5 ปีก่อน
"ไอ้พราว แกดูนั่นซิใครเดินเข้ามา" เสียงกระซิบกระซาบของน้ำขิง พลางบุ้ยหน้าไปทางชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาในผับใกล้มหาวิทยาลัย แหล่งรวมตัวของนักศึกษายามค่ำคืน และชายหนุ่มลูกครึ่งปีสี่คณะบริหารที่กำลังเดินเข้ามาเรียกสายตาจากสาวๆ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องให้หันไปมองได้อย่างดี ไม่เว้นแม้แต่เธอ "คนอะไรวะ โคตรหล่อเลย เออ แกรู้ป่ะนังพราว ว่าพี่ฟาริสเขาเลิกกับแฟนแล้วนะ" "ไม่ใช่มั้ง" เธอเอ่ยตอบน้ำขิง เพราะรู้ว่ารุ่นพี่ที่แอบชอบมานานมีแฟนแล้ว และรู้ว่าเขากับแฟนคบกันมานานแล้วด้วย ทั้งครอบครัวทั้งสองก็ยังรับรู้ ฝ่ายหญิงที่เป็นถึงลูกสาวเจ้าของสถานีโทรทัศน์ มีข่าวให้เห็นอยู่บ่อยๆ "แต่แกดูพี่เขาดื่มเหล้าขนาดนั้น แถมยังนั่งทำหน้าเศร้าๆ อีก ฉันว่าข่าวชัวร์ว่ะ" "ก็ช่างเขาเถอะ" "แกไม่คิดจะลองจีบพี่เขาหรือ" "เหอะ กล้าเนอะ คิดว่าเขาจะเอาหรือไง คนละระดับกับเขาเลย" "แกสวยขนาดนี้ไม่เอาก็โง่แล้ว สวยกว่ายายอลินานั่นอีก" "แต่รวยไม่เท่าเขาไง" "เฮ้ย ลองดูๆ นั่นพี่เขาเดินผ่านมาทางนี้ด้วย สงสัยจะไปห้องน้ำว่ะ เอาเลยเพื่อน" พูดจบน้ำขิงก็ลุกขึ้นยืนดึงให้พราวฟ้าลุกขึ้นด้วย จับมือเธอให้เต้น และตัวเองก็แกล้งเต้นอยู่ข้างๆ พอฟาริสเดินมาถึงน้ำขิงก็ผลักเธออย่างแรง ผลที่ได้เหมือนจะดีเกินคาด เมื่ออยู่ๆ ขาเธอก็พลิกขึ้นมาจริงๆ จนรู้สึกปวดได้ทันที และถ้าคนตัวสูงที่กำลังจะเดินผ่านไม่รับตัวเธอไว้ได้ เธอคงได้ลงไปกองอยู่ที่พื้นแน่นอน "เป็นอะไรไหม" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยแทรกเสียงเพลงดังภายในผับเอ่ยถามคนที่เซมาปะทะหน้าอกเขาอย่างจัง มือใหญ่ค่อยๆ จับให้เธอออกห่าง "ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษนะคะ" แม้จะบอกอย่างนั้น แต่พอถอยห่างออกเธอก็แทบจะล้ม รู้สึกปวดที่ข้อเท้าจนยืนไม่อยู่ "ขาแพลงหรือ" "ไม่แน่ใจ แต่มันปวดๆ" เธอตอบตามจริงที่รู้สึกได้ คนตัวสูงไม่ได้เอ่ยอะไรต่อจากนั้น ได้แต่เข้ามาประคองคนตัวเล็ก สอดแขนโอบเอวเธอประคองให้เดินออกมาจากตรงนั้น แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน แต่ก็ยอมเดินตามไปด้วย จนพ้นออกมาด้านหลังเธอจึงได้เห็นบันไดขึ้นไปที่ชั้นสอง มองบันไดที่ชันแล้วก็แทบจะไม่กล้าก้าวขา "ว้าย..." เสียงร้องตกใจพร้อมร่างอรชรที่ถูกอุ้มขึ้นลอย เขาอุ้มเธอเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง เข้ามาห้องที่คล้ายเป็นห้องทำงาน แต่ภายในก็ยังมีโซฟารับแขกชุดใหญ่วางอยู่ พร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นมินิบาร์เล็กๆ ที่อยู่มุมห้อง หรือแม้แต่ทีวีจอยักษ์ตรงหน้า และกระจกบานใหญ่ด้านในยังสามารถมองเห็นบรรยากาศภายในผับแห่งนี้ได้อีกด้วย "ห้องทำงานฉันเอง เอ่อ...