ชนกันต์เดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ธีทัตมองตามจนลับร่างของเจ้าตัว แล้วพูดกับน้องชายฝาแฝด
“ปากหมานะมึง รู้อยู่ว่าไอ้กันต์มีปัญหากับครอบครัวของผู้หญิงคนเก่า” “หมา...บ๊อบๆ บ๊อบๆๆ” เสียงเล็กๆ จากคนในอ้อมแขนดังขึ้นทันทีที่ธีทัตพูดจบ ก่อฤกษ์หัวเราะร่วน มองหลานชายอย่างชอบใจ นอกจากเป็นเด็กหน้าตาน่ารักแล้ว ลูกชายของธีทัตยังฉายแววฉลาดเฉลียวอีกด้วย จนเขาอดที่จะกระเซ้าถามไม่ได้ “รู้จักเสียงหมาเห่าด้วยเหรอเราน่ะ” น้องพร้อมพยักหน้าหงึกๆ แล้วบอกคุณอาอย่างภูมิใจ “ป๊อมยู้ กันต์ฉอน” “งั้นเหรอ แต่ดูทรงแล้ว อาก่อว่าอีกไม่นานอากันต์คงได้สอนเสียงหมาหอนให้นายด้วย นายเคยได้ยินเสียงหมาหอนไหม” น้องพร้อมส่ายหน้าหวือ แล้วทำท่าทางกระตือรือร้นอยากจะรู้เสียให้ได้ จนก่อฤกษ์ต้องบอกอย่างเอาใจ “โบร้...โบร้ๆๆ...จำไว้นะ นี่เป็นเสียงหมาหอน ต่อไปนายอาจจะได้ยินเสียงหมาหอนจากอากันต์” น้องพร้อมตื่นเต้น พยายามเลียนเสียงหมาหอนตามอาก่อ หากคนเป็นพ่อกลับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “มึงสอนอะไรหลานก็ไม่รู้ เดี๋ยวน้องพร้อมไปสอนแม่ของแกต่อ มันจะเดือดร้อนมาถึงกู” ก่อฤกษ์ยังสนุกที่ได้สอนหลานตัวป้อม ท่าทางไม่ได้อนาทรร้อนใจเลยสักนิด จนธีทัตเริ่มสงสัย เพราะมันอาจมีอะไรที่เขาไม่รู้ “ทำไมมึงถึงคิดว่าไอ้กันต์จะต้องหอนทีหลัง” “เมื่อกี้มึงพูดว่า ‘ผู้หญิงคนเก่า’ ของไอ้กันต์ใช่ไหม แต่เท่าที่กูรู้ ไอ้กันต์ยังอยู่กับผู้หญิงคนนั้น เธอไม่ใช่คนเก่าของไอ้กันต์ แต่เธอเป็นผู้หญิงคนปัจจุบันต่างหาก วันนี้ไอ้กันต์กลับมานอนที่บ้าน คงเพราะไม่อยากขึ้นชื่อว่าเดตกับผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วกลับไปนอนกกผู้หญิงอีกคนภายในวันเดียวกัน” “มองเหตุการณ์ออกอย่างทะลุปรุโปร่งเชียวนะมึง ทีเรื่องอย่างนี้ละคล่องเชียว ไอ้เสือเงียบแต่กินเรียบตลอด” “เฮ้ย! อย่าพูด! กูเลิกทำตัวแบบนั้นตั้งนานแล้ว” ก่อฤกษ์หันมองซ้ายขวาล่อกแล่ก ทำท่าเหมือนกลัวเมียรักจะมาได้ยิน ทั้งที่ตอนนี้ฝนแก้วยังอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียกับลูกๆ เพราะช่วงนี้เขาเดินทางมาทำธุระที่เมืองไทยตามลำพัง แค่นึกถึง...เขาก็อยากเห็นหน้าลูกเมียเสียแล้วสิ ห่างกันแค่สองวัน เขาแทบจะลงแดงตายอยู่แล้ว “เดี๋ยวกูขึ้นไปบนห้องก่อน อยากคุยกับเมียสักหน่อย ชักคิดถึงเสียแล้วสิ” ธีทัตโบกมือไล่น้องชาย หากไม่ทันที่เจ้าตัวจะเดินพ้นประตู คนตัวป้อมที่อยู่ในอ้อมแขนก็พูดขึ้นมาอย่างที่ทำให้เขาแทบกุมขมับ “เฉือ...ก่อเป็งเฉือ” “ไปว่าอาก่อเป็นเสือ เดี๋ยวเถอะ! น้องพร้อมจะโดนอาก่อขย้ำพุง” พ่อแกล้งขู่ แต่พร้อมน้อยกลัวเสียที่ไหนล่ะ เจ้าตัวหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังลั่น เพราะชอบเล่นจกพุงกลมๆ กับอาก่ออยู่แล้ว ชนกันต์โยนโทรศัพท์มือถือทิ้งบนโซฟายาวที่อยู่ในห้องนอนใหญ่ หลังจากเขาลังเลอยู่นานนับนาทีเมื่อคิดว่าควรจะโทร.ไปหากุลนิภาดีไหม เมื่อสักพักใหญ่ตอนที่เขาขับรถมาถึงบ้าน แม่ของเธอโทร.มาบอกว่าเธอไม่สบายและตอนนี้เธออยู่ที่บ้านริมคลองฝั่งธนบุรี “อิงไม่สบายเหรอ? ไม่สบายจริงหรือเปล่า?”อดที่จะสงสัยไม่ได้ เขาไม่วางใจนางวิวรรณ นึกระแวงว่านางอาจโทร.มาปั่นหัวเขา เพราะนางคงรู้มาจากลูกสาวว่าวันนี้เขามีเดตกับผู้หญิงคนอื่น...