หนึ่งวันให้หลังหยุนเจิงกลายเป็นทัพหลังกำลังนำทหารรวมตัวกับทัพหน้า ชวีจื้อที่อยู่ทัพหน้าส่งคนมาบอกรายงานข่าวหน่วยสอดแนมจากทัพหน้าหาตำแหน่งของราชสำนักเป่ยหวนพบแล้วแต่ว่า ราชสำนักเป่ยหวนส่างเปล่าไร้ผู้คนเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงสั่งกองทัพเพิ่มความเร็วหลังครึ่งชั่วยาม พวกเขาก็รวมตัวกับกองกำลังชวีจื้อหลังพักผ่อนเล็กน้อย หยุนเจิงตะโกนออกคำสั่ง “โจมตี! เป้าหมาย ราชสำนักเป่ยหวน!”เมื่อได้ยินเสียงคำสั่งของหยุนเจิง กองกำลังใหญ่เปิดฉากโจมตีอีกครั้งเสียงเกือกม้าโครมครามดังก้องทั่วฟ้าและผืนดินโจมตี!โจมตีไม่หยุด!แม้ไม่มีศัตรู แต่ทหารม้าต้าเฉียนยังคงตั้งขบวนโจมตี เปิดฉากโจมตีราชสำนักเป่ยหวนอย่างต่อเนื่องในที่สุด พวกเขาก็เห็นราชสำนักเป่ยหวนบริเวณไกลๆเกินความคาดหมายของพวกเขา ราชสำนักเป่ยหวนไม่ได้กลายเป็นทะเลเพลิงทว่า สำหรับคนต้าเฉียนแล้ว ที่นี่เป็นทะเลเพลิงหรือไม่ ล้วนไม่สำคัญที่สำคัญคือ พวกเขาได้เยียบเข้าสู่ผืนดินแห่งนี้แล้วพวกเขามาถึงราชสำนักเป่ยหวนแล้ว!ต่อให้ พวกเขาอยากจะจับคนเหล่านั้นที่หนีไปแล้ว“บุก!”“บุกเข้าไป ย่ำม้าสู่ราชสำนักเป่ยหวน!ทุกคนไม่สามารถระงับคว
นี่เป็นช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง!ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เป่ยหวนจะค่อยๆ กลายเป็นสวนหลังบ้านของพวกเขา!รอจนกระทั่งหยุนเจิงถูกโยนจนเกือบมึนแล้ว ทุกคนจึงวางเขาลง“เอาล่ะ อย่าเอาแต่ดีใจ! รีบไปพักผ่อนก่อน!”หยุนเจิงยิ้มจ้องมองทุกคน จากนั้นก็สั่งเกาเหอ “ก่อนที่จะฉลอง ไปหาเชลยพวกนั้น ถามว่าหลังจากพวกพ่อตาของข้าแพ้สงครามปีนั้น สถานที่ที่ร่างถูกม้าศึกของทัพศัตรูเยียบย่ำจนแหลกเหลวอยู่ที่ใด”เกาเหอชะงักเล็กน้อย รีบรับคำสั่งไม่นาน เกาเหอการถามตำแหน่งมาจากเชลยศึกหยุนเจิงสั่งให้เชลยศึกพาพวกเขาไปสถานที่แห่งนี้ ห่างจากพวกเขาไม่ถึงห้าลี้เท่านั้นถ้าเสิ่นหนานเจิงนำกองทัพหนึ่งหมื่นโชคดีสักหน่อย บางที พวกเขาก็คงได้ย่ำม้าสู้ราชสำนักเป่ยหวนจริงๆ แล้วน่าเสียดาย ในที่สุดพวกเขาก็กองทัพล่มสลายผืนดินแห่งนี้ มองไม่เห็นร่องรอยที่หลงเหลือจากการต่อสู้แล้วแต่ว่า หากมองอย่างละเอียด ก็ยังเห็นเศษกระดูกบางส่วนบนพื้นได้หยุนเจิงคุกเข่า ขุดลงไปเล็กน้อย ก็เห็นกระดูกโพลนขาวชิ้นหนึ่งไม่รู้เจ้ากระดูกขาวชิ้นนี้เป็นของผู้ใดแต่น่าจะเป็นกระดูกของผู้กล้าเป่ยหวนท่านหนึ่ง“ไป เอาถุงมาให้ข้า!”หยุนเจิงเ