ฉันมีหุ้นส่วนที่นี่น่ะ" เพราะใบหน้าสงสัยของเธอ เขาจึงได้เอ่ยบอก วางเธอลงที่โซฟาตัวใหญ่ เขาก็เดินไปหยิบกล่องยาที่อยู่ในตู้เอกสารข้างโต๊ะทำงานตัวใหญ่ กลับมานั่งข้างๆ พร้อมกับเปิดกล่องหยิบยาทาแก้ปวดออกมา "เอาขาขึ้นมา" "เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพราวทาเองก็ได้ค่ะ" รีบเอ่ยปฏิเสธพร้อมใบหน้าขึ้นสีระเรื่อตอนที่เขาบอกให้ยกขาขึ้นมา "ชื่อพราวหรอ เพราะดีนี่" คนถามแต่สายตากลับแพรวพราวกว่าชื่อเธอเสียอีก เธอจึงได้เห็นดวงตาคมเขาชัดๆ ก็ตอนนี้มันออกจะแดงระเรื่อที่ขอบตาแสดงว่าเขาคงเมาไม่น้อยทีเดียว "มาเอามาขา" เขาเอ่ยซ้ำอีกครั้ง พร้อมมือใหญ่ที่เอื้อมไปคว้าเรียวขาข้างที่เจ็บขึ้นมาวางบนตัก พราวฟ้าแทบจะทำตัวไม่ถูก แต่เมื่อเห็นเขาเพียงบีบยาทาแก้ปวดแก้ฟกช้ำออกมาขยี้ที่ข้อเท้า เธอจึงได้นั่งนิ่งยอมให้เขาทาให้ กระโปรงตัวสั้นมันคอยจะร่นขึ้นทำให้เธอต้องแอบจับมันไว้อยู่ตลอดกลัวจะทำเรื่องขายหน้าต่อหน้าเขา ฝ่ามือใหญ่ที่นวดข้อเท้าให้เธอเบาๆ เริ่มบีบสูงขึ้นจนเกือบถึงหัวเข่า "ตรงนี้เจ็บไหม" "มะ...ไม่ค่ะ" พราวฟ้าแทบจะตอบไม่เป็นคำ มันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งขา ไม่รู้จะเป็นเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวด หรือเพราะฝ่ามือใหญ่ที่ลูบขึ้นมาเหนือหัวเข่านั่นอีกเล็กน้อย "แล้วตรงนี้ล่ะ" "มะ...ไม่เจ็บค่ะ" เธอรีบเอ่ยตอบเลื่อนมือที่จับชายกระโปรงมาจับมือเขาไว้แทนเพราะมันเกือบจะถึงขอบกระโปรงเธออยู่แล้ว "อยากนอนกับฉันไหม"อีกสองวันต่อมาที่คณะบริหารธุรกิจ เธอถือถุงขนมเดินมาจากตึกนิเทศด้วยความมั่นใจ ถุงกระดาษใบย่อมมีทั้งขนมเค้กชิ้นเล็กและคุกกี้ธัญพืชที่ไม่หวาน เพราะแอบคิดว่าผู้ชายคงไม่ชอบของหวาน มองมาจากถนนเห็นเขานั่งอยู่ที่ซุ้มข้างคณะกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เธอตัดสินใจเดินเข้าไปทันที "เฮ้ย...ใครวะ" เพื่อนเขาเห็นเธอเดินมาก่อน จึงได้กระทุ้งแขนใส่ฟาริสเอ่ยถามเบาๆ แต่เธอก็ได้ยิน "คนรู้จักน่ะ พวกมึงออกไปก่อนได้ไหม กูขอคุยอะไรหน่อย" "มีเรื่องอะไรกับดาวนิเทศวะ" เพื่อนอีกคนเอ่ยขึ้น จึงทำให้คนที่เอ่ยถามเมื่อครู่หันมามองหน้าเธออีกครั้ง ก่อนที่สองคนจะลุกออกไปจากซุ้มศาลาตรงนั้น "มาทำไม" ฟาริสเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ท่าทางสบายๆ ของเขายิ่งทำให้เธอรู้สึกประหม่าขึ้นทันที "เอ่อ...พอดีพราวทำขนมเมื่อวานค่ะ เลยเอามาฝากพี่" "คราวหลังไม่ต้องนะ ฉันไม่กินของหวาน" "ขอโทษค่ะ พราวไม่ทราบ แต่คุกกี้ธัญพืชที่พราวทำมาไม่หวานนะคะ พี่ฟาริสลองชิมดูก่อนได้ค่ะ" "เอาวางไว้นั่นแหละ เดี๋ยวเพื่อนฉันมันคงกิน" "เอ่อ...ค่ะ" "มีอะไรอีกหรือเปล่า" "เอ่อ...คือ ถ้าพี่ฟาริสยังไม่มีใคร คบกับพราวได้ไหมคะ" "ขอโท
วางสายไปแล้วก็สำรวจตัวเองอีกครั้ง สภาพยิ่งกว่าไปฟัดกับหมาที่ไหนมา ชุดที่นอนมาทั้งคืนยังเป็นชุดที่เธอใส่ไปเมื่อวาน ไวน์แดงที่หกรดหน้าอกจนถึงเอวยังเป็นคราบราวกับถูกฆาตกรรม นึกถึงพ่อที่เห็นสภาพเธอเมื่อคืนท่านไม่เอะใจสักนิดเลยใช่ไหม หรือเพราะมัวแต่เมาจนไม่ได้สังเกตสิ่งรอบข้าง ถอดเสื้อผ้าชุดสวยราคาหลายพันที่เคยซื้อเมื่อหลายปีก่อนทิ้งถังขยะในห้องไม่คิดแม้จะเก็บไปซัก นอนแช่น้ำอุ่นอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจนรู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายและท้องที่ร้องเรียกหาอาหารถ้านับจริงๆ อาหารเที่ยงเมื่อวานที่บ้านแม่เมย์คงเป็นมื้อสุดท้ายที่เธอได้กินจนถึงตอนนี้ กลับลงมาที่ห้องครัวในช่วงเย็นภายในบ้านที่เงียบเหงาเป็นเรื่องปกติ จะมีก็เพียงรูปแม่ที่ยิ้มให้เธออยู่ตรงห้องรับแขก ถ้าท่านไม่ด่วนจากไปเร็วเสียก่อนเธอคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ พ่อก็คงไม่เสียใจกินเหล้าจนเสียคน สุดท้ายก็ต้องลาออกจากงานตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท เมื่อขาดรายได้ก็เข้าสู่วังวนการพนันเพียงเพราะหวังจะหารายได้มาจุนเจือครอบครัว แต่นอกจากมันจะไม่สร้างรายได้ยังทำให้รายจ่ายของเธอเพิ่มขึ้นกว่าหลายเท่าตัว ยิ่งเงินจากการเป็นดาราหาได้ง่ายก็หมดไปกับพ่อเธอได้ง่าย
