เสียงกระเส่าที่เอ่ยแทบไม่จบคำ เมื่อถูกเขารัวเร็วสะโพกเข้าใส่ยิ่งรู้ว่าเธอจวนเจียนจะถึงสวรรค์อยู่รำไรเขาก็ยิ่งเร่งเร้าจังหวะหนักๆ ส่งเธอให้ถึงฝั่งฝันไปเสียก่อน
ยังไม่ทันที่เธอจะได้หายใจได้ทั่วท้อง ฟาริสก็รั้งเอวบางพลิกตัวเธอถูกจับนอนคว่ำ ทั้งที่แก่นกายอันใหญ่ยังเชื่อมต่อทั้งที่สะโพกมนยังไม่หายกระตุกถี่ตอนเสร็จสมเมื่อครู่ เขารั้งสะโพกกลมให้เธอคุกเข่า อัดกระแทกแท่งเอ็นอันใหญ่โตทะลวงลึกรัวเร็วอย่างที่คนใต้ร่างไม่ทันตั้งตัว มันทั้งลึกทั้งจุกและเสียวสะท้านไปในคราเดียวกัน ยิ่งฝ่ามือใหญ่ที่เอื้อมมาบดขยี้ยอดไตแข็งที่หน้าอกอิ่ม พร้อมทั้งขย้ำบีบเคล้นจนก้อนเนื้อสีขาวแดงขึ้นเป็นรอย "ฟาริส...บะ..เบาๆ มันจุก" เสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานเสียงน้ำที่เอ่อนองตลอดเวลายามยิ่งถูกกระแทกกระทั้นหนักๆ เสียงลามกหยาบโลนก็ดังทั่วห้อง เตียงคิงไซซ์ขนาดใหญ่ดูแข็งแรงยังไหวยวบตามแรงกระแทก "อ๊ะ..." พราวฟ้าสุดจะกั้นเสียงซี้ดปากไว้ได้ เอ่ยเสียงประท้วงในคราแรกก็ไม่มีท่าทีว่าคนด้านหลังจะยอมลดละกลับยิ่งแรงขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ "อื้อ...อีกนิดจะเสร็จแล้ว" เธอเพิ่งได้ยินเสียงเขาตอบกลับก็ตอนนี้ แต่กระนั้นร่องรักที่ถูกเสียดสีหนักขึ้นกว่าเดิม จนเธอต้องทิ้งตัวเอนศีรษะแนบไปกับที่นอนใหญ่ สองมือขยุ้มผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น เสียงอู้อี้ไม่เป็นคำบอกแต่ให้เขาเบาๆ เพราะเธอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ก่อนจะตามด้วยเสียงกรีดร้องสะโพกมนกระตุกถี่ตอดรัดแท่งลำรักอันใหญ่เอาไว้แน่นเป็นจังหวะ และจังหวะเดียวกับที่เธอสัมผัสได้ว่าภายในท้องน้อยมันอุ่นวาบขึ้นเพราะคนด้านหลังที่ปล่อยมวลน้ำพุ่งใส่อุปกรณ์ป้องกัน "อ๊า...มิน่าไอ้สาธรมันถึงหลงจนยอมทิ้งเมีย" ทั้งที่ปากยังเย้ยหยันแต่แท่งเอ็นที่กดแช่อยู่ภายในเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมดึงออก ซ้ำยังออกแรงดันบดขยี้สะโพกกลมที่ยังแอ่นสูงยิ่งเขาบดเบียดเข้าหาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงแรงตอดรัดภายในที่มันยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงได้เสียที "อื้อ...ถอยออกไป" เธอเอี้ยวตัวมาดันเอวให้คนด้านหลังถอยห่าง ครั้นเธอจะดึงตัวเองออกก็ติดที่ฝ่ามือใหญ่ยังรั้งสะโพกไว้แน่น "ก็ของเธอมันยังตอดอยู่ เพลินดี" "เอาออกไปนะ" "ทำไมแช่ไว้อย่างนี้มันยิ่งเสียวน่ะซิ" เมื่อถูกจับจุดได้เธอก็รีบหันหน้าไปฟุบลงที่นอนอีกครั้ง เพราะมันออกจะเห่อร้อน ยิ่งแท่งเอ็นคาร่องสวาทไว้แบบนี้มันก็จริงอย่างเขาว่า มันเสียวจนอยากขึ้นมาเสียอีกอย่างนั้น คงเพราะไอ้ฤทธิ์ยาบ้าๆ นั่นแหละ ถึงทำเธอขาดสติและก็ยังหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ แต่อยู่ๆ ฟาริสก็ยอมถอดแท่งลำรักออก "อ๊า..." ขนาดแค่นี้เธอยังเผลอส่งเสียงครางออกมา ก่อนจะทิ้งตัวลงที่นอนด้วยความเหนื่อยล้า และอีกกว่าสองชั่วโมงต่อมาที่เธอก็ต้องทิ้งตัวลงด้วยท่าทางที่ไม่ต่างกันนัก เพียงแต่ครั้งนี้เธอเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงจริงๆ เสียให้ได้ ความต้องการที่ถูกกระตุ้นด้วยฤทธิ์ยาดูจะไม่เป็นผลกับเธออีกแล้ว ได้แต่ผลักอกของคนตรงหน้าตอนที่เขาโน้มตัวเข้าหาเธออีกครั้ง "ไม่เอาแล้วค่ะ เหนื่อยแล้ว" "เธอมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยหรือ" "คุณทำไปตั้งหลายรอบแล้วนะ" "นั่นฉันช่วยเธอนะ เธอเป็นคนต้องการเอง" "ก็คุณวางยาฉัน ถอยไป" เธอออกแรงผลักเขาหนักๆ อีกครั้งตอนที่เขายังไม่ทันตั้งตัว