Accueil / วาย / องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์ / บทที่ ๒ ครูแก้วกับการประชุมผู้ปกครอง (๑๐๐%)

Share

บทที่ ๒ ครูแก้วกับการประชุมผู้ปกครอง (๑๐๐%)

last update Dernière mise à jour: 2024-10-29 18:20:05

"อุแหม วันนี้ผมขอบคุณครูแก้วอีกครั้งนะครับ พิธีมีสีสันขึ้นเยอะ"

ชายร่างท้วมดูอารีกล่าวยินดีแก่แม่นางรำด้วยความจริงใจ เพราะการจะจองตัวแม่นางรำคนนี้มาแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เดือนหนึ่งครูแกรับแค่งานเดียว หรือสองเดือนครั้งเท่านั้น ยากนักที่จะได้ตัวมาร่วมงาน

"ผมยินดีครับ แล้วจะยินดีมากเลยหากวันข้างหน้าเด็ก ๆ ในคณะจะได้มารำด้วย"

ตรีศูลอมยิ้มพร้อมกล่าวตอบผู้ว่าจ้างประนมมือขอบคุณ ชายสูงอายุหัวเราะร่าพูดคุยโต้ตอบกับนางรำที่ตนว่าจ้างมารำถวายศาลทุกครั้งที่มีโอกาส จนผู้คนที่นั่งโต๊ะจีนอยู่โดยรอบอยากจะเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

ไม่ว่าใครก็ต่างรู้ดีว่า'ครูแก้ว'แห่งคณะนางรำประจำชุมพรนี้มีความสามารถมากมายนัก ทั้งใบหน้ายังสะสวยเกินกว่าจะเรียกได้ว่าบุรุษ เพียงแต้มชาด ปัดแก้มเพียงนิดก็งามหยาดเยิ้มจนใครที่เดินผ่านต่างก็ไถ่ถามว่าสตรีนางนี้คือใคร

ตรีศูลในชุดเครื่องทรงกินรีรีบเปิดกล่องแว่นหยิบเลนส์ขึ้นมาสวม บรรจงถอดเล็บปลอมสีทองนำมาวางเก็บไว้ในกล่องน้อยพกพา ก่อนจะค่อย ๆ จับตะเกียบประคองชิ้นเนื้อเข้าปากอย่างสุภาพเป็นภาพที่น่ามองแก่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ร่วมโต๊ะยิ่ง

"ครูแก้ว เร็ว ๆ นี้ผมจะทำบุญบ้าน ไม่ทราบว่าช่วงนี้ครูว่างหรือเปล่าครับ?"

"ผมก็ว่าจะหาคณะนางรำไปรำถวายพระอยู่พอดี"

"บ้านของผมที่ปลูกอยู่ใกล้เสร็จแล้ว ว่าจะเชิญครูแก้วไปรำ สนใจไหมครับ"

คนงามประจำโต๊ะได้ฟังก็ชื่นใจที่คณะนางรำจะได้มีงาน แต่เฒ่าหัวงูพวกนี้ก็หวังแต่จะจ้างเขาคนเดียวไม่แลเด็ก ๆ ในคณะที่เขาตั้งใจสั่งสอนเลยสักนิด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงจำกัดระยะเวลาการทำงานของตัวเองลง

"ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้ความกรุณา แต่ผมว่าจะวางมือกลางปีนี้แล้วล่ะครับ"

"เห!? ทำไมล่ะครับ บ้านหลังนี้ผมตั้งใจปลูกเพื่อให้คุณมารำเปิดบ้านเลยนะครับ"

ไอ้คนนี้ก็ใช้เงินไม่คิด บ้าไปแล้วเหรอใช้เงินเป็นพันเป็นหมื่นหาข้ออ้างให้เขาไปรำ

"ผมก็อุตส่าห์จัดงานทำบุญหวังจะเชิญครูแก้วไปรำถวายองค์พระท่านเลยนะครับ"

นี่ก็อีกคน ฉันรู้ว่าพวกนายรวยแต่เอามาใช้แบบนี้ไม่อายฟ้าอายดินบ้างรึไง

"ตัวผมปีนี้ก็สามสิบแล้ว ไม่เหมาะจะมาทำอะไรแบบนี้แล้วล่ะครับ"

มันก็เป็นความจริง ใบหน้าของเขาที่เจ้าพวกนี้บอกนักบอกหนาว่าสวยอย่างนู้นอย่างนี้จะไปสู้สาวเอ๊าะ ๆ ได้อย่างไรเล่า แถมเขายังเป็นผู้ชายอีกแปลกใจเหมือนกันที่มาเจอกลุ่มคนที่ไม่สนเพศในยุคสมัยแบบนี้ด้วย

"งั้นเอาแบบนี้ไหมครับ"

ชายในชุดสูททั้งสามหันหน้าขวับไปทางเจ้าของคณะนางรำ

"ถ้าจะจ้างทั้งที ไม่จ้างเด็ก ๆ ในคณะไปด้วยเลยล่ะครับ ผมตั้งใจฝึกมากับมือเลยนะครับ"

"แต่ใครจะเทียบชั้นครู อย่างครูแก้วได้ล่ะครับ"

เอ๊ะ ไอ้นี่

ตรีศูลสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบจิตสงบใจก่อนจะปรับอารมณ์ตัวเองเข้าสู่ช่วงการละคร

"คุณพรเทพครับ ผมน่ะนะ...ใช้เวลาสั่งสอนเด็ก ๆ มาก็หลายปี คุณจะไม่เห็นแก่ความพยายามของผมเลยหรือครับ"

คนงามกล่าวด้วยน้ำเสียงน้อยใจทำตาละห้อยผินหน้าไปทางอื่น ทำเอาสามหนุ่มร่วมโต๊ะถึงกับลนลาน เจ้าของชื่อพรเทพจึงรีบเอี้ยวตัวมากุมมือเขาแนบแน่น

"โถ่ ครูแก้วครับ ผมจ้างคุณ เห็นผลงานคุณมาก็หลายครั้ง จะเปลี่ยนทีก็ต้องการคนที่ผมเชื่อมั่นสิครับ"

แล้วเด็ก ๆ ที่เขาเป็นคนจับดัดหลังดัดนิ้วเองกับมือมันไม่น่าเชื่อถือตรงไหนกันหือ!