“ว่ะฮ่าๆ...”ยังอยู่ห่างไกล เสียงหัวเราะที่เป็นเอกลักษณ์ของฉินชีหู่ดังขึ้นฉินชีหู่และต่งกังขี่ม้ามาถึงหยุนเจิงอย่างรวดเร็วต่งกังกำลังจะกระโดดลงจากหลังม้าเพื่อทำความเคารพ กลับถูกหยุนเจิงห้ามไว้“รีบบอกมา ทางนั้นพวกเจ้าเกิดสิ่งใดขึ้น?”หยุนเจิงถามทั้งสองคนด้วยความสงสัย “พวกเจ้าบุกทะลวงกองทัพศัตรูทางนั้นแล้ว?”“เป็นเช่นนั้นแน่นอน!”ฉินชีหู่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “พวกเราบุกทะลวงทัพศัตรูแล้วรีบตรงมาที่นี่ นึกไม่ถึง ยังถูกพวกท่านชิงตัดหน้าแล้ว...”ภายใต้การซักไซ้ของหยุนเจิง ทั้งสองคนบอกเล่ารายละเอียดการบุกทะลวงทัพศัตรูในตอนแรกสุด พวกเขายังรู้สึกหวาดหวั่นนึกไม่ถึง คนและม้าของพวกเขาเส้นทางนั้น รวมกับกองทัพรับใช้เป่ยหมัวถัวแล้ว มีเพียงสองหมื่นกว่าคนเท่านั้นอักทั้ง นี่ยังนับรวมทหารราบขนส่งคุ้มกันเสบียงห้าพันคนด้วยหากทัพศัตรูบุกมาโดยตรง พวกเขาต้องเสียหายอย่างหนักแน่นอนทว่า กุ่ยฟางและเป่ยหวนต่างคนจะให้อีกฝ่ายมาสิ้นเปลืองกับต้าเฉียน ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทำงานร่วมกันได้แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งก็ตามหลังจากอวี๋ซื่อจงมาถึง มองเห็นปัญหาของกุ่ยฟางและเป่ยหวนด้านหนึ่งอวี๋ซื่อจงรีบติดต่
“ดีไม่ดี พวกเราสามารถจัดการคนและม้าที่เป่ยหวนวางไว้ตำแหน่งทางเดินทะเลทรายตะวันตกได้...”หลังจากชวีจื้อเป่ยหวน ทุกคนก็เริ่มพูดพร่ำเรื่อยเปื่อยทุกคนตื่นเต้นเป็นพิเศษ ราวกับฉีดเลือดไก่หลังจากพวกเขารวมตัวกับกองทหารโลหิต กำลังทหารมีเกือบหนึ่งหมื่นสองพันคนตอนนี้เป่ยหวนอ่อนแออย่างมากหนึ่งหมื่นคนของพวกเขา มีทุนพอที่จะอาละวาดด้านหลังของทัพศัตรูต่อให้ไม่สามารถยึดม้าศึกชั้นยอดมาได้มากนัก ก็ยังสามารถสังหารปศุสัตว์จำนวนมากของทัพศัตรูได้เมื่อเป็นเช่นนี้ วิกฤตขาดแคลนอาหารของเป่ยหวนก็จะยิ่งหนักขึ้นเมื่อได้ฟังเสียงของทุกคนพูดพร่ำ หยุนเจิงอดมได้ที่จะแอบพยักหน้าอื้ม ไม่เลว!ล้วนแต่คิดจะขยายผลการรบต่อไปในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ขยายผลการรบออกไปแล้วกัน!“พวกเราจำเป็นต้องหาชนเผ่าของพวกเขาให้พบ!”หยุนเจิงใบหน้าเผยรอยยิ้มร้าย “พวกเราเคลื่อนตัวจากราชสำนักบุกไปจากทางด้านตกวันออกของชิ่นหลินก็พอแล้ว! หากพบชนเผ่าของเป่ยหวนได้จะดีที่สุด หากไม่พบ สามารถเดินไปรอบๆ ของทุ่งหญ้าชิ่นหลินได้ เป็นการให้อาหารม้า...”เมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะพวกเขาเดินไปรอบๆ เช่นนี้ มี
หลังพักครึ่งวัน หยุนเจิงเริ่มนำทัพเคลื่อนทัพเลาะไปตามทุ่งหญ้าซิ่นหลินด้านตะวันออกสองวันก่อนหน้า พวกเขาไม่พลแม้แต่เงาของผีสักตัวแต่ว่า หยุนเจิงไม่ย่อท้อเดิมนี่ก็เป็นเรื่องปกติเมื่อรู้ว่าการล่มสลายของราชสำนักเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชนเผ่าของทุ่งหญ้าซิ่นหลินที่อยู่ใกล้กับราชสำนัก ย่อมหนีไปตั้งนานแล้วจนกระทั่งตอนบ่ายของวันที่สาม นับรบภูตสิบแปดที่ออกไปสำรวจเส้นทางก็นำข่าวกลับมาด้านหน้าทางขวาของพวกเขาประมาณยี่สิบลี้ มีชนเผ่าอพพยขนาดใหญ่ดูจากทิศทางที่พวกเขาอพยพ น่าจะไปอพยพไปยังทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงและฉินชีหู่ตื่นเต้นดีใจ“สั่งฉินชีหู่ รีบนำทัพมารวมตัวกับพวกเรา! ทหารกองกำลังข้า ลงจากหลังม้าเก็บรวบรวมหญ้าให้พวกเขา เก็บได้เท่าใดก็เท่านั้น!”