สงครามโลกครั้งที่สองอุบัติขึ้นแล้ว หากแต่สยามที่ได้เปลี่ยนนามเป็นไทยนั้นยังคงไว้ซึ่งความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทั้งสิ้นกระนั้นก็เป็นรู้กันปากต่อปากว่าการเลือกเป็นกลางนั้นถือเป็นการเลือกฝักฝ่ายไปแล้วสิ้น ทว่าเรื่องเช่นนั้นไม่สำคัญเท่าความปลอดภัยของชายแดนและเหล่าประชาชนที่อาจถูกรุกรานจากชาติญี่ปุ่นที่กดดันเข้ามาไม่ต่างจากนาฬิกาปลุกที่เมื่อยามใดเข็มทั้งสองมาบรรจบกันเวลาอันเหมาะ นกน้อยจะออกมาร่ำร้องเป็นทำนอง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร
ขบวนรถไฟสีดำขลับแล่นผ่านหมู่แมกไม้รายทาง สายลมที่เกิดจากความเร็วของล้อที่เคลื่อนตัวด้วยแรงไอน้ำพัดพากลีบดอกสีขาวไม่ทราบนามสวนทางผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่างที่เปิดรับลมธรรมชาติ
ทันทีที่ดอกน้อยร่วงหล่นแตะพื้นที่นั่งข้างชายร่างกำยำในชุดทหารภูมิฐาน มือหยาบกร้านจากการฝึกอาวุธมาตลอดร่วมสิบปีก็จับกลีบบางโปร่งแสงนั้นขึ้นมามองฆ่าเวลาก่อนจะโยนมันทิ้งไปประหนึ่งสิ่งของไร้ค่าชิ้นหนึ่ง ดวงตาเฉี่ยวคมพร้อมนัยนาหม่นไร้แสงมองออกยังทิวทัศน์ด้านนอกด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เขาปล่อยลอนผมที่จัดทรงเสยขึ้นปลิวไปตามลม
เมื่อสังเกตเห็นว่าสถานีปลายทางเข้าใกล้มาแล้วจึงเหยียดหางตาไปมองนายทหารรุ่นน้องที่นอนสัปหงกน้ำลายไหลยืดอยู่ 'ทำตัวไม่สมกับอาชีพเลยจริง ๆ ' เขาคิดในใจ ก่อนจะหยิบหมวกเหล็กขึ้นสวม กระชับสายเข็มขัดที่พาดผ่านลาดไหล่ลงมาถึงเอว แล้วจึงลุกขึ้นเมื่อขบวนรถไฟหยุดลง กระตุกร่างของรุ่นน้องให้ตื่นขึ้นจากฝันหวานและเดินตามกันไป
เสียงฝีเท้าหนักแน่นลงจากขบวนรถไฟเหยียบพื้นดิน ณ จังหวัดแดนใต้ เนื่องด้วยคำสั่งเบื้องบนได้มอบหมายให้เขา'ร้อยเอกพิภพ ธีระเสถียร' และ 'สิบเอกปลื้มปีติ วิภา' ลงมาเปิดรับสมัครเหล่ายุวชนทหารเพื่อไปเป็นกำลังรบเสริมในการป้องกันการบุกรุกเข้าประเทศจากทหารญี่ปุ่น
ทว่าแม้ในหัวของร้อยเอกคนนี้จะเคร่งเครียดปานใด รุ่นน้องที่ติดตามมาด้วยก็ยังคงง่วงเหงาหาวนอนไม่รู้เวลา ทั้งเมื่อตื่นเต็มตายังพาหน้าตี๋ ๆ ติดทะเล้นนั่นไปอ้อล้อแม่ค้าแม่ขายแถบชานชาลาจนได้ของให้เปล่ามาจำนวนหนึ่ง กระทั่งรุ่นพี่อย่างเขาเพ่งสายตามองกดดันก็ยังคงไม่สะทกสะท้านเปิดห่อใบตองกินข้าวเหนียวปิ้งไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ทหารทั้งสองในเครื่องแบบสีเขียวแก่เดินไปตามทาง คนหนึ่งยิ้มร่าสดใสประหนึ่งดอกไม้ทักทายเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ที่เดินผ่าน ส่วนอีกคนกดคิ้วลงตามองตรงไปข้างหน้าพร้อมแผ่รังสีทะมึนออกมาห้อมล้อมตัว ทำให้ทั้งสองที่เดินคู่กันมาเป็นที่จับตามองยิ่งในหลาย ๆ ความหมาย
"ร้อยอย่าทำหน้าบอกบุญไม่รับแบบนั้นสิครับ สาว ๆ กลัวหมดกันแล้วนะ"
นายทหารยศสิบเอกพูดแซะแซวรุ่นพี่เป็นการใหญ่เมื่อเห็นว่าระหว่างทางนั้นไม่ว่าจะหญิงเล็กเด็กแดงต่างก็เดินหลีกทางหลบหัวหน้าเขา
ใบหน้าที่ดูไปดูมาก็หล่อเหลาเอาการ เป็นชายผิวสีเข้มสุขุมนุ่มลึกชวนให้สาวเล็กสาวใหญ่หลงใหลได้เป็นแถบ ๆ แบบที่สามารถผันตัวไปเป็นดาราบนจอแก้วหรือนักร้องลูกทุ่งกินเงินสบาย ๆ จากเหล่าแม่ยกได้เลย ทว่าชายวัยสามสิบกว่าคนนี้กลับเอาแต่ปั้นหน้าบอกบุญไม่รับ คิ้วขมวดอยู่ตลอดคล้ายจะเป็นเงื่อนตาย ปากเหยียดตรงไร้อารมณ์สิ้นดีจนบางครั้งรุ่นน้องคนนี้ก็ไม่รู้ว่าตนกำลังร่วมงานกับมนุษย์ หรือหุ่นขี้ผึ้งเดินได้กันแน่
"แล้วเอ็งจะให้ฉันทำหน้าชื่นตาบานหรือยังไง"
คนแก่กว่ามองมาทางเขาด้วยความกริ้วพร้อมเหน็บรุ่นน้องที่เคี้ยวข้าวเหนียวปิ้งไส้เผือกอยู่เต็มปาก
ปลื้มปีติถึงกับเหนื่อยหน่ายใจ คราวจะทอดถอนลมออกจากปอดมาสักเฮือกก็กลัวจะโดนรุ่นพี่สับเละ เพราะเจ้าตัวในสายตารุ่นน้องอย่างเขานั้น ชายผู้นี้ควรจะได้รับสมญานามว่า 'พิโรธ' ที่แปลว่าโกรธไฟหัวลุก มากกว่า 'พิภพ' ที่แปลว่าผืนดินอันอบอุ่นเสียอีก
เขาล่ะเสียดายหน้าตาอันมีค่านั้นแทนเสียเหลือเกิน (ถึงจะหล่อสู้เขาไม่ได้ก็ตาม) ด้วยความหวังดีจากรุ่นน้องที่สนิทชิดเชื้อกันมานานเขาอยากจะบอกร้อยเหลือเกินครับว่า 'ประเดี๋ยวตีนกาจะประทับหน้าเอานะครับร้อย'
ทว่าหากพูดออกไปรุ่นน้องอารมณ์ดีคงอยู่ไม่ถึงแต่งเมียเพราะร้อยเขาก็มีปืนเหน็บไว้ที่เอวไม่ต่างจากเขา
"เรามาก่อนกำหนดตั้งวันหนึ่ง ไปเที่ยวเล่นคลายเครียดหน่อยจะเป็นไรไปล่ะครับ"
ไหน ๆ ช่วงนี้ก็เป็นสัปดาห์กาชาด ไม่แน่ว่าแถวนี้อาจจะมีงานรื่นเริงและน้ำเมาให้เขาได้ไปสะดิ้งแถวนั้น
"เอ็งจะไปก็เรื่องของเอ็ง ฉันจะไปคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียน"
รุ่นน้องหน้าตี๋บุ้ยปากเหมือนเด็กอดได้ของเล่น ไม่ว่าอย่างไรร้อยเอกผู้เคร่งครัดคนนี้คงไม่มีวันจะผ่อนปรนอะไรได้เลยจริง ๆ เขาคิดแล้วจึงถอนหายใจออกมาต่อด้วยหาอะไรพูดไปเรื่อยเปื่อย
