เจียเหยาเจ็บปวดมากแต่ หยุนเจิงกลับเย็นชามากเสแสร้งไปเถอะ!ข้าจะดูว่าเจ้าเสแสร้งไปนานเท่าใด!เมี่ยวอินมองเจียเหยาด้วยความสงสัย จากนั้นก็กระซิบข้างหูหยุนเจิง “ความจำนางเสื่อมไม่เหมือนกำลังแกล้ง! ดีไม่ดี นางคงได้รับการกระตุ้นมากเกินไปจนเสียความทรงจำแล้ว...”“ผู้หญิงคนนี้มารยาร้อยเล่มเกวียน อย่าเชื่อนางง่ายๆ” หยุนเจิงส่ายหน้าเบาๆ จากนั้นก็หันมองเจียเหยานิ่งๆ “เอาล่ะ เลิกแกล้งได้แล้ว! หากเจ้าคิดว่าเงื่อนไขของข้าทำให้เจ้ายอมรับไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถอะ! ข้ารับประกันจะไม่ขวางเจ้า!”“ท่านพี่? ท่านไม่ต้องการเจียเหยาแล้วหรือ?”เจียเหยาเงยหน้าขึ้นมาทันใด มองหยุนเจิงอย่างหน้าสงสาร “เจียเหยาไม่อยากแยกจากท่านพี่!”“ยังไม่จบใช่หรือไม่?”ใบหน้าหยุนเจิงบึ้งตึง “ต้องให้ข้าฆ่าคนของพวกเจ้าสักคนสองคนก่อน ช่วยเจ้าฟื้นความทรงจำดีหรือไม่?”ให้ตายสิ!ผู้หญิงคนนี้แสดงได้สมจริงนัก!หากเขาไม่รู้ว่าเจียเหยามารยาร้อยเล่มเกวียน เกรงว่าเขาคงเชื่อไปแล้ว!เห็นสีหน้าของหยุนเจิงไม่ดี เจียเหยาพลันมองหยุนเจิงอย่างกล้าๆ กลัวๆ ขอร้องอย่างน่าสงสารอีกครั้ง “ท่านพี่ ท่านอย่าทิ้งเจียเหยาดีหรือไม่? ท่านพี่...”
ไอ้สารเลวคนนี้!ไม่ละอายใจสักนิด!เจียเหยาหน้าแดงมองทั้งสองคน ลังเลอยู่นานสองนาน ขยับมืออีกครั้ง ปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกช้าๆเมี่ยวอินรู้สึกเกรงใจ จึงไม่ได้มองเจียเหยา เพียงแค่ก้มหน้าต่ำมองพื้นหยุนเจิงกลับทำสีหน้าสบายอกสบายใจ จับจ้องเจียเหยาโดยตรงเจียเหยากระอักกระอ่วนไม่กล้ามองหยุนเจิง ทำแค่เพียงก้มหน้าปลดก้มตาเสื้อของตัวเองภายใต้การจ้องมองของหยุนเจิง เสื้อของเจียเหยาค่อยๆ คลายออก เหลือเพียงเสื้อซับในตัวเดียวหยุนเจิงใจกระตุกเหอะ!ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้ความจำเสื่อมจริงๆ กระมัง?“ทำต่อไป”น้ำเสียงของหยุนเจิงไม่เปลี่ยน ยังคงต้องมองเจียเหยาต่อไปเจียเหยาก้มหน้างุด ค่อยๆ ปลดเสื้อซับในพริบตาที่เจียเหยาปลดเสื้อซับใน หยุนเจิงการหมุนตัวกลับแม้ว่าเขาอยากจะเห็นมาก แต่ในเวลานี้ ทูตเทวนาในใจเขาก็เอาชนะทูตปีศาจได้หากเจียเหยาความจำเสื่อมจริง สำหรับนางแล้ว มันค่อนข้างโหดร้ายเขายอมรับว่าเขาเจ้าชู้แต่สำหรับบางคนเจ้าชู้ได้ สำหรับบางคน ไม่อาจเจ้าชู้เกินไปมองการกระทำของหยุนเจิง เมี่ยวอินรีบเดินไปข้างหน้า เก็บเสื้อผ้าที่ร่วงหล่นบนพื้นของเจียเหยาช่วยเอามาคลุมบนตัวนาง“หยุนเจิง ดูเ
