Share

บทที่ ๒ ครูแก้วกับการประชุมผู้ปกครอง (๑๐๐%)

"อุแหม วันนี้ผมขอบคุณครูแก้วอีกครั้งนะครับ พิธีมีสีสันขึ้นเยอะ"

ชายร่างท้วมดูอารีกล่าวยินดีแก่แม่นางรำด้วยความจริงใจ เพราะการจะจองตัวแม่นางรำคนนี้มาแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เดือนหนึ่งครูแกรับแค่งานเดียว หรือสองเดือนครั้งเท่านั้น ยากนักที่จะได้ตัวมาร่วมงาน

"ผมยินดีครับ แล้วจะยินดีมากเลยหากวันข้างหน้าเด็ก ๆ ในคณะจะได้มารำด้วย"

ตรีศูลอมยิ้มพร้อมกล่าวตอบผู้ว่าจ้างประนมมือขอบคุณ ชายสูงอายุหัวเราะร่าพูดคุยโต้ตอบกับนางรำที่ตนว่าจ้างมารำถวายศาลทุกครั้งที่มีโอกาส จนผู้คนที่นั่งโต๊ะจีนอยู่โดยรอบอยากจะเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

ไม่ว่าใครก็ต่างรู้ดีว่า'ครูแก้ว'แห่งคณะนางรำประจำชุมพรนี้มีความสามารถมากมายนัก ทั้งใบหน้ายังสะสวยเกินกว่าจะเรียกได้ว่าบุรุษ เพียงแต้มชาด ปัดแก้มเพียงนิดก็งามหยาดเยิ้มจนใครที่เดินผ่านต่างก็ไถ่ถามว่าสตรีนางนี้คือใคร

ตรีศูลในชุดเครื่องทรงกินรีรีบเปิดกล่องแว่นหยิบเลนส์ขึ้นมาสวม บรรจงถอดเล็บปลอมสีทองนำมาวางเก็บไว้ในกล่องน้อยพกพา ก่อนจะค่อย ๆ จับตะเกียบประคองชิ้นเนื้อเข้าปากอย่างสุภาพเป็นภาพที่น่ามองแก่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ร่วมโต๊ะยิ่ง

"ครูแก้ว เร็ว ๆ นี้ผมจะทำบุญบ้าน ไม่ทราบว่าช่วงนี้ครูว่างหรือเปล่าครับ?"

"ผมก็ว่าจะหาคณะนางรำไปรำถวายพระอยู่พอดี"

"บ้านของผมที่ปลูกอยู่ใกล้เสร็จแล้ว ว่าจะเชิญครูแก้วไปรำ สนใจไหมครับ"

คนงามประจำโต๊ะได้ฟังก็ชื่นใจที่คณะนางรำจะได้มีงาน แต่เฒ่าหัวงูพวกนี้ก็หวังแต่จะจ้างเขาคนเดียวไม่แลเด็ก ๆ ในคณะที่เขาตั้งใจสั่งสอนเลยสักนิด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงจำกัดระยะเวลาการทำงานของตัวเองลง

"ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้ความกรุณา แต่ผมว่าจะวางมือกลางปีนี้แล้วล่ะครับ"

"เห!? ทำไมล่ะครับ บ้านหลังนี้ผมตั้งใจปลูกเพื่อให้คุณมารำเปิดบ้านเลยนะครับ"

ไอ้คนนี้ก็ใช้เงินไม่คิด บ้าไปแล้วเหรอใช้เงินเป็นพันเป็นหมื่นหาข้ออ้างให้เขาไปรำ

"ผมก็อุตส่าห์จัดงานทำบุญหวังจะเชิญครูแก้วไปรำถวายองค์พระท่านเลยนะครับ"

นี่ก็อีกคน ฉันรู้ว่าพวกนายรวยแต่เอามาใช้แบบนี้ไม่อายฟ้าอายดินบ้างรึไง

"ตัวผมปีนี้ก็สามสิบแล้ว ไม่เหมาะจะมาทำอะไรแบบนี้แล้วล่ะครับ"

มันก็เป็นความจริง ใบหน้าของเขาที่เจ้าพวกนี้บอกนักบอกหนาว่าสวยอย่างนู้นอย่างนี้จะไปสู้สาวเอ๊าะ ๆ ได้อย่างไรเล่า แถมเขายังเป็นผู้ชายอีกแปลกใจเหมือนกันที่มาเจอกลุ่มคนที่ไม่สนเพศในยุคสมัยแบบนี้ด้วย

"งั้นเอาแบบนี้ไหมครับ"

ชายในชุดสูททั้งสามหันหน้าขวับไปทางเจ้าของคณะนางรำ

"ถ้าจะจ้างทั้งที ไม่จ้างเด็ก ๆ ในคณะไปด้วยเลยล่ะครับ ผมตั้งใจฝึกมากับมือเลยนะครับ"

"แต่ใครจะเทียบชั้นครู อย่างครูแก้วได้ล่ะครับ"

