ถัดไปสองวัน พวกหยุนเจิงโจมตีชนเผ่าหนึ่งอีกครั้งแต่ว่า ชนเผ่าแห่งนี้ได้ข่าวการบุกรุกของพวกเขาแล้ว ทั้งหมดหนีไปแล้วกระโจมของชนเผ่าแห่งนั้นยังอยู่ แต่คนและปศุสัตว์ล้วนหนีไปหมดเกลี้ยงแล้วมองดูร่องรอย น่าจะหนีไปทางตะวันตกแล้วพวกหยุนเจิงบุกมา นางจากกระโจมมากมายและอาหารประเภทเนื้อแห้ง ก็ไม่ได้รับสิ่งอื่นใดแต่ว่า นี่สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสิ่งที่เขาต้องการก็คือผลลัพธ์นี้!หากเป่ยหวนยอมจำนนแล้ว สิ่งที่พวกเขาไม่ได้รับบนสนามรบ ล้วนได้มาด้วยการเจรจา!ตอนนี้ ยังไม่ต้องรีบ!ตอนที่หยุนเจิงเตรียมจะเรียกคนให้เผากระโจมเหล่านี้ หน่วยสอดแนมคนหนึ่งควบม้ามารายงาน “รายงานองค์ชาย มีทหารม้ากองหนึ่งกำลังมุ่งหน้าประชิดเข้ามาจากสถานที่ไกล! คำนวณดูคร่าวๆ น่าจะไม่ถึงห้าร้อยคน...”ไม่ถึงห้าร้อยคน?หยุนเจิงรู้สึกผิดปกติเล็กน้อยน่าจะไม่ใช่คนของพวกเขากระมัง?แม้เป่ยหวนพ่ายแพ้แล้ว แต่ถึงเช่นไรนี่ก็เป็นถิ่นฐานของเป่ยหวนต่อให้พวกเขาบังอาจเพียงใดก็ไม่ถึงขั้นหูหนวกตาบอดพาคนมาห้าร้อยคนหรอก!น่าจะเป็นชาวเป่ยหวนกระมัง?แต่ว่า เป่ยหวนคนเล็กน้อยเพียงเท่านี้มาเพื่อสิ่งใด?หรือว่า มาน้อมส่งพ
หยุนเจิงขมวดคิ้วมองเจียเหยา “เจ้าวิ่งมาหาข้าเช่นนี้ คงไม่ใช่เพราะเรื่องนี้กระมัง?”“ไม่ใช่อยู่แล้ว!”เจียเหยาสูดหายใจลึก พยายามทำให้ตัวเองสงบลง จากนั้นก็ค่อยๆ คุกเข่าลงกับพื้น “ข้าในนางองค์หญิงเจี้ยนกั๋ว ขอยอมจำนนต่อต้าเฉียนอย่างเป็นทางการ นี่คือตราสารยอมจำนนของเป่ยหวน ขอท่านอ๋อง...โปรดอ่าน!”เจียเหยากล่าวจบ ก็ค่อยๆ นำม้วนหนังสือออกมาจากหน้าอก สองมือชูม้วนหนังสือขึ้นสูงเดิมทีนี่ก็เป็นความอัปยศครั้งยิ่งใหญ่ทว่านางก็ยังคงเชิดหน้าขึ้น ราวกับว่า นี่เป็นความอัปยศครั้งสุดท้ายของนางหรือบางที นางกลัวว่าตอนที่ก้มหน้า น้ำตาจะหยดไหลลงมาเมื่อได้ฟังคำของเจียเยหา ทหารต้าเฉียนตื่นเต้นอย่างมากยอมจำนน!นี่คือการยอมจำนนที่แท้จริงแล้ว!ไม่เพียงเจรจาสันติ!พวกเขาตีเป่ยหวนจนยอมจำนนแล้ว!การยอมจำนนกะทันหันของเจียเหยา ทำให้หยุนเจิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ตามสถานการณ์ปกติแล้ว ตอนนี้เขาควรลงจากหลังม้าไปนั่งคุยกับเจียเหยาแต่เขาไม่ได้ทำเช่นนี้เจียเหยายอมจำยย เป็นทางเลือกที่ฉลาดมีปัญญาที่สุดเป่ยหวนโดนบีบบังคับจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว หากไม่ยอมจำนน ไม่รู้ต้องมีคนตายมากมายเท่าใดพวกเขาก่อเรื่องเช่
