แชร์

บทที่ 3

ผู้แต่ง: นลพรรณ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-25 13:26:05

ค่ำคืนนั้นชนกันต์ทำให้กุลนิภาใจหาย เธอเสียใจ เธอเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำจนตาบวมปูด หากเมื่อกลับออกมา ร่างสูงที่นอนรออยู่บนเตียงนอนก็กวักมือเรียกเธอให้ไปหา เขากอดจูบเธอ...แล้วทุกอย่างก็จบลงเหมือนเช่นทุกคราว 

 ชนกันต์ร่วมรักกับเธอ เขาทำให้เธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ซึ่งเธอเองก็ตอบสนองความต้องการของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ

 กุลนิภายอมเป็นของเขา เธอยินดีใช้ร่างกายชดใช้แทนเงินที่เธอทำหายไปจากบัญชีของเขา เธอไม่ได้เสียใจที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ลงไป เหตุผลเพียงเพราะเธอหลงรักเขา...

 “โง่! โง่ที่สุด! ฉันจะทำยังไงกับพวกแกดี ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดสักราย”

 เสียงผรุสวาทดังมาจากคนที่กระแทกกายนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าภายในบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่ริมคลองของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก 

 กุลนิภานั่งรถแท็กซี่จากคอนโดมิเนียมย่านสาทรกลับมาที่นี่ เพราะเธอไม่อาจรอชนกันต์อยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป มโนภาพที่เกิดขึ้นอยู่ในหัวบอกว่าเขากับอรรพีกำลังหวานชื่นกัน มันทำให้น้ำตาของเธอไหลไม่ยอมหยุด สุดท้ายกุลนิภาจึงเก็บของใช้ที่จำเป็นไม่กี่ชิ้นยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ แล้วกลับมาที่บ้านหลังนี้ หากแทนที่เธอจะได้พักใจ แต่เธอกลับต้องร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม

 “ฉันส่งเสียแกกับพี่ชายของแกให้เรียนหนังสือจนหมดเนื้อหมดตัว แต่ดูพวกแกสิ เคยทำให้ฉันภูมิใจบ้างไหม ทุกวันนี้ฉันไม่รู้จะปั้นหน้ายังไงเวลาญาติผู้ใหญ่ถามถึง แถมญาติทางฝั่งพ่อของแกอีกล่ะ คนพวกนั้นรอสมน้ำหน้าฉันอยู่ พวกมันพูดอยู่ตลอดเวลาว่าฉันไม่มีปัญญาเลี้ยงพวกแกให้ได้ดีเท่าไอ้เด็กเวรนั่น ทั้งที่มันเป็นแค่เด็กเหลือขอ มันเป็นแค่เศษคนที่ไม่มีใครชายตาแลมัน”

 “แม่ตำหนิหนูกับพี่กัซได้ แต่ทำไมแม่ต้องด่าพี่นิคด้วย พี่นิคไม่เคยทำไม่ดีกับแม่เลยนะ”

 กุลนิภาแย้งแม่ทั้งที่เสียงยังเครือสะอื้นไห้...เธอนั่งฟังแม่ด่ามานานนับสิบนาทีแล้ว เธอทนฟังได้ เพราะแม่ก็คือแม่ เธอเข้าใจความอัดอั้นตันใจของแม่ดี แต่เมื่อแม่ด่าลามไปถึงพี่ชายต่างมารดาที่เธอไม่ได้พบเขามาหลายปี เธอจึงอดที่จะปกป้องฝ่ายนั้นไม่ได้ 

 เธออยากหยุดความรุ่มร้อนไว้แค่ภายในครอบครัว ไม่อยากดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องให้เข้ามาพัวพันด้วย

 “เพราะแกมันโง่อย่างนี้นะสิ แกถึงไม่ทันใครเขาสักที แกอุตส่าห์ได้อยู่กินกับคุณกันต์ แต่ยังปล่อยให้เขาไปคบกับผู้หญิงคนอื่น อย่างนี้ไม่ให้เรียกว่าโง่แล้วจะให้เรียกว่าอะไร”

 “คุณกันต์ไม่ได้อยู่กินกับหนู...หนูอยู่กับเขาในฐานะอะไร แม่ก็รู้ดีอยู่แล้ว”

 เสียงของกุลนิภาแผ่วเบา จนมันแทบไม่หลุดจากปาก หากคนเป็นแม่กลับได้ยินอย่างชัดเจน...อาจเป็นเพราะนางรู้แก่ใจดีตามที่ลูกสาวพูดอยู่แล้ว 

 “พอๆ แกไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก เรื่องมันผ่านไปแล้ว แกจะรื้อฟื้นขึ้นมาอีกทำไม คุณกันต์หยุดทวงเงินจากพวกเราไปตั้งนานแล้ว เขาไม่ได้ติดใจเงินที่หายไป แกเองก็ควรจะจบเรื่องนี้ด้วย ตอนนี้แกคิดแค่ว่าแกกับคุณกันต์อยู่กินด้วยกันฉันผัวเมีย เพียงแค่ยังไม่แต่งงานกันเท่านั้น มันเป็นเรื่องปกติของหนุ่มสาวสมัยนี้ ฉันไม่ถือ การที่ฉันยอมให้แกไปอยู่กับเขาก็เป็นเพราะฉันคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว...แต่แกมันโง่ ปล่อยให้พวกดาราปลายแถวมาฉกเขาไปได้”

