แต่น่าเสียดาย คนชราผู้นี้ติดเชื้อโรคในฤดูหนาว ยังไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิต้นปีก็ป่วยตายแล้วก่อนตาย คนชราผู้นั้นบอกกับปานปู้ ผลผลิตของมันเทศดินเหล่านั้นสูงมาก แม้เป่ยหวนไม่เหมาะกับการเพาะปลูกมันเทศดิน แต่ช่วงที่อากาศอบอุ่นก็สามารถเพาะปลูกได้คนชรากล่าวด้วยความมั่นใจ ต่อให้อยู่ที่เป่ยหวน มันเทศดินเหล่านั้นก็สามารถให้ผลผลิตหนึ่งหมู่หกเจ็ดร้อยชั่งขึ้นไปคนชรายังบอกวิธีปลูกมันเทศดินเหล่านั้นกับปานปู้หลังปานปู้ได้รู้ แน่นอนว่าเขาดีใจมากต้องรู้ว่า ข้าวสาลีหยวนม่ายที่เป่ยหวนเพาะปลูกมากที่สุด ผลผลิตหนึ่งหมู่ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยชั่งพืชเกษตรผลผลิตหกเจ็ดร้อยชั่งต่อหนึ่งหมู่ สำหรับเป่ยหวนแล้ว เป็นของขวัญที่ฟ้าประทานมาให้แต่น่าเศร้า ตอนแรกพวกเขาไม่รู้ว่ามันเทศดินเหล่านี้มีคุณค่า หลังได้รับมันเทศดินเหล่านี้มาส่วนใหญ่ก็ให้คนของชนเผ่านั้นไว้เลี้ยงม้าจนถึงเวลานี้ ปานปู้จึงได้รู้ว่า นี่คือการแก้แค้นของคนชราผู้นั้นคนชราผู้นั้นจงใจให้พวกเขารู้ว่าผลผลิตของมันเทศดินสูงมาก จงใจบอกวิธีเพาะปลูกกับพวกเขา แต่กลับรอให้พวกเขากินมันเทศดินเหล่านั้นหมดแล้ว รอจนกระทั่งตัวเองใกล้ป่วยตาย จึงค่อยบอกกับปานปู้ให้พว
เมืองจักรพรรดิต้าเฉียน อารมณ์ของจักรพรรดิเหวินสองวันนี้ดีเป็นพิเศษ มักจะแอบพระสลวนอยู่ตามลำพังครั้งนี้ จักรพรรดิเหวินหลบอยู่ในห้องทรงอักษรแอบพระสลวนขึ้นมา จากนั้นก็นำหนังสือยอมจำนนของเป่ยหวนที่หยุนเจิงส่งมาให้เปิดอ่านอีกรอบ หลังอ่านจบ ก็นำรายงานการรบขึ้นมาอ่านอีกครั้งจดหมายรายงานการรบฉบับบนี้ มีพระองค์ผู้เดียวที่อ่านคนมากมายรู้ว่าซั่วเป่ยรบชนะอีกแล้ว แต่ผลการรบ มีเพียงจักรพรรดิเหวินที่ทรงทราบด้านข้างของเขา ยังมีรายงานการรบอีกฉบับเป็นรายงานการรบของรัชทายาทหยุนลี่เขียนด้วยตัวเองความวุ่นวายตากอันอ๋องสงบแล้ว พวกเขากำลังกลับราชสำนักหลังจากได้รับชัยชชนะสำหรับรายงานการรบของหยุนลี่ จักรพรรดิเหวินทรงอ่านเพียงรอบเดียวก็ไม่ทอดพระเนตรอีกรายงานการรบสยบความวุ่นวายของอันอ๋อง ไม่มีสิ่งใดน่าดูจริงแท้!หากแม้แต่ความวุ่นวายของอันอ๋องยังสยบไม่ได้ เซียวว่านโฉวก็กลับไปขายขนมเปี๊ยะข้าวได้แล้ว!แม้จักรพรรดิเหวินจะทรงดีพระทัยมาก แต่ต่อหน้าคนภายนอก พระองค์แสร้งทำเป็นกลัดกลุ้มพระทัยกล่าวตามตรง จักรพรรดิเหวินทรงเสแสร้งได้ยากลำบากยิ่งทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้าหกลูกทรพี!จักรพรรดิเหวินกล่าวตำ
