แชร์

บทที่ ๑ เทศกาลพานพบ (๑๐๐%)

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 18:10:13

เมื่อมาถึงสิบเอกจอมเจ้าเล่ห์ก็ไม่พลาดโอกาสถลาลงจากเบาะคนขับลงไปสอดส่องภายในงานทันทีทั้งยังชักชวนเขาอีกนะว่า

'สาวแจ่ม ๆ ตรึมเลยนะคร้าบ ไม่ลงมาดูหน่อยเหรอครับร้อย เผื่อจะได้หาแม่ใหม่ให้น้องขวัญไง'

รุ่นน้องเขานี่ก็ขยันสะกิดปมเขาตลอดเลยสินะ

แต่ไม่ว่าเปล่าหลังจากเขาเห็นหลังของทหารยศสิบเอกหายไปแล้วเขาจึงลงมาจากรถ เดินเตร็ดเตร่ผ่อนคลายเสียหน่อย บางทีอาจจะได้ข้าวเย็นเก็บใส่ตู้กินไปได้หลายวัน จนเดินมาเห็นเจ้าปลื้มมันสนทนากับหญิงสาวอย่างออกรสออกชาติ นี่เขาชักสงสัยแล้วนะว่าไอ้คนนี้มันไปเอาแรงพูดมาจากไหนเยอะแยะ ไม่ว่าเมื่อไหร่รุ่นน้องเขาก็หาเรื่องอู้ได้ตลอดไม่ว่าจะเป็นเวลางานหรือไม่ ทั้งยังติดนิสัยอ้อล้อแม่ค้ารายทางเป็นว่าเล่นแล้วก็มาเป็นภาระหูของเขาที่ต้องฟังเจ้านี่บ่นว่าทำไมสาวไม่รักบ้างล่ะ ทำไมหาเมียไม่ได้บ้างล่ะ และส่วนใหญ่ที่ตอบกลับไปก็จะเป็นคำว่าสมน้ำหน้า

พิภพทอดถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ของวัน การที่เขาได้มาที่นี่มันไม่ได้มาจากสาเหตุที่น่าอภิรมย์อย่างการอาสามาเป็นครูอะไรเทือกนั้น แต่เป็นการกลั่นแกล้งกันในหมู่ทหารเสียมากกว่า เจ้าพวกข้างบนไม่มีใครหรอกที่จะอยากลงมาทำงานสอนเด็กไม่รู้ประสาพวกนี้และเพียงแค่เพราะเขาสร้างผลงานและไต่เต้าขึ้นมาไกลในอายุต่ำกว่าเกณฑ์ปกติก็โดนพวกที่ตำแหน่งสูงเพ่งเล็งเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่ผลงานของเขาหากมองโดยใช้สายตาของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ล้วนเป็นการดี ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีตความหงุดหงิดก็วนกลับมาอีก จนมือเขาก็พลันเลื่อนขึ้นไปจับรอยสักบริเวณหลังคอเสียทุกที มันชักจะเป็นนิสัยที่ทำให้ทหารอย่างเขาเริ่มเสียบุคลิกแล้วสิ

นายทหารร่างหนาเลือกที่จะเมินเฉยและทิ้งความคิดนั้นไป แทนที่ด้วยการคิดเรื่องอื่น ๆ ที่น่าอภิรมย์กว่า เขามาถึงที่นี่ก็ปาไปเที่ยง กว่าจะพากันไปเดินเอกสารกับทางสถานศึกษาก็กินเวลาไปจนจะครบทุ่ม แสงสีแม้จะมีไม่เท่าในตัวเมืองที่เขาจากมาแต่ก็สวยงามในแบบของมัน ร้านทุกร้านเป็นอาหารที่เขาไม่เคยลิ้มรสมาก่อนในชีวิตแต่ดูจากสีของน้ำแกงคงจะเผ็ดไม่ใช่เบาดังนั้นเขาขอผ่าน เท่าที่เดินมาของติดไม้ติดมือก็มีแค่ไก่ย่างข้าวเหนียวมื้อดึกของเขาเท่านั้น

พิภพวางกระเป๋าและห่ออาหารลงพลางมองสอดส่องไปยังพื้นที่โดยรอบจนเห็นเวทีหนึ่งตั้งอยู่ พร้อมหูเขาที่กระตุกเมื่อได้ยินประโยคที่สอดคล้องกับนั่งร้านนั่น

'ดูสิ เขาว่างานวันนี้เจ้าของคณะมารำเองเลยนะเว้ย'

'ปีปีหนึ่งนอกจากงานไหว้ครูแล้ว อาจารย์แกก็ไม่ออกงานเลยสิน่า'

'ฉันล่ะอยากดู๊ อยากดู ว่าจะงามแค่ไหนเชียว'

'เหรอ ๆ งั้นแกก็กระเถิบไป ฉันจะดูให้เป็นบุญตา'

แถบนี้มีคนดังด้วยหรือ ไม่ค่อยต่างจากเมืองหลวงเท่าไรเลย เขาคิด จากนั้นจึงหันเหความสนใจไปทางอื่นเผื่อจะมีร้านไหนที่น่าสนใจ (และไม่เผ็ด) อีก จนเห็นร้านร้านหนึ่งขายอาหารสี่ภาค บางทีอาจจะมีแกงบางชนิดที่เขาทานได้ เมื่อคิดได้พิภพจึงรวบข้าวของกะจะเดินไปทางนั้น ทว่าไม่ทันได้ระวัง ทั้งผู้คนที่คับคั่งก็มีคนคนหนึ่งเดินมาชนไหล่ขวาของเขาเข้าอย่างจัง

"ขอโทษครับ ผมเดินไม่ระวัง"

คนผู้นั้นกล่าวขออภัยในความสะเพร่าของตัวเองอย่างเร่งรีบ

"ไม่เป็นไรครับ คุณเป็นอะไรไหมครับ"

นายทหารหันไปกล่าวด้วยความสุภาพจนได้เห็นว่าคนเดินสวนเขาเป็น'นางรำ'

"ผมไม่เป็นไร ขอโทษที่เดินไม่ดูทางนะครับ"

ผม? ผู้หญิงคนนี้คนนี้ใช้สรรพนามแปลกดีแท้ แต่ก่อนจะได้ถามไถ่หรือสังเกตอะไรเพิ่มเติมเจ้าตัวก็ดันเดินกระชับผ้าแพรคลุมไหล่เดินจากไปเสียแล้ว

*กริ๊ก*

"หือ..."