 อรรพีไม่ใช่ดาราปลายแถว แต่เจ้าหล่อนเป็นผู้หญิงสวย รวย และเก่ง เรียกได้ว่ามีคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างยากที่ใครจะมองข้าม...แต่กุลนิภาไม่ได้แย้งแม่ เพราะเธอไม่อยากเอาความจริงมาพูดตอกย้ำให้ตัวเองเจ็บช้ำมากกว่าเดิม

 คนร่างบางที่อยู่ในอาการอ่อนระโหยยันกายลุกขึ้นยืน ในมือมีกระเป๋าสะพายใบย่อมถือเอาไว้ เธอนั่งกอดกระเป๋าใบนี้มานานสองนาน เหมือนมันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวที่เหลืออยู่ 

 “หนูจะเข้าไปอาบน้ำนอนค่ะ”

 “วันก่อนที่แกบอกว่าหน้ามืดจะเป็นลม ตอนนี้อาการดีขึ้นหรือยัง”

 กุลนิภาชะงักเท้ากึก หัวใจหล่นวูบอีกหน

 “ดะ...ดีขึ้นแล้วค่ะ หนูคงพักผ่อนน้อย”

 “ไม่ใช่ว่าแกท้องนะ”

 “หนูฉีดยาคุม”

 “รู้อย่างนี้ปล่อยท้องเสียก็ดี” 

 คนเป็นแม่บ่นอย่างอารมณ์เสีย นางไม่อาจตัดใจจากเรื่องนี้ ผู้ชายที่หวังจะให้ลูกสาวเกาะไว้แน่นๆ กำลังจะหลุดมือ หากเมื่อมองลูกสาวตัวเอง นางก็เห็นเพียงผู้หญิงหน้าตาจืดชืดไร้สีสัน เครื่องสำอางบนใบหน้าแทบไม่มี แถมตอนนี้หน้าตาของเจ้าตัวก็ซีดเซียวเหลือเกิน...นางถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ

 “แกจะไปไหนก็ไปเถอะ”

 เขาไม่รัก เขาไม่เคยรักเรา ยื้อไปก็เท่านั้น... 

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 4

    กุลนิภาวางกระเป๋าบนเตียงแล้วทิ้งร่างลงตาม เหมือนไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัวยืน เมื่อกระบอกตาร้อนผ่าว เธอจึงยกสองมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ อย่างต้องการปลุกปลอบตัวเอง เธอไม่อยากร้องไห้อีก เพราะวันนี้เธอร้องไห้มามากพอแล้ว เธอเสียน้ำตา เสียหัวใจ เสียร่างกายให้กับผู้ชายที่ชื่อชนกันต์ หากทุกสิ่งที่เธอเสียให้เขาไปนั้นมันช่างไร้ค่าสิ้นดี กุลนิภาเข้าไปอาบน้ำด้วยหวังจะให้ร่างกายสดชื่นมากขึ้น เมื่อได้สัมผัสสายน้ำเย็น มันจึงทำให้จิตใจของเธอดีขึ้นตามไปด้วย นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ เมื่อเธอเปิดประตูออกมา กวาดสายตามองรอบห้องนอน ความทรงจำเก่าก่อนก็ย้อนกลับมา ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของเธอตั้งแต่เด็ก เธออยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่จำความได้ ภาพจำในวัยเด็กนั้นช่างมีความสุข ครอบครัวของเธอประกอบด้วย พ่อ แม่ กวินซึ่งเป็นพี่ชาย และตัวเธอ แม่เป็นผู้หญิงอารมณ์ดี ส่วนพ่อเป็นผู้ชายตัวโตที่แสนใจดี...ชีวิตของเธอจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หากความสุขนั้นกลับไม่ยั่งยืน เมื่อวันหนึ่งพ่อพาเด็กผู้ชายวัยโตกว่าเธอและพี่ชายมาอยู่ที่บ้าน พ่อบอกว่าเขาชื่อพี่นิค เขาเป็นพี่ชายต่างมารดาของเธ

