ดาราขาลงอย่างเธอ รับงานกินข้าวครั้งแรกก็ซวยต้องมาเจอกับอดีตที่เคยผิดพลาด แต่สำหรับเขาเธอเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการแก้แค้น พราวฟ้า เขมิทัต หรือ พราว ดาราสาวที่น่าจับตาในฐานะนางเอกชื่อดังของช่อง แค่ระยะเวลาเพียงสองปี จากดาราสมทบก็ก้าวขึ้นสู่นางเอกเบอร์ต้นๆ ของประเทศ กลายเป็นดาวจรัสฟ้าเพียงไม่ถึงปีอยู่ๆ เธอก็กลายเป็นดาราขาลง เมื่อมีข่าวฉาวว่าเธอแย่งสามีลูกสาวเจ้าของช่อง และนั่นเท่ากับเป็นการปิดฉากดาราสาวแสนสวยที่กำลังรุ่งโรจน์ลงทันที และเพื่อความอยู่รอดทำให้เธอต้องรับงานกินข้าว ...และครั้งแรกที่รับงาน ก็ต้องเจอกับอดีตที่เคยผิดพลาดของตัวเองอย่าง ฟาริส โยธาทรัพย์สกุล มาเฟียหนุ่มลูกครึ่ง ภาพที่ทุกคนเคยเห็นและได้ยินคือนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง โปรไฟล์ดี ใจบุญชอบช่วยเหลือสังคม แต่น้อยคนนักที่จะรู้เบื้องหลังของเขา และที่เขาเข้าหาเธอ ก็เพียงเพราะรักแรกของเขาอย่าง อลินา ลูกสาวเจ้าของช่องที่เคยมีข่าวกับเธอ - มีการใช้เซ็กทอยส์ นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีส่วนพาดพิงถึงบุคคล สถานที่ หรืออาชีพใด
View Moreหลังจากพักเที่ยงทานข้าวกล่องกันง่ายๆ ช่วงบ่ายก็ยังดำเนินต่อไปไม่ต่างจากเมื่อเช้า เพียงแต่นักแสดงรับเชิญสองตัวสีดำที่จะต้องเข้าฉากในช่วงบ่ายดูจะสร้างความลำบากใจให้พราวฟ้าไม่น้อย เมื่อเธอจะต้องถูกภาวินพระเอกของเรื่องอุ้มขึ้นไปนั่งบนหลังหนึ่งในเจ้าสองตัวนั่น ซักซ้อมกันอยู่หลายครั้ง จนคนที่นั่งอยู่ในเต็นท์นั่งต่อไปอย่างไม่เป็นสุข ต้องเดินเข้าไปใกล้ๆ ทีมงานที่กำลังถ่ายทำโดยไม่สนใจสายตาของใครทั้งนั้น "ต้องขึ้นไปนั่งบนควายนั่นด้วยหรือไง" คำถามของเขาทำเอาทุกคนหันมามอง "ในบทเป็นอย่างนั้นครับ" ผู้กำกับรีบออกมาชี้แจง "เปลี่ยนไม่ได้หรือไง ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" "ฟาริส...คุณไปนั่งรอเถอะค่ะ พราวทำได้" พร้อมกับบอกเขาเสียงเบาแกมดุให้คนจุ้นจ้าน ดันตัวให้เขาเดินกลับเข้าไปรอในเต็นท์ "ตกไปทำยังไง" "ไม่ตกหรอกน่า" ฟาริสยอมถอยห่างออกมาแต่ก็เพียงนิดเดียว เสียงแอ็กชันสั่งนักแสดงเริ่มขึ้น ทุกอย่างก็เงียบกริบ ภาวินยืนอยู่ข้างควายตัวใหญ่ อุ้มพราวฟ้าให้ขึ้นไปนั่งไขว้บนหลังมันสำเร็จ แล้วตัวเองก็กำลังจะปีนตามขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย แต่จังหวะดึงเชือกสายตะพายเพื่อรั้งให้ตัวเองขึ้นไปนั่งได้ คว