พราวฟ้าถูกนำตัวกลับมาส่งที่บ้านอีกครั้งพร้อมด้วยผ้าปิดตาเหมือนเดิม เพียงแต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ถูกล่ามด้วยกุญแจมือแล้ว กลับมาถึงก็เกือบสองทุ่มมองเห็นถ้วยบะหมี่ที่อืดจนน้ำแห้งแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ กินบะหมี่เส้นอืดอย่างนั้นอีกทั้งสมองก็ครุ่นคิดวิธีที่จะเงินสามแสนให้ได้ภายในสามวัน หนึ่งวันที่ผ่านไปอย่างไร้ค่า ทำได้เพียงนั่งมองโทรศัพท์ในมือไถไปมาอย่างไร้จุดหมาย เบอร์โทรศัพท์ทุกเบอร์ที่ถูกบันทึกชื่อไว้ไล่ดูแล้วก็ไม่มีใครสักคนที่เธอจะกล้าโทรไปขอยืมเงิน หรือแม้แต่ข้อความแชตจากแอปพลิเคชันต่างๆ มีเพียงเบอร์เดียวที่เธอโทรออกไปหานั่นก็คือพ่อ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ทั้งวัน มองสมบัติในบ้านถ้าจะขายก็คงจะต้องใช้เวลา ยิ่งตัวบ้านคงไม่ต้องพูดถึง จนสายตาเหลือบไปเห็นรถคันหรูที่ผ่อนมาได้ยังไม่ถึงครึ่งทาง ถ้าขายดาวน์ก็ไม่รู้จะได้ถึงสามแสนหรือเปล่า วันที่สองที่เธอตื่นขึ้นมาในช่วงสาย และตอนนี้ก็บ่ายสองโมงกว่าแล้ว ข้าวเช้าสักเม็ดก็ยังไม่ตกถึงท้อง มีเพียงกาแฟสำเร็จรูปที่ฉีกซองใส่น้ำร้อนแล้วกินได้เลยอยู่ในท้องเพียงแก้วเดียว บ้านขนาดเนื้อที่กว่าร้อยตารางเมตร แต่วันนี้เธอเดินวนอยู่ในบ้านคงมีระย
อาหารค่ำของวันนี้ถูกจัดในห้องอาหารสไตล์การตกแต่งก็ยังคล้ายกับเมื่อวันนั้น ทั้งบอดี้การ์ดหลายคนรวมถึงแม่บ้านที่ยืนคอยรับคำสั่งไม่ห่างก็ยังเยอะเหมือนเดิม อาหารก็ยังเป็นอาหารฝรั่งคอร์สใหญ่ แต่วันนี้เธอได้กินจนครบเซต ตบท้ายด้วยการจิบไวน์ขวดละหลายหมื่น "ทำไมถึงไปแย่งสามีอลินาเขาล่ะ" คำถามของคนตรงหน้าจังหวะเดียวกับที่เธอวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะพอดี ถ้าเขาเอ่ยถามตอนที่เธอกำลังจับมีดกับส้อมหั่นสเต๊กแสนอร่อยอยู่เธอคงได้วางมีดและหมดอารมณ์กินแน่ ไร้เสียงตอบจากคนตรงหน้า ฟาริสจึงได้เอ่ยถามต่อ "เธอก็จัดว่าหน้าตาดีนะ ทำไมคิดสั้นไปเอาผู้ชายอย่างไอ้สาธรนั่นได้ หรือเธอแค้นอะไรอลินาอยู่หรือเปล่า" "ทำไมฉันต้องแค้นคุณอลินา" "เพราะตอนนั้นฉันกลับไปคบกับอลินา เธอเลยแค้นเขางั้นซิ" "หึ คุณนี่ท่าจะหลงตัวเองน่าดูเลยนะคะ" ฟาริสไหวไหล่ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของเธอสักนิด "ที่ฉันยอมนอนกับคุณครั้งนั้นเพราะคิดว่าคุณเลิกกับคุณอลินาแล้ว ถ้ารู้ว่าคุณแค่เฮิร์ตแล้วฟันผู้หญิงทิ้งเล่นๆ ฉันก็คงไม่นอนกับคุณหรอก อีกอย่างถ้าวันนั้นฉันไม่เมาฉันก็คงจะปฏิเสธคุณไปแล้ว" "แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่มีแฟนอีกเลยนี่ ลืมฉัน