“ลูกไม้?”เจียเหยายิ้มอย่างโศกเศร้า “เดินข้าสามารถหนีไปไกลได้ เดิมก็สามารถรอจนพวกเจ้าล่าถอยค่อยพาคนกลับมาอีกครั้งได้ แต่ตอนนี้ข้าเป็นฝ่ายมาหาเจ้าเพื่อยอมจำนน เจ้ายังบอกว่าข้าเล่นลูกไม้?”หยุนเจิงสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อไม่มีลูกไม้ใด เช่นนั้นก็ยกฉีเหยียนให้ข้าเถอะ!”เจียเหยาจับจ้องหยุนเจิงช่วงพริบตานั้น นางอยากจะโผเข้าไปโดยไม่สนทุกสิ่ง ตายตกไปพร้อมหยุนเจิงแต่สุดท้าย เจียเหยาก็พยามยามควบคุมความคิดนี้เอาไว้ไม่ต้องพูดถึงว่านางจะสามารถตายไปพร้อมกับหยุนเจิงได้หรือไม่ต่อให้นางทำเช่นนั้นได้จริง นางเองก็ไม่กล้าทำเมื่อสูญเสียหยุนเจิงไป ด้วยความโกรธของเหล่าลูกน้องหยุนเจิงจะทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่สนใจผลลัพธ์ เปิดฉากสังหารหมู่นองเลือดกับชนเผ่าทุกแห่งในทุ่งหญ้าต่อให้พวกเขาต้องให้อาหารม้าไปไล่ล่าติดตามไป ก็ไม่มีทางปล่อยทุกชนเผ่าในทุ่งหญ้าอีกทั้ง คนชราเหล่านั้น จะต้องเผชิญกับการสังหารหมู่“ถ้าหากเจ้าต้องการฉีเหยียนให้ได้ เช่นนั้นข้าก็ยกเข้าให้เจ้าแล้วกัน!”หลังพยายามควบคุมความวู่วามภายในใจ ในที่สุดเจียเหยาก็เลือกประณีประนอม “เจ้าจับข้าก่อนได้ ถึงเวลานั้น จะมีคนนำฉีเหยียนมาเปลี่ยนตัวก
เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ทุกคนสีหน้าดำอึมครึมอีกครั้งฉินชีหู่มองหยุนเจิงด้วยความสนอกสนใจ ในใจแอบคิดหนังหน้าของหยุนเจิงนี้ฝึกฝนออกมาได้เช่นไร!กล่าวคำนี้ออกมา นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่หน้าแดงสักนิด?หากให้เขาไป เขาคงเกรงใจที่จะพูดออกมาในทางกลับกันหยุนเจิง กลับพูดออกมาได้หน้าตาเฉยเจียเหยาใบหน้ากระตุกเล็กน้อย กัดฟันกล่าว “ข้าคุกเข่าดีแล้ว! ข้าเป็นองค์หญิงเจี้ยนกั๋ว ไม่มีสิทธิ์ยืนเจรจากับเจ้า! เจ้าบอกเงื่อนไขเจ้ามาเถอะ!”“ไม่ยืนจริงหรือ?”หยุนเจิงขมวดคิ้วเขากำลังสงสัยอย่างรุนแรง เจียเหยากำลังทำตัวหน้าสงสารผู้หญิงคนนี้คิดจะให้เขาเกิดความคิดถนอมหยกรักบุปผาขึ้นมาจริงๆเมื่อได้เช่นนี้ ดาบที่เขาลงใส่เป่ยหวนก็จะไม่ค่อยรุนแรงนักแต่น่าเสียดาย เวลานี้ เขาไม่มีทางถนอมหยกรักบุปผาเด็ดขาด“ในเมื่อเจ้ายินดีคุกเข่า เช่นนั้นก็คุกเข่าเถอะ!”หยุนเจิงมองเจียเหยาเงียบๆ ค่อยๆ กล่าวเงื่อนไขของตัวเองออกมานอกจากเงื่อนไขพื้นฐานของการยอมจำนน การจ่ายส่วย และตัวประกันแล้ว หยุนเจิงมุ่งเน้นไปที่ปากท้องเป่ยหวนอพยพคนหนึ่งแสนเข้าสู่ซั่วเป่ยต้าเฉียนรับประกันความมั่นคงในการครองชีพขั้นพื้นฐานให้กับหนึ่ง
เจียเหยาในเวลานี้ หมดสิ้นความหวังแล้วสำหรับนางแล้ว อยู่ต่อไปยิ่งทุกข์ทนนางผิดต่อเสด็จพ่อ ผิดต่อลูกหลานเป่ยหวนมองเจียเหยาน้ำตาไหลนองหน้า ในใจหยุนเจิงสั่นสะท้านบอกตามตรง จับผู้หญิงอย่างเจียเหยามารังแก เขาเองก็รู้สึกละอายใจไม่มากก็น้อยสำหรับเจียเหยา เขาเองก็รู้สึกนับถือหากพวกเขาไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตกัน บางทีเขาอาจเกิดความคิดอยากจะทำเรื่องสายลมดอกไม้ หิมะพระจันทร์กับเจียเหยาแต่น่าเสียดาย ลิขิตแกล้งคนเขาทำเรื่องใดไป ใจเขารู้ดีบุญคุณความแค้นของเขาและเจียเหยา ทั้งชาตินี้ล้วนไม่มีทางแก้ไขเขาฆ่าพ่อและพี่ชายของเจียเหยา สองมือเปื้อนไปด้วยเลือดของคนเป่ยหวนยังหวังอยากให้เจียเหยาละทิ้งความโกรธแค้น เป็นเรื่องที่โง่งมไร้เดียงสาแล้ว“เห้อ...”