ฟาริสหายออกไปครู่ใหญ่ๆ กลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อ ผ้าอนามัยแบบที่เธอต้องการอยู่ในนั้นเกือบสิบห่อ พราวฟ้าได้แต่ยิ้มน้อยๆ อย่างรู้สึกผิดที่เขาต้องออกไปซื้อของแบบนี้มาให้ แต่ก็อดขอบคุณเขาไม่ได้ ยื่นมือไปรับถุงพลาสติก แต่คนซื้อกลับดึงมือกลับ ไอ้ที่นึกขอบคุณอยู่ในใจเมื่อครู่จึงเปลี่ยนเป็นรอยขมวดคิ้วมุ่น "ฉันอุตส่าห์ออกไปซื้อให้ ไม่ขอบคุณสักคำหรือไง" "ก็กำลังจะขอบคุณนี่ไงคะ" ฟาริสกดยิ้มมุมปาก ก้มหน้าลงนิด พลางจิ้มนิ้วชี้ตัวเองลงที่แก้มสาก "หอมแก้มฉันทีนึง" พราวฟ้าแทบจะกลอกตาใส่ นี่เขาเห็นเธอเป็นเด็กหรือไง จะให้ของทีต้องหอมแก้มตอบแทน แต่ขืนช้ากว่านี้ไอ้ผ้าอนามัยที่ใส่แทนชั่วคราวไว้มันคงทำให้น้องสาวเธอผื่นขึ้นแน่ ขยับใบหน้าเข้าใกล้ชายหนุ่มเพียงนิด เผลอสบตาเข้ากับคนตรงหน้า ทว่าอยู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นในใจเงียบๆ แต่เธอกลับรับรู้ความรู้สึกนั้นได้อย่างดี หรือจะเพราะดวงตาพราวหวานเชื่อมของคนตรงหน้าที่ทำเธอเสียอาการ จนหัวใจแทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เมื่อเขายิ่งมอง เธอก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้กว่านั้นไม่ได้ "หันหน้าไปซิ" พร้อมกับพูดเธอก็ใช้ปลายนิ้วดั
"พราวได้คีย์การ์ดห้องแล้วหรือ" ยังไม่ทันจะคุยเรื่องห้องกับฟาริสจบ เสียงภาวินทักมาจากด้านหลัง ทำให้เธอหันไปมองจึงได้เห็นพระเอกหนุ่มหล่อกำลังเดินมาทางนี้ "ได้แล้วค่ะ เอ่อ..." ภาวินมองหน้านางเอกคนสวยแล้วก็เหลือบสายตาไปทางหนุ่มหล่อข้างกาย ที่เห็นตั้งแต่ที่กองถ่ายนั่นแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะมาถึงก็ถูกลากไปแต่งหน้าเข้าฉากถ่ายทันที พอถ่ายเสร็จก็แยกย้ายกันออกมา "ฟาริสครับ เป็นคนดูแลพราวฟ้า" เขาเอ่ยแนะนำตัวเอง ภาวินจึงได้ยื่นมือไปทักทาย ภาวินแยกไปรับกุญแจห้อง ฟาริสก็รีบดึงเธอเดินกลับห้องพัก "ดูท่าสนิทกับมันเหลือเกิน" "ใครคะ" "ไอ้พระเอกนั่นน่ะ" "อ๋อ พี่วิน ก็สนิทกันค่ะ เคยเป็นคู่จิ้นตอนเล่นละครด้วยกัน แล้วทำไมคุณไม่เปิดห้องใหม่อีกห้องคะ" เพราะห้องที่เปิดก็ดันให้คนขับรถไปแล้ว "ก็นอนห้องเธอไง" "คุณจะนอนได้หรือ" "ทำไมฉันจะนอนไม่ได้" "ก็เห็นทุกครั้งที่ทำเสร็จ คุณก็จะกลับห้อง คิดว่าคุณอาจจะอึดอัดถ้าต้องมานอนห้องฉัน" "งั้นเธอก็นอนโซฟาซิ" "คุณซิต้องนอน นั่นห้องฉัน แล้วอีกอย่างฉันนอนดิ้น นอนกรน นอนน้ำลายยืด อย่าบ่นก็แล้วกัน" "ถ้านอนแล้วสร้
รถมินิแวนคันหรูที่วิ่งออกจากกรุงเทพมาได้ครู่ใหญ่ๆ ตลอดทางเสียงคนข้างๆ ก็ยังถามถึงเรื่องราวของงานในวันนี้ไม่หยุด "ไอ้ธรมันตกต่ำถึงขนาดมาช่วยกำกับมิวสิกบ้านๆ แบบนี้เลยหรือไงเนี่ย" "เพื่อนเขาขอร้องให้ช่วย" "มาตั้งสองวันได้ค่าตัวแค่นี้อ่ะนะ นอนกับฉันแป๊บๆ ยังได้มากกว่านี้อีก" "คุณ นี่ฉันใช้ความสามารถในการหาเงินค่ะ" "อ๋อ ลืมไปเรื่องบนเตียงนั่นมันพรสวรรค์ของเธอ" "คุณฟาริส หยุดพูดสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ" "ฉันแค่ถาม แค่อยากรู้เรื่องในวงการ" "ทำไมไม่ไปถามคุณอลินาแฟนเก่าคุณล่ะ รายนั้นรู้เยอะกว่าฉันแน่" "ก็อยากจะถามเด็กเก่ามันผิดตรงไหน" "หยุดพูดได้ไหมคะ ฉันจะอ่านบท" รถคันหรูมาจอดที่หน้ารีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี เธอแอบเห็นพี่ธรยืนรวมกลุ่มกับใครอีกหลายคนน่าจะเป็นทีมงาน สายตาหลายคู่ที่หันมามองคงจะเพราะความหรูหราของรถคันละหลายสิบล้าน คนที่ก้าวขาลงจากรถไปก่อน เรียกสายตาให้สาธรหันมามองด้วยความสนใจ แต่พอเธอลงจากรถตามลงมา คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องอย่างสาธร ก็รีบเดินมาหาทันที "อ้าว พราว ทำไมมา..กับ" "สวัสดีค่ะพี่ธร เอ่อ.." "มีปัญหาอะไรกับเด็กข
รถมินิแวนคันหรูมาจอดที่หน้าร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งหนึ่ง บรรยากาศดูออกจะโรแมนติกไม่น้อย เธอเดินเกาะแขนเขามาเงียบๆ แต่ใจก็เต้นตึกตักเตรียมรับแรงกระแทกจากคนที่น่าจะผิดหวังในค่ำคืนนี้ "ฟาริส" และดูท่าคนที่คอยอยู่จะผิดหวังกว่าที่เธอคิดเสียอีก เมื่อสายตาของอลินาหันมาเห็นเธอที่เดินคู่มากับเขา "ขอโทษทีอลินา พอดีผมไปธุระที่อื่นมาก่อน เลยต้องเอาคุณพราวไปด้วย" อลินาขมวดคิ้วมองอย่างไม่สบอารมณ์ โชคดีโต๊ะที่อลินาจองไว้ เป็นแบบกึ่งโซฟา นั่งได้ฝั่งละสองคน ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องมีการเสริมเก้าอี้กันวุ่นวาย "คุณอลินาคงไม่ถือสาพราวนะคะ ที่จะขอร่วมโต๊ะด้วยคน" "หึ ขนาดสามีฉันเธอยังขอร่วม อย่างอื่นฉันคงไม่ต้องถือสาหรอกมั้ง" "เห็นไหมคะ ฟาริส บอกแล้วให้พราวกลับเองก็ไม่เชื่อ" "ขอโทษนะอลิน มันจำเป็นจริงๆ" สายตาอลินามองที่แขนแกร่งของคนที่บอกจำเป็นจริงๆ แต่ปล่อยให้อีกคนลอยหน้าเกาะแขนไม่ยอมปล่อย พราวฟ้านั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ฝั่งตรงข้ามกับอลินา ขยับเข้าไปด้านในเพียงนิด ฟาริสก็นั่งลงข้างๆ เธอ อาหารมื้อพิเศษ บรรยากาศที่เหมาะสำหรับคู่รักมาพลอดรักกันอย่างยิ่ง แต่กลับอิหลักอิเหลื่อสำหรับเธอไม
ประตูห้องที่ถูกเปิดออก คนด้านนอกก็รีบแทรกตัวผ่านคุณอธิปเข้ามาทันที "ริสคะ" อลินาชะงักตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องไม่ได้อยู่เพียงลำพัง สายตาที่มองมาถึงผู้หญิงอีกคนจึงดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที "ทำไม ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่ล่ะคะ" "ผมให้มาช่วยงานน่ะ งานเยอะ" คนตอบเดินกลับไปที่โซฟาหยิบเอกสารแผ่นเดียวที่วางอยู่ตรงนั้นเดินกลับมาที่หน้าประตู ส่งให้อธิปที่ยังยืนรออยู่ด้านนอก "จัดการให้เรียบร้อย" ประตูห้องปิดลงอีกครั้ง เขาก็เพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ไม่ได้สนใจแขกที่เดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา "พราว เอกสารที่ต้องเซ็นล่ะ" คล้ายเพิ่งหาตัวเองเจอว่าเธอควรจะทำอย่างไร คิดจะเดินออกจากห้องในทีแรกก็ไม่ทันเพราะเขาปิดประตูลงเสียก่อน เมื่อมีคำสั่ง เธอก็เพียงทำตามคำสั่ง หยิบเอกสารที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นมาส่งให้เจ้านายที่โต๊ะ "วันนี้ริสว่างไหมคะ ไปซื้อของเป็นเพื่อนอลินได้ไหมคะ" อลินายั้งคำว่าชอปปิงไว้ได้ทันเพราะไม่งั้นเธอคงจะดูเหมือนคนว่างงานขึ้นมาทีเดียว "งานผมยุ่งมากเลยอลิน ให้บอดี้การ์ดไปช่วยคุณถือของไหมล่ะ" คนที่กำลังเซ็นเอกสารเพียงตอบกลับไม่ได้เงยหน้ามอ