เขาเบนสายตาลงไปมองที่ใต้ฝ่าเท้าต้นกำเนิดเสียงด้วยความสงสัยแล้วจึงเห็น 'ปิ่น' เครื่องทองที่ประดับด้วยเครื่องแขวนบันไดแก้วดอกไม้สดขนาดย่อม มันคงจะตกในตอนที่พวกเราเดินชนกัน ซึ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นมามองท่ามกลางฝูงชนนางรำผู้นั้นก็เหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าเครื่องประดับของตัวเองได้หายไป จึงหันหน้ากลับมามองยังต้นทาง

ในจังหวะนั้นเมื่อดวงตาสบกันหัวใจเขาเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ แม้ระยะทางจะไกลออกไปแต่เขาก็สรุปได้ว่าใบหน้านั้นงดงามขนาดไหน ผิวขาวเนียนละเอียดจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนแถบนี้ ทรงคิ้วบางกดลงและโค้งเป็นทรงตามดวงตากลมใสสะท้อนกับแสงไฟสีเหลืองทองคล้ายบุษราคัมแวววาวน่ามองรับกับใบหน้ากลมมนทั้งใบได้อย่างหมดจด

ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้นำของในมือไปคืนเสียงของพิธีกรก็ดังขึ้น ทำให้นางรำผู้นั้นถูกดึงตัวไปรอที่หลังม่าน เขาจึงคิดจะรีบวิ่งไปทว่าผู้คนรอบข้างเขาชักจะหนาแน่นเข้าไปทุกที กว่าเขาจะดันตัวเองไปข้างหน้าก็ถือว่าลำบากพอสมควรแต่เมื่อไปถึงดนตรีก็เริ่มบรรเลงเสียแล้ว

เสียงปรบมือของเหล่าผู้ชมดังขึ้นก่อนจะมีคนผู้หนึ่งย่ำเท้าออกมาจากเวที ทันใดนั้นเหมือนประหนึ่งมีใครมารั้งขาเอาไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหน ประหนึ่งมีคนมาจับหน้าเขาให้หันมองคนด้านบน

เขาถูกทำนองเพลงปี่โนราสะกดเอาไว้ ก่อนที่ท่วงท่าชดช้อยค่อย ๆ ถูกเผยออกมาให้ผู้ชมอย่างเขาได้พินิจดู นิ้วมือเรียวสวยยกประนมขึ้นหลังจากวางพานดอกไม้ลงอย่างแผ่วเบา ขาตวัดยกตั้งเขาวาดแขนสับเปลี่ยนจีบตั้งวงลื่นไหลเสมือนคลื่นน้ำที่ถูกสายลมพัดพา คำบรรยายของผู้ขับร้องเอื้อนเอ่ยสอดคล้องไปตามเสียงเพลงและนาฏยศัพท์ที่ยกมือประนมขึ้นสูงบูชาเทพยดาเบื้องหลังผืนฟ้าในฐานะศิษย์ของท่านก่อนจะเริ่มร่ายรำ

พานดอกไม้ถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง นางบนเวทีนั่งทับส้นกดเอวเอี้ยวตัวชำเลืองใบหน้าเชื่องช้าสอดส่องสายตาพร้อมด้วยยิ้มมุมปากมาทางผู้ชม ในขณะนั้นเขาที่ได้สบตาเป็นแวบเดียวที่เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วครู่อีกครั้ง

ดนตรีเริ่มเร่งจังหวะพร้อม ๆ กับคนด้านบนที่ยืนขึ้นเปลี่ยนตำแหน่งก่อนจะหยิบผ้าแพรโปร่งขึ้นมาละเล่นด้วยท่วงท่าตามฉบับมโนราห์เอกลักษณ์ของที่นี่เขาคิดเช่นนั้น เพียงแต่เสื้อผ้าที่เจ้าตัวใส่เรียบง่ายขัดกับภาพเครื่องทรงอันมากมายที่เขาเคยเห็นบนหน้าหนังสือ มีเพียงผ้าพันอกสีเข้มกางเกงพ่วงผ้าหลากสีที่ไม่ได้ฉูดฉาดสะดุดตาแต่กลับมีลวดลายที่เข้ากันกับผ้าส่วนบนอย่างน่าเหลือเชื่อ และเครื่องทองบริเวณต้นแขน ข้อมือข้อเท้าส่งเสียงคล้ายกระดิ่งออกมาเบา ๆ ยามอีกฝ่ายย่ำเท้าขยับตัวไปมาด้วยท่าทางเหล่านั้น ช่างไพเราะเหลือเกิน

การแสดงดำเนินไปเรื่อย ๆ เขาสังเกตได้ว่าคนบนเวทีมองมาทางเขาค่อนข้างบ่อย อาจเป็นเพราะในมือเขากำปิ่นเอาไว้ซึ่งคือหนึ่งในเครื่องประดับที่ควรไปอยู่บนมวยผมของเจ้าตัว ทำเอาเขารู้สึกผิดและเสียดายที่นำมาคืนไม่ทันการแสดงจะเริ่มเพราะมันคงสวยมากกว่านี้หลายเท่า

"ร้อยดูอะไรอยู่อะ...อ๋อ แบบนี้นี่เอง"

เสียงทะเล้นที่เข้ามากลายเป็นเสียงลากยาวเมื่อตาหยีเจ้าเล่ห์เชิดขึ้นไปมองนางรำผู้กำลังครองเวทีอยู่

โดยที่ไม่พูดอะไร ร้อยเอกยกนิ้วโป้งมาทำท่าจะเหมือนจะเชือดคอกันให้ตายไปข้างเพื่อให้หมอนี่หยุดรบกวน ดูจากดนตรีที่ดำเนินไปไม่นานคงใกล้จะจบแล้ว แต่เมื่ออีกฝ่ายเดินลงเวทีมาก็มีผู้เฒ่าผู้แก่แห่กันเอาข้าวเอาของเอาเงินไปให้ยกใหญ่ ดังนั้นที่คนพวกนั้นพูดนี่ดูจะมีมูลอยู่ แล้วเป็นคนเด่นคนดังแบบนี้เขาจะหาจังหวะไหนเอาสิ่งนี้เข้าไปคืนดีล่ะ

เขาคิดก่อนที่จะมีมือมาจับบนไหล่ของเขา ตามด้วยรุ่นน้องที่กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

"เดี๋ยวนะร้อย เราได้ไปเอากุญแจบ้านพักกันรึยัง..."

