Share

บทที่ ๔ อานุภาพของกระดาษแผ่นเดียว (๑๐๐%)

ตกเย็นหลังการเรียนการสอนเมื่อพิภพได้รับจดหมายมาจากยุวชนทหารในการดูแลอย่างอดิศร ร้อยเอกจึงเก็บมันเข้ากระเป๋าสะพายประจำกายเตรียมจะเอาไปเปิดอ่านที่บ้านพัก ซึ่งเขามักจะเปิดอ่านมันก่อนจะออกไปวิ่ง

ทว่าเมื่อเปิดผนึกขึ้นมาร้อยเอกผู้เข้มแข็งถึงกับต้องลุกออกจากเก้าอี้มาทำใจ

'ทำไมครั้งนี้มันถึงมีกลิ่นหอมติดมาด้วย!'

อยากอ่านก็อยากอ่านแต่ก็กลัวว่าตัวเองจะเผลอยกมันขึ้นมาดม ถึงในบ้านหลังนี้จะมีเพียงเขาอาศัยแต่เพียงลำพังแต่เขาก็อายฟ้าอายดินเป็น ท้ายที่สุดร่างกำยำก็ตัดสินใจหย่อนตัวลงเก้าอี้หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอย่างใจเย็นและอดทน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

๙ มิถุนายน ๒๔๘๔

ถึง คุณดิน

ผมตอบรับข้อเสนอของคุณครับ ดังนั้นแล้วต่อจากนี้เราคือเพื่อนทางจดหมายกันแล้วใช่ไหมครับ

แต่ผมไม่ทราบว่าเวลาคนเขาเขียนจดหมายกันแบบนี้แล้วเขาคุยกันเรื่องอะไรกันบ้าง พอดีผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เท่าไร รบกวนคุณดินลองยกตัวอย่างมาให้ผมสักเรื่องสองเรื่องได้ไหมครับ

สุดท้าย ต่อจากนี้เรียกผมว่า แก้ว ได้เลยนะครับ ถูกเรียกชื่อจริงในจดหมายแล้วเวลาอ่านรู้สึกเป็นทางการเกินไป

ช่วงนี้ฤดูฝนแล้วอย่าลืมดูแลสุขภาพนะครับ

จาก แก้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

อ่านจบสีหน้าเคร่งขรึมก็ตึงเครียดขึ้นมาทันควัน มือหนาคว้าหมับเข้าที่หูจับลิ้นชัก ดึงกล่องไม้ออกก่อนจะใส่จดหมายหอมลงไปและจัดการหาแม่กุญแจมาล็อกขังกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้ ชายร่างกำยำหอบหายใจหนัก โขกหัวตัวเองลงบนพื้นโต๊ะอย่างแรงไปหนึ่งทีจนหน้าผากกว้างแดงแจ๋

พิภพสูดลมหายใจเข้าแล้วจึงตัดสินใจออกไปวิ่ง จนตระหนักได้ว่าการที่เขาเสนอจะเป็นเพื่อนทางจดหมายกับคนคนนี้นั้น เขาคิดผิดอย่างมหันต์

เขาคิดว่าเขากำลังโดนทำของใส่อยู่ก็ไม่ปาน ด้วยอายุอานามเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ จะมารู้สึกปั่นป่วนแบบนี้มันไม่น่าจะมีทางเป็นได้ ตื่นสักทีสิวะไอ้ดิน เมียเอ็งก็เคยมี ลูกเอ็งก็มี หยุดทำตัวอย่างเด็กน้อยแล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานได้แล้ว

"อดิศร"

สุดท้ายเขาก็ไม่อาจเอาชนะอารมณ์ของตัวเองได้จนต้องกลับมาตายรัง

"ครับร้อย!"