ฉินชีหู่ถอนหายใจเบาๆ เดินจากไปเงี่ยบๆมารดาเขาสิ!สองคนนี้ทะเลาะกันเรื่องใด?เขาเป็นผู้ชาย เกือบจะร้องไห้เพราะพวกเขาแล้วให้พวกเขาทะเลาะกันไปเถอะ!เขาอย่าไปดูเรื่องครึกครื้นเลยอย่าว่าแต่ไม่ได้ดูเรื่องครึกครื้น กลับต้องดูจนน้ำตาไหลออกมาแทน เช่นนั้นคงต้องเสียหน้าเสียคนแล้วเห็นฉินชีหู่จากไป พวกชวีจื้อ ต่งกังพากันจากไปแม้พวกเขาเป็นศัตร
หยุนเจิงเองก็รู้ ให้ชายแข็งแรงหนึ่งแสนคนของพวกเขาเข้าสู่เป่ยหวนข้อนั้น เป็นเรื่องโหดเหี้ยมทารุณแต่ว่า เมตตาต่อศัตรู เป็นการทำร้ายตัวเองอีกอย่าง เจียเหยาสามารถเจรจาต่อรองได้!เขาเองก็ไม่ได้คิดว่าเจียเหยาสามารถตอบรับได้อย่างสมบูรณ์!ราคาสูงเทียบฟ้า ก็นั่งลงต่อราคาสิ!“หยุนเจิง ข้าเลื่อมใสเจ้ามาก!”เจียเหยาเขวี้ยงตราสารยอมจำนนใส่หยุนเจิงด้วยความโกรธ “นับถือที่เจ้ากล่าวอย่างไร้ยางอายได้สง่าผ่าเผยเช่นนี้!”“เจียเหยา!”เมี่ยวอินคว้าตราสารยอมจำนนที่เขวี้ยงมา คำรามด้วยความโกรธ “ยอมจำนวนก็ต้องมีมาดของการยอมจำนน! อย่ามาอาละวาดที่นี่!”แม้เมี่ยวอินจะเห็นใจเจียเหยา แต่ ก็ไม่ใช่เหตุผลให้เจียเหยาอาละวาดนางมาเพื่อยอมจำนวนหรือมาเพื่อด่ากราดกัน?อย่างที่หยุนเจิงกล่าว ยอมจำนน ก็ต้องมีแสดงทัศนคติยอมจำนนออกมา!“เมี่ยวอินพูดไม่ผิด!”หยุนเจิงพยักหน้าเล็กน้อย มองเจียเหยาด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายอมจำนนด้วยท่าทีเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะปล่อยเจ้ากลับไป เจ้าก็ไปปรับปรุงทหารและม้าของเจ้าต่อ! หลังฤดูฝน ก่อนฤดูเก็บเกี่ยวช่วงใบไม้ร่วง พวกเราค่อยทำสงครามกัน!”ยอมจำนนด้วยอารมณ์ร้ายเช่นนี้?ใครให้ความกล้า
ทำลายไม่ได้?เมี่ยวอินยิ่งสงสัย อยากจะซักไซ้ต่อนางอยากจะรู้จริงๆ แผนการร้ายแรงที่เจียเหยาเตรียมให้เขาคิดสิ่งใดมีแผนการร้ายแรงเช่นนี้ เหตุใดเจียเหยาไม่ใช้เล่า?“”เจ้าคิดจะให้คนชราเหล่านั้นฆ่าตัวตายต่อหน้าขบวนกองทัพสองหมื่นคนใช่หรือไม่?”หยุนเจิงมองเจียเหยานิ่งๆตอนที่เจียเหยาพูดถึงแผนการร้ายแรงนั้น เขาก็คิดได้แล้วเป็นวิธีของโกวเจี้ยนจักรพรรดิเหอลวี่บอกตามตรงก็คือวิธีทางจิตวิทยาชนิดหนึ่งใช้การตายอย่างเด็ดเดี่ยวของคนชราอ่อนแอเหล่านั้น กระตุ้นขวัญกำลังใจของทหารเป่ยหวนขณะเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้ทหารม้าต้าเฉียนตกใจ กระทบกระเทือนขวัญทหารของต้าเฉียน“ประมาณนั้นกระมัง!”