“ลูกไม้?”เจียเหยายิ้มอย่างโศกเศร้า “เดินข้าสามารถหนีไปไกลได้ เดิมก็สามารถรอจนพวกเจ้าล่าถอยค่อยพาคนกลับมาอีกครั้งได้ แต่ตอนนี้ข้าเป็นฝ่ายมาหาเจ้าเพื่อยอมจำนน เจ้ายังบอกว่าข้าเล่นลูกไม้?”หยุนเจิงสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อไม่มีลูกไม้ใด เช่นนั้นก็ยกฉีเหยียนให้ข้าเถอะ!”เจียเหยาจับจ้องหยุนเจิงช่วงพริบตานั้น นางอยากจะโผเข้าไปโดยไม่สนทุกสิ่ง ตายตกไปพร้อมหยุนเจิงแต่สุดท้าย เจียเหยาก็พยามยามควบคุมความคิดนี้เอาไว้ไม่ต้องพูดถึงว่านางจะสามารถตายไปพร้อมกับหยุนเจิงได้หรือไม่ต่อให้นางทำเช่นนั้นได้จริง นางเองก็ไม่กล้าทำเมื่อสูญเสียหยุนเจิงไป ด้วยความโกรธของเหล่าลูกน้องหยุนเจิงจะทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่สนใจผลลัพธ์ เปิดฉากสังหารหมู่นองเลือดกับชนเผ่าทุกแห่งในทุ่งหญ้าต่อให้พวกเขาต้องให้อาหารม้าไปไล่ล่าติดตามไป ก็ไม่มีทางปล่อยทุกชนเผ่าในทุ่งหญ้าอีกทั้ง คนชราเหล่านั้น จะต้องเผชิญกับการสังหารหมู่“ถ้าหากเจ้าต้องการฉีเหยียนให้ได้ เช่นนั้นข้าก็ยกเข้าให้เจ้าแล้วกัน!”หลังพยายามควบคุมความวู่วามภายในใจ ในที่สุดเจียเหยาก็เลือกประณีประนอม “เจ้าจับข้าก่อนได้ ถึงเวลานั้น จะมีคนนำฉีเหยียนมาเปลี่ยนตัวก
เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทุกคนสีหน้าดำอึมครึมอีกครั้งฉินชีหู่มองหยุนเจิงด้วยความสนอกสนใจ ในใจแอบคิดหนังหน้าของหยุนเจิงนี้ฝึกฝนออกมาได้เช่นไร!กล่าวคำนี้ออกมา นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่หน้าแดงสักนิด?หากให้เขาไป เขาคงเกรงใจที่จะพูดออกมาในทางกลับกันหยุนเจิง กลับพูดออกมาได้หน้าตาเฉยเจียเหยาใบหน้ากระตุกเล็กน้อย กัดฟันกล่าว “ข้าคุกเข่าดีแล้ว! ข้าเป็นองค์หญิงเจี้ยนกั๋ว ไม่มีสิทธิ์ยืนเจรจากับเจ้า! เจ้าบอกเงื่อนไขเจ้ามาเถอะ!”“ไม่ยืนจริงหรือ?”หยุนเจิงขมวดคิ้วเขากำลังสงสัยอย่างรุนแรง เจียเหยากำลังทำตัวหน้าสงสารผู้หญิงคนนี้คิดจะให้เขาเกิดความคิดถนอมหยกรักบุปผาขึ้นมาจริงๆเมื่อได้เช่นนี้ ดาบที่เขาลงใส่เป่ยหวนก็จะไม่ค่อยรุนแรงนักแต่น่าเสียดาย เวลานี้ เขาไม่มีทางถนอมหยกรักบุปผาเด็ดขาด“ในเมื่อเจ้ายินดีคุกเข่า เช่นนั้นก็คุกเข่าเถอะ!”หยุนเจิงมองเจียเหยาเงียบๆ ค่อยๆ กล่าวเงื่อนไขของตัวเองออกมานอกจากเงื่อนไขพื้นฐานของการยอมจำนน การจ่ายส่วย และตัวประกันแล้ว หยุนเจิงมุ่งเน้นไปที่ปากท้องเป่ยหวนอพยพคนหนึ่งแสนเข้าสู่ซั่วเป่ยต้าเฉียนรับประกันความมั่นคงในการครองชีพขั้นพื้นฐานให้กับหนึ่ง