นายทหารนิ่งไปครู่หนึ่ง นึกเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดวันเพื่อตรวจสอบทวนความจำแต่จู่ ๆ ดวงตาคมเข้มก็เกิดว่างเปล่า แสดงว่า 'ยัง'

ไม่รอช้าสิบเอกรุ่นน้องที่ส่วนสูงพอกันจึงคว้าคอเสื้อเขาวิ่งปรู๊ดออกจากที่สถานที่จัดงานขับรถกลับไปที่โรงเรียนเพื่อขอกุญแจบ้านพักคุณครูที่ได้ตกลงกันไว้ทันที ยังดีที่ท่านผอ.คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นเอาไว้แล้ว จึงฝากกุญแจเอาไว้กับน้ายามภารโรง

จวบจนต่างคนต่างแยกย้ายเข้าบ้าน ในหัวร้อยเอกพิภพก็วนฉายแต่ภาพงานกาชาดซ้ำไปซ้ำมา แม้แต่เปิดกระเป๋า เก็บผ้าเข้าตู้ กินข้าว ล้างจาน อาบน้ำ หรือแม้จะนอน ชายผ้าเงางามของนางรำนางนั้นก็คงยังติดตาเขาอยู่ไม่หาย พิภพเบี่ยงเอนกายเอื้อมหยิบปิ่นจากหัวเตียงมาพลิกมองไปมา

หากสิ่งนี้ได้ประดับอยู่บนกลุ่มผมยาวนั้นแล้วคงจะงามไม่หยอก

หากแต่...เขาจะเอาสิ่งนี้ไปคืนเจ้าหล่อนอย่างไรดี

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๒ ครูแก้วกับการประชุมผู้ปกครอง (๕๐%)

    "พี่ครับ"เสียงของเด็กหนุ่มวัยย่างสิบแปดผมสั้นเกรียนพร่ำเรียกคนอายุมากกว่าที่ยังคงนอนสลบไสลไม่รู้เดือนรู้ตะวัน ให้ทำอย่างไรเล่าก็เมื่อวานพี่ของเขากว่าจะขึ้นแสดงก็ปาไปหนึ่งทุ่มเศษทั้งหลังจากทักทายปวงประชาเสร็จก็ออกตามหา'ทหาร'ที่เจ้าตัวเห็นว่าเป็นคนเก็บปิ่นแสนแพงนั่นได้ก็กินเวลาไปจนงานเลิกสองทุ่มครึ่งนั่นแหละกว่าจะยอมกลับบ้านมาทั้งที่คว้าน้ำเหลวอยู่อย่างนั้น"พี่ครับ วันนี้พี่ต้องไปประชุมผู้ปกครองให้ผมนะครับ""อือ... แป๊บหนึ่งศร พี่ขอสิบนาที"เจ้าของชื่ออดิศรถอนหายใจเพราะพี่เจ้าพูดคำว่าสิบนาทีมาสองรอบเห็นจะได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้วิธีเด็ดขาดเนื่องด้วยเรือนหลังนี้เป็นพื้นที่สำหรับคณะนางรำเช้าตรู่จึงมีศิษย์ร่วมสำนักมาทำความสะอาดและฝึกซ้อมรอเจ้าของคณะตื่นตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันเพื่อตระเตรียมของ ขายาวเดินปรี่ไปที่พี่ผู้ชายตัวเล็กอีกคนหนึ่งที่นุ่งโจงกระเบนจับผ้าขี้ริ้วเช็ดราวบันไดอยู่"พี่นพครับ ผมรบกวนอะไรหน่อยได้ไหมครับ"ศรจับดึงลากคนอายุมากกว่าตนสองปีมายืนดูอาจารย์ของตนที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๒ ครูแก้วกับการประชุมผู้ปกครอง (๑๐๐%)

    "อุแหม วันนี้ผมขอบคุณครูแก้วอีกครั้งนะครับ พิธีมีสีสันขึ้นเยอะ"ชายร่างท้วมดูอารีกล่าวยินดีแก่แม่นางรำด้วยความจริงใจ เพราะการจะจองตัวแม่นางรำคนนี้มาแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เดือนหนึ่งครูแกรับแค่งานเดียว หรือสองเดือนครั้งเท่านั้น ยากนักที่จะได้ตัวมาร่วมงาน"ผมยินดีครับ แล้วจะยินดีมากเลยหากวันข้างหน้าเด็ก ๆ ในคณะจะได้มารำด้วย"ตรีศูลอมยิ้มพร้อมกล่าวตอบผู้ว่าจ้างประนมมือขอบคุณ ชายสูงอายุหัวเราะร่าพูดคุยโต้ตอบกับนางรำที่ตนว่าจ้างมารำถวายศาลทุกครั้งที่มีโอกาส จนผู้คนที่นั่งโต๊ะจีนอยู่โดยรอบอยากจะเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยไม่ว่าใครก็ต่างรู้ดีว่า'ครูแก้ว'แห่งคณะนางรำประจำชุมพรนี้มีความสามารถมากมายนัก ทั้งใบหน้ายังสะสวยเกินกว่าจะเรียกได้ว่าบุรุษ เพียงแต้มชาด ปัดแก้มเพียงนิดก็งามหยาดเยิ้มจนใครที่เดินผ่านต่างก็ไถ่ถามว่าสตรีนางนี้คือใครตรีศูลในชุดเครื่องทรงกินรีรีบเปิดกล่องแว่นหยิบเลนส์ขึ้นมาสวม บรรจงถอดเล็บปลอมสีทองนำมาวางเก็บไว้ในกล่องน้อยพกพา ก่อนจะค่อย ๆ จับตะเกียบประคองชิ้นเนื้อเข้าปากอย่างสุภาพเป็นภาพที่น่ามองแก่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ร่วมโต๊ะย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓ แม่รักแรกพบของร้อย (๕๐%)