ใบหน้าเจียเหยาเผยร้อยยิ้มเศร้า “หากข้านำคนชรารวมตัวไว้ด้วยกัน ไม่ให้พวกศึกพวกเขา ไม่ให้ชุดเกราะพวกเขา ถึงขั้น ไม่ให้อาวุธพวก้เขา! ให้พวกเขาไปอยู่ต่อหน้ากองทัพสองหมื่น สู้สุดชีวิตกับทหารม้าพวกเจ้าด้วยมือเปล่า เจ้าทำลายได้หรือ?”เมื่อได้ฟังคำของเจียเหยา หยุนเจิงยิ้มออกมาอย่างจนใจแผนการนี้ เขาทำลายไม่ได้การสังหารหมู่คนชราอ่อนแอที่ไม่มีทางป้องกัน มีเพียงเดรัจฉานเท่านั้นที่ทำลงไปได้อย่างสบายใจหากพวกเขาสังหารหมู่
ขอแค่ไม่ใช่เทพ นั่นไม่ใช่คนที่อยู่ยงคงกระพัน!“แล้วแต่เจ้าจะคิดเถอะ!”หยุนเจิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็กล่าวต่อ “เจ้าบอกว่าสามารถให้แผนร้ายแรงหนึ่งกับข้าได้ ข้าก็สามารถบอกแผนร้ายแรงกับเจ้าได้เช่นกัน!”“เจ้าบอกมา ข้าฟังอยู่”เจียเหยากำหมัดแน่น นางเองก็อยากรู้ หยุนเจิงยังมีแผนร้ายแรงใดนำมาต่อกรกับเป่ยหวน“แต่เทียบกับแผนร้ายแรงของเจ้าแล้ว ก็ไม่รับว่าร้ายแรงเกินไปกระมัง!”หยุนเจิงยิ้ม “กล่าวไปแล้วก็ง่ายดาย ชนเผ่าของพวกเจ้ามีเผ่าอาศัยอยู่ริมน้ำไม่ใช่หรือ? ถึงเช่นไรร่างศพบนทุ่งหญ้าก็มีเพียงพอแล้ว ข้าเพียงนำร่างศพทั้งหมดทิ้งไปยังแหล่งต้นน้ำของพวกเจ้าก็พอแล้ว...”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง สีหน้าเจียเหยาเปลี่ยนไปของนางเป็นแผนการร้ายแรง!ของหยุนเจิงไหนเลยจะไม่ใช่แผนร้ายแรง?ตอนที่คนเป่ยหวนไปให้อาหารสัตว์ ล้วนไปปล่อยสัตว์ไปบนทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์ทว่าเมื่อโยนศพจำนวนมากลงไปในแหล่งน้ำ มีความเป็นไปได้สูงว่าปศุสัตว์ของเป่ยหวนจะป่วยตายอีกทั้ง เนื้อเหล่านั้น คนก็ไม่กล้ากิน!มีโอกาสสูงมากที่โรคระบาดใหญ่จะปะทุขึ้นในเป่ยหวนเป็นเส้นทางตัน!เป็นแผนร้ายแรงจริงด้วย!“ความจริง สำหรับพวก
"ไม่ต้องเก็บแล้ว!" จักรพรรดิเหวินตวาดเสียงดัง "รีบไปแจ้งเจ้าหกตามคำสั่งข้าว่า ข้าจะไปตกปลาที่ทะเลสาบชิงซาน ให้เขามาคอยปรนนิบัติข้างกาย!"มู่ซุ่นสะดุ้งตัว รีบกล่าวด้วยความหวาดกลัว "ฝ่าบาท โปรดระงับโทสะ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้ ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกริ้วจนเสียสุขภาพเลยพ่ะย่ะค่ะ...""รีบไปถ่ายทอดคำสั่งของข้าเดี๋ยวนี้!"จักรพรรดิเหวินขัดคำพูดของมู่ซุ่นอย่างหยาบกระด้างมู่ซุ่นไม่กล้าพูดอะไรต่อ รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วหลังจากประตูปิดลง จักรพรรดิเหวินก็เริ่มขว้างปาข้าวของในห้องอีกครั้งเมื่อมองดูความยุ่งเหยิงเต็มพื้น สีหน้าของจักรพรรดิเหวินเริ่มแสดงความรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อยการระบายโทสะครั้งนี้ ข้าทำลายของมีค่ามากมายเลยทีเดียวแต่เมื่อสายตาของเขาหันไปมองราชบัลลังก์ของโฉวฉือที่ตั้งอยู่ในห้อง ความเสียดายก็คลายลงไปอืม ของสิ่งนี้นับว่าเป็นของดีจริงๆหากนำไปขาย คงได้ราคาไม่ต่ำกว่าสองสามล้านตำลึงเงินแน่แต่ปัญหาคือ ของสิ่งนี้ขายยาก!ในราชสำนักต้าเฉียน ไม่มีใครมีปัญญาซื้อหรือถึงจะมีก็แทบไม่มีคนที่กล้าซื้ออยู่ดีช่างเถิด บัลลังก์นี้อย่าขายเลยไว้เมื่อใดที่ข้าล่วงลับ ก็จะนำมันไปเป็น