จนคนตัวใหญ่เสียหลักนอนหงายลงข้างๆ เธอ พราวฟ้ารีบลุกขึ้นคว้าผ้าห่มผืนบางที่ปลายเตียงทันที แต่ยังไม่ทันจะเอื้อมมือไปถึงก็ถูกเขากระชากข้อมืออีกข้างเสียก่อน ทำให้เธอเซถลาไปทับคนที่นอนตัวเปล่าอยู่ข้างๆ จนริมฝีปากอิ่มเฉียดอยู่กับปลายจมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าหล่อเหลาดูตึงขึ้นทันตาดันไหล่เธอให้ถอยห่าง มือหนาเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูที่พาดอยู่แถวๆ ข้างเตียงมาพันเอวไว้ทันที เธอก็รีบคว้าผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวไว้เช่นกัน เห็นเขาหยิบซองจดหมายหนาสีขาวที่ลิ้นชักข้างหัวเตียงแล้วโยนมาที่เธอ จึงรู้ได้ทันทีว่านั่นคงจะเป็นค่าตัว "กลับไปได้แล้ว" พูดจบเขาก็เดินหายออกไปจากห้องทันทีไม่สนใจเสื้อผ้าที่กองไว้อยู่ข้างเตียงด้วยซ้ำ พราวฟ้าจึงได้รีบคว้าเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่แล้วก็รีบกลับตามที่เขาบอก อีกวันที่ผ่านไปเธอก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของพ่อ เพียงแต่ได้ข้อความที่ส่งมาจากไลน์ 'พ่อขอโทษนะที่ทำพราวเดือดร้อน แต่พ่อคงต้องหายไปสักพัก ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อสบายดี' ตื่นเช้ามาเธอก็ได้รับข้อความนี้ แต่เมื่อโทรกลับไปหาท่านก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน หายไปสักพัก นั่นหมายความว่าไอ้หนี้ของท่านเธอก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบเองอย่างนั้นหรือ พราวฟ้าได้แต่ยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเบาๆ เงินสามแสนที่ได้มาอีกครั้งก็เป็นอันตรธานหายวับไปในพริบตา เมื่อถึงเวลานัดในช่วงเย็นไอ้พวกเก็บหนี้นอกระบบก็มากดกริ่งที่หน้าบ้านตามกำหนดเวลา "สิ้นเดือนนี้อีกสามแสนนะมึง อย่าให้ต้องทวงซ้ำ" "รู้แล้ว" ทั้งที่รู้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเดือนนี้จะหาเงินจากไหนมาได้อีก หวังเพียงรับงานกินข้าวกับฟาริสน่ะหรือ มันคงคาดหวังไม่ได้เพราะเมื่อวานที่ออกจากบ้านเขามา ดูเขาไม่ค่อยพอใจที่ปากเธอไปกระทบจมูกเขาด้วยซ้ำ ทั้งที่ไม่เข้าใจแต่ก็ยังไม่ใช่เวลาที่เธอจะต้องมาใส่ใจ เพราะชีวิตมันยังมีเรื่องอื่นสำคัญที่เธอต้องคิดต่อไปอีกเช่น สิ้นเดือนนี้จะหาเงินได้จากที่ไหน ไม่ต้องคิดไปไกลถึงอีกสองเดือนที่จะต้องคืนเงินต้นสามล้านนั่นเลยแค่คิดว่าที่เหลือต่อจากนี้เธอจะหาเงินกินเงินใช้จากไหนดีกว่า อยู่ดีๆ หนี้สินจำนวนมหาศาลก็กลายมาเป็นของเธอเสียอย่างนั้นแหละ "ช่วงนี้ไอ้สาธรมันเป็นยังไงบ้าง" ฟาริสเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทอย่างอธิป ที่พ่อเขาส่งมาช่วยงานตั้งแต่เรียนจบปริญญาโท อยู่ด้วยกันมาสามปีออกจะรู้ไส้รู้พุงและก็รู้ใจเขาไม่น้อย และที่เขาชอบก็คือความไม่พูดมากของมันนั่นเอง "ยังไม่มีความเคลื่อนไหวครับ ยังเปิดคาเฟ่ที่เขาใหญ่อยู่เหมือนเดิม" คนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เพียงพยักหน้ารับ ฟังอธิปรายงานเรื่องที่เขาส่งคนไปคอยตามดูความเคลื่อนไหวของไอ้สาธรนั่นเป็นระยะๆ "ให้คนปล่อยข่าวดาราขาลงรับงานกินข้าวด้วย" "ครับ" แม้จะรับปากหนักแน่น แต่คนที่ยืนรับคำสั่งก็แอบเหลือบสายตามองเจ้านายหนุ่มเพียงครู่ แต่พอฟาริสหรี่ตาคมมองกลับมา อธิปก็รีบถอยหลังห่างออกก่อนจะเดินหายไปจากห้องนางเอกดังขาลงดอดรับงานกินข้าว ข่าวว่าค่าตัวหลายแสน ข่าวพาดหัวตามสื่อบันเทิงเกือบทุกช่องทางตั้งแต่เมื่อคืนดูจะยิ่งเป็นที่จับตามอง ทั้งนักข่าวที่ต่างพากันหาข้อมูล หรือแม้แต่ชาวเน็ตที่ทำตัวเป็นนักล่าแม่มด