ไร้เสียงจะเถียงกับคนตัวใหญ่ตรงหน้า เมื่อริมฝีปากที่ถูกเม้มไว้แน่นอย่างพยายามกดอารมณ์บางอย่างเอาไว้ หนักเข้าเธอก็ถึงกับต้องกัดริมฝีปากตัวเอง ริมฝีปากที่แห้งผากก็ต้องใช้ลิ้นตวัดเลียเพิ่มความชุ่มชื่น แต่คนตัวเล็กคงไม่รู้ว่าภาพนั้นมันชวนให้เธอยิ่งดูเซ็กซี่ขึ้นไปอีก "วันนี้ฉันจะช่วยบริการก็แล้วกัน" ฟาริสลุกจากเก้าอี้ตัวเองตรงมาที่เธอ พูดจบเขาก็ก้มตัวช้อนเธออุ้มขึ้นลอยเดินกลับห้อง และถ้าเขาไม่ช่วยบริการอย่างว่าเธอก็ไม่รู้ว่าจะมีเรี่ยวแรงเดินกลับห้องได้หรือเปล่า ร่างอรชรถูกวางลงที่เตียงอย่างไม่เบามือนัก รอยแยกของกระโปรงตัวสวยเผยให้เห็นขอบบิกินีที่โคนขา จนฟาริสเผลอลูบมือลงตรงรอยแยกนั้น "คุณ..ฟาริส" พราวฟ้ารีบจับมือเขาไว้ทันที แต่ไม่ได้เป็นเชิงห้าม กลับรั้งให้คนตัวใหญ่เข้าใกล้ "หือ ทำไม" เขาแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่เต็มอก "ชะ...ช่วยฉันด้วย...ฉันไม่ไหวแล้ว" "ขอถอดเสื้อผ้าแป๊บนึง" เสียงกลั้วหัวเราะของเขาจึงทำให้เธอยอมปล่อยมือที่รั้งให้คนตัวสูงขึ้นมาบนเตียง เห็นเขากำลังค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อช้าๆ เหมือนจะไม่ทันใจเมื่ออยู่ๆ เธอก็ชันตัวลุกขึ้นนั่งช่วยเขาถอดสายเข็มขัดออกจากเอว
เสียงกระเส่าที่เอ่ยแทบไม่จบคำ เมื่อถูกเขารัวเร็วสะโพกเข้าใส่ยิ่งรู้ว่าเธอจวนเจียนจะถึงสวรรค์อยู่รำไรเขาก็ยิ่งเร่งเร้าจังหวะหนักๆ ส่งเธอให้ถึงฝั่งฝันไปเสียก่อน ยังไม่ทันที่เธอจะได้หายใจได้ทั่วท้อง ฟาริสก็รั้งเอวบางพลิกตัวเธอถูกจับนอนคว่ำ ทั้งที่แก่นกายอันใหญ่ยังเชื่อมต่อทั้งที่สะโพกมนยังไม่หายกระตุกถี่ตอนเสร็จสมเมื่อครู่ เขารั้งสะโพกกลมให้เธอคุกเข่า อัดกระแทกแท่งเอ็นอันใหญ่โตทะลวงลึกรัวเร็วอย่างที่คนใต้ร่างไม่ทันตั้งตัว มันทั้งลึกทั้งจุกและเสียวสะท้านไปในคราเดียวกัน ยิ่งฝ่ามือใหญ่ที่เอื้อมมาบดขยี้ยอดไตแข็งที่หน้าอกอิ่ม พร้อมทั้งขย้ำบีบเคล้นจนก้อนเนื้อสีขาวแดงขึ้นเป็นรอย "ฟาริส...บะ..เบาๆ มันจุก" เสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานเสียงน้ำที่เอ่อนองตลอดเวลายามยิ่งถูกกระแทกกระทั้นหนักๆ เสียงลามกหยาบโลนก็ดังทั่วห้อง เตียงคิงไซซ์ขนาดใหญ่ดูแข็งแรงยังไหวยวบตามแรงกระแทก "อ๊ะ..." พราวฟ้าสุดจะกั้นเสียงซี้ดปากไว้ได้ เอ่ยเสียงประท้วงในคราแรกก็ไม่มีท่าทีว่าคนด้านหลังจะยอมลดละกลับยิ่งแรงขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ "อื้อ...อีกนิดจะเสร็จแล้ว" เธอเพิ่งได้ยินเสียงเขาตอบกลับก็ตอนนี้ แต่กระนั้นร่อง
นางเอกดังขาลงดอดรับงานกินข้าว ข่าวว่าค่าตัวหลายแสน ข่าวพาดหัวตามสื่อบันเทิงเกือบทุกช่องทางตั้งแต่เมื่อคืนดูจะยิ่งเป็นที่จับตามอง ทั้งนักข่าวที่ต่างพากันหาข้อมูล หรือแม้แต่ชาวเน็ตที่ทำตัวเป็นนักล่าแม่มด และคนส่วนใหญ่เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ ต่างพุ่งเป้ามาที่เธอ พราวฟ้า (ไอ้พราว เอาไงวะ งานวันนี้แกจะยกเลิกก็ได้นะ เดี๋ยวฉันปฏิเสธให้ เพราะถ้าแกไปงานอีเวนต์เย็นนี้แกโดนนักข่าวรุมแน่) แม่เมย์รีบโทรมาแต่เช้าหลังได้ข่าวจากหน้าสื่อต่างๆ และทุกคนล้วนพุ่งเป้ามาที่เด็กในสังกัดของตัวเอง "ไม่เป็นไรแม่ อุตส่าห์มีงาน" (แกไหวนะ ยังไงฉันจะช่วยกันนักข่าวให้แล้วกัน) "ขอบคุณจ้ะแม่" วางสายไปแล้ว ก็ได้แต่นั่งถอนหายใจ เปิดเข้าไปอ่านคอมเมนต์ก็เห็นแต่ผู้คนด่า ทั้งหยาบคายทั้งสาปแช่ง ก่อนจะคว่ำโทรศัพท์ลงที่โซฟา เสียงแจ้งเตือนข้อความที่ดังตั้งแต่เช้ายังไม่มีทีท่าจะเงียบลง ทั้งข้อความจากคนรู้จัก จากนักข่าวหรือแม้แต่ข้อความจากโซเชียลที่ส่งเข้ามาด่า จนเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างคนหมดแรง "ค่ะพี่ธร" (พี่เห็นข่าวเรื่องรับงานอะไรนั่นน่ะ เลยเป็นห่
