ตกเย็นหลังการเรียนการสอนเมื่อพิภพได้รับจดหมายมาจากยุวชนทหารในการดูแลอย่างอดิศร ร้อยเอกจึงเก็บมันเข้ากระเป๋าสะพายประจำกายเตรียมจะเอาไปเปิดอ่านที่บ้านพัก ซึ่งเขามักจะเปิดอ่านมันก่อนจะออกไปวิ่ง
ทว่าเมื่อเปิดผนึกขึ้นมาร้อยเอกผู้เข้มแข็งถึงกับต้องลุกออกจากเก้าอี้มาทำใจ
'ทำไมครั้งนี้มันถึงมีกลิ่นหอมติดมาด้วย!'
อยากอ่านก็อยากอ่านแต่ก็กลัวว่าตัวเองจะเผลอยกมันขึ้นมาดม ถึงในบ้านหลังนี้จะมีเพียงเขาอาศัยแต่เพียงลำพังแต่เขาก็อายฟ้าอายดินเป็น ท้ายที่สุดร่างกำยำก็ตัดสินใจหย่อนตัวลงเก้าอี้หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอย่างใจเย็นและอดทน
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๙ มิถุนายน ๒๔๘๔
ถึง คุณดิน
ผมตอบรับข้อเสนอของคุณครับ ดังนั้นแล้วต่อจากนี้เราคือเพื่อนทางจดหมายกันแล้วใช่ไหมครับ
แต่ผมไม่ทราบว่าเวลาคนเขาเขียนจดหมายกันแบบนี้แล้วเขาคุยกันเรื่องอะไรกันบ้าง พอดีผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เท่าไร รบกวนคุณดินลองยกตัวอย่างมาให้ผมสักเรื่องสองเรื่องได้ไหมครับ
สุดท้าย ต่อจากนี้เรียกผมว่า แก้ว ได้เลยนะครับ ถูกเรียกชื่อจริงในจดหมายแล้วเวลาอ่านรู้สึกเป็นทางการเกินไป
ช่วงนี้ฤดูฝนแล้วอย่าลืมดูแลสุขภาพนะครับ
จาก แก้ว
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
อ่านจบสีหน้าเคร่งขรึมก็ตึงเครียดขึ้นมาทันควัน มือหนาคว้าหมับเข้าที่หูจับลิ้นชัก ดึงกล่องไม้ออกก่อนจะใส่จดหมายหอมลงไปและจัดการหาแม่กุญแจมาล็อกขังกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้ ชายร่างกำยำหอบหายใจหนัก โขกหัวตัวเองลงบนพื้นโต๊ะอย่างแรงไปหนึ่งทีจนหน้าผากกว้างแดงแจ๋
พิภพสูดลมหายใจเข้าแล้วจึงตัดสินใจออกไปวิ่ง จนตระหนักได้ว่าการที่เขาเสนอจะเป็นเพื่อนทางจดหมายกับคนคนนี้นั้น เขาคิดผิดอย่างมหันต์
เขาคิดว่าเขากำลังโดนทำของใส่อยู่ก็ไม่ปาน ด้วยอายุอานามเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ จะมารู้สึกปั่นป่วนแบบนี้มันไม่น่าจะมีทางเป็นได้ ตื่นสักทีสิวะไอ้ดิน เมียเอ็งก็เคยมี ลูกเอ็งก็มี หยุดทำตัวอย่างเด็กน้อยแล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานได้แล้ว
"อดิศร"
สุดท้ายเขาก็ไม่อาจเอาชนะอารมณ์ของตัวเองได้จนต้องกลับมาตายรัง
"ครับร้อย!"
