แชร์

บทที่ 5

ผู้แต่ง: นลพรรณ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-25 13:26:05

ถ้อยคำนั้นทำให้กุลนิภามองแม่เหมือนไม่เคยเห็นแม่มาก่อน...แม่เหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่จะพูดจาร้ายๆ แบบนี้ออกมาได้

‘เธอสั่งให้ตานิคทำงานอะไรนักหนา ตานิคเพิ่งจะอายุสิบขวบ แถมเป็นเด็กผู้ชาย ตอนอยู่ที่เชียงราย ตานิคไม่เคยทำงานบ้าน ไม่เคยมีใครสอนให้มันทำ แต่จู่ๆ เธอก็สั่งให้ตานิคทำโน่นทำนี่สารพัด และต้องทำงานให้เรียบร้อย เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า หรือว่าเธอจงใจแกล้งลูกของฉัน’

ลูกของฉัน ลูกของเธอ ลูกของเรา...มันเป็นคำพูดที่กุลนิภาได้ยินจากพ่อและแม่บ่อยๆ จนรู้สึกชิน เธอไม่รู้ว่าครอบครัวของตัวเองผิดแปลกจากคนอื่นหรือเปล่า หากไม่นานจากนั้นก็เกิดเหตุให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมอีกหน ซึ่งคราวนี้พ่อไม่ทนจริงๆ พ่อพาพี่นิคออกจากบ้านไปเลย 

แม่ยืนเชิดหน้ามองทั้งสองคนด้วยหางตา แต่เมื่อคล้อยหลังพวกเขา แม่กลับกรีดร้องและด่าทอเหมือนคนเสียสติ

นั่นเป็นครั้งแรกที่กุลนิภาเห็นแม่ในสภาพควบคุมตัวเองไม่ได้ หากมันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะเธอยังเห็นแม่เกรี้ยวกราดอีกนับครั้งไม่ถ้วน หากต่างกันเพียงคนต้นเหตุที่ทำให้แม่ต้องเป็นอย่างนั้นกลายเป็นเธอกับกวินที่ยังอยู่ในการดูแลของแม่

รถพอร์เชอคันสีเหลืองสดแล่นมาจอดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ในเวลาเกือบสองทุ่ม หลังจากเสียงเครื่องยนต์ดับลง คนตัวป้อมที่กำลังเล่นอยู่ข้างในก็วิ่งออกมายืนอยู่กลางห้องโถง ดวงตากลมจับจ้องไปยังประตูหน้าบ้าน รอคอยว่าเมื่อไรใครคนนั้นจะมาปรากฎตัว

“เสียงรถอากันต์ใช่ไหม”

คุณอมลรดาเดินตามหลานชายออกมา เจ้าตัวน้อยหันไปมองคุณย่า แล้วบอกด้วยท่าทางไร้เดียงสา

“กันต์...มา...”

คุณย่าที่ยังคงสวยสง่ายกมือขึ้นมาลูบศีรษะเล็กทุยของหลานรักพลางเอ่ยชม

“เก่งนะเรา จำเสียงรถของอากันต์ได้...ว่าแต่ทำไมอากันต์ไม่เข้ามาสักที เสียงรถจอดสักพักแล้วนี่นา หรือว่าอากันต์เมาหลับอยู่รถแล้วก็ไม่รู้”

“กันต์...เมาเหยอ”

เด็กชายวัยสองขวบทวนถามคุณย่า เรียวคิ้วเล็กขมวดมุ่น ไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยเข้าใจคำพูดของคุณย่าหรือเปล่า แต่มันทำให้คุณอาตัวโตที่เดินเข้ามาในห้องโถงทันได้ยินเข้าพอดี เขาจึงเอ่ยปากปกป้องตัวเองด้วยน้ำเสียงขันๆ

“คุณแม่กำลังทำให้ผมเสียเครดิตกับเจ้าพร้อมอยู่นะครับ”

“มาแล้วเหรอ หลานมายืนรอตั้งแต่ได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดแล้ว แต่ไม่เห็นกันต์โผล่มาสักที แม่เลยคิดว่าเราเมาอยู่ในรถไปแล้ว”

ชนกันต์ไม่ตอบแม่ เขาเพียงแต่ยิ้มบางๆ หากท่าทางหลบสายตานั้นทำให้คนเป็นแม่รู้ว่าลูกชายมีบางอย่างปิดบังตน ซึ่งนางเองก็เลือกที่จะรับรู้เท่าที่ลูกบอกให้รู้เช่นกัน

“กันต์กินอะไรมาหรือยัง พี่ๆ เขายังอยู่ในห้องกินข้าว กันต์ตามไปสิ” 

น้ำเสียงของคุณอมลรดาอ่อนโยน แม้ชนกันต์ไม่บอกอะไรนาง แต่แววตาของเขาทำให้นางรู้ว่าเขากำลังมีปัญหา เมื่อลูกโตเป็นหนุ่ม มันคงยากที่จะให้เขาวิ่งมาบอกนางให้ช่วยแก้ปัญหาเหมือนตอนเป็นเด็ก นางจึงชี้หนทางด้วยการบอกกลายๆ ให้เจ้าตัวไปหาพี่ชายทั้งสองคนเสีย...พี่น้องกันคงเปิดใจพูดคุยได้ง่ายกว่าการคุยกับพ่อแม่ 

ดังนั้นไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งสองหนุ่มที่นั่งอยู่ในห้องรับประทานอาหารจึงเห็นชนกันต์อุ้มเด็กชายตัวป้อมตามเข้ามา