"เฮ้อ ผมล่ะเชื่อแล้วครับว่าทำไมคุณถึงจับพ่อกับเมียตัวเองเข้าคุกได้ลงคอ-"
ไม่ทันที่จะพูดจบก็มีสายตาอาฆาตมุ่งมาที่เขา ทำให้สิบเอกปลื้มปีติจำต้องสงบปากสงบคำสงวนท่าที แล้วบอกตัวเองว่าจำใส่กะโหลกเอาไว้เสียนะปลื้มเอ๊ย ห้ามเอาเรื่องครอบครัวของพี่ชายคนนี้มาพูดเด็ดขาดไม่งั้นตัวเองได้ลงหลุมฝังศพก่อนพวกญี่ปุ่นแน่
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
โรงเรียนศรียาภัยคือโรงเรียนประจำจังหวัดมีนักเรียนเข้าศึกษาอยู่พอสมควรจึงเป็นที่หมายตาจากเบื้องบน อย่างไรเสียเขตนี้นับเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่พวกมันสามารถขึ้นบกมาได้โดยง่าย
โดยการมาพูดคุยในครั้งนี้ทางการได้ส่งเอกสารมาไว้ล่วงหน้าแล้วจึงเป็นการง่ายที่จะตระเตรียมวางแผนการเรียนการสอนฉบับทหาร และนำมาอภิปรายในการประชุมผู้ปกครองก่อนเปิดเทอมในวันจันทร์ที่ใกล้เข้ามานี้
เมื่อผู้อำนวยการรับทราบแล้วพลทหารทั้งสองจึงได้ออกมาจากโรงเรียน ตัวโรงเรียนเองไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่นักทว่าเพียงพอสำหรับจำนวนนักเรียน ไม้ที่นำมาสร้างมีบ้างที่ผุพังไปตามกาลเวลาหากไม่ได้ใหม่เอี่ยมแต่ก็แสดงถึงความขลังและประวัติอันยาวได้เป็นอย่างดี พื้นที่สนามกว้างขวางต่างจากเมืองกรุงที่คับแคบยิ่ง
ท่านผู้อำนวยการหญิงชราทำการต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี พูดจาอย่างผู้มีมารยาททำให้เขารู้สึกสงบจิตสงบใจขึ้นมาได้บ้าง เพราะรุ่นน้องเขาที่โดนสั่งให้ยืนรอนอกห้องเอาแต่พูดคุยละเล่นกับนักเรียนนอกห้องจนส่งเสียงคิกคักเข้ามาถึงข้างใน เดี๋ยวนอกจากยุวชนทหารเขาคงต้องจับหมอนี่เข้ารับการฝึกด้วยเสียแล้ว
"แหม นึกว่าทหารจะเครียดกว่านี้เสียอีก เข้ากับเด็ก ๆ ได้ดีเลยนะคะ"
"ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับคุณนาย"
เสียงทะเล้นตอบมาจากข้างนอก ก่อนที่สิบเอกจะขัดคำสั่งรุ่นพี่แล้วเดินเข้ามานั่งร่วมวงสนทนาด้วย
ดีที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างไรเสียไอ้หมอนี่ก็เป็นงานรู้หน้าที่ แต่เพียงไม่นานเมื่อคุณนายผอ.ได้แนะนำให้พวกเขาลองไปเดินชมงานกาชาดที่จัดขึ้นแถวสถานพยาบาลดูก่อนที่จะไปรับกุญแจเข้าบ้านพัก ทว่าไม่ทันไรเมื่อเท้าของเขาเหยียบลงนอกอาณาบริเวณโรงเรียน จู่ ๆ ก็โดนลากไปขึ้นรถแอลยูวีที่ทางกองบัญชาการเบิกเอาไว้ให้พร้อมขับมุ่งตรงไปยังจุดหมาย