เจียเหยาในเวลานี้ หมดสิ้นความหวังแล้วสำหรับนางแล้ว อยู่ต่อไปยิ่งทุกข์ทนนางผิดต่อเสด็จพ่อ ผิดต่อลูกหลานเป่ยหวนมองเจียเหยาน้ำตาไหลนองหน้า ในใจหยุนเจิงสั่นสะท้านบอกตามตรง จับผู้หญิงอย่างเจียเหยามารังแก เขาเองก็รู้สึกละอายใจไม่มากก็น้อยสำหรับเจียเหยา เขาเองก็รู้สึกนับถือหากพวกเขาไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตกัน บางทีเขาอาจเกิดความคิดอยากจะทำเรื่องสายลมดอกไม้ หิมะพระจันทร์กับเจียเหยาแต่น่าเสียดาย ลิขิตแกล้งคนเขาทำเรื่องใดไป ใจเขารู้ดีบุญคุณความแค้นของเขาและเจียเหยา ทั้งชาตินี้ล้วนไม่มีทางแก้ไขเขาฆ่าพ่อและพี่ชายของเจียเหยา สองมือเปื้อนไปด้วยเลือดของคนเป่ยหวนยังหวังอยากให้เจียเหยาละทิ้งความโกรธแค้น เป็นเรื่องที่โง่งมไร้เดียงสาแล้ว“เห้อ...”ฉินชีหู่ถอนหายใจเบาๆ เดินจากไปเงี่ยบๆมารดาเขาสิ!สองคนนี้ทะเลาะกันเรื่องใด?เขาเป็นผู้ชาย เกือบจะร้องไห้เพราะพวกเขาแล้วให้พวกเขาทะเลาะกันไปเถอะ!เขาอย่าไปดูเรื่องครึกครื้นเลยอย่าว่าแต่ไม่ได้ดูเรื่องครึกครื้น กลับต้องดูจนน้ำตาไหลออกมาแทน เช่นนั้นคงต้องเสียหน้าเสียคนแล้วเห็นฉินชีหู่จากไป พวกชวีจื้อ ต่งกังพากันจากไปแม้พวกเขาเป็นศัตร
หยุนเจิงเองก็รู้ ให้ชายแข็งแรงหนึ่งแสนคนของพวกเขาเข้าสู่เป่ยหวนข้อนั้น เป็นเรื่องโหดเหี้ยมทารุณแต่ว่า เมตตาต่อศัตรู เป็นการทำร้ายตัวเองอีกอย่าง เจียเหยาสามารถเจรจาต่อรองได้!เขาเองก็ไม่ได้คิดว่าเจียเหยาสามารถตอบรับได้อย่างสมบูรณ์!ราคาสูงเทียบฟ้า ก็นั่งลงต่อราคาสิ!“หยุนเจิง ข้าเลื่อมใสเจ้ามาก!”เจียเหยาเขวี้ยงตราสารยอมจำนนใส่หยุนเจิงด้วยความโกรธ “นับถือที่เจ้ากล่าวอย่างไร้ยางอายได้สง่าผ่าเผยเช่นนี้!”“เจียเหยา!”เมี่ยวอินคว้าตราสารยอมจำนนที่เขวี้ยงมา คำรามด้วยความโกรธ “ยอมจำนวนก็ต้องมีมาดของการยอมจำนน! อย่ามาอาละวาดที่นี่!”แม้เมี่ยวอินจะเห็นใจเจียเหยา แต่ ก็ไม่ใช่เหตุผลให้เจียเหยาอาละวาดนางมาเพื่อยอมจำนวนหรือมาเพื่อด่ากราดกัน?อย่างที่หยุนเจิงกล่าว ยอมจำนน ก็ต้องมีแสดงทัศนคติยอมจำนนออกมา!“เมี่ยวอินพูดไม่ผิด!”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย มองเจียเหยาด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายอมจำนนด้วยท่าทีเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะปล่อยเจ้ากลับไป เจ้าก็ไปปรับปรุงทหารและม้าของเจ้าต่อ! หลังฤดูฝน ก่อนฤดูเก็บเกี่ยวช่วงใบไม้ร่วง พวกเราค่อยทำสงครามกัน!”ยอมจำนนด้วยอารมณ์ร้ายเช่นนี้?ใครให้ความกล้า