คืนนั้น หยุนเจิงพักอยู่ในจวนอ๋องแห่งใหม่ของเขาการป้องกันภายในจวนแน่นหนาเป็นพิเศษ หากจะใช้คำว่า สามก้าวหนึ่งด่าน ห้าก้าวหนึ่งยาม ก็คงไม่เกินจริงรอบจวนอ๋องเอง ก็มีทหารองครักษ์ของหยุนเจิงลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องด้วยการป้องกันเช่นนี้ การลอบสังหารหยุนเจิงแทบจะเป็นไปไม่ได้แม้ใครจะส่งกองทัพใหญ่เข้ามาโจมตีจวนอ๋องโดยตรง ก็ไร้ความหมายทหารองครักษ์ของหยุนเจิงเพียงพอที่จะต้านทานได้ระยะหนึ่ง และเมื่อยื้อเวลาไว้ได้ไม่นาน กองทหารโลหิตก็จะเข้ามาเสริมกำลังเช้าวันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงกำลังรับประทานอาหาร เสิ่นควานก็รีบร้อนพาภูตห้ามาพบเมื่อหยุนเจิงไล่คนรอบข้างออกไปแล้ว ภูตห้าก็รายงานทันที “กราบทูลฝ่าบาท พวกกระหม่อมได้จับตัวเฉียวเหยียนเซียน ผู้บัญชาการทหารฝ่ายซ้ายของจวนองค์รัชทายาท พร้อมพรรคพวกของเขาได้พ่ะย่ะค่ะ พวกเขากำลังจะไปยังหุบเขาที่จ้าวจี๋ประจำการอยู่ แต่กระหม่อมพบว่าเฉียวเหยียนเซียนปิดปากแน่น กระหม่อมลองทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่สามารถให้เขาเปิดปากได้...”ผู้ที่ไปพร้อมกับเฉียวเหยียนเซียนยังมีทหารอีกจำนวนหนึ่งแต่ทหารเหล่านั้นรู้เพียงว่าพวกเขาจะไปยังที่ตั้งของจ้าวจี๋ในหุบเขาส่วนจุดประสงค์
“ลุกขึ้นเถิด”หยุนเจิงสะบัดแขนเสื้อเบาๆ “ใต้เท้าเซี่ยมีธุระอันใดหรือ?”“กระหม่อมมาพบองค์หญิงเจียเหยาพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยหล่างโค้งตัวกล่าว “กระหม่อมได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาท ให้มาแจ้งองค์หญิงตามราชประเพณี โปรดให้องค์หญิงย้ายไปยังจวนชั่วคราวที่เตรียมไว้ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้องค์หญิงนำองครักษ์ใกล้ชิดจำนวนสามร้อยนายไปด้วย กระหม่อมได้จัดเตรียมข้าทาสบริวารไว้พร้อมแล้ว สำหรับคนอื่นๆ ในคณะส่งตัวเจ้าสาว จะจัดให้อยู่ในค่ายป้องกันเมืองชั่วคราว...”“ได้ทั้งนั้น”เจียเหยาตอบเรียบๆพวกนั้นมิใช่คนของนาง จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่พวกเขา“ถ้าเช่นนั้น เจ้าพาองค์หญิงเจียเหยาไปยังจวนชั่วคราวก่อนเถิด!”หยุนเจิงรู้สึกไม่พอใจกับพิธีการซับซ้อนเหล่านี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไม่นาน เจียเหยาก็พาองครักษ์ของนางติดตามเซี่ยหล่างไปเนื่องจากองครักษ์ของเจียเหยามีไม่ถึงร้อยคน ฟู่เทียนเหยียนจึงส่งคนเพิ่มให้อีกสองร้อยคนร่วมเดินทางด้วยส่วนสินเดิมทั้งหมด ก็จะถูกส่งไปยังจวนชั่วคราวพร้อมกันในวันแต่งงาน สินเดิมเหล่านี้จะถูกขนย้ายไปยังจวนจิ้งเป่ยอ๋องหลังจากเจียเหยาออกไปได้ไม่นาน หลูซิ่งก็มาหาที่จวนหยุนเจิงเชิญหลูซิ่งนั่ง
