เทน้ำทิ้งครึ่งกา?ฉินชีหู่ชะงักเล็กน้อย ฮู้...เหมือนจะทำเช่นนี้ได้!เมี่ยวอินประหลาดใจ จากนั้นก็เข้าใจความหมายของหยุนเจิงแล้วที่แท้ เขาอยู่ที่นี่เพื่อรอเจียเหยา!รู้อยู่แล้วว่าคำถามของเขาต้องมีความหมายแอบแฝง“ในเมื่อเจ้ารู้คำตอบแล้ว เหตุใดยังต้องคุยเรื่องเหล่านี้กับข้า?”หยุนเจิงยิ้มอย่างจนใจ “เทน้ำทิ้งครึ่งกา อย่างน้อยน้ำครึ่งกาสามารถต้มจนเดือดได้! แต่รอเจ้าไปจากที่นี่ ไปหาฟืนกลับมา ดีไม่ดีน้ำในกาของเจ้าคงถูกคนอื่นขโมยไปแล้ว เจ้าว่ามีเหตุผลนี้หรือไม่?” ผู้หญิงคนนี้ ฉลาดก็ฉลาดอยู่แต่หัวแข็งก็หัวแข็งเช่นกัน!“ใช่!”เจียเหยาไม่ได้ปฏิเสธ “ดังนั้น ข้าสามารถหนีไปได้ แต่ข้าก็ยังมาหาเจ้าเพื่อยอมจำนน! ข้าบอกแล้ว ข้าเพียงหาทางรอดให้ประชาชนของพวกเรา! ในเมื่อเจ้าก็บอกแล้ว ให้พวกเราพักหายใจยี่สิบปี ก็ทำได้เพียงเพิ่มจำนวนทาสให้เจ้ามากขึ้น ถ้าเช่นนั้นเจ้ามีสิ่งใดให้กลัวกันเล่า?”เอ่อ...คือว่าหยุนเจิงถูกเจียเหยาแม่ทัพผู้พ่ายแพ้ทำให้ไม่รู้ควรตอบคำถามเช่นไรแต่ว่า กล่าวเช่นนี้ แต่เหตุผลก็ไม่ใช่เหตุผลเช่นนี้!การต่อสู้สนามนี้ กองทหารมณฑลทางเหนือต้องจ่ายด้ายความเสียหายมหาศาลหากว
หากตอนนั้นสามารถตายไปพร้อมกับโจรไร้ยางอายผู้นี้ได้ เป่ยหวนไหนเลยจะต้องอับอายอย่างเช่นวันนี้! ร่างกายเจียเหยาสั่นไม่หยุด น้ำตาเริ่มรื้อขึ้นมาบนขอบตาอีกครั้ง ทำเอาฉินชีหู่คิดจะหนีออกไปอีกรอบเนิ่นนาน เจียเหยาเช็ดคำตาลวกๆ ท่ามกลางสายตาแปลกใจของทุกคน นางพยายามบีบรอยยิ้มออกมา “ความคิดของเจ้าไร้ยางอายจริงด้วย แต่สามารถทำได้จริง! ในเมื่อพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ยังต้องมีเงื่อนไขมากมายเช่นนี้หรือ? เจ้าเอาเงื่อนไขที่ทำให้ข้าลำบากยกเลิกไป ข้าจะคลอดลูกให้เจ้า!”“……”สิ้นเสียงของเจียเหยา ใบหน้าของฉินชีหู่และเมี่ยวอินเปลี่ยนเป็นชื่นชมอย่างยิ่งทั้งสองคนมองเจียเหยาอย่างตกตะลึง แทบไม่กล้าเชื่อหูของตัวเองเมื่อครู่นางไม่ใช่สาปเช่งให้หยุนเจิงไม่ตายดีหรือ?เวลาชั่วพริบตา นึกไม่ถึงจะตอบตกลงแล้ว?นางถูกหยุนเจิงทำให้โกรธจนสติเลอะเลือนแล้วหรือ?“ช่างเถอะ!”หยุนเจิงยิ้มแล้วส่ายหน้า “เจ้าเต็มใจยอมรับความอัปยศอดสูคลอดลูกให้ข้า แต่ข้าไม่กล้าแตะต้องเจ้า!”เจียเหยาตอบตกลง ช่างเกินความคาดหมายของเขาแม้นี่จะเป็นวิธีที่ดี แต่เขาไม่กล้าใช้จริงๆผู้หญิงคนนี้ตอนนี้ตอบตกลง ไม่แน่ว่าอาจอดกลั้นอย่างมาก?ห