ทำลายไม่ได้?เมี่ยวอินยิ่งสงสัย อยากจะซักไซ้ต่อนางอยากจะรู้จริงๆ แผนการร้ายแรงที่เจียเหยาเตรียมให้เขาคิดสิ่งใดมีแผนการร้ายแรงเช่นนี้ เหตุใดเจียเหยาไม่ใช้เล่า?“”เจ้าคิดจะให้คนชราเหล่านั้นฆ่าตัวตายต่อหน้าขบวนกองทัพสองหมื่นคนใช่หรือไม่?”หยุนเจิงมองเจียเหยานิ่งๆตอนที่เจียเหยาพูดถึงแผนการร้ายแรงนั้น เขาก็คิดได้แล้วเป็นวิธีของโกวเจี้ยนจักรพรรดิเหอลวี่บอกตามตรงก็คือวิธีทางจิตวิทยาชนิดหนึ่งใช้การตายอย่างเด็ดเดี่ยวของคนชราอ่อนแอเหล่านั้น กระตุ้นขวัญกำลังใจของทหารเป่ยหวนขณะเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ทหารม้าต้าเฉียนตกใจ กระทบกระเทือนขวัญทหารของต้าเฉียน“ประมาณนั้นกระมัง!”ใบหน้าเจียเหยาเผยร้อยยิ้มเศร้า “หากข้านำคนชรารวมตัวไว้ด้วยกัน ไม่ให้พวกศึกพวกเขา ไม่ให้ชุดเกราะพวกเขา ถึงขั้น ไม่ให้อาวุธพวก้เขา! ให้พวกเขาไปอยู่ต่อหน้ากองทัพสองหมื่น สู้สุดชีวิตกับทหารม้าพวกเจ้าด้วยมือเปล่า เจ้าทำลายได้หรือ?”เมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา หยุนเจิงยิ้มออกมาอย่างจนใจแผนการนี้ เขาทำลายไม่ได้การสังหารหมู่คนชราอ่อนแอที่ไม่มีทางป้องกัน มีเพียงเดรัจฉานเท่านั้นที่ทำลงไปได้อย่างสบายใจหากพวกเขาสังหารหมู่
ขอแค่ไม่ใช่เทพ นั่นไม่ใช่คนที่อยู่ยงคงกระพัน!“แล้วแต่เจ้าจะคิดเถอะ!”หยุนเจิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็กล่าวต่อ “เจ้าบอกว่าสามารถให้แผนร้ายแรงหนึ่งกับข้าได้ ข้าก็สามารถบอกแผนร้ายแรงกับเจ้าได้เช่นกัน!”“เจ้าบอกมา ข้าฟังอยู่”เจียเหยากำหมัดแน่น นางเองก็อยากรู้ หยุนเจิงยังมีแผนร้ายแรงใดนำมาต่อกรกับเป่ยหวน“แต่เทียบกับแผนร้ายแรงของเจ้าแล้ว ก็ไม่รับว่าร้ายแรงเกินไปกระมัง!”หยุนเจิงยิ้ม “กล่าวไปแล้วก็ง่ายดาย ชนเผ่าของพวกเจ้ามีเผ่าอาศัยอยู่ริมน้ำไม่ใช่หรือ? ถึงเช่นไรร่างศพบนทุ่งหญ้าก็มีเพียงพอแล้ว ข้าเพียงนำร่างศพทั้งหมดทิ้งไปยังแหล่งต้นน้ำของพวกเจ้าก็พอแล้ว...”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง สีหน้าเจียเหยาเปลี่ยนไปของนางเป็นแผนการร้ายแรง!ของหยุนเจิงไหนเลยจะไม่ใช่แผนร้ายแรง?ตอนที่คนเป่ยหวนไปให้อาหารสัตว์ ล้วนไปปล่อยสัตว์ไปบนทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์ทว่าเมื่อโยนศพจำนวนมากลงไปในแหล่งน้ำ มีความเป็นไปได้สูงว่าปศุสัตว์ของเป่ยหวนจะป่วยตายอีกทั้ง เนื้อเหล่านั้น คนก็ไม่กล้ากิน!มีโอกาสสูงมากที่โรคระบาดใหญ่จะปะทุขึ้นในเป่ยหวนเป็นเส้นทางตัน!เป็นแผนร้ายแรงจริงด้วย!“ความจริง สำหรับพวก