“วันนี้แกมีนัดกับคุณไอซ์ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงกลับบ้านเร็ว”

ธีทัตซึ่งเป็นทายาทคนโตของตระกูลราชเวคินถามน้องชายพลางยกสองมือขึ้นไปรับร่างของลูกชายที่กำลังโผนมาหาเมื่อเห็นเขา

“เปลี่ยนแผนนิดหน่อย ตอนแรกผมกับคุณไอซ์จะไปล่องเรือเจ้าพระยาด้วยกัน แต่คุณไอซ์เจอนักข่าวตามติด เราเลยตัดสินใจกินข้าวในห้องอาหารของโรงแรมแทน พอกินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ”

สิ้นคำของชนกันต์ ก่อฤกษ์ที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ ก็เปรยขึ้นมา

“คบคนมีชื่อเสียงก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่มีอิสระ”

“คุณไอซ์เป็นตัวของตัวเอง”

“ฉันเชื่อ คุณไอซ์เป็นผู้หญิงเก่ง ท่าทางคล่องแคล่วดี”

ธีทัตตัดบทด้วยเกรงจะเกิดเหตุทะเลาะกัน เพราะรู้ดีว่าก่อฤกษ์ไม่สนับสนุนให้ชนกันต์คบหากับเซเลบสาว เจ้าตัวตั้งตนเป็นหมอดูคู่กับหมอเดาว่าชนกันต์กับอรรพีมีนิสัยเหมือนกัน ท่าทางแข็งๆ ทั้งคู่ แถมยังมั่นใจในตัวเองสูง ถ้าหากแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็คงไม่แคล้วมีเรื่องงัดข้อกันไม่เว้นวัน...แล้วบ้านจะเป็นบ้านไปได้อย่างไร

“แกชอบคุณไอซ์เพราะอะไร หวังว่าคงไม่ใช่เพราะเขาสวย เก่ง นามสกุลดัง และเป็นคนมีชื่อเสียงนะ”

ยัง! ยังไม่เลิกยุ่งเรื่องนายกันต์อีก...ธีทัตหันไปทำหน้าเมื่อยใส่น้องชายฝาแฝด แต่เจ้าตัวกลับทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้

“เฮียก่ออยากรู้ทำไม ทีตอนเฮียก่อมีฝน ผมไม่เห็นถามเฮียเลยว่าชอบฝนตรงไหน”

“เมียฉันน่ารัก เธอนิสัยดีและเป็นแม่ที่อบอุ่นของลูกๆ”

“ผู้หญิงแต่ละคนมีดีต่างกัน คุณไอซ์มีดีในแบบของเธอ เฮียไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ เฮียไม่ต้องรู้หรอก”

“สิ่งที่คุณไอซ์มีอาจเป็นแค่องค์ประกอบภายนอก มันไม่ได้ทำให้ชีวิตของแกสมบูรณ์มากขึ้น คนที่มีพร้อมทุกอย่างอย่างแกไม่ต้องหาผู้หญิงที่เพียบพร้อมพอกันมาแต่งงานหรอก เพราะเรามีมากพอแล้ว แกเลือกผู้หญิงที่แกรักเขาและเขารักแกจะดีกว่า หาผู้หญิงที่ทำให้แกมีความสุขมาอยู่ด้วยก็พอ”

“เฮียกำลังสบประมาทผมกับคุณไอซ์”

“ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นมีแต่ตัว แต่ถ้าเธอเป็นผู้หญิงที่ดี เธอทำให้แกมีความสุขได้ ฉันก็พร้อมที่จะสนับสนุนเธอในฐานะพี่ผัว”

ก่อฤกษ์ยังไม่หยุดพูด แลคล้ายเจ้าตัวพูดไปเรื่อยเปื่อย แต่ธีทัตรู้ว่าน้องชายฝาแฝดกำลังดึงเรื่องไปหาใคร เขาเหล่มองชนกันต์อย่างประเมิน พอเห็นเจ้าตัวทำหน้าบึ้ง เขาจึงรู้ว่าเจ้าตัวก็คงรู้ทันเช่นกัน

“ผมไม่ได้คิดว่าผู้หญิงที่ผมคบจะต้องเป็นคนมีฐานะ เป็นคนเก่ง หรือเป็นคนมีชื่อเสียง แต่ผมคาดหวังว่าเธอจะไม่มีครอบครัวที่เป็นปลิงดูดเลือด ไม่มีแม่หรือพี่ชายที่เป็นตัวบ่อนทำลายชีวิตผม ดังนั้นผมจึงเบื่อที่จะอยู่กับผู้หญิงที่มีแต่ความขาดแคลน...เฮียจะไปรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง เพราะฝนแก้วเป็นเด็กกำพร้า เฮียได้เมียมาคนเดียว ไม่มีครอบครัวของเธอพ่วงมาด้วย ฝนแก้วเป็นของเฮีย เธอเข้ามาอยู่กับเรา เฮียไม่ต้องคอยปวดหัวกับพ่อแม่ญาติพี่น้องของเธอสักคน”

 