หยุนเจิงออกคำสั่งอย่างรวดเร็วไม่นาน ฉินชีหู่นำกองทัพด้านหลังเดินทางมาถึงหลังพักผ่อนเล็กน้อย พวกเขารวมทหารไว้ด้วยกัน เปิดฉากบุกไปทางชนเผ่าแห่งนั้นโดยเร็วไม่นาน พวกเขาก็เห็นชนเผ่าแห่งนั้นไม่ได้พูดสิ่งใดมากมาย หลังหยุนเจิงให้สัญญาณมือบุกโจมตี กองทัพใหญ่มุ่งหน้าเข้าหาชนเผ่าเป่ยหวนอย่างรวดเร็วการสู้ครั้
แต่ว่า เพราะเป่ยหวนต้องหารเสบียงกองทัพและม้าศึกจำนวนมาก เจียเหยาจึงตัดแบ่งชนเผ่าของตัวเองนางยึดเอาปศุสัตว์จำนวนมากจากชนเผ่าของนาง เหลือไว้เพียงสัตว์จำพวกแพะบางส่วนจากนั้น นางก็กระจายชนเผ่าของนางไปยังชนเผ่าอื่น ไม่ขอร้องให้ชนเผ่าอื่นปฏิบัติดีต่อคนเหล่านี้ ขอแค่ให้คนของชนเผ่านางมีกิน อย่าปล่อยให้พวกเขาอดตายก็พอแล้วก่อนที่จะแยกย้ายคนเหล่านี้ เจียเหยารับปากกับพวกเขา สักวันจะชดใช้ให้พวกเขาเป็นสองเท่าผู้เฒ่ากล่าวจบ ก็กล่าวอย่างตะกุกตะกัก “องค์หญิงเจียเหยาบอกว่า จิ้งเป่ยอ่องของต้าเฉียนเป็น...คนดี ไม่มีทางฆ่าผู้บริสุทธิ์ ขอร้อง...ท่านอ๋องปล่อยพวกเรา...”คนดี?หยุนเจิงแทบจะหลุดหัวเราะเพราะประโยคของผู้เฒ่าแล้วเจียเหยากำลังแจกไพ่คนดีกับเขาไปทั่วโลกหรือ?เขาเป็นคนดีเสียที่ไหน!คิดว่า ภายในใจคนเป่ยหวน เขาก็คือปีศาจกระมัง?“วางใจ ข้าเคารพกฎของทุ่งหญ้าเสมอมา!”หยุนเจิงกลั้นรอยยิ้ม มองผู้เฒ่าอย่างไม่แยแส จากนั้นก็สั่งอวี๋ซื่อจง “ทิ้งม้าของพวกเขาไว้ ปศุสัตว์ที่เหลือ ฆ่าให้หมด! ให้พวกเขาได้กินอิ่มสักมื้อ!”“ใต้เท้า ไม่เอา!”เมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง ผู้เฒ่าร้องไห้คร่ำครวญหลั่งน้ำตา “พวก
เจียเหยาพาคนล่าถอยไม่หยุดพบกับชนเผ่าบางส่วนระหว่างทาง ก็ส่งคนไปช่วยชนเผ่าเหล่านี้อพยพระหว่างล่าถอย เจียเหยาได้ข่าวที่สายลับนำกลับมาทหารต้าเฉียนรับช่วงต่อคนชราอ่อนแอเหล่านั้น แล้วก็ไม่ได้ทำให้คนชราเหล่านั้นลำบากหลังจากได้รับข่าวนี้ เจียเหยาถอนหายใจยาว หินก้อนใหญ่ภายในใจก็วางลงสักทีสำหรับนางแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้ยากลำบากมากแต่ด้วยความโชคดี การตัดสินใจนี้ถูกต้องแล้ว แม้เจียเหยาเกลียดหยุนเจิงจนอยากสับร่างเป็นหมื่นชิ้น แต่กล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว นางควรขอบคุณหยุนเจิงด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขากับต้าเฉียน ต่อให้หยุนเจิงไม่สนใจคนชราเหล่านั้น