นายสิบปลื้มปีติรู้สึกว่าตัวเองทำงานคุ้มเงินเดือนก็วันนี้แล เพียงแค่นั่งอยู่เฉย ๆ โดยมีสายตาอาฆาตของผู้ปกครองจ้องมองมาก็รู้สึกพลังชีวิตจากหนึ่งร้อยลงมาติดลบจนอยากออกไปแรดฟื้นฟูสัพพะกำลังแล้ว
ความสามารถพูดคล่องน้ำไหลไฟดับของพ่อหนุ่มทะเล้นได้หมดลงไปเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ก็ได้แต่หวังลม ๆ แล้ง ๆ ให้ร้อยตื่นขึ้นมาจากภวังค์แล้วเดินมานั่งรับกรรมเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนนี้สักทีเถอะครับ!
ตรีศูลนั่งจิบน้ำไปกัดฟันกรอด ๆ ไป ใครมันบางอาจมาทำร้ายน้องชายเพียงคนเดียวของเขาหากเป็นนักเรียนเขาจะตามไปชำระถึงหน้าประตูบ้าน หรือหากเป็นเจ้าทหารสองคนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าพรุ่งนี้จะได้มีชีวิตอยู่อย่างครบสามสิบสอง
"ขออภัยที่ชักช้านะครับ"
นางรำหนุ่มวางแก้วน้ำลงบนตัก ตวัดหางตามองนายทหารร่างกำยำที่กำลังเดินหอบเอกสารรายชื่อบางอย่างมาวางไว้บนโต๊ะรับแขก
"ไม่ทราบว่า คุณเป็นผู้ปกครองของยุวชนทหารคนไหนเหรอครับ?"
"นายอดิศร วิศิษฐ์สกุล ม.๕ ครับ"
แม้จะพูดสุภาพแต่คนงามก็คล้ายจะกัดฟันพูด ทำเอาพ่อปลื้มอกสั่นขวัญแขวนไม่เคยเจอคนงามสายโหดมาก่อน เขานั่งเกร็งสั่นสู้ประหนึ่งเ
"เลิกแถว!!"เสียงเข้มดังกู่ก้องมาจากครูฝึกผิวสีน้ำผึ้งใจกลางสนาม ปลดปล่อยเหล่าทหารน้อยให้เป็นอิสระเมื่อเข็มสั้นชี้ตรงไปที่เลขสี่ เหล่านักเรียนชั้นมัธยมปลายในชุดสีเขียวเปื้อนดินพากันจับกลุ่มเดินกลับบ้านด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนจากการฝึกอันเข้มงวดรวมไปถึงอดิศรที่โดนเพื่อนคล้องคอกะจะพากันไปนั่งเล่นใต้ต้นไทรที่อยู่ไม่ห่าง"นายอดิศร"เสียงทุ้มคุ้นหูแว่วดังมาจากข้างหลังชวนให้เด็กหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีเป็นไก่ต้ม หันไปตอบรับแต่เพียงผู้เดียวเพราะเหล่าผองเพื่อนวิ่งหนีเตลิดไปไกลกันแล้ว"ครับร้อย" ศรยกมือทำความเคารพ พร้อมส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ครูฝึกสุดโหด"แผลเป็นยังไงบ้าง""ดีขึ้นเยอะแล้วครับ""ถ้าไม่ไหวให้มาบอกฉัน เข้าใจไหม ฝากไปบอกเพื่อน ๆ ด้วย""ครับ"แม้เด็กหนุ่มจะตอบรับทราบมาสักพักแต่พิภพก็ยังไม่หยุดจ้องมองมาที่เขา จู่ ๆ คิ้วหนาก็กดลงเหมือนเคร่งเครียดกับอะไรบางอย่าง ทำเอาศรตัวสั่นงั่กเป็นลูกหมาตกน้ำ"พี่นายเป็นนางรำใช่ไหม?""ครับ! ใช่ครับ!"ศรสะดุ้งตอบเสียงดังฟังชัด"เป็นนางรำที่ขึ้นแสดงเมื่องานกา