นางรำหนุ่มได้แต่ยิ้มรับ ยกแก้วชาขึ้นจิบไปพลางตักอาหารเข้าปากไปพลางฟังเหล่าผู้ว่าจ้างคุยกันไม่นานก็ได้เวลาอันสมควร ตรีศูลกล่าวลาแขกที่เดินมาทักทาย หยิบกระเป๋าสัมภาระขึ้นสะพายก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังพร้อมกับเครื่องยนต์ที่จุดอยู่

"ครูแก้ว ให้ผมไปส่งที่เรือนไหมครับ"

เจ้าของชื่อพยักหน้าตอบรับ เพราะขามาก็เป็นเจ้าตัวที่อาสามารับ จะกลับทั้งทีก็ต้องใช้คนนี้แหละ วันนี้คุ้มเสียจริง ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งอิ่มท้อง แถมยังมีคนไปรับไปส่งอีก

เมื่อถึงหน้าบ้าน แขกคนสำคัญอาสาช่วยถือกระเป๋าและขนมที่ได้มาจากงานขึ้นเรือนมาด้วย ซึ่งเขาก็ยินดี

นางรำหนุ่มตักกระบวยขึ้นล้างเท้าให้สะอาดสะอ้านก่อนจะเปิดประตูกันเดินขึ้นบันไดเรือน พูดคุยโต้ตอบกับผู้ว่าจ้างที่พามาส่งเล็กน้อย ก่อนเมื่อเท้าเหยียบกระดานเรือนหางตาจะเหลือบไปเห็นน้องชายของเขาในสภาพงามหน้า

ศรในชุดอย่างทหารสีเขียวแก่กางเกงขาสั้นเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน แขนเสื้อทั้งสองข้างที่ถลกขึ้นเห็นแผลถลอกปอกเปิกเลือดซิบโดยมีเจ้านพลูกศิษย์เขาคอยเอาสำลีชุบยาแต้มไปตามจุด ยังไม่รวมกับหัวเข่าที่เลือดซิบไม่แพ้กัน และหน้าแก้มที่มีรอยช้ำม่วงเป็นวงคล้ายจะโดนต่อยมา

ความโกรธของตรีศูลพุ่งดังปรอทแตกก่อนจะชำเลืองไปมองที่นาฬิกา 'ยังไม่หมดเวลาราชการ' และหันไปสบตากับผู้ที่อาสาพามาส่ง

"คุณพรเทพครับ ผมรบกวนคุณอีกเรื่องหนึ่งได้ไหมครับ?"

ตรีศูลพูดพลางเดินเสียงเบาเข้าไปในห้องของตนซึ่งเป็นมุมอับจากระเบียง จัดการถอดเครื่องประดับอันหนักอึ้งออกบางส่วน สยายผมให้คลี่แล้วจึงใช้หนังยางรวบมัดเป็นหางม้าคลาย คว้าผ้าชีฟองผืนบางบนพนักเก้าอี้มาคลุมปิดไหล่

"ได้สิครับ แต่ครูแก้วต้องสัญญากับผมนะครับว่าจะมางานขึ้นบ้านใหม่"

"ครับผมสัญญา"

ตรีศูลกล่าวหนักแน่น ในตอนนี้ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของน้องชายเขาอีกแล้ว

"ว่ามาเลยครับ" เศรษฐีหนุ่มยิ้มแก้มปริ

"ช่วยขับรถไปส่งผมที่โรงเรียนแถวนี้ได้ไหมครับ"

อุตส่าห์จะไปก๊งเหล้ากับสองตาสักหน่อย แต่คงต้องไปสายหน่อยเสียแล้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . 

หูของทหารยศร้อยเอกได้ยินเสียงกระพรวนข้อเท้าดังกรุ๊งกริ๊งมาแต่ไกล ทว่ากลับไม่ได้สนใจอะไรและกลับมาจดจ่อกับเอกสารขอเบิกอุปกรณ์การรบสำหรับยุวชนทหารในการดูแลของเขา เสียงตึงตังประสมกับเสียงคล้ายกระดิ่งลมคืบคลานมาถึงอาคารชั้นสองที่เขานั่งทำงานอยู่ มือหยาบละเมียดจับกระดาษบางขึ้นมาพิจารณา พลางหยิบดินสอขึ้นมาตวัดเขียนเมื่อเห็นจุดผิดพลาด แม้จะมีเงาของผู้มาเยือนพาดผ่านโต๊ะไม้เนื้อดีก็ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นไปพาที

ตึง! เสียงฝ่ามือฟาดเข้าบนพื้นที่ทำงาน นายทหารมองว่าเป็นจังหวะเหมาะสมจึงได้เงยหน้าขึ้นมาทว่ายังไม่ได้ปรับระยะสายตาให้ดี

"คุณฝึกหนักเกินไปแล้วนะครับ ถึงพวกเขาจะเป็นยุวชนทหารแต่ยังไงก็ยังเป็นเด็กนะ!"