และคนส่วนใหญ่เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ ต่างพุ่งเป้ามาที่เธอ พราวฟ้า (ไอ้พราว เอาไงวะ งานวันนี้แกจะยกเลิกก็ได้นะ เดี๋ยวฉันปฏิเสธให้ เพราะถ้าแกไปงานอีเวนต์เย็นนี้แกโดนนักข่าวรุมแน่) แม่เมย์รีบโทรมาแต่เช้าหลังได้ข่าวจากหน้าสื่อต่างๆ และทุกคนล้วนพุ่งเป้ามาที่เด็กในสังกัดของตัวเอง "ไม่เป็นไรแม่ อุตส่าห์มีงาน" (แกไหวนะ ยังไงฉันจะช่วยกันนักข่าวให้แล้วกัน) "ขอบคุณจ้ะแม่" วางสายไปแล้ว ก็ได้แต่นั่งถอนหายใจ เปิดเข้าไปอ่านคอมเมนต์ก็เห็นแต่ผู้คนด่า ทั้งหยาบคายทั้งสาปแช่ง ก่อนจะคว่ำโทรศัพท์ลงที่โซฟา เสียงแจ้งเตือนข้อความที่ดังตั้งแต่เช้ายังไม่มีทีท่าจะเงียบลง ทั้งข้อความจากคนรู้จัก จากนักข่าวหรือแม้แต่ข้อความจากโซเชียลที่ส่งเข้ามาด่า จนเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างคนหมดแรง "ค่ะพี่ธร" (พี่เห็นข่าวเรื่องรับงานอะไรนั่นน่ะ เลยเป็นห่
"ข่าวดาราขาลงรับงานกินข้าว มีแต่คนพุ่งเป้ามาที่น้องพราว น้องพราวคิดว่าไงคะ" "อืม...เรื่องธรรมดาค่ะ ที่คนจะมองแบบนั้น คงเพราะพราวไม่ค่อยได้รับงานช่วงนี้ค่ะ" ตุ๊กตาทองต้องเป็นของกู พร้อมรอยยิ้มหวานที่สาดให้ทุกคนก่อนจะจบลงที่คนถาม "น้องพราวหายหน้าไปไหนคะ ตั้งแต่ข่าวคราวนั้น" "ก็ยังอยู่นี่แหละค่ะ ใช้เวลาพักผ่อนบ้าง เดินทางบ้างตามประสา" "แล้วคิดจะกลับมาเล่นละครอีกไหมคะ" "ยังไม่มีแพลนช่วงนี้เลยค่ะ แต่ถ้าบทน่าสนใจก็โอเคนะคะ ผู้จัดติดต่อได้นะคะ พราวยังคิดถึงงานละครอยู่" "ข่าวว่างานกินข้าวหลายแสนเลย น้องพราวคิดว่าไงคะ" "โห หลายแสนเลยหรือคะ น่าสนใจ หยอกๆ ค่ะ" "แล้วช่วงนี้ความรักเป็นยังไงบ้างคะ" "โสดสนิทเลยค่ะ รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มไหมคะ" คำตอบของเธอสร้างเสียงหัวเราะให้พี่ๆ นักข่าวได้อย่างดี "ข่าวเมื่อครั้งนั้น ยังมีผลกับน้องพราวอยู่ไหมคะ" "เห็นคนด่าแล้วก็น่าจะยังมีผลกับทุกคนมั้งคะ แต่พราวมูฟออนแล้วค่ะ ตามที่เคยยืนยันไปครั้งนั้นแล้วว่าทุกอย่างไม่มีอะไร ตอนนี้ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมค่ะรวมถึงข่าวในวันนี้ด้วย ทุกอย่างไม่มีอะไร แต่ถ้าอยากกินข้าวโทรมาได้นะคะ" เธอจบบทส
อีกด้านของคฤหาสน์หลังใหญ่ภายในห้องทำงาน อธิปเดินเข้ามาถึงเห็นเจ้านายกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่พร้อมเอกสารกองโตตรงหน้า "คุณพราวฟ้าปฏิเสธรับงานครับ" ฟาริสชะงักปากกาที่กำลังเซ็นเอกสาร เงยหน้ามองลูกน้องคนสนิทที่ยืนห่างออกไปเพียงนิด "ทำไม เงินน้อยไปหรือ" ก่อนจะจรดปากกาลงที่เอกสารอีกครั้ง "เอ่อ...คุณพราวไม่มีคิวว่างครับ เห็นว่างานกินข้าวติดต่อมาเยอะมาก" คนฟังได้แต่ขมวดคิ้ว "อืม เข้าใจแล้ว แล้วเรื่องเงินกู้ที่ปล่อยไปเดือนหน้าครบกำหนดเยอะไหม" "เกือบสามสิบล้านครับ" "นายลงไปดูแลทีนะ ไอ้เข้มมันติดปัญหาอะไรหรือเปล่า เดือนที่แล้วก็มีจ่ายช้าใช่ไหม" "ครับ จ่ายดอกเบี้ยช้าไปล้านกว่าบาท แต่เงินต้นสิบห้าล้านได้ครบครับ" "ลงไปดูไอ้เข้มมันหน่อยแล้วกัน คนไหนปัญหามาก ก็ลองเรียกมาคุยกันหน่อย" "ได้ครับ" "อ้อ ลองเพิ่มค่าตัวให้ซิ" "เพิ่มค่าตัว ให้ใครครับ" อธิปถามขึ้นเพราะยังไม่เข้าใจว่าเจ้านายหมายถึงใคร คนถามก็ขมวดคิ้วมุ่น "ยายดารานั่นน่ะ" "อ๋อ...ครับ" เสียงลากยาวของลูกน้อง ทำให้ผู้เป็นนายเหลือบสายตามองอย่างไม่สบอารมณ์นักและเหมือนอธิปจะรู้ตัวรีบหายออกจากห้องไปทันที