"ข่าวดาราขาลงรับงานกินข้าว มีแต่คนพุ่งเป้ามาที่น้องพราว น้องพราวคิดว่าไงคะ" "อืม...เรื่องธรรมดาค่ะ ที่คนจะมองแบบนั้น คงเพราะพราวไม่ค่อยได้รับงานช่วงนี้ค่ะ" ตุ๊กตาทองต้องเป็นของกู พร้อมรอยยิ้มหวานที่สาดให้ทุกคนก่อนจะจบลงที่คนถาม "น้องพราวหายหน้าไปไหนคะ ตั้งแต่ข่าวคราวนั้น" "ก็ยังอยู่นี่แหละค่ะ ใช้เวลาพักผ่อนบ้าง เดินทางบ้างตามประสา" "แล้วคิดจะกลับมาเล่นละครอีกไหมคะ" "ยังไม่มีแพลนช่วงนี้เลยค่ะ แต่ถ้าบทน่าสนใจก็โอเคนะคะ ผู้จัดติดต่อได้นะคะ พราวยังคิดถึงงานละครอยู่" "ข่าวว่างานกินข้าวหลายแสนเลย น้องพราวคิดว่าไงคะ" "โห หลายแสนเลยหรือคะ น่าสนใจ หยอกๆ ค่ะ" "แล้วช่วงนี้ความรักเป็นยังไงบ้างคะ" "โสดสนิทเลยค่ะ รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มไหมคะ" คำตอบของเธอสร้างเสียงหัวเราะให้พี่ๆ นักข่าวได้อย่างดี "ข่าวเมื่อครั้งนั้น ยังมีผลกับน้องพราวอยู่ไหมคะ" "เห็นคนด่าแล้วก็น่าจะยังมีผลกับทุกคนมั้งคะ แต่พราวมูฟออนแล้วค่ะ ตามที่เคยยืนยันไปครั้งนั้นแล้วว่าทุกอย่างไม่มีอะไร ตอนนี้ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมค่ะรวมถึงข่าวในวันนี้ด้วย ทุกอย่างไม่มีอะไร แต่ถ้าอยากกินข้าวโทรมาได้นะคะ" เธอจบบทส
หลังจากพักเที่ยงทานข้าวกล่องกันง่ายๆ ช่วงบ่ายก็ยังดำเนินต่อไปไม่ต่างจากเมื่อเช้า เพียงแต่นักแสดงรับเชิญสองตัวสีดำที่จะต้องเข้าฉากในช่วงบ่ายดูจะสร้างความลำบากใจให้พราวฟ้าไม่น้อย เมื่อเธอจะต้องถูกภาวินพระเอกของเรื่องอุ้มขึ้นไปนั่งบนหลังหนึ่งในเจ้าสองตัวนั่น ซักซ้อมกันอยู่หลายครั้ง จนคนที่นั่งอยู่ในเต็นท์นั่งต่อไปอย่างไม่เป็นสุข ต้องเดินเข้าไปใกล้ๆ ทีมงานที่กำลังถ่ายทำโดยไม่สนใจสายตาของใครทั้งนั้น "ต้องขึ้นไปนั่งบนควายนั่นด้วยหรือไง" คำถามของเขาทำเอาทุกคนหันมามอง "ในบทเป็นอย่างนั้นครับ" ผู้กำกับรีบออกมาชี้แจง "เปลี่ยนไม่ได้หรือไง ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" "ฟาริส...คุณไปนั่งรอเถอะค่ะ พราวทำได้" พร้อมกับบอกเขาเสียงเบาแกมดุให้คนจุ้นจ้าน ดันตัวให้เขาเดินกลับเข้าไปรอในเต็นท์ "ตกไปทำยังไง" "ไม่ตกหรอกน่า" ฟาริสยอมถอยห่างออกมาแต่ก็เพียงนิดเดียว เสียงแอ็กชันสั่งนักแสดงเริ่มขึ้น ทุกอย่างก็เงียบกริบ ภาวินยืนอยู่ข้างควายตัวใหญ่ อุ้มพราวฟ้าให้ขึ้นไปนั่งไขว้บนหลังมันสำเร็จ แล้วตัวเองก็กำลังจะปีนตามขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย แต่จังหวะดึงเชือกสายตะพายเพื่อรั้งให้ตัวเองขึ้นไปนั่งได้ คว
ฟาริสหายออกไปครู่ใหญ่ๆ กลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อ ผ้าอนามัยแบบที่เธอต้องการอยู่ในนั้นเกือบสิบห่อ พราวฟ้าได้แต่ยิ้มน้อยๆ อย่างรู้สึกผิดที่เขาต้องออกไปซื้อของแบบนี้มาให้ แต่ก็อดขอบคุณเขาไม่ได้ ยื่นมือไปรับถุงพลาสติก แต่คนซื้อกลับดึงมือกลับ ไอ้ที่นึกขอบคุณอยู่ในใจเมื่อครู่จึงเปลี่ยนเป็นรอยขมวดคิ้วมุ่น "ฉันอุตส่าห์ออกไปซื้อให้ ไม่ขอบคุณสักคำหรือไง" "ก็กำลังจะขอบคุณนี่ไงคะ" ฟาริสกดยิ้มมุมปาก ก้มหน้าลงนิด พลางจิ้มนิ้วชี้ตัวเองลงที่แก้มสาก "หอมแก้มฉันทีนึง" พราวฟ้าแทบจะกลอกตาใส่ นี่เขาเห็นเธอเป็นเด็กหรือไง จะให้ของทีต้องหอมแก้มตอบแทน แต่ขืนช้ากว่านี้ไอ้ผ้าอนามัยที่ใส่แทนชั่วคราวไว้มันคงทำให้น้องสาวเธอผื่นขึ้นแน่ ขยับใบหน้าเข้าใกล้ชายหนุ่มเพียงนิด เผลอสบตาเข้ากับคนตรงหน้า ทว่าอยู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นในใจเงียบๆ แต่เธอกลับรับรู้ความรู้สึกนั้นได้อย่างดี หรือจะเพราะดวงตาพราวหวานเชื่อมของคนตรงหน้าที่ทำเธอเสียอาการ จนหัวใจแทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เมื่อเขายิ่งมอง เธอก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้กว่านั้นไม่ได้ "หันหน้าไปซิ" พร้อมกับพูดเธอก็ใช้ปลายนิ้วดั
"พราวได้คีย์การ์ดห้องแล้วหรือ" ยังไม่ทันจะคุยเรื่องห้องกับฟาริสจบ เสียงภาวินทักมาจากด้านหลัง ทำให้เธอหันไปมองจึงได้เห็นพระเอกหนุ่มหล่อกำลังเดินมาทางนี้ "ได้แล้วค่ะ เอ่อ..." ภาวินมองหน้านางเอกคนสวยแล้วก็เหลือบสายตาไปทางหนุ่มหล่อข้างกาย ที่เห็นตั้งแต่ที่กองถ่ายนั่นแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะมาถึงก็ถูกลากไปแต่งหน้าเข้าฉากถ่ายทันที พอถ่ายเสร็จก็แยกย้ายกันออกมา "ฟาริสครับ เป็นคนดูแลพราวฟ้า" เขาเอ่ยแนะนำตัวเอง ภาวินจึงได้ยื่นมือไปทักทาย ภาวินแยกไปรับกุญแจห้อง ฟาริสก็รีบดึงเธอเดินกลับห้องพัก "ดูท่าสนิทกับมันเหลือเกิน" "ใครคะ" "ไอ้พระเอกนั่นน่ะ" "อ๋อ พี่วิน ก็สนิทกันค่ะ เคยเป็นคู่จิ้นตอนเล่นละครด้วยกัน แล้วทำไมคุณไม่เปิดห้องใหม่อีกห้องคะ" เพราะห้องที่เปิดก็ดันให้คนขับรถไปแล้ว "ก็นอนห้องเธอไง" "คุณจะนอนได้หรือ" "ทำไมฉันจะนอนไม่ได้" "ก็เห็นทุกครั้งที่ทำเสร็จ คุณก็จะกลับห้อง คิดว่าคุณอาจจะอึดอัดถ้าต้องมานอนห้องฉัน" "งั้นเธอก็นอนโซฟาซิ" "คุณซิต้องนอน นั่นห้องฉัน แล้วอีกอย่างฉันนอนดิ้น นอนกรน นอนน้ำลายยืด อย่าบ่นก็แล้วกัน" "ถ้านอนแล้วสร้
รถมินิแวนคันหรูที่วิ่งออกจากกรุงเทพมาได้ครู่ใหญ่ๆ ตลอดทางเสียงคนข้างๆ ก็ยังถามถึงเรื่องราวของงานในวันนี้ไม่หยุด "ไอ้ธรมันตกต่ำถึงขนาดมาช่วยกำกับมิวสิกบ้านๆ แบบนี้เลยหรือไงเนี่ย" "เพื่อนเขาขอร้องให้ช่วย" "มาตั้งสองวันได้ค่าตัวแค่นี้อ่ะนะ นอนกับฉันแป๊บๆ ยังได้มากกว่านี้อีก" "คุณ นี่ฉันใช้ความสามารถในการหาเงินค่ะ" "อ๋อ ลืมไปเรื่องบนเตียงนั่นมันพรสวรรค์ของเธอ" "คุณฟาริส หยุดพูดสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ" "ฉันแค่ถาม แค่อยากรู้เรื่องในวงการ" "ทำไมไม่ไปถามคุณอลินาแฟนเก่าคุณล่ะ รายนั้นรู้เยอะกว่าฉันแน่" "ก็อยากจะถามเด็กเก่ามันผิดตรงไหน" "หยุดพูดได้ไหมคะ ฉันจะอ่านบท" รถคันหรูมาจอดที่หน้ารีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี เธอแอบเห็นพี่ธรยืนรวมกลุ่มกับใครอีกหลายคนน่าจะเป็นทีมงาน สายตาหลายคู่ที่หันมามองคงจะเพราะความหรูหราของรถคันละหลายสิบล้าน คนที่ก้าวขาลงจากรถไปก่อน เรียกสายตาให้สาธรหันมามองด้วยความสนใจ แต่พอเธอลงจากรถตามลงมา คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องอย่างสาธร ก็รีบเดินมาหาทันที "อ้าว พราว ทำไมมา..กับ" "สวัสดีค่ะพี่ธร เอ่อ.." "มีปัญหาอะไรกับเด็กข