จักรพรรดิเหวินพยักหน้า จากนั้นก็กล่าวถาม “ผ่านความวุ่นวายของอันอ๋องครั้งนี้ เจ้าเห็นข้อเสียของราชสำนักเราหรือไม่?”“คือ...”หยุนเจิงไม่เข้าใจ ก้มโค้งกล่าว “ลูกโง่เขลา ขอเสด็จพ่อทรงอธิบาย”“ครอบครัวผู้มีอำนาจและราชวงศ์”จักรพรรดิเหวินขมวดคิ้ว กล่าวอย่างกลัดกลุ้ม “จ้างจื่อแค่เพียงคนเดียว ยังสามารถร่วมสมคบคิดกับอันอ๋องก่อกบฏได้ พวกเขาก่อความวุ่นวาย ราชสำนักก็จะสูญเสียภาษีไปหนึ่งปี...”กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินหยิบสาส์นฉบับหนึ่งส่งให้หยุนลี่นี่คือสาส์นที่สวีสือฝู่ถวายขึ้นมาเป็นเงินเสบียงที่ใช้ในการสยบความวุ่นวายอันอ๋องที่กรมการคลังตรวจสอบและคำนวนอย่างละเอียดการก่อกบฏของอันอ๋อง นำมาซึ่งความเสียหายอย่างหนักของฝู่โจวราชสำนักชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของทหารที่เสียชีวิต การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยสงคราม ซ่อมแซมกำแพงเมืองต่างและหน่วยงานราชการที่เสียหายในซู่โจว ล้วนต้องใช้เงินและเสบียงหากคำนวณดูแล้ว ราชสำนักใช้เงินในการสยบความวุ่นวายของอันอ๋องไม่น้อยเลย หยุนลี่ไม่รู้ว่าจักรพรรดิเหวินมีเจตนาใด ไม่กล้ากล่าวออกไปอย่างหุนหันพลันแล่น ทำได้เพียงถอนหายใจตาม “อันอ๋องก่อความวุ่นวายครั้
คำพูดของจักรพรรดิเหวิน ทำให้สมองของหยุนลี่เกิดเสียงวิ้งๆ ขึ้นมาจริงด้วย!เป่ยหวนล้วนถูกเจ้าหกทำลายแล้ว!เจ้าหกคนเดรัจฉานต้องการไปยึดอำนาจก่อกบฎที่ซั่วเป่ยตอนนี้ เจ้าสัตว์เดรัจฉานนี้ทหารแข็งแกร่งม้าแข็งแรง หากเขาเคลื่อนทัพลงใต้ ความเป็นไปได้ที่กองทัพของราชสำนักจะขัดขวางไว้ได้มีน้อยมากคาดว่า แม่ทัพอาวุโสมากมายของราชวงศ์คงไม่กล้ากรีธาทัพออกรบ!จะสู้เช่นไร?เจ้าหกคงไม่เสี่ยงสังหารบิดาแล้วขึ้นครองราชแต่เขาที่เป็นรัชทายาทต้องซวยแน่นอน!ไม่ว่าเขา เจ้าสอง เจ้าสี่ เจ้าห้า เกรงว่าต้องตายกลายเป็นวิญญาณเพราะเจ้าสัตว์เดรัจฉานนี่!“ต่อให้เสด็จพ่อเปิดตลาดการค้า เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนทัพลงใต้!”หยุนลี่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมองมองจักรพรรดิเหวิน“เปิดตลาดการค้า เขาไม่มีข้ออ้างให้เคลื่อนทัพลงใต้แล้ว ความชอบธรรมยังเข้าข้างเรา”จักรพรรดิเหวินส่ายหน้า “ตอนนี้ที่ข้ากังวลที่สุดไม่ใช่เจ้าหก แต่เป็นตระกูลผู้มีอำนาจและราชวงศ์! เมื่อเจ้าหกเคลื่อนทัพลงใต้ ตระกูลผู้มีอำนาจและราชวงศ์เหล่านั้นเกรงว่าคงก่อความวุ่นวายด้านหลังพวกเรา...”จักรพรรดิเหวินกล่าวเช่นนี้ ทันใดนั้นหยุนลี่ก็รู้สึกเหมือนน
สถานการณ์ของตระกูลผู้มีอำนาจและราชวงศ์ พวกเขารู้ดีอย่างยิ่งเมื่อหยุนเจิงเคลื่อนทัพลงใต้ ไม่เพียงแต่ตระกูลผู้มีอำนาจและราชวงศ์จะคล้อยตามหยุนเจิง ดีไม่ดี อาจฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายหยุนเจิงเป็นคนที่ต่อกรด้วยยากยิ่งหากเกิดไฟไหม้สวนหลังบ้าน อย่าว่าแต่หยุนลี่ที่เป็นรัชทายาทเลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินที่เป็นจักรพรรดิคงต้องถูกดึงลงจากหลังม้าแล้วแต่ตระกูลสวีเป็นตระกูลผู้มีอำนาจหรือไม่?