"ต่อจากนี้เดี๋ยวฉันเอาจดหมายไปส่งที่กล่องเอง ไม่ต้องรบกวนเราแล้ว"
เด็กหนุ่มตะเบ๊ะพยักหน้าตอบรับอย่างง่าย ทว่ากลับมีคำถามเด้งขึ้นมา
"ว่าแต่ร้อยรู้จักบ้านผมด้วยเหรอครับ"
ฉิบหายแล้ว
"อะฮึ่ม!...ฉันเลยจะมาขอให้นายนำทางไปวันนี้ไง ไม่ต้องถึงที่แต่ชี้ก็พอ"
พวกเขาคุยนัดสถานที่เพิ่มเติมนิดหน่อยแล้วหนุ่มศรจึงขอตัวไปเก็บกระเป๋าเสียก่อน
ท้ายที่สุดร้อยเอกคนนี้ก็ไม่อาจรอด ยิ่งนับวันอาการยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ สงสัยเขาคงต้องหาพระสักรูปมาคล้องคอขจัดของออกสักหน่อยแล้ว
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๑๐ มิถุนายน ๒๔๘๔
ถึง คุณแก้ว
ใช่ครับตอนนี้เราเป็นเพื่อนทางจดหมายกันแล้ว หากมีเรื่องอะไรสามารถพูดคุยกันได้เลยครับ ผมเต็มใจจะรับฟังครับ
เรื่องปกติที่คุยกันอย่างเช่น ชีวิตประจำวันว่าวัน ๆ หนึ่งมีอะไรน่าประทับใจเกิดขึ้นบ้าง หรืออย่างที่ไม่สบายใจก็สามารถกล่าวถึงในนี้ได้เช่นกันครับ
อย่างผมเมื่อไม่กี่วันก่อนพายุจะเข้าผมเลยหันไปจะปิดหน้าต่างเพราะกลัวฝนสาดแต่หันกลับมาอีกทีลมที่พัดเข้ามากลับพัดดอกไม้หน้าอาคารมาอยู่บนโต๊ะทำงานของผมเสียอย่างนั้น ผมคิดว่ามันน่ารักดี เลยอยากเล่าให้คุณฟัง
ส่วนเรื่องไม่สบายใจ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมต้องทำงานเอกสารค่อนข้างเยอะ เพราะงานก่อนของผมเป็นอะไรที่ตายตัวไม่ต้องเรียบเรียงคำแต่พอย้ายมาที่นี่ต้องประสานหลายฝ่ายจนวุ่นวายไปหมดเลยครับ รุ่นน้องผมก็ชอบทักว่าผมควรหัดยิ้มเสียบ้าง แต่เวลาผมพยายามยิ้มเด็ก ๆ รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานกลับกลัวเสียอย่างนั้น ผมเสียใจมากเลยครับ เห็นว่าคุณเป็นนางรำหวังว่าจะมีคำแนะนำดี ๆ ให้ผมนะครับ
ด้วยความจริงใจ
จาก ดิน
ป.ล.ดอกไม้ที่หล่นลงมาบนโต๊ะผมเป็น'ดอกแก้ว'พอดีเลยครับ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ด้วยวันนี้เขาตื่นสายโด่ง กว่าจะอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ปาไปเก้าโมงครึ่ง เด็ก ๆ ต่างขึ้นเรือนมาซ้อมรำกันหมดแล้ว รวมไปถึงเจ้าศรที่ออกไปตั้งแต่หกโมงครึ่งที่ก่อนไปยังฝากเจ้านพให้มาบอกเขาว่ามีจดหมายมาส่งให้ออกมารับ ซึ่งกว่าจะทำงาน คิดท่า ฝึกเด็ก ๆ สำหรับงานแสดงถัดไปเสร็จฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีส้มเสียแล้ว
ตรีศูลหยิบจดหมายที่รับมาจากตู้ตั้งแต่เมื่อเช้าออกมาอ่านริมระเบียงโกรกลมรับอากาศธรรมชาติยามราตรี บนหน้ากระดาษยังคงมีเส้นบรรทัดที่ตีด้วยมืออย่างเคย ทั้งยังเท่ากันเป๊ะทุกบรรทัดเข้ากับลายมือหวัดตรง เห็นกี่ที่ต่อกี่ทีก็ชวนให้มีรอยยิ้ม ประหนึ่งตัวเองเป็นครูที่เห็นนักเรียนตั้งใจทำการบ้านมาส่ง
อ่านไปก็สงสัยไปว่า'คุณดิน'ทำงานอะไรกันแน่ เขาก็ใช่ว่าจะออกจากเรือนบ่อยหรือเรียกได้ว่าเป็นคนติดบ้าน ออกไปก็แค่ไปรำตามงานบางครั้งเจ้าภาพก็เดินทางไปรับไปส่ง ไม่ได้เดินทางแล้วพบปะผู้คนรายทางพูดคุยเป็นกิจจะลักษณะจนสามารถรู้จักทุกคนได้ขนาดนั้น
คนงามกระชับแว่น เบนมองไปทางหน้าเรือน วันนี้คนคนนั้นก็มาวิ่งอีกเช่นเคย หรือเขาควรจะออกกำลังกายอย่างเขาบ้างดี แต่แค่เดินไปกลับโรงเรียนเจ้าศรยังหอบกิน ไม่ต้องถามเรื่องวิ่งเลยว่าจะไหวไหม
ตรีศูลเหยียดแขนยืดเส้นส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ ก่อนจะเดินไปคิดไปถึงจดหมายตอบกลับจะว่าเขียนใจความอย่างไรดีให้เพื่อนใหม่คนนี้ประทับใจ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือการชโลมมือด้วยน้ำอบ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
วันรุ่งขึ้นหนุ่มศรยังคงรับหน้าที่เป็นผู้ส่งสารนำจดหมายน้อยไปมอบให้กับครูฝึกหน้าตายถึงห้องพักบุคลากรโรงเรียน โดยมีเหล่าคณะเพื่อน ๆ ติดสอยห้อยตามมาเกาะวงกบประตูใส่ใจเรื่องของเพื่อนศรกันเป็นแถว
"ไอ้เทือง เอ็งว่าศรมันเอาจดหมายอะไรมาให้ร้อยทุกวี่ทุกวันวะ?"