พราวฟ้าถูกพากลับมาที่บ้านของฟาริสอีกครั้ง และครั้งนี้เธอได้นั่งรถตู้กลับมาพร้อมกับคุณอธิป ไร้ซึ่งพันธนาการที่ข้อมือและดวงตาก็ไม่ได้ถูกผ้าปิดไว้อีก จนเมื่อรถที่แล่นออกมาได้ครู่ใหญ่ๆ จึงรู้ว่าทิศทางที่เธอถูกปิดตามาทุกครั้งมันคือแถวไหน โกดังแถวชานเมืองเพียงแต่ยังรู้พิกัดที่แน่นอนเท่านั้นเอง เพราะไม่ค่อยได้มาแถวนี้สักเท่าไร เธอถูกพามาที่ห้องทำงานใหญ่ของฟาริส นั่งรอที่โซฟาตัวใหญ่ โดยมีคุณอธิปที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อย พอเจ้าของห้องวางมือจากเอกสารตรงหน้าก็เดินมาที่โซฟานั่งตรงข้ามกับเธอ "ไหนว่าคิวเต็ม ยังเก็บได้ไม่ครบสามล้านอีกหรือ" ฟาริสรับรู้เรื่องราวจากลูกน้องคนสนิทที่โทรกลับมาบอกเรียบร้อยแล้ว คนถูกถามก็ได้แต่นั่งหน้าตึง เจ้าหนี้นอกระบบก็สำรวจคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าใสขาวเนียนสิวฝ้าสักเม็ดก็แทบหาไม่เจอ ทั้งที่วันนี้เธอไม่ได้แต่หน้า เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงผ้าขาสั้นธรรมดา จนเขาเดารองเท้าที่เธอใส่มาได้เลยแม้ว่าตอนนี้เธอจะสวมสลิปเปอร์ของบ้านเขาอยู่ก็ตาม "ฉันไม่ได้รับงานแบบนั้น" "ถ้างั้นจะเอาเงินสามล้านจากที่ไหนคืนฉันล่ะ หรือให้ฉันไปจับพ่อเธอมาดี เธอคงไม่รู้ว่ามีพวกผีพนั
ห้องนอนของแม่บ้านที่อยู่ห่างจากตึกใหญ่ไปทางด้านหลังที่เป็นห้องครัว เป็นเรือนปูนขนาดไม่ใหญ่นักแบ่งเป็นห้องคล้ายห้องแถวเกือบสิบห้องเห็นจะได้ เธอได้อยู่ห้องริมสุดด้านในมีเตียงขนาดสามฟุตครึ่งโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้อัดราคาถูก ยังดีที่มีห้องน้ำในตัวและนอกจากนั้นทั้งห้องก็แทบจะไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรสักอย่าง นอกจากพัดลม เธอมองไปในห้องแล้วก็นิ่งเงียบไม่ได้เอ่ยอะไร คุณอธิปเพียงมองเธออย่างสำรวจ เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นทั้งที่ประตูห้องยังไม่ได้ปิด แม่บ้านที่เคาะประตูก็เดินเข้ามาพร้อมด้วยชุดพนักงานที่ยังอยู่ในถุงอย่างดี สีเดียวกับที่แม่บ้านใส่ เธอเดาว่าคงจะเป็นแบบเดียวกันนั่นแหละ "เดี๋ยวคุณเปลี่ยนชุดก่อน แล้วก็ตามป้าไปในครัวนะคะ" "เรียกพราวเฉยๆ ก็ได้ค่ะ" คงเพราะความเป็นดาราและป้าแม่บ้านคงจำเธอได้ น้ำเสียงที่เรียกจึงออกจะเกรงใจไม่น้อย "ถ้ามีอะไรก็บอกผมได้ เดี๋ยวป้าตองจะบอกรายละเอียดให้ครับ ป้าแกเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่" "ขอบคุณค่ะ" เมื่อทุกคนออกไปแล้ว เธอจึงได้แต่ทิ้งตัวนั่งลงที่เตียงขนาดไม่ใหญ่ได้แต่หวังว่าคืนนี้จะไม่นอนตกเตียงซะก่อน ถอนหายใจเฮ
"ผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ" "มาทำงานใช้หนี้อ่ะ" "ทำงานใช้หนี้" อลินาอุทานเสียงสูงอย่างไม่อยากเชื่อ "ชีตกต่ำขนาดนั้นเลยหรือคะ ก็เห็นผู้จัดการส่วนตัววิ่งหางานให้วุ่น" และแน่นอนงานที่ได้ไปต้องไม่ใช่จากช่อง ATV แน่นอน "หนี้จากพ่อน่ะ ผีพนัน" "ท่าทางคนบ้านนี้คงหาดีไม่ได้สักคน งั้นไอ้ที่ว่ารับงานกินข้าวก็คงจะจริงซินะ" คนที่รู้ความจริงอยู่เต็มอกได้แต่ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ไม่ได้ต่อความกับลูกสาวเจ้าของช่อง ATV ต่อ "ว่าแต่วันนี้ริสว่างไหม ไปทานข้าวนอกบ้านกันดีกว่าค่ะ แล้วก็ค่อยไปฟังเพลงกันต่อ อลินอยากฟังเพลง" "งานผมเยอะมากเลยวันนี้ นี่ก็ยังเซ็นเอกสารไม่เสร็จเลย อาจจะต้องทำงานดึกด้วยคืนนี้" "อย่างฟาริสไม่ต้องทำงานยังได้ ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย" "ไม่ทำงานก็จนตายซิครับคุณหนูอลิน นั่นมันคุณหนูอลินนะที่ไม่ต้องทำงานก็ได้" "พูดแบบนี้หาว่าอลินขี้เกียจหรือคะ" อลินาได้แต่ทำหน้าเง้างอดอย่างไม่จริงจังนัก "ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้นสักหน่อย" "งั้นเย็นนี้ทานข้าวที่บ้านก็ได้ค่ะ แล้วก็จิบไวน์กันสักขวดเป็นไงคะ" "อือ ก็ได้" ทำงานวันแรกก็เหมือนความซวยวิ่งเข้าหา เมื่อช่วงเย