นางก็ไม่มีสิ่งใดให้กล่าวหากแม่ทัพหลักของทัพศัตรูเปลี่ยนเป็นคนอื่น เป็นไปได้มากว่าจะไม่ใช่ผลลัพธ์เช่นนี้แน่นอน ขอบคุณก็ส่วนขอบคุณ ถ้าพบกันในสนามรบ นางยังคงทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารหยุนเจิงเพียงแต่ ตอนนี้นางไม่มีความมั่นใจแล้วมั้งเป่ยหวนล้วนไม่มีความมั่นใจในการเอาชนะหยุนเจิงแล้วเป่ยหวนต้องการเวลาเพื่อเลียบาดแผล แล้วก็ต้องการเวลากลับมาลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้งภายในสิบถึงยี่สิบปี พวกเขาไม่คิดจะไปหาต้าเฉียนเพื่อแก้แค้นนอกจาก ต้าเฉียนเกิดส
คนผู้นี้กล่าวไปร้องไห้ไปผู้ชายตัวโต ร้องไห้ราวกับเด็กคนผู้นี้กล่าวอย่างติดๆ ขัดๆ อยู่นาน จึงเล่าเรื่องทีหยุนเจิงดักซุ่มโจมตีโจมตีพวกเขาจบเจียเหยาถอนหายใจยังดี หยุนเจิงไม่ได้สังหารหมู่ชายหนุ่มของชนเผ่าแห่งนั้น“รอก่อน...”ท่ามกลางความโชคดี เจียเหยาพลันร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าบอกว่า หยุนเจิงปล่อยพวกเจ้าทั้งหมด?”หยุนเจิงมีเมตตาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?ในนี้ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากล!“ขอรับ”คนผู้นั้นร้องไห้ “แต่วัวแพะของพวกเราถูกฆ่าทิ้งเกลี้ยงแล้ว...”“หยุนเจิงได้บอกสิ่งใดกับพวกเจ้าหรือไม่?”เจียเหยาไม่มีจิตใจสนใจวัวแพะเหล่านั้น รีบไถ่ถามคนผู้นั้นร้องไห้กล่าว “เขาบอกว่า หากพวกเราพบเขาอีกครั้ง เขาจะสังหารพวกเราทั้งหมด! หัวหน้าเผ่าเกรงว่าชนเผ่าอื่นจะถูกโจมตี จึงสังคนไปส่งข่าวให้ทุกชนเผ่า บอกว่าห้ามพวกเขาอพยมมาทางนี้เด็ดขาด...”เมื่อได้ยินคำกล่าวของคนผู้นี้ เจียเหยาใจกระตุกโดยพลันนางรู้เป้าหมายของหยุนเจิงแล้ว!หยุนเจิงจงใจ!เขาต้องการให้ชนเผ่าโดยรอบทุ่งหญ้าซิ่นหลินเดินทางไปยังฉวนหรงและแมนจูตอนเหนือทางนั้น!เขาต้องหารให้กุ่ยฟางไปปล้นชนเผ่าของพวกเขา ทำลายพันธมิตรร
เมื่อได้ฟังโจวเต้ากงบ่นอย่างนี้ หยุนลี่ก็เดาได้ทันทีว่าเจ้านี่ต้องการพูดอะไรต่อไป ชัดเลย เขาคงจะมาขอเกราะจากตนแน่ๆ ใช่ไหม? “พอแล้วๆ!” หยุนลี่ขัดจังหวะคำพูดของโจวเต้ากง “ที่นี่ยังขาดเกราะอีกเท่าไหร่?” “หนึ่งหมื่นสามพันชุด” โจวเต้ากงตอบทันที “ขาดมากขนาดนี้เลย?” ใบหน้าของหยุนลี่กระตุกเล็กน้อย “ตามที่เจ้าพูด คนหนึ่งหมื่นที่ประจำอยู่ห่างออกไปสิบห้าลี้ก็แทบไม่มีเกราะเลยใช่ไหม?” “พ่ะย่ะค่ะ!” โจวเต้ากงพยักหน้า “หนึ่งหมื่นนั้นล้วนเป็นทหารที่เพิ่งเกณฑ์ใหม่ และตอนนี้กำลังฝึกซ้อมอยู่ที่นั่น…” ฝึกซ้อม? ใบหน้าของหยุนลี่มืดครึ้ม เกือบจะสบถออกมา ไม่มีเกราะป้องกัน นี่ก็เรียกว่าฝึกซ้อมหรือไงวะ? นี่มันเรียกว่าทิ้งข้าวเปลืองเบี้ยเลี้ยงมากกว่า! ถ้าเจ้าหกยกพลบุกมา จะหวังพึ่งคนพวกนี้ได้ไหม? พวกทหารนี่คงเป็นแค่เป้าซ้อมมือให้เจ้าหกไม่ใช่หรือไง? บ้าบอคอแตก! แนวป้องกันนี่ ไม่มีเสียยังจะดีกว่า! อย่างนี้ ราชสำนักยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาลอีกด้วย! หยุนลี่โมโหจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อาจระบายความโกรธใส่โจวเต้ากงได้ เรื่องนี้จะไปโทษโจวเต้ากงก็ไม่ได้! เกรา