พราวฟ้าหาเสียงตัวเองเจอก็ตอนที่รู้สึกตัวว่าฝ่ามือร้อนๆ ลูบไปตามเรียวขาจนถึงขอบบิกินีด้านใน ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะลูบเลยไปถึงเนินอวบนูนภายใต้แพนตี้ตัวจิ๋ว "ไหนๆ ก็เป็นคนไม่มีมารยาทแล้ว งั้นจะเอาตรงไหนก็คงได้นะ" "เดี๋ยวคุณอธิปเข้ามา" เธอพยายามหาเหตุผล "ถ้าฉันไม่อนุญาตก็ไม่มีใครเข้ามาหรอก" "นี่ห้องทำงานนะคะ" "มีกฎข้อไหนห้ามเอาที่ห้องทำงาน" "อย่าค่ะ ฟาริส อ๊ะ..." มือที่ผลักอกแกร่งแปรเปลี่ยนเป็นขยำที่ไหล่เขาไว้แน่น เมื่อเนินสามเหลี่ยมด้านล่างถูกล่วงล้ำ นิ้วเรียวใหญ่ที่กรีดตามรอยแยกนวดคลึงกลีบเกสรอวบอิ่มอย่างชำนาญ ลูบไล้นวดคลึงติ่งเกสรด้านในช้าๆ ก่อนจะลงน้ำหนักขยี้ปลายนิ้วเร็วๆ "ฟะ...ฟาริส อย่า..ค่ะ" ดวงตาหวานที่ปรือตาจ้องมองคนตรงหน้า มันฉายชัดแห่งความต้องการอย่างไม่ปิดบัง ก่อนที่นิ้วมือนั้นจะค่อยกลับมานวดเค้นไปตามกลีบเกสรในจังหวะเนิบช้าอีกครั้ง "อยากให้หยุดจริงๆ หรือ" "อ๊า..." เธอเกือบจะปฏิเสธได้อยู่แล้วเชียว ถ้าอยู่ๆ นิ้วมือยาวนั้นไม่ได้ล้วงลึกเข้าไปด้านใน และมันกำลังสั่นไหวอยู่ภายในช่องทางรักคับแคบ เสียงปฏิเสธในคราแรกจึงกลายเป็นเสียงครางเบาๆ อย่างคนที่
พราวฟ้าก้าวเข้ามาในห้องทำงานในตอนเช้าตามเวลาปกติเหมือนทุกวัน หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่ห้องนอนส่วนตัวเสร็จ เธอก็จะเดินมาที่ห้องทำงานใหญ่ของฟาริส "อุ๊ย!" เสียงอุทานด้วยความตกใจ เพราะปกติเธอจะมาถึงก่อนผู้เป็นเจ้าของห้อง แต่วันนี้ฟาริสนั่งอยู่ในมุมมืดที่โซฟาด้านใน เธอรีบเปิดไฟในห้องให้สว่าง "มานั่งนี่ซิ" น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยเรียก เธอได้แต่ภาวนาให้อย่ามีเรื่องอะไรที่จะทำให้ปวดหัวไปมากกว่านี้เลย เพราะสีหน้าของคนที่นั่งอยู่มันบ่งบอกว่าเขามีเรื่องอะไรจะพูดแน่นอน หลังจากแอบอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือของเธอตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้เขาก็ตื่นเช้าเป็นพิเศษ หรือจะเรียกว่าหลับไม่เต็มตื่นนักก็ได้ อดทนเก็บความเคลือบแคลงใจนั้นไว้ไม่ไหว จนต้องมาดื่มกาแฟที่ห้องทำงานรอเวลา พราวฟ้าทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม วันนี้เธอเลือกใส่ชุดเดรสสีฟ้าอ่อนสั้นเหนือเข่าพอสมควรคลุมทับด้วยเสื้อคาร์ดิแกนไหมพรมสีเทาอ่อน ไอ้ท่าระแวงระวังจับกระโปรงสั้นจนน่าหมั่นไส้ ทำอย่างกับเขาไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ "คุณมีอะไรจะคุยกับฉันหรือเปล่าคะ" "เธอกับไอ้สาธร เป็นอะไรกัน" เมื่อเธอเข้าเรื่อง เขาก็ถามเร