"ต่อจากนี้เดี๋ยวฉันเอาจดหมายไปส่งที่กล่องเอง ไม่ต้องรบกวนเราแล้ว"

เด็กหนุ่มตะเบ๊ะพยักหน้าตอบรับอย่างง่าย ทว่ากลับมีคำถามเด้งขึ้นมา

"ว่าแต่ร้อยรู้จักบ้านผมด้วยเหรอครับ"

ฉิบหายแล้ว

"อะฮึ่ม!...ฉันเลยจะมาขอให้นายนำทางไปวันนี้ไง ไม่ต้องถึงที่แต่ชี้ก็พอ"

พวกเขาคุยนัดสถานที่เพิ่มเติมนิดหน่อยแล้วหนุ่มศรจึงขอตัวไปเก็บกระเป๋าเสียก่อน

ท้ายที่สุดร้อยเอกคนนี้ก็ไม่อาจรอด ยิ่งนับวันอาการยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ สงสัยเขาคงต้องหาพระสักรูปมาคล้องคอขจัดของออกสักหน่อยแล้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

๑๐ มิถุนายน ๒๔๘๔

ถึง คุณแก้ว

ใช่ครับตอนนี้เราเป็นเพื่อนทางจดหมายกันแล้ว หากมีเรื่องอะไรสามารถพูดคุยกันได้เลยครับ ผมเต็มใจจะรับฟังครับ

เรื่องปกติที่คุยกันอย่างเช่น ชีวิตประจำวันว่าวัน ๆ หนึ่งมีอะไรน่าประทับใจเกิดขึ้นบ้าง หรืออย่างที่ไม่สบายใจก็สามารถกล่าวถึงในนี้ได้เช่นกันครับ

อย่างผมเมื่อไม่กี่วันก่อนพายุจะเข้าผมเลยหันไปจะปิดหน้าต่างเพราะกลัวฝนสาดแต่หันกลับมาอีกทีลมที่พัดเข้ามากลับพัดดอกไม้หน้าอาคารมาอยู่บนโต๊ะทำงานของผมเสียอย่างนั้น ผมคิดว่ามันน่ารักดี เลยอยากเล่าให้คุณฟัง

ส่วนเรื่องไม่สบายใจ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมต้องทำงานเอกสารค่อนข้างเยอะ เพราะงานก่อนของผมเป็นอะไรที่ตายตัวไม่ต้องเรียบเรียงคำแต่พอย้ายมาที่นี่ต้องประสานหลายฝ่ายจนวุ่นวายไปหมดเลยครับ รุ่นน้องผมก็ชอบทักว่าผมควรหัดยิ้มเสียบ้าง แต่เวลาผมพยายามยิ้มเด็ก ๆ รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานกลับกลัวเสียอย่างนั้น ผมเสียใจมากเลยครับ เห็นว่าคุณเป็นนางรำหวังว่าจะมีคำแนะนำดี ๆ ให้ผมนะครับ

ด้วยความจริงใจ

จาก ดิน

ป.ล.ดอกไม้ที่หล่นลงมาบนโต๊ะผมเป็น'ดอกแก้ว'พอดีเลยครับ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

ด้วยวันนี้เขาตื่นสายโด่ง กว่าจะอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ปาไปเก้าโมงครึ่ง เด็ก ๆ ต่างขึ้นเรือนมาซ้อมรำกันหมดแล้ว รวมไปถึงเจ้าศรที่ออกไปตั้งแต่หกโมงครึ่งที่ก่อนไปยังฝากเจ้านพให้มาบอกเขาว่ามีจดหมายมาส่งให้ออกมารับ ซึ่งกว่าจะทำงาน คิดท่า ฝึกเด็ก ๆ สำหรับงานแสดงถัดไปเสร็จฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีส้มเสียแล้ว

ตรีศูลหยิบจดหมายที่รับมาจากตู้ตั้งแต่เมื่อเช้าออกมาอ่านริมระเบียงโกรกลมรับอากาศธรรมชาติยามราตรี บนหน้ากระดาษยังคงมีเส้นบรรทัดที่ตีด้วยมืออย่างเคย ทั้งยังเท่ากันเป๊ะทุกบรรทัดเข้ากับลายมือหวัดตรง เห็นกี่ที่ต่อกี่ทีก็ชวนให้มีรอยยิ้ม ประหนึ่งตัวเองเป็นครูที่เห็นนักเรียนตั้งใจทำการบ้านมาส่ง