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 6

    ชนกันต์เดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ธีทัตมองตามจนลับร่างของเจ้าตัว แล้วพูดกับน้องชายฝาแฝด “ปากหมานะมึง รู้อยู่ว่าไอ้กันต์มีปัญหากับครอบครัวของผู้หญิงคนเก่า” “หมา...บ๊อบๆ บ๊อบๆๆ” เสียงเล็กๆ จากคนในอ้อมแขนดังขึ้นทันทีที่ธีทัตพูดจบ ก่อฤกษ์หัวเราะร่วน มองหลานชายอย่างชอบใจ นอกจากเป็นเด็กหน้าตาน่ารักแล้ว ลูกชายของธีทัตยังฉายแววฉลาดเฉลียวอีกด้วย จนเขาอดที่จะกระเซ้าถามไม่ได้ “รู้จักเสียงหมาเห่าด้วยเหรอเราน่ะ” น้องพร้อมพยักหน้าหงึกๆ แล้วบอกคุณอาอย่างภูมิใจ “ป๊อมยู้ กันต์ฉอน” “งั้นเหรอ แต่ดูทรงแล้ว อาก่อว่าอีกไม่นานอากันต์คงได้สอนเสียงหมาหอนให้นายด้วย นายเคยได้ยินเสียงหมาหอนไหม” น้องพร้อมส่ายหน้าหวือ แล้วทำท่าทางกระตือรือร้นอยากจะรู้เสียให้ได้ จนก่อฤกษ์ต้องบอกอย่างเอาใจ “โบร้...โบร้ๆๆ...จำไว้นะ นี่เป็นเสียงหมาหอน ต่อไปนายอาจจะได้ยินเสียงหมาหอนจากอากันต์” น้องพร้อมตื่นเต้น พยายามเลียนเสียงหมาหอนตามอาก่อ หากคนเป็นพ่อกลับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “มึงสอนอะไรหลานก็ไม่รู้ เดี๋ยวน้องพร้อมไปสอนแม่ของแกต่อ มันจะเดือดร้อนมาถึงกู” ก่อฤกษ์ยังสนุกที่ได้สอนหลานตัวป้อม ท่าทาง

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 7

    อดที่จะสงสัยไม่ได้ เขาไม่วางใจนางวิวรรณ นึกระแวงว่านางอาจโทร.มาปั่นหัวเขา เพราะนางคงรู้มาจากลูกสาวว่าวันนี้เขามีเดตกับผู้หญิงคนอื่น...ชนกันต์รู้ดีว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้เหลี่ยมจัด ซึ่งไม่ต่างกับลูกชายของนางนักหรอก เขารู้ไส้รู้พุงคนบ้านนี้ดี...กวินเคยเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เขาให้ความรักและคอยช่วยเหลือยามเจ้าตัวไปเรียนที่ต่างประเทศ เขาเคยช่วยกวินทั้งเรื่องเงินทองทั้งเรื่องโอกาส พาเจ้าตัวเข้ากลุ่มก๊วน เขาแนะนำให้กวินรู้จักกับเพื่อนฝูงของเขาในฐานะน้องชายคนหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้าวายร้ายนั่นกลับแว้งกัดเขา จนเขาแทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะความใจคดของมันกรามแกร่งบดแน่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานานกว่าห้าปี แต่มันยังเป็นฝันร้ายหลอกหลอนเขาในบางค่ำคืนมือแข็งแรงยกขึ้นมาลูบปลายคางที่มีไรเคราปกคลุมจางๆ เขายังสัมผัสรอยแผลเป็นจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ ส่องกระจกทีไรเขายังมองเห็นรอยแผลได้อย่างชัดเจน แต่ให้ตายเถอะ เขายังโง่เผลอไปไว้ใจคนบ้านนั้นเป็นครั้งที่สอง ซึ่งรอบนี้เป็นฝีมือของแม่ตัวดีที่เป็นลูกสาวคนเล็กของนางวิวรรณ เขาต้องสูญเงินไปแปดแสนกว่าบาทก็เพราะเธอ

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 8

    “เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะ แม่กับพี่กัซเลยไม่ชอบเขา แล้วทำไมแม่ถึงให้หนูไปทำงานกับเขา ทั้งที่พี่กัซเคยมีเรื่องกับเขามาก่อน ทำไมแม่ไม่เล่าเรื่องระหว่างเขากับพี่กัซให้หนูรู้บ้าง”กุลนิภาตัดพ้อ ในเวลานั้นเธอเพิ่งกลับมาเมืองไทย เธอตั้งใจจะหางานทำเอง เธอมั่นใจในความสามารถของตัวเอง แต่แม่ก็คัดค้านเสียทุกทาง แล้วบอกว่าแม่ได้เตรียมงานไว้ให้เธอแล้ว นั่นก็คือธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ดังระดับโลกที่ราชเวคิน กรุ๊ปได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวจีนเพื่อมาเปิดสาขาในประเทศไทยกุลนิภาไม่รู้ถึงที่มาของงานที่เธอได้ทำ เธอไม่รู้ว่าแม่เป็นฝ่ายของานจากชนกันต์หรือเป็นเขาเองที่เสนองานมาให้เธอ...พอถามเรื่องนี้ออกไปทีไร เธอกลับไม่เคยได้รับคำตอบจากใครเลยจนถึงวันนี้กุลนิภายังจมอยู่กับความสับสนและความมืดมนจนไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองได้อย่างไร“พี่ของแกมีเรื่องกับเขา แกไม่เกี่ยว แกก็อยู่ของแกไป”“หนูไม่เกี่ยวได้ยังไง สุดท้ายแล้วหนูก็ทำเงินของเขาหาย แม่ก็รู้ว่าใครเอาเงินก้อนนั้นไปจากหนู...เพราะคิดว่ามันเป็นเงินของคุณกันต์ใช่