ชนกันต์รู้ดีว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้เหลี่ยมจัด ซึ่งไม่ต่างกับลูกชายของนางนักหรอก เขารู้ไส้รู้พุงคนบ้านนี้ดี...กวินเคยเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เขาให้ความรักและคอยช่วยเหลือยามเจ้าตัวไปเรียนที่ต่างประเทศ เขาเคยช่วยกวินทั้งเรื่องเงินทองทั้งเรื่องโอกาส พาเจ้าตัวเข้ากลุ่มก๊วน เขาแนะนำให้กวินรู้จักกับเพื่อนฝูงของเขาในฐานะน้องชายคนหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้าวายร้ายนั่นกลับแว้งกัดเขา จนเขาแทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะความใจคดของมันกรามแกร่งบดแน่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานานกว่าห้าปี แต่มันยังเป็นฝันร้ายหลอกหลอนเขาในบางค่ำคืนมือแข็งแรงยกขึ้นมาลูบปลายคางที่มีไรเคราปกคลุมจางๆ เขายังสัมผัสรอยแผลเป็นจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ ส่องกระจกทีไรเขายังมองเห็นรอยแผลได้อย่างชัดเจน แต่ให้ตายเถอะ เขายังโง่เผลอไปไว้ใจคนบ้านนั้นเป็นครั้งที่สอง ซึ่งรอบนี้เป็นฝีมือของแม่ตัวดีที่เป็นลูกสาวคนเล็กของนางวิวรรณ เขาต้องสูญเงินไปแปดแสนกว่าบาทก็เพราะเธอ
“เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะ แม่กับพี่กัซเลยไม่ชอบเขา แล้วทำไมแม่ถึงให้หนูไปทำงานกับเขา ทั้งที่พี่กัซเคยมีเรื่องกับเขามาก่อน ทำไมแม่ไม่เล่าเรื่องระหว่างเขากับพี่กัซให้หนูรู้บ้าง”กุลนิภาตัดพ้อ ในเวลานั้นเธอเพิ่งกลับมาเมืองไทย เธอตั้งใจจะหางานทำเอง เธอมั่นใจในความสามารถของตัวเอง แต่แม่ก็คัดค้านเสียทุกทาง แล้วบอกว่าแม่ได้เตรียมงานไว้ให้เธอแล้ว นั่นก็คือธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ดังระดับโลกที่ราชเวคิน กรุ๊ปได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวจีนเพื่อมาเปิดสาขาในประเทศไทยกุลนิภาไม่รู้ถึงที่มาของงานที่เธอได้ทำ เธอไม่รู้ว่าแม่เป็นฝ่ายของานจากชนกันต์หรือเป็นเขาเองที่เสนองานมาให้เธอ...พอถามเรื่องนี้ออกไปทีไร เธอกลับไม่เคยได้รับคำตอบจากใครเลยจนถึงวันนี้กุลนิภายังจมอยู่กับความสับสนและความมืดมนจนไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองได้อย่างไร“พี่ของแกมีเรื่องกับเขา แกไม่เกี่ยว แกก็อยู่ของแกไป”“หนูไม่เกี่ยวได้ยังไง สุดท้ายแล้วหนูก็ทำเงินของเขาหาย แม่ก็รู้ว่าใครเอาเงินก้อนนั้นไปจากหนู...เพราะคิดว่ามันเป็นเงินของคุณกันต์ใช่
โดยไม่ต้องลงมือเอง แม่ก็ฟาดพี่ชายกลับให้แล้ว ชนกันต์นึกขันพี่ชายตัวเอง“แม่พูดว่าผมไม่ต่างกับเฮียก่อไม่ได้นะครับ เพราะผมไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนเฮียก่อ แม่พูดอย่างนี้ผมเสียหาย”อดที่จะซ้ำเติมหนักๆ ไม่ได้ เพราะเขาถนัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว...มีสงครามในบ้านคราใด ชนกันต์จะขออยู่ข้างฝ่ายผู้ชนะ เขาถือคตินี้เรื่อยมา“งั้นแกทำตัวดีๆ ไว้ให้ได้นะ พลาดเมื่อไร ฉันจะคอยดู”“ทำไมก่อพูดกับน้องอย่างนี้ พูดเหมือนจะให้น้องเจอเรื่องเจอราวเสียให้ได้” คุณอมลรดาเอ็ดลูกชายคนรอง ก่อนจะหันไปทางลูกชายคนที่สาม “ไม่เอาแบบเฮียก่อนะกันต์ คราวนั้นแม่หัวใจเกือบวาย อย่าไปทำใครท้องแล้วทิ้งขว้าง เลือดเนื้อเชื้อไขของเราทั้งนั้น ถ้ากันต์คบใครก็ทำให้เป็นขั้นเป็นตอน แต่งงานแต่งการกันให้เรียบร้อย แม่ไม่ใช่แม่ผัวใจร้าย แม่ขอแค่ลูกสะใภ้เป็นคนดี ดูแลครอบครัวได้ อบรมลูกๆ ของเราเป็น และไม่ทำตัวเสื่อมเสีย แม่รับได้ทั้งนั้น”ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวแท้ๆ...ก่อฤกษ์ปิดปากฉับเสีย เพราะกลัวโดนแม่เทศน์อีก เขาเหลือบมองน้องชาย