เดิมทีเจียเหยาสามารถแกล้งความจำเสื่อมไปตลอดได้ทว่า นางใกล้จะทำสำเร็จแล้วตอนที่หยุนเจิงหมุนตัวกลับไป นั่นหมายความว่าในใจหยุนเจิงเริ่มเชื่อว่านางความจำเสื่อมแล้วสุดท้ายเจียเหยาก็ไม่ได้แกล้งความจำเสื่อมต่อไปนางยังต้องเจรจาต่อรองกับหยุนเจิงต่อไป ไม่สามารถแกล้งความจำเสื่อมไปได้ตลอด แกล้งความจำเสื่อมไปตลอด ไม่สู้นางไม่มาหาหยุนเจิงดีกว่า“เงื่อนไขของข้าไม่เปลี่ยน”หยุนเจิงคืนความสงบอย่างรวดเร็ว “ตกลงหรือไม่ กล่าวได้อย่างสบายใจ! ข้าไม่มีอารมณ์โต้เถียงกับเจ้าต่อไปแล้ว”เจียเหยามองหยุนเจิงเงียบๆ “เจ้าพิจารณาเรื่องที่เจ้าพูดสักหน่อย”“ไม่พิจารณา”หยุนเจิงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “บอกตามตรง ข้าค่อนข้างกระหายในร่างกายเจ้า! แต่สำหรับข้าแล้ว เจ้าไม่ได้คุ้มค่าอย่างที่เจ้าคิด! ข้าเจ้าชู้ แต่ไม่ได้เจ้าชู้ถึงขั้นสติเลอะเลือน”“จริงหรือ?”เจียเหยาไม่ได้โกรธ ในทางกลับกันยังสงบเป็นพิเศษ “หากเจ้ายืนกรานคำพูดของเจ้า ข้าตกลงเงื่อนไขของเจ้า”อืม?หยุนเจิงประหลาดใจผู้หญิงคนนี้เปิดสิ่งใดขึ้น?เวลาเพียงหนึ่งคืน เหตุใดเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้?เปิดเส้นลมปราณทั้งสองของเหรินได้กะทันหันหรือ?“ดีมาก!”
“ได้!”เจียเหยาไม่กล่าวมากความอีก เดินออกไปจากกระโจมอย่างรวดเร็ว“นางเกิดเรื่องใดขึ้น?”เมี่ยวอินถามหยุนเจิงด้วยความมึนงงวันนี้เจียเหยาผิดปกติมากผิดปกติจนน่าประหลาดใจ!“ไม่รู้”หยุนเจิงก็สงสัยมากเช่นกัน “แต่ข้ารู้ว่า นางกำลังวางแผนอยู่! เป็นไปได้มากว่านางมีเจตนาไม่ดี”เจตนาไม่ดีหรือ?เมี่ยวอินครุ่นคิด ทันใดนั้นก็เผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมา “เจ้าว่า นางจะทำให้เจ้าตกหลุมรักนางหรือไม่? ขอแค่นางกุมหัวใจเจ้าได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเป่ยหวนล่มสลายแล้ว! อยู่ในสนามรบนางสู้เจ้าไม่ได้ จึงเอาชนะเจ้านอกสนามรบ!”“เอ่อ...”หยุนเจิงใบหน้ากระตุก เวลานี้ไม่รู้ควรกล่าวสิ่งใดเจียเหยามีความคิดนี้จริงหรือ?บางทีอาจมีกระมัง!เขารู้ จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเขาก็คือเจ้าชู้เจียเหยาคิดจะใช้ร่างกายตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ท้าทายจุดอ่อนของเขา?“ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”หยุนเจิงสลัดความคิดฟุ่งซ่านในสมอง “ข้าไปเตรียมงานก่อน พวกเราควรเคลื่อนไหวได้แล้ว!”การรบครั้งนี้ เวลาที่ใช้รบไม่นานแต่เวลาที่ใช้ระหว่างทางล่าช้าไปมากเขาต้องรีบกลับไปซั่วเป่ยมีเรื่องมากมายรอให้เขาไปจัดการอยู่!กล่าวจบ หยุนเจิงเ