เขาชินชากับประโยคพวกนี้แล้วจึงฟังหูซ้ายทะลุหูขวา อย่างไรเสียก็คงจะเป็นผู้ปกครองที่ไม่เข้าใจบริบทของสังคมไทยตอนนี้ที่พวกญี่ปุ่นกดดันเราเข้ามาทุกที ทหารชั้นกลางหลับตาเอนกายกับพนักพิงก่อนจะหรี่ตามองแล้วเห็นว่าคู่สนทนาหาได้ใส่ชุดคลุมมิดชิดตามมารยาทแต่เป็นผ้าเกาะอกและผ้าถุงทว่าเผยเนื้อเอวบางส่วนแม้จะมีผ้าแพรคลุมสัดส่วนแต่ในมุมของกาลเทศะอย่างไรผิดก็คือผิด เขาจึงกล่าวตักเตือนไปอย่างไม่ยี่หระ

"ผู้ปกครองครับ ผมเข้าใจในสัมมาอาชีพของคุณ แต่ที่นี่เป็นโรงเรียน รบกวนให้เกียรติสถานที่ราชการโดยการไม่ใส่ชุดนางรำมาพบด้วยครั-

เสียงเข้มขาดห้วงเมื่อเขาเงยหน้ามามองเจ้าของเสียงเจี๊ยวจ๊าวนั่นชัด ๆ

'อะไรกัน นักเรียนเขามีผู้ปกครองเป็น นางฟ้า ด้วยเหรอ'

ใช่ คนตรงหน้าของเขาคือนางรำคนนั้น เจ้าของปิ่นปักผมที่เขาเก็บได้แต่ทำไมเสียงของเจ้าตัวถึงได้ทุ้มอย่างผู้ชาย

ความสับสนเข้าเล่นงานร้อยเอกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว คิ้วเข้มหนากดลงอย่างคนกำลังสงสัย ดวงตาคมสั่นไหวด้วยความงงงวย ปากที่ยังคงกล่าวไม่จบประโยคดีอ้าค้างจนแมลงวันสามารถบินเข้าปากได้ แม้จะมีรุ่นน้องที่นั่งโต๊ะใกล้ ๆ สะกิดผ่านสายตานายทหารคนนี้ก็ยังคงนั่งแน่นิ่งเป็นรูปปั้น

"นี่! ได้ฟังผมอยู่ไหมครับ!" นางรำหนุ่มตะเบ็งเสียงดังเพื่อปลุกนายทหารให้ตื่น

"อะ...เอ่อ คุณผู้ปกครองครับ ไม่ทราบว่ายุวชนทหารที่คุณหมายถึงคือนายคนไหนเหรอครับ ถะ...ถ้าไม่รังเกียจ เชิญนั่งดื่มน้ำแล้วอธิบายให้ผมฟังได้ไหมครับ"

สิบเอกปลื้มปีติใช้ทักษะการพูดรวบตึงสถานการณ์เอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด จนผู้ปกครองคนสวยตอนนี้ยอมเดินมานั่งจิบน้ำที่เก้าอี้รับรองแล้ว

ทว่าความสามารถนี้ก็มีขีดจำกัด แน่นอนว่าคนติดเล่นอย่างนายสิบปลื้มคนนี้ไม่สามารถปรับพฤติกรรมตัวเองมาอยู่ในความจริงจังได้นานมากนักหรอก ทั้งนี้ยังเป็นการคุยกับผู้ปกครองครั้งแรก เอกสารอะไรในมือเขาก็ไม่มี ชื่อยุวชนทหารตอนนี้ยังจำได้ไม่หมดเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้ว ร้อยครับ! ช่วยหยุดเคลิ้มแล้วมาช่วยผมคุยกับพี่ชายคนสวยคนนี้ทีเถอะครับ!

Related chapter

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓ แม่รักแรกพบของร้อย (๕๐%)

    นายสิบปลื้มปีติรู้สึกว่าตัวเองทำงานคุ้มเงินเดือนก็วันนี้แล เพียงแค่นั่งอยู่เฉย ๆ โดยมีสายตาอาฆาตของผู้ปกครองจ้องมองมาก็รู้สึกพลังชีวิตจากหนึ่งร้อยลงมาติดลบจนอยากออกไปแรดฟื้นฟูสัพพะกำลังแล้วความสามารถพูดคล่องน้ำไหลไฟดับของพ่อหนุ่มทะเล้นได้หมดลงไปเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ก็ได้แต่หวังลม ๆ แล้ง ๆ ให้ร้อยตื่นขึ้นมาจากภวังค์แล้วเดินมานั่งรับกรรมเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนนี้สักทีเถอะครับ!ตรีศูลนั่งจิบน้ำไปกัดฟันกรอด ๆ ไป ใครมันบางอาจมาทำร้ายน้องชายเพียงคนเดียวของเขาหากเป็นนักเรียนเขาจะตามไปชำระถึงหน้าประตูบ้าน หรือหากเป็นเจ้าทหารสองคนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าพรุ่งนี้จะได้มีชีวิตอยู่อย่างครบสามสิบสอง"ขออภัยที่ชักช้านะครับ"นางรำหนุ่มวางแก้วน้ำลงบนตัก ตวัดหางตามองนายทหารร่างกำยำที่กำลังเดินหอบเอกสารรายชื่อบางอย่างมาวางไว้บนโต๊ะรับแขก"ไม่ทราบว่า คุณเป็นผู้ปกครองของยุวชนทหารคนไหนเหรอครับ?""นายอดิศร วิศิษฐ์สกุล ม.๕ ครับ"แม้จะพูดสุภาพแต่คนงามก็คล้ายจะกัดฟันพูด ทำเอาพ่อปลื้มอกสั่นขวัญแขวนไม่เคยเจอคนงามสายโหดมาก่อน เขานั่งเกร็งสั่นสู้ประหนึ่งเ