เมื่อเห็นเจียเหยาอาเจียนเป็นเลือดหมดสติไป หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความจนใจผู้หญิงคนนี้!ยังมองสถานการณ์ไม่ชัดเจนแน่นอน เขาสามารถเข้าใจเจียเหยาได้แต่ว่า เขายังคงต้องทำเช่นนี้!ยังคงเป็นประโยคนั้น เมตตาต่อศัตรู เป็นการโหดร้ายกับตัวเอง หยุนเจิงให้คนพาเจียเหยาที่หมดสติไปพักผ่อน ส่วนคนเหล่านั้นที่เจียเหยาพามา หยุนเจิงไม่ได้สร้างความลำบากให้พวกเขา เพียงแค่ยึดอาวุธของพวกเขาเอาไว้ส่วนชุดเกราะ หลายคนรู้ว่ามาแล้วต้องถูกยึดชุดเกราะ จึงไม่สวมชุดเกราะมาด้วยซ้ำเดิมทีพวกเขาต้องการจู่โจมต่อไปแต่การหมดสติของเจียเหยาเปลี่ยนแผนการของพวกเขาตอนกลางคืน ท้องฟ้าเริ่มมีฝนตกปรอยๆนี่เป็นฝนตามปกติบนทุ่งหญ้าแม้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว แต่ฝนตกหนักลมพัดแรงเป็นสิ่งที่มีน้อยมากยังดีที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้เผากระโจมเหล่านี้ ตอนนี้เวลานี้ คนมากมายก็ยังมีที่ให้หลบฝนตอนที่เมี่ยวอินเดินเข้ามาในกระโจม หยุนเจิงกำลังนั่งคิดอยู่ตรงนั้น“เจียเหยายังไม่ตื่น?”หยุนเจิงเงยหน้าถาม“อื้ม”เมี่ยวอินพยักหน้า ข้าเพิ่งไปดูเมื่อครู่ ลมหลายใจนางยุ่งเหยิง ผิดปกติอย่างมาก”“นางคงไม่โกรธจนตายหรอกกระมัง?” หยุ
เป็นคนที่กล้ากินคนของจริง!ร่วมมือกับแมนจูทางเหนือ คนเป่ยหวนตายแล้วก็ยังจะต้องกลายเป็นอาหาร!เจียเหยาไม่ได้โง่ถึงขั้นร่วมมือกับแมนจูทางเหนือเช่นนั้นส่วนการร่วมมือกับกุ่ยฟาง เจียเหยาก็เคยลองแล้วไม่ใช่หรือ?กุ่ยฟางพึ่งพาไม่ได้!ร่วมมือกับกุ่ยฟาง ไม่สู้ร่วมมือกับเขาดีกว่า!ในฐานะพันธมิตร เขาพึ่งพาได้มากกว่ากุ่ยฟางหากเจียเหยาต้องร่วมมือกับกุ่ยฟางให้ได้ เขาก็ขัดขวางไม่ได้ แต่ในวันหน้าเป่ยหวนมีแต่เลวร้ายกว่าเดิมรู้ว่าในใจหยุนเจิงมีแผนการแล้ว เมี่ยวอินก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดมากมายอีกคืนแห่งความเงียบงันวันที่สองเช้าตรู่ หยุนเจิงและเมี่ยวอินถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงกรีดร้อง“อ๊าก...”