‘เหนื่อยไหมที่ต้องประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่เพื่อแตกสลายซ้ำๆ’ข้อความบนแอปพลิเคชันอินสตราแกรมทำให้นิ้วเรียวที่กำลังปัดหน้าจอโทรศัพท์มือถือหยุดลง กุลนิภาอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง เธอเพ่งมองจนตัวหนังสือพร่าเลือน เพราะน้ำตากำลังเอ่อท้นออกมาคลอหน่วยตา เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น หลังจากเสียงน้ำจากฝักบัวเงียบไปหลายนาที หญิงสาวรีบเก็บโทรศัพท์มือถือ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เธออาศัยจังหวะนั้นยกมือขึ้นมากรีดน้ำใสออกจากหางตา“เป็นอะไร?”เจ้าของคำถามทำเพียงแค่ปรายตามองเธอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า ชั่วอึดใจเดียวเขาก็เดินออกมาพร้อมกับกางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตที่ถือไว้ในมือ แล้วสวมมันต่อหน้าเธอ“คุณกันต์จะออกไปข้างนอกหรือคะ”“ใช่” เมื่อตอบไปแล้ว เขาก็นิ่งเงียบ เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนกำลังคิดบางอย่าง ก่อนเขาจะพูดต่อ “ไม่ต้องรอนะ คืนนี้ผมจะกลับไปนอนที่บ้าน”บ้านที่ชนกันต์พูดถึงก็คือบ้านราชเวคิน บ้านหลังใหญ่ปานคฤหาสน์ที่ครอบคลุมพื้นที่นับสิบไร่ เขาอยู่ที่บ้านหลังนั้นร่วมกับพี่น้องอีกสามคน กุลนิภารู้ว่าภายในอาณาเขตบ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัยของคนในตระกูลราชเวคิน พวกเขาอาศัยอยู่ร่วมกัน...เธอแค่เพ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชนกันต์ไม่ได้นอนค้างกับเธอที่ห้องชุด หากที่ผ่านมากุลนิภาไม่ได้ว้าวุ่นใจเหมือนในช่วงนี้...เธอรู้ดีว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร จิตใจถูกเขย่าอย่างรุนแรง กุลนิภารู้สึกสั่นคลอนไปทั้งใจ มันเป็นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เมื่อเซเลบสาวที่มีผลงานในวงการบันเทิงและกำลังถูกจับตามองในฐานะนักแสดงดาวรุ่งได้พูดแย้มถึงผู้ชายที่เธอกำลังคบหาว่าเป็นคนนอกวงการบันเทิง เขาเป็นทายาทของนักธุรกิจใหญ่ เจ้าหล่อนบอกนักข่าวเพียงเท่านี้ หากแค่เพียงข้ามวัน ชื่อของชนกันต์ ราชเวคินก็ถูกเผยออกมา ในทีแรกกุลนิภาไม่เชื่อข่าว หากเธอไม่อาจตัดความระแวงสงสัยออกจากใจได้ เธอจึงใช้เวลาถึงครึ่งวันเพื่ออ่านข่าวของทั้งสองคน ซึ่งมีคนจับภาพและเหตุการณ์โยงให้เห็นว่ามันสอดคล้องกัน แล้วจึงได้ข้อสรุปอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าผู้ชายที่เซเลบสาวพูดถึงก็คือผู้ชายที่นอนกับเธอเกือบทุกค่ำคืนนั่นเอง กุลนิภารู้สึกร้อนรน เธอผุดลุกผุดนั่งอยู่ภายในห้องชุด อยากจะโทร.ไปถามชนกันต์ให้รู้เรื่องว่าเขาคือผู้ชายในข่าวจริงหรือเปล่า...แต่เธอก็ไม่ได้ทำ เพราะชนกันต์เคยสั่งห้ามเอาไว้ เขาไม่ให้เธอโทร.ไปหาเขา เธอจะพบเขาได้ก็ต่อเมื่อเขากลับมาหาเธอที่ห้องเท่า