จนเวลาสามทุ่มกว่าไวน์ขวดนั้นพร่องจนเกือบหมด หญิงสาวสวยผิวสีน้ำผึ้งในชุดเดรสรัดรูปสีครีมที่กำลังลุกขึ้นก็ทำท่าจะเซนิดๆ ฟาริสก็รีบเข้าไปช่วยประคอง มองดูทั้งคู่เดินหายเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนพวกแม่บ้านก็จัดการเก็บของทุกอย่างตรงนี้ให้เรียบร้อยราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น "ขับรถไหวไหม ให้อธิปไปส่งดีกว่า" ประคองหญิงสาวนั่งลงที่โซฟาได้ ก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "นึกว่าจะชวนค้างที่นี่ซะอีก" "อย่าเลยครับ เดี๋ยวผมต้องทำงานต่ออีก และขืนให้อลินนอนที่นี่ เช้าก็บ่นนอนไม่หลับอีก" "ริสก็นอนเป็นเพื่อนอลินซิคะ" เสียงหวานที่เอ่ยกระเซ้าคนข้างๆ พร้อมด้วยสายตาที่ทอประกายอย่างไม่ปิดบัง พลางขยับตัวเข้าหาชายหนุ่มอย่างจงใจ ฟาริสเพียงยกยิ้มมุมปาก "เราคุยเรื่องนี้กันแล้วไง ว่าจะคบกันเหมือนเพื่อนเท่านั้น" "แต่ริสก็ยังรักอลินอยู่นี่คะ อลินรู้นะ แล้วตอนนี้อลินก็หย่าแล้วด้วย" "พูดแบบนี้ใครได้ยินจะคิดว่าผมเป็นชู้เอานะ" "คนที่เป็นชู้คือผู้หญิงคนนั้นต่างหาก" เพราะคำว่าชู้สะดุดหู ทำให้หญิงสาวเสียงเข้มขึ้นทันที "แล้วทำไมตอนนั้นคุณไม่ฟ้องล่ะ" "ทนายบอกว่าหลักฐานไม่แน่นพอ แล้วเพราะสาธรเขาขอไว้ค่ะ
อธิปจึงหันไปหยิบให้เธออีกถ้วย พราวฟ้าจึงได้กอดบะหมี่สองถ้วยแล้วก็เดินตามคุณอธิปไปทางอีกฟากของบ้านที่เธอยังไม่เคยผ่านมาทางนี้ ประตูใหญ่เปิดออกก็เห็นโต๊ะทำงานที่วางอยู่กลางห้องชั้นหนังสือสูงแทบจะถึงเพดานมีหนังสืออยู่เต็มทุกชั้น โซฟาชุดใหญ่อยู่ถัดไปด้านใน เห็นเขานั่งอยู่ที่โซฟาเธอจึงได้เดินไปด้านใน และคุณอธิปก็ถอยห่างออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ "ต้มน้ำไว้ให้แล้วไปชงบะหมี่ซะก่อน" เขาบุ้ยหน้าไปทางโต๊ะตัวเล็กด้านในที่เป็นมุมกาแฟเล็กๆ หลังเคาน์เตอร์บาร์ เธอจึงเดินไปอย่างว่าง่าย "ต้มมาเผื่อด้วย" อ๋อ ที่ให้ถือมาสองถ้วยเพราะตัวเองหรอกหรือ พราวฟ้าเดินไปกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่อย่างเงียบๆ สองถ้วย กำลังจะถือทั้งสองถ้วยเดินกลับมาที่โต๊ะ "โอ๊ย..." เสียงร้องเพราะความร้อน พลางรีบวางถ้วยบะหมี่ลงที่เดิม สองมือรีบยกขึ้นจับติ่งหูตัวเองเพื่อคลายความร้อน คงต้องถือไปทีละถ้วย ยังไม่ทันจะเดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ คนตัวสูงก็เดินมาถึงด้านในเสียแล้ว "โง่จริงๆ เลยนะเธอเนี่ย" ไม่โง่ก็ถือเองซิยะ นอกจากคิดในใจก็ได้แต่ใช้สายตาเหลือบมอง ฟาริสจึงหยิบถ้วยบะหมี่ขึ้นไปถือเอง ผลที่ได้คือเขารีบวางทั้งสองถ้วยล
หลังจากพักเที่ยงทานข้าวกล่องกันง่ายๆ ช่วงบ่ายก็ยังดำเนินต่อไปไม่ต่างจากเมื่อเช้า เพียงแต่นักแสดงรับเชิญสองตัวสีดำที่จะต้องเข้าฉากในช่วงบ่ายดูจะสร้างความลำบากใจให้พราวฟ้าไม่น้อย เมื่อเธอจะต้องถูกภาวินพระเอกของเรื่องอุ้มขึ้นไปนั่งบนหลังหนึ่งในเจ้าสองตัวนั่น ซักซ้อมกันอยู่หลายครั้ง จนคนที่นั่งอยู่ในเต็นท์นั่งต่อไปอย่างไม่เป็นสุข ต้องเดินเข้าไปใกล้ๆ ทีมงานที่กำลังถ่ายทำโดยไม่สนใจสายตาของใครทั้งนั้น "ต้องขึ้นไปนั่งบนควายนั่นด้วยหรือไง" คำถามของเขาทำเอาทุกคนหันมามอง "ในบทเป็นอย่างนั้นครับ" ผู้กำกับรีบออกมาชี้แจง "เปลี่ยนไม่ได้หรือไง ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" "ฟาริส...คุณไปนั่งรอเถอะค่ะ พราวทำได้" พร้อมกับบอกเขาเสียงเบาแกมดุให้คนจุ้นจ้าน ดันตัวให้เขาเดินกลับเข้าไปรอในเต็นท์ "ตกไปทำยังไง" "ไม่ตกหรอกน่า" ฟาริสยอมถอยห่างออกมาแต่ก็เพียงนิดเดียว เสียงแอ็กชันสั่งนักแสดงเริ่มขึ้น ทุกอย่างก็เงียบกริบ ภาวินยืนอยู่ข้างควายตัวใหญ่ อุ้มพราวฟ้าให้ขึ้นไปนั่งไขว้บนหลังมันสำเร็จ แล้วตัวเองก็กำลังจะปีนตามขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย แต่จังหวะดึงเชือกสายตะพายเพื่อรั้งให้ตัวเองขึ้นไปนั่งได้ คว