“เสด็จพ่อของเจ้า ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเจ้าสักเท่าไรหรอกนัก?”ขณะที่เดินทางไปยังจวนเพื่อแนะนำทาง เจียเหยายิ้มพลางเอ่ยถามหยุนเจิง“นี่ไม่ใช่คำถามไร้สาระหรอกหรือ?”หยุนเจิงเหลือบมองเจียเหยาด้วยสายตาเฉียง ก่อนตอบว่า “หากเจ้าเป็นเขา เจ้าจะชอบลูกที่เกิดจากนางกำนัลคนหนึ่งหรือไม่? แถมลูกคนนี้ยังแย่งชิงอำนาจการทหารของกองทัพมณฑลทางเหนือ ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของราชสำนัก และราชสำนักก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้”“แล้วมันสำคัญอะไร?”เจียเหยาแสดงท่าทีไม่ใส่ใจ “หากข้าเป็นเขา แล้วมีลูกชายที่เก่งกาจในการรบเช่นนี้ ข้าคงดีใจจนแทบบ้า”“นั่นก็เพราะเจ้ามิได้นั่งอยู่ในตำแหน่งของเขา” หยุนเจิงส่ายหัวเบาๆ “หากเจ้านั่งอยู่ในตำแหน่งของเขา สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาย่อมมากกว่านี้อีก! แม่ทัพผู้เก่งกาจมีมากมาย แต่มีจักรพรรดิคนใดเล่าที่เก่งกาจในการรบด้วยตัวเอง?”อย่างนั้นหรือ?เจียเหยาหันศีรษะครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสงบนิ่งสิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผลไม่ว่าจะเป็นต้าเฉียนหรือเป่ยหวน ผู้ที่เก่งกาจในการรบ มักตกเป็นเป้าหมายของความหวาดระแวงช่วยไม่ได้ นี่คือธรรมชาติของมนุษย์“จริงๆ แล้ว ด้วยอำนาจของเจ้าในตอนนี้ เจ
“พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รับคำสั่งด้วยความนอบน้อม แต่ในใจกลับเย็นเยียบหากไม่ใช่เพราะเสด็จพ่อเตือน เขาคงไม่คิดสงสัยว่าจะมีใครลอบส่งข่าวให้เจ้าหกตอนนี้ เจ้าหกมีกำลังทหารที่แข็งแกร่ง หากมีคนหวาดกลัวเขาแล้วเลือกที่จะลอบสมคบ คงเป็นไปได้ยิ่งนัก!หวังว่าจะไม่ใช่คนของฝั่งตนเอง!ไม่เช่นนั้น ตนจะทำให้พวกมันอยู่ไม่สู้ตาย!หยุนลี่คิดอย่างเคียดแค้น"เฮ้อ..."ขณะที่หยุนลี่กำลังคิดอย่างโกรธแค้น จักรพรรดิเหวินก็ถอนหายใจยาว“เสด็จพ่อ เหตุใดจึงถอนหายใจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หยุนลี่ถามด้วยความกังวล“เจ้าสาม เจ้าต้องทำให้ข้าภูมิใจ!”จักรพรรดิเหวินจ้องหยุนลี่นิ่งๆ ก่อนจะกล่าวต่อ“ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ก่อนข้าออกจากเมืองหลวง มีคนลอบกราบทูลข้าว่า หากต้องการแก้ปัญหาระหว่างราชสำนักกับเจ้าหก วิธีที่ดีที่สุดก็คือแต่งตั้งเจ้าหกเป็นองค์รัชทายาท...”อะไรนะ?เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ก็เกิดจิตสังหารขึ้นในใจคนสารเลวคนไหนที่บังอาจลอบกราบทูลเรื่องนี้?แต่งตั้งหยุนเจิงเป็นองค์รัชทายาท เช่นนั้นตนยังจะมีทางรอดหรือ?คนสารเลวคนนี้ คิดจะเอาชีวิตตนแน่!ต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้ว่าใครเป็นผู้ก่อคลื่นลม หาก