เรือนนางรำ๗ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณคนดีที่เก็บปิ่นปักผมมาคืนสวัสดีครับ ผมเป็นนางรำเจ้าของปิ่นที่คุณเก็บได้ ก่อนอื่นเลยคงต้องกล่าวขอบคุณเป็นอย่างสูงที่อุตส่าห์ฝากน้องชายผมมาคืนครับ ผมจึงอยากจะมอบของตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุณ ไม่ทราบว่าคุณสะดวกมาเจอกันไหมครับขอให้เป็นวันที่ดีนะครับจาก ตรีศูล (แก้ว) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .ร้อยเอกพิภพคิดดีแล้วที่ตัดสินใจอดทนรอไม่เปิดจดหมายอ่านต่อหน้าสาธารณชนไม่อย่างนั้นชาวบ้านชาวช่องคงต้องเห็นเขาทรุดลงกลางถนนเป็นอันแน่แท้พิภพได้อ่านจดหมายฉบับนี้หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จโดยที่ยังไม่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ดีดังนั้นบนตัวจึงยังมีแค่ผ้าขาวม้าผืนเดียวเปิดแผ่นอกและลอนหน้าท้องส่วนบนที่ยังคงชุ่มน้ำอยู่ ทว่าดูเหมือนไอร้อนที่แผ่ออกมาบนหน้าเขามันจะมากเกินสงสัยคงจะต้องไปตักน้ำสักขันมาราดให้หัวเย็นลงเสียหน่อยแล้วด้วยความเค
ตกเย็นหลังการเรียนการสอนเมื่อพิภพได้รับจดหมายมาจากยุวชนทหารในการดูแลอย่างอดิศร ร้อยเอกจึงเก็บมันเข้ากระเป๋าสะพายประจำกายเตรียมจะเอาไปเปิดอ่านที่บ้านพัก ซึ่งเขามักจะเปิดอ่านมันก่อนจะออกไปวิ่งทว่าเมื่อเปิดผนึกขึ้นมาร้อยเอกผู้เข้มแข็งถึงกับต้องลุกออกจากเก้าอี้มาทำใจ'ทำไมครั้งนี้มันถึงมีกลิ่นหอมติดมาด้วย!'อยากอ่านก็อยากอ่านแต่ก็กลัวว่าตัวเองจะเผลอยกมันขึ้นมาดม ถึงในบ้านหลังนี้จะมีเพียงเขาอาศัยแต่เพียงลำพังแต่เขาก็อายฟ้าอายดินเป็น ท้ายที่สุดร่างกำยำก็ตัดสินใจหย่อนตัวลงเก้าอี้หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอย่างใจเย็นและอดทน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .๙ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณดินผมตอบรับข้อเสนอของคุณครับ ดังนั้นแล้วต่อจากนี้เราคือเพื่อนทางจดหมายกันแล้วใช่ไหมครับแต่ผมไม่ทราบว่าเวลาคนเขาเขียนจดหมายกันแบบนี้แล้วเขาคุยกันเรื่องอะไรกันบ้าง พอดีผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เท่าไร รบกวนคุณดินลองยกตัวอย่างมาให้ผมสั
"ร้อย ทำไมเครียด ๆ อะช่วงนี้"นายสิบปลื้มปีติถามรุ่นพี่ด้วยความเป็นห่วง หากขาดพี่ใหญ่คนนี้ไปใครจะมาเป็นคนทำเอกสารอันแสนวุ่นวายให้เขาเล่า ทว่าเหตุผลนั่นก็ส่วนหนึ่งทว่ายิ่งไปกว่านั้น คิ้วหนาของเจ้าตัวจากปกติที่กดลงอย่างยมบาลตอนนี้กลับกดลงยิ่งกว่าเก่าจนแทบจะบังดวงตานายทหารรุ่นน้องจึงอาสาชงกาแฟดำมาวางบริการถึงตรงบนโต๊ะร้อยเอก แล้วจึงสบโอกาสนั่งคุย (อู้งาน) มันเสียตรงนี้เลย"เครียดเรื่องงานเหรอครับ?"เขาถามด้วยความสงสัย ถ้าเป็นเรื่องงานเจ้าตัวคงไม่น่าจะมาเครียดแบบนี้ แก้เอกสารก็แค่ทำจากผิดเป็นถูกแต่มันอาจจะเยอะเกินไปสำหรับอีกฝ่ายกระมัง"เหอะ ฉันเปล่าเครียดเรื่องนั้น""แล้วบอกได้รึเปล่าว่าเครียดเรื่องอะไรเผื่อผมช่วยได้"ทันใดนั้นสายตาอาฆาตก็ช้อนมาที่เขา ก่อนที่เจ้าตัวหันหน้าไปครุ่นคิดบางอย่าง ปลื้มจึงลากเก้าอี้มานั่งฟังใกล้ ๆ พลางจิบชาของตัวเองไปด้วย"นางรำคนนั้น..."พิภพถามยกมือกุมที่หว่างคิ้วพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ด้วยท่าทีนั้นจึงทำให้ปลื้มนึกสาเหตุออกในทันที"อ๋อ ทำไมเหรอครับ ผมว่าเขาก็สวยดี""เอ
เรือนนางรำ๑๘ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณดินขอบคุณสำหรับคำอวยพรแก่เหล่ากองเสื้อผ้าของผมกับเด็ก ๆ นะครับ เรื่องจะมาผมยินดีต้อนรับเสมอครับ หวังว่าถ้าได้มาเราจะได้มานั่งคุยกันตัวต่อตัวบนเรือนผมนะครับสุดท้ายนี่เหมือนเทพนิยายเลยนะครับ มีน้อยคนมากนะครับที่จะมีรักแรกพบแล้วสมหวัง แต่คุณไม่ต้องนะครับผมสนับสนุนคุณเต็มที่เลย สาบานด้วยเกียรติของครูนาฏศิลป์เลยครับ แล้วถ้าเป็นผม ผมคงอยากให้คุณเข้าไปคุยกับคุณคนนั้นตรง ๆ จะมีวิธีสื่อสารไหนดีเท่ากับการพูดด้วยความจริงใจล่ะครับ ผมคงให้คำแนะนำได้เท่านี้ ขอให้โชคดีนะครับแล้วก็เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนคุณดินจะอวยพรให้ผมได้ไหมครับ พอดีไม่กี่วันนี้ผมมีงานต้องไปออกงานข้างนอก รบกวนด้วยนะครับพกร่มแล้วพกเสื้อกันฝนด้วยก็ดีนะครับจาก แก้ว . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .๑๙ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณแก้ว
"มาหาผมเรื่องอาจารย์ใช่ไหมครับ?"พิภพพยักหน้าตอบรับไปอย่างไม่อาย นายทหารร้อยเอกวัยสามสิบสี่ปีเคร่งเครียดหนัก เขายอมทิ้งวันหยุดอันมีค่าเพื่อพาตัวเองมาอยู่ตรงหน้าศิษย์เอกครูแก้วก็เพื่อปรึกษางานในอีกวันข้างหน้าหนุ่มนพนั่งจิบกาแฟหวานพลางมองตาลุงที่หลงครูตัวเองหัวปักหัวปำก็นึก'ถ้าอาจารย์โชคร้ายเผลอสะดุดล้มอะไรเข้า คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าโชคดีไปอยู่กับใคร'เล่นมีทหารรับราชการมาสนใจแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครเขาจะทำกันได้ง่าย ๆ"ประเด็นคือคุณลุงทหารต้องพูดตรง ๆ " นพปรับสีหน้าเชิดมองคู่สนทนา "อาจารย์น่ะ เกลียดคนโกหกที่สุดเลย"เกลียดคนโกหก...พิภพนั่งกุมมือตกผลึกกับตัวเอง แล้วไม่ใช่ว่าเขาตอนนี้กำลังโกหกอยู่หรืออย่างไรชายร่างใหญ่ในเชิ้ตขาวนั่งถอนหายใจกับผลลัพธ์ที่น่าจะเกิดขึ้นแน่ ๆ เราสนทนากันมากกว่านั้นทว่านั่นเป็นประโยคสำคัญที่ยังคงแล่นวนอยู่ในหัวจนกระทั่งเขาเตรียมจะออกไปวิ่ง'วันนี้เขาจะไปดีรึเปล่า'เพราะเขารู้ตัวเองดีว่าการออกกำลังกายนี้มันมีจุดประสงค์แอบแฝง เขารู้สึกผิดในทุก ๆ วันทว่าก็เลือกเมินเฉยต่อมันและ
พิภพสาวเท้าด้วยความเร็วกว่าปกติแม้ยังเหลือเวลาอีกเกือบตั้งหนึ่งชั่วโมง เดินไปกะจะหาที่นั่งรอเวลาทว่าก็ดันมีสองตาจากที่ไหนไม่รู้กำลังแบกไม้กระดานมาด้วยความทุลักทุเล พิภพจึงไม่มีทางเลือกนอกจากอาสาเข้าไปช่วย จนได้มารู้ว่าสองตาคนนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มประกอบเวทีสำหรับเปิดงาน"เอ้อ ๆ ใจหลายนะพ่อหนุ่ม""ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี""เอ้า หนุ่มเป็นคนกรุงรึนี่ ฮ่าฮ่า ๆ " ชายแก่กล่าวเสียงเหน่อใต้กลั้วหัวร่อเสียงดัง"ดูก็รู้แล้ว ชุดแบบนี้คนแถบนี้หาใส่ยาก ฮ่า ๆ "พิภพหัวเราะแห้ง ๆ ตามประสาพลางจัดแขนเสื้อที่ถกขึ้นมาตอนช่วยขนท่อนเหล็กมาต่อกัน คนแถบนี้อารมณ์ดีจริง ๆ เขาคิดไปเรื่อย"ตาเทิด ตาไฮ้ นั่นใครเหรอจ๊ะ"เสียงทุ้มหวานแว่วมาแต่ไกล ชวนให้คนในชุดทหารหันไปมอง ทันใดนั้นพิภพจึงรู้สึกเหมือนเวลาหยุดลงชั่วขณะ ปอยผมที่พลิ้วตามแรงลม ผ้าลูกไม้เงาผูกพาดตั้งแต่หัวไล่ลงมาเป็นโบใหญ่ใจกลางอก ผ้าปาเต๊ะลายพร้อยเน้นผิวเนียนกริบให้สว่างเตะตา"อ้าว เจ้าแก้ว มาไวแท้ ฮ่า ๆ แล้วทำไมเอ็งไม่สวมแว่นเล่า จะมองเห็นไหมล่ะนั่น ฮ่า ๆ""พอดี
ยามนี้เป็นเวลาย่ำค่ำเหล่าลูกศิษย์ลูกหาต่างพากันกลับไปหมดแล้ว การสอนสำหรับออกงานเป็นไปได้ด้วยดี เขาดีใจที่มีคนว่าจ้างเด็ก ๆ ของเขา ช่วงนี้จึงง่วนอยู่กับการคิดการแสดงและส่งจดหมายคุยกับวงปี่พาทย์ทว่าเมื่อคิดถึงดนตรีครูแก้วคนงามก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อก่อนเรือนนี้ไม่ได้มีแต่นางรำ ทว่ากลับมีพ่อครูผู้ชำนาญดนตรีคอยสั่งสอนและภรรยาของเจ้าตัวเป็นคนสอนท่าทว่าเมื่อทั้งสองเสียไปเขาจึงขึ้นมารับช่วงต่อแทนในฐานะของลูกบุญธรรม เพราะลูกชายแท้ ๆ ของทั้งสองขอตัวไปเรียนที่เมืองหลวง กว่าจะกลับมาสืบทอดเรือนคงร้างไปเสียก่อนหากได้เจ้าตัวมาอยู่คอยช่วยคุยคงจะดีไม่น้อย เพราะถึงเขาจะเป็นนางรำอยู่คู่กับนักดนตรีก็ใช่ว่าจะรู้ไปเสียทุกเรื่องตรีศูลถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่สอง พลางยืดเส้นยืดสายเตรียมจะซ้อมท่าของตัวเองสำหรับงานส่วนตัวที่ได้รับมา ครั้งนี้เป็นการรำบูชาพญานาคซึ่งผู้ว่าจ้างเขาย้ายถิ่นฐานจากอีสานมาตั้งรกรากที่ชุมพรและพกเอาความเชื่อนี้มาด้วย นับเป็นอีกงานที่ทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง เพราะไม่ได้ใช้ท่าของภูมิภาคอื่นมาพักใหญ่แล้วนี่เองคงจะเป็นเสน
ตรีศูลเม้มปากผินหน้าไปทางอื่นหยิบช่อผมขึ้นมาเล่นอย่างขัดเขิน พลอยช้อนสายตามองอดีตเพื่อนทางจดหมายเป็นพัก ๆเสียงประตูแง้มปิดลงล็อกดัง'ปึง'ทันใดนั้นบรรยากาศโดยรอบจึงเงียบสงัดขึ้นมาทันควัน จุดกำเนิดแสงสะท้อนใบหน้างามให้เห็นริ้วแดงจาง ๆ บนแก้มนวล ไออุ่นจากตะเกียงไม่อาจเทียบความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นใต้อกได้เลยสักนิด"คุณแก้วครับ"นายทหารโน้มตัวลงพอเป็นพิธีเชยมือคู่น้อยที่คล้องสายสิญจน์ขึ้นเชยชมผิวพรรณเนียนละเอียดแล้วจึงประทับริมฝีปากลงอย่างแผ่วเบา"ผมรักคุณ"น้ำเสียงทุ้มต่ำกล่าวอย่างหนักแน่น ร่างสูงใหญ่กระชับมือบางเข้ามาใกล้ แล้วจึงกล่าวต่อโดยมองเข้าไปยังนัยน์ตากลมใสของแม่คนงาม "ดังนั้นแล้วคุณแก้ว...ได้โปรดมาเป็นคนรักของผมได้ไหมครับ?"นางรำหนุ่มมองเข้าไปยังนัยน์ตาคมกริบนั้น เขาไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าเมื่อจังหวะนี้มาถึงข้างในตัวเขามันจะรู้สึกเบาหวิวได้ขนาดนี้ แม้ไม่มีสายลมพัดผ่านอยู่ใต้ปีกก็รู้สึกเหมือนกำลังโผบินอยู่ หรือแม้ค่ำคืนในฤดูฝนนี้จะหนาวเพียงใดทว่าเพียงสัมผัสฝ่ามือหนาของ
ตรีศูลไม่รู้จะตกใจกับรอยสักที่มีอยู่เต็มแผ่นหลัง หรือมวลกล้ามเนื้ออย่างชายชาติทหารนี้ดี โฉมงามรีบกลั้นใจแต้มยาจรดปลายนิ้วทาลงไปบนแผลพลางทอดสายมองยันต์บนผิวหนังหยาบ จนเกิดความสงสัยว่าถ้าเป็นด้านหน้าเจ้าตัวจะสักเหมือนกันไหม แม้จะเคยเห็นราง ๆ ตอนเอาเสื้อผ้าไปให้หน้าห้องน้ำคราวนู้นแต่เพราะเขินเลยไม่ทันได้สังเกต"คุณดินสักเยอะจังเลยนะครับ"ตรีศูลทักขึ้นพลางคิด หรือบางทีนี่อาจจะของปกติในวงการตำรวจทหารก็ได้ แต่เขาไม่ได้ช่ำชองเรื่องพวกนี้ แถมเป็นนางรำมีรอยสักจะใส่เสื้อผ้าเปิดเนื้อหนังทีหนึ่งเป็นเขาคงรู้สึกขัด ๆ เขิน ๆ"พ่อจับผมสักตั้งแต่เด็กน่ะครับ""ทำไมคุณพ่อถึงทำแบบนั้นเหรอครับ?"ตรีศูลพูดแล้วก็มารู้สึกผิดในใจ นี่เขาถามล้วงลึกไปรึเปล่าพิภพยังไม่ตอบเพียงแต่หยิบเสื้อมาสวมเข้าที่เดิม ทิ้งคำถามของแม่นางรำไปสักพัก ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาเมื่อทำใจได้แล้ว"ผมเคยอยู่ชุมเสือมาก่อนครับ""ครับ?"ตรีศูลอึ้งเมื่อได้ยินในขณะที่กำลังลุกขึ้น สงสัยเมื่อครู่เขาอาจจะฟังผิดไป"ผมเคยเป็นส่วนหนึ่งของชุมโจรครับ""งะ...งั้
ปลื้มที่เข้ามาผิดจังหวะเกือบโดนรุ่นพี่แพ่นกบาล เขาก้มกราบแทบไม่ทัน ก็คนมันไม่รู้ว่ากำลังตะล่อมอยู่ให้ทำอย่างไรได้เพื่อเป็นการลงโทษรุ่นน้องตัวดีจึงถูกใช้เป็นคนถือของฝากที่ชักจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนนายสิบคิด 'นี่คุณพี่จะซื้อไปถมที่หรือเจ้าคะ' แล้วนี่ก็ปาไปบ่ายโมงตรงใครไม่รู้บ้างว่าแดดประเทศไทยมันร้อนนรกกินหัวขนาดไหนพิภพที่เดินหิ้วสัมภาระตัวเองสบายตัวมองหาอะไรไปเรื่อยจนหางตาไปสะดุดกับร้านขายเครื่องนอนแล้วนึกขึ้นได้ว่าผ้าห่มคุณแก้วค่อนข้างบาง