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 5

    ถ้อยคำนั้นทำให้กุลนิภามองแม่เหมือนไม่เคยเห็นแม่มาก่อน...แม่เหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่จะพูดจาร้ายๆ แบบนี้ออกมาได้‘เธอสั่งให้ตานิคทำงานอะไรนักหนา ตานิคเพิ่งจะอายุสิบขวบ แถมเป็นเด็กผู้ชาย ตอนอยู่ที่เชียงราย ตานิคไม่เคยทำงานบ้าน ไม่เคยมีใครสอนให้มันทำ แต่จู่ๆ เธอก็สั่งให้ตานิคทำโน่นทำนี่สารพัด และต้องทำงานให้เรียบร้อย เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า หรือว่าเธอจงใจแกล้งลูกของฉัน’ลูกของฉัน ลูกของเธอ ลูกของเรา...มันเป็นคำพูดที่กุลนิภาได้ยินจากพ่อและแม่บ่อยๆ จนรู้สึกชิน เธอไม่รู้ว่าครอบครัวของตัวเองผิดแปลกจากคนอื่นหรือเปล่า หากไม่นานจากนั้นก็เกิดเหตุให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมอีกหน ซึ่งคราวนี้พ่อไม่ทนจริงๆ พ่อพาพี่นิคออกจากบ้านไปเลย แม่ยืนเชิดหน้ามองทั้งสองคนด้วยหางตา แต่เมื่อคล้อยหลังพวกเขา แม่กลับกรีดร้องและด่าทอเหมือนคนเสียสตินั่นเป็นครั้งแรกที่กุลนิภาเห็นแม่ในสภาพควบคุมตัวเองไม่ได้ หากมันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะเธอยังเห็นแม่เกรี้ยวกราดอีกนับครั้งไม่ถ้วน หากต่างกันเพียงคนต้นเหตุที่ทำให้แม่ต้องเป็นอย่างนั้นกลายเป็นเธอกับกวินที่ยังอยู่ในการดูแลของแม่รถพอร์เชอคันสี

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 6

    ชนกันต์เดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ธีทัตมองตามจนลับร่างของเจ้าตัว แล้วพูดกับน้องชายฝาแฝด “ปากหมานะมึง รู้อยู่ว่าไอ้กันต์มีปัญหากับครอบครัวของผู้หญิงคนเก่า” “หมา...บ๊อบๆ บ๊อบๆๆ” เสียงเล็กๆ จากคนในอ้อมแขนดังขึ้นทันทีที่ธีทัตพูดจบ ก่อฤกษ์หัวเราะร่วน มองหลานชายอย่างชอบใจ นอกจากเป็นเด็กหน้าตาน่ารักแล้ว ลูกชายของธีทัตยังฉายแววฉลาดเฉลียวอีกด้วย จนเขาอดที่จะกระเซ้าถามไม่ได้ “รู้จักเสียงหมาเห่าด้วยเหรอเราน่ะ” น้องพร้อมพยักหน้าหงึกๆ แล้วบอกคุณอาอย่างภูมิใจ “ป๊อมยู้ กันต์ฉอน” “งั้นเหรอ แต่ดูทรงแล้ว อาก่อว่าอีกไม่นานอากันต์คงได้สอนเสียงหมาหอนให้นายด้วย นายเคยได้ยินเสียงหมาหอนไหม” น้องพร้อมส่ายหน้าหวือ แล้วทำท่าทางกระตือรือร้นอยากจะรู้เสียให้ได้ จนก่อฤกษ์ต้องบอกอย่างเอาใจ “โบร้...โบร้ๆๆ...จำไว้นะ นี่เป็นเสียงหมาหอน ต่อไปนายอาจจะได้ยินเสียงหมาหอนจากอากันต์” น้องพร้อมตื่นเต้น พยายามเลียนเสียงหมาหอนตามอาก่อ หากคนเป็นพ่อกลับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “มึงสอนอะไรหลานก็ไม่รู้ เดี๋ยวน้องพร้อมไปสอนแม่ของแกต่อ มันจะเดือดร้อนมาถึงกู” ก่อฤกษ์ยังสนุกที่ได้สอนหลานตัวป้อม ท่าทาง

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 7

    อดที่จะสงสัยไม่ได้ เขาไม่วางใจนางวิวรรณ นึกระแวงว่านางอาจโทร.มาปั่นหัวเขา เพราะนางคงรู้มาจากลูกสาวว่าวันนี้เขามีเดตกับผู้หญิงคนอื่น...ชนกันต์รู้ดีว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้เหลี่ยมจัด ซึ่งไม่ต่างกับลูกชายของนางนักหรอก เขารู้ไส้รู้พุงคนบ้านนี้ดี...กวินเคยเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เขาให้ความรักและคอยช่วยเหลือยามเจ้าตัวไปเรียนที่ต่างประเทศ เขาเคยช่วยกวินทั้งเรื่องเงินทองทั้งเรื่องโอกาส พาเจ้าตัวเข้ากลุ่มก๊วน เขาแนะนำให้กวินรู้จักกับเพื่อนฝูงของเขาในฐานะน้องชายคนหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้าวายร้ายนั่นกลับแว้งกัดเขา จนเขาแทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะความใจคดของมันกรามแกร่งบดแน่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานานกว่าห้าปี แต่มันยังเป็นฝันร้ายหลอกหลอนเขาในบางค่ำคืนมือแข็งแรงยกขึ้นมาลูบปลายคางที่มีไรเคราปกคลุมจางๆ เขายังสัมผัสรอยแผลเป็นจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ ส่องกระจกทีไรเขายังมองเห็นรอยแผลได้อย่างชัดเจน แต่ให้ตายเถอะ เขายังโง่เผลอไปไว้ใจคนบ้านนั้นเป็นครั้งที่สอง ซึ่งรอบนี้เป็นฝีมือของแม่ตัวดีที่เป็นลูกสาวคนเล็กของนางวิวรรณ เขาต้องสูญเงินไปแปดแสนกว่าบาทก็เพราะเธอ