ฟาริสหายออกไปครู่ใหญ่ๆ กลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อ ผ้าอนามัยแบบที่เธอต้องการอยู่ในนั้นเกือบสิบห่อ พราวฟ้าได้แต่ยิ้มน้อยๆ อย่างรู้สึกผิดที่เขาต้องออกไปซื้อของแบบนี้มาให้ แต่ก็อดขอบคุณเขาไม่ได้ ยื่นมือไปรับถุงพลาสติก แต่คนซื้อกลับดึงมือกลับ ไอ้ที่นึกขอบคุณอยู่ในใจเมื่อครู่จึงเปลี่ยนเป็นรอยขมวดคิ้วมุ่น "ฉันอุตส่าห์ออกไปซื้อให้ ไม่ขอบคุณสักคำหรือไง" "ก็กำลังจะขอบคุณนี่ไงคะ" ฟาริสกดยิ้มมุมปาก ก้มหน้าลงนิด พลางจิ้มนิ้วชี้ตัวเองลงที่แก้มสาก "หอมแก้มฉันทีนึง" พราวฟ้าแทบจะกลอกตาใส่ นี่เขาเห็นเธอเป็นเด็กหรือไง จะให้ของทีต้องหอมแก้มตอบแทน แต่ขืนช้ากว่านี้ไอ้ผ้าอนามัยที่ใส่แทนชั่วคราวไว้มันคงทำให้น้องสาวเธอผื่นขึ้นแน่ ขยับใบหน้าเข้าใกล้ชายหนุ่มเพียงนิด เผลอสบตาเข้ากับคนตรงหน้า ทว่าอยู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นในใจเงียบๆ แต่เธอกลับรับรู้ความรู้สึกนั้นได้อย่างดี หรือจะเพราะดวงตาพราวหวานเชื่อมของคนตรงหน้าที่ทำเธอเสียอาการ จนหัวใจแทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เมื่อเขายิ่งมอง เธอก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้กว่านั้นไม่ได้ "หันหน้าไปซิ" พร้อมกับพูดเธอก็ใช้ปลายนิ้วดั
"พราวได้คีย์การ์ดห้องแล้วหรือ" ยังไม่ทันจะคุยเรื่องห้องกับฟาริสจบ เสียงภาวินทักมาจากด้านหลัง ทำให้เธอหันไปมองจึงได้เห็นพระเอกหนุ่มหล่อกำลังเดินมาทางนี้ "ได้แล้วค่ะ เอ่อ..." ภาวินมองหน้านางเอกคนสวยแล้วก็เหลือบสายตาไปทางหนุ่มหล่อข้างกาย ที่เห็นตั้งแต่ที่กองถ่ายนั่นแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะมาถึงก็ถูกลากไปแต่งหน้าเข้าฉากถ่ายทันที พอถ่ายเสร็จก็แยกย้ายกันออกมา "ฟาริสครับ เป็นคนดูแลพราวฟ้า" เขาเอ่ยแนะนำตัวเอง ภาวินจึงได้ยื่นมือไปทักทาย ภาวินแยกไปรับกุญแจห้อง ฟาริสก็รีบดึงเธอเดินกลับห้องพัก "ดูท่าสนิทกับมันเหลือเกิน" "ใครคะ" "ไอ้พระเอกนั่นน่ะ" "อ๋อ พี่วิน ก็สนิทกันค่ะ เคยเป็นคู่จิ้นตอนเล่นละครด้วยกัน แล้วทำไมคุณไม่เปิดห้องใหม่อีกห้องคะ" เพราะห้องที่เปิดก็ดันให้คนขับรถไปแล้ว "ก็นอนห้องเธอไง" "คุณจะนอนได้หรือ" "ทำไมฉันจะนอนไม่ได้" "ก็เห็นทุกครั้งที่ทำเสร็จ คุณก็จะกลับห้อง คิดว่าคุณอาจจะอึดอัดถ้าต้องมานอนห้องฉัน" "งั้นเธอก็นอนโซฟาซิ" "คุณซิต้องนอน นั่นห้องฉัน แล้วอีกอย่างฉันนอนดิ้น นอนกรน นอนน้ำลายยืด อย่าบ่นก็แล้วกัน" "ถ้านอนแล้วสร้
รถมินิแวนคันหรูที่วิ่งออกจากกรุงเทพมาได้ครู่ใหญ่ๆ ตลอดทางเสียงคนข้างๆ ก็ยังถามถึงเรื่องราวของงานในวันนี้ไม่หยุด "ไอ้ธรมันตกต่ำถึงขนาดมาช่วยกำกับมิวสิกบ้านๆ แบบนี้เลยหรือไงเนี่ย" "เพื่อนเขาขอร้องให้ช่วย" "มาตั้งสองวันได้ค่าตัวแค่นี้อ่ะนะ นอนกับฉันแป๊บๆ ยังได้มากกว่านี้อีก" "คุณ นี่ฉันใช้ความสามารถในการหาเงินค่ะ" "อ๋อ ลืมไปเรื่องบนเตียงนั่นมันพรสวรรค์ของเธอ" "คุณฟาริส หยุดพูดสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ" "ฉันแค่ถาม แค่อยากรู้เรื่องในวงการ" "ทำไมไม่ไปถามคุณอลินาแฟนเก่าคุณล่ะ รายนั้นรู้เยอะกว่าฉันแน่" "ก็อยากจะถามเด็กเก่ามันผิดตรงไหน" "หยุดพูดได้ไหมคะ ฉันจะอ่านบท" รถคันหรูมาจอดที่หน้ารีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี เธอแอบเห็นพี่ธรยืนรวมกลุ่มกับใครอีกหลายคนน่าจะเป็นทีมงาน สายตาหลายคู่ที่หันมามองคงจะเพราะความหรูหราของรถคันละหลายสิบล้าน คนที่ก้าวขาลงจากรถไปก่อน เรียกสายตาให้สาธรหันมามองด้วยความสนใจ แต่พอเธอลงจากรถตามลงมา คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องอย่างสาธร ก็รีบเดินมาหาทันที "อ้าว พราว ทำไมมา..กับ" "สวัสดีค่ะพี่ธร เอ่อ.." "มีปัญหาอะไรกับเด็กข
