เมื่อนึกถึงลูกไม้ของลูกพี่ลูกน้องผู้นี้ว่า นางยังมีความสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องสองคนในบ้าน แต่คราวนี้กลับหนีไปกับนายน้อยเสิ่นโดยไม่สนใจความคิดของคนรอบข้าง แถมถูกเขาจับตัวได้ทันทีเซี่ยหลิงขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชามาก แล้วเลื่อนสายตาไปอย่างสงบ“ใส่เสื้อตัวหนึ่งให้นาง”นางถูกพยุงขึ้นและสวมเสื้อผ้าตัวหนึ่งหร่วนหนิงอวี่ก็ไม่คิดว่าหลังเกิดใหม่ จะได้พบกับเขาอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้เขายังเป็นหลานชายของผู้มีชื่อเสียงที่สูงเกินจะเอื้อม ใส่เสื้ออย่างเรียบร้อย ส่วนนางถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่ข้างเท้าของเขา ตัวเปียกโชกไปหมด และเสื้อผ้าปกปิดร่างกายไม่ได้ ไม่มีศักดิ์ศรีแต่อย่างใดเลยได้ยินเสียงเย็นชาของผู้ชาย สักพัก ความภูมิใจในตนเองที่แข็งแกร่งก็ล้อมรอบนางไว้ โดยเฉพาะในชาติที่แล้ว นางยังได้เป็นฮองเฮาหร่วนหนิงอวี่จับคอเสื้อให้แน่น มองดูผู้ชายที่อยู่ไม่ไกลนั้น นางทนไม่ไหว จึงพูดเยาะเย้ยออกมา"ท่านพี่ไม่ต้องแกล้งทําเป็นสุภาพบุรุษหรอก เมื่อกี้ได้มองหนิงอวี่อีกหลายครั้งไม่ใช่หรือเจ้าคะ"เซี่ยหลิงปฏิบัติตามมารยาทมากที่สุด สีหน้าได้เปลี่ยนไปอย่างที่คาดไว้ในที่สุดดวงตาที่ไร้ความรู้สึกนั้นก็มีการเ
จู่ๆหร่วนหนิงอวี่ก็ระวังขึ้นนางจําได้ว่าในชาติที่แล้ว เซี่ยหลิงไม่ได้ให้นางนั่งรถด้วยกันวันนี้ในชาติที่แล้ว หลังจากที่เซี่ยหลิงจับนางกับเสิ่นจิ่งยวี่ได้ นางตกใจจนหน้าซีด แต่เขาไม่ได้พูดอะไรสักคํา จึงสั่งให้คนโยนนางเข้าไปในรถม้าคันหลัง จากนั้นก็เดินไปตามทางหลวง เดินไปหลายวันค่อยมาถึงเมืองจิงเฉิงหรือเป็นทัศนคติที่เปลี่ยนไปของนางทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามมาในใจหร่วนหนิงอวี่มืดลงอย่างไรก็ตาม ในใจของนางก็ต่อต้านมากที่จะนั่งรถม้าคันเดียวกับเซี่ยหลิงนางเพิ่งอยากจะปฏิเสธ ทันใดนั้นฟู่เสว่ที่อยู่ข้างหลังก็ยกเชือกป่านที่ผูกไว้ที่ด้านหลังของนางขึ้นเมื่อก่อนเคารพนางว่าเป็นหลานสาวของตระกูลเซี่ย ตอนนี้นางได้ดูถูกเหยียดหยามประเพณีมาร้อยปีของตระกูลเซี่ย ได้กลายเป็นผู้ร้ายที่ใครๆก็เกลียด ตอนนี้คนรับใช้ของตระกูลเซี่ยก็โกรธนางด้วยในชั่วพริบตา หร่วนหนิงอวี่ก็สูญสิ้นแรงถ่วงไป ในไม่ช้าก็ถูกฟู่เสว่ทิ้งลงในรถม้าของผู้ชายอย่างหยาบคายหลังจากฟู่เสว่ทิ้งผู้หญิงที่ไร้ยางอายผู้นี้เสร็จ แล้วก็ทำหน้านิ่ง ๆ หยิบดาบแล้วนั่งอยู่บนเพลาหน้ารถด้านนอกหร่วนหนิงอวี่ตกลงบนพื้น และร้องเสียงหนึ่งสิ่งที่เห็น