"อาจจะเป็นจดหมายลาออกก็ได้มึง ไอ้ศรช่วงแรกมันโดนร้อยพิภพเพ่งเล็งทุกวัน"
เจ้าของชื่อตอบกลับเพื่อนเกรียงช่างจ้อตัวเปิดเรื่อง
"อย่างไอ้ศรอะนะลาออก ข้าไม่เชื่อ เห็นใส่ชุดทหารหน้าชื่นตาบาน ฝึกเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่บ่นสักคำ"
เพื่อนเดชขัด
"ชู่ ไอ้ศรออกมาแล้ว ๆ "
เจ้าเจิดหนุ่มแว่นสังเกตเห็นเพื่อนทำความเคารพครูฝึกแล้วจึงได้เตือนสติเพื่อน ๆ
"พวกนายคุยอะไรกัน?"
"ปะ...เปล่าจ้ะ เปล่าเลยนะจ๊ะ"
ทั้งสี่ส่ายหน้าเป็นทางเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเห็นว่านายอดิศรคนนี้ใจดีเข้าถึงง่ายแต่นับวันยิ่งมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาเหมือนร้อยเข้าไปทุกที!
หนุ่มศรส่งยิ้มก่อนจะชวนเพื่อน ๆ กลับบ้านกลับช่อง โดยระหว่างทางทั้งห้าคนก็เจอสิบเอกเดินประกบอาจารย์สาวขึ้นมา ไม่อยากจะพูดเลยว่าตอนฝึกกับตอนอ้อล้อหญิงอย่างกับหนังคนละม้วน อย่างร้อยเอกพิภพขอละไว้ที่ฐานที่เข้าใจ แต่ครูฝึกปลื้มปีติคนนี้โหดเสียยิ่งกว่าโหด ทุกครั้งลงสนามฝึกเหมือนเห็นพญายมบาลกับผู้คุมนรกเลย!
"อ้าว ว่าไงเด็ก ๆ" ปลื้มทักทายกลุ่มทหารตัวจิ๋วที่กำลังจะเดินสวนบันไดลงมา
"สวัสดีครับสิบ" เด็ก ๆ กล่าวพร้อมกัน
"มาก็ดีเลย ฝากบอกเพื่อน ๆ ด้วยนะว่าเร็ว ๆ นี้จะได้ฝึกใช้ปืนจริงกัน เตรียมตัวเอาไว้ได้เลย"
สิบหน้าตี๋ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ตามวิสัยให้เหล่าลูกเจี๊ยบในการดูแล แล้วจึงเดินฮัมเพลงเข้าไปหาหัวหน้าครูฝึกอย่างอารมณ์ดีทิ้งให้ยุวชนทหารทั้งห้าขวัญผวาเล่น ๆ
ปลื้มเดินถือเอกสารเล่มบางมาวางลงบนโต๊ะทำงานของหัวหน้าตัวเองด้วยอารมณ์เหนื่อยหน่าย
"ร้อยครับ ไอ้เอกสารที่เราส่งไปมันเหมือนจะมีปัญหา เบื้องบนบอกให้แก้ส่งภายในศุกร์นี้ครับ"
หนุ่มรุ่นน้องกลับเข้าสถานะจริงจัง พวกเขาก็มีกันอยู่แค่สองคนยังจะโถมงานลงมาอีก ขอเบิกนายทหารเกณฑ์มาช่วยก็ไม่ยอมส่งมาจะได้มาช่วยกันเป็นตาดูแลเด็ก ๆ แต่เหล่านายพลดันเอาไปทำเรื่องไร้สาระใช้ตัดหญ้า ซักกางเกงใน ปลื้มคิดแล้วจึงถอนหายใจออกมาอีกรอบ
"แล้วก็ดูเหมือนเราคงต้องลดเวลาการฝึกลงมาหน่อยแล้วล่ะครับ ครูหัวหน้าระดับแกบอกว่ากังวลเรื่องเด็กเรียนไม่ทัน"
"งั้นฝากเอ็งไปคุยปรับตารางเวลา ว่าให้ยุวชนทหารเลิกบ่ายสามแทนบ่ายสี่ แค่นี้พอไหม?"