อ่านไปก็สงสัยไปว่า'คุณดิน'ทำงานอะไรกันแน่ เขาก็ใช่ว่าจะออกจากเรือนบ่อยหรือเรียกได้ว่าเป็นคนติดบ้าน ออกไปก็แค่ไปรำตามงานบางครั้งเจ้าภาพก็เดินทางไปรับไปส่ง ไม่ได้เดินทางแล้วพบปะผู้คนรายทางพูดคุยเป็นกิจจะลักษณะจนสามารถรู้จักทุกคนได้ขนาดนั้น

คนงามกระชับแว่น เบนมองไปทางหน้าเรือน วันนี้คนคนนั้นก็มาวิ่งอีกเช่นเคย หรือเขาควรจะออกกำลังกายอย่างเขาบ้างดี แต่แค่เดินไปกลับโรงเรียนเจ้าศรยังหอบกิน ไม่ต้องถามเรื่องวิ่งเลยว่าจะไหวไหม

ตรีศูลเหยียดแขนยืดเส้นส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ ก่อนจะเดินไปคิดไปถึงจดหมายตอบกลับจะว่าเขียนใจความอย่างไรดีให้เพื่อนใหม่คนนี้ประทับใจ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือการชโลมมือด้วยน้ำอบ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

วันรุ่งขึ้นหนุ่มศรยังคงรับหน้าที่เป็นผู้ส่งสารนำจดหมายน้อยไปมอบให้กับครูฝึกหน้าตายถึงห้องพักบุคลากรโรงเรียน โดยมีเหล่าคณะเพื่อน ๆ ติดสอยห้อยตามมาเกาะวงกบประตูใส่ใจเรื่องของเพื่อนศรกันเป็นแถว

"ไอ้เทือง เอ็งว่าศรมันเอาจดหมายอะไรมาให้ร้อยทุกวี่ทุกวันวะ?"

"อาจจะเป็นจดหมายลาออกก็ได้มึง ไอ้ศรช่วงแรกมันโดนร้อยพิภพเพ่งเล็งทุกวัน"

เจ้าของชื่อตอบกลับเพื่อนเกรียงช่างจ้อตัวเปิดเรื่อง

"อย่างไอ้ศรอะนะลาออก ข้าไม่เชื่อ เห็นใส่ชุดทหารหน้าชื่นตาบาน ฝึกเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่บ่นสักคำ"

เพื่อนเดชขัด

"ชู่ ไอ้ศรออกมาแล้ว ๆ "

เจ้าเจิดหนุ่มแว่นสังเกตเห็นเพื่อนทำความเคารพครูฝึกแล้วจึงได้เตือนสติเพื่อน ๆ

"พวกนายคุยอะไรกัน?"

"ปะ...เปล่าจ้ะ เปล่าเลยนะจ๊ะ"

ทั้งสี่ส่ายหน้าเป็นทางเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเห็นว่านายอดิศรคนนี้ใจดีเข้าถึงง่ายแต่นับวันยิ่งมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาเหมือนร้อยเข้าไปทุกที!

หนุ่มศรส่งยิ้มก่อนจะชวนเพื่อน ๆ กลับบ้านกลับช่อง โดยระหว่างทางทั้งห้าคนก็เจอสิบเอกเดินประกบอาจารย์สาวขึ้นมา ไม่อยากจะพูดเลยว่าตอนฝึกกับตอนอ้อล้อหญิงอย่างกับหนังคนละม้วน อย่างร้อยเอกพิภพขอละไว้ที่ฐานที่เข้าใจ แต่ครูฝึกปลื้มปีติคนนี้โหดเสียยิ่งกว่าโหด ทุกครั้งลงสนามฝึกเหมือนเห็นพญายมบาลกับผู้คุมนรกเลย!

"อ้าว ว่าไงเด็ก ๆ" ปลื้มทักทายกลุ่มทหารตัวจิ๋วที่กำลังจะเดินสวนบันไดลงมา

"สวัสดีครับสิบ" เด็ก ๆ กล่าวพร้อมกัน

"มาก็ดีเลย ฝากบอกเพื่อน ๆ ด้วยนะว่าเร็ว ๆ นี้จะได้ฝึกใช้ปืนจริงกัน เตรียมตัวเอาไว้ได้เลย"