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 9

    โดยไม่ต้องลงมือเอง แม่ก็ฟาดพี่ชายกลับให้แล้ว ชนกันต์นึกขันพี่ชายตัวเอง“แม่พูดว่าผมไม่ต่างกับเฮียก่อไม่ได้นะครับ เพราะผมไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนเฮียก่อ แม่พูดอย่างนี้ผมเสียหาย”อดที่จะซ้ำเติมหนักๆ ไม่ได้ เพราะเขาถนัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว...มีสงครามในบ้านคราใด ชนกันต์จะขออยู่ข้างฝ่ายผู้ชนะ เขาถือคตินี้เรื่อยมา“งั้นแกทำตัวดีๆ ไว้ให้ได้นะ พลาดเมื่อไร ฉันจะคอยดู”“ทำไมก่อพูดกับน้องอย่างนี้ พูดเหมือนจะให้น้องเจอเรื่องเจอราวเสียให้ได้” คุณอมลรดาเอ็ดลูกชายคนรอง ก่อนจะหันไปทางลูกชายคนที่สาม “ไม่เอาแบบเฮียก่อนะกันต์ คราวนั้นแม่หัวใจเกือบวาย อย่าไปทำใครท้องแล้วทิ้งขว้าง เลือดเนื้อเชื้อไขของเราทั้งนั้น ถ้ากันต์คบใครก็ทำให้เป็นขั้นเป็นตอน แต่งงานแต่งการกันให้เรียบร้อย แม่ไม่ใช่แม่ผัวใจร้าย แม่ขอแค่ลูกสะใภ้เป็นคนดี ดูแลครอบครัวได้ อบรมลูกๆ ของเราเป็น และไม่ทำตัวเสื่อมเสีย แม่รับได้ทั้งนั้น”ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวแท้ๆ...ก่อฤกษ์ปิดปากฉับเสีย เพราะกลัวโดนแม่เทศน์อีก เขาเหลือบมองน้องชาย

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 1

    ‘เหนื่อยไหมที่ต้องประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่เพื่อแตกสลายซ้ำๆ’ข้อความบนแอปพลิเคชันอินสตราแกรมทำให้นิ้วเรียวที่กำลังปัดหน้าจอโทรศัพท์มือถือหยุดลง กุลนิภาอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง เธอเพ่งมองจนตัวหนังสือพร่าเลือน เพราะน้ำตากำลังเอ่อท้นออกมาคลอหน่วยตา เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น หลังจากเสียงน้ำจากฝักบัวเงียบไปหลายนาที หญิงสาวรีบเก็บโทรศัพท์มือถือ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เธออาศัยจังหวะนั้นยกมือขึ้นมากรีดน้ำใสออกจากหางตา“เป็นอะไร?”เจ้าของคำถามทำเพียงแค่ปรายตามองเธอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า ชั่วอึดใจเดียวเขาก็เดินออกมาพร้อมกับกางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตที่ถือไว้ในมือ แล้วสวมมันต่อหน้าเธอ“คุณกันต์จะออกไปข้างนอกหรือคะ”“ใช่” เมื่อตอบไปแล้ว เขาก็นิ่งเงียบ เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนกำลังคิดบางอย่าง ก่อนเขาจะพูดต่อ “ไม่ต้องรอนะ คืนนี้ผมจะกลับไปนอนที่บ้าน”บ้านที่ชนกันต์พูดถึงก็คือบ้านราชเวคิน บ้านหลังใหญ่ปานคฤหาสน์ที่ครอบคลุมพื้นที่นับสิบไร่ เขาอยู่ที่บ้านหลังนั้นร่วมกับพี่น้องอีกสามคน กุลนิภารู้ว่าภายในอาณาเขตบ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัยของคนในตระกูลราชเวคิน พวกเขาอาศัยอยู่ร่วมกัน...เธอแค่เพ

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 2

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชนกันต์ไม่ได้นอนค้างกับเธอที่ห้องชุด หากที่ผ่านมากุลนิภาไม่ได้ว้าวุ่นใจเหมือนในช่วงนี้...เธอรู้ดีว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร จิตใจถูกเขย่าอย่างรุนแรง กุลนิภารู้สึกสั่นคลอนไปทั้งใจ มันเป็นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เมื่อเซเลบสาวที่มีผลงานในวงการบันเทิงและกำลังถูกจับตามองในฐานะนักแสดงดาวรุ่งได้พูดแย้มถึงผู้ชายที่เธอกำลังคบหาว่าเป็นคนนอกวงการบันเทิง เขาเป็นทายาทของนักธุรกิจใหญ่ เจ้าหล่อนบอกนักข่าวเพียงเท่านี้ หากแค่เพียงข้ามวัน ชื่อของชนกันต์ ราชเวคินก็ถูกเผยออกมา ในทีแรกกุลนิภาไม่เชื่อข่าว หากเธอไม่อาจตัดความระแวงสงสัยออกจากใจได้ เธอจึงใช้เวลาถึงครึ่งวันเพื่ออ่านข่าวของทั้งสองคน ซึ่งมีคนจับภาพและเหตุการณ์โยงให้เห็นว่ามันสอดคล้องกัน แล้วจึงได้ข้อสรุปอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าผู้ชายที่เซเลบสาวพูดถึงก็คือผู้ชายที่นอนกับเธอเกือบทุกค่ำคืนนั่นเอง กุลนิภารู้สึกร้อนรน เธอผุดลุกผุดนั่งอยู่ภายในห้องชุด อยากจะโทร.ไปถามชนกันต์ให้รู้เรื่องว่าเขาคือผู้ชายในข่าวจริงหรือเปล่า...แต่เธอก็ไม่ได้ทำ เพราะชนกันต์เคยสั่งห้ามเอาไว้ เขาไม่ให้เธอโทร.ไปหาเขา เธอจะพบเขาได้ก็ต่อเมื่อเขากลับมาหาเธอที่ห้องเท่า

