ก็ต้องมีแสดงทัศนคติยอมจำนนออกมา!“เมี่ยวอินพูดไม่ผิด!”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย มองเจียเหยาด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายอมจำนนด้วยท่าทีเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะปล่อยเจ้ากลับไป เจ้าก็ไปปรับปรุงทหารและม้าของเจ้าต่อ! หลังฤดูฝน ก่อนฤดูเก็บเกี่ยวช่วงใบไม้ร่วง พวกเราค่อยทำสงครามกัน!”ยอมจำนนด้วยอารมณ์ร้ายเช่นนี้?ใครให้ความกล้า
ทำลายไม่ได้?เมี่ยวอินยิ่งสงสัย อยากจะซักไซ้ต่อนางอยากจะรู้จริงๆ แผนการร้ายแรงที่เจียเหยาเตรียมให้เขาคิดสิ่งใดมีแผนการร้ายแรงเช่นนี้ เหตุใดเจียเหยาไม่ใช้เล่า?“”เจ้าคิดจะให้คนชราเหล่านั้นฆ่าตัวตายต่อหน้าขบวนกองทัพสองหมื่นคนใช่หรือไม่?”หยุนเจิงมองเจียเหยานิ่งๆตอนที่เจียเหยาพูดถึงแผนการร้ายแรงนั้น เขาก็คิดได้แล้วเป็นวิธีของโกวเจี้ยนจักรพรรดิเหอลวี่บอกตามตรงก็คือวิธีทางจิตวิทยาชนิดหนึ่งใช้การตายอย่างเด็ดเดี่ยวของคนชราอ่อนแอเหล่านั้น กระตุ้นขวัญกำลังใจของทหารเป่ยหวนขณะเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ทหารม้าต้าเฉียนตกใจ กระทบกระเทือนขวัญทหารของต้าเฉียน“ประมาณนั้นกระมัง!”ใบหน้าเจียเหยาเผยร้อยยิ้มเศร้า “หากข้านำคนชรารวมตัวไว้ด้วยกัน ไม่ให้พวกศึกพวกเขา ไม่ให้ชุดเกราะพวกเขา ถึงขั้น ไม่ให้อาวุธพวก้เขา! ให้พวกเขาไปอยู่ต่อหน้ากองทัพสองหมื่น สู้สุดชีวิตกับทหารม้าพวกเจ้าด้วยมือเปล่า เจ้าทำลายได้หรือ?”เมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา หยุนเจิงยิ้มออกมาอย่างจนใจแผนการนี้ เขาทำลายไม่ได้การสังหารหมู่คนชราอ่อนแอที่ไม่มีทางป้องกัน มีเพียงเดรัจฉานเท่านั้นที่ทำลงไปได้อย่างสบายใจหากพวกเขาสังหารหมู่
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั