Share

บทที่ ๓ แม่รักแรกพบของร้อย (๕๐%)

นายสิบปลื้มปีติรู้สึกว่าตัวเองทำงานคุ้มเงินเดือนก็วันนี้แล เพียงแค่นั่งอยู่เฉย ๆ โดยมีสายตาอาฆาตของผู้ปกครองจ้องมองมาก็รู้สึกพลังชีวิตจากหนึ่งร้อยลงมาติดลบจนอยากออกไปแรดฟื้นฟูสัพพะกำลังแล้ว

ความสามารถพูดคล่องน้ำไหลไฟดับของพ่อหนุ่มทะเล้นได้หมดลงไปเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ก็ได้แต่หวังลม ๆ แล้ง ๆ ให้ร้อยตื่นขึ้นมาจากภวังค์แล้วเดินมานั่งรับกรรมเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนนี้สักทีเถอะครับ!

ตรีศูลนั่งจิบน้ำไปกัดฟันกรอด ๆ ไป ใครมันบางอาจมาทำร้ายน้องชายเพียงคนเดียวของเขาหากเป็นนักเรียนเขาจะตามไปชำระถึงหน้าประตูบ้าน หรือหากเป็นเจ้าทหารสองคนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าพรุ่งนี้จะได้มีชีวิตอยู่อย่างครบสามสิบสอง

"ขออภัยที่ชักช้านะครับ"

นางรำหนุ่มวางแก้วน้ำลงบนตัก ตวัดหางตามองนายทหารร่างกำยำที่กำลังเดินหอบเอกสารรายชื่อบางอย่างมาวางไว้บนโต๊ะรับแขก

"ไม่ทราบว่า คุณเป็นผู้ปกครองของยุวชนทหารคนไหนเหรอครับ?"

"นายอดิศร วิศิษฐ์สกุล ม.๕ ครับ"

แม้จะพูดสุภาพแต่คนงามก็คล้ายจะกัดฟันพูด ทำเอาพ่อปลื้มอกสั่นขวัญแขวนไม่เคยเจอคนงามสายโหดมาก่อน เขานั่งเกร็งสั่นสู้ประหนึ่งเครื่องจักรรถไฟต่างกับร้อยเอกพิภพที่นั่งค้นเอกสารอย่างสงบนิ่ง

"นายคนนี้-

"นักเรียนคนนี้ต่างหากล่ะครับ รบกวนอย่ามาใช้ศัพท์แบบพวกคุณในสถานศึกษาด้วย"

ร้อย ร้อยทนได้อย่างไร เป็นผมโดนคนสวยดุขนาดนี้ ผมมุดหัวลงดินกลับไปนั่งสำนึกผิดที่แกนโลกแล้วนะครับ!

"ขออภัยด้วยครับ"

รุ่นพี่ครับ! นี่รู้ไหมนี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่กระผมได้ยินคำว่าขอโทษออกมาจากปากเรือคว่ำของรุ่นพี่น่ะ!

"ครับ"

เอาปลื้มออกไป เอาปลื้มออกไปจากตรงนี้ที!

ในขณะที่สิบเอกกำลังนั่งสั่นสู้น้ำตาตกในอยู่นั้นรุ่นพี่ก็สะกิดเขาจนน้ำลายแทบพุ่ง ถ้าจะเรียกรบกวนให้มันอ่อนโยนมากกว่านี้ทีสิครับ

รุ่นน้องผู้อยู่ไม่สุขเอียงกายไปมองหน้าตายุวชนทหารบนหน้ากระดาษก็รู้ได้ทันทีว่าต้องจัดการอย่างไร ผนวกกับรุ่นพี่ที่ส่งสายตาอันว่างเปล่ามาทางเขา วันนี้ร้อยเป็นอะไรเนี่ย กินไก่ย่างชุมพรไปเมื่อคืนแล้ววิญญาณหลุดออกจากร่างเหรอ!?

กระนั้นสิบเอกปลื้มปีติจึงกระแอมในลำคอเบา ๆ แล้วทำเป็นหยิบเอกสารมาพิจารณาก่อนจะเรียบเรียงเรื่องราวของเด็ก ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นกล่าวออกมาเป็นคำพูดให้คนงามตรงหน้าคลายอารมณ์ร้อนลง

"คุณผู้ปกครองครับมาเรื่องนักเรียนได้รับบาดเจ็บใช่ไหมครับ?"

"ครับ สภาพเยินกว่าที่จินตนาการไว้เลยอยากรู้ว่าพวกคุณฝึกอะไรกับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ"

ปลื้มแค่ถามเองครับทำไมคนสวยต้องดุด้วย ปลื้มจะร้องไห้

"หากเป็นเรื่องนี้แล้ว..."

ไม่นานเรื่องก็ขมวดปมได้ว่าเหล่ายุวชนทหารหน้าใหม่ในวันนี้ทำแค่การฝึกร่างกาย และกฎระเบียบในกองทัพขั้นพื้นฐานแต่เพียงเท่านั้น อาจมีการลงโทษสำหรับผู้ที่ติดเล่นบ้าง ทว่ามากที่สุดก็แค่ชุดเปื้อนเศษดินเท่านั้น อนึ่งหากใครได้รับบาดเจ็บขณะฝึกหรือไม่ไหวสามารถออกมาพักดูอาการสำหรับประเมิน ทว่าแผลสุดอลังการที่คุณผู้ปกครองเห็นมานั้นเกิดจากหลังการฝึก มียุวชนทหารสองนายทะเลาะกันยกใหญ่ และน้องชายเจ้าตัวที่ชื่อ'อดิศร'เข้าไปช่วยห้าม ในขณะที่สองคนกำลังจะต่อยกัน หมัดเลยตรงเข้าที่ขมับเต็ม ๆ ทั้งยังสะดุดขาพากันล้มระเนระนาด แขนไปครูดกับเศษหินบริเวณนั้นจนถลอกปอกเปิก

คุณพี่นางรำเมื่อได้ฟังจนจบก็ดูเหมือนจะพยักหน้าเข้าใจ และกล่าวขอบคุณที่ให้ความร่วมมือทั้งยังทิ้งท้ายเอาไว้แบบจุก ๆ ว่า

'ก่อนอื่นผมคงต้องขออภัยที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่หากในอนาคตเป็นพวกคุณที่สร้างแผลพวกนั้นเอง อย่าคิดว่าผมจะไม่กล้ากับทหารนะครับ'

คนสวยครับ คนสวยพอแล้ว ปลื้มน้ำตาจะไหลเป็นสายน้ำแล้วครับ

เมื่อเสียงกระพรวนข้อเท้าออกห่างจากประตูไปไกลจนไม่ได้ยิน เหมือนกับนายทหารทั้งสองคนในห้องได้ผ่านสมรภูมิรบกันมาหมาด ๆ นายสิบที่มายืนส่งคุณพี่นางรำหน้าประตูถึงกับขาเปลี้ยยืนแทบจะไม่ไหวขอลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นแล้วจึงเบนสายตาไปมองร้อยเอกพิภพซึ่งยังนั่งดูเอกสารอยู่กับโต๊ะรับรอง

อาการเดียวกันเลยนี่หว่า!

ดวงตาดุดันว่างเปล่าเหมือนทุ่งนาร้าง บรรยากาศเย็นยะเยือกหดหู่สุด ๆ อะไรกัน นายสิบคนนี้ได้แค่สงสัย ทำไมหัวหน้าเขาถึงตกอยู่ในสภาพนี้ได้ ไม่มีทางเด็ดขาด คนที่หน้าเหมือนยมบาลคนนั้นจะมานั่งหน้าซีดเป็นผีแบบนี้เนี่ยนะ

"ร้อย! บอกตามตรงเลยนะ วันนี้ร้อยเป็นอะไรเนี่ย"

"เอ็งอย่ามาสอด"

มือหนารวบกำเอกสารจัดเรียงเข้าที่ เดินจากโต๊ะรับแขกไปนั่ง ณ ที่ทำงานเดิม ทหารยศสูงจัดการหยิบดินสอขึ้นมาจรดลงบนหน้ากระดาษอีกครั้ง แต่ทำไมครั้งนี้มือกลับไม่ขยับไปตามใจนึก ปลายแท่งไม้หยุดอยู่นิ่งกับที่มาสักพัก รุ่นน้องจึงใช้สมองอัจฉริยะของตัวเองในการประมวลผลเรื่องราวเมื่อครู่

พี่นางรำที่เคยแสดงเมื่องานกาชาดเมื่อวันนั้นซึ่งร้อยมองตาเป็นมันกลับโผล่มาเป็นพี่ชายมาดดุในวันนี้

อ๋อ

"ร้อย อกหักเหรอ?"

ทันใดนั้นสายตาของพิโรธคนเดิมก็เหยียดหางตามายังเขาพร้อมรังสีอำมหิตแผ่ซ่านปานจะฆ่ากันให้ตาย

น่าจะใช่แล้วแหละครับ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

คืนนั้นนายทหารร่างใหญ่เดินเข้าบ้านพักด้วยความสับสนอยู่เต็มอก วางข้าวของเอนตัวลงที่นอนจนฟ้าข้างนอกเปลี่ยนจากสีส้มสดยามเย็นเป็นสีกรมยามราตรี

พิภพเอาแขนยกขึ้นก่ายหน้าผาก เอื้อมแขนไปคว้าปิ่นปักผมของคนผู้นั้นขึ้นมามอง ไม่ว่าจะนึกถึงอีกกี่ครั้งก็ชวนให้เขาระส่ำระสาย นี่มันก็นานมากแล้วที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้ หรือบางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกในชีวิตเสียด้วยซ้ำที่หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาใคร่คิดถึงจนบางทีไม่เป็นอันหลับอันนอน จนได้มารู้ว่านางรำผู้นั้นเป็นผู้ชายเฉกเช่นเดียวกัน