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 3

    ค่ำคืนนั้นชนกันต์ทำให้กุลนิภาใจหาย เธอเสียใจ เธอเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำจนตาบวมปูด หากเมื่อกลับออกมา ร่างสูงที่นอนรออยู่บนเตียงนอนก็กวักมือเรียกเธอให้ไปหา เขากอดจูบเธอ...แล้วทุกอย่างก็จบลงเหมือนเช่นทุกคราว ชนกันต์ร่วมรักกับเธอ เขาทำให้เธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ซึ่งเธอเองก็ตอบสนองความต้องการของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ กุลนิภายอมเป็นของเขา เธอยินดีใช้ร่างกายชดใช้แทนเงินที่เธอทำหายไปจากบัญชีของเขา เธอไม่ได้เสียใจที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ลงไป เหตุผลเพียงเพราะเธอหลงรักเขา... “โง่! โง่ที่สุด! ฉันจะทำยังไงกับพวกแกดี ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดสักราย” เสียงผรุสวาทดังมาจากคนที่กระแทกกายนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าภายในบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่ริมคลองของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก กุลนิภานั่งรถแท็กซี่จากคอนโดมิเนียมย่านสาทรกลับมาที่นี่ เพราะเธอไม่อาจรอชนกันต์อยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป มโนภาพที่เกิดขึ้นอยู่ในหัวบอกว่าเขากับอรรพีกำลังหวานชื่นกัน มันทำให้น้ำตาของเธอไหลไม่ยอมหยุด สุดท้ายกุลนิภาจึงเก็บของใช้ที่จำเป็นไม่กี่ชิ้นยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ แล้วกลับมาที่บ้านหลังนี้ หากแทนที่เธอจะได้พักใจ แต่เธอกลับต้องร้องไห้หนักย

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 4

    กุลนิภาวางกระเป๋าบนเตียงแล้วทิ้งร่างลงตาม เหมือนไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัวยืน เมื่อกระบอกตาร้อนผ่าว เธอจึงยกสองมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ อย่างต้องการปลุกปลอบตัวเอง เธอไม่อยากร้องไห้อีก เพราะวันนี้เธอร้องไห้มามากพอแล้ว เธอเสียน้ำตา เสียหัวใจ เสียร่างกายให้กับผู้ชายที่ชื่อชนกันต์ หากทุกสิ่งที่เธอเสียให้เขาไปนั้นมันช่างไร้ค่าสิ้นดี กุลนิภาเข้าไปอาบน้ำด้วยหวังจะให้ร่างกายสดชื่นมากขึ้น เมื่อได้สัมผัสสายน้ำเย็น มันจึงทำให้จิตใจของเธอดีขึ้นตามไปด้วย นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ เมื่อเธอเปิดประตูออกมา กวาดสายตามองรอบห้องนอน ความทรงจำเก่าก่อนก็ย้อนกลับมา ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของเธอตั้งแต่เด็ก เธออยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่จำความได้ ภาพจำในวัยเด็กนั้นช่างมีความสุข ครอบครัวของเธอประกอบด้วย พ่อ แม่ กวินซึ่งเป็นพี่ชาย และตัวเธอ แม่เป็นผู้หญิงอารมณ์ดี ส่วนพ่อเป็นผู้ชายตัวโตที่แสนใจดี...ชีวิตของเธอจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หากความสุขนั้นกลับไม่ยั่งยืน เมื่อวันหนึ่งพ่อพาเด็กผู้ชายวัยโตกว่าเธอและพี่ชายมาอยู่ที่บ้าน พ่อบอกว่าเขาชื่อพี่นิค เขาเป็นพี่ชายต่างมารดาของเธ

บทล่าสุด

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 9

    โดยไม่ต้องลงมือเอง แม่ก็ฟาดพี่ชายกลับให้แล้ว ชนกันต์นึกขันพี่ชายตัวเอง“แม่พูดว่าผมไม่ต่างกับเฮียก่อไม่ได้นะครับ เพราะผมไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนเฮียก่อ แม่พูดอย่างนี้ผมเสียหาย”อดที่จะซ้ำเติมหนักๆ ไม่ได้ เพราะเขาถนัดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว...มีสงครามในบ้านคราใด ชนกันต์จะขออยู่ข้างฝ่ายผู้ชนะ เขาถือคตินี้เรื่อยมา“งั้นแกทำตัวดีๆ ไว้ให้ได้นะ พลาดเมื่อไร ฉันจะคอยดู”“ทำไมก่อพูดกับน้องอย่างนี้ พูดเหมือนจะให้น้องเจอเรื่องเจอราวเสียให้ได้” คุณอมลรดาเอ็ดลูกชายคนรอง ก่อนจะหันไปทางลูกชายคนที่สาม “ไม่เอาแบบเฮียก่อนะกันต์ คราวนั้นแม่หัวใจเกือบวาย อย่าไปทำใครท้องแล้วทิ้งขว้าง เลือดเนื้อเชื้อไขของเราทั้งนั้น ถ้ากันต์คบใครก็ทำให้เป็นขั้นเป็นตอน แต่งงานแต่งการกันให้เรียบร้อย แม่ไม่ใช่แม่ผัวใจร้าย แม่ขอแค่ลูกสะใภ้เป็นคนดี ดูแลครอบครัวได้ อบรมลูกๆ ของเราเป็น และไม่ทำตัวเสื่อมเสีย แม่รับได้ทั้งนั้น”ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวแท้ๆ...ก่อฤกษ์ปิดปากฉับเสีย เพราะกลัวโดนแม่เทศน์อีก เขาเหลือบมองน้องชาย