ผนวกกับเดี๋ยวนี้คนพระนครนิยมห่มผ้านวมกันแล้วหากได้แบบนั้นก็คงดีในตอนที่เขาเตรียมตัวจะควักเงินจ่ายก็เงยหน้าขึ้นไปเห็นเตียงพับสามตอนแล้วจึงคิดว่าจะซื้อแยกไปเป็นที่นอนของตัวเองเลยดีไหม แต่เมื่อกลับมามองผ้าห่มผืนกว้างสำหรับสองคนแล้วจึงปัดความคิดที่จะซื้อของเพิ่มไปโดยปริยายในเมื่อมีเตียงอยู่แล้วจะซื้อฟูกนอนเพิ่มไปอีกทำไม"ร้อย...แค่ไปนอนพักชั่วคราวถึงกับต้องซื้อของแพงขนาดนั้นเลยดิ"ปลื้มออกปากบ่นด้วยความอิดโรย ผ้าห่มผืนนั้นราคาตั้งสิบห้าบาทแต่รุ่นพี่แกกลับหยิบเงินขึ้นจ่ายแบบไม่คิดสักนิด เงินขนาดน
เช้าขึ้นมาศรที่นอนอยู่ห้องข้าง ๆ เดินมาถามเลยว่าเมื่อคืนที่ห้องพี่ชายเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าเพราะเขาได้ยินเสียงตึงตังแว่วมา ตรีศูลจึงปฏิเสธไปเพียงว่าของหล่นนิดหน่อย ทั้งที่จริงรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเขินผู้ชายจนไม่เป็นอันหลับอันนอนนอนกลิ้งไปกลิ้งมากว่าจะได้นอนก็ปาไปห้าทุ่มจนตื่นสิบเอ็ดโมงจนได้ศรในวันนี้ขอตัวออกไปเล่นที่บ้านเพื่อน ตรีศูลจึงอนุญาตในขณะที่เขาก็จะขอตัวไปโรงพยาบาลสนามเช่นกันทว่าเมื่อมาถึงกลับเห็นว่าคุณดินกำลังนั่งคุยอยู่กับหญิงชราแล้วก็...เด็กอยู่! ตรีศูลที่ยังไม่ก้าวเข้าไปในห้องเต็มที่จึงแอบสอดส่องมองเมียงไปก่อน แม้จะไม่ชัดเจนนักแต่เขาก็พอจะได้ยินอยู่บางส่วน'แล้วที่ผ่านมาแม่นอนที่ไหน''โรงแรมแถวนี้แหละ เอ็งไม่ต้องห่วงหรอกเงินแม่มีเหลือเฟือ หัดซื้อให้ตัวเองบ้างไม่ใช่ใส่แต่เสื้อขาด ๆ'ตรีศูลได้ยินก็นึกถึงข้อความของคุณดินบนจดหมายเมื่อนานมาแล้วก็ลอบยิ้ม เขาอยากเห็นเลยว่าในตู้เสื้อผ้าของคุณดินจะเป็นอย่างที่คุณแม่เจ้าตัวพูดหรือเปล่า'พ่อปลื้มบอกแม่ว่าเอ็งมีเมียใหม่เป็นนางรำรึ?'ประโยคต่อม
"วันนี้คุณสวยจริง ๆ นะครับ""คุณดินพอได้แล้วครับ!"ตรีศูลในตอนนี้กำลังสนทนากับนายทหารพิภพด้วยความหัวเสียเพราะเจ้าตัวแทนที่จะถามเรื่องสำคัญกลับพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องวนไปวนมาเสียอย่างนั้น คิดว่าสารภาพรักแล้วจะทำอะไรก็ได้รึอย่างไรแม่นางรำทำท่ากอดอกฮึดฮัดแก้เขินเป็นที่ถูกอกถูกใจแก่พิภพจนอยากจะแกล้งพูดอีกเยอะ ๆ เสียจริง*ตึก* พิภพที่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียงได้ยินเสียงเดินจึงชะโงกหน้าไปดู ตรีศูลจึงหันตามจึงเห็นว่าหมอน้ำมาเดินตรวจพอดี ใบหน้าหวานยิ้มร่าในที่สุดเขาก็จะได้หลุดจากสถานการณ์ที่โดนกลั่นแกล้งทางคำพูดจากคุณดินเสียที!"สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณน้ำ""ครับคุณแก้ว"พิภพมองอึ้ง เขาหลับไปหนึ่งเดือนคุณแก้วไปตกใครมาได้อีกแล้วเหรอ!? นายทหารบนเตียงกระวนกระวายอยู่ในใจในขณะที่ได้รับการตรวจก็เหล่มองแม่นางรำข้างเตียงพลางสังเกตพฤติกรรมไปด้วย"หันหลังครับ"พิภพทำตามอย่างว่าง่ายทั้ง ๆ ที่ปากมันคันยุบยิบอยากจะถามโฉมงามให้รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครถึงได้ทักทายสนิทสนมกันนัก แต่เมื่อนายแพทย์ที่กำลังตรวจเขาอยู่เลื่อนมือขึ้นมาดูต
พี่ตรีบอกว่าเจ้าตัวเอาจดหมายมามอบให้ช่วงหัวค่ำด้วยตัวคนเดียวผ่านการถามทางชาวบ้านรอบข้าง แต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะมีคนบอกทางไปบ้านใครสักคนกับทหารต่างชาติที่พึ่งเข้าประเทศมาได้เพียงไม่กี่วัน แม้เขาจะลองบอกเรื่องนี้ให้พี่ตรีทราบแล้วแต่เจ้าตัวก็บอกเพียงว่า'ไม่เป็นไรหรอก ยังไงพี่ก็คงไม่ได้คุยอะไรกับเขามากมายอยู่แล้ว'จนเมื่อจบการแสดงนายทหารคนนั้นมีท่าทีเหมือนจะเดินตรงเข้าหาเจ้าของคณะนางรำคล้ายว่ามีเรื่องจะคุยด้วย สิงห์และนพที่เคี้ยวขนมอยู่เต็มปากยืนกำกับอยู่จึงมองอย่างมาดร้าย ส่วนสองตาที่คราวแรกตั้งใจจะยืนเฝ้าเด็ก ๆ อยู่ด้วยแต่เพราะกลิ่นสุรามันหอมจึงร่นถอยไปร่วมวงกับทหารญี่ปุ่นเสียอย่างนั้น"คุณคือ...คุณแก้วใช่ไหมครับ?"คนในชุดสีเทาหม่นเดินเข้ามาถามไถ่เพราะตอนนี้อีกฝ่ายโกนหนวด ผัดหน้า แต่งกายสะสวยจนเขาเกือบจำไม่ได้"ครับผมเอง" โฉมงามเงยหน้าขึ้นตอบอย่างเป็นมิตร"คุณแสดงสวยมากเลยครับ ยิ้มก็สวย ผมไม่เคยดูอะไรแบบนี้มาก่อนเลยครับ""ผมได้ยินมาว่าที่ญี่ปุ่นก็มีรำแบบนี้เหมือนกันนี่ครับ"ตรีศูลผินหน้าไปทางอื่นกระชับแว่นแล้วจึงตอ
ด้วยงานที่กระชั้นชิดเข้ามาทุกที แต่ละวันของตรีศูลจึงเอาแต่ฝึกซ้อม จัดชุดเครื่องประดับ เตรียมการวางแผนอะไรหลาย ๆ อย่างให้ทันภายในสามสัปดาห์ หากแต่เวลาไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญเท่าความอึดอัดใต้แผ่นอกที่เริ่มกัดกินเขาทีละนิด ด้วยเรื่องงานประกอบกับคนที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงโรงพยาบาลกว่าเขาจะหาเวลามาเยี่ยมได้มาปาไปสี่ห้าวัน เดินเข้ามาก็เห็นว่าโรงเรียนมัธยมถูกเปลี่ยนเป็นฐานที่มั่นอย่างเต็มรูปแบบ นายทหารหลายนายต่างพากันขนย้ายแผ่นไม้เดินไปมา กางกระโจมตั้งโต๊ะวางเครื่องมือการช่าง ตรีศูลเดินผ่านมองด้วยสายตาเหม่อลอย แล้วจึงผินหน้าไปยังที่อื่นพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนมาปะหน้ากับหมอน้ำที่กำลังจะขึ้นอาคารพอดี"คุณน้ำสวัสดีครับ""ครับ"ตรีศูลยืนนิ่งแล้วคิดว่าบางทีอีกฝ่ายอาจจะเป็นคนพูดไม่เก่งถึงได้เอาแต่มองหน้าเขาไม่พูดไม่จาแบบนี้ ทว่าไม่นานอีกฝ่ายก็กล่าวต่อ"คือเมื่อวาน...ผมอาจจะพูดแรงไป ต้องขอโทษด้วยนะครับ"ตรีศูลพยายามย้อนจนนึกได้ว่าคงจะเป็นตอนที่เจ้าตัวรายงานอาการของคุณดินให้เขาได้ทราบ"เรื่องนั้นผมเข้าใจได้ครับ ยังไงเรื่องแ