"ถ้าวันนี้แกไม่กลับไปก่อนเดี๋ยวผมคุยให้"
บทสนทนาระหว่างนายทหารทั้งสองเป็นไปอย่างเคร่งเครียด พิภพวางดินสอถอนลมหายใจหนัก ๆ มองกองเอกสารตรงหน้าที่อุตส่าห์ฝากให้เหล่าอาจารย์ช่วยสอนการเรียบเรียงภาษาราชการเป็นอย่างดีแต่กลับถูกปัดตกลงมา 'เอาใหม่ก็ได้วะ' พิภพคิดอย่างเหนื่อยหน่ายใจ หน้าที่ฝึกคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรุ่นน้องเขาไปก่อน ส่วนเขาจะรับหน้าที่ดำเนินเอกสารเอง
ร้อยเอกเงยหน้าขึ้นมาพลันชำเลืองสายตาไปยังเจ้าดอกแก้วดอกน้อยที่แห้งไปแล้วทว่าเขาก็ยังคงไม่เอาไปทิ้ง ไม่รู้ทำไมมองแล้วถึงมีกำลังใจขึ้นมา หรือเพราะดอกไม้ดอกนี้มีชื่อเหมือนโฉมงามในจดหมายกัน
เย็นวันนั้นเนื่องจากเจ้าศรเข้ามาบอกว่า 'พี่นพ- ผะ...ผมหมายถึงพี่ตรี พี่ชายของผมเขาฝากมาบอกว่าหากจะส่งจดหมายแนะนำให้มาส่งช่วงเย็น ๆ ก่อนฟ้ามืดครับ' เมื่อได้ยินพิภพก็แอบกังวลว่าอีกฝ่ายรู้แล้วเหรอว่าเขาคือคนเดียวกับที่ไปวิ่งหน้าเรือนน่ะ ทว่าอย่างไรก็ต้องสงวนท่าทีพยักหน้าตอบรับเอาไว้เสียก่อน
มือหนายอมคว้าหยิบผ้าเช็ดโต๊ะใกล้มือมาม้วนปิดจมูกเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้เขาเผลอทำตัวเสียมารยาทกับจดหมายอันมีค่าที่พึ่งได้รับมาเมื่อครู่ พิภพคิดกับตัวเองก่อนจะเปิดซองจดหมายอ่านในขณะที่เจ้ารุ่นน้องออกไปคุยกับคุณนายผอ.