    Dernière mise à jour : 2024-10-29
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓ แม่รักแรกพบของร้อย (๑๐๐%)

    "เลิกแถว!!"เสียงเข้มดังกู่ก้องมาจากครูฝึกผิวสีน้ำผึ้งใจกลางสนาม ปลดปล่อยเหล่าทหารน้อยให้เป็นอิสระเมื่อเข็มสั้นชี้ตรงไปที่เลขสี่ เหล่านักเรียนชั้นมัธยมปลายในชุดสีเขียวเปื้อนดินพากันจับกลุ่มเดินกลับบ้านด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนจากการฝึกอันเข้มงวดรวมไปถึงอดิศรที่โดนเพื่อนคล้องคอกะจะพากันไปนั่งเล่นใต้ต้นไทรที่อยู่ไม่ห่าง"นายอดิศร"เสียงทุ้มคุ้นหูแว่วดังมาจากข้างหลังชวนให้เด็กหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีเป็นไก่ต้ม หันไปตอบรับแต่เพียงผู้เดียวเพราะเหล่าผองเพื่อนวิ่งหนีเตลิดไปไกลกันแล้ว"ครับร้อย" ศรยกมือทำความเคารพ พร้อมส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ครูฝึกสุดโหด"แผลเป็นยังไงบ้าง""ดีขึ้นเยอะแล้วครับ""ถ้าไม่ไหวให้มาบอกฉัน เข้าใจไหม ฝากไปบอกเพื่อน ๆ ด้วย""ครับ"แม้เด็กหนุ่มจะตอบรับทราบมาสักพักแต่พิภพก็ยังไม่หยุดจ้องมองมาที่เขา จู่ ๆ คิ้วหนาก็กดลงเหมือนเคร่งเครียดกับอะไรบางอย่าง ทำเอาศรตัวสั่นงั่กเป็นลูกหมาตกน้ำ"พี่นายเป็นนางรำใช่ไหม?""ครับ! ใช่ครับ!"ศรสะดุ้งตอบเสียงดังฟังชัด"เป็นนางรำที่ขึ้นแสดงเมื่องานกา

    Dernière mise à jour : 2024-10-29
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๔ อานุภาพของกระดาษแผ่นเดียว (๕๐%)

    เรือนนางรำ๗ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณคนดีที่เก็บปิ่นปักผมมาคืนสวัสดีครับ ผมเป็นนางรำเจ้าของปิ่นที่คุณเก็บได้ ก่อนอื่นเลยคงต้องกล่าวขอบคุณเป็นอย่างสูงที่อุตส่าห์ฝากน้องชายผมมาคืนครับ ผมจึงอยากจะมอบของตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุณ ไม่ทราบว่าคุณสะดวกมาเจอกันไหมครับขอให้เป็นวันที่ดีนะครับจาก ตรีศูล (แก้ว) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .ร้อยเอกพิภพคิดดีแล้วที่ตัดสินใจอดทนรอไม่เปิดจดหมายอ่านต่อหน้าสาธารณชนไม่อย่างนั้นชาวบ้านชาวช่องคงต้องเห็นเขาทรุดลงกลางถนนเป็นอันแน่แท้พิภพได้อ่านจดหมายฉบับนี้หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จโดยที่ยังไม่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ดีดังนั้นบนตัวจึงยังมีแค่ผ้าขาวม้าผืนเดียวเปิดแผ่นอกและลอนหน้าท้องส่วนบนที่ยังคงชุ่มน้ำอยู่ ทว่าดูเหมือนไอร้อนที่แผ่ออกมาบนหน้าเขามันจะมากเกินสงสัยคงจะต้องไปตักน้ำสักขันมาราดให้หัวเย็นลงเสียหน่อยแล้วด้วยความเค

    Dernière mise à jour : 2024-10-30
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๔ อานุภาพของกระดาษแผ่นเดียว (๑๐๐%)

    ตกเย็นหลังการเรียนการสอนเมื่อพิภพได้รับจดหมายมาจากยุวชนทหารในการดูแลอย่างอดิศร ร้อยเอกจึงเก็บมันเข้ากระเป๋าสะพายประจำกายเตรียมจะเอาไปเปิดอ่านที่บ้านพัก ซึ่งเขามักจะเปิดอ่านมันก่อนจะออกไปวิ่งทว่าเมื่อเปิดผนึกขึ้นมาร้อยเอกผู้เข้มแข็งถึงกับต้องลุกออกจากเก้าอี้มาทำใจ'ทำไมครั้งนี้มันถึงมีกลิ่นหอมติดมาด้วย!'อยากอ่านก็อยากอ่านแต่ก็กลัวว่าตัวเองจะเผลอยกมันขึ้นมาดม ถึงในบ้านหลังนี้จะมีเพียงเขาอาศัยแต่เพียงลำพังแต่เขาก็อายฟ้าอายดินเป็น ท้ายที่สุดร่างกำยำก็ตัดสินใจหย่อนตัวลงเก้าอี้หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอย่างใจเย็นและอดทน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .๙ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณดินผมตอบรับข้อเสนอของคุณครับ ดังนั้นแล้วต่อจากนี้เราคือเพื่อนทางจดหมายกันแล้วใช่ไหมครับแต่ผมไม่ทราบว่าเวลาคนเขาเขียนจดหมายกันแบบนี้แล้วเขาคุยกันเรื่องอะไรกันบ้าง พอดีผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เท่าไร รบกวนคุณดินลองยกตัวอย่างมาให้ผมสั