หลายวันต่อมา พวกหยุนเจิงรวมตัวกับหวังชี่หลังจากนำเชลยศึกเหล่านั้นมอบให้กับฉินชีหู่และชวีจื้อแล้ว หยุนเจิงนำกององครักษ์ของตัวเอง รวมกับกองทหารโลหิตที่นำโดยต่งกังหนึ่งพันคน เอาปศุสัตว์ที่เพียงพอให้พวกเขาบริโภคระหว่างทาง รีบกลับไปยังสามเมืองชายแดนล่วงหน้าเจียเหยาตามพวกเขามาด้วยระหว่างทาง หยุนเจิงยังเขียนจดหมายรายงานการรบ ให้คนนำจดหมายรายงานการรบและหนังสือยอมจำนนของเป่ยหวนส่งกลับเมืองจักรพรรดิหยุนเจิงเดิมทีคิดว่าเจียเหยาจะวางแผนตุกติกระหว่างที่ติดตามพวกเขาแต่เหนือความคาดหมายของเขา เจียเหยาเชื่อฟังอย่างมากถึงขั้นกล่าวได้ว่า นุ่มนวลอ่อนโยน เชื่อฟังคล้ายตามทุกอย่าง!หยุนเจิงคาดเดา ต่อให้ตอนนี้เขาหาสถานที่ไร้ผู้คน เล่นผีผ้าห่มกับเจียเหยาสักรอบ ใช้เตียงเป็นสนามรบ เจียเหยาล้วนคล้อยตามเขาทั้งหมดแต่การคล้อยตามเช่นนี้ของเจียเหยา ทำให้หยุนเจิงงระมัดระวังเป็นพิเศษเขากับเจียเหยาเรียกได้ว่ามีความแค้นฝั่งหุ่น เจียเหยาคล้อยตามเขาเช่นนี้ แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่ามีปัญหา!ตอนนี้หยุนเจิงสงสัยมาก เจียเหยาอยากเอาชนะเขา แก้ไขปัญหาจากต้นตอตอนนี้ต่อให้เจียเหยาคล้อยตามเพียงใด เขาก็ไม่กล้าแตะต้องเจีย
แต่น่าเสียดาย คนชราผู้นี้ติดเชื้อโรคในฤดูหนาว ยังไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิต้นปีก็ป่วยตายแล้วก่อนตาย คนชราผู้นั้นบอกกับปานปู้ ผลผลิตของมันเทศดินเหล่านั้นสูงมาก แม้เป่ยหวนไม่เหมาะกับการเพาะปลูกมันเทศดิน แต่ช่วงที่อากาศอบอุ่นก็สามารถเพาะปลูกได้คนชรากล่าวด้วยความมั่นใจ ต่อให้อยู่ที่เป่ยหวน มันเทศดินเหล่านั้นก็สามารถให้ผลผลิตหนึ่งหมู่หกเจ็ดร้อยชั่งขึ้นไปคนชรายังบอกวิธีปลูกมันเทศดินเหล่านั้นกับปานปู้หลังปานปู้ได้รู้ แน่นอนว่าเขาดีใจมากต้องรู้ว่า ข้าวสาลีหยวนม่ายที่เป่ยหวนเพาะปลูกมากที่สุด ผลผลิตหนึ่งหมู่ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยชั่งพืชเกษตรผลผลิตหกเจ็ดร้อยชั่งต่อหนึ่งหมู่ สำหรับเป่ยหวนแล้ว เป็นของขวัญที่ฟ้าประทานมาให้แต่น่าเศร้า ตอนแรกพวกเขาไม่รู้ว่ามันเทศดินเหล่านี้มีคุณค่า หลังได้รับมันเทศดินเหล่านี้มาส่วนใหญ่ก็ให้คนของชนเผ่านั้นไว้เลี้ยงม้าจนถึงเวลานี้ ปานปู้จึงได้รู้ว่า นี่คือการแก้แค้นของคนชราผู้นั้นคนชราผู้นั้นจงใจให้พวกเขารู้ว่าผลผลิตของมันเทศดินสูงมาก จงใจบอกวิธีเพาะปลูกกับพวกเขา แต่กลับรอให้พวกเขากินมันเทศดินเหล่านั้นหมดแล้ว รอจนกระทั่งตัวเองใกล้ป่วยตาย จึงค่อยบอกกับปานปู้ให้พว