เมื่อเผชิญกับคำถามที่เปี่ยมด้วยความโกรธของจักรพรรดิเหวิน หยุนลี่ในใจก็ได้แต่ร้องบอกว่าไม่ยุติธรรมเขาย่อมอยากจับตัวเจ้าหก คนชั่วนี้ไว้จริงๆ!แต่คนชั่วนี้กลับนำทหารม้าชุดเกราะหนักมาด้วย!เขาอยากจับตัวหยุนเจิง แต่ก็ต้องมีโอกาสสิ!หากจัดการเรื่องนี้ไม่ดี อาจถึงคราวชีวิตองค์รัชทายาทอย่างเขาต้องจบสิ้น!หยุนเจิงคงไม่กล้าฆ่าเสด็จพ่อ แต่เขาจะไม่กล้าฆ่าตนด้วยหรือ?คนชั่วนั้น ตอนเข้าเฝ้าเสด็จพ่อในโถงใหญ่ บรรดาทหารองครักษ์ของเขาก็อยู่รอที่ด้านนอกโถงเห็นได้ชัดว่า คนชั่วนี้ระวังตัวทุกขณะ แม้แต่กับพวกเราหากลงมือพลาดไป เรื่องนี้ก็ไม่มีทางแก้ไขได้อีกแล้ว!“ทหารม้าชุดเกราะหนัก?”สีหน้าของจักรพรรดิเหวินพลันมืดลงทันที เขาคว้าถ้วยชาขึ้นแล้วปามันลงพื้น แตกกระจายเต็มไปหมด พลางตะโกนด้วยเสียงต่ำและโกรธเกรี้ยว “ลูกอกตัญญูคนนี้ยังกล้าซ่อนกองทหารม้าชุดเกราะหนักอีกหรือ? นำทหารม้าชุดเกราะหนักมาที่หัวเมืองสี่ทิศ เขาคิดจะทำอะไร?”หยุนลี่ตอบด้วยใบหน้าขมขื่นว่า“เจ้าหกกล่าวว่า นี่เพื่อข่มขวัญคณะส่งตัวเจ้าสาวจากเป่ยหวน และป้องกันไม่ให้พวกเขาฉวยโอกาสทำร้ายเสด็จพ่อและลูกพ่ะย่ะค่ะ”“ไร้สาระ!” จักรพรรดิเหวินตว
จักรพรรดิเหวินแม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ท่าทีของเขากลับเรียบนิ่ง ดูเหมือนไม่ได้มีความสนใจเลยแม้แต่น้อยหยุนลี่จับสังเกตท่าทีทั้งหมดของจักรพรรดิเหวินไว้ในใจ พลางลอบยินดีหยุนเจิงรับคำสั่งทันที แล้วบอกให้เสิ่นควานจัดการให้คนยกสิ่งของขึ้นมาไม่นานนัก ทหารองครักษ์แปดนายก็แบกบัลลังก์ของราชาโฉวฉือเดินเข้ามาอย่างช้าๆ“นี่คือ…อะไรหรือ?”จักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง“นี่คือบัลลังก์ของราชาโฉวฉือ!”หยุนเจิงยิ้มพลางกล่าว “หลังจากโฉวฉือยอมจำนน กระหม่อมได้สั่งให้คนยกบัลลังก์นี้กลับมายังซั่วเป่ยโดยเฉพาะ เพื่อถวายแด่เสด็จพ่อ!”“โอ้?”จักรพรรดิเหวินดูเหมือนจะสนใจขึ้นจริงๆ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืน รอจนทหารองครักษ์ของหยุนเจิงวางบัลลังก์ของราชาโฉวฉือลงแล้ว จักรพรรดิเหวินก็รีบขึ้นไปนั่งทดลองทันที ก่อนจะหัวเราะพลางกล่าวว่า “เห็นแก่ความจงรักภักดีของเจ้า ของขวัญชิ้นนี้ ข้ารับไว้แล้ว! องค์รัชทายาท เจ้าก็มาลองนั่งดูบ้าง!”พูดจบ จักรพรรดิเหวินก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์“เสด็จพ่อ ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่โบกมือปฏิเสธรัวๆ “นี่คือของขวัญที่น้องหกถวายแด่เสด็จพ่อ ของสิ่งนี้เป็นถึงบัลลังก์ ลูกไม่อาจ…”