หยุนเจิงไม่สนใจเจียเหยาอีกต่อไปเจียเหยาคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ต่อให้ผู้ติดตามของนางมาเรียกนาง นางก็ไม่ได้ลุกยืนนางราวกับโกรธตัวเอง แล้วก็เหมือนกับใช้วิธีนี้ปลอบใจวิญญาณของเป่ยหวนเมี่ยวอินมองเจียเหยาด้วยสีหน้าสับสน ถอนหายใจเงียบๆ จากนั้นก็มาถึงข้างกายหยุนเจิง “หากนางปรารถนาความตาย เจ้าจะลงมือฆ่านางจริงหรือ?”“จริง!”หยุนเจิงสองมือไขว้หลัง ตอบอย่างไม่ลังเลสักนิดเมี่ยวอินสะเทือนใจ ลังเลอยู่นาน จากนั้นก็ถาม “เจ้าใจร้ายเพียงนี้เชียว? ข้าไม่เชื่อ เจ้าไม่มีความคิดด้านนั้นกับนางสักนิด”เมี่ยวอินรู้จักหยุนเจิงข้อดีของหยุนเจิงชัดเจนมาก แต่ข้อเสียก็ชัดเจนมากเช่นกันข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของไอสารเลวนี่คือลามกสตรีที่เพรียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา นางไม่เชื่อว่าหยุนเจิงจะไม่เคยมีความคิดด้านนั้น“มีความคิด ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นจริง”หยุนเจิงหัวเราะนิ่งๆ “คนสวย เป็นเรื่องปกติที่จะทำให้ผู้ชายคิดมาก! แต่สถานการณ์ของข้าและเจียเหยา ข้ายังหวังว่านางจะรักข้าหรือ? หากนางร้องขอความตาย ส่งนางไปด้วยตัวเอง ก็ไม่ผิดต่อชื่อเสียงที่แขวนเอาไว้ของข้าและนาง”เจียเหยากับเมี่ยวอินไม่เหมือนกันเมี่ยวอินแม้
“ก็แค่ทนไม่ได้ที่คนเหล่านั้นอยู่บนหลังม้าเท่านั้น”หยุนเจิงปฏิเสธไม่ยอมรับ “แม้ว่าเจียเหยาน่าสงสารจริงๆ แต่พวกเราเป็นศัตรูกัน!”“พวกเจ้าเป็นสามีภรรยากัน!” เมี่ยวอินหยอกล้อหยุนเจิงสีหน้าดำอึมครึม กล่าวสิ่งใดไม่ออกทันทีเมี่ยวอินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ กอดแขนหยุนเจิงเอาไว้ เผยรอยยิ้มพราวเสน่ห์ “ข้าชอบท่าทางลามกของเจ้ามากกว่า ท่าทางอ่อนไหวใจดีของเจ้า ไม่ทำให้คนชอบเลยสักนิด”หยุนเจิงรอยยิ้มหายไป จากนั้นก็กระพริบตาให้เมี่ยวอิน “จบการต่อสู้ครั้งนี้ เจ้ายังมีเวลาค่อยๆ ดูท่าทางลามกของข้า! กลัวแต่ถึงตอนนั้นเจ้าคงต้องร้องขอความเมตตา!”“ใครกลัวใคร!”เมี่ยวอินทำเสียงออกจมูก หน้าตาสวยงามดุจผ้าไหม “ไม่ใช่เจ้าพูดหรือ มีแต่วัวที่เหนื่อยตาย ไม่มีที่ดินที่ถูกไถจนเสีย?”เผชิญกับสายตายั่วยวนของเมี่ยวอิน ในใจหยุนเจิงผุดด้วยกองไฟอย่างควบคุมไม่อยู่นังปีศาจ!ต้องการให้เขากับนางกลับไปขี่ม้าที่ราชสำนักเป่ยหวนจริงหรือ?ขณะที่หยุนเจิงกำลังคิดเรื่อยเปื่อย เจียเหยาค่อยๆ ลุกขึ้นมา“เจียเหยามาแล้ว”เมี่ยวอินสังเกตเห็นเจียเหยาที่เดินมาถึงด้านข้างหยุนเจิงหันหน้ากลับ ก็เห็นเจียเหยาเดินมาอย่างใจลอยคนที่มา