เมืองจักรพรรดิต้าเฉียน อารมณ์ของจักรพรรดิเหวินสองวันนี้ดีเป็นพิเศษ มักจะแอบพระสลวนอยู่ตามลำพังครั้งนี้ จักรพรรดิเหวินหลบอยู่ในห้องทรงอักษรแอบพระสลวนขึ้นมา จากนั้นก็นำหนังสือยอมจำนนของเป่ยหวนที่หยุนเจิงส่งมาให้เปิดอ่านอีกรอบ หลังอ่านจบ ก็นำรายงานการรบขึ้นมาอ่านอีกครั้งจดหมายรายงานการรบฉบับบนี้ มีพระองค์ผู้เดียวที่อ่านคนมากมายรู้ว่าซั่วเป่ยรบชนะอีกแล้ว แต่ผลการรบ มีเพียงจักรพรรดิเหวินที่ทรงทราบด้านข้างของเขา ยังมีรายงานการรบอีกฉบับเป็นรายงานการรบของรัชทายาทหยุนลี่เขียนด้วยตัวเองความวุ่นวายตากอันอ๋องสงบแล้ว พวกเขากำลังกลับราชสำนักหลังจากได้รับชัยชชนะสำหรับรายงานการรบของหยุนลี่ จักรพรรดิเหวินทรงอ่านเพียงรอบเดียวก็ไม่ทอดพระเนตรอีกรายงานการรบสยบความวุ่นวายของอันอ๋อง ไม่มีสิ่งใดน่าดูจริงแท้!หากแม้แต่ความวุ่นวายของอันอ๋องยังสยบไม่ได้ เซียวว่านโฉวก็กลับไปขายขนมเปี๊ยะข้าวได้แล้ว!แม้จักรพรรดิเหวินจะทรงดีพระทัยมาก แต่ต่อหน้าคนภายนอก พระองค์แสร้งทำเป็นกลัดกลุ้มพระทัยกล่าวตามตรง จักรพรรดิเหวินทรงเสแสร้งได้ยากลำบากยิ่งทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้าหกลูกทรพี!จักรพรรดิเหวินกล่าวตำ
จักรพรรดิเหวินพยักหน้า จากนั้นก็กล่าวถาม “ผ่านความวุ่นวายของอันอ๋องครั้งนี้ เจ้าเห็นข้อเสียของราชสำนักเราหรือไม่?”“คือ...”หยุนเจิงไม่เข้าใจ ก้มโค้งกล่าว “ลูกโง่เขลา ขอเสด็จพ่อทรงอธิบาย”“ครอบครัวผู้มีอำนาจและราชวงศ์”จักรพรรดิเหวินขมวดคิ้ว กล่าวอย่างกลัดกลุ้ม “จ้างจื่อแค่เพียงคนเดียว ยังสามารถร่วมสมคบคิดกับอันอ๋องก่อกบฏได้ พวกเขาก่อความวุ่นวาย ราชสำนักก็จะสูญเสียภาษีไปหนึ่งปี...”กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินหยิบสาส์นฉบับหนึ่งส่งให้หยุนลี่นี่คือสาส์นที่สวีสือฝู่ถวายขึ้นมาเป็นเงินเสบียงที่ใช้ในการสยบความวุ่นวายอันอ๋องที่กรมการคลังตรวจสอบและคำนวนอย่างละเอียดการก่อกบฏของอันอ๋อง นำมาซึ่งความเสียหายอย่างหนักของฝู่โจวราชสำนักชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของทหารที่เสียชีวิต การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยสงคราม ซ่อมแซมกำแพงเมืองต่างและหน่วยงานราชการที่เสียหายในซู่โจว ล้วนต้องใช้เงินและเสบียงหากคำนวณดูแล้ว ราชสำนักใช้เงินในการสยบความวุ่นวายของอันอ๋องไม่น้อยเลย หยุนลี่ไม่รู้ว่าจักรพรรดิเหวินมีเจตนาใด ไม่กล้ากล่าวออกไปอย่างหุนหันพลันแล่น ทำได้เพียงถอนหายใจตาม “อันอ๋องก่อความวุ่นวายครั้