ค่ำคืนนั้นชนกันต์ทำให้กุลนิภาใจหาย เธอเสียใจ เธอเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำจนตาบวมปูด หากเมื่อกลับออกมา ร่างสูงที่นอนรออยู่บนเตียงนอนก็กวักมือเรียกเธอให้ไปหา เขากอดจูบเธอ...แล้วทุกอย่างก็จบลงเหมือนเช่นทุกคราว ชนกันต์ร่วมรักกับเธอ เขาทำให้เธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ซึ่งเธอเองก็ตอบสนองความต้องการของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ กุลนิภายอมเป็นของเขา เธอยินดีใช้ร่างกายชดใช้แทนเงินที่เธอทำหายไปจากบัญชีของเขา เธอไม่ได้เสียใจที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ลงไป เหตุผลเพียงเพราะเธอหลงรักเขา... “โง่! โง่ที่สุด! ฉันจะทำยังไงกับพวกแกดี ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดสักราย” เสียงผรุสวาทดังมาจากคนที่กระแทกกายนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าภายในบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่ริมคลองของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก กุลนิภานั่งรถแท็กซี่จากคอนโดมิเนียมย่านสาทรกลับมาที่นี่ เพราะเธอไม่อาจรอชนกันต์อยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป มโนภาพที่เกิดขึ้นอยู่ในหัวบอกว่าเขากับอรรพีกำลังหวานชื่นกัน มันทำให้น้ำตาของเธอไหลไม่ยอมหยุด สุดท้ายกุลนิภาจึงเก็บของใช้ที่จำเป็นไม่กี่ชิ้นยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ แล้วกลับมาที่บ้านหลังนี้ หากแทนที่เธอจะได้พักใจ แต่เธอกลับต้องร้องไห้หนักย
กุลนิภาวางกระเป๋าบนเตียงแล้วทิ้งร่างลงตาม เหมือนไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัวยืน เมื่อกระบอกตาร้อนผ่าว เธอจึงยกสองมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ อย่างต้องการปลุกปลอบตัวเอง เธอไม่อยากร้องไห้อีก เพราะวันนี้เธอร้องไห้มามากพอแล้ว เธอเสียน้ำตา เสียหัวใจ เสียร่างกายให้กับผู้ชายที่ชื่อชนกันต์ หากทุกสิ่งที่เธอเสียให้เขาไปนั้นมันช่างไร้ค่าสิ้นดี กุลนิภาเข้าไปอาบน้ำด้วยหวังจะให้ร่างกายสดชื่นมากขึ้น เมื่อได้สัมผัสสายน้ำเย็น มันจึงทำให้จิตใจของเธอดีขึ้นตามไปด้วย นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ เมื่อเธอเปิดประตูออกมา กวาดสายตามองรอบห้องนอน ความทรงจำเก่าก่อนก็ย้อนกลับมา ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของเธอตั้งแต่เด็ก เธออยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่จำความได้ ภาพจำในวัยเด็กนั้นช่างมีความสุข ครอบครัวของเธอประกอบด้วย พ่อ แม่ กวินซึ่งเป็นพี่ชาย และตัวเธอ แม่เป็นผู้หญิงอารมณ์ดี ส่วนพ่อเป็นผู้ชายตัวโตที่แสนใจดี...ชีวิตของเธอจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หากความสุขนั้นกลับไม่ยั่งยืน เมื่อวันหนึ่งพ่อพาเด็กผู้ชายวัยโตกว่าเธอและพี่ชายมาอยู่ที่บ้าน พ่อบอกว่าเขาชื่อพี่นิค เขาเป็นพี่ชายต่างมารดาของเธ