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 8

    “เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะ แม่กับพี่กัซเลยไม่ชอบเขา แล้วทำไมแม่ถึงให้หนูไปทำงานกับเขา ทั้งที่พี่กัซเคยมีเรื่องกับเขามาก่อน ทำไมแม่ไม่เล่าเรื่องระหว่างเขากับพี่กัซให้หนูรู้บ้าง”กุลนิภาตัดพ้อ ในเวลานั้นเธอเพิ่งกลับมาเมืองไทย เธอตั้งใจจะหางานทำเอง เธอมั่นใจในความสามารถของตัวเอง แต่แม่ก็คัดค้านเสียทุกทาง แล้วบอกว่าแม่ได้เตรียมงานไว้ให้เธอแล้ว นั่นก็คือธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ดังระดับโลกที่ราชเวคิน กรุ๊ปได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวจีนเพื่อมาเปิดสาขาในประเทศไทยกุลนิภาไม่รู้ถึงที่มาของงานที่เธอได้ทำ เธอไม่รู้ว่าแม่เป็นฝ่ายของานจากชนกันต์หรือเป็นเขาเองที่เสนองานมาให้เธอ...พอถามเรื่องนี้ออกไปทีไร เธอกลับไม่เคยได้รับคำตอบจากใครเลยจนถึงวันนี้กุลนิภายังจมอยู่กับความสับสนและความมืดมนจนไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองได้อย่างไร“พี่ของแกมีเรื่องกับเขา แกไม่เกี่ยว แกก็อยู่ของแกไป”“หนูไม่เกี่ยวได้ยังไง สุดท้ายแล้วหนูก็ทำเงินของเขาหาย แม่ก็รู้ว่าใครเอาเงินก้อนนั้นไปจากหนู...เพราะคิดว่ามันเป็นเงินของคุณกันต์ใช่

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 7

    อดที่จะสงสัยไม่ได้ เขาไม่วางใจนางวิวรรณ นึกระแวงว่านางอาจโทร.มาปั่นหัวเขา เพราะนางคงรู้มาจากลูกสาวว่าวันนี้เขามีเดตกับผู้หญิงคนอื่น...ชนกันต์รู้ดีว่าหญิงวัยกลางคนคนนี้เหลี่ยมจัด ซึ่งไม่ต่างกับลูกชายของนางนักหรอก เขารู้ไส้รู้พุงคนบ้านนี้ดี...กวินเคยเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เขาให้ความรักและคอยช่วยเหลือยามเจ้าตัวไปเรียนที่ต่างประเทศ เขาเคยช่วยกวินทั้งเรื่องเงินทองทั้งเรื่องโอกาส พาเจ้าตัวเข้ากลุ่มก๊วน เขาแนะนำให้กวินรู้จักกับเพื่อนฝูงของเขาในฐานะน้องชายคนหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้าวายร้ายนั่นกลับแว้งกัดเขา จนเขาแทบเอาชีวิตไม่รอดเพราะความใจคดของมันกรามแกร่งบดแน่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานานกว่าห้าปี แต่มันยังเป็นฝันร้ายหลอกหลอนเขาในบางค่ำคืนมือแข็งแรงยกขึ้นมาลูบปลายคางที่มีไรเคราปกคลุมจางๆ เขายังสัมผัสรอยแผลเป็นจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ ส่องกระจกทีไรเขายังมองเห็นรอยแผลได้อย่างชัดเจน แต่ให้ตายเถอะ เขายังโง่เผลอไปไว้ใจคนบ้านนั้นเป็นครั้งที่สอง ซึ่งรอบนี้เป็นฝีมือของแม่ตัวดีที่เป็นลูกสาวคนเล็กของนางวิวรรณ เขาต้องสูญเงินไปแปดแสนกว่าบาทก็เพราะเธอ

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 6

    ชนกันต์เดินออกไปจากห้องรับประทานอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ธีทัตมองตามจนลับร่างของเจ้าตัว แล้วพูดกับน้องชายฝาแฝด “ปากหมานะมึง รู้อยู่ว่าไอ้กันต์มีปัญหากับครอบครัวของผู้หญิงคนเก่า” “หมา...บ๊อบๆ บ๊อบๆๆ” เสียงเล็กๆ จากคนในอ้อมแขนดังขึ้นทันทีที่ธีทัตพูดจบ ก่อฤกษ์หัวเราะร่วน มองหลานชายอย่างชอบใจ นอกจากเป็นเด็กหน้าตาน่ารักแล้ว ลูกชายของธีทัตยังฉายแววฉลาดเฉลียวอีกด้วย จนเขาอดที่จะกระเซ้าถามไม่ได้ “รู้จักเสียงหมาเห่าด้วยเหรอเราน่ะ” น้องพร้อมพยักหน้าหงึกๆ แล้วบอกคุณอาอย่างภูมิใจ “ป๊อมยู้ กันต์ฉอน” “งั้นเหรอ แต่ดูทรงแล้ว อาก่อว่าอีกไม่นานอากันต์คงได้สอนเสียงหมาหอนให้นายด้วย นายเคยได้ยินเสียงหมาหอนไหม” น้องพร้อมส่ายหน้าหวือ แล้วทำท่าทางกระตือรือร้นอยากจะรู้เสียให้ได้ จนก่อฤกษ์ต้องบอกอย่างเอาใจ “โบร้...โบร้ๆๆ...จำไว้นะ นี่เป็นเสียงหมาหอน ต่อไปนายอาจจะได้ยินเสียงหมาหอนจากอากันต์” น้องพร้อมตื่นเต้น พยายามเลียนเสียงหมาหอนตามอาก่อ หากคนเป็นพ่อกลับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “มึงสอนอะไรหลานก็ไม่รู้ เดี๋ยวน้องพร้อมไปสอนแม่ของแกต่อ มันจะเดือดร้อนมาถึงกู” ก่อฤกษ์ยังสนุกที่ได้สอนหลานตัวป้อม ท่าทาง