หรือต้องให้เขาจัดการตระกูลตัวเองหรือ?สวีสือฝู่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็ถามหยั่งเชิง “การกระทำของฝ่าบาทครั้งนี้ เป็นการยิงหินนัดเดียวได้นก สองตัว! แต่ตระกูลผู้มีอำนาจและราชวงศ์เหล่านั้นอำนาจบารมียิ่งใหญ่ เสียงลงมือกับพวกเขา เกรงว่าจะเกิดปัญหา วุ่นวายพะย่ะค่ะ!”“ใช่แล้วพะย่ะค่ะ!”หยุนลี่พยักหน้าเห็นด้วย“ข้ารู้”จักรพรรดิเหวินพยักหน้า “ดังนั้น สิ่งที่ข้าคิดคือ เรื่องนี้ต้องทำทีละก้าว การเคลื่อนไหวไม่อาจใหญ่มากนัก!”สวีสือฝู่ครุ่นคิด กล่าวอย่างเอาอกเอาใจ “ฝ่าบาทตรัสมีเหตุผลพะย่ะค่ะ”จักรพรรดิเหวินนวดพระเศียรที่กำลังปวด สายพระเนตรทอดมองสวีสือฝู่และหยุนลี่สลับกันไปมาทั้งสองคนถูกสายพระเนตรของจักรพร
สวีสือฝู่ไม่รู้ว่าจักรพรรดิเหวินทรงกำลังคิดสิ่งใด ทำได้เพียงตามจักรพรรดิเหวินไปยังสวนหลวง“เหล่าสวี พวกเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว?”ขณะที่เดินไป จักรพรรดิเหวินก็ทรงตรัสออกมาหนึ่งประโยคเหล่าสวี?สวีสือฝู่เท้าหยุดชะงักคำเรียกนี้ เขาไม่ได้ยินจากพระโอฐของจักรพรรดิเหวินมานางหลายปีแล้วจักรพรรดิเหวินตรัสเรียกเช่นนี้ขึ้นมากะทันหัน เกรงว่าน่าจะมีเจตนาอื่น!สวีสือฝู่คิดเล็กน้อย จากนั้นก็เดินตามจักรพรรดิเหวิน ตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “กระหม่อมคิดคำนวณดูแล้ว กระหม่อมกับพระองค์รู้จักกันเกือบสี่สิบปีแล้วพะย่ะค่ะ”“ใช่แล้ว! เกือบสี่สิบปีแล้ว! พวกเราล้วนแก่แล้ว!”จักรพรรดิเหวินถอนพระทัย “ไม่ปิดบังเจ้า หลังเรื่องของเว่ยเหวินจง ข้าเคยคิดที่จะปลดรัชทายาท!”สวีสือฝู่หนังตากระตุก ไม่รู้ควรตอบเช่นไร“เหตุใด ตกใจกลัวแล้ว?”จักรพรรดิเหวินหันพระพักตร์ทอดพระเนตรสวีสือฝู่ที่ไม่พูดไม่จา“คือ...”สวีสือฝู่ฝืนยิ้มออกมา “กระหม่อมไม่กล้าปิดบังฝ่าบาท กระหม่อมตกใจกลัวแล้วพะย่ะค่ะ”จักรพรรดิเหวินสีพระพักตร์เคร่งขรึม ตรัสเสียงเฉียบ “ข้ารู้ เจ้าสามต้องติดต่อกับเว่ยเหวินจงเป็นการส่วนตัว คิดจะฆ่าเจ้าหก”สวีสือ
“กระหม่อมเข้าใจพะย่ะค่ะ!”สวีสือฝู่พยักหน้าหนักแน่นความสำคัญของฟู่โจว ไม่ต้องกล่าวก็เข้าใจเขาละโมบเงินจากที่ใด ก็ไม่กล้าละโมบเงินค่าจ้างกองทัพแนวป้องกันฟู่โจว!จักรพรรดิเหวินครุ่นคิดเงียบๆ จากนั้นก็กล่าวต่อ “เจ้าหกลูกทรพีตีเป่ยหวนจนขอยอมจำนนเจรจาสันติ ราชสำนักก็ต้องแสดงความเห็นไม่มากก็น้อย กลับไปเจ้าปรึกษาการพระราชทานรางวัลเรื่องนี้!”“พรุ่งนี้ตอนประชุมขุนนาง ข้าจะประกาศรายงานการรบของเจ้าลูกทรพีในท้องพระโรง!”“ถึงเวลานั้น เกี่ยวกับรางวัลที่ประธานในกองทหารมณฑลทางเหนือ พรุ่งนี้ต้องมีการประชุมหารือครั้งใหญ่”“ข้าต้องการเพียงข้อเดียว ห้ามขัดต่อจิตใจทหาร แต่ก็ห้ามพระราชทานรางวัลมากเกินไป!”