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 8

    “เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะ แม่กับพี่กัซเลยไม่ชอบเขา แล้วทำไมแม่ถึงให้หนูไปทำงานกับเขา ทั้งที่พี่กัซเคยมีเรื่องกับเขามาก่อน ทำไมแม่ไม่เล่าเรื่องระหว่างเขากับพี่กัซให้หนูรู้บ้าง”กุลนิภาตัดพ้อ ในเวลานั้นเธอเพิ่งกลับมาเมืองไทย เธอตั้งใจจะหางานทำเอง เธอมั่นใจในความสามารถของตัวเอง แต่แม่ก็คัดค้านเสียทุกทาง แล้วบอกว่าแม่ได้เตรียมงานไว้ให้เธอแล้ว นั่นก็คือธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ดังระดับโลกที่ราชเวคิน กรุ๊ปได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวจีนเพื่อมาเปิดสาขาในประเทศไทยกุลนิภาไม่รู้ถึงที่มาของงานที่เธอได้ทำ เธอไม่รู้ว่าแม่เป็นฝ่ายของานจากชนกันต์หรือเป็นเขาเองที่เสนองานมาให้เธอ...พอถามเรื่องนี้ออกไปทีไร เธอกลับไม่เคยได้รับคำตอบจากใครเลยจนถึงวันนี้กุลนิภายังจมอยู่กับความสับสนและความมืดมนจนไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองได้อย่างไร“พี่ของแกมีเรื่องกับเขา แกไม่เกี่ยว แกก็อยู่ของแกไป”“หนูไม่เกี่ยวได้ยังไง สุดท้ายแล้วหนูก็ทำเงินของเขาหาย แม่ก็รู้ว่าใครเอาเงินก้อนนั้นไปจากหนู...เพราะคิดว่ามันเป็นเงินของคุณกันต์ใช่

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 9

    โดยไม่ต้องลงมือเอง แม่ก็ฟาดพี่ชายกลับให้แล้ว ชนกันต์นึกขันพี่ชายตัวเอง“แม่พูดว่าผมไม่ต่างกับเฮียก่อไม่ได้นะครับ เพราะผมไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนเฮียก่อ แม่พูดอย่างนี้ผมเสียหาย”อดที่จะซ้ำเติมหนักๆ ไม่ได้ เพราะเขาถนัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว...มีสงครามในบ้านคราใด ชนกันต์จะขออยู่ข้างฝ่ายผู้ชนะ เขาถือคตินี้เรื่อยมา“งั้นแกทำตัวดีๆ ไว้ให้ได้นะ พลาดเมื่อไร ฉันจะคอยดู”“ทำไมก่อพูดกับน้องอย่างนี้ พูดเหมือนจะให้น้องเจอเรื่องเจอราวเสียให้ได้” คุณอมลรดาเอ็ดลูกชายคนรอง ก่อนจะหันไปทางลูกชายคนที่สาม “ไม่เอาแบบเฮียก่อนะกันต์ คราวนั้นแม่หัวใจเกือบวาย อย่าไปทำใครท้องแล้วทิ้งขว้าง เลือดเนื้อเชื้อไขของเราทั้งนั้น ถ้ากันต์คบใครก็ทำให้เป็นขั้นเป็นตอน แต่งงานแต่งการกันให้เรียบร้อย แม่ไม่ใช่แม่ผัวใจร้าย แม่ขอแค่ลูกสะใภ้เป็นคนดี ดูแลครอบครัวได้ อบรมลูกๆ ของเราเป็น และไม่ทำตัวเสื่อมเสีย แม่รับได้ทั้งนั้น”ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวแท้ๆ...ก่อฤกษ์ปิดปากฉับเสีย เพราะกลัวโดนแม่เทศน์อีก เขาเหลือบมองน้องชาย

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 1

    ‘เหนื่อยไหมที่ต้องประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่เพื่อแตกสลายซ้ำๆ’ข้อความบนแอปพลิเคชันอินสตราแกรมทำให้นิ้วเรียวที่กำลังปัดหน้าจอโทรศัพท์มือถือหยุดลง กุลนิภาอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง เธอเพ่งมองจนตัวหนังสือพร่าเลือน เพราะน้ำตากำลังเอ่อท้นออกมาคลอหน่วยตา เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น หลังจากเสียงน้ำจากฝักบัวเงียบไปหลายนาที หญิงสาวรีบเก็บโทรศัพท์มือถือ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เธออาศัยจังหวะนั้นยกมือขึ้นมากรีดน้ำใสออกจากหางตา“เป็นอะไร?”เจ้าของคำถามทำเพียงแค่ปรายตามองเธอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า ชั่วอึดใจเดียวเขาก็เดินออกมาพร้อมกับกางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตที่ถือไว้ในมือ แล้วสวมมันต่อหน้าเธอ“คุณกันต์จะออกไปข้างนอกหรือคะ”“ใช่” เมื่อตอบไปแล้ว เขาก็นิ่งเงียบ เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนกำลังคิดบางอย่าง ก่อนเขาจะพูดต่อ “ไม่ต้องรอนะ คืนนี้ผมจะกลับไปนอนที่บ้าน”บ้านที่ชนกันต์พูดถึงก็คือบ้านราชเวคิน บ้านหลังใหญ่ปานคฤหาสน์ที่ครอบคลุมพื้นที่นับสิบไร่ เขาอยู่ที่บ้านหลังนั้นร่วมกับพี่น้องอีกสามคน กุลนิภารู้ว่าภายในอาณาเขตบ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัยของคนในตระกูลราชเวคิน พวกเขาอาศัยอยู่ร่วมกัน...เธอแค่เพ