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
๑๑ มิถุนายน ๒๔๘๔
ถึง คุณดิน
ผมไม่คิดว่าเรื่องที่จะเอามาเขียนมันจะง่ายขนาดนี้ ชีวิตผมในทุกวันมันเหมือนจะคัดลอกตามกันมาผมเลยไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาเขียนเลยล่ะครับ
ตื่นเช้ามาก็มาดูแลเด็ก ๆ ในคณะ ถ้ามีงานก็คิดท่ารำ แล้วก็ออกมาซ้อมรำช่วงกลางคืนที่บรรยากาศสงบเงียบ
แต่จะว่าไปช่วงนี้มีเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่งนะครับ ทุกคืนปกติแล้วช่วงที่ผมออกมาซ้อมรำมันจะเงียบมากเพราะเพื่อนบ้านเข้านอนกันหมดแล้วแต่เหมือนจะมีคนออกมาวิ่งเวลานี้เหมือนกัน เขาคงจะอยากหาช่วงเงียบ ๆ ออกมาทำอะไรคนเดียวกระมังครับผมว่า
พายุเข้าเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้างครับ ลูกศิษย์ผมบอกมาว่าน้ำขึ้นสูงจนเรือใต้ถุนบ้านลอยขึ้นมาเลย
วิธียิ้มผมมีอยู่นะครับ ลองฝึกยิ้มหน้ากระจกบ่อย ๆ หรือนึกถึงสิ่งที่เราชอบอย่างผมชอบแมว ผมก็จะนึกถึงหน้าพวกมันเอาไว้ตลอดการแสดงเลยครับ คุณดินรู้สึกชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ
ฝนตกแล้วระวังไข้จับด้วยนะครับ
จาก แก้ว
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
*ครืน* ทันใดนั้นเสียงฟ้าคำรามก็ดังขึ้นมาจากฝั่งหน้าต่างด้านหลังเขา เมฆครึ้มตั้งเค้าเป็นสีเท่ามาแต่ไกล เมื่อมองนาฬิกานี่ก็ใกล้ยามสนธยาเข้าไปเต็มที พิภพที่เหลือเวลาไม่มากจึงหยิบกระดาษโรงเรียนมาโดยฉีกส่วนบนที่เป็นตราโรงเรียนออกให้เหลือแต่กระดาษเปล่า คว้าดินสอที่ถนัดมือมากที่สุดรีบบรรจงเขียนลงไปโดยลืมตีเส้นบรรทัดอย่างเคย เพียงสิบนาทีกระดาษจดหมายก็ถูกพับอย่างเร่งรีบพร้อมใส่ซอง
เขาจัดการปิดผนึกวิ่งออกจากอาคารไปด้วยความเร่งรีบเพราะกลัวฝนจะตก ระหว่างวิ่งเขาก็คิดว่าเอาไปให้เย็นวันพรุ่งนี้ก็ได้แต่ขามันเริ่มไปแล้วการจะหยุดคงจะเป็นเรื่องยาก
ระยะทางจากโรงเรียนมาใช่ว่าจะสั้นมากมาย แต่รู้ตัวอีกทีตรงหน้าเขาก็เป็นเรือนนางรำแล้ว ร่างกำยำอย่างชายชาติทหารสูดลมหายใจแล้วคิดที่จะรีบ ๆ หย่อนจดหมายลงตู้ไปให้เสร็จ ๆ
"สวัสดีครับ ถ้าเดาไม่ผิดคุณคงจะเป็น'คุณดิน'ใช่ไหมครับ?"
เสียงไม่คุ้นหูแว่วมาจากฝั่งซ้าย เป็นนพยืนกอดอกด้วยท่าทางอย่างคนมั่นใจในขณะที่ชายวัยกลางคนยืนดึงหน้านิ่งกักเก็บความตกใจเอาไว้
"เธอมีอะไร?" เสียงเข้มถาม
"คุณชอบอาจารย์ผมใช่ไหมครับ"
ศิษย์เอกถามอย่างไม่อ้อมค้อม แม้นายทหารไม่ตอบคำถามนั้น แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธ พอดีเลยวันนี้อาจารย์ออกไปทำงานข้างนอก จะได้ทำข้อตกลงกันง่ายขึ้น
เจอทหารหุ่นล่ำคนนี้เข้าไปไอ้แก่พรเทพเอ็งได้หน้าหงายแน่ นพคิดก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างผู้ชนะ