เมื่อได้ฟังคำร้องขอของจักรพรรดิเหวิน สวีสือฝู่ร้องคร่ำครวญในใจห้ามขัดต่อใจเหล่าทหาร แต่ก็ห้ามให้เงินมากเกินไป?ให้พวกเขาจะเจรจาแผนการประทานรางวัลได้เช่นไร!นี่ก็คือคำในพจนานุกรมที่บอกว่าไม่ให้ข้าวสารแต่สั่งให้คนหุงข้าวหรือ?สวีสือฝู่บ่นในใจอยู่นาน ทว่ากลับต้องฝืนใจตอบตกลงแล้วต่อไป จักรพรรดิเหวินทรงสนทนากับสวีสือฝู่อีกสักพัก จึงปล่อยให้สวีสือฝู่จากไปสวีสือฝู่เพิ่งออกไป พระพัตกร์ของจักรพร
ชั่วพริบตา เวลาผ่านไปหลายวันแล้วพวกหยุนเจิงในที่สุดก็มาถึงชายแดนกู้อย่างรวดเร็วผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว หยุนเจิงเหนื่อยล้าทั้งกายใจการต่อสู้ครั้งนี้เดินทางไปไกลมาก!ต่อสู้กันไม่กี่ครั้ง ทั้งหมดใช้เวลาไปกับการเดินทางตอนที่หยุนเจิงกำลังแอบทอดถอนใจ บริเวณไกลๆ ก็ปรากฏกลุ่มคนดำทมิฬเป็นแถบ คนเหล่านั้นเหมือนกำลังซ่อมแซมบางอย่าง“ส่งคนไปดูว่าเกิดเรื่องใดขึ้น”หยุนเจิงสั่งเกาเหอไม่นาน องครักษ์คนหนึ่งก็ควบม้าตรงเข้ามาไม่นาน หยุนเจิงเห็นองครักษ์พาคนสองสามคนควบม้ามาทางนี้ใครมาแล้ว?หยุนเจิงมองด้วยความสงสัยเมื่อคนเหล่านั้นวิ่งเข้ามาใกล้ ในที่สุดหยุนเจิงก็รู้แล้วว่าใครมาจางซู!แล้วน่าจะมีหมิงเย่ว์!จางซูรูปร่างชัดเจน!แต่ให้เห็นหน้าไม่ชัด แต่ก็สามารถคาดเดาจากรูปร่างได้“องค์ชาย องค์ชาย...”“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่...”ยังอยู่ห่างกัน จางซูส่งเสียงร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ ทั้งยังได้ยินเสียงของหมิงเย่ว์ได้อย่างคลุมเครือไม่นาน จางซูและหมิงเย่ว์ก็พาคนวิ่งเข้ามาทั้งสองคนหยุดลงในระยะห่างกันยี่สิบจั้ง แล้วพลิกตัวลงจากหลังม้าสภาพจางซูลงจากหลังม้าค่อนข้างทุลักทะเล ทำเอาหมิงเย่ว์บนเข
"ไม่ต้องเก็บแล้ว!" จักรพรรดิเหวินตวาดเสียงดัง "รีบไปแจ้งเจ้าหกตามคำสั่งข้าว่า ข้าจะไปตกปลาที่ทะเลสาบชิงซาน ให้เขามาคอยปรนนิบัติข้างกาย!"มู่ซุ่นสะดุ้งตัว รีบกล่าวด้วยความหวาดกลัว "ฝ่าบาท โปรดระงับโทสะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้ ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกริ้วจนเสียสุขภาพเลยพ่ะย่ะค่ะ...""รีบไปถ่ายทอดคำสั่งของข้าเดี๋ยวนี้!"จักรพรรดิเหวินขัดคำพูดของมู่ซุ่นอย่างหยาบกระด้างมู่ซุ่นไม่กล้าพูดอะไรต่อ รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วหลังจากประตูปิดลง จักรพรรดิเหวินก็เริ่มขว้างปาข้าวของในห้องอีกครั้งเมื่อมองดูความยุ่งเหยิงเต็มพื้น สีหน้าของจักรพรรดิเหวินเริ่มแสดงความรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อยการระบายโทสะครั้งนี้ ข้าทำลายของมีค่ามากมายเลยทีเดียวแต่เมื่อสายตาของเขาหันไปมองราชบัลลังก์ของโฉวฉือที่ตั้งอยู่ในห้อง ความเสียดายก็คลายลงไปอืม ของสิ่งนี้นับว่าเป็นของดีจริงๆหากนำไปขาย คงได้ราคาไม่ต่ำกว่าสองสามล้านตำลึงเงินแน่แต่ปัญหาคือ ของสิ่งนี้ขายยาก!ในราชสำนักต้าเฉียน ไม่มีใครมีปัญญาซื้อหรือถึงจะมีก็แทบไม่มีคนที่กล้าซื้ออยู่ดีช่างเถิด บัลลังก์นี้อย่าขายเลยไว้เมื่อใดที่ข้าล่วงลับ ก็จะนำมันไปเป็น