    นายสิบปลื้มปีติรู้สึกว่าตัวเองทำงานคุ้มเงินเดือนก็วันนี้แล เพียงแค่นั่งอยู่เฉย ๆ โดยมีสายตาอาฆาตของผู้ปกครองจ้องมองมาก็รู้สึกพลังชีวิตจากหนึ่งร้อยลงมาติดลบจนอยากออกไปแรดฟื้นฟูสัพพะกำลังแล้วความสามารถพูดคล่องน้ำไหลไฟดับของพ่อหนุ่มทะเล้นได้หมดลงไปเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ก็ได้แต่หวังลม ๆ แล้ง ๆ ให้ร้อยตื่นขึ้นมาจากภวังค์แล้วเดินมานั่งรับกรรมเป็นเพื่อนรุ่นน้องคนนี้สักทีเถอะครับ!ตรีศูลนั่งจิบน้ำไปกัดฟันกรอด ๆ ไป ใครมันบางอาจมาทำร้ายน้องชายเพียงคนเดียวของเขาหากเป็นนักเรียนเขาจะตามไปชำระถึงหน้าประตูบ้าน หรือหากเป็นเจ้าทหารสองคนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าพรุ่งนี้จะได้มีชีวิตอยู่อย่างครบสามสิบสอง"ขออภัยที่ชักช้านะครับ"นางรำหนุ่มวางแก้วน้ำลงบนตัก ตวัดหางตามองนายทหารร่างกำยำที่กำลังเดินหอบเอกสารรายชื่อบางอย่างมาวางไว้บนโต๊ะรับแขก"ไม่ทราบว่า คุณเป็นผู้ปกครองของยุวชนทหารคนไหนเหรอครับ?""นายอดิศร วิศิษฐ์สกุล ม.๕ ครับ"แม้จะพูดสุภาพแต่คนงามก็คล้ายจะกัดฟันพูด ทำเอาพ่อปลื้มอกสั่นขวัญแขวนไม่เคยเจอคนงามสายโหดมาก่อน เขานั่งเกร็งสั่นสู้ประหนึ่งเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓ แม่รักแรกพบของร้อย (๑๐๐%)

    "เลิกแถว!!"เสียงเข้มดังกู่ก้องมาจากครูฝึกผิวสีน้ำผึ้งใจกลางสนาม ปลดปล่อยเหล่าทหารน้อยให้เป็นอิสระเมื่อเข็มสั้นชี้ตรงไปที่เลขสี่ เหล่านักเรียนชั้นมัธยมปลายในชุดสีเขียวเปื้อนดินพากันจับกลุ่มเดินกลับบ้านด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนจากการฝึกอันเข้มงวดรวมไปถึงอดิศรที่โดนเพื่อนคล้องคอกะจะพากันไปนั่งเล่นใต้ต้นไทรที่อยู่ไม่ห่าง"นายอดิศร"เสียงทุ้มคุ้นหูแว่วดังมาจากข้างหลังชวนให้เด็กหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีเป็นไก่ต้ม หันไปตอบรับแต่เพียงผู้เดียวเพราะเหล่าผองเพื่อนวิ่งหนีเตลิดไปไกลกันแล้ว"ครับร้อย" ศรยกมือทำความเคารพ พร้อมส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ครูฝึกสุดโหด"แผลเป็นยังไงบ้าง""ดีขึ้นเยอะแล้วครับ""ถ้าไม่ไหวให้มาบอกฉัน เข้าใจไหม ฝากไปบอกเพื่อน ๆ ด้วย""ครับ"แม้เด็กหนุ่มจะตอบรับทราบมาสักพักแต่พิภพก็ยังไม่หยุดจ้องมองมาที่เขา จู่ ๆ คิ้วหนาก็กดลงเหมือนเคร่งเครียดกับอะไรบางอย่าง ทำเอาศรตัวสั่นงั่กเป็นลูกหมาตกน้ำ"พี่นายเป็นนางรำใช่ไหม?""ครับ! ใช่ครับ!"ศรสะดุ้งตอบเสียงดังฟังชัด"เป็นนางรำที่ขึ้นแสดงเมื่องานกา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๔ อานุภาพของกระดาษแผ่นเดียว (๕๐%)

    เรือนนางรำ๗ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณคนดีที่เก็บปิ่นปักผมมาคืนสวัสดีครับ ผมเป็นนางรำเจ้าของปิ่นที่คุณเก็บได้ ก่อนอื่นเลยคงต้องกล่าวขอบคุณเป็นอย่างสูงที่อุตส่าห์ฝากน้องชายผมมาคืนครับ ผมจึงอยากจะมอบของตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุณ ไม่ทราบว่าคุณสะดวกมาเจอกันไหมครับขอให้เป็นวันที่ดีนะครับจาก ตรีศูล (แก้ว) . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .ร้อยเอกพิภพคิดดีแล้วที่ตัดสินใจอดทนรอไม่เปิดจดหมายอ่านต่อหน้าสาธารณชนไม่อย่างนั้นชาวบ้านชาวช่องคงต้องเห็นเขาทรุดลงกลางถนนเป็นอันแน่แท้พิภพได้อ่านจดหมายฉบับนี้หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จโดยที่ยังไม่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ดีดังนั้นบนตัวจึงยังมีแค่ผ้าขาวม้าผืนเดียวเปิดแผ่นอกและลอนหน้าท้องส่วนบนที่ยังคงชุ่มน้ำอยู่ ทว่าดูเหมือนไอร้อนที่แผ่ออกมาบนหน้าเขามันจะมากเกินสงสัยคงจะต้องไปตักน้ำสักขันมาราดให้หัวเย็นลงเสียหน่อยแล้วด้วยความเค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-30
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๔ อานุภาพของกระดาษแผ่นเดียว (๑๐๐%)