    Dernière mise à jour : 2024-10-31
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๕ อานุภาพของกระดาษหลายแผ่น (๕๐%)

    "ร้อย ทำไมเครียด ๆ อะช่วงนี้"นายสิบปลื้มปีติถามรุ่นพี่ด้วยความเป็นห่วง หากขาดพี่ใหญ่คนนี้ไปใครจะมาเป็นคนทำเอกสารอันแสนวุ่นวายให้เขาเล่า ทว่าเหตุผลนั่นก็ส่วนหนึ่งทว่ายิ่งไปกว่านั้น คิ้วหนาของเจ้าตัวจากปกติที่กดลงอย่างยมบาลตอนนี้กลับกดลงยิ่งกว่าเก่าจนแทบจะบังดวงตานายทหารรุ่นน้องจึงอาสาชงกาแฟดำมาวางบริการถึงตรงบนโต๊ะร้อยเอก แล้วจึงสบโอกาสนั่งคุย (อู้งาน) มันเสียตรงนี้เลย"เครียดเรื่องงานเหรอครับ?"เขาถามด้วยความสงสัย ถ้าเป็นเรื่องงานเจ้าตัวคงไม่น่าจะมาเครียดแบบนี้ แก้เอกสารก็แค่ทำจากผิดเป็นถูกแต่มันอาจจะเยอะเกินไปสำหรับอีกฝ่ายกระมัง"เหอะ ฉันเปล่าเครียดเรื่องนั้น""แล้วบอกได้รึเปล่าว่าเครียดเรื่องอะไรเผื่อผมช่วยได้"ทันใดนั้นสายตาอาฆาตก็ช้อนมาที่เขา ก่อนที่เจ้าตัวหันหน้าไปครุ่นคิดบางอย่าง ปลื้มจึงลากเก้าอี้มานั่งฟังใกล้ ๆ พลางจิบชาของตัวเองไปด้วย"นางรำคนนั้น..."พิภพถามยกมือกุมที่หว่างคิ้วพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ด้วยท่าทีนั้นจึงทำให้ปลื้มนึกสาเหตุออกในทันที"อ๋อ ทำไมเหรอครับ ผมว่าเขาก็สวยดี""เอ

    Dernière mise à jour : 2024-11-01
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๕ อานุภาพของกระดาษหลายแผ่น (๑๐๐%)

    เรือนนางรำ๑๘ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณดินขอบคุณสำหรับคำอวยพรแก่เหล่ากองเสื้อผ้าของผมกับเด็ก ๆ นะครับ เรื่องจะมาผมยินดีต้อนรับเสมอครับ หวังว่าถ้าได้มาเราจะได้มานั่งคุยกันตัวต่อตัวบนเรือนผมนะครับสุดท้ายนี่เหมือนเทพนิยายเลยนะครับ มีน้อยคนมากนะครับที่จะมีรักแรกพบแล้วสมหวัง แต่คุณไม่ต้องนะครับผมสนับสนุนคุณเต็มที่เลย สาบานด้วยเกียรติของครูนาฏศิลป์เลยครับ แล้วถ้าเป็นผม ผมคงอยากให้คุณเข้าไปคุยกับคุณคนนั้นตรง ๆ จะมีวิธีสื่อสารไหนดีเท่ากับการพูดด้วยความจริงใจล่ะครับ ผมคงให้คำแนะนำได้เท่านี้ ขอให้โชคดีนะครับแล้วก็เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนคุณดินจะอวยพรให้ผมได้ไหมครับ พอดีไม่กี่วันนี้ผมมีงานต้องไปออกงานข้างนอก รบกวนด้วยนะครับพกร่มแล้วพกเสื้อกันฝนด้วยก็ดีนะครับจาก แก้ว . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .๑๙ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณแก้ว

    Dernière mise à jour : 2024-11-02
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๖ วันชาติ (๕๐%)

    "มาหาผมเรื่องอาจารย์ใช่ไหมครับ?"พิภพพยักหน้าตอบรับไปอย่างไม่อาย นายทหารร้อยเอกวัยสามสิบสี่ปีเคร่งเครียดหนัก เขายอมทิ้งวันหยุดอันมีค่าเพื่อพาตัวเองมาอยู่ตรงหน้าศิษย์เอกครูแก้วก็เพื่อปรึกษางานในอีกวันข้างหน้าหนุ่มนพนั่งจิบกาแฟหวานพลางมองตาลุงที่หลงครูตัวเองหัวปักหัวปำก็นึก'ถ้าอาจารย์โชคร้ายเผลอสะดุดล้มอะไรเข้า คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าโชคดีไปอยู่กับใคร'เล่นมีทหารรับราชการมาสนใจแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครเขาจะทำกันได้ง่าย ๆ"ประเด็นคือคุณลุงทหารต้องพูดตรง ๆ " นพปรับสีหน้าเชิดมองคู่สนทนา "อาจารย์น่ะ เกลียดคนโกหกที่สุดเลย"เกลียดคนโกหก...พิภพนั่งกุมมือตกผลึกกับตัวเอง แล้วไม่ใช่ว่าเขาตอนนี้กำลังโกหกอยู่หรืออย่างไรชายร่างใหญ่ในเชิ้ตขาวนั่งถอนหายใจกับผลลัพธ์ที่น่าจะเกิดขึ้นแน่ ๆ เราสนทนากันมากกว่านั้นทว่านั่นเป็นประโยคสำคัญที่ยังคงแล่นวนอยู่ในหัวจนกระทั่งเขาเตรียมจะออกไปวิ่ง'วันนี้เขาจะไปดีรึเปล่า'เพราะเขารู้ตัวเองดีว่าการออกกำลังกายนี้มันมีจุดประสงค์แอบแฝง เขารู้สึกผิดในทุก ๆ วันทว่าก็เลือกเมินเฉยต่อมันและ