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 5

    ถ้อยคำนั้นทำให้กุลนิภามองแม่เหมือนไม่เคยเห็นแม่มาก่อน...แม่เหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าแม่จะพูดจาร้ายๆ แบบนี้ออกมาได้‘เธอสั่งให้ตานิคทำงานอะไรนักหนา ตานิคเพิ่งจะอายุสิบขวบ แถมเป็นเด็กผู้ชาย ตอนอยู่ที่เชียงราย ตานิคไม่เคยทำงานบ้าน ไม่เคยมีใครสอนให้มันทำ แต่จู่ๆ เธอก็สั่งให้ตานิคทำโน่นทำนี่สารพัด และต้องทำงานให้เรียบร้อย เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า หรือว่าเธอจงใจแกล้งลูกของฉัน’ลูกของฉัน ลูกของเธอ ลูกของเรา...มันเป็นคำพูดที่กุลนิภาได้ยินจากพ่อและแม่บ่อยๆ จนรู้สึกชิน เธอไม่รู้ว่าครอบครัวของตัวเองผิดแปลกจากคนอื่นหรือเปล่า หากไม่นานจากนั้นก็เกิดเหตุให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องเดิมอีกหน ซึ่งคราวนี้พ่อไม่ทนจริงๆ พ่อพาพี่นิคออกจากบ้านไปเลย แม่ยืนเชิดหน้ามองทั้งสองคนด้วยหางตา แต่เมื่อคล้อยหลังพวกเขา แม่กลับกรีดร้องและด่าทอเหมือนคนเสียสตินั่นเป็นครั้งแรกที่กุลนิภาเห็นแม่ในสภาพควบคุมตัวเองไม่ได้ หากมันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะเธอยังเห็นแม่เกรี้ยวกราดอีกนับครั้งไม่ถ้วน หากต่างกันเพียงคนต้นเหตุที่ทำให้แม่ต้องเป็นอย่างนั้นกลายเป็นเธอกับกวินที่ยังอยู่ในการดูแลของแม่รถพอร์เชอคันสี

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 4

    กุลนิภาวางกระเป๋าบนเตียงแล้วทิ้งร่างลงตาม เหมือนไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัวยืน เมื่อกระบอกตาร้อนผ่าว เธอจึงยกสองมือขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆ อย่างต้องการปลุกปลอบตัวเอง เธอไม่อยากร้องไห้อีก เพราะวันนี้เธอร้องไห้มามากพอแล้ว เธอเสียน้ำตา เสียหัวใจ เสียร่างกายให้กับผู้ชายที่ชื่อชนกันต์ หากทุกสิ่งที่เธอเสียให้เขาไปนั้นมันช่างไร้ค่าสิ้นดี กุลนิภาเข้าไปอาบน้ำด้วยหวังจะให้ร่างกายสดชื่นมากขึ้น เมื่อได้สัมผัสสายน้ำเย็น มันจึงทำให้จิตใจของเธอดีขึ้นตามไปด้วย นานเกือบครึ่งชั่วโมงที่หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ เมื่อเธอเปิดประตูออกมา กวาดสายตามองรอบห้องนอน ความทรงจำเก่าก่อนก็ย้อนกลับมา ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของเธอตั้งแต่เด็ก เธออยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่จำความได้ ภาพจำในวัยเด็กนั้นช่างมีความสุข ครอบครัวของเธอประกอบด้วย พ่อ แม่ กวินซึ่งเป็นพี่ชาย และตัวเธอ แม่เป็นผู้หญิงอารมณ์ดี ส่วนพ่อเป็นผู้ชายตัวโตที่แสนใจดี...ชีวิตของเธอจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หากความสุขนั้นกลับไม่ยั่งยืน เมื่อวันหนึ่งพ่อพาเด็กผู้ชายวัยโตกว่าเธอและพี่ชายมาอยู่ที่บ้าน พ่อบอกว่าเขาชื่อพี่นิค เขาเป็นพี่ชายต่างมารดาของเธ