คืนนั้น หยุนเจิงพักอยู่ในจวนอ๋องแห่งใหม่ของเขาการป้องกันภายในจวนแน่นหนาเป็นพิเศษ หากจะใช้คำว่า สามก้าวหนึ่งด่าน ห้าก้าวหนึ่งยาม ก็คงไม่เกินจริงรอบจวนอ๋องเอง ก็มีทหารองครักษ์ของหยุนเจิงลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องด้วยการป้องกันเช่นนี้ การลอบสังหารหยุนเจิงแทบจะเป็นไปไม่ได้แม้ใครจะส่งกองทัพใหญ่เข้ามาโจมตีจวนอ๋องโดยตรง ก็ไร้ความหมายทหารองครักษ์ของหยุนเจิงเพียงพอที่จะต้านทานได้ระยะหนึ่ง และเมื่อยื้อเวลาไว้ได้ไม่นาน กองทหารโลหิตก็จะเข้ามาเสริมกำลังเช้าวันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงกำลังรับประทานอาหาร เสิ่นควานก็รีบร้อนพาภูตห้ามาพบเมื่อหยุนเจิงไล่คนรอบข้างออกไปแล้ว ภูตห้าก็รายงานทันที “กราบทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมได้จับตัวเฉียวเหยียนเซียน ผู้บัญชาการทหารฝ่ายซ้ายของจวนองค์รัชทายาท พร้อมพรรคพวกของเขาได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเขากำลังจะไปยังหุบเขาที่จ้าวจี๋ประจำการอยู่ แต่กระหม่อมพบว่าเฉียวเหยียนเซียนปิดปากแน่น กระหม่อมลองทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่สามารถให้เขาเปิดปากได้...”ผู้ที่ไปพร้อมกับเฉียวเหยียนเซียนยังมีทหารอีกจำนวนหนึ่งแต่ทหารเหล่านั้นรู้เพียงว่าพวกเขาจะไปยังที่ตั้งของจ้าวจี๋ในหุบเขาส่วนจุดประสงค์
“ลุกขึ้นเถิด”หยุนเจิงสะบัดแขนเสื้อเบาๆ “ใต้เท้าเซี่ยมีธุระอันใดหรือ?”“กระหม่อมมาพบองค์หญิงเจียเหยาพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยหล่างโค้งตัวกล่าว “กระหม่อมได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาท ให้มาแจ้งองค์หญิงตามราชประเพณี โปรดให้องค์หญิงย้ายไปยังจวนชั่วคราวที่เตรียมไว้ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้องค์หญิงนำองครักษ์ใกล้ชิดจำนวนสามร้อยนายไปด้วย กระหม่อมได้จัดเตรียมข้าทาสบริวารไว้พร้อมแล้ว สำหรับคนอื่นๆ ในคณะส่งตัวเจ้าสาว จะจัดให้อยู่ในค่ายป้องกันเมืองชั่วคราว...”“ได้ทั้งนั้น”เจียเหยาตอบเรียบๆพวกนั้นมิใช่คนของนาง จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่พวกเขา“ถ้าเช่นนั้น เจ้าพาองค์หญิงเจียเหยาไปยังจวนชั่วคราวก่อนเถิด!”หยุนเจิงรู้สึกไม่พอใจกับพิธีการซับซ้อนเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไม่นาน เจียเหยาก็พาองครักษ์ของนางติดตามเซี่ยหล่างไปเนื่องจากองครักษ์ของเจียเหยามีไม่ถึงร้อยคน ฟู่เทียนเหยียนจึงส่งคนเพิ่มให้อีกสองร้อยคนร่วมเดินทางด้วยส่วนสินเดิมทั้งหมด ก็จะถูกส่งไปยังจวนชั่วคราวพร้อมกันในวันแต่งงาน สินเดิมเหล่านี้จะถูกขนย้ายไปยังจวนจิ้งเป่ยอ๋องหลังจากเจียเหยาออกไปได้ไม่นาน หลูซิ่งก็มาหาที่จวนหยุนเจิงเชิญหลูซิ่งนั่ง