    ตกเย็นหลังการเรียนการสอนเมื่อพิภพได้รับจดหมายมาจากยุวชนทหารในการดูแลอย่างอดิศร ร้อยเอกจึงเก็บมันเข้ากระเป๋าสะพายประจำกายเตรียมจะเอาไปเปิดอ่านที่บ้านพัก ซึ่งเขามักจะเปิดอ่านมันก่อนจะออกไปวิ่งทว่าเมื่อเปิดผนึกขึ้นมาร้อยเอกผู้เข้มแข็งถึงกับต้องลุกออกจากเก้าอี้มาทำใจ'ทำไมครั้งนี้มันถึงมีกลิ่นหอมติดมาด้วย!'อยากอ่านก็อยากอ่านแต่ก็กลัวว่าตัวเองจะเผลอยกมันขึ้นมาดม ถึงในบ้านหลังนี้จะมีเพียงเขาอาศัยแต่เพียงลำพังแต่เขาก็อายฟ้าอายดินเป็น ท้ายที่สุดร่างกำยำก็ตัดสินใจหย่อนตัวลงเก้าอี้หยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอย่างใจเย็นและอดทน. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .๙ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณดินผมตอบรับข้อเสนอของคุณครับ ดังนั้นแล้วต่อจากนี้เราคือเพื่อนทางจดหมายกันแล้วใช่ไหมครับแต่ผมไม่ทราบว่าเวลาคนเขาเขียนจดหมายกันแบบนี้แล้วเขาคุยกันเรื่องอะไรกันบ้าง พอดีผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เท่าไร รบกวนคุณดินลองยกตัวอย่างมาให้ผมสั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-31
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๕ อานุภาพของกระดาษหลายแผ่น (๕๐%)

    "ร้อย ทำไมเครียด ๆ อะช่วงนี้"นายสิบปลื้มปีติถามรุ่นพี่ด้วยความเป็นห่วง หากขาดพี่ใหญ่คนนี้ไปใครจะมาเป็นคนทำเอกสารอันแสนวุ่นวายให้เขาเล่า ทว่าเหตุผลนั่นก็ส่วนหนึ่งทว่ายิ่งไปกว่านั้น คิ้วหนาของเจ้าตัวจากปกติที่กดลงอย่างยมบาลตอนนี้กลับกดลงยิ่งกว่าเก่าจนแทบจะบังดวงตานายทหารรุ่นน้องจึงอาสาชงกาแฟดำมาวางบริการถึงตรงบนโต๊ะร้อยเอก แล้วจึงสบโอกาสนั่งคุย (อู้งาน) มันเสียตรงนี้เลย"เครียดเรื่องงานเหรอครับ?"เขาถามด้วยความสงสัย ถ้าเป็นเรื่องงานเจ้าตัวคงไม่น่าจะมาเครียดแบบนี้ แก้เอกสารก็แค่ทำจากผิดเป็นถูกแต่มันอาจจะเยอะเกินไปสำหรับอีกฝ่ายกระมัง"เหอะ ฉันเปล่าเครียดเรื่องนั้น""แล้วบอกได้รึเปล่าว่าเครียดเรื่องอะไรเผื่อผมช่วยได้"ทันใดนั้นสายตาอาฆาตก็ช้อนมาที่เขา ก่อนที่เจ้าตัวหันหน้าไปครุ่นคิดบางอย่าง ปลื้มจึงลากเก้าอี้มานั่งฟังใกล้ ๆ พลางจิบชาของตัวเองไปด้วย"นางรำคนนั้น..."พิภพถามยกมือกุมที่หว่างคิ้วพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ด้วยท่าทีนั้นจึงทำให้ปลื้มนึกสาเหตุออกในทันที"อ๋อ ทำไมเหรอครับ ผมว่าเขาก็สวยดี""เอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-01
  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๕ อานุภาพของกระดาษหลายแผ่น (๑๐๐%)

    เรือนนางรำ๑๘ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณดินขอบคุณสำหรับคำอวยพรแก่เหล่ากองเสื้อผ้าของผมกับเด็ก ๆ นะครับ เรื่องจะมาผมยินดีต้อนรับเสมอครับ หวังว่าถ้าได้มาเราจะได้มานั่งคุยกันตัวต่อตัวบนเรือนผมนะครับสุดท้ายนี่เหมือนเทพนิยายเลยนะครับ มีน้อยคนมากนะครับที่จะมีรักแรกพบแล้วสมหวัง แต่คุณไม่ต้องนะครับผมสนับสนุนคุณเต็มที่เลย สาบานด้วยเกียรติของครูนาฏศิลป์เลยครับ แล้วถ้าเป็นผม ผมคงอยากให้คุณเข้าไปคุยกับคุณคนนั้นตรง ๆ จะมีวิธีสื่อสารไหนดีเท่ากับการพูดด้วยความจริงใจล่ะครับ ผมคงให้คำแนะนำได้เท่านี้ ขอให้โชคดีนะครับแล้วก็เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนคุณดินจะอวยพรให้ผมได้ไหมครับ พอดีไม่กี่วันนี้ผมมีงานต้องไปออกงานข้างนอก รบกวนด้วยนะครับพกร่มแล้วพกเสื้อกันฝนด้วยก็ดีนะครับจาก แก้ว . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .๑๙ มิถุนายน ๒๔๘๔ถึง คุณแก้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-02

บทล่าสุด

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓๓ ไอ้เสือตรอมใจ (๑๐๐%)