สิบหน้าตี๋ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ตามวิสัยให้เหล่าลูกเจี๊ยบในการดูแล แล้วจึงเดินฮัมเพลงเข้าไปหาหัวหน้าครูฝึกอย่างอารมณ์ดีทิ้งให้ยุวชนทหารทั้งห้าขวัญผวาเล่น ๆ

ปลื้มเดินถือเอกสารเล่มบางมาวางลงบนโต๊ะทำงานของหัวหน้าตัวเองด้วยอารมณ์เหนื่อยหน่าย

"ร้อยครับ ไอ้เอกสารที่เราส่งไปมันเหมือนจะมีปัญหา เบื้องบนบอกให้แก้ส่งภายในศุกร์นี้ครับ"

หนุ่มรุ่นน้องกลับเข้าสถานะจริงจัง พวกเขาก็มีกันอยู่แค่สองคนยังจะโถมงานลงมาอีก ขอเบิกนายทหารเกณฑ์มาช่วยก็ไม่ยอมส่งมาจะได้มาช่วยกันเป็นตาดูแลเด็ก ๆ แต่เหล่านายพลดันเอาไปทำเรื่องไร้สาระใช้ตัดหญ้า ซักกางเกงใน ปลื้มคิดแล้วจึงถอนหายใจออกมาอีกรอบ

"แล้วก็ดูเหมือนเราคงต้องลดเวลาการฝึกลงมาหน่อยแล้วล่ะครับ ครูหัวหน้าระดับแกบอกว่ากังวลเรื่องเด็กเรียนไม่ทัน"

"งั้นฝากเอ็งไปคุยปรับตารางเวลา ว่าให้ยุวชนทหารเลิกบ่ายสามแทนบ่ายสี่ แค่นี้พอไหม?"

"ถ้าวันนี้แกไม่กลับไปก่อนเดี๋ยวผมคุยให้"

บทสนทนาระหว่างนายทหารทั้งสองเป็นไปอย่างเคร่งเครียด พิภพวางดินสอถอนลมหายใจหนัก ๆ มองกองเอกสารตรงหน้าที่อุตส่าห์ฝากให้เหล่าอาจารย์ช่วยสอนการเรียบเรียงภาษาราชการเป็นอย่างดีแต่กลับถูกปัดตกลงมา 'เอาใหม่ก็ได้วะ' พิภพคิดอย่างเหนื่อยหน่ายใจ หน้าที่ฝึกคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรุ่นน้องเขาไปก่อน ส่วนเขาจะรับหน้าที่ดำเนินเอกสารเอง

ร้อยเอกเงยหน้าขึ้นมาพลันชำเลืองสายตาไปยังเจ้าดอกแก้วดอกน้อยที่แห้งไปแล้วทว่าเขาก็ยังคงไม่เอาไปทิ้ง ไม่รู้ทำไมมองแล้วถึงมีกำลังใจขึ้นมา หรือเพราะดอกไม้ดอกนี้มีชื่อเหมือนโฉมงามในจดหมายกัน

เย็นวันนั้นเนื่องจากเจ้าศรเข้ามาบอกว่า 'พี่นพ- ผะ...ผมหมายถึงพี่ตรี พี่ชายของผมเขาฝากมาบอกว่าหากจะส่งจดหมายแนะนำให้มาส่งช่วงเย็น ๆ ก่อนฟ้ามืดครับ' เมื่อได้ยินพิภพก็แอบกังวลว่าอีกฝ่ายรู้แล้วเหรอว่าเขาคือคนเดียวกับที่ไปวิ่งหน้าเรือนน่ะ ทว่าอย่างไรก็ต้องสงวนท่าทีพยักหน้าตอบรับเอาไว้เสียก่อน

มือหนายอมคว้าหยิบผ้าเช็ดโต๊ะใกล้มือมาม้วนปิดจมูกเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้เขาเผลอทำตัวเสียมารยาทกับจดหมายอันมีค่าที่พึ่งได้รับมาเมื่อครู่ พิภพคิดกับตัวเองก่อนจะเปิดซองจดหมายอ่านในขณะที่เจ้ารุ่นน้องออกไปคุยกับคุณนายผอ.