    Dernière mise à jour : 2024-11-03
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๖ วันชาติ (๑๐๐%)

    พิภพสาวเท้าด้วยความเร็วกว่าปกติแม้ยังเหลือเวลาอีกเกือบตั้งหนึ่งชั่วโมง เดินไปกะจะหาที่นั่งรอเวลาทว่าก็ดันมีสองตาจากที่ไหนไม่รู้กำลังแบกไม้กระดานมาด้วยความทุลักทุเล พิภพจึงไม่มีทางเลือกนอกจากอาสาเข้าไปช่วย จนได้มารู้ว่าสองตาคนนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มประกอบเวทีสำหรับเปิดงาน"เอ้อ ๆ ใจหลายนะพ่อหนุ่ม""ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี""เอ้า หนุ่มเป็นคนกรุงรึนี่ ฮ่าฮ่า ๆ " ชายแก่กล่าวเสียงเหน่อใต้กลั้วหัวร่อเสียงดัง"ดูก็รู้แล้ว ชุดแบบนี้คนแถบนี้หาใส่ยาก ฮ่า ๆ "พิภพหัวเราะแห้ง ๆ ตามประสาพลางจัดแขนเสื้อที่ถกขึ้นมาตอนช่วยขนท่อนเหล็กมาต่อกัน คนแถบนี้อารมณ์ดีจริง ๆ เขาคิดไปเรื่อย"ตาเทิด ตาไฮ้ นั่นใครเหรอจ๊ะ"เสียงทุ้มหวานแว่วมาแต่ไกล ชวนให้คนในชุดทหารหันไปมอง ทันใดนั้นพิภพจึงรู้สึกเหมือนเวลาหยุดลงชั่วขณะ ปอยผมที่พลิ้วตามแรงลม ผ้าลูกไม้เงาผูกพาดตั้งแต่หัวไล่ลงมาเป็นโบใหญ่ใจกลางอก ผ้าปาเต๊ะลายพร้อยเน้นผิวเนียนกริบให้สว่างเตะตา"อ้าว เจ้าแก้ว มาไวแท้ ฮ่า ๆ แล้วทำไมเอ็งไม่สวมแว่นเล่า จะมองเห็นไหมล่ะนั่น ฮ่า ๆ""พอดี

    Dernière mise à jour : 2024-11-04

Latest chapter

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๕ ตรึงใจเสือ

    ๑๙ถึง คุณแก้วผู้ครอบครองหัวใจของผม ตอนผมเขียนจดหมายฉบับนี้แม้มันจะไม่ใช่ฉบับสุดท้าย แต่ผมก็ใจหายไม่น้อยเมื่อรู้ว่าจะเขียนจดหมายถึงคุณได้เพียงแค่นี้เพราะผมเหลือเวลาอีกไม่มากในการเขียนพวกมันขึ้นมา บางทีโทษที่ได้รับอาจมากเกินกว่ายี่สิบปีหรือผมอาจไม่มีลมหายใจจะกลับมาบอกรักคุณด้วยตัวเอง ดังนั้นไม่ว่ามันจะจำเจแค่ไหน ผมก็จะบอกว่าผมรักคุณ ผมรู้ว่าผมกำลังใช้คำที่มีความหมายอันลึกซึ้งพร่ำเพรื่อ แต่ไม่มีคำไหนที่จะอธิบายความรู้สึกของผมไปได้มากไปกว่าคำนี้แล้ว ได้โปรดให้อภัยผู้ชายน่าเบื่อคนนี้ด้วยนะครับ ผ่านมาจนจะครบยี่สิบปี โลกในตอนนั้นคงเปลี่ยนไปมาก คงจะมีรถเต็มทั่วท้องถนน คงจะมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมากมาย แต่อย่างน้อย ขอแค่คุณเปิดอ่านจดหมายเก่า ๆ ฉบับนี้และอ่านมันเพียงแค่คำขึ้นต้น ผมที่อยู่ในเรือนจำคงจะมีความสุขมากเกินคณานับ

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๔ ไม่ทันได้ตั้งตัว

    วันที่พวกเขาต้องกลับบ้านนั้นมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ประหนึ่งชั่วพริบตาช่วงเวลาหนึ่งเดือนก็หมดลง กระนั้นแม้ตัวเขาจะกลับมาใช้ชีวิตบนเรือนนางรำอย่างปกติ กระนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพ่อเสือสุพรรณยังคงดำเนินต่อไป "แบบนี้ผมคงคิดถึงแย่" "พูดแบบนี้แต่ยังไงผมก็ต้องกลับบ้านอยู่ดีนะครับ" พิภพตั้งใจพูดให้ตนนั้นดูน่าสงสารในสายตาโฉมงามแต่เพราะคงจะใช้วิธีนี้บ่อยเกินจนโดนแก้วจับไต๋ได้หมดแล้ว ช่วงเวลาหนึ่งเดือนพวกเขาได้ทำหลายอย่างร่วมกัน ตระเวนป่า ชวนกันไปเก็บผลไม้ หรือแม้แต่การนอนบนเตียงเดียวกันทว่าถึงอย่างนั้น แม่คนงามยังคงไม่อนุญาตให้เขาขยับความสัมพันธ์ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งยังดูสนุกสนานที่ได้หยอกล้อปั่นหัวเขาเล่น แสนซนเหลือเกิน&nbs