เอ๊ะ ไอ้นี่

ตรีศูลสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบจิตสงบใจก่อนจะปรับอารมณ์ตัวเองเข้าสู่ช่วงการละคร

"คุณพรเทพครับ ผมน่ะนะ...ใช้เวลาสั่งสอนเด็ก ๆ มาก็หลายปี คุณจะไม่เห็นแก่ความพยายามของผมเลยหรือครับ"

คนงามกล่าวด้วยน้ำเสียงน้อยใจทำตาละห้อยผินหน้าไปทางอื่น ทำเอาสามหนุ่มร่วมโต๊ะถึงกับลนลาน เจ้าของชื่อพรเทพจึงรีบเอี้ยวตัวมากุมมือเขาแนบแน่น

"โถ่ ครูแก้วครับ ผมจ้างคุณ เห็นผลงานคุณมาก็หลายครั้ง จะเปลี่ยนทีก็ต้องการคนที่ผมเชื่อมั่นสิครับ"

แล้วเด็ก ๆ ที่เขาเป็นคนจับดัดหลังดัดนิ้วเองกับมือมันไม่น่าเชื่อถือตรงไหนกันหือ!

นางรำหนุ่มได้แต่ยิ้มรับ ยกแก้วชาขึ้นจิบไปพลางตักอาหารเข้าปากไปพลางฟังเหล่าผู้ว่าจ้างคุยกันไม่นานก็ได้เวลาอันสมควร ตรีศูลกล่าวลาแขกที่เดินมาทักทาย หยิบกระเป๋าสัมภาระขึ้นสะพายก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังพร้อมกับเครื่องยนต์ที่จุดอยู่

"ครูแก้ว ให้ผมไปส่งที่เรือนไหมครับ"

เจ้าของชื่อพยักหน้าตอบรับ เพราะขามาก็เป็นเจ้าตัวที่อาสามารับ จะกลับทั้งทีก็ต้องใช้คนนี้แหละ วันนี้คุ้มเสียจริง ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งอิ่มท้อง แถมยังมีคนไปรับไปส่งอีก

เมื่อถึงหน้าบ้าน แขกคนสำคัญอาสาช่วยถือกระเป๋าและขนมที่ได้มาจากงานขึ้นเรือนมาด้วย ซึ่งเขาก็ยินดี

นางรำหนุ่มตักกระบวยขึ้นล้างเท้าให้สะอาดสะอ้านก่อนจะเปิดประตูกันเดินขึ้นบันไดเรือน พูดคุยโต้ตอบกับผู้ว่าจ้างที่พามาส่งเล็กน้อย ก่อนเมื่อเท้าเหยียบกระดานเรือนหางตาจะเหลือบไปเห็นน้องชายของเขาในสภาพงามหน้า

ศรในชุดอย่างทหารสีเขียวแก่กางเกงขาสั้นเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน แขนเสื้อทั้งสองข้างที่ถลกขึ้นเห็นแผลถลอกปอกเปิกเลือดซิบโดยมีเจ้านพลูกศิษย์เขาคอยเอาสำลีชุบยาแต้มไปตามจุด ยังไม่รวมกับหัวเข่าที่เลือดซิบไม่แพ้กัน และหน้าแก้มที่มีรอยช้ำม่วงเป็นวงคล้ายจะโดนต่อยมา

ความโกรธของตรีศูลพุ่งดังปรอทแตกก่อนจะชำเลืองไปมองที่นาฬิกา 'ยังไม่หมดเวลาราชการ' และหันไปสบตากับผู้ที่อาสาพามาส่ง

"คุณพรเทพครับ ผมรบกวนคุณอีกเรื่องหนึ่งได้ไหมครับ?"

ตรีศูลพูดพลางเดินเสียงเบาเข้าไปในห้องของตนซึ่งเป็นมุมอับจากระเบียง จัดการถอดเครื่องประดับอันหนักอึ้งออกบางส่วน สยายผมให้คลี่แล้วจึงใช้หนังยางรวบมัดเป็นหางม้าคลาย คว้าผ้าชีฟองผืนบางบนพนักเก้าอี้มาคลุมปิดไหล่

"ได้สิครับ แต่ครูแก้วต้องสัญญากับผมนะครับว่าจะมางานขึ้นบ้านใหม่"

"ครับผมสัญญา"

ตรีศูลกล่าวหนักแน่น ในตอนนี้ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของน้องชายเขาอีกแล้ว

"ว่ามาเลยครับ" เศรษฐีหนุ่มยิ้มแก้มปริ

"ช่วยขับรถไปส่งผมที่โรงเรียนแถวนี้ได้ไหมครับ"

อุตส่าห์จะไปก๊งเหล้ากับสองตาสักหน่อย แต่คงต้องไปสายหน่อยเสียแล้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