เขาไม่มีความคิดดูถูกอะไรเลยแม้แต่น้อย ทว่าก็ต้องคิดตกตะกอนสักหน่อยว่าควรจะหยุดความรู้สึกเอาไว้ที่ตรงนี้หรือไปต่อ มันยากจะตัดสินใจ

เมื่อคราวที่ต้องหลับนอนถึงข่มตาลงก็ไม่อาจเข้าสู่ห้วงนิทราได้ ตอนนี้เขาจึงออกมาวิ่งให้ตัวเองสงบจิตสงบใจลงบ้างเผื่อเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อตื่นขึ้นมาจะเลือกคำตอบได้เสียที

ด้วยว่าตอนนี้ก็ปาไปสองทุ่ม ผู้คนเข้านอนกันหมดแล้วจึงไม่มีใครมาเดินตามท้องถนนลาดยาง ขาหนาในกางเกงยาวอย่างง่ายก้าววิ่งไปด้วยความเร็วคงที่ เส้นผมสั้นปลิวไปตามแรงลม เหงื่อกระเซ็นซ่านเป็นประกายท่ามกลางแสงไฟดวงน้อยจากโคมไฟรายทางที่ไม่ได้มีมากมายนัก ทว่าแม้จะวิ่งมาแล้วหลายต่อหลายนาที ทุกก้าวที่เหยียบลงพื้นถีบร่างกายไปข้างหน้าในหัวก็มักจะปรากฏเป็นภาพคนงามในชุดอย่างนางนาฏศิลป์ในท่ารำอ่อนช้อยเสมอ จากที่เขาจะได้ผ่อนคลายกลายเป็นฟุ้งซ่านเสียยิ่งกว่าเก่า

ดังนั้นนายทหารจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นข่มตาวิ่งตรงไปตามทางข้างหน้าอย่างสุดแรง เสียงตึก ๆ ๆ หนักขึ้นตามระยะทาง จนไปหยุดอยู่ที่เสาไฟฟ้าต้นสุดท้าย

ชายร่างกำยำย่อตัวก้มลงพักหอบเอาอากาศเข้าปอด เหงื่อไคลไหลท่วมตัวหยดลงพื้นแหมะ ๆ หัวเขาโล่งขึ้นแล้ว

"หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...ห้า...หก...เจ็ด...แปด...หนึ่ง...สอง-"

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงนับจังหวะดังแผ่วเบามาจากที่ไหนสักแห่ง นายทหารจึงเงยหน้าขึ้นหันซ้ายขวาหาต้นเสียง ทว่าหลาย ๆ บ้านก็ปิดไฟนอนกันหมดแล้ว เสียงจะมาจากที่ไหนได้ จนหางตาไปสะดุดกับบ้านทรงเรือนไทยที่ยังคงมีไฟสลัวออกมาจากระเบียง พิภพจึงเดินไปตามต้นเสียงนั้นด้วยความสงสัย

'ดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้นอกจากเขาแล้วยังจะมีใครตื่นอยู่อีก' เขาคิด จนเมื่อได้หันขึ้นไปมองบนเรือน ทำเอาจิตที่กลับมาสงบเกิดความยุ่งเหยิงขึ้นมาอีกครั้ง

ร่างผอมเพรียวคุ้นตาในเสื้อแขนกุดสีขาวสะอาดและนุ่งผ้าสีแดงเข้มขลังรวบปลายนิ้วเรียวติดชิดวาดจรดโคนผม ส่งสายตาไปยังปลายนิ้วที่ส่งจีบไปข้างหน้า ย่อลำตัวกดเอวบิดอย่างเชื่องช้าไปตามจังหวะนับเลขอย่างง่าย เพียงแค่นั้นก็ทำเอาชายวัยกลางคนไปไม่เป็น หัวใจเต้นโครมครามคล้ายจะหลุดออกจากอก

ทว่าเหมือนคนบนเรือนก็จะรับรู้ถึงใครบางคนอยู่ด้านล่าง จึงหยุดการกระทำทุกอย่างมามองสอดส่อง ณ ริมระเบียง แต่ก็ไม่พบอะไร แม่นางรำจึงแก้มัดผมแล้วรวบขึ้นเป็นก้อนกลมเตรียมจะไปอาบน้ำอาบท่า

ไม่รู้อะไร การกระทำทุกอย่างคงอยู่ในสายตานายทหารที่หนีมาหลบอยู่หลังรั้วบ้านแม่นางรำ มือขวายังคงกำผ้าซับเหงื่อแน่นจนเส้นเลือดขึ้น มือซ้ายยกขึ้นกุมหัวขยี้ไปมาพยายามสลัดความคิดที่วิ่งวนอยู่ออกไปก่อนจะลงมาลูบคลำรอยสักบริเวณท้ายทอยแก้รำคาญตัวเอง จนเมื่อตั้งสติขึ้นมาได้จึงเดินกลับที่พัก โดยลืมไปว่าทั้งใบหูหน้าแก้มยังคงรู้สึกร้อนผ่าวจนขึ้นสีอยู่

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status