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

๑๑ มิถุนายน ๒๔๘๔

ถึง คุณดิน

ผมไม่คิดว่าเรื่องที่จะเอามาเขียนมันจะง่ายขนาดนี้ ชีวิตผมในทุกวันมันเหมือนจะคัดลอกตามกันมาผมเลยไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาเขียนเลยล่ะครับ

ตื่นเช้ามาก็มาดูแลเด็ก ๆ ในคณะ ถ้ามีงานก็คิดท่ารำ แล้วก็ออกมาซ้อมรำช่วงกลางคืนที่บรรยากาศสงบเงียบ

แต่จะว่าไปช่วงนี้มีเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่งนะครับ ทุกคืนปกติแล้วช่วงที่ผมออกมาซ้อมรำมันจะเงียบมากเพราะเพื่อนบ้านเข้านอนกันหมดแล้วแต่เหมือนจะมีคนออกมาวิ่งเวลานี้เหมือนกัน เขาคงจะอยากหาช่วงเงียบ ๆ ออกมาทำอะไรคนเดียวกระมังครับผมว่า

พายุเข้าเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้างครับ ลูกศิษย์ผมบอกมาว่าน้ำขึ้นสูงจนเรือใต้ถุนบ้านลอยขึ้นมาเลย

วิธียิ้มผมมีอยู่นะครับ ลองฝึกยิ้มหน้ากระจกบ่อย ๆ หรือนึกถึงสิ่งที่เราชอบอย่างผมชอบแมว ผมก็จะนึกถึงหน้าพวกมันเอาไว้ตลอดการแสดงเลยครับ คุณดินรู้สึกชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ

ฝนตกแล้วระวังไข้จับด้วยนะครับ

จาก แก้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

*ครืน* ทันใดนั้นเสียงฟ้าคำรามก็ดังขึ้นมาจากฝั่งหน้าต่างด้านหลังเขา เมฆครึ้มตั้งเค้าเป็นสีเท่ามาแต่ไกล เมื่อมองนาฬิกานี่ก็ใกล้ยามสนธยาเข้าไปเต็มที พิภพที่เหลือเวลาไม่มากจึงหยิบกระดาษโรงเรียนมาโดยฉีกส่วนบนที่เป็นตราโรงเรียนออกให้เหลือแต่กระดาษเปล่า คว้าดินสอที่ถนัดมือมากที่สุดรีบบรรจงเขียนลงไปโดยลืมตีเส้นบรรทัดอย่างเคย เพียงสิบนาทีกระดาษจดหมายก็ถูกพับอย่างเร่งรีบพร้อมใส่ซอง

เขาจัดการปิดผนึกวิ่งออกจากอาคารไปด้วยความเร่งรีบเพราะกลัวฝนจะตก ระหว่างวิ่งเขาก็คิดว่าเอาไปให้เย็นวันพรุ่งนี้ก็ได้แต่ขามันเริ่มไปแล้วการจะหยุดคงจะเป็นเรื่องยาก

ระยะทางจากโรงเรียนมาใช่ว่าจะสั้นมากมาย แต่รู้ตัวอีกทีตรงหน้าเขาก็เป็นเรือนนางรำแล้ว ร่างกำยำอย่างชายชาติทหารสูดลมหายใจแล้วคิดที่จะรีบ ๆ หย่อนจดหมายลงตู้ไปให้เสร็จ ๆ

"สวัสดีครับ ถ้าเดาไม่ผิดคุณคงจะเป็น'คุณดิน'ใช่ไหมครับ?"

เสียงไม่คุ้นหูแว่วมาจากฝั่งซ้าย เป็นนพยืนกอดอกด้วยท่าทางอย่างคนมั่นใจในขณะที่ชายวัยกลางคนยืนดึงหน้านิ่งกักเก็บความตกใจเอาไว้

"เธอมีอะไร?" เสียงเข้มถาม

"คุณชอบอาจารย์ผมใช่ไหมครับ"

ศิษย์เอกถามอย่างไม่อ้อมค้อม แม้นายทหารไม่ตอบคำถามนั้น แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธ พอดีเลยวันนี้อาจารย์ออกไปทำงานข้างนอก จะได้ทำข้อตกลงกันง่ายขึ้น

เจอทหารหุ่นล่ำคนนี้เข้าไปไอ้แก่พรเทพเอ็งได้หน้าหงายแน่ นพคิดก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างผู้ชนะ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status