หลังจากสร้างความอึดอัดใจให้หยุนลี่จนเต็มท้อง ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ตัวเมืองการมาถึงของหยุนเจิงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวบ้านในหัวเมืองสี่ทิศแทบทุกคนในหัวเมืองสี่ทิศต่างออกมายืนเรียงรายริมถนนเพื่อต้อนรับ และหวังจะได้เห็นโฉมหน้าของจิ้งเป่ยอ๋องผู้เลื่องชื่อเจียเหยาค่อยๆ เลิกม่านรถม้าขึ้นเล็กน้อย มองดูบรรยากาศด้านนอกอย่างเงียบๆนางไม่รู้ว่าหัวเมืองสี่ทิศนับว่ารุ่งเรืองหรือไม่แต่สิ่งที่นางเห็นคือ รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขบนใบหน้าของชาวบ้านเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความภาคภูมิใจแฝงอยู่เล็กน้อยบางที พวกเขาอาจภูมิใจที่ต้าเฉียนมีท่านอ๋องผู้เก่งกาจในการรบเช่นนี้กระมัง?ใช่แล้ว!ผู้ที่ขยายอาณาเขต กำราบศัตรู และพิชิตแคว้นในศึกเดียว!เขาคือผู้ที่นำทัพสร้างครึ่งหนึ่งของดินแดนต้าเฉียนด้วยความกล้าหาญและความสามารถ!หากเป่ยหวนมีองค์ชายที่เก่งกาจเช่นนี้ ชาวเป่ยหวนก็คงจะรู้สึกภูมิใจเช่นกันกระมัง?เฮ้อ!นางจากเป่ยหวนมานานถึงเพียงนี้ ไม่รู้เลยว่ากุ่ยฟางได้ส่งมอบเสบียงและปศุสัตว์ให้แก่ทัวฮวนแล้วหรือยังตอนนี้คือช่วงเวลาที่เป่ยหวนหนาวเย็นที่สุด หากมีทรัพยากรเหล่านั้น ชาวเป่ยหวนคงจะผ่
หยุนเจิงมองหยุนลี่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ทั้งโลกก็รู้ว่าจางซูเป็นคนของข้า ตอนนี้เจ้าเอาจางซูไปกักขังไว้ในเมืองหลวง เจ้าคิดว่าข้าจะยอมรับได้หรือ?""เจ้าพูดแบบนั้นไม่ถูกแล้ว"เมื่อพูดถึงจางซู หยุนลี่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย พร้อมกับยิ้มอย่างมีเล่ห์ "จางซูเองอยากอยู่ในเมืองหลวง แต่อยู่ดีๆ เจ้าจะมาหาว่าข้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? เจ้าดูสิ เจ้าคิดว่าเอาจางซูมาเป็นพี่น้องกับเจ้าขนาดนี้ แต่วันแต่งงานกับเจียเหยา จางซูกลับไม่ถามอะไรเลย?"การขัดขวางหยุนเจิง ทำให้หยุนลี่รู้สึกสะใจ หมาน้อย เจ้าได้ใจมากไม่ใช่หรือฦเจ้าก็มีวันนี้?“ดีที่สุดก็ให้มันเป็นเช่นนั้น!"หยุนเจิงหน้าเครียดขึ้น เตือนเสียงต่ำ "ถ้าจางซูเลือกที่จะอยู่ในเมืองหลวง ข้าก็ไม่พูดอะไร แต่ถ้าข้าหาเจอว่าจางซูถูกเจ้ากักขังในเมืองหลวง ไม่ว่าเสด็จพ่อจะออกมาช่วยอย่างไรก็ไม่ช่วย!""เช่นนั้นก็ไปตรวจสอบดูซะ!" หยุนลี่ไม่สะทกสะท้าน ยิ้มเยาะเย้ยอยู่บนใบหน้า"ข้าจะไปตรวจสอบให้ได้!"หยุนเจิงแค่นเสียงเหอะเบาๆ "อ้อ มีเรื่องที่ข้าต้องการให้เจ้าช่วยด้วย"“เจ้าจิ้งเป่ยอ๋องยังมีเรื่องมาขอข้า?”หยุนลี่ทำท่าทางตกใจ "บอกมาเถอะ มีอะไร?"ช่วยเขา? แน