    "หลานไปก่อนนะจ๊ะตา"ตรีศูลเดินลงมาหาตาเทิดตาไฮ้ที่อาสารับหน้าที่ดูแลเรือนตลอดการไปศึกษาของเจ้าของคณะ"เอ้อ ๆ ไปดีมาดีล่ะ" ตาเทิดรับไหว้หลาน"อย่าไปนอกใจไอ้เสือมันล่ะ ฮ่า ๆ เดี๋ยวได้โดนมันจับขังอีกหรอก""ตาละก็!"ตาไฮ้แซะแซวหลานสุดที่รัก พวกเขาไปได้ยินเรื่องวีรกรรมของเจ้าหลานเขยคนนี้มาแล้วเป็นที่เรียบร้อยตรีศูลได้ยินก็ยิ่งอายเขาจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไรเล่า แม่นางรำโกรธพิดพัดกอดอกไม่พอใจเป็นที่ขบขันแก่สองตาช่างแกล้ง ส่วนอดิศรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เป็นที่เอ็นดูไม่แพ้กัน เห็นสงบเสงี่ยมแบบนี้เจ้าศรเองก็สนิทกับสองตาพอสมควร"ไว้ผมจะกลับมาหานะครับ"เด็กชายกล่าว แม้เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในคณะเหมือนพี่ชาย แต่อย่างไรที่แห่งนี้ก็ถือเป็นหนึ่งในความทรงจำที่เขาจะไม่มีวันลืมพี่น้องทั้งสองเมื่อกล่าวลาผู้อาวุโสเสร็จจึงเดินไปยังประตูรั้วหน้าเรือนที่ถูกเปิดเตรียมเอาไว้ ตรีศูลเงยมองหน้าพ่อทหารที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว"รีบไปเถอะครับ ป่านนี้นพคงบ่นแล้ว"คุณครูนาฏศิลป์คำนึงถึงลูกศิษย์ตัวเองที่ขี้โวยวายเป็นที่หนึ่ง พร้อมก

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓๓ ไอ้เสือตรอมใจ (๕๐%)

    วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีแน่นอนว่าหากเป็นวันในสัปดาห์เช่นนี้พิภพจำต้องออกไปทำงาน ทว่านั่นหาใช่ประเด็นไม่ เพราะเย็นวันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องไปส่งคนรักขึ้นรถไฟพร้อมกับเด็ก ๆพิภพนั่งตวัดข้อมือร่างเอกสารไปอย่างเหม่อลอย เพียงคิดภาพที่ต้องไกลห่าง ความรู้สึกคิดถึงก็ผุดขึ้นมาเสียแล้ว ตลอดหนึ่งถึงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาตื่นเต้นในทุกเย็นหลังเวลาเลิกงานเมื่อรู้ว่าจะได้กลับไปสอนหนังสือแม่นางรำ ดังนั้นช่วงเวลางานในหัวเขากลับเอาแต่คิดแต่วิธีการสอน ไม่ก็มัวแต่จดจ่อกับการตระเตรียมเอกสารการเรียนให้แก้วจนบางครั้งเกือบไม่เป็นอันทำงานเพราะหากเจ้าตัวสอบติดวิทยาลัยพระนครหมายความว่าแก้วจะได้เป็นฝ่ายมาอยู่บ้านของเขา ซึ่งนับเป็นหนึ่งในเรื่องที่เขาอดใจรอแทบไม่ไหวเช่นกัน มันจะดีสักแค่ไหนกันเชียวหากได้เห็นโฉมงามเดินทำกิจภายในบ้านตนเอง"เหม่ออีกแล้วนะครับ"ปลื้มที่เดินเอารายงานมาให้ตรวจทักขึ้น ไม่รู้ทำไมช่วงนี้รุ่นพี่เขาถึงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้ แต่คงจะเป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ตามเคย ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะสามารถเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้"มีเรื่อง

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓๒ ก้าวผ่านซุ้มประตู (๑๐๐%)

    เดินเข้าไปใกล้ศาลาการเปรียญเรื่อย ๆ ผู้คนก็เริ่มชุกชุม เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กน้อยชวนให้ตรีศูลรู้สึกสบายใจขึ้นมาเป็นเท่าตัว มองเข้าไปก็เห็นคุณนายผอ.กำลังยืนพูดอยู่หน้าแถว ก่อนที่เจ้าตัวจะทำท่ากวักมือมาทางพวกเขา"พี่ต้องไปแล้ว ส่วนแก้วพี่ว่าเรานั่งพักสักหน่อยก็ดีนะครับ"พิภพที่ต้องไปทำหน้าที่ยังไม่วายเป็นห่วงโฉมงาม ตรีศูลเลือกหย่อนกายลงม้านั่งโบกมือเบา ๆ ส่งพ่อทหารแล้วจึงมองตามแผ่นหลังนั้นไปยังหน้าศาลาด้วยความขัด ๆ เขิน ๆ เล็กน้อยจากความไม่คุ้นชินในศัพท์คำพูดตอนนั้นจนถึงตอนนี้ตรีศูลไม่รู้จะขอบคุณพ่อทหารอย่างไรดี หากไม่มีเจ้าตัวเข้ามาเผลอ ๆ เขาอาจจะต้องระทมทุกข์ไปกับความทรงจำอันเลวร้ายนั่นตลอดทั้งชีวิตแม่นางรำนั่งเรียบร้อยใช้สายตาทอดมองไปยังหน้าเคหสถาน เห็นคนรักกำลังพูดชมเชยเหล่าสมาชิกยุวชนทหาร เสียงทุ้มเมื่ออยู่ในหน้าที่พูดจาฉะฉานตรงประเด็นสมกับสัมมาอาชีพ แม้ตนจะไม่ได้ไปยืนอยู่ ณ ตำแหน่งนั้นก็รู้สึกภูมิใจแทนเสียจนต้องอมยิ้มออกมา ผู้ชายอะไรครบเครื่องจริง ๆ ดังนั้นเขาจะต้องพัฒนาตัวเองไม่ให้น้อยหน้า ชักจะมีกำลังใจในการเรียนขึ้นมาแล้วสิ&

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓๒ ก้าวผ่านซุ้มประตู (๕๐%)