เขาอยากกลับที่พักจะตายอยู่แล้ว พิภพยกมือขึ้นจับไปที่ท้ายทอยบีบนวดให้คลายเส้นช่วยลดอาการหงุดหงิด จนคอเสื้อหย่อนคล้อยเผยให้เห็นรอยสักอินทรีโอบพระจันทร์ และยันต์อักขระที่คาดว่าคงจะมีทั่วแผ่นหลัง
เมื่อมาถึงสิบเอกจอมเจ้าเล่ห์ก็ไม่พลาดโอกาสถลาลงจากเบาะคนขับลงไปสอดส่องภายในงานทันทีทั้งยังชักชวนเขาอีกนะว่า'สาวแจ่ม ๆ ตรึมเลยนะคร้าบ ไม่ลงมาดูหน่อยเหรอครับร้อย เผื่อจะได้หาแม่ใหม่ให้น้องขวัญไง'รุ่นน้องเขานี่ก็ขยันสะกิดปมเขาตลอดเลยสินะแต่ไม่ว่าเปล่าหลังจากเขาเห็นหลังของทหารยศสิบเอกหายไปแล้วเขาจึงลงมาจากรถ เดินเตร็ดเตร่ผ่อนคลายเสียหน่อย บางทีอาจจะได้ข้าวเย็นเก็บใส่ตู้กินไปได้หลายวัน จนเดินมาเห็นเจ้าปลื้มมันสนทนากับหญิงสาวอย่างออกรสออกชาติ นี่เขาชักสงสัยแล้วนะว่าไอ้คนนี้มันไปเอาแรงพูดมาจากไหนเยอะแยะ ไม่ว่าเมื่อไหร่รุ่นน้องเขาก็หาเรื่องอู้ได้ตลอดไม่ว่าจะเป็นเวลางานหรือไม่ ทั้งยังติดนิสัยอ้อล้อแม่ค้ารายทางเป็นว่าเล่นแล้วก็มาเป็นภาระหูของเขาที่ต้องฟังเจ้านี่บ่นว่าทำไมสาวไม่รักบ้างล่ะ ทำไมหาเมียไม่ได้บ้างล่ะ และส่วนใหญ่ที่ตอบกลับไปก็จะเป็นคำว่าสมน้ำหน้าพิภพทอดถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ของวัน การที่เขาได้มาที่นี่มันไม่ได้มาจากสาเหตุที่น่าอภิรมย์อย่างการอาสามาเป็นครูอะไรเทือกนั้น แต่เป็นการกลั่นแกล้งกันในหมู่ทหารเสีย
"พี่ครับ"เสียงของเด็กหนุ่มวัยย่างสิบแปดผมสั้นเกรียนพร่ำเรียกคนอายุมากกว่าที่ยังคงนอนสลบไสลไม่รู้เดือนรู้ตะวัน ให้ทำอย่างไรเล่าก็เมื่อวานพี่ของเขากว่าจะขึ้นแสดงก็ปาไปหนึ่งทุ่มเศษทั้งหลังจากทักทายปวงประชาเสร็จก็ออกตามหา'ทหาร'ที่เจ้าตัวเห็นว่าเป็นคนเก็บปิ่นแสนแพงนั่นได้ก็กินเวลาไปจนงานเลิกสองทุ่มครึ่งนั่นแหละกว่าจะยอมกลับบ้านมาทั้งที่คว้าน้ำเหลวอยู่อย่างนั้น"พี่ครับ วันนี้พี่ต้องไปประชุมผู้ปกครองให้ผมนะครับ""อือ... แป๊บหนึ่งศร พี่ขอสิบนาที"เจ้าของชื่ออดิศรถอนหายใจเพราะพี่เจ้าพูดคำว่าสิบนาทีมาสองรอบเห็นจะได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้วิธีเด็ดขาดเนื่องด้วยเรือนหลังนี้เป็นพื้นที่สำหรับคณะนางรำเช้าตรู่จึงมีศิษย์ร่วมสำนักมาทำความสะอาดและฝึกซ้อมรอเจ้าของคณะตื่นตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันเพื่อตระเตรียมของ ขายาวเดินปรี่ไปที่พี่ผู้ชายตัวเล็กอีกคนหนึ่งที่นุ่งโจงกระเบนจับผ้าขี้ริ้วเช็ดราวบันไดอยู่"พี่นพครับ ผมรบกวนอะไรหน่อยได้ไหมครับ"ศรจับดึงลากคนอายุมากกว่าตนสองปีมายืนดูอาจารย์ของตนที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียง
"อุแหม วันนี้ผมขอบคุณครูแก้วอีกครั้งนะครับ พิธีมีสีสันขึ้นเยอะ"ชายร่างท้วมดูอารีกล่าวยินดีแก่แม่นางรำด้วยความจริงใจ เพราะการจะจองตัวแม่นางรำคนนี้มาแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เดือนหนึ่งครูแกรับแค่งานเดียว หรือสองเดือนครั้งเท่านั้น ยากนักที่จะได้ตัวมาร่วมงาน"ผมยินดีครับ แล้วจะยินดีมากเลยหากวันข้างหน้าเด็ก ๆ ในคณะจะได้มารำด้วย"ตรีศูลอมยิ้มพร้อมกล่าวตอบผู้ว่าจ้างประนมมือขอบคุณ ชายสูงอายุหัวเราะร่าพูดคุยโต้ตอบกับนางรำที่ตนว่าจ้างมารำถวายศาลทุกครั้งที่มีโอกาส จนผู้คนที่นั่งโต๊ะจีนอยู่โดยรอบอยากจะเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยไม่ว่าใครก็ต่างรู้ดีว่า'ครูแก้ว'แห่งคณะนางรำประจำชุมพรนี้มีความสามารถมากมายนัก ทั้งใบหน้ายังสะสวยเกินกว่าจะเรียกได้ว่าบุรุษ เพียงแต้มชาด ปัดแก้มเพียงนิดก็งามหยาดเยิ้มจนใครที่เดินผ่านต่างก็ไถ่ถามว่าสตรีนางนี้คือใครตรีศูลในชุดเครื่องทรงกินรีรีบเปิดกล่องแว่นหยิบเลนส์ขึ้นมาสวม บรรจงถอดเล็บปลอมสีทองนำมาวางเก็บไว้ในกล่องน้อยพกพา ก่อนจะค่อย ๆ จับตะเกียบประคองชิ้นเนื้อเข้าปากอย่างสุภาพเป็นภาพที่น่ามองแก่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ร่วมโต๊ะย
นายสิบปลื้มปีติรู้สึกว่าตัวเองทำงานคุ้มเงินเดือนก็วันนี้แล เพียงแค่นั่งอยู่เฉย ๆ โดยมีสายตาอาฆาตของผู้ปกครองจ้องมองมาก็รู้สึกพลังชีวิตจากหนึ่งร้อยลงมาติดลบจนอยากออกไปแรดฟื้นฟูสัพพะกำลังแล้วความสามารถพูดคล่องน้ำไหลไฟดับของพ่อหนุ่มทะเล้นได้หมดลงไปเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ก็ได้แต่หวังลม ๆ แล้ง ๆ ให้ร้อยตื่นขึ้นมาจากภวังค์แล้วเดินมานั่งรับกรรมเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนนี้สักทีเถอะครับ!ตรีศูลนั่งจิบน้ำไปกัดฟันกรอด ๆ ไป ใครมันบางอาจมาทำร้ายน้องชายเพียงคนเดียวของเขาหากเป็นนักเรียนเขาจะตามไปชำระถึงหน้าประตูบ้าน หรือหากเป็นเจ้าทหารสองคนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าพรุ่งนี้จะได้มีชีวิตอยู่อย่างครบสามสิบสอง"ขออภัยที่ชักช้านะครับ"นางรำหนุ่มวางแก้วน้ำลงบนตัก ตวัดหางตามองนายทหารร่างกำยำที่กำลังเดินหอบเอกสารรายชื่อบางอย่างมาวางไว้บนโต๊ะรับแขก"ไม่ทราบว่า คุณเป็นผู้ปกครองของยุวชนทหารคนไหนเหรอครับ?""นายอดิศร วิศิษฐ์สกุล ม.๕ ครับ"แม้จะพูดสุภาพแต่คนงามก็คล้ายจะกัดฟันพูด ทำเอาพ่อปลื้มอกสั่นขวัญแขวนไม่เคยเจอคนงามสายโหดมาก่อน เขานั่งเกร็งสั่นสู้ประหนึ่งเ