เจ้าศรตกเย็นมาก็ดูอารมณ์จะดีขึ้นไม่เศร้าเรื่องที่แพ้สงคราม ทั้งยังกินอิ่มนอนหลับดีเขาจึงพอจะหมดห่วงไปได้ตรีศูลที่วันนี้ตื่นแต่เช้ามาอุ่นอาหารจะให้เจ้าศรทว่าก็นึกขึ้นได้ เนื่องด้วยตอนนี้โรงเรียนถูกเปลี่ยนเป็นฐานที่มั่นไปแล้ว นักเรียนจึงต้องพักการเรียนกะทันหันจนกว่าสถานการณ์จะซาลงไปจนสามารถดำเนินงานของสถานที่ได้เป็นปกติรวมไปถึงตารางงานของเดือนนี้ต้องถูกเลื่อนออกไปเพราะความไม่สงบ เขาจึงถือโอกาสให้เด็ก ๆ ในคณะได้พักผ่อน เว้นแต่เจ้านพและเจ้าสิงห์ที่วันนี้มาหาเนื่องจากปีหน้าศิษย์เอกของเขาคิดจะไปเรียนต่อระดับอุดมศึกษาหลังจากชะลอมาหนึ่งปีเพื่อรักษาแผลใจที่เสียพี่ไปจึงมาขอให้เข้าช่วยเก็บท่าโขนให้ ส่วนสิงห์ก็ถือตัวโอ้อวดใหญ่ว่าให้เรียกเขาว่าเป็นรุ่นพี่เพราะเข้าเรียนก่อน อย่างน้อย ๆ สีสันบนเรือนนี้ก็ยังไม่จางไป"โอ๊ย! เจ็บ ๆ อาจารย์พอก่อน!"นพตะโกนลั่นเรือนเมื่อหน้าขาทั้งสองถูกดันให้ชิดกำแพงเสียจนจะเป็นเส้นตรงอยู่แล้ว"ทนไว้ ถ้าเขาให้สอบจะได้ทำได้"นพที่พึ่งมาหัดฉีกขาครั้งแรกร้องโอดโอย แค่ท่าถีบเหลี่ยมก็ปวดหลังจะตายอยู่แล้วยังจะต้องมาปว
หลังผ่านสงครามร่วมหลายชั่วโมงเหล่าชาวบ้านพากันปันอาหารข้าวของเครื่องใช้บางส่วนเท่าที่จะให้ได้แก่ผู้ประสบภัยที่ต้องหนีระหกระเหินออกจากเขตสู้รบมารวมถึงเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โรงเรียนมัธยมเพียงหนึ่งเดียวถูกเปลี่ยนเป็นฐานที่มั่นของทหารญี่ปุ่น และโรงพยาบาลสนามชั่วคราวบรรยากาศทั้งวันนั้นเต็มไปด้วยความอึมครึม เม็ดฝนทยอยโปรยปรายลงมาอ่อน ๆ พื้นดินพื้นหญ้าชื้นแฉะส่งกลิ่นหอมโชยขึ้นมาปลุกโฉมงามที่หลับใหลอยู่บนฟูกนอนผืนบาง ดวงตาเรียวสวยค่อย ๆ เปิดขึ้นพร้อมกับความรู้สึกปวดตุบในศีรษะตรีศูลยันตัวเองขึ้นนั่งมองไปรอบ ๆ แล้วจึงเห็นว่าตอนนี้ตนเองอยู่บนอาคารเรียน พร้อมกับผู้คนอีกนับสิบที่นอนเรียงรายบาดเจ็บป่วยไข้กันอยู่ กลุ่มแพทย์พยาบาลเดินกันขวักไขว่เป็นพร้อมปลอกแขนสีขาวปักสายเครื่องหมายหน่วยพยาบาลสีแดงเด่น"อาจารย์! ฟื้นแล้วเหรอ!?"เสียงของเจ้าเด็กนพดังมาจากโถงทางเดิน เจ้าตัวเดินเข้ามาพร้อมสิงห์ที่หิ้วปิ่นโตกับจานผลไม้ปอก"นี่กี่โมงแล้ว"คนแก่กว่าถามด้วยความสงสัยเพราะท้องฟ้าด้านนอกก็บอกเวลาแทบไม่ได้ ทั้งยังไม่มีนาฬิกาแขวนในห้อง"จะห้า