“เสด็จพ่อของเจ้า ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเจ้าสักเท่าไรหรอกนัก?”ขณะที่เดินทางไปยังจวนเพื่อแนะนำทาง เจียเหยายิ้มพลางเอ่ยถามหยุนเจิง“นี่ไม่ใช่คำถามไร้สาระหรอกหรือ?”หยุนเจิงเหลือบมองเจียเหยาด้วยสายตาเฉียง ก่อนตอบว่า “หากเจ้าเป็นเขา เจ้าจะชอบลูกที่เกิดจากนางกำนัลคนหนึ่งหรือไม่? แถมลูกคนนี้ยังแย่งชิงอำนาจการทหารของกองทัพมณฑลทางเหนือ ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของราชสำนัก และราชสำนักก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้”“แล้วมันสำคัญอะไร?”เจียเหยาแสดงท่าทีไม่ใส่ใจ “หากข้าเป็นเขา แล้วมีลูกชายที่เก่งกาจในการรบเช่นนี้ ข้าคงดีใจจนแทบบ้า”“นั่นก็เพราะเจ้ามิได้นั่งอยู่ในตำแหน่งของเขา” หยุนเจิงส่ายหัวเบาๆ “หากเจ้านั่งอยู่ในตำแหน่งของเขา สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาย่อมมากกว่านี้อีก! แม่ทัพผู้เก่งกาจมีมากมาย แต่มีจักรพรรดิคนใดเล่าที่เก่งกาจในการรบด้วยตัวเอง?”อย่างนั้นหรือ?เจียเหยาหันศีรษะครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสงบนิ่งสิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผลไม่ว่าจะเป็นต้าเฉียนหรือเป่ยหวน ผู้ที่เก่งกาจในการรบ มักตกเป็นเป้าหมายของความหวาดระแวงช่วยไม่ได้ นี่คือธรรมชาติของมนุษย์“จริงๆ แล้ว ด้วยอำนาจของเจ้าในตอนนี้ เจ
“พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รับคำสั่งด้วยความนอบน้อม แต่ในใจกลับเย็นเยียบหากไม่ใช่เพราะเสด็จพ่อเตือน เขาคงไม่คิดสงสัยว่าจะมีใครลอบส่งข่าวให้เจ้าหกตอนนี้ เจ้าหกมีกำลังทหารที่แข็งแกร่ง หากมีคนหวาดกลัวเขาแล้วเลือกที่จะลอบสมคบ คงเป็นไปได้ยิ่งนัก!หวังว่าจะไม่ใช่คนของฝั่งตนเอง!ไม่เช่นนั้น ตนจะทำให้พวกมันอยู่ไม่สู้ตาย!หยุนลี่คิดอย่างเคียดแค้น"เฮ้อ..."ขณะที่หยุนลี่กำลังคิดอย่างโกรธแค้น จักรพรรดิเหวินก็ถอนหายใจยาว“เสด็จพ่อ เหตุใดจึงถอนหายใจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หยุนลี่ถามด้วยความกังวล“เจ้าสาม เจ้าต้องทำให้ข้าภูมิใจ!”จักรพรรดิเหวินจ้องหยุนลี่นิ่งๆ ก่อนจะกล่าวต่อ“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ก่อนข้าออกจากเมืองหลวง มีคนลอบกราบทูลข้าว่า หากต้องการแก้ปัญหาระหว่างราชสำนักกับเจ้าหก วิธีที่ดีที่สุดก็คือแต่งตั้งเจ้าหกเป็นองค์รัชทายาท...”อะไรนะ?เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ก็เกิดจิตสังหารขึ้นในใจคนสารเลวคนไหนที่บังอาจลอบกราบทูลเรื่องนี้?แต่งตั้งหยุนเจิงเป็นองค์รัชทายาท เช่นนั้นตนยังจะมีทางรอดหรือ?คนสารเลวคนนี้ คิดจะเอาชีวิตตนแน่!ต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้ว่าใครเป็นผู้ก่อคลื่นลม หาก