"เลิกแถว!!"เสียงเข้มดังกู่ก้องมาจากครูฝึกผิวสีน้ำผึ้งใจกลางสนาม ปลดปล่อยเหล่าทหารน้อยให้เป็นอิสระเมื่อเข็มสั้นชี้ตรงไปที่เลขสี่ เหล่านักเรียนชั้นมัธยมปลายในชุดสีเขียวเปื้อนดินพากันจับกลุ่มเดินกลับบ้านด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนจากการฝึกอันเข้มงวดรวมไปถึงอดิศรที่โดนเพื่อนคล้องคอกะจะพากันไปนั่งเล่นใต้ต้นไทรที่อยู่ไม่ห่าง"นายอดิศร"เสียงทุ้มคุ้นหูแว่วดังมาจากข้างหลังชวนให้เด็กหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีเป็นไก่ต้ม หันไปตอบรับแต่เพียงผู้เดียวเพราะเหล่าผองเพื่อนวิ่งหนีเตลิดไปไกลกันแล้ว"ครับร้อย" ศรยกมือทำความเคารพ พร้อมส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ครูฝึกสุดโหด"แผลเป็นยังไงบ้าง""ดีขึ้นเยอะแล้วครับ""ถ้าไม่ไหวให้มาบอกฉัน เข้าใจไหม ฝากไปบอกเพื่อน ๆ ด้วย""ครับ"แม้เด็กหนุ่มจะตอบรับทราบมาสักพักแต่พิภพก็ยังไม่หยุดจ้องมองมาที่เขา จู่ ๆ คิ้วหนาก็กดลงเหมือนเคร่งเครียดกับอะไรบางอย่าง ทำเอาศรตัวสั่นงั่กเป็นลูกหมาตกน้ำ"พี่นายเป็นนางรำใช่ไหม?""ครับ! ใช่ครับ!"ศรสะดุ้งตอบเสียงดังฟังชัด"เป็นนางรำที่ขึ้นแสดงเมื่องานกา
เรือนนางรำ๗ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณคนดีที่เก็บปิ่นปักผมมาคืนสวัสดีครับ ผมเป็นนางรำเจ้าของปิ่นที่คุณเก็บได้ ก่อนอื่นเลยคงต้องกล่าวขอบคุณเป็นอย่างสูงที่อุตส่าห์ฝากน้องชายผมมาคืนครับ ผมจึงอยากจะมอบของตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุณ ไม่ทราบว่าคุณสะดวกมาเจอกันไหมครับขอให้เป็นวันที่ดีนะครับจาก ตรีศูล (แก้ว) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .ร้อยเอกพิภพคิดดีแล้วที่ตัดสินใจอดทนรอไม่เปิดจดหมายอ่านต่อหน้าสาธารณชนไม่อย่างนั้นชาวบ้านชาวช่องคงต้องเห็นเขาทรุดลงกลางถนนเป็นอันแน่แท้พิภพได้อ่านจดหมายฉบับนี้หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จโดยที่ยังไม่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ดีดังนั้นบนตัวจึงยังมีแค่ผ้าขาวม้าผืนเดียวเปิดแผ่นอกและลอนหน้าท้องส่วนบนที่ยังคงชุ่มน้ำอยู่ ทว่าดูเหมือนไอร้อนที่แผ่ออกมาบนหน้าเขามันจะมากเกินสงสัยคงจะต้องไปตักน้ำสักขันมาราดให้หัวเย็นลงเสียหน่อยแล้วด้วยความเค