รถมินิแวนคันหรูมาจอดที่หน้าร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งหนึ่ง บรรยากาศดูออกจะโรแมนติกไม่น้อย เธอเดินเกาะแขนเขามาเงียบๆ แต่ใจก็เต้นตึกตักเตรียมรับแรงกระแทกจากคนที่น่าจะผิดหวังในค่ำคืนนี้ "ฟาริส" และดูท่าคนที่คอยอยู่จะผิดหวังกว่าที่เธอคิดเสียอีก เมื่อสายตาของอลินาหันมาเห็นเธอที่เดินคู่มากับเขา "ขอโทษทีอลินา พอดีผมไปธุระที่อื่นมาก่อน เลยต้องเอาคุณพราวไปด้วย" อลินาขมวดคิ้วมองอย่างไม่สบอารมณ์ โชคดีโต๊ะที่อลินาจองไว้ เป็นแบบกึ่งโซฟา นั่งได้ฝั่งละสองคน ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องมีการเสริมเก้าอี้กันวุ่นวาย "คุณอลินาคงไม่ถือสาพราวนะคะ ที่จะขอร่วมโต๊ะด้วยคน" "หึ ขนาดสามีฉันเธอยังขอร่วม อย่างอื่นฉันคงไม่ต้องถือสาหรอกมั้ง" "เห็นไหมคะ ฟาริส บอกแล้วให้พราวกลับเองก็ไม่เชื่อ" "ขอโทษนะอลิน มันจำเป็นจริงๆ" สายตาอลินามองที่แขนแกร่งของคนที่บอกจำเป็นจริงๆ แต่ปล่อยให้อีกคนลอยหน้าเกาะแขนไม่ยอมปล่อย พราวฟ้านั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ฝั่งตรงข้ามกับอลินา ขยับเข้าไปด้านในเพียงนิด ฟาริสก็นั่งลงข้างๆ เธอ อาหารมื้อพิเศษ บรรยากาศที่เหมาะสำหรับคู่รักมาพลอดรักกันอย่างยิ่ง แต่กลับอิหลักอิเหลื่อสำหรับเธอไม
ประตูห้องที่ถูกเปิดออก คนด้านนอกก็รีบแทรกตัวผ่านคุณอธิปเข้ามาทันที "ริสคะ" อลินาชะงักตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องไม่ได้อยู่เพียงลำพัง สายตาที่มองมาถึงผู้หญิงอีกคนจึงดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที "ทำไม ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่ล่ะคะ" "ผมให้มาช่วยงานน่ะ งานเยอะ" คนตอบเดินกลับไปที่โซฟาหยิบเอกสารแผ่นเดียวที่วางอยู่ตรงนั้นเดินกลับมาที่หน้าประตู ส่งให้อธิปที่ยังยืนรออยู่ด้านนอก "จัดการให้เรียบร้อย" ประตูห้องปิดลงอีกครั้ง เขาก็เพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ไม่ได้สนใจแขกที่เดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา "พราว เอกสารที่ต้องเซ็นล่ะ" คล้ายเพิ่งหาตัวเองเจอว่าเธอควรจะทำอย่างไร คิดจะเดินออกจากห้องในทีแรกก็ไม่ทันเพราะเขาปิดประตูลงเสียก่อน เมื่อมีคำสั่ง เธอก็เพียงทำตามคำสั่ง หยิบเอกสารที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นมาส่งให้เจ้านายที่โต๊ะ "วันนี้ริสว่างไหมคะ ไปซื้อของเป็นเพื่อนอลินได้ไหมคะ" อลินายั้งคำว่าชอปปิงไว้ได้ทันเพราะไม่งั้นเธอคงจะดูเหมือนคนว่างงานขึ้นมาทีเดียว "งานผมยุ่งมากเลยอลิน ให้บอดี้การ์ดไปช่วยคุณถือของไหมล่ะ" คนที่กำลังเซ็นเอกสารเพียงตอบกลับไม่ได้เงยหน้ามอ
พราวฟ้าหาเสียงตัวเองเจอก็ตอนที่รู้สึกตัวว่าฝ่ามือร้อนๆ ลูบไปตามเรียวขาจนถึงขอบบิกินีด้านใน ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะลูบเลยไปถึงเนินอวบนูนภายใต้แพนตี้ตัวจิ๋ว "ไหนๆ ก็เป็นคนไม่มีมารยาทแล้ว งั้นจะเอาตรงไหนก็คงได้นะ" "เดี๋ยวคุณอธิปเข้ามา" เธอพยายามหาเหตุผล "ถ้าฉันไม่อนุญาตก็ไม่มีใครเข้ามาหรอก" "นี่ห้องทำงานนะคะ" "มีกฎข้อไหนห้ามเอาที่ห้องทำงาน" "อย่าค่ะ ฟาริส อ๊ะ..." มือที่ผลักอกแกร่งแปรเปลี่ยนเป็นขยำที่ไหล่เขาไว้แน่น เมื่อเนินสามเหลี่ยมด้านล่างถูกล่วงล้ำ นิ้วเรียวใหญ่ที่กรีดตามรอยแยกนวดคลึงกลีบเกสรอวบอิ่มอย่างชำนาญ ลูบไล้นวดคลึงติ่งเกสรด้านในช้าๆ ก่อนจะลงน้ำหนักขยี้ปลายนิ้วเร็วๆ "ฟะ...ฟาริส อย่า..ค่ะ" ดวงตาหวานที่ปรือตาจ้องมองคนตรงหน้า มันฉายชัดแห่งความต้องการอย่างไม่ปิดบัง ก่อนที่นิ้วมือนั้นจะค่อยกลับมานวดเค้นไปตามกลีบเกสรในจังหวะเนิบช้าอีกครั้ง "อยากให้หยุดจริงๆ หรือ" "อ๊า..." เธอเกือบจะปฏิเสธได้อยู่แล้วเชียว ถ้าอยู่ๆ นิ้วมือยาวนั้นไม่ได้ล้วงลึกเข้าไปด้านใน และมันกำลังสั่นไหวอยู่ภายในช่องทางรักคับแคบ เสียงปฏิเสธในคราแรกจึงกลายเป็นเสียงครางเบาๆ อย่างคนที่