ฟู่โจวหัวเมืองเมืองสี่ทิศนี่คือพื้นที่ที่ใกล้กับซั่วเป่ยที่สุดของฟู่โจว หยุนเจิงจะจัดพิธีสมรสกับเจียเหยาที่ฟู่โจว การสร้างจวนอ๋องใหม่ในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้ จึงต้องซื้อจวนจากเหล่าขุนนางใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศแทน เดิมทีเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ของหยุนลี่ องค์รัชทายาท ที่จะช่วยดูแลจัดการ แต่หยุนลี่ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย สั่งให้ขุนนางในกรมพิธีการตัดสินใจกันเอง เขาเกลียดชังหยุนเจิงจนแทบอยากสับร่างหยุนเจิงเป็นชิ้นๆ แล้วจะให้เขามาช่วยเลือกจวนให้อย่างนั้นหรือ? ถ้าให้ช่วยเลือกโลงศพแทน เขาคงรีบทำอย่างกระตือรือร้นแน่! หลังจากโยนเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้ขุนนางระดับล่างจัดการ หยุนลี่ก็พาคนเดินทางไปยังค่ายใหญ่หัวเมืองสี่ทิศ นับตั้งแต่จ้าวจี๋นำทัพไปยังเขตตะวันตกเฉียงเหนือ ฟู่โจวก็เหลือเพียงกองกำลังสามหมื่นนาย และกองกำลังทั้งสามหมื่นนายนี้ก็เกือบทั้งหมดประจำอยู่ในหัวเมืองสี่ทิศ หยุนลี่ไม่หวั่นเกรงที่จะถูกตำหนิเรื่องการติดต่อกับแม่ทัพในกองทัพโดยพลการ การตรวจสอบค่ายใหญ่ในหัวเมืองสี่ทิศ เป็นภารกิจที่จักรพรรดิเหวินมอบหมายให้เขาก่อนที่จะเดินทางไปยังซั่วเป่ย เมื่อหยุนลี่พาคนมา
“เสด็จพ่อ ที่ซั่วเป่ยขาดแคลนอาหารอย่างหนัก!” หยุนเจิงกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “ตอนนี้ลูกไม่ได้ดูแลแค่ชาวซั่วเป่ย แต่ยังต้องเลี้ยงดูคนในเขตปกครองทหารตะวันตกเฉียงเหนือ อีกทั้งเป่ยหมัวถัว กุ่ยฟาง เป่ยหวน ทุกพื้นที่เหล่านี้…” “คำพูดพวกนี้ไปบอกพี่สามของเจ้าสิ อย่ามาพูดกับข้า!” จักรพรรดิเหวินไม่ฟังคำพร่ำบ่นของหยุนเจิง ตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกกับเจ้าสาม? หยุนเจิงเบะปาก แค่มันเทศในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสามจะซื้อไหวหรือ? ตามราคาที่ตนตั้งไว้ก่อนหน้า ถ้าเจ้าสามไม่จ่ายเงินออกมาสักหลายล้านตำลึง คงไม่มีทางซื้อมันเทศในห้องนี้ได้ ถ้าถึงขั้นนั้น เจ้าสามคงต้องกลายเป็นหัวหน้าแผนกปล้นบ้านประจำราชสำนักต้าเฉียนแน่! มองเห็นสีหน้าขัดใจของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินวางมันเทศในมือ พลางตบไหล่หยุนเจิงอย่างแรง “จงจำไว้ ประชาชนในเขตในก็ล้วนเป็นราษฎรในความดูแลของเจ้า!” นั่นไง! เริ่มมาล้างสมองกันอีกแล้ว! หยุนเจิงบ่นในใจ พลางเปลี่ยนเรื่องถาม “เสด็จพ่ออยากลองชิมรสมันเทศนี่ไหม?” “ตอนนี้เลย?” จักรพรรดิเหวินแปลกใจเล็กน้อย “อื้ม” หยุนเจิงพยักหน้า “มันเทศนี่ปอกเปลือกแล้วกินดิบได้ กินน้อ