ถ้อยคำนั้นทำให้กุลนิภามองแม่เหมือนไม่เคยเห็นแม่มาก่อน...แม่เหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่จะพูดจาร้ายๆ แบบนี้ออกมาได้‘เธอสั่งให้ตานิคทำงานอะไรนักหนา ตานิคเพิ่งจะอายุสิบขวบ แถมเป็นเด็กผู้ชาย ตอนอยู่ที่เชียงราย ตานิคไม่เคยทำงานบ้าน ไม่เคยมีใครสอนให้มันทำ แต่จู่ๆ เธอก็สั่งให้ตานิคทำโน่นทำนี่สารพัด และต้องทำงานให้เรียบร้อย เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า หรือว่าเธอจงใจแกล้งลูกของฉัน’ลูกของฉัน ลูกของเธอ ลูกของเรา...มันเป็นคำพูดที่กุลนิภาได้ยินจากพ่อและแม่บ่อยๆ จนรู้สึกชิน เธอไม่รู้ว่าครอบครัวของตัวเองผิดแปลกจากคนอื่นหรือเปล่า หากไม่นานจากนั้นก็เกิดเหตุให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมอีกหน ซึ่งคราวนี้พ่อไม่ทนจริงๆ พ่อพาพี่นิคออกจากบ้านไปเลย แม่ยืนเชิดหน้ามองทั้งสองคนด้วยหางตา แต่เมื่อคล้อยหลังพวกเขา แม่กลับกรีดร้องและด่าทอเหมือนคนเสียสตินั่นเป็นครั้งแรกที่กุลนิภาเห็นแม่ในสภาพควบคุมตัวเองไม่ได้ หากมันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะเธอยังเห็นแม่เกรี้ยวกราดอีกนับครั้งไม่ถ้วน หากต่างกันเพียงคนต้นเหตุที่ทำให้แม่ต้องเป็นอย่างนั้นกลายเป็นเธอกับกวินที่ยังอยู่ในการดูแลของแม่รถพอร์เชอคันสี
โดยไม่ต้องลงมือเอง แม่ก็ฟาดพี่ชายกลับให้แล้ว ชนกันต์นึกขันพี่ชายตัวเอง“แม่พูดว่าผมไม่ต่างกับเฮียก่อไม่ได้นะครับ เพราะผมไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนเฮียก่อ แม่พูดอย่างนี้ผมเสียหาย”อดที่จะซ้ำเติมหนักๆ ไม่ได้ เพราะเขาถนัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว...มีสงครามในบ้านคราใด ชนกันต์จะขออยู่ข้างฝ่ายผู้ชนะ เขาถือคตินี้เรื่อยมา“งั้นแกทำตัวดีๆ ไว้ให้ได้นะ พลาดเมื่อไร ฉันจะคอยดู”“ทำไมก่อพูดกับน้องอย่างนี้ พูดเหมือนจะให้น้องเจอเรื่องเจอราวเสียให้ได้” คุณอมลรดาเอ็ดลูกชายคนรอง ก่อนจะหันไปทางลูกชายคนที่สาม “ไม่เอาแบบเฮียก่อนะกันต์ คราวนั้นแม่หัวใจเกือบวาย อย่าไปทำใครท้องแล้วทิ้งขว้าง เลือดเนื้อเชื้อไขของเราทั้งนั้น ถ้ากันต์คบใครก็ทำให้เป็นขั้นเป็นตอน แต่งงานแต่งการกันให้เรียบร้อย แม่ไม่ใช่แม่ผัวใจร้าย แม่ขอแค่ลูกสะใภ้เป็นคนดี ดูแลครอบครัวได้ อบรมลูกๆ ของเราเป็น และไม่ทำตัวเสื่อมเสีย แม่รับได้ทั้งนั้น”ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวแท้ๆ...ก่อฤกษ์ปิดปากฉับเสีย เพราะกลัวโดนแม่เทศน์อีก เขาเหลือบมองน้องชาย
“เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะ แม่กับพี่กัซเลยไม่ชอบเขา แล้วทำไมแม่ถึงให้หนูไปทำงานกับเขา ทั้งที่พี่กัซเคยมีเรื่องกับเขามาก่อน ทำไมแม่ไม่เล่าเรื่องระหว่างเขากับพี่กัซให้หนูรู้บ้าง”กุลนิภาตัดพ้อ ในเวลานั้นเธอเพิ่งกลับมาเมืองไทย เธอตั้งใจจะหางานทำเอง เธอมั่นใจในความสามารถของตัวเอง แต่แม่ก็คัดค้านเสียทุกทาง แล้วบอกว่าแม่ได้เตรียมงานไว้ให้เธอแล้ว นั่นก็คือธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ดังระดับโลกที่ราชเวคิน กรุ๊ปได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวจีนเพื่อมาเปิดสาขาในประเทศไทยกุลนิภาไม่รู้ถึงที่มาของงานที่เธอได้ทำ เธอไม่รู้ว่าแม่เป็นฝ่ายของานจากชนกันต์หรือเป็นเขาเองที่เสนองานมาให้เธอ...พอถามเรื่องนี้ออกไปทีไร เธอกลับไม่เคยได้รับคำตอบจากใครเลยจนถึงวันนี้กุลนิภายังจมอยู่กับความสับสนและความมืดมนจนไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองได้อย่างไร“พี่ของแกมีเรื่องกับเขา แกไม่เกี่ยว แกก็อยู่ของแกไป”“หนูไม่เกี่ยวได้ยังไง สุดท้ายแล้วหนูก็ทำเงินของเขาหาย แม่ก็รู้ว่าใครเอาเงินก้อนนั้นไปจากหนู...เพราะคิดว่ามันเป็นเงินของคุณกันต์ใช่