ตกเย็นหลังการเรียนการสอนเมื่อพิภพได้รับจดหมายมาจากยุวชนทหารในการดูแลอย่างอดิศร ร้อยเอกจึงเก็บมันเข้ากระเป๋าสะพายประจำกายเตรียมจะเอาไปเปิดอ่านที่บ้านพัก ซึ่งเขามักจะเปิดอ่านมันก่อนจะออกไปวิ่งทว่าเมื่อเปิดผนึกขึ้นมาร้อยเอกผู้เข้มแข็งถึงกับต้องลุกออกจากเก้าอี้มาทำใจ'ทำไมครั้งนี้มันถึงมีกลิ่นหอมติดมาด้วย!'อยากอ่านก็อยากอ่านแต่ก็กลัวว่าตัวเองจะเผลอยกมันขึ้นมาดม ถึงในบ้านหลังนี้จะมีเพียงเขาอาศัยแต่เพียงลำพังแต่เขาก็อายฟ้าอายดินเป็น ท้ายที่สุดร่างกำยำก็ตัดสินใจหย่อนตัวลงเก้าอี้หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอย่างใจเย็นและอดทน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .๙ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณดินผมตอบรับข้อเสนอของคุณครับ ดังนั้นแล้วต่อจากนี้เราคือเพื่อนทางจดหมายกันแล้วใช่ไหมครับแต่ผมไม่ทราบว่าเวลาคนเขาเขียนจดหมายกันแบบนี้แล้วเขาคุยกันเรื่องอะไรกันบ้าง พอดีผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เท่าไร รบกวนคุณดินลองยกตัวอย่างมาให้ผมสั
1. นิยายเรื่องนี้อ้างอิงจากเหตุการณ์จริงในช่วงปีพ.ศ.2484(ค.ศ.1941) และภาพยนตร์เรื่อง'ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ' ซึ่งอาจมีเนื้อหาคล้ายคลึง แต่อยากให้ทราบเอาไว้ว่า ทุกตัวละคร และบางสถานการณ์ที่เอ่ยถึงกล่าวถึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่มีเจตนาดูหมิ่นไม่ว่าจะในเชิงส่วนบุคคลหรือสถาบันเลยแม้แต่น้อย ผู้เขียนหาข้อมูล และเกลาเนื้อหาขึ้นด้วยความเคารพในประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง2. บางส่วนของนิยายอาจมีเนื้อหาเกินความเป็นจริงเพื่ออรรถรสในการอ่าน3. นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านที่ชื่นชอบ/สนใจ คู่ที่มีอายุ (วัยทำงาน) และ เคะหนวด4. บางส่วนในนิยายอาจมีเนื้อหาที่เป็นข้อถกเถียงระหว่างสองความคิดในแง่การเมือง/สถาบันศาสนา5. บางส่วนในนิยายมีการกล่าวถึงองค์กรทางศาสนา, ความรุนแรง, สภาวะทางจิต, สารเสพติด, การล่วงละเมิดทางเพศในรูปแบบต่าง ๆโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .จำนวนตอน