“ออกไป!”“ออกไปให้หมด!”ทั้งสองคนมองตากันเงียบๆ แล้วเดินออกจากกระโจมทันที จากนั้นก็เดินไปทางเจียเหยา“องค์หญิง ท่านเป็นสิ่งใด?”“องค์หญิง ท่าน...เจ้าไม่รู้จักพวกเราแล้ว?”“องค์หญิง ท่านอย่าทำให้พวกเราตกใจสิ!”“องค์หญิง...”คนที่เจียเหยาพามาต่างล้อมนางไว้ด้วยความกระวนกระวายแต่เจียเหยาเดินทีก็ไม่รู้จักคนเหล่านี้ ผลักคนเหล่านี้อย่างแรง คิดแต่จะพุ่งออกไปตอนที่เห็นใบหน้ามึนงงของหยุนเจิงและเมี่ยวอิน
เจียเหยาเจ็บปวดมากแต่ หยุนเจิงกลับเย็นชามากเสแสร้งไปเถอะ!ข้าจะดูว่าเจ้าเสแสร้งไปนานเท่าใด!เมี่ยวอินมองเจียเหยาด้วยความสงสัย จากนั้นก็กระซิบข้างหูหยุนเจิง “ความจำนางเสื่อมไม่เหมือนกำลังแกล้ง! ดีไม่ดี นางคงได้รับการกระตุ้นมากเกินไปจนเสียความทรงจำแล้ว...”“ผู้หญิงคนนี้มารยาร้อยเล่มเกวียน อย่าเชื่อนางง่ายๆ” หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นก็หันมองเจียเหยานิ่งๆ “เอาล่ะ เลิกแกล้งได้แล้ว! หากเจ้าคิดว่าเงื่อนไขของข้าทำให้เจ้ายอมรับไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถอะ! ข้ารับประกันจะไม่ขวางเจ้า!”“ท่านพี่? ท่านไม่ต้องการเจียเหยาแล้วหรือ?”เจียเหยาเงยหน้าขึ้นมาทันใด มองหยุนเจิงอย่างหน้าสงสาร “เจียเหยาไม่อยากแยกจากท่านพี่!”“ยังไม่จบใช่หรือไม่?”ใบหน้าหยุนเจิงบึ้งตึง “ต้องให้ข้าฆ่าคนของพวกเจ้าสักคนสองคนก่อน ช่วยเจ้าฟื้นความทรงจำดีหรือไม่?”ให้ตายสิ!ผู้หญิงคนนี้แสดงได้สมจริงนัก!หากเขาไม่รู้ว่าเจียเหยามารยาร้อยเล่มเกวียน เกรงว่าเขาคงเชื่อไปแล้ว!เห็นสีหน้าของหยุนเจิงไม่ดี เจียเหยาพลันมองหยุนเจิงอย่างกล้าๆ กลัวๆ ขอร้องอย่างน่าสงสารอีกครั้ง “ท่านพี่ ท่านอย่าทิ้งเจียเหยาดีหรือไม่? ท่านพี่...”
ไอ้สารเลวคนนี้!ไม่ละอายใจสักนิด!เจียเหยาหน้าแดงมองทั้งสองคน ลังเลอยู่นานสองนาน ขยับมืออีกครั้ง ปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกช้าๆเมี่ยวอินรู้สึกเกรงใจ จึงไม่ได้มองเจียเหยา เพียงแค่ก้มหน้าต่ำมองพื้นหยุนเจิงกลับทำสีหน้าสบายอกสบายใจ จับจ้องเจียเหยาโดยตรงเจียเหยากระอักกระอ่วนไม่กล้ามองหยุนเจิง ทำแค่เพียงก้มหน้าปลดก้มตาเสื้อของตัวเองภายใต้การจ้องมองของหยุนเจิง เสื้อของเจียเหยาค่อยๆ คลายออก เหลือเพียงเสื้อซับในตัวเดียวหยุนเจิงใจกระตุกเหอะ!ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้ความจำเสื่อมจริงๆ กระมัง?“ทำต่อไป”น้ำเสียงของหยุนเจิงไม่เปลี่ยน ยังคงต้องมองเจียเหยาต่อไปเจียเหยาก้มหน้างุด ค่อยๆ ปลดเสื้อซับในพริบตาที่เจียเหยาปลดเสื้อซับใน หยุนเจิงการหมุนตัวกลับแม้ว่าเขาอยากจะเห็นมาก แต่ในเวลานี้ ทูตเทวนาในใจเขาก็เอาชนะทูตปีศาจได้หากเจียเหยาความจำเสื่อมจริง สำหรับนางแล้ว มันค่อนข้างโหดร้ายเขายอมรับว่าเขาเจ้าชู้แต่สำหรับบางคนเจ้าชู้ได้ สำหรับบางคน ไม่อาจเจ้าชู้เกินไปมองการกระทำของหยุนเจิง เมี่ยวอินรีบเดินไปข้างหน้า เก็บเสื้อผ้าที่ร่วงหล่นบนพื้นของเจียเหยาช่วยเอามาคลุมบนตัวนาง“หยุนเจิง ดูเ
เดิมทีเจียเหยาสามารถแกล้งความจำเสื่อมไปตลอดได้ทว่า นางใกล้จะทำสำเร็จแล้วตอนที่หยุนเจิงหมุนตัวกลับไป นั่นหมายความว่าในใจหยุนเจิงเริ่มเชื่อว่านางความจำเสื่อมแล้วสุดท้ายเจียเหยาก็ไม่ได้แกล้งความจำเสื่อมต่อไปนางยังต้องเจรจาต่อรองกับหยุนเจิงต่อไป ไม่สามารถแกล้งความจำเสื่อมไปได้ตลอด แกล้งความจำเสื่อมไปตลอด ไม่สู้นางไม่มาหาหยุนเจิงดีกว่า“เงื่อนไขของข้าไม่เปลี่ยน”หยุนเจิงคืนความสงบอย่างรวดเร็ว “ตกลงหรือไม่ กล่าวได้อย่างสบายใจ! ข้าไม่มีอารมณ์โต้เถียงกับเจ้าต่อไปแล้ว”เจียเหยามองหยุนเจิงเงียบๆ “เจ้าพิจารณาเรื่องที่เจ้าพูดสักหน่อย”“ไม่พิจารณา”หยุนเจิงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “บอกตามตรง ข้าค่อนข้างกระหายในร่างกายเจ้า! แต่สำหรับข้าแล้ว เจ้าไม่ได้คุ้มค่าอย่างที่เจ้าคิด! ข้าเจ้าชู้ แต่ไม่ได้เจ้าชู้ถึงขั้นสติเลอะเลือน”“จริงหรือ?”เจียเหยาไม่ได้โกรธ ในทางกลับกันยังสงบเป็นพิเศษ “หากเจ้ายืนกรานคำพูดของเจ้า ข้าตกลงเงื่อนไขของเจ้า”อืม?หยุนเจิงประหลาดใจผู้หญิงคนนี้เปิดสิ่งใดขึ้น?เวลาเพียงหนึ่งคืน เหตุใดเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้?เปิดเส้นลมปราณทั้งสองของเหรินได้กะทันหันหรือ?“ดีมาก!”