1. นิยายเรื่องนี้อ้างอิงจากเหตุการณ์จริงในช่วงปีพ.ศ.2484(ค.ศ.1941) และภาพยนตร์เรื่อง'ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ' ซึ่งอาจมีเนื้อหาคล้ายคลึง แต่อยากให้ทราบเอาไว้ว่า ทุกตัวละคร และบางสถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจ คู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน) และ เคะหนวด4. บางส่วนในนิยายอาจมีเนื้อหาที่เป็นข้อถกเถียงระหว่างสองความคิดในแง่การเมือง/สถาบันศาสนา5. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึงองค์กรทางศาสนา, ความรุนแรง, สภาวะทางจิต, สารเสพติด, การล่วงละเมิดทางเพศในรูปแบบต่าง ๆโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .จำนวนตอน
สงครามโลกครั้งที่สองอุบัติขึ้นแล้ว หากแต่สยามที่ได้เปลี่ยนนามเป็นไทยนั้นยังคงไว้ซึ่งความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทั้งสิ้นกระนั้นก็เป็นรู้กันปากต่อปากว่าการเลือกเป็นกลางนั้นถือเป็นการเลือกฝักฝ่ายไปแล้วสิ้น ทว่าเรื่องเช่นนั้นไม่สำคัญเท่าความปลอดภัยของชายแดนและเหล่าประชาชนที่อาจถูกรุกรานจากชาติญี่ปุ่นที่กดดันเข้ามาไม่ต่างจากนาฬิกาปลุกที่เมื่อยามใดเข็มทั้งสองมาบรรจบกันเวลาอันเหมาะ นกน้อยจะออกมาร่ำร้องเป็นทำนอง. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพรขบวนรถไฟสีดำขลับแล่นผ่านหมู่แมกไม้รายทาง สายลมที่เกิดจากความเร็วของล้อที่เคลื่อนตัวด้วยแรงไอน้ำพัดพากลีบดอกสีขาวไม่ทราบนามสวนทางผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่างที่เปิดรับลมธรรมชาติทันทีที่ดอกน้อยร่วงหล่นแตะพื้นที่นั่งข้างชายร่างกำยำในชุดทหารภูมิฐาน มือหยาบกร้านจากการฝึกอาวุธมาตลอดร่วมสิบปีก็จับกลีบบางโปร่งแสงนั้นขึ้นมามองฆ่าเวลาก่อนจะโยนมันทิ้งไปประหนึ่งสิ่งของไร้ค่าชิ้นหนึ่ง
เมื่อมาถึงสิบเอกจอมเจ้าเล่ห์ก็ไม่พลาดโอกาสถลาลงจากเบาะคนขับลงไปสอดส่องภายในงานทันทีทั้งยังชักชวนเขาอีกนะว่า'สาวแจ่ม ๆ ตรึมเลยนะคร้าบ ไม่ลงมาดูหน่อยเหรอครับร้อย เผื่อจะได้หาแม่ใหม่ให้น้องขวัญไง'รุ่นน้องเขานี่ก็ขยันสะกิดปมเขาตลอดเลยสินะแต่ไม่ว่าเปล่าหลังจากเขาเห็นหลังของทหารยศสิบเอกหายไปแล้วเขาจึงลงมาจากรถ เดินเตร็ดเตร่ผ่อนคลายเสียหน่อย บางทีอาจจะได้ข้าวเย็นเก็บใส่ตู้กินไปได้หลายวัน จนเดินมาเห็นเจ้าปลื้มมันสนทนากับหญิงสาวอย่างออกรสออกชาติ นี่เขาชักสงสัยแล้วนะว่าไอ้คนนี้มันไปเอาแรงพูดมาจากไหนเยอะแยะ ไม่ว่าเมื่อไหร่รุ่นน้องเขาก็หาเรื่องอู้ได้ตลอดไม่ว่าจะเป็นเวลางานหรือไม่ ทั้งยังติดนิสัยอ้อล้อแม่ค้ารายทางเป็นว่าเล่นแล้วก็มาเป็นภาระหูของเขาที่ต้องฟังเจ้านี่บ่นว่าทำไมสาวไม่รักบ้างล่ะ ทำไมหาเมียไม่ได้บ้างล่ะ และส่วนใหญ่ที่ตอบกลับไปก็จะเป็นคำว่าสมน้ำหน้าพิภพทอดถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ของวัน การที่เขาได้มาที่นี่มันไม่ได้มาจากสาเหตุที่น่าอภิรมย์อย่างการอาสามาเป็นครูอะไรเทือกนั้น แต่เป็นการกลั่นแกล้งกันในหมู่ทหารเสีย