รถมินิแวนคันหรูมาจอดที่หน้าร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งหนึ่ง บรรยากาศดูออกจะโรแมนติกไม่น้อย เธอเดินเกาะแขนเขามาเงียบๆ แต่ใจก็เต้นตึกตักเตรียมรับแรงกระแทกจากคนที่น่าจะผิดหวังในค่ำคืนนี้ "ฟาริส" และดูท่าคนที่คอยอยู่จะผิดหวังกว่าที่เธอคิดเสียอีก เมื่อสายตาของอลินาหันมาเห็นเธอที่เดินคู่มากับเขา "ขอโทษทีอลินา พอดีผมไปธุระที่อื่นมาก่อน เลยต้องเอาคุณพราวไปด้วย" อลินาขมวดคิ้วมองอย่างไม่สบอารมณ์ โชคดีโต๊ะที่อลินาจองไว้ เป็นแบบกึ่งโซฟา นั่งได้ฝั่งละสองคน ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องมีการเสริมเก้าอี้กันวุ่นวาย "คุณอลินาคงไม่ถือสาพราวนะคะ ที่จะขอร่วมโต๊ะด้วยคน" "หึ ขนาดสามีฉันเธอยังขอร่วม อย่างอื่นฉันคงไม่ต้องถือสาหรอกมั้ง" "เห็นไหมคะ ฟาริส บอกแล้วให้พราวกลับเองก็ไม่เชื่อ" "ขอโทษนะอลิน มันจำเป็นจริงๆ" สายตาอลินามองที่แขนแกร่งของคนที่บอกจำเป็นจริงๆ แต่ปล่อยให้อีกคนลอยหน้าเกาะแขนไม่ยอมปล่อย พราวฟ้านั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ฝั่งตรงข้ามกับอลินา ขยับเข้าไปด้านในเพียงนิด ฟาริสก็นั่งลงข้างๆ เธอ อาหารมื้อพิเศษ บรรยากาศที่เหมาะสำหรับคู่รักมาพลอดรักกันอย่างยิ่ง แต่กลับอิหลักอิเหลื่อสำหรับเธอไม
ประตูห้องที่ถูกเปิดออก คนด้านนอกก็รีบแทรกตัวผ่านคุณอธิปเข้ามาทันที "ริสคะ" อลินาชะงักตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องไม่ได้อยู่เพียงลำพัง สายตาที่มองมาถึงผู้หญิงอีกคนจึงดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที "ทำไม ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่ล่ะคะ" "ผมให้มาช่วยงานน่ะ งานเยอะ" คนตอบเดินกลับไปที่โซฟาหยิบเอกสารแผ่นเดียวที่วางอยู่ตรงนั้นเดินกลับมาที่หน้าประตู ส่งให้อธิปที่ยังยืนรออยู่ด้านนอก "จัดการให้เรียบร้อย" ประตูห้องปิดลงอีกครั้ง เขาก็เพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ไม่ได้สนใจแขกที่เดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา "พราว เอกสารที่ต้องเซ็นล่ะ" คล้ายเพิ่งหาตัวเองเจอว่าเธอควรจะทำอย่างไร คิดจะเดินออกจากห้องในทีแรกก็ไม่ทันเพราะเขาปิดประตูลงเสียก่อน เมื่อมีคำสั่ง เธอก็เพียงทำตามคำสั่ง หยิบเอกสารที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นมาส่งให้เจ้านายที่โต๊ะ "วันนี้ริสว่างไหมคะ ไปซื้อของเป็นเพื่อนอลินได้ไหมคะ" อลินายั้งคำว่าชอปปิงไว้ได้ทันเพราะไม่งั้นเธอคงจะดูเหมือนคนว่างงานขึ้นมาทีเดียว "งานผมยุ่งมากเลยอลิน ให้บอดี้การ์ดไปช่วยคุณถือของไหมล่ะ" คนที่กำลังเซ็นเอกสารเพียงตอบกลับไม่ได้เงยหน้ามอ