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๓ ยาดีบรรเทาแผล

    ตรีศูลอยู่ที่นี่มาร่วมเดือนเริ่มสนิทกับทุกคนในชุมเสือมากขึ้น ยิ่งได้มารู้ว่าแต่ละคนผ่านอะไรมาบ้างในชีวิต ความเข้าใจที่มีเจตนารมณ์ของชายผู้เป็นมหาโจรยิ่งมากขึ้น เบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละคนช่างน่าเศร้า บางคนระหกระเหินเร่ร่อนมาจากแดนไกล บางคนเคยมีการงานที่ดีแต่หัวหน้าคดโกงใส่ร้าย หรืออย่างพี่ประไพที่เกิดมาในชุมเสือแต่แรก เพราะไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสืออย่างใครเขา สาวเจ้าจึงอ่านเขียนไม่ได้ จะมีก็แต่คุณดิน คุณปลื้ม และเจ้าสิงห์ที่เรียนมา ว่าง ๆ ก็จะมาคอยสอนหนังสือ ทว่าเอาเข้าจริงทั้งสามคนก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากนักหรอก "แก้วสอนเก่งจัง" "พี่เรียนรู้ไวต่างหากจ้ะ" เนื่องจากเจ้าพี่ขอให้เขาสอนเขียนอ่านพื้นฐานให้บนชานเรือน ดีที่ที่นี่มีกระดาษเครื่องเขียนครบครัน เขาจึงสอนให้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไร&n

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๒ นอนถ้ำเสือ

    ตรีศูลแม้ร่างกายยังคงหนักอึ้งและสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาแต่ตลอดหลายวันที่เขานอนซมอยู่บนเตียงเขารู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นที่เข้ามาเช็ดเนื้อตัวอยู่ไม่ขาด ทว่าเมื่อตอนที่เขาลืมตาตื่นชายคนนั้นก็มักจะมีกิจให้ต้องออกไปนอกห้องจนเขาไม่สามารถขอบคุณได้ ทว่าตอนนี้อาการเขาดีขึ้นมากแล้ว สามารถมีแรงกลับมาพาตัวเองลุกขึ้นนั่งได้โดยไม่ปวดหัว ร่างโปร่งในเสื้อผ้าตัวโคร่งปล่อยผมยาวสยายลงมาก่อนจะใช้นิ้วสางให้พอเรียบเป็นทรง มองซ้ายมองขวาสำรวจข้าวของภายในห้องก่อนจะรู้ว่าเจ้าของเป็นคนเรียบง่าย โต๊ะตู้เตียงล้วนเป็นของไม่ได้มีลวดลายหวือหวา ทั้งห้องยังโล่งโปร่งไม่มีเครื่องเรือนประดับเพื่อความสวยงามมากนัก *แอ๊ด* เสียงบานพับประตูดังขึ้นก่อนที่ชายร่างสูงใหญ่ในเสื้อผ้าอย่างง่ายจะเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ ทว่ากลับต้องตกใจเมื่อเห็นว่าโฉมงามที่นอนซมข้ามวันข้ามคืนมีแรงพอจะลุกขึ้นมานั่งขอบเตียงได้แล้ว&nbs

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   ปราบเสือดิน ๑ จับพลัดจับผลู

    บนหน้าหนังสือพิมพ์หน้าแรกเมื่อหลายปีก่อนประกาศข่าวการจับกุมของเสือหินผู้เป็นดังจุดด่างพร้อยของวงการตำรวจ ไม่เคยมีใครสามารถควบคุมบุรุษผู้นี้ได้ทว่าท้ายที่สุดผู้ที่สามารถสวมกุญแจมือมันได้กลับเป็นลูกในไส้ของมันเอง ข่าวนี้แพร่สะพัดไปพร้อมกับความดีใจของปุถุชนคนทั่วไปโดยเฉพาะเศรษฐีผู้มากมีที่ต่างพากันโล่งใจ กกกอดทรัพย์สมบัติของตนซึ่งล้วนได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้อื่น เพชรนิลจินดากองพะเนินในตู้นิรภัยมีที่มาจากเงินของชาวบ้านผู้หาเช้ากินค่ำ กว่าเขาจะได้พวกมันมากอดหอมมากมายจนล้นมือเช่นนี้มันผ่านการหลอกลวงมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ต้องหวาดกลัวเมื่อมีอ้ายอีหน้าไหนมันสะเหล่อตั้งตนเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เข่นฆ่าฉกชิงของในการดูแลไปเป็นสมบัติสาธารณะ แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะโจรผู้ร้ายได้ถูกจับ ไอ้พวกสิ้นไร้ไม้ตอกจะหาได้มีวีรบุรุษมาช่วยเหลืออีกต่อไป และของที่รักของเขาจะคงอยู่ตราบนาน

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทพิเศษ ๑๐ เมามายน้ำจัณฑ์ (NC)

    โฉมงามจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อมีสุราอยู่ในร่างกาย นั่นคือสิ่งที่พิภพหาข้อสรุปได้จากประสบการณ์ที่ผ่านมามากกว่าสิบครั้ง ที่ตาเทิดตาไฮ้เคยบอกว่าแม่นางรำขี้เมานั้นเป็นเรื่องจริงแบบที่ไม่ต้องหาหลักฐานอื่นใดมาพิสูจน์ เพราะเมื่อเขาลุกขึ้นมาจากพื้นกะจะไปล้างมือ แก้วจึงฉวยโอกาสคว้าขวดสุรากระดกประหนึ่งอดอยากปากแห้งมาจากไหน หันกลับมาอีกทีเจ้าตัวก็เมาแอ๋สิ้นสภาพปลดกระดุมปลดผ้าคลายร้อนนั่งกอดขวดแก้วยิ้มหวานเสียแล้ว เพราะเขากำชับว่าดื่มได้แต่ห้ามเมาเรื้อนอย่างคราวก่อนอีก ทว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ อีกฝ่ายพยายามหาลู่ทางจะกินให้ได้ท่าเดียว เขาล่ะเป็นห่วงเสียจริงหากเขาไม่อยู่ออกไปทำงานแล้วแม่นางรำจะเผลอไปสร้างเรื่องอะไรให้เขาต้องปวดหัวอีกบ้าง "งืม...อือ...พี่จ๋า น้องขออีกแก้วหนึ่งน้า" นั่น ขนาดหลับไปแล้วยังอุตส่าห์ขอมาได้อีก 