"พี่ครับ"เสียงของเด็กหนุ่มวัยย่างสิบแปดผมสั้นเกรียนพร่ำเรียกคนอายุมากกว่าที่ยังคงนอนสลบไสลไม่รู้เดือนรู้ตะวัน ให้ทำอย่างไรเล่าก็เมื่อวานพี่ของเขากว่าจะขึ้นแสดงก็ปาไปหนึ่งทุ่มเศษทั้งหลังจากทักทายปวงประชาเสร็จก็ออกตามหา'ทหาร'ที่เจ้าตัวเห็นว่าเป็นคนเก็บปิ่นแสนแพงนั่นได้ก็กินเวลาไปจนงานเลิกสองทุ่มครึ่งนั่นแหละกว่าจะยอมกลับบ้านมาทั้งที่คว้าน้ำเหลวอยู่อย่างนั้น"พี่ครับ วันนี้พี่ต้องไปประชุมผู้ปกครองให้ผมนะครับ""อือ... แป๊บหนึ่งศร พี่ขอสิบนาที"เจ้าของชื่ออดิศรถอนหายใจเพราะพี่เจ้าพูดคำว่าสิบนาทีมาสองรอบเห็นจะได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้วิธีเด็ดขาดเนื่องด้วยเรือนหลังนี้เป็นพื้นที่สำหรับคณะนางรำเช้าตรู่จึงมีศิษย์ร่วมสำนักมาทำความสะอาดและฝึกซ้อมรอเจ้าของคณะตื่นตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันเพื่อตระเตรียมของ ขายาวเดินปรี่ไปที่พี่ผู้ชายตัวเล็กอีกคนหนึ่งที่นุ่งโจงกระเบนจับผ้าขี้ริ้วเช็ดราวบันไดอยู่"พี่นพครับ ผมรบกวนอะไรหน่อยได้ไหมครับ"ศรจับดึงลากคนอายุมากกว่าตนสองปีมายืนดูอาจารย์ของตนที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียง
"อุแหม วันนี้ผมขอบคุณครูแก้วอีกครั้งนะครับ พิธีมีสีสันขึ้นเยอะ"ชายร่างท้วมดูอารีกล่าวยินดีแก่แม่นางรำด้วยความจริงใจ เพราะการจะจองตัวแม่นางรำคนนี้มาแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เดือนหนึ่งครูแกรับแค่งานเดียว หรือสองเดือนครั้งเท่านั้น ยากนักที่จะได้ตัวมาร่วมงาน"ผมยินดีครับ แล้วจะยินดีมากเลยหากวันข้างหน้าเด็ก ๆ ในคณะจะได้มารำด้วย"ตรีศูลอมยิ้มพร้อมกล่าวตอบผู้ว่าจ้างประนมมือขอบคุณ ชายสูงอายุหัวเราะร่าพูดคุยโต้ตอบกับนางรำที่ตนว่าจ้างมารำถวายศาลทุกครั้งที่มีโอกาส จนผู้คนที่นั่งโต๊ะจีนอยู่โดยรอบอยากจะเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยไม่ว่าใครก็ต่างรู้ดีว่า'ครูแก้ว'แห่งคณะนางรำประจำชุมพรนี้มีความสามารถมากมายนัก ทั้งใบหน้ายังสะสวยเกินกว่าจะเรียกได้ว่าบุรุษ เพียงแต้มชาด ปัดแก้มเพียงนิดก็งามหยาดเยิ้มจนใครที่เดินผ่านต่างก็ไถ่ถามว่าสตรีนางนี้คือใครตรีศูลในชุดเครื่องทรงกินรีรีบเปิดกล่องแว่นหยิบเลนส์ขึ้นมาสวม บรรจงถอดเล็บปลอมสีทองนำมาวางเก็บไว้ในกล่องน้อยพกพา ก่อนจะค่อย ๆ จับตะเกียบประคองชิ้นเนื้อเข้าปากอย่างสุภาพเป็นภาพที่น่ามองแก่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ร่วมโต๊ะย
นายสิบปลื้มปีติรู้สึกว่าตัวเองทำงานคุ้มเงินเดือนก็วันนี้แล เพียงแค่นั่งอยู่เฉย ๆ โดยมีสายตาอาฆาตของผู้ปกครองจ้องมองมาก็รู้สึกพลังชีวิตจากหนึ่งร้อยลงมาติดลบจนอยากออกไปแรดฟื้นฟูสัพพะกำลังแล้วความสามารถพูดคล่องน้ำไหลไฟดับของพ่อหนุ่มทะเล้นได้หมดลงไปเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ก็ได้แต่หวังลม ๆ แล้ง ๆ ให้ร้อยตื่นขึ้นมาจากภวังค์แล้วเดินมานั่งรับกรรมเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนนี้สักทีเถอะครับ!