พราวฟ้าหาเสียงตัวเองเจอก็ตอนที่รู้สึกตัวว่าฝ่ามือร้อนๆ ลูบไปตามเรียวขาจนถึงขอบบิกินีด้านใน ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะลูบเลยไปถึงเนินอวบนูนภายใต้แพนตี้ตัวจิ๋ว "ไหนๆ ก็เป็นคนไม่มีมารยาทแล้ว งั้นจะเอาตรงไหนก็คงได้นะ" "เดี๋ยวคุณอธิปเข้ามา" เธอพยายามหาเหตุผล "ถ้าฉันไม่อนุญาตก็ไม่มีใครเข้ามาหรอก" "นี่ห้องทำงานนะคะ" "มีกฎข้อไหนห้ามเอาที่ห้องทำงาน" "อย่าค่ะ ฟาริส อ๊ะ..." มือที่ผลักอกแกร่งแปรเปลี่ยนเป็นขยำที่ไหล่เขาไว้แน่น เมื่อเนินสามเหลี่ยมด้านล่างถูกล่วงล้ำ นิ้วเรียวใหญ่ที่กรีดตามรอยแยกนวดคลึงกลีบเกสรอวบอิ่มอย่างชำนาญ ลูบไล้นวดคลึงติ่งเกสรด้านในช้าๆ ก่อนจะลงน้ำหนักขยี้ปลายนิ้วเร็วๆ "ฟะ...ฟาริส อย่า..ค่ะ" ดวงตาหวานที่ปรือตาจ้องมองคนตรงหน้า มันฉายชัดแห่งความต้องการอย่างไม่ปิดบัง ก่อนที่นิ้วมือนั้นจะค่อยกลับมานวดเค้นไปตามกลีบเกสรในจังหวะเนิบช้าอีกครั้ง "อยากให้หยุดจริงๆ หรือ" "อ๊า..." เธอเกือบจะปฏิเสธได้อยู่แล้วเชียว ถ้าอยู่ๆ นิ้วมือยาวนั้นไม่ได้ล้วงลึกเข้าไปด้านใน และมันกำลังสั่นไหวอยู่ภายในช่องทางรักคับแคบ เสียงปฏิเสธในคราแรกจึงกลายเป็นเสียงครางเบาๆ อย่างคนที่
พราวฟ้าก้าวเข้ามาในห้องทำงานในตอนเช้าตามเวลาปกติเหมือนทุกวัน หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่ห้องนอนส่วนตัวเสร็จ เธอก็จะเดินมาที่ห้องทำงานใหญ่ของฟาริส "อุ๊ย!" เสียงอุทานด้วยความตกใจ เพราะปกติเธอจะมาถึงก่อนผู้เป็นเจ้าของห้อง แต่วันนี้ฟาริสนั่งอยู่ในมุมมืดที่โซฟาด้านใน เธอรีบเปิดไฟในห้องให้สว่าง "มานั่งนี่ซิ" น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยเรียก เธอได้แต่ภาวนาให้อย่ามีเรื่องอะไรที่จะทำให้ปวดหัวไปมากกว่านี้เลย เพราะสีหน้าของคนที่นั่งอยู่มันบ่งบอกว่าเขามีเรื่องอะไรจะพูดแน่นอน หลังจากแอบอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือของเธอตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้เขาก็ตื่นเช้าเป็นพิเศษ หรือจะเรียกว่าหลับไม่เต็มตื่นนักก็ได้ อดทนเก็บความเคลือบแคลงใจนั้นไว้ไม่ไหว จนต้องมาดื่มกาแฟที่ห้องทำงานรอเวลา พราวฟ้าทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม วันนี้เธอเลือกใส่ชุดเดรสสีฟ้าอ่อนสั้นเหนือเข่าพอสมควรคลุมทับด้วยเสื้อคาร์ดิแกนไหมพรมสีเทาอ่อน ไอ้ท่าระแวงระวังจับกระโปรงสั้นจนน่าหมั่นไส้ ทำอย่างกับเขาไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ "คุณมีอะไรจะคุยกับฉันหรือเปล่าคะ" "เธอกับไอ้สาธร เป็นอะไรกัน" เมื่อเธอเข้าเรื่อง เขาก็ถามเร
ฟาริสอ่านข้อความนั้นอย่างเงียบๆ แล้วก็วางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะทำงานอย่างไม่ใคร่สนใจ เซ็นเอกสารในแฟ้มต่อ ทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ "ได้เรื่องไอ้สาธรบ้างไหม" อธิปถูกเรียกตัวไปที่ห้องส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ห้องใหญ่ชั้นสามของบ้าน ภายในตกแต่งไว้อย่างหรูหราสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสไตล์อิตาเลียนอย่างแท้จริง คนถามยืนแกว่งแก้วเหล้าอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่ "ยังครับ ผมสืบประวัติญาติพี่น้องหมดแล้ว ไม่มีส่วนไหนที่จะเป็นเครือญาติกับคุณพราวฟ้าอย่างที่สงสัยได้" "หรือยายนั่นมันจะแอบชอบไอ้สาธรจริงๆ" "ไม่น่าใช่นะครับ แต่เจอข้อมูลใหม่มาว่าคุณสาธรเคยโอนเงินให้คุณพราวห้าแสนครับ หลังจากเกิดเรื่อง" ฟังลูกน้องบอก ฟาริสก็ยังหาเหตุผลที่ดูจะมีเหตุผลจากแม่ดาราคนสวยนั่นไม่ได้สักนิด ยายนี่มันต้องโง่ ขนาดไหน "เดี๋ยววันเสาร์นี้ฉันจะไปเอง" "คุณฟาริสจะไปเอง" "ทำไม ก็ฉันอยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่าเรื่องของสองคนนี้มันยังไงกันแน่" "หรือที่จริงอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ครับ แค่คุณพราวอาจจะยืมเงินคุณสาธร คุณอลินาอาจจะเข้าใจผิด เพราะหลังจากนั้นสองคนนั้นก็แทบไม่ติดต่อกัน" "แต่ไอ้นั่นมันขอเลิกกับอลินานะ ไม่ติดต่อ