    ตรีศูลในตอนนี้กำลังหาย่ามที่น่าจะมีขนาดใหญ่มากพอสำหรับการขนของ ไม่ใช่การจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางไปพระนครเพราะเขายังคงเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนในการเตรียมตัว แต่เขากำลังจะไปพูดคุยกับคุณนายผอ.เรื่องเรียนต่อเพิ่มอีกสักหน่อย ยิ่งเวลาที่เข้าใกล้มาเรื่อย ๆ ก็ชวนให้เขาตื่นเต้นไม่ใช่น้อย หลายวันมานี้เขาขอหนังสือเจ้าศรน้องน้อยมาอ่านระหว่างวัน เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็สุดแล้วแต่บุญแต่กรรมแม่นางรำถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขารู้ดีว่าที่ตนอ่านหนังสือไม่เข้าหัวไม่ใช่เพราะเนื้อหาแต่เป็นเพราะเขาหาเวลาอ่านไม่ได้ต่างหาก ยิ่งต้นปีหลายบ้านหลายนายจ้างล้วนมีกิจทั้งนั้น แต่ละคนก็เข้ามาจ้างงานจนตารางแทบชนกัน ขนาดมีนพเข้ามาช่วยอย่างเต็มตัวภาระก็ยังคงหนักอยู่ดี กลายเป็นว่าอ่าน ๆ อยู่แล้วก็โดนเคาะเรียกให้ออกไปเก็บท่าบ้าง เพิ่มท่าบ้าง แปรแถวบ้างจนตัวหนังสือที่อ่านมาไหลออกไปจากหัวจนหมด แล้วแบบนี้ยังจะมีหน้าไปเรียนพระนครอีกแต่วันนี้เขาตั้งใจว่าจะไปหาคุณนายผอ.ถามเรื่องหนังสือโดยละเอียดอีกครั้ง ต่อให้ต้องเข้าไปนั่งเรียนกับเด็กวัยกระเตาะเข้าเขาก็ยอม"แก้ว เราจะไหวแน่เหรอ?"ชายค

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓๑ ไม้กันหมาของคุณครูนาฏศิลป์ (๑๐๐%)

    พิภพเอนหลังปล่อยกายพิงพนักให้สบาย หรี่ตามภาพแผ่นหลังของแม่นางรำโฉมงามที่เตรียมตัวจัดท่าจัดทางให้เข้าที่พร้อมขึ้นแสดง นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้มานั่งดูเจ้าตัวรำอย่างเป็นกิจจะลักษณะนอกจากจะเห็นฝึกซ้อมอยู่บนเรือน เท่าที่จำได้คงเป็นงานวันชาติกระมังที่เขาได้เห็นเจ้าตัวแต่งองค์ทรงเครื่อง แล้วก็คงมีอีกครั้งในตอนที่เขาตื่นมาจากการหลับใหลหลังผ่านสมรภูมิรบมาหากให้เทียบแล้วการได้มองคนงามซักซ้อมแม้จะใช้ท่วงท่าเดียวกันแต่มันคนละเรื่องกับการที่ได้มาเห็นเจ้าตัวครบองค์เช่นนี้เสียงบรรเลงระนาดเอกขึ้นพร้อมกับฝีเท้าบางซอยถี่วาดลวดลายเข้าไปยังใจกลางวงเสียงกระพรวนข้อเท้าแม้จะแผ่วเบาเมื่อเทียบกับปี่ที่เล่นอยู่ทว่าเมื่อผสานกันแล้วกลับเสนาะหูยิ่ง อุบะทัดหูเอนเอียงไปตามกรอบหน้างามเมื่อเจ้าของร่างบางกดเอวเบี่ยงกาย สายตาคู่สวยเชิดมองไปยังเหล่าคนดูที่แม้จะพร่ามัวแต่ก็จับได้ว่าพวกเขากำลังมองมาด้วยใบหน้าผ่องใสพิภพมองร่างผอมเพรียวอย่างเคลิบเคลิ้มสดับฟังท่อนร้องที่เอื้อนเอ่ยตามทำนองฉุยฉายเอยเจ้าช่างจำแลงแปลงกายงามคล้ายบุษบาหน้าเป็นใ

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓๑ ไม้กันหมาของคุณครูนาฏศิลป์ (๕๐%)

    ตรีศูลที่กลับมาจากการอาบน้ำผลัดผ้าเข้าในห้องนอน ระหว่างรอตัวแห้งสนิทก็มาจัดแจงเครื่องแต่งกายประจำวันนี้เพราะในอีกไม่กี่ชั่วโมงเขาจะต้องไปออกงานรำขึ้นบ้านใหม่ของพ่อเศรษฐีนายจ้างเจ้าประจำโฉมงามหยิบต่างหูเคลือบแผ่นทองขึ้นมาส่องกับกระจกโต๊ะเครื่องแป้งเทียบเคียงความเหมาะสมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตัดสินใจเลือกต่างหูเต่าร้างที่เล็กกว่าแล้วจึงค่อยเก็บอีกคู่ลงกล่องไม้ไป ดวงตาคู่สวยผัดผินลงมามองเสื้อยืดสีขาวก่อนจะยกมือขึ้นมาปลดกระดุมทว่าเมื่อเหลือบสายตาไปมองยังขอบเตียงข้าง ๆ กลับต้องเอ่ยคำถามขึ้นมาแก่ชายที่ทำเป็นเนียนนั่งอ่านเอกสาร"คุณดินทำไมถึงยังนั่งอยู่ในนี้เหรอครับ?"ตรีศูลหันกลับไปถามพ่อทหาร ที่ตั้งแต่เช้าก็ดูจะปักหลักอยู่ในหอนอนแทนที่จะออกไปนั่งจิบกาแฟทำงานตากลมเย็นข้างนอกอย่างเคย"แล้วทำไมผมจะอยู่ไม่ได้ล่ะครับ?"นายทหารถามยอกย้อนคล้ายว่าการนั่งในห้องนี้แอบแฝงไปด้วยจุดประสงค์บางอย่าง"ผมจะแต่งตัว""เราก็แต่งไปสิ""ผมอาย""จะอายทำไม พี่เห็นเรามาทั้งตั-"ไม่ทันที่นายทหารจะได้กล่าวจบก็ถูกเจ้าของเรือนไล่ออก

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓๐ ทำงานวันแรก (๑๐๐%)