ตรีศูลนั่งจิบน้ำไปกัดฟันกรอด ๆ ไป ใครมันบางอาจมาทำร้ายน้องชายเพียงคนเดียวของเขาหากเป็นนักเรียนเขาจะตามไปชำระถึงหน้าประตูบ้าน หรือหากเป็นเจ้าทหารสองคนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าพรุ่งนี้จะได้มีชีวิตอยู่อย่างครบสามสิบสอง"ขออภัยที่ชักช้านะครับ"นางรำหนุ่มวางแก้วน้ำลงบนตัก ตวัดหางตามองนายทหารร่างกำยำที่กำลังเดินหอบเอกสารรายชื่อบางอย่างมาวางไว้บนโต๊ะรับแขก"ไม่ทราบว่า คุณเป็นผู้ปกครองของยุวชนทหารคนไหนเหรอครับ?""นายอดิศร วิศิษฐ์สกุล ม.๕ ครับ"แม้จะพูดสุภาพแต่คนงามก็คล้ายจะกัดฟันพูด ทำเอาพ่อปลื้มอกสั่นขวัญแขวนไม่เคยเจอคนงามสายโหดมาก่อน เขานั่งเกร็งสั่นสู้ประหนึ่งเ
"เลิกแถว!!"เสียงเข้มดังกู่ก้องมาจากครูฝึกผิวสีน้ำผึ้งใจกลางสนาม ปลดปล่อยเหล่าทหารน้อยให้เป็นอิสระเมื่อเข็มสั้นชี้ตรงไปที่เลขสี่ เหล่านักเรียนชั้นมัธยมปลายในชุดสีเขียวเปื้อนดินพากันจับกลุ่มเดินกลับบ้านด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนจากการฝึกอันเข้มงวดรวมไปถึงอดิศรที่โดนเพื่อนคล้องคอกะจะพากันไปนั่งเล่นใต้ต้นไทรที่อยู่ไม่ห่าง"นายอดิศร"เสียงทุ้มคุ้นหูแว่วดังมาจากข้างหลังชวนให้เด็กหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีเป็นไก่ต้ม หันไปตอบรับแต่เพียงผู้เดียวเพราะเหล่าผองเพื่อนวิ่งหนีเตลิดไปไกลกันแล้ว"ครับร้อย" ศรยกมือทำความเคารพ พร้อมส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ครูฝึกสุดโหด"แผลเป็นยังไงบ้าง""ดีขึ้นเยอะแล้วครับ""ถ้าไม่ไหวให้มาบอกฉัน เข้าใจไหม ฝากไปบอกเพื่อน ๆ ด้วย""ครับ"แม้เด็กหนุ่มจะตอบรับทราบมาสักพักแต่พิภพก็ยังไม่หยุดจ้องมองมาที่เขา จู่ ๆ คิ้วหนาก็กดลงเหมือนเคร่งเครียดกับอะไรบางอย่าง ทำเอาศรตัวสั่นงั่กเป็นลูกหมาตกน้ำ"พี่นายเป็นนางรำใช่ไหม?""ครับ! ใช่ครับ!"ศรสะดุ้งตอบเสียงดังฟังชัด"เป็นนางรำที่ขึ้นแสดงเมื่องานกา
เรือนนางรำ๗ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณคนดีที่เก็บปิ่นปักผมมาคืนสวัสดีครับ ผมเป็นนางรำเจ้าของปิ่นที่คุณเก็บได้ ก่อนอื่นเลยคงต้องกล่าวขอบคุณเป็นอย่างสูงที่อุตส่าห์ฝากน้องชายผมมาคืนครับ ผมจึงอยากจะมอบของตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุณ ไม่ทราบว่าคุณสะดวกมาเจอกันไหมครับขอให้เป็นวันที่ดีนะครับจาก ตรีศูล (แก้ว) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .ร้อยเอกพิภพคิดดีแล้วที่ตัดสินใจอดทนรอไม่เปิดจดหมายอ่านต่อหน้าสาธารณชนไม่อย่างนั้นชาวบ้านชาวช่องคงต้องเห็นเขาทรุดลงกลางถนนเป็นอันแน่แท้พิภพได้อ่านจดหมายฉบับนี้หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จโดยที่ยังไม่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ดีดังนั้นบนตัวจึงยังมีแค่ผ้าขาวม้าผืนเดียวเปิดแผ่นอกและลอนหน้าท้องส่วนบนที่ยังคงชุ่มน้ำอยู่ ทว่าดูเหมือนไอร้อนที่แผ่ออกมาบนหน้าเขามันจะมากเกินสงสัยคงจะต้องไปตักน้ำสักขันมาราดให้หัวเย็นลงเสียหน่อยแล้วด้วยความเค