เมื่อเผชิญกับคำถามที่เปี่ยมด้วยความโกรธของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ในใจก็ได้แต่ร้องบอกว่าไม่ยุติธรรมเขาย่อมอยากจับตัวเจ้าหก คนชั่วนี้ไว้จริงๆ!แต่คนชั่วนี้กลับนำทหารม้าชุดเกราะหนักมาด้วย!เขาอยากจับตัวหยุนเจิง แต่ก็ต้องมีโอกาสสิ!หากจัดการเรื่องนี้ไม่ดี อาจถึงคราวชีวิตองค์รัชทายาทอย่างเขาต้องจบสิ้น!หยุนเจิงคงไม่กล้าฆ่าเสด็จพ่อ แต่เขาจะไม่กล้าฆ่าตนด้วยหรือ?คนชั่วนั้น ตอนเข้าเฝ้าเสด็จพ่อในโถงใหญ่ บรรดาทหารองครักษ์ของเขาก็อยู่รอที่ด้านนอกโถงเห็นได้ชัดว่า คนชั่วนี้ระวังตัวทุกขณะ แม้แต่กับพวกเราหากลงมือพลาดไป เรื่องนี้ก็ไม่มีทางแก้ไขได้อีกแล้ว!“ทหารม้าชุดเกราะหนัก?”สีหน้าของจักรพรรดิเหวินพลันมืดลงทันที เขาคว้าถ้วยชาขึ้นแล้วปามันลงพื้น แตกกระจายเต็มไปหมด พลางตะโกนด้วยเสียงต่ำและโกรธเกรี้ยว “ลูกอกตัญญูคนนี้ยังกล้าซ่อนกองทหารม้าชุดเกราะหนักอีกหรือ? นำทหารม้าชุดเกราะหนักมาที่หัวเมืองสี่ทิศ เขาคิดจะทำอะไร?”หยุนลี่ตอบด้วยใบหน้าขมขื่นว่า“เจ้าหกกล่าวว่า นี่เพื่อข่มขวัญคณะส่งตัวเจ้าสาวจากเป่ยหวน และป้องกันไม่ให้พวกเขาฉวยโอกาสทำร้ายเสด็จพ่อและลูกพ่ะย่ะค่ะ”“ไร้สาระ!” จักรพรรดิเหวินตว
จักรพรรดิเหวินแม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ท่าทีของเขากลับเรียบนิ่ง ดูเหมือนไม่ได้มีความสนใจเลยแม้แต่น้อยหยุนลี่จับสังเกตท่าทีทั้งหมดของจักรพรรดิเหวินไว้ในใจ พลางลอบยินดีหยุนเจิงรับคำสั่งทันที แล้วบอกให้เสิ่นควานจัดการให้คนยกสิ่งของขึ้นมาไม่นานนัก ทหารองครักษ์แปดนายก็แบกบัลลังก์ของราชาโฉวฉือเดินเข้ามาอย่างช้าๆ“นี่คือ…อะไรหรือ?”จักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง“นี่คือบัลลังก์ของราชาโฉวฉือ!”หยุนเจิงยิ้มพลางกล่าว “หลังจากโฉวฉือยอมจำนน กระหม่อมได้สั่งให้คนยกบัลลังก์นี้กลับมายังซั่วเป่ยโดยเฉพาะ เพื่อถวายแด่เสด็จพ่อ!”“โอ้?”จักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะสนใจขึ้นจริงๆ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืน รอจนทหารองครักษ์ของหยุนเจิงวางบัลลังก์ของราชาโฉวฉือลงแล้ว จักรพรรดิเหวินก็รีบขึ้นไปนั่งทดลองทันที ก่อนจะหัวเราะพลางกล่าวว่า “เห็นแก่ความจงรักภักดีของเจ้า ของขวัญชิ้นนี้ ข้ารับไว้แล้ว! องค์รัชทายาท เจ้าก็มาลองนั่งดูบ้าง!”พูดจบ จักรพรรดิเหวินก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์“เสด็จพ่อ ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่โบกมือปฏิเสธรัวๆ “นี่คือของขวัญที่น้องหกถวายแด่เสด็จพ่อ ของสิ่งนี้เป็นถึงบัลลังก์ ลูกไม่อาจ…”