    พิภพวิ่งออกจากเรือนถือซองเอกสารที่ทำค้างไว้ด้วยความเร่งรีบ นาฬิกาข้อมือเขาก็ลืมสวมต้องคอยอาศัยมองนาฬิกาตามร้านค้ารายทางเอาเพื่อดูเวลา จนในที่สุดก็มาทันถึงก่อนเก้าโมงอย่างฉิวเฉียดนายทหารหอบแฮกอยู่หน้าสำนักงานแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาวิ่งตาลีตาเหลือกออกมาจากเรือนเพราะเห็นว่าครึ่งชั่วโมงเขาจะเข้างานสาย แล้วก็ด้วยนิสัยตั้งต้นของเขาจึงทำให้ร่างกายมันขยับอย่างเป็นไปเอง คนในชุดสีเขียวแก่นั่งยองพักเหนื่อยจนผมที่จัดมาอย่างดีทิ้งปอยลงมาปรกหน้าผาก ก่อนที่พิภพจะเงยหน้าขึ้นมาดูตึกอาคารที่เขาต้องมาใช้ชีวิตการทำงานหลังจากนี้ตึกไม้เก่ายกสูงชั้นเดียวสะอาดตาและป้ายแกะสลักข้อความ 'กรมทหารราบ' นั่นทำเอาพิภพคิด ถ้ากรมทหารมันจะใกล้โรงเรียนขนาดนี้ส่งคนมาช่วยเป็นครูฝึกมันยากมากนักรึไง ปล่อยพวกเขาทำงานง่ก ๆ กันอยู่สองคนเป็นปีพ่อทหารถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง เดินขึ้นบันไดไม้ใบพลางมองเครื่องเรือนอย่างง่ายที่อยู่นำออกมาตั้งประดับให้พอมีจุดเจริญสายตา เขาหวังว่าวันนี้จะไม่มีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น-*ซ่า* ไม่ทันที่นายทหารจะได้เดินเข้าไปเต็ม

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๓๐ ทำงานวันแรก (๕๐%)

    เสียงจักจั่นแว่วผ่านช่องหน้าต่างเปิดกว้างเข้ามาพร้อมกับแสงอาทิตย์ในรุ่งอรุณของวันใหม่สาดส่องไปยังโฉมงามบนเตียง ร่างแน่งน้อยซุกกายอยู่ใต้ผืนผ้าห่มหนา เปลือกตาสีไข่และเรียวคิ้วขมวดเมื่อรู้สึกตัว ริมฝีปากบางกระตุกตามเจ้าของผู้ยังคงอยากจมอยู่ในห้วงฝัน ทว่าไอร้อนใต้ผืนผ้าค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นเสียจนคนสวยต้องฝืนลืมตาตื่น แขนเรียวยาวยกขึ้นบิดขี้เกียจพร้อมอ้าปากส่งเสียงง่วงเหงาหาวนอนตามความเคยชิน ก่อนที่จะส่งมือไปควานหาชายที่ควรจะนอนอยู่ข้าง ๆ ทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่า จึงพลิกกายมามองข้าง ๆ จนได้เห็นบุรุษคนรักยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งของเจ้าของเรือนร่างกายกำยำยืนจัดแจงปกเสื้อเชิ้ตสีขาวให้เข้าที่ ลอนผมสั้นที่ถูกปล่อยลงอยู่เป็นนิจยามอยู่เรือนตอนนี้ได้ถูกหวีขึ้นเป็นทรงเรียบแปล้ดังเดิมเพื่อเสริมมาด จนเหมือนชายเจ้าจะได้ยินเสียงเสียดสีกันของผ้าจึงชำเลืองตามองก่อนจะหันมาอย่างเต็มตัวก็เจอแม่นางรำสวมแว่นแอบมองกันเสียแล้ว"อรุณสวัสดิ์ครับคุณแก้ว"พิภพเอ่ยทักทายก่อนจะละมือจากเครื่องแต่งกายเข้าไปนั่งยังหัวเตียง จรดริมฝีปากหอมแก้มทักทาย"อรุณ...สวัสดิ์...คร

  • องครักษ์ส่วนตัวของคุณครูนาฏศิลป์   บทที่ ๒๙ ครั้งแรกของคนใจร้าย (NC) (๑๐๐%)

    "อย่าแกล้งกันอีกนะ"ตรีศูลกำชับพ่อทหารเจ้าเล่ห์ คิ้วเรียวบางกดลงก่อนจะยื่นคำขาด ไม่เข้าใจทำไมนายทหารถึงชอบกลั่นแกล้งเขาในตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มนักฝ่ามือหนาเข้าลูบกลุ่มผมเงางาม พลางยื่นหน้าเข้าไปซุกไซ้ซอกคอขาวที่ตอนนี้มีรอยขบเม้มขึ้นบ้างประปรายจนความสากคันจากตอหนวดชวนให้แม่นางรำส่งเสียงหัวเราะใสด้วยความจั๊กจี้ออกมาจากลำคอ ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกินขณะเดียวกันมือที่ว่างเว้นจากภารกิจก็ค่อย ๆ จับไปยังขอบกางเกงของคนเบื้องล่างก่อนดึงลงเปิดให้เห็นแก่นกายขนาดกะทัดรัดฉ่ำเยิ้มไปด้วยของเหลวข้นใสตรงส่วนปลาย ด้วยว่าพ่อทหารอยากบำเรอร่างกายเล็กนี้ให้ไปถึงฝั่งฝัน นิ้วทั้งสิบจึงเข้าสัมผัสส่วนอ่อนไหวของโฉมงาม รูดรั้งปรนเปรออย่างไม่กระดากอายจนนางรำหนุ่มร้องเสียงหลง ยิ่งขาอ่อนถูกแหวกออกไร้ซึ่งทางจะปิดกั้นร่างทั้งร่างจึงได้แต่บิดพลิ้วอ่อนระทวยรวยรื่นลากพาผ้าปูยับยู่ยี่ผ่านเล็บที่จิกลงไปตามแรงกำหนัด เขี้ยวแหลมของพ่อทหารจากที่เพียงครูดไปตามเนื้อขาอ่อนในทีแรกเริ่มฝังรากตีตราความเป็นเจ้าของจนแม่นางรำคนรักรู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบที่แล่นขึ้นมาโดยพลัน ตรีศูลไม่คิดมาก่อนว่าก

DMCA.com Protection Status