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 3

    ค่ำคืนนั้นชนกันต์ทำให้กุลนิภาใจหาย เธอเสียใจ เธอเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำจนตาบวมปูด หากเมื่อกลับออกมา ร่างสูงที่นอนรออยู่บนเตียงนอนก็กวักมือเรียกเธอให้ไปหา เขากอดจูบเธอ...แล้วทุกอย่างก็จบลงเหมือนเช่นทุกคราว ชนกันต์ร่วมรักกับเธอ เขาทำให้เธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ซึ่งเธอเองก็ตอบสนองความต้องการของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ กุลนิภายอมเป็นของเขา เธอยินดีใช้ร่างกายชดใช้แทนเงินที่เธอทำหายไปจากบัญชีของเขา เธอไม่ได้เสียใจที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ลงไป เหตุผลเพียงเพราะเธอหลงรักเขา... “โง่! โง่ที่สุด! ฉันจะทำยังไงกับพวกแกดี ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดสักราย” เสียงผรุสวาทดังมาจากคนที่กระแทกกายนั่งลงบนโซฟาตัวเก่าภายในบ้านสองชั้นที่ตั้งอยู่ริมคลองของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก กุลนิภานั่งรถแท็กซี่จากคอนโดมิเนียมย่านสาทรกลับมาที่นี่ เพราะเธอไม่อาจรอชนกันต์อยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป มโนภาพที่เกิดขึ้นอยู่ในหัวบอกว่าเขากับอรรพีกำลังหวานชื่นกัน มันทำให้น้ำตาของเธอไหลไม่ยอมหยุด สุดท้ายกุลนิภาจึงเก็บของใช้ที่จำเป็นไม่กี่ชิ้นยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ แล้วกลับมาที่บ้านหลังนี้ หากแทนที่เธอจะได้พักใจ แต่เธอกลับต้องร้องไห้หนักย

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 2

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชนกันต์ไม่ได้นอนค้างกับเธอที่ห้องชุด หากที่ผ่านมากุลนิภาไม่ได้ว้าวุ่นใจเหมือนในช่วงนี้...เธอรู้ดีว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร จิตใจถูกเขย่าอย่างรุนแรง กุลนิภารู้สึกสั่นคลอนไปทั้งใจ มันเป็นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เมื่อเซเลบสาวที่มีผลงานในวงการบันเทิงและกำลังถูกจับตามองในฐานะนักแสดงดาวรุ่งได้พูดแย้มถึงผู้ชายที่เธอกำลังคบหาว่าเป็นคนนอกวงการบันเทิง เขาเป็นทายาทของนักธุรกิจใหญ่ เจ้าหล่อนบอกนักข่าวเพียงเท่านี้ หากแค่เพียงข้ามวัน ชื่อของชนกันต์ ราชเวคินก็ถูกเผยออกมา ในทีแรกกุลนิภาไม่เชื่อข่าว หากเธอไม่อาจตัดความระแวงสงสัยออกจากใจได้ เธอจึงใช้เวลาถึงครึ่งวันเพื่ออ่านข่าวของทั้งสองคน ซึ่งมีคนจับภาพและเหตุการณ์โยงให้เห็นว่ามันสอดคล้องกัน แล้วจึงได้ข้อสรุปอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าผู้ชายที่เซเลบสาวพูดถึงก็คือผู้ชายที่นอนกับเธอเกือบทุกค่ำคืนนั่นเอง กุลนิภารู้สึกร้อนรน เธอผุดลุกผุดนั่งอยู่ภายในห้องชุด อยากจะโทร.ไปถามชนกันต์ให้รู้เรื่องว่าเขาคือผู้ชายในข่าวจริงหรือเปล่า...แต่เธอก็ไม่ได้ทำ เพราะชนกันต์เคยสั่งห้ามเอาไว้ เขาไม่ให้เธอโทร.ไปหาเขา เธอจะพบเขาได้ก็ต่อเมื่อเขากลับมาหาเธอที่ห้องเท่า

  • ห้ามรักถ้าไม่อยากเจ็บ   บทที่ 1

    ‘เหนื่อยไหมที่ต้องประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่เพื่อแตกสลายซ้ำๆ’ข้อความบนแอปพลิเคชันอินสตราแกรมทำให้นิ้วเรียวที่กำลังปัดหน้าจอโทรศัพท์มือถือหยุดลง กุลนิภาอ่านข้อความนั้นซ้ำอีกครั้ง เธอเพ่งมองจนตัวหนังสือพร่าเลือน เพราะน้ำตากำลังเอ่อท้นออกมาคลอหน่วยตา เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น หลังจากเสียงน้ำจากฝักบัวเงียบไปหลายนาที หญิงสาวรีบเก็บโทรศัพท์มือถือ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เธออาศัยจังหวะนั้นยกมือขึ้นมากรีดน้ำใสออกจากหางตา“เป็นอะไร?”เจ้าของคำถามทำเพียงแค่ปรายตามองเธอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า ชั่วอึดใจเดียวเขาก็เดินออกมาพร้อมกับกางเกงยีนและเสื้อเชิ้ตที่ถือไว้ในมือ แล้วสวมมันต่อหน้าเธอ“คุณกันต์จะออกไปข้างนอกหรือคะ”“ใช่” เมื่อตอบไปแล้ว เขาก็นิ่งเงียบ เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเหมือนกำลังคิดบางอย่าง ก่อนเขาจะพูดต่อ “ไม่ต้องรอนะ คืนนี้ผมจะกลับไปนอนที่บ้าน”บ้านที่ชนกันต์พูดถึงก็คือบ้านราชเวคิน บ้านหลังใหญ่ปานคฤหาสน์ที่ครอบคลุมพื้นที่นับสิบไร่ เขาอยู่ที่บ้านหลังนั้นร่วมกับพี่น้องอีกสามคน กุลนิภารู้ว่าภายในอาณาเขตบ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัยของคนในตระกูลราชเวคิน พวกเขาอาศัยอยู่ร่วมกัน...เธอแค่เพ

DMCA.com Protection Status