ฟาริสอ่านข้อความนั้นอย่างเงียบๆ แล้วก็วางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะทำงานอย่างไม่ใคร่สนใจ เซ็นเอกสารในแฟ้มต่อ ทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ "ได้เรื่องไอ้สาธรบ้างไหม" อธิปถูกเรียกตัวไปที่ห้องส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ห้องใหญ่ชั้นสามของบ้าน ภายในตกแต่งไว้อย่างหรูหราสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสไตล์อิตาเลียนอย่างแท้จริง คนถามยืนแกว่งแก้วเหล้าอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่ "ยังครับ ผมสืบประวัติญาติพี่น้องหมดแล้ว ไม่มีส่วนไหนที่จะเป็นเครือญาติกับคุณพราวฟ้าอย่างที่สงสัยได้" "หรือยายนั่นมันจะแอบชอบไอ้สาธรจริงๆ" "ไม่น่าใช่นะครับ แต่เจอข้อมูลใหม่มาว่าคุณสาธรเคยโอนเงินให้คุณพราวห้าแสนครับ หลังจากเกิดเรื่อง" ฟังลูกน้องบอก ฟาริสก็ยังหาเหตุผลที่ดูจะมีเหตุผลจากแม่ดาราคนสวยนั่นไม่ได้สักนิด ยายนี่มันต้องโง่ ขนาดไหน "เดี๋ยววันเสาร์นี้ฉันจะไปเอง" "คุณฟาริสจะไปเอง" "ทำไม ก็ฉันอยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่าเรื่องของสองคนนี้มันยังไงกันแน่" "หรือที่จริงอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ครับ แค่คุณพราวอาจจะยืมเงินคุณสาธร คุณอลินาอาจจะเข้าใจผิด เพราะหลังจากนั้นสองคนนั้นก็แทบไม่ติดต่อกัน" "แต่ไอ้นั่นมันขอเลิกกับอลินานะ ไม่ติดต่อ
"แม่ มีเงินให้ยืมอีกสักห้าหมื่นไหม เดือนนี้พราวไม่พอจริงๆ เดี๋ยวได้เงินอาทิตย์หน้าจะรีบคืนให้ ขอเอาไปจ่ายค่าบ้านกับค่ารถก่อน" ผู้ที่ถูกเรียกว่าแม่ถอนหายใจหนักๆ ไม่ใช่เพราะความเบื่อหน่ายคนตรงหน้า แต่เป็นเสียงถอนหายใจที่บ่งบอกถึงความสงสารเห็นใจ เพียงแต่ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไรได้ นอกจากจำนวนเงินที่เจ้าตัวเอ่ยปากออกมา พราวฟ้า ฟังเสียงถอนหายใจนั้นแล้วก็รู้สึกละอายใจไม่น้อย แต่นอกจากแม่เมย์แล้วเธอก็ไม่มีใครที่ไหนอีก ที่จะกล้าเอ่ยคำพูดน่าอายพวกนั้นออกมาได้ แม่เมย์ คือสาวประเภทสองอายุแก่กว่าเธอเกือบยี่สิบปี และเป็นผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมากว่าสามสิบปี เริ่มไต่เต้าตั้งแต่การเป็นช่างแต่งหน้าในกองถ่ายจับพลัดจับผลูจนมาเป็นผู้จัดการดารามือทองอย่างในทุกวันนี้ ไม่ว่าแม่เมย์จะจับใครคนไหนปั้น ทุกคนล้วนแต่กลายเป็นดาวจรัสฟ้า แต่ทุกอย่างมันคงมีข้อยกเว้น และเธอ…ก็คงเป็นหนึ่งในข้อยกเว้นนั้น เมื่อดาวจรัสฟ้าอย่างเธอ มีเวลาเฉิดฉายในท้องฟ้าราตรีสีนิลได้เพียงไม่ถึงหนึ่งปีด้วยซ้ำ ก็กลายเป็นดาวตกร่วงสวรรค์ ไร้งาน ไร้เงิน อย่างทุกวันนี้ เพียงเพราะข่าวฉาวที่ว่า...แย่งผัวชาวบ้าน "ไอ้พร...
Comments