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 2

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชนกันต์ไม่ได้นอนค้างกับเธอที่ห้องชุด หากที่ผ่านมากุลนิภาไม่ได้ว้าวุ่นใจเหมือนในช่วงนี้...เธอรู้ดีว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร จิตใจถูกเขย่าอย่างรุนแรง กุลนิภารู้สึกสั่นคลอนไปทั้งใจ มันเป็นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เมื่อเซเลบสาวที่มีผลงานในวงการบันเทิงและกำลังถูกจับตามองในฐานะนักแสดงดาวรุ่งได้พูดแย้มถึงผู้ชายที่เธอกำลังคบหาว่าเป็นคนนอกวงการบันเทิง เขาเป็นทายาทของนักธุรกิจใหญ่ เจ้าหล่อนบอกนักข่าวเพียงเท่านี้ หากแค่เพียงข้ามวัน ชื่อของชนกันต์ ราชเวคินก็ถูกเผยออกมา ในทีแรกกุลนิภาไม่เชื่อข่าว หากเธอไม่อาจตัดความระแวงสงสัยออกจากใจได้ เธอจึงใช้เวลาถึงครึ่งวันเพื่ออ่านข่าวของทั้งสองคน ซึ่งมีคนจับภาพและเหตุการณ์โยงให้เห็นว่ามันสอดคล้องกัน แล้วจึงได้ข้อสรุปอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าผู้ชายที่เซเลบสาวพูดถึงก็คือผู้ชายที่นอนกับเธอเกือบทุกค่ำคืนนั่นเอง กุลนิภารู้สึกร้อนรน เธอผุดลุกผุดนั่งอยู่ภายในห้องชุด อยากจะโทร.ไปถามชนกันต์ให้รู้เรื่องว่าเขาคือผู้ชายในข่าวจริงหรือเปล่า...แต่เธอก็ไม่ได้ทำ เพราะชนกันต์เคยสั่งห้ามเอาไว้ เขาไม่ให้เธอโทร.ไปหาเขา เธอจะพบเขาได้ก็ต่อเมื่อเขากลับมาหาเธอที่ห้องเท่า

บทล่าสุด

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 9

    โดยไม่ต้องลงมือเอง แม่ก็ฟาดพี่ชายกลับให้แล้ว ชนกันต์นึกขันพี่ชายตัวเอง“แม่พูดว่าผมไม่ต่างกับเฮียก่อไม่ได้นะครับ เพราะผมไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนเฮียก่อ แม่พูดอย่างนี้ผมเสียหาย”อดที่จะซ้ำเติมหนักๆ ไม่ได้ เพราะเขาถนัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว...มีสงครามในบ้านคราใด ชนกันต์จะขออยู่ข้างฝ่ายผู้ชนะ เขาถือคตินี้เรื่อยมา“งั้นแกทำตัวดีๆ ไว้ให้ได้นะ พลาดเมื่อไร ฉันจะคอยดู”“ทำไมก่อพูดกับน้องอย่างนี้ พูดเหมือนจะให้น้องเจอเรื่องเจอราวเสียให้ได้” คุณอมลรดาเอ็ดลูกชายคนรอง ก่อนจะหันไปทางลูกชายคนที่สาม “ไม่เอาแบบเฮียก่อนะกันต์ คราวนั้นแม่หัวใจเกือบวาย อย่าไปทำใครท้องแล้วทิ้งขว้าง เลือดเนื้อเชื้อไขของเราทั้งนั้น ถ้ากันต์คบใครก็ทำให้เป็นขั้นเป็นตอน แต่งงานแต่งการกันให้เรียบร้อย แม่ไม่ใช่แม่ผัวใจร้าย แม่ขอแค่ลูกสะใภ้เป็นคนดี ดูแลครอบครัวได้ อบรมลูกๆ ของเราเป็น และไม่ทำตัวเสื่อมเสีย แม่รับได้ทั้งนั้น”ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวแท้ๆ...ก่อฤกษ์ปิดปากฉับเสีย เพราะกลัวโดนแม่เทศน์อีก เขาเหลือบมองน้องชาย