“ได้!”เจียเหยาไม่กล่าวมากความอีก เดินออกไปจากกระโจมอย่างรวดเร็ว“นางเกิดเรื่องใดขึ้น?”เมี่ยวอินถามหยุนเจิงด้วยความมึนงงวันนี้เจียเหยาผิดปกติมากผิดปกติจนน่าประหลาดใจ!“ไม่รู้”หยุนเจิงก็สงสัยมากเช่นกัน “แต่ข้ารู้ว่า นางกำลังวางแผนอยู่! เป็นไปได้มากว่านางมีเจตนาไม่ดี”เจตนาไม่ดีหรือ?เมี่ยวอินครุ่นคิด ทันใดนั้นก็เผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมา “เจ้าว่า นางจะทำให้เจ้าตกหลุมรักนางหรือไม่? ขอแค่นางกุมหัวใจเจ้าได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเป่ยหวนล่มสลายแล้ว! อยู่ในสนามรบนางสู้เจ้าไม่ได้ จึงเอาชนะเจ้านอกสนามรบ!”“เอ่อ...”หยุนเจิงใบหน้ากระตุก เวลานี้ไม่รู้ควรกล่าวสิ่งใดเจียเหยามีความคิดนี้จริงหรือ?บางทีอาจมีกระมัง!เขารู้ จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเขาก็คือเจ้าชู้เจียเหยาคิดจะใช้ร่างกายตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ท้าทายจุดอ่อนของเขา?“ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”หยุนเจิงสลัดความคิดฟุ่งซ่านในสมอง “ข้าไปเตรียมงานก่อน พวกเราควรเคลื่อนไหวได้แล้ว!”การรบครั้งนี้ เวลาที่ใช้รบไม่นานแต่เวลาที่ใช้ระหว่างทางล่าช้าไปมากเขาต้องรีบกลับไปซั่วเป่ยมีเรื่องมากมายรอให้เขาไปจัดการอยู่!กล่าวจบ หยุนเจิงเ
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่
สองวันต่อมา หยุนลี่ได้รับจดหมายตอบกลับจากหยุนเจิง เมื่อมองเนื้อหาในจดหมาย หยุนลี่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาถึงกับขยี้ตาหลายรอบ กลัวว่าตัวเองจะมองผิดไป ตกลงแล้ว! เจ้าหกสุนัขชั่วนั่นตอบตกลงจริงๆ! หยุนเจิงยอมจ่ายเงิน หนึ่งล้านสองแสนตำลึง พร้อมกับส่งตัวหยางหุยโจว เพื่อแลกกับอิสรภาพของฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวทั้งสิบสามชีวิต ท้ายจดหมาย หยุนเจิงยังกล่าวข่มขู่ หากครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งมีอันเป็นไป อย่าได้โทษว่าเขาไม่ไว้หน้า! "ฮ่าๆๆ!" เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดไป หยุนลี่ถึงกับหัวเราะลั่น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง แม้จะยังไม่เทียบเท่ากับจำนวนเงินที่เขาเคยถูกหยุนเจิงโกงไป แต่หนึ่งล้านสองแสนตำลึงก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อย สำหรับเขาแล้ว นี่มีความหมายไม่น้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถหลอกเอาเงินจากหยุนเจิงได้! และครั้งแรกนี้ก็เล่นไปถึง หนึ่งล้านสองแสนตำลึง! จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร!? ปากของฮั่วเหวินจิ้งแข็งเกินไป หากฆ่าฮั่วเหวินจิ้งทิ้งเพียงเพราะความโกรธ ก็มีแต่เสียเปล่า แต่ถ้าใช้เขามารีดเงินจากเจ้าหกได้… ไม่ใช่ว่าเป็นประโยชน์กว่าหรือ!? คิดไม่ถึงว่า มันสำเร
เมื่อหยุนเจิงกล่าวจบ ก็เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตนให้เสิ่นควานฟัง นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เขาก็นึกไม่ออกถึงสาเหตุอื่นเลย หยุนลี่คงไม่ถึงกับยากจนขนาดจับใครมาเรียกค่าไถ่จากเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกใช่ไหม? หากมีสิ่งผิดปกติ ย่อมต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่! เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง เสิ่นควานก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด ว่ากันตามตรง ข้อสันนิษฐานของฝ่าบาทก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก ฝ่าบาทจับตัวคนของหยุนลี่ แล้วเรียกค่าไถ่ หยุนลี่ก็ทำตามแบบเดียวกัน จับตัวคนที่เขาคิดว่าเป็นสายของฝ่าบาท