หลังจากสร้างความอึดอัดใจให้หยุนลี่จนเต็มท้อง ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ตัวเมืองการมาถึงของหยุนเจิงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวบ้านในหัวเมืองสี่ทิศแทบทุกคนในหัวเมืองสี่ทิศต่างออกมายืนเรียงรายริมถนนเพื่อต้อนรับ และหวังจะได้เห็นโฉมหน้าของจิ้งเป่ยอ๋องผู้เลื่องชื่อเจียเหยาค่อยๆ เลิกม่านรถม้าขึ้นเล็กน้อย มองดูบรรยากาศด้านนอกอย่างเงียบๆนางไม่รู้ว่าหัวเมืองสี่ทิศนับว่ารุ่งเรืองหรือไม่แต่สิ่งที่นางเห็นคือ รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขบนใบหน้าของชาวบ้านเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความภาคภูมิใจแฝงอยู่เล็กน้อยบางที พวกเขาอาจภูมิใจที่ต้าเฉียนมีท่านอ๋องผู้เก่งกาจในการรบเช่นนี้กระมัง?ใช่แล้ว!ผู้ที่ขยายอาณาเขต กำราบศัตรู และพิชิตแคว้นในศึกเดียว!เขาคือผู้ที่นำทัพสร้างครึ่งหนึ่งของดินแดนต้าเฉียนด้วยความกล้าหาญและความสามารถ!หากเป่ยหวนมีองค์ชายที่เก่งกาจเช่นนี้ ชาวเป่ยหวนก็คงจะรู้สึกภูมิใจเช่นกันกระมัง?เฮ้อ!นางจากเป่ยหวนมานานถึงเพียงนี้ ไม่รู้เลยว่ากุ่ยฟางได้ส่งมอบเสบียงและปศุสัตว์ให้แก่ทัวฮวนแล้วหรือยังตอนนี้คือช่วงเวลาที่เป่ยหวนหนาวเย็นที่สุด หากมีทรัพยากรเหล่านั้น ชาวเป่ยหวนคงจะผ่
หยุนเจิงมองหยุนลี่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ทั้งโลกก็รู้ว่าจางซูเป็นคนของข้า ตอนนี้เจ้าเอาจางซูไปกักขังไว้ในเมืองหลวง เจ้าคิดว่าข้าจะยอมรับได้หรือ?""เจ้าพูดแบบนั้นไม่ถูกแล้ว"เมื่อพูดถึงจางซู หยุนลี่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย พร้อมกับยิ้มอย่างมีเล่ห์ "จางซูเองอยากอยู่ในเมืองหลวง แต่อยู่ดีๆ เจ้าจะมาหาว่าข้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? เจ้าดูสิ เจ้าคิดว่าเอาจางซูมาเป็นพี่น้องกับเจ้าขนาดนี้ แต่วันแต่งงานกับเจียเหยา จางซูกลับไม่ถามอะไรเลย?"การขัดขวางหยุนเจิง ทำให้หยุนลี่รู้สึกสะใจ หมาน้อย เจ้าได้ใจมากไม่ใช่หรือฦเจ้าก็มีวันนี้?“ดีที่สุดก็ให้มันเป็นเช่นนั้น!"หยุนเจิงหน้าเครียดขึ้น เตือนเสียงต่ำ "ถ้าจางซูเลือกที่จะอยู่ในเมืองหลวง ข้าก็ไม่พูดอะไร แต่ถ้าข้าหาเจอว่าจางซูถูกเจ้ากักขังในเมืองหลวง ไม่ว่าเสด็จพ่อจะออกมาช่วยอย่างไรก็ไม่ช่วย!""เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบดูซะ!" หยุนลี่ไม่สะทกสะท้าน ยิ้มเยาะเย้ยอยู่บนใบหน้า"ข้าจะไปตรวจสอบให้ได้!"หยุนเจิงแค่นเสียงเหอะเบาๆ "อ้อ มีเรื่องที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยด้วย"“เจ้าจิ้งเป่ยอ๋องยังมีเรื่องมาขอข้า?”หยุนลี่ทำท่าทางตกใจ "บอกมาเถอะ มีอะไร?"ช่วยเขา? แน