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 8

    “เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะ แม่กับพี่กัซเลยไม่ชอบเขา แล้วทำไมแม่ถึงให้หนูไปทำงานกับเขา ทั้งที่พี่กัซเคยมีเรื่องกับเขามาก่อน ทำไมแม่ไม่เล่าเรื่องระหว่างเขากับพี่กัซให้หนูรู้บ้าง”กุลนิภาตัดพ้อ ในเวลานั้นเธอเพิ่งกลับมาเมืองไทย เธอตั้งใจจะหางานทำเอง เธอมั่นใจในความสามารถของตัวเอง แต่แม่ก็คัดค้านเสียทุกทาง แล้วบอกว่าแม่ได้เตรียมงานไว้ให้เธอแล้ว นั่นก็คือธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ดังระดับโลกที่ราชเวคิน กรุ๊ปได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวจีนเพื่อมาเปิดสาขาในประเทศไทยกุลนิภาไม่รู้ถึงที่มาของงานที่เธอได้ทำ เธอไม่รู้ว่าแม่เป็นฝ่ายของานจากชนกันต์หรือเป็นเขาเองที่เสนองานมาให้เธอ...พอถามเรื่องนี้ออกไปทีไร เธอกลับไม่เคยได้รับคำตอบจากใครเลยจนถึงวันนี้กุลนิภายังจมอยู่กับความสับสนและความมืดมนจนไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองได้อย่างไร“พี่ของแกมีเรื่องกับเขา แกไม่เกี่ยว แกก็อยู่ของแกไป”“หนูไม่เกี่ยวได้ยังไง สุดท้ายแล้วหนูก็ทำเงินของเขาหาย แม่ก็รู้ว่าใครเอาเงินก้อนนั้นไปจากหนู...เพราะคิดว่ามันเป็นเงินของคุณกันต์ใช่

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 7

    อดที่จะสงสัยไม่ได้ เขาไม่วางใจนางวิวรรณ นึกระแวงว่านางอาจโทร.มาปั่นหัวเขา เพราะนางคงรู้มาจากลูกสาวว่าวันนี้เขามีเดตกับผู้หญิงคนอื่น...ชนกันต์รู้ดีว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้เหลี่ยมจัด ซึ่งไม่ต่างกับลูกชายของนางนักหรอก เขารู้ไส้รู้พุงคนบ้านนี้ดี...กวินเคยเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เขาให้ความรักและคอยช่วยเหลือยามเจ้าตัวไปเรียนที่ต่างประเทศ เขาเคยช่วยกวินทั้งเรื่องเงินทองทั้งเรื่องโอกาส พาเจ้าตัวเข้ากลุ่มก๊วน เขาแนะนำให้กวินรู้จักกับเพื่อนฝูงของเขาในฐานะน้องชายคนหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้าวายร้ายนั่นกลับแว้งกัดเขา จนเขาแทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะความใจคดของมันกรามแกร่งบดแน่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานานกว่าห้าปี แต่มันยังเป็นฝันร้ายหลอกหลอนเขาในบางค่ำคืนมือแข็งแรงยกขึ้นมาลูบปลายคางที่มีไรเคราปกคลุมจางๆ เขายังสัมผัสรอยแผลเป็นจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ ส่องกระจกทีไรเขายังมองเห็นรอยแผลได้อย่างชัดเจน แต่ให้ตายเถอะ เขายังโง่เผลอไปไว้ใจคนบ้านนั้นเป็นครั้งที่สอง ซึ่งรอบนี้เป็นฝีมือของแม่ตัวดีที่เป็นลูกสาวคนเล็กของนางวิวรรณ เขาต้องสูญเงินไปแปดแสนกว่าบาทก็เพราะเธอ

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 6

    ชนกันต์เดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ธีทัตมองตามจนลับร่างของเจ้าตัว แล้วพูดกับน้องชายฝาแฝด “ปากหมานะมึง รู้อยู่ว่าไอ้กันต์มีปัญหากับครอบครัวของผู้หญิงคนเก่า” “หมา...บ๊อบๆ บ๊อบๆๆ” เสียงเล็กๆ จากคนในอ้อมแขนดังขึ้นทันทีที่ธีทัตพูดจบ ก่อฤกษ์หัวเราะร่วน มองหลานชายอย่างชอบใจ นอกจากเป็นเด็กหน้าตาน่ารักแล้ว ลูกชายของธีทัตยังฉายแววฉลาดเฉลียวอีกด้วย จนเขาอดที่จะกระเซ้าถามไม่ได้ “รู้จักเสียงหมาเห่าด้วยเหรอเราน่ะ” น้องพร้อมพยักหน้าหงึกๆ แล้วบอกคุณอาอย่างภูมิใจ “ป๊อมยู้ กันต์ฉอน” “งั้นเหรอ แต่ดูทรงแล้ว อาก่อว่าอีกไม่นานอากันต์คงได้สอนเสียงหมาหอนให้นายด้วย นายเคยได้ยินเสียงหมาหอนไหม” น้องพร้อมส่ายหน้าหวือ แล้วทำท่าทางกระตือรือร้นอยากจะรู้เสียให้ได้ จนก่อฤกษ์ต้องบอกอย่างเอาใจ “โบร้...โบร้ๆๆ...จำไว้นะ นี่เป็นเสียงหมาหอน ต่อไปนายอาจจะได้ยินเสียงหมาหอนจากอากันต์” น้องพร้อมตื่นเต้น พยายามเลียนเสียงหมาหอนตามอาก่อ หากคนเป็นพ่อกลับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “มึงสอนอะไรหลานก็ไม่รู้ เดี๋ยวน้องพร้อมไปสอนแม่ของแกต่อ มันจะเดือดร้อนมาถึงกู” ก่อฤกษ์ยังสนุกที่ได้สอนหลานตัวป้อม ท่าทาง