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกเขาก็เดินทางกลับถึงเมืองติ้งเป่ยจนได้ ด้วยเหตุที่จักรพรรดิเหวินทรงกำชับไว้ล่วงหน้า การเสด็จมายังเมืองติ้งเป่ยครั้งนี้จึงถูกปิดเป็นความลับอย่างเข้มงวด มีเพียงผู้คนในจวนอ๋องเท่านั้นที่รับทราบ ครั้นถึงเมืองติ้งเป่ย จักรพรรดิเหวินก็ไม่ได้รีบไปยังจวนอ๋องในทันที แต่กลับยืนกรานให้หยุนเจิงพาไปชมมันเทศเสียก่อน ถึงกับดึงตัวไปก็ยังไม่ยอม หยุนเจิงถึงกับเอ่ยว่าให้คนยกมันเทศมาถวายให้ทอดพระเนตรที่จวนก็ยังไม่ยอม ทั้งยังยืนกรานจะไปดูด้วยพระองค์เองที่ห้องใต้ดินเก็บมันเทศ หยุนเจิงเริ่มระแวงหนักว่าตาแก่นี้คงกลัวว่าตนจะยกมันเทศไม่กี่หัวมาหลอกให้พอพระทัย จึงต้องการไปตรวจดูคลังสำรองเสียก่อนว่าจะสามารถยึดมันเทศไปจากตนได้สักเท่าใด ด้วยการยืนกรานของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงจึงจำต้องพาไปยังสถานที่เก็บมันเทศแห่งหนึ่ง แม้ว่ามันเทศจะถูกแบ่งเก็บไว้ในห้องใต้ดินหลายแห่ง แต่สถานที่เหล่านั้นก็อยู่ติดกัน เพื่อให้สะดวกต่อการจัดการยามเฝ้ารักษา จักรพรรดิเหวินเพียงลงจากรถม้า ก็เห็นกองทหารจำนวนมากสวมเกราะพร้อมอาวุธครบมือ “เจ้าช่างเฝ้าแน่นหนาดีจริง! หรือเจ้ากลัวใครจะมาขโมยมันเทศของเจ
“จะใช้เงินมากมายขนาดไหนกัน?” “ก็เยอะจริงพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่ลูกเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกใช้เงินไปมากขนาดนี้” หยุนเจิงทำหน้ามุ่ยเหมือนคนมีทุกข์ จนเยี่ยจื่อที่อยู่ข้างๆ แทบอยากจะตีเขา เจ้าคนนี้นี่! พูดเกินจริงก็ต้องมีขอบเขตบ้างสิ! เสด็จพ่ออย่างไรก็เป็นถึงกษัตริย์ แม้จะไม่ทราบรายละเอียดว่าการสร้างเมืองใช้เงินเท่าไร แต่ก็น่าจะพอรู้คร่าวๆ อยู่บ้าง สิบล้านตำลึงขึ้นไป เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร? นี่มันก็เหมือนกับการโกหกเสด็จพ่ออย่างโจ่งแจ้งเลยไม่ใช่หรือ? “พอแล้ว อย่ามาทำตัวพล่ามเป็นคนจนให้ข้าฟังเลย!” จักรพรรดิเหวินเหลือบมองหยุนเจิงด้วยหางตา “ข้าไม่ได้อยากได้เงินของเจ้าหรือธุรกิจทำเงินของเจ้า! และเจ้าก็อย่าหวังจะได้สักตำลึงจากข้าเลย ท้องพระคลังตอนนี้ไม่มีเงินให้เจ้าแล้ว!” พล่ามว่าจนหรือ? เขาอยากพล่ามว่าจนนักหรือ! ในปีนี้ ต้าเฉียนก็ถือว่าเจอภัยพิบัติไม่น้อย ใช้เงินไปเหมือนน้ำไหล ถ้าไม่ใช่เพราะเงินสะสมจากหลายปีที่ผ่านมา ราชสำนักคงอดอยากไปแล้ว! “ก็ได้ๆ!” หยุนเจิงพยักหน้ารับหลายครั้ง ในใจโล่งอกอย่างยิ่ง เขายังกลัวว่าเสด็จพ่อจะมาที่นี่เพื่อมารีดไถ โดยเ