หูของทหารยศร้อยเอกได้ยินเสียงกระพรวนข้อเท้าดังกรุ๊งกริ๊งมาแต่ไกล ทว่ากลับไม่ได้สนใจอะไรและกลับมาจดจ่อกับเอกสารขอเบิกอุปกรณ์การรบสำหรับยุวชนทหารในการดูแลของเขา เสียงตึงตังประสมกับเสียงคล้ายกระดิ่งลมคืบคลานมาถึงอาคารชั้นสองที่เขานั่งทำงานอยู่ มือหยาบละเมียดจับกระดาษบางขึ้นมาพิจารณา พลางหยิบดินสอขึ้นมาตวัดเขียนเมื่อเห็นจุดผิดพลาด แม้จะมีเงาของผู้มาเยือนพาดผ่านโต๊ะไม้เนื้อดีก็ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นไปพาที

ตึง! เสียงฝ่ามือฟาดเข้าบนพื้นที่ทำงาน นายทหารมองว่าเป็นจังหวะเหมาะสมจึงได้เงยหน้าขึ้นมาทว่ายังไม่ได้ปรับระยะสายตาให้ดี

"คุณฝึกหนักเกินไปแล้วนะครับ ถึงพวกเขาจะเป็นยุวชนทหารแต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กนะ!"

เขาชินชากับประโยคพวกนี้แล้วจึงฟังหูซ้ายทะลุหูขวา อย่างไรเสียก็คงจะเป็นผู้ปกครองที่ไม่เข้าใจบริบทของสังคมไทยตอนนี้ที่พวกญี่ปุ่นกดดันเราเข้ามาทุกที ทหารชั้นกลางหลับตาเอนกายกับพนักพิงก่อนจะหรี่ตามองแล้วเห็นว่าคู่สนทนาหาได้ใส่ชุดคลุมมิดชิดตามมารยาทแต่เป็นผ้าเกาะอกและผ้าถุงทว่าเผยเนื้อเอวบางส่วนแม้จะมีผ้าแพรคลุมสัดส่วนแต่ในมุมของกาลเทศะอย่างไรผิดก็คือผิด เขาจึงกล่าวตักเตือนไปอย่างไม่ยี่หระ

"ผู้ปกครองครับ ผมเข้าใจในสัมมาอาชีพของคุณ แต่ที่นี่เป็นโรงเรียน รบกวนให้เกียรติสถานที่ราชการโดยการไม่ใส่ชุดนางรำมาพบด้วยครั-

เสียงเข้มขาดห้วงเมื่อเขาเงยหน้ามามองเจ้าของเสียงเจี๊ยวจ๊าวนั่นชัด ๆ

'อะไรกัน นักเรียนเขามีผู้ปกครองเป็น นางฟ้า ด้วยเหรอ'

ใช่ คนตรงหน้าของเขาคือนางรำคนนั้น เจ้าของปิ่นปักผมที่เขาเก็บได้แต่ทำไมเสียงของเจ้าตัวถึงได้ทุ้มอย่างผู้ชาย

ความสับสนเข้าเล่นงานร้อยเอกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว คิ้วเข้มหนากดลงอย่างคนกำลังสงสัย ดวงตาคมสั่นไหวด้วยความงงงวย ปากที่ยังคงกล่าวไม่จบประโยคดีอ้าค้างจนแมลงวันสามารถบินเข้าปากได้ แม้จะมีรุ่นน้องที่นั่งโต๊ะใกล้ ๆ สะกิดผ่านสายตานายทหารคนนี้ก็ยังคงนั่งแน่นิ่งเป็นรูปปั้น

"นี่! ได้ฟังผมอยู่ไหมครับ!" นางรำหนุ่มตะเบ็งเสียงดังเพื่อปลุกนายทหารให้ตื่น

"อะ...เอ่อ คุณผู้ปกครองครับ ไม่ทราบว่ายุวชนทหารที่คุณหมายถึงคือนายคนไหนเหรอครับ ถะ...ถ้าไม่รังเกียจ เชิญนั่งดื่มน้ำแล้วอธิบายให้ผมฟังได้ไหมครับ"

สิบเอกปลื้มปีติใช้ทักษะการพูดรวบตึงสถานการณ์เอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด จนผู้ปกครองคนสวยตอนนี้ยอมเดินมานั่งจิบน้ำที่เก้าอี้รับรองแล้ว

ทว่าความสามารถนี้ก็มีขีดจำกัด แน่นอนว่าคนติดเล่นอย่างนายสิบปลื้มคนนี้ไม่สามารถปรับพฤติกรรมตัวเองมาอยู่ในความจริงจังได้นานมากนักหรอก ทั้งนี้ยังเป็นการคุยกับผู้ปกครองครั้งแรก เอกสารอะไรในมือเขาก็ไม่มี ชื่อยุวชนทหารตอนนี้ยังจำได้ไม่หมดเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้ว ร้อยครับ! ช่วยหยุดเคลิ้มแล้วมาช่วยผมคุยกับพี่ชายคนสวยคนนี้ทีเถอะครับ!

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status