อดที่จะสงสัยไม่ได้ เขาไม่วางใจนางวิวรรณ นึกระแวงว่านางอาจโทร.มาปั่นหัวเขา เพราะนางคงรู้มาจากลูกสาวว่าวันนี้เขามีเดตกับผู้หญิงคนอื่น...ชนกันต์รู้ดีว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้เหลี่ยมจัด ซึ่งไม่ต่างกับลูกชายของนางนักหรอก เขารู้ไส้รู้พุงคนบ้านนี้ดี...กวินเคยเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เขาให้ความรักและคอยช่วยเหลือยามเจ้าตัวไปเรียนที่ต่างประเทศ เขาเคยช่วยกวินทั้งเรื่องเงินทองทั้งเรื่องโอกาส พาเจ้าตัวเข้ากลุ่มก๊วน เขาแนะนำให้กวินรู้จักกับเพื่อนฝูงของเขาในฐานะน้องชายคนหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้าวายร้ายนั่นกลับแว้งกัดเขา จนเขาแทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะความใจคดของมันกรามแกร่งบดแน่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานานกว่าห้าปี แต่มันยังเป็นฝันร้ายหลอกหลอนเขาในบางค่ำคืนมือแข็งแรงยกขึ้นมาลูบปลายคางที่มีไรเคราปกคลุมจางๆ เขายังสัมผัสรอยแผลเป็นจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ ส่องกระจกทีไรเขายังมองเห็นรอยแผลได้อย่างชัดเจน แต่ให้ตายเถอะ เขายังโง่เผลอไปไว้ใจคนบ้านนั้นเป็นครั้งที่สอง ซึ่งรอบนี้เป็นฝีมือของแม่ตัวดีที่เป็นลูกสาวคนเล็กของนางวิวรรณ เขาต้องสูญเงินไปแปดแสนกว่าบาทก็เพราะเธอ
ชนกันต์เดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ธีทัตมองตามจนลับร่างของเจ้าตัว แล้วพูดกับน้องชายฝาแฝด “ปากหมานะมึง รู้อยู่ว่าไอ้กันต์มีปัญหากับครอบครัวของผู้หญิงคนเก่า” “หมา...บ๊อบๆ บ๊อบๆๆ” เสียงเล็กๆ จากคนในอ้อมแขนดังขึ้นทันทีที่ธีทัตพูดจบ ก่อฤกษ์หัวเราะร่วน มองหลานชายอย่างชอบใจ นอกจากเป็นเด็กหน้าตาน่ารักแล้ว ลูกชายของธีทัตยังฉายแววฉลาดเฉลียวอีกด้วย จนเขาอดที่จะกระเซ้าถามไม่ได้ “รู้จักเสียงหมาเห่าด้วยเหรอเราน่ะ” น้องพร้อมพยักหน้าหงึกๆ แล้วบอกคุณอาอย่างภูมิใจ “ป๊อมยู้ กันต์ฉอน” “งั้นเหรอ แต่ดูทรงแล้ว อาก่อว่าอีกไม่นานอากันต์คงได้สอนเสียงหมาหอนให้นายด้วย นายเคยได้ยินเสียงหมาหอนไหม” น้องพร้อมส่ายหน้าหวือ แล้วทำท่าทางกระตือรือร้นอยากจะรู้เสียให้ได้ จนก่อฤกษ์ต้องบอกอย่างเอาใจ “โบร้...โบร้ๆๆ...จำไว้นะ นี่เป็นเสียงหมาหอน ต่อไปนายอาจจะได้ยินเสียงหมาหอนจากอากันต์” น้องพร้อมตื่นเต้น พยายามเลียนเสียงหมาหอนตามอาก่อ หากคนเป็นพ่อกลับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “มึงสอนอะไรหลานก็ไม่รู้ เดี๋ยวน้องพร้อมไปสอนแม่ของแกต่อ มันจะเดือดร้อนมาถึงกู” ก่อฤกษ์ยังสนุกที่ได้สอนหลานตัวป้อม ท่าทาง
ถ้อยคำนั้นทำให้กุลนิภามองแม่เหมือนไม่เคยเห็นแม่มาก่อน...แม่เหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่จะพูดจาร้ายๆ แบบนี้ออกมาได้‘เธอสั่งให้ตานิคทำงานอะไรนักหนา ตานิคเพิ่งจะอายุสิบขวบ แถมเป็นเด็กผู้ชาย ตอนอยู่ที่เชียงราย ตานิคไม่เคยทำงานบ้าน ไม่เคยมีใครสอนให้มันทำ แต่จู่ๆ เธอก็สั่งให้ตานิคทำโน่นทำนี่สารพัด และต้องทำงานให้เรียบร้อย เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า หรือว่าเธอจงใจแกล้งลูกของฉัน’ลูกของฉัน ลูกของเธอ ลูกของเรา...