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 5

    ถ้อยคำนั้นทำให้กุลนิภามองแม่เหมือนไม่เคยเห็นแม่มาก่อน...แม่เหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่จะพูดจาร้ายๆ แบบนี้ออกมาได้‘เธอสั่งให้ตานิคทำงานอะไรนักหนา ตานิคเพิ่งจะอายุสิบขวบ แถมเป็นเด็กผู้ชาย ตอนอยู่ที่เชียงราย ตานิคไม่เคยทำงานบ้าน ไม่เคยมีใครสอนให้มันทำ แต่จู่ๆ เธอก็สั่งให้ตานิคทำโน่นทำนี่สารพัด และต้องทำงานให้เรียบร้อย เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า หรือว่าเธอจงใจแกล้งลูกของฉัน’ลูกของฉัน ลูกของเธอ ลูกของเรา...มันเป็นคำพูดที่กุลนิภาได้ยินจากพ่อและแม่บ่อยๆ จนรู้สึกชิน เธอไม่รู้ว่าครอบครัวของตัวเองผิดแปลกจากคนอื่นหรือเปล่า หากไม่นานจากนั้นก็เกิดเหตุให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมอีกหน ซึ่งคราวนี้พ่อไม่ทนจริงๆ พ่อพาพี่นิคออกจากบ้านไปเลย แม่ยืนเชิดหน้ามองทั้งสองคนด้วยหางตา แต่เมื่อคล้อยหลังพวกเขา แม่กลับกรีดร้องและด่าทอเหมือนคนเสียสตินั่นเป็นครั้งแรกที่กุลนิภาเห็นแม่ในสภาพควบคุมตัวเองไม่ได้ หากมันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะเธอยังเห็นแม่เกรี้ยวกราดอีกนับครั้งไม่ถ้วน หากต่างกันเพียงคนต้นเหตุที่ทำให้แม่ต้องเป็นอย่างนั้นกลายเป็นเธอกับกวินที่ยังอยู่ในการดูแลของแม่รถพอร์เชอคันสี

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 4

    กุลนิภาวางกระเป๋าบนเตียงแล้วทิ้งร่างลงตาม เหมือนไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัวยืน เมื่อกระบอกตาร้อนผ่าว เธอจึงยกสองมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ อย่างต้องการปลุกปลอบตัวเอง เธอไม่อยากร้องไห้อีก เพราะวันนี้เธอร้องไห้มามากพอแล้ว เธอเสียน้ำตา เสียหัวใจ เสียร่างกายให้กับผู้ชายที่ชื่อชนกันต์ หากทุกสิ่งที่เธอเสียให้เขาไปนั้นมันช่างไร้ค่าสิ้นดี กุลนิภาเข้าไปอาบน้ำด้วยหวังจะให้ร่างกายสดชื่นมากขึ้น เมื่อได้สัมผัสสายน้ำเย็น มันจึงทำให้จิตใจของเธอดีขึ้นตามไปด้วย นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ เมื่อเธอเปิดประตูออกมา กวาดสายตามองรอบห้องนอน ความทรงจำเก่าก่อนก็ย้อนกลับมา ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของเธอตั้งแต่เด็ก เธออยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่จำความได้ ภาพจำในวัยเด็กนั้นช่างมีความสุข ครอบครัวของเธอประกอบด้วย พ่อ แม่ กวินซึ่งเป็นพี่ชาย และตัวเธอ แม่เป็นผู้หญิงอารมณ์ดี ส่วนพ่อเป็นผู้ชายตัวโตที่แสนใจดี...ชีวิตของเธอจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หากความสุขนั้นกลับไม่ยั่งยืน เมื่อวันหนึ่งพ่อพาเด็กผู้ชายวัยโตกว่าเธอและพี่ชายมาอยู่ที่บ้าน พ่อบอกว่าเขาชื่อพี่นิค เขาเป็นพี่ชายต่างมารดาของเธ