แล้วเรียกค่าไถ่บ้าง? หรือว่านี่จะเป็นการใช้วิธีของศัตรูมาตอบโต้ศัตรูแบบที่ฝ่าบาทเคยพูดสินะ? “กราบทูลฝ่าบาท แม่ทัพอวี่ชื่อจงส่งสาสน์เร่งด่วนมา!” ในขณะนั้นเอง กองทหารองครักษ์นายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน พร้อมถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้ในมือ สาสน์ด่วนจากอวี่ชื่อจง? หรือว่าเจ้าสามคิดลงมือแล้ว!? เจ้าสามคงไม่บ้าถึงขั้นเปิดศึกในเวลานี้หรอกกระมัง? “นำมานี่!” หยุนเจิงรีบให้เสิ่นควานรับจดหมายมา เมื่อได้รับจดหมายจากเสิ่นควาน หยุนเจิงก็เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย สีหน้าของเขากลั
อุทยานบุปผาหลวง หลังจากการประชุมเช้าเสร็จสิ้น จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้คนไปแจ้งหยุนลี่ ให้มาเดินเล่นเป็นเพื่อน บิดาและบุตรก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่มู่ชุ่นและขุนนางติดตามคนอื่นๆ จงใจเว้นระยะห่างออกไป "ฮั่วเหวินจิ้งยังไม่ยอมเปิดปากรึ?" จักรพรรดิเหวินทรงไขว้พระหัตถ์ไว้เบื้องหลัง ตรัสถามด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม "ยังพ่ะย่ะค่ะ" หยุนลี่ส่ายศีรษะเบาๆ "ฮั่วเหวินจิ้งไม่กลัวทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ยืนกรานไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อพรรคพวก" จักรพรรดิเหวินตรัส "ในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งไม่ยอมพูด เช่นนั้นก็เปลี่ยนวิธีเถิด!" เปลี่ยนวิธี? หยุนลี่มองจักรพรรดิเหวินด้วยความฉงน "เสด็จพ่อทรงมีแผนใด?" "แผนการวิเศษอะไรนั้นไม่มี มีแค่แผนโง่ๆ แผนหนึ่ง" จักรพรรดิเหวินแย้มสรวล "เจ้าหกไม่เคยเล่นงานเจ้ารึ? เช่นนั้นเจ้าก็เอาฮั่วเหวินจิ้งมาเล่นงานเขาบ้างสิ! ให้เขานำเงินมาไถ่ตัวฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัวของเขา!" อืม? หยุนลี่ได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวินเช่นนั้น พลันเกิดประกายความคิด สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยรึ? "แผนนี้ของเสด็จพ่อแยบยลยิ่ง!" หยุนลี่รีบกล่าวคำเยินยอจักรพรรดิเวหิน ก่อนจะมีท่าทีล
"ข้าให้ความไว้วางใจเจ้าไม่น้อย แต่เจ้าเอาความภักดีไปให้สุนัขกินแล้วหรือ?" "ข้าทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ?" ยิ่งพูดยิ่งโกรธ หยุนลี่กระทืบฮั่วเหวินจิ้งซ้ำอีกหลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะต้องการเก็บชีวิตของมันไว้เพื่อรีดข้อมูล เขาคงสั่งให้จับมันไปประหารเจ็ดชั่วโคตรไปแล้ว! "แค่กๆ..." ฮั่วเหวินจิ้งถูกเตะซ้ำๆ จนกระอักเลือดออกมาเป็นสาย หยุนลี่พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่ามันซะก่อน ตะคอกเสียงดัง "บอกมา! ยังมีพวกของเจ้ากี่คน!?" ฮั่วเหวินจิ้งนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น แววตาเจ็บปวด "กระหม่อม...ไม่รู้จริงๆ... แค่กๆ..." กล่าวจบฮั่วเหวินจิ้งก็สำลักเลือดออกมาอีก "ไม่รู้? คิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไง!?" หยุนลี่มองฮั่วเหวินจิ้งด้วยสายตาเย็นชา "ข้ากำลังให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่เห็นค่าของมัน ข้าไม่เพียงจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ แต่จะส่งคนไปสังหารทั้งตระกูลเจ้าให้สิ้นซาก!" น้ำเสียงของหยุนลี่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เขาต้องรีดเอาข้อมูลออกมาให้ได้! ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าข้างกายเขายังมีคนของเจ้าหกแฝงตัวอยู่อีกหรือไม่! "กระหม่อมไม่รู้จริงๆ!" ฮั่วเหวินจิ้งส่งเสียงคร่ำครวญ "ต่อให้ฝ่าบาทสั