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทพิเศษ ๙ เข็ดหลาบ

    เข้าปีที่หกของการเป็นคุณครูในโรงเรียนรัฐบาล แม้จะมีเรื่องยุ่งวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน เพราะยิ่งสอนไปนานเข้า สนิทกับเด็ก ๆ บางวันที่ส่งการบ้านไม่ทันก็จะมีคนมาเคาะประตูบ้านส่งงาน เขาไม่ได้คิดมากหากเด็ก ๆ จะแสดงความรับผิดชอบแบบนี้ แต่ปัญหาจะเกิดก็ต่อเมื่อพี่ดินกลับมาบ้าน เข้าใจว่าพอเด็ก ๆ เปิดประตูมาเจออดีตนายทหารสูงใหญ่ขนาดนั้นจะกลัวก็ไม่แปลก ทั้งยังโดนดุอีกว่าทำไมให้เด็กนักเรียนรู้ที่อยู่ สุดท้ายจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการสั่งการบ้านเท่าที่จำเป็นและกำชับว่าให้ส่งตรงเวลาแม้จะมีบางคนที่ต้องเคี่ยวเข็ญกันบ้างก็ตาม "เฮ้อ..." ตรีศูลทอดถอนลมหายใจออกมาตั้งแต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากประตูรั้ว ไม่รู้ว่าต้องทำงานหนักแบบนี้ไปอีกเมื่อไหร่ เขาสนุกที่จะได้ตื่นเช้ามาเจอเด็ก ๆ แต่มันยังมีภาระงานอื่นเข้ามาด้วยจนต้องปันเวลาตรวจงานไปให้กิจกรรมโรงเรียน มิน่

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทพิเศษ ๘ เสื้อตัวใหญ่ (NC)

    เพราะอยู่บ้านกันเพียงสองคน งานบ้านจึงต้องแบ่งกันทำ ทว่าพี่ดินก็มีบ่อยครั้งที่ต้องเดินทางไปกลับพระนครชุมพร เขาที่ทำงานตามเวลาราชการในช่วงที่เจ้าตัวรับงานจึงต้องทดแทนหน้าที่ในส่วนนี้ กระนั้นเจ้าพี่ก็ยังใจดี บอกไม่ต้องถูบ้าน เช็ดทำความสะอาดเครื่องเรือนบ่อยนัก ทำเพียงซักผ้ารีดผ้าให้อีกฝ่ายเท่าที่จำเป็นก็พอ แต่ปัญหาที่ยังแก้ไม่หายตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่วิทยาลัยคือคราวที่จะต้องยกตะกร้าผ้าลงมาจากชั้นสอง เพราะตะกร้าของพ่อนักแสดงแม้จะมีประมาณผ้าผ่อนจำนวนพอกันกับเขาแต่พี่ดินตัวใหญ่อย่างกับยักษ์สวมเสื้อตัวเบ้อเร่อ ยิ่งเปียกน้ำยิ่งหนัก ไม่ต้องพูดถึงในตอนที่พี่ดินยังรับราชการทหาร แค่เอาชุดสีเขียวตัวเดียวจุ่มน้ำมาถือเขายังเมื่อยแขนเลย มายังปัจจุบันค่อยดีหน่อยที่มีแต่ผ้าเนื้อเบา แต่เมื่อตอนนี้นักแสดงดาวรุ่งกำลังทำงานอยู่ที่ไหนสักที่ในเมืองหลวง เขาที่อยู่ชุมพรเพียงลำพังจึงต้องใช้สำนวนตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเค้นพลังจากกล้ามเนื้อที่มีอยู่น้อยนิดแบกเจ้าตะกร้าจักสานลงมาจา

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทพิเศษ ๗ คืนคฤหาสน์ (NC)

    "ทำไมเราถึงหยุดล่ะฮึ?" พิภพถามในเมื่อแม่นางรำก่อนมื้ออาหารยังชักชวนไยเมื่อถึงคราวจึงปัดป้อง "ตอนนี้ทำไปเดี๋ยวก็มีคนมาขัดจังหวะอีก ไว้เดี๋ยวคืนนี้เรา...ค่อยมาทำกันนะครับ" ตรีศูลแน่นอนว่ายังคงไม่วางใจในเรื่องนี้ ช่วงกลางวันแม่บ้านพ่อบ้านเดินกันไปมาตลอด จนเขาใจหวิวกลัวใครจะมาเห็นเข้า หากเป็นตอนกลางคืนค่อยดีขึ้นมาหน่อยเพราะต่างคนต่างเข้านอนกันหมดแล้ว พิภพเมื่อได้ยินดังนั้นจึงยอมโอนอ่อนตามที่แม่คนงามต้องการ เขาไม่ขัดอะไรอยู่แล้วหากจะเลื่อนมันออกไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทว่าก่อนจะแยกย้ายกันไปจัดการธุระของตัวเองเขาขอทิ้งทวนเอาไว้เสียหน่อย "พี่ดิน! ทำอะไรครั-*จุ๊บ*&nb

Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status