พราวฟ้าก้าวเข้ามาในห้องทำงานในตอนเช้าตามเวลาปกติเหมือนทุกวัน หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่ห้องนอนส่วนตัวเสร็จ เธอก็จะเดินมาที่ห้องทำงานใหญ่ของฟาริส "อุ๊ย!" เสียงอุทานด้วยความตกใจ เพราะปกติเธอจะมาถึงก่อนผู้เป็นเจ้าของห้อง แต่วันนี้ฟาริสนั่งอยู่ในมุมมืดที่โซฟาด้านใน เธอรีบเปิดไฟในห้องให้สว่าง "มานั่งนี่ซิ" น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยเรียก เธอได้แต่ภาวนาให้อย่ามีเรื่องอะไรที่จะทำให้ปวดหัวไปมากกว่านี้เลย เพราะสีหน้าของคนที่นั่งอยู่มันบ่งบอกว่าเขามีเรื่องอะไรจะพูดแน่นอน หลังจากแอบอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือของเธอตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้เขาก็ตื่นเช้าเป็นพิเศษ หรือจะเรียกว่าหลับไม่เต็มตื่นนักก็ได้ อดทนเก็บความเคลือบแคลงใจนั้นไว้ไม่ไหว จนต้องมาดื่มกาแฟที่ห้องทำงานรอเวลา พราวฟ้าทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม วันนี้เธอเลือกใส่ชุดเดรสสีฟ้าอ่อนสั้นเหนือเข่าพอสมควรคลุมทับด้วยเสื้อคาร์ดิแกนไหมพรมสีเทาอ่อน ไอ้ท่าระแวงระวังจับกระโปรงสั้นจนน่าหมั่นไส้ ทำอย่างกับเขาไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ "คุณมีอะไรจะคุยกับฉันหรือเปล่าคะ" "เธอกับไอ้สาธร เป็นอะไรกัน" เมื่อเธอเข้าเรื่อง เขาก็ถามเร
ฟาริสอ่านข้อความนั้นอย่างเงียบๆ แล้วก็วางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะทำงานอย่างไม่ใคร่สนใจ เซ็นเอกสารในแฟ้มต่อ ทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ "ได้เรื่องไอ้สาธรบ้างไหม" อธิปถูกเรียกตัวไปที่ห้องส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ห้องใหญ่ชั้นสามของบ้าน ภายในตกแต่งไว้อย่างหรูหราสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสไตล์อิตาเลียนอย่างแท้จริง คนถามยืนแกว่งแก้วเหล้าอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่ "ยังครับ ผมสืบประวัติญาติพี่น้องหมดแล้ว ไม่มีส่วนไหนที่จะเป็นเครือญาติกับคุณพราวฟ้าอย่างที่สงสัยได้" "หรือยายนั่นมันจะแอบชอบไอ้สาธรจริงๆ" "ไม่น่าใช่นะครับ แต่เจอข้อมูลใหม่มาว่าคุณสาธรเคยโอนเงินให้คุณพราวห้าแสนครับ หลังจากเกิดเรื่อง" ฟังลูกน้องบอก ฟาริสก็ยังหาเหตุผลที่ดูจะมีเหตุผลจากแม่ดาราคนสวยนั่นไม่ได้สักนิด ยายนี่มันต้องโง่ ขนาดไหน "เดี๋ยววันเสาร์นี้ฉันจะไปเอง" "คุณฟาริสจะไปเอง" "ทำไม ก็ฉันอยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่าเรื่องของสองคนนี้มันยังไงกันแน่" "หรือที่จริงอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ครับ แค่คุณพราวอาจจะยืมเงินคุณสาธร คุณอลินาอาจจะเข้าใจผิด เพราะหลังจากนั้นสองคนนั้นก็แทบไม่ติดต่อกัน" "แต่ไอ้นั่นมันขอเลิกกับอลินานะ ไม่ติดต่อ