วันถัดมา จักรพรรดิเหวินที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางก็ตื่นสายเล็กน้อย หลังจากรับประทานอาหารเช้าอย่างง่ายๆ จักรพรรดิเหวินก็ให้ทุกคนพาเดินสำรวจในเล่ออาน จักรพรรดิเหวินไม่ได้เปิดเผยฐานะตนเอง ไม่ได้พาผู้ติดตามมากมาย และยังปลอมตัวเล็กน้อยเพื่อเลี่ยงความยุ่งยาก หลังจากเดินสำรวจรอบเมือง จักรพรรดิเหวินก็ค่อนข้างพอใจ ระหว่างเดินบนถนนในเมือง จักรพรรดิเหวินก็ย่อตัวลงดูอะไรบางอย่าง “นี่มันอะไรหรือ?” จักรพรรดิเหวินชี้ไปที่ปูนระหว่างก้อนอิฐสองก้อนแล้วถาม “นี่คือปูนซีเมนต์” หยุนเจิงอธิบาย “มันทำหน้าที่เหมือนกาวข้าวเหนียว แต่มีความแข็งแรงกว่าเล็กน้อย และหาง่ายกว่า ไม่เปลืองข้าว แค่ปริมาณการผลิตยังน้อยอยู่” “สิ่งนี้ใช้ได้ทีเดียว!” จักรพรรดิเหวินลุกขึ้นช้าๆ “เจ้าเคยคิดจะขายปูนซีเมนต์นี้ไปพื้นที่เขตในหรือไม่?” “นั่นคงยากหน่อย” หยุนเจิงส่ายหัว “ซั่วเป่ยยังขาดปูนนี้มาก จะเอาไปขายที่เขตในได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งนี้ส่วนใหญ่ใช้ในงานของราชสำนัก ชาวบ้านทั่วไปไม่จำเป็นต้องใช้” “เช่นนั้น มันเทศล่ะ?” จักรพรรดิเหวินมองหยุนเจิงด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่ามันเทศในซั่วเป่ยป
“ห้ะ?” หยุนเจิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง แทบไม่เชื่อหูตัวเอง “วางใจเถอะ ข้ารู้ขอบเขตดี” จักรพรรดิเหวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นช่วงสำคัญที่เจ้าจะรวบรวมใจชาวเป่ยหวน แม้ข้าจะอยากไปบวงสรวงฟ้าดินที่เขาเทพหมาป่า แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลา ข้าเข้าใจดี” “เสด็จพ่อ นี่ไม่ใช่เรื่องของขอบเขตหรือไม่ขอบเขตนะพ่ะย่ะค่ะ!” หยุนเจิงคร่ำครวญแทบล้มประดาตาย “เสด็จพ่อจะไปเยือนวังหลวงเป่ยหวน เรื่องนั้นไม่มีปัญหา แต่เสด็จพ่อคิดดูเถิด หากเสด็จพ่อไป ลูกคงต้องนำทัพสักหมื่นสองหมื่นนายเพื่อคุ้มครองเสด็จพ่อใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ? ทัพหมื่นสองหมื่นนาย เดินทางหน้าหนาว ต้องขนเสบียงและเสื้อผ้ากันหนาวแค่ไหน? ไปกลับอย่างไรเสียก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือนใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?” นี่ยังไม่รวมว่าต้องออกเดินทางจากค่ายใหญ่เขาห่านป่าหวนกลับ! หากออกเดินทางจากที่อื่น เวลาก็ยิ่งนานกว่านี้! นี่เป็นการเดินทางของฮ่องเต้นะ! จะให้เดินทางเร่งด่วนตลอดทางก็ไม่ได้! ต่อให้เสด็จพ่ออยากไปจริง ก็ควรรอเวลาที่เหมาะสมกว่านี้! “สักสองเดือนก็สักสองเดือนเถอะ!” จักรพรรดิเหวินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “อย่างไรเสีย เจ้าก็ไม่จัดงานแต่งกับเจียเ