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 3

    ค่ำคืนนั้นชนกันต์ทำให้กุลนิภาใจหาย เธอเสียใจ เธอเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำจนตาบวมปูด หากเมื่อกลับออกมา ร่างสูงที่นอนรออยู่บนเตียงนอนก็กวักมือเรียกเธอให้ไปหา เขากอดจูบเธอ...แล้วทุกอย่างก็จบลงเหมือนเช่นทุกคราว ชนกันต์ร่วมรักกับเธอ เขาทำให้เธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ซึ่งเธอเองก็ตอบสนองความต้องการของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ กุลนิภายอมเป็นของเขา เธอยินดีใช้ร่างกายชดใช้แทนเงินที่เธอทำหายไปจากบัญชีของเขา เธอไม่ได้เสียใจที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ลงไป เหตุผลเพียงเพราะเธอหลงรักเขา... “โง่! โง่ที่สุด! ฉันจะทำยังไงกับพวกแกดี ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดสักราย” เสียงผรุสวาทดังมาจากคนที่กระแทกกายนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าภายในบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่ริมคลองของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก กุลนิภานั่งรถแท็กซี่จากคอนโดมิเนียมย่านสาทรกลับมาที่นี่ เพราะเธอไม่อาจรอชนกันต์อยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป มโนภาพที่เกิดขึ้นอยู่ในหัวบอกว่าเขากับอรรพีกำลังหวานชื่นกัน มันทำให้น้ำตาของเธอไหลไม่ยอมหยุด สุดท้ายกุลนิภาจึงเก็บของใช้ที่จำเป็นไม่กี่ชิ้นยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ แล้วกลับมาที่บ้านหลังนี้ หากแทนที่เธอจะได้พักใจ แต่เธอกลับต้องร้องไห้หนักย

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 2

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชนกันต์ไม่ได้นอนค้างกับเธอที่ห้องชุด หากที่ผ่านมากุลนิภาไม่ได้ว้าวุ่นใจเหมือนในช่วงนี้...เธอรู้ดีว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร จิตใจถูกเขย่าอย่างรุนแรง กุลนิภารู้สึกสั่นคลอนไปทั้งใจ มันเป็นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เมื่อเซเลบสาวที่มีผลงานในวงการบันเทิงและกำลังถูกจับตามองในฐานะนักแสดงดาวรุ่งได้พูดแย้มถึงผู้ชายที่เธอกำลังคบหาว่าเป็นคนนอกวงการบันเทิง เขาเป็นทายาทของนักธุรกิจใหญ่ เจ้าหล่อนบอกนักข่าวเพียงเท่านี้ หากแค่เพียงข้ามวัน ชื่อของชนกันต์ ราชเวคินก็ถูกเผยออกมา ในทีแรกกุลนิภาไม่เชื่อข่าว หากเธอไม่อาจตัดความระแวงสงสัยออกจากใจได้ เธอจึงใช้เวลาถึงครึ่งวันเพื่ออ่านข่าวของทั้งสองคน ซึ่งมีคนจับภาพและเหตุการณ์โยงให้เห็นว่ามันสอดคล้องกัน แล้วจึงได้ข้อสรุปอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าผู้ชายที่เซเลบสาวพูดถึงก็คือผู้ชายที่นอนกับเธอเกือบทุกค่ำคืนนั่นเอง กุลนิภารู้สึกร้อนรน เธอผุดลุกผุดนั่งอยู่ภายในห้องชุด อยากจะโทร.ไปถามชนกันต์ให้รู้เรื่องว่าเขาคือผู้ชายในข่าวจริงหรือเปล่า...แต่เธอก็ไม่ได้ทำ เพราะชนกันต์เคยสั่งห้ามเอาไว้ เขาไม่ให้เธอโทร.ไปหาเขา เธอจะพบเขาได้ก็ต่อเมื่อเขากลับมาหาเธอที่ห้องเท่า

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 1

    ‘เหนื่อยไหมที่ต้องประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่เพื่อแตกสลายซ้ำๆ’ข้อความบนแอปพลิเคชันอินสตราแกรมทำให้นิ้วเรียวที่กำลังปัดหน้าจอโทรศัพท์มือถือหยุดลง กุลนิภาอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง เธอเพ่งมองจนตัวหนังสือพร่าเลือน เพราะน้ำตากำลังเอ่อท้นออกมาคลอหน่วยตา เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น หลังจากเสียงน้ำจากฝักบัวเงียบไปหลายนาที หญิงสาวรีบเก็บโทรศัพท์มือถือ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เธออาศัยจังหวะนั้นยกมือขึ้นมากรีดน้ำใสออกจากหางตา“เป็นอะไร?”เจ้าของคำถามทำเพียงแค่ปรายตามองเธอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า ชั่วอึดใจเดียวเขาก็เดินออกมาพร้อมกับกางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตที่ถือไว้ในมือ แล้วสวมมันต่อหน้าเธอ“คุณกันต์จะออกไปข้างนอกหรือคะ”“ใช่” เมื่อตอบไปแล้ว เขาก็นิ่งเงียบ เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนกำลังคิดบางอย่าง ก่อนเขาจะพูดต่อ “ไม่ต้องรอนะ คืนนี้ผมจะกลับไปนอนที่บ้าน”บ้านที่ชนกันต์พูดถึงก็คือบ้านราชเวคิน บ้านหลังใหญ่ปานคฤหาสน์ที่ครอบคลุมพื้นที่นับสิบไร่ เขาอยู่ที่บ้านหลังนั้นร่วมกับพี่น้องอีกสามคน กุลนิภารู้ว่าภายในอาณาเขตบ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัยของคนในตระกูลราชเวคิน พวกเขาอาศัยอยู่ร่วมกัน...เธอแค่เพ

DMCA.com Protection Status