มันเป็นคำพูดที่กุลนิภาได้ยินจากพ่อและแม่บ่อยๆ จนรู้สึกชิน เธอไม่รู้ว่าครอบครัวของตัวเองผิดแปลกจากคนอื่นหรือเปล่า หากไม่นานจากนั้นก็เกิดเหตุให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมอีกหน ซึ่งคราวนี้พ่อไม่ทนจริงๆ พ่อพาพี่นิคออกจากบ้านไปเลย แม่ยืนเชิดหน้ามองทั้งสองคนด้วยหางตา แต่เมื่อคล้อยหลังพวกเขา แม่กลับกรีดร้องและด่าทอเหมือนคนเสียสตินั่นเป็นครั้งแรกที่กุลนิภาเห็นแม่ในสภาพควบคุมตัวเองไม่ได้ หากมันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะเธอยังเห็นแม่เกรี้ยวกราดอีกนับครั้งไม่ถ้วน หากต่างกันเพียงคนต้นเหตุที่ทำให้แม่ต้องเป็นอย่างนั้นกลายเป็นเธอกับกวินที่ยังอยู่ในการดูแลของแม่รถพอร์เชอคันสี
กุลนิภาวางกระเป๋าบนเตียงแล้วทิ้งร่างลงตาม เหมือนไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัวยืน เมื่อกระบอกตาร้อนผ่าว เธอจึงยกสองมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ อย่างต้องการปลุกปลอบตัวเอง เธอไม่อยากร้องไห้อีก เพราะวันนี้เธอร้องไห้มามากพอแล้ว เธอเสียน้ำตา เสียหัวใจ เสียร่างกายให้กับผู้ชายที่ชื่อชนกันต์ หากทุกสิ่งที่เธอเสียให้เขาไปนั้นมันช่างไร้ค่าสิ้นดี กุลนิภาเข้าไปอาบน้ำด้วยหวังจะให้ร่างกายสดชื่นมากขึ้น เมื่อได้สัมผัสสายน้ำเย็น มันจึงทำให้จิตใจของเธอดีขึ้นตามไปด้วย นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ เมื่อเธอเปิดประตูออกมา กวาดสายตามองรอบห้องนอน ความทรงจำเก่าก่อนก็ย้อนกลับมา ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของเธอตั้งแต่เด็ก เธออยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่จำความได้ ภาพจำในวัยเด็กนั้นช่างมีความสุข ครอบครัวของเธอประกอบด้วย พ่อ แม่ กวินซึ่งเป็นพี่ชาย และตัวเธอ แม่เป็นผู้หญิงอารมณ์ดี ส่วนพ่อเป็นผู้ชายตัวโตที่แสนใจดี...ชีวิตของเธอจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หากความสุขนั้นกลับไม่ยั่งยืน เมื่อวันหนึ่งพ่อพาเด็กผู้ชายวัยโตกว่าเธอและพี่ชายมาอยู่ที่บ้าน พ่อบอกว่าเขาชื่อพี่นิค เขาเป็นพี่ชายต่างมารดาของเธ
ค่ำคืนนั้นชนกันต์ทำให้กุลนิภาใจหาย เธอเสียใจ เธอเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำจนตาบวมปูด หากเมื่อกลับออกมา ร่างสูงที่นอนรออยู่บนเตียงนอนก็กวักมือเรียกเธอให้ไปหา เขากอดจูบเธอ...แล้วทุกอย่างก็จบลงเหมือนเช่นทุกคราว ชนกันต์ร่วมรักกับเธอ เขาทำให้เธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ซึ่งเธอเองก็ตอบสนองความต้องการของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ กุลนิภายอมเป็นของเขา เธอยินดีใช้ร่างกายชดใช้แทนเงินที่เธอทำหายไปจากบัญชีของเขา เธอไม่ได้เสียใจที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ลงไป เหตุผลเพียงเพราะเธอหลงรักเขา... “โง่! โง่ที่สุด! ฉันจะทำยังไงกับพวกแกดี ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดสักราย” เสียงผรุสวาทดังมาจากคนที่กระแทกกายนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าภายในบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่ริมคลองของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก กุลนิภานั่งรถแท็กซี่จากคอนโดมิเนียมย่านสาทรกลับมาที่นี่ เพราะเธอไม่อาจรอชนกันต์อยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป มโนภาพที่เกิดขึ้นอยู่ในหัวบอกว่าเขากับอรรพีกำลังหวานชื่นกัน มันทำให้น้ำตาของเธอไหลไม่ยอมหยุด สุดท้ายกุลนิภาจึงเก็บของใช้ที่จำเป็นไม่กี่ชิ้นยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ แล้วกลับมาที่บ้านหลังนี้ หากแทนที่เธอจะได้พักใจ แต่เธอกลับต้องร้องไห้หนักย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชนกันต์ไม่ได้นอนค้างกับเธอที่ห้องชุด หากที่ผ่านมากุลนิภาไม่ได้ว้าวุ่นใจเหมือนในช่วงนี้...เธอรู้ดีว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร จิตใจถูกเขย่าอย่างรุนแรง กุลนิภารู้สึกสั่นคลอนไปทั้งใจ มันเป็นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เมื่อเซเลบสาวที่มีผลงานในวงการบันเทิงและกำลังถูกจับตามองในฐานะนักแสดงดาวรุ่งได้พูดแย้มถึงผู้ชายที่เธอกำลังคบหาว่าเป็นคนนอกวงการบันเทิง เขาเป็นทายาทของนักธุรกิจใหญ่ เจ้าหล่อนบอกนักข่าวเพียงเท่านี้ หากแค่เพียงข้ามวัน ชื่อของชนกันต์ ราชเวคินก็ถูกเผยออกมา ในทีแรกกุลนิภาไม่เชื่อข่าว หากเธอไม่อาจตัดความระแวงสงสัยออกจากใจได้ เธอจึงใช้เวลาถึงครึ่งวันเพื่ออ่านข่าวของทั้งสองคน ซึ่งมีคนจับภาพและเหตุการณ์โยงให้เห็นว่ามันสอดคล้องกัน แล้วจึงได้ข้อสรุปอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าผู้ชายที่เซเลบสาวพูดถึงก็คือผู้ชายที่นอนกับเธอเกือบทุกค่ำคืนนั่นเอง กุลนิภารู้สึกร้อนรน เธอผุดลุกผุดนั่งอยู่ภายในห้องชุด อยากจะโทร.ไปถามชนกันต์ให้รู้เรื่องว่าเขาคือผู้ชายในข่าวจริงหรือเปล่า...แต่เธอก็ไม่ได้ทำ เพราะชนกันต์เคยสั่งห้ามเอาไว้ เขาไม่ให้เธอโทร.ไปหาเขา เธอจะพบเขาได้ก็ต่อเมื่อเขากลับมาหาเธอที่ห้องเท่า
‘เหนื่อยไหมที่ต้องประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่เพื่อแตกสลายซ้ำๆ’ข้อความบนแอปพลิเคชันอินสตราแกรมทำให้นิ้วเรียวที่กำลังปัดหน้าจอโทรศัพท์มือถือหยุดลง กุลนิภาอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง เธอเพ่งมองจนตัวหนังสือพร่าเลือน เพราะน้ำตากำลังเอ่อท้นออกมาคลอหน่วยตา เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น หลังจากเสียงน้ำจากฝักบัวเงียบไปหลายนาที หญิงสาวรีบเก็บโทรศัพท์มือถือ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เธออาศัยจังหวะนั้นยกมือขึ้นมากรีดน้ำใสออกจากหางตา“เป็นอะไร?”เจ้าของคำถามทำเพียงแค่ปรายตามองเธอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า ชั่วอึดใจเดียวเขาก็เดินออกมาพร้อมกับกางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตที่ถือไว้ในมือ แล้วสวมมันต่อหน้าเธอ“คุณกันต์จะออกไปข้างนอกหรือคะ”“ใช่” เมื่อตอบไปแล้ว เขาก็นิ่งเงียบ เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนกำลังคิดบางอย่าง ก่อนเขาจะพูดต่อ “ไม่ต้องรอนะ คืนนี้ผมจะกลับไปนอนที่บ้าน”บ้านที่ชนกันต์พูดถึงก็คือบ้านราชเวคิน บ้านหลังใหญ่ปานคฤหาสน์ที่ครอบคลุมพื้นที่นับสิบไร่ เขาอยู่ที่บ้านหลังนั้นร่วมกับพี่น้องอีกสามคน กุลนิภารู้ว่าภายในอาณาเขตบ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัยของคนในตระกูลราชเวคิน พวกเขาอาศัยอยู่ร่วมกัน...เธอแค่เพ