จักรพรรดิเหวินหยุดครู่หนึ่ง ก่อนถ่ายทอดคำที่จักรพรรดิพระองค์ก่อนเคยกล่าวไว้ให้หยุนเจิงฟัง ผู้เลี้ยงแกะในมือนั้น ต้องมีผืนดิน หมาป่า แกะ และสุนัข! ผืนดิน คือกฎเกณฑ์ ขีดเส้นจำกัดไว้เป็นคอก หมาป่าคือภัยคุกคาม บอกฝูงแกะว่าอย่าได้วิ่งพล่าน ในพื้นที่ที่ขีดเส้นให้เท่านั้นจึงจะปลอดภัยจากหมาป่า แกะ คือหัวหน้าฝูง ขณะเลี้ยง หากควบคุมหัวหน้าฝูงได้ ฝูงแกะก็จะไม่หลงทาง สุนัขช่วยต้อนฝูงแกะ นำแกะที่ไม่เชื่อฟังกลับเข้าฝูง เมื่อได้ฟังคำพูดของจักรพรรดิเหวิน หยุนเจิงก็อดไม่ได้ที่จะตระหนักในทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จางฮว๋ายก็คือหัวหน้าฝูงแกะตัวนั้น ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิพระองค์ก่อนหรือเสด็จพ่อ ต่างก็ต้องการหัวหน้าฝูงตัวนี้เพื่อควบคุมฝูงแกะ ผ่านไปครู่หนึ่ง หยุนเจิงก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า “เสด็จพ่อคงไม่ได้คิดจะส่งเกาซื่อเจินมาให้ลูกเป็นหัวหน้าฝูงใช่ไหม?” “เจ้าคิดว่าเกาซื่อเจินมีความสามารถจะเป็นหัวหน้าฝูงหรือ?” จักรพรรดิเหวินเผยรอยยิ้มเหยียดหยาม กล่าวอย่างมีนัยว่า “หัวหน้าฝูงไม่ใช่ว่าใครจะเป็นได้!” เช่นนี้เองหรือ? หยุนเจิงครุ่นคิดอยู่ในใจ จริงแท้ เกาซื่อเจินไม่มีความสามาร
คนเราไม่ใช่หญ้าหรือไม้ ใครเลยจะไร้ซึ่งความรู้สึก? แต่ตราบใดที่ขึ้นนั่งบนบัลลังก์จักรพรรดิ หลายเรื่องก็จะมิอาจทำตามใจตนได้อีก เมื่อได้ขึ้นครองราชย์ ไม่ว่าเจ้าจะมีสถานะอื่นใดมากมาย สถานะแรกของเจ้าก็คือจักรพรรดิ! “ความจริง ลูกไม่ได้คิดถึงตำแหน่งนั้นมากมายเลยพ่ะย่ะค่ะ” หยุนเจิงกล่าวอย่างจริงจัง “ก็เพราะลูกเข้าใจสิ่งที่เสด็จพ่อพูด ลูกถึงไม่อยาก…” “เจ้าคิดว่าตอนนี้ยังเป็นเรื่องที่เจ้าเลือกเองได้หรือ?” จักรพรรดิเหวินตัดคำพูดของหยุนเจิงทันที “หากเจ้าไม่ขึ้นครองราชย์ แล้วผู้คนภายใต้บังคับบัญชาของเจ้าจะเป็นเช่นไร? บรรดาแม่ทัพผู้สร้างผลงานยิ่งใหญ่เหล่านี้ ใครเล่าจะทำให้พวกเขารู้สึกวางใจได้ นอกจากเจ้า?” เพราะผลงานสูงจนสั่นคลอนพระราชอำนาจใช่หรือไม่? หยุนเจิงยิ้มอย่างจนปัญญา ในข้อนี้ เขาเองก็เห็นด้วย นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีแม่ทัพมากมายที่สร้างผลงานยิ่งใหญ่แต่ต้องจบชีวิตอย่างน่าเศร้า เพียงเมื่อพวกเขาสิ้นชีวิต จักรพรรดิจึงจะวางใจได้ ไม่ฉะนั้น เมื่อแม่ทัพผู้เกรียงไกรส่งเสียงเรียก ใครเล่าจะไม่เกรงกลัว? “เรื่องในวันข้างหน้า ไว้ค่อยว่ากันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” หยุนเจิงไ