ได้เกิดเสียงดังเสียงหนึ่งเหมือนเสียงหึ่งๆของดาบที่ออกจากฝักในตอนกลางคืน เย็นชาและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าร่างกายของหร่วนหนิงอวี่ตึงเครียด และระวังขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องราวในชาติก่อน และความโหดเหี้ยมเย็นชาของเขาในช่วงหลัง เธอไม่อาจที่จะไม่หวาดกลัวเซี่ยซวนจีในตอนนี้ ผู้ที่ยังคงมีความสามารถและความประพฤติอันบริสุทธิ์แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองกลับไป กลับเห็นว่าใบหน้าของเขาสงบนิ่ง เยือกเย็นและเรียบง่าย ราวกับพระโพธิสัตว์หยกองค์หนึ่งดูเหมือนว่าเขาไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของนาง หลังจากเล่นเพลงเสร็จ น้ำฝนตกลงมาจากหน้าต่างสองสามหยดบนหน้ากู่ฉิน เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาอย่างสงบ และเช็ดไปนิ้วมือที่เรียวยาวและเห็นข้อต่อชัดเจนเผยผิวขาวราวเครื่องกระเบื้องอันงดงามภายใต้แสงราตรีแสงจันทร์ส่องลงมาบนใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาอย่างอ่อนโยน คลุมเครือและเย็นชา แต่หร่วนหนิงอวี่ยังคงรู้สึกถึงความกลัวอย่างไร้เหตุผลราวกับว่าเขาไม่ได้เช็ดกู่ฉินอยู่ แต่กําลังเช็ดกระดูกของนางอยู่นางหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบอารมณ์ในเมืองจิงเฉิงปัจจุบันนี้ ใครๆก็ชอบของสวยงามสมุหราชเลขาธิการเซี่ยผู้มีความสามารถยิ่งใหญ่ในชาติที่แล้วเป
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ปวดท้องแล้ว หร่วนหนิงอวี่ยังได้กลิ่นเลือดบนริมฝีปากในตอนกลางคืนนี้ ดวงตาของนางแดงก่ำ ในสายตาของนางเต็มไปด้วยความคับข้องใจและความเกลียดชังนางได้ใช้ความพยายามมานานหลายปี นางคิดว่าตัวเองโหดเหี้ยมพอ แต่สุดท้ายก็โหดร้ายกว่าเซี่ยหลิงไม่ได้แม้ว่านางจะอยู่ในอันตรายที่นอนป่วย แต่เพราะนางเป็นหลานสาวของตระกูลเซี่ย พระสนมเจียงจึงบังคับถามนางเกี่ยวกับเรื่องภายในที่ไม่เอื้ออํานวยต่อตระกูลเซี่ย เพื่อเอาชนะเซี่ยหลิงโดยร่วมมือกับท่านอ๋องซิ่นหร่วนหนิงอวี่คิดว่านางไม่ได้ทำอะไรที่ละอายแก่ใจตนเอง คำนึงถึงพระคุณที่อาศัยในตระกูลเซี่ยตอนที่ตระกูลนางตกต่ำ ดังนั้นแม้ว่านางจะเลวร้ายกับเซี่ยหลิงมากอย่างนี้ นางก็ไม่เคยแตะต้องครอบครัวเซี่ยเลยแม้แต่เซี่ยอี๋เวินหลงรักมู่หรงเซินเป็นเวลานาน และยืนยันที่จะแต่งเข้ามา นางก็ได้ช่วยในงานเลี้ยงเลือกนางสนม และให้มู่หรงเซินเลือกเซี่ยอี๋เวินนางอ้าปากและเพิ่งอยากจะพูดอะไร แต่ก็เม้มริมฝีปากอีกครั้งนางเกลียดคนที่มาจากชนชั้นสูงมาพูดแบบนี้กับนางอย่างเฉยเมยและสูงส่งมากที่สุดนางจึงหันหน้าไปอย่างเย็นชา"ไม่เกี่ยวกับเจ้า"พูดจบ หร่วนหนิงอวี่ก็รู้สึกว่าภา
หร่วนหนิงอวี่คิดว่าตอนที่เขาได้ยิน จะมีปฏิกิริยาอย่างไรใครจะไปรู้ว่าเสิ่นจิ่งยวี่กระพริบตา แล้วยื่นมือออกมา วางบนหน้าผากของนาง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโปรดปราน "พี่หนิง เจ้าหิวจนงงงวยแล้วหรือ""เจ้าอยากกินอะไร เค้กนม ขนมข้าวเหนียว เค้กถั่วแดง หรือปูน้ำตาล เดี๋ยวข้าจะให้พ่อครัวที่จุดพักทําให้"หร่วนหนิงอวี่หน้าแดงทันที และพูดอะไรไม่ออก คําพูดของเขาดูเหมือนว่านางกินเก่งมากนางกลับมีสีหน้าไร้อารมณ์อย่างรวดเร็ว และตบมือของเขาออกถอยหลังไปหนึ่งก้าว"ข้าไม่ได้ล้อเล่น และไม่ได้เล่นลูกไม้อะไรอยู่""นายน้อยเสิ่น ข้าไม่รักเจ้าอีกแล้ว หวังว่าต่อไปเจ้าอย่าทําแบบนี้อีก"ประโยคนี้ได้แทงใจเสิ่นจิ่งยวี่อีกครั้ง ดวงตาของเขามืดลง ทัศนคติของนางห่างเหินและไม่แยแสมาก เขาเห็นออกได้ว่าพี่หนิงไม่ได้ล้อเล่นเขากําหมัดและกัดฟันแน่น "เรื่องเมื่อไหร่"หร่วนหนิงอวี่พูดอย่างลวกๆว่า "เมื่อคืน""พี่หนิง เลิกเล่นได้แล้วนะ"เสิ่นจิ่งยวี่ยื่นมือออกมา อยากดึงนางเข้าไปในอ้อมแขนเพื่อปลอบใจนางหร่วนหนิงอวี่ขมวดคิ้ว และหลบไปเมื่อเห็นความต่อต้านในสายตาของนาง มือของเสิ่นจิ่งยวี่แข็งทื่ออยู่ที่เดิม แล้ววางลงอย่
ตั้งแต่สมัยโบราณมา คนคลั่งรักส่วนใหญ่จะเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยหร่วนหนิงอวี่คิดว่า อาจต้องปฏิบัติต่อเขาเหมือนชาติที่แล้ว เสิ่นจิ่งยวี่ถึงจะท้อแท้โดยสิ้นเชิงถึงแม้ว่า... เขาจะเกลียดนางแต่นางรับแค่ผล วิธีทำนั้นก็ไม่สําคัญแล้วในชาติที่แล้ว นายน้อยเสิ่นน่าสังเวชเกินไป พัวพันด้วยความรักและความเกลียดชัง ใช้ชีวิตอย่างทุกข์ยากและเหงา พระเจ้าให้นางเกิดใหม่ อาจจะอยากให้นางตัดความแค้นจากต้นช่วงเวลาที่นางเกิดใหม่ พอดีเลยเป็นไปตามคาด หร่วนหนิงอวี่ได้เห็นสายตาที่เจ็บปวดเหมือนชาติที่แล้วบนใบหน้าของชายหนุ่มที่ถูกทรยศ ข้างในมีคงามคลั่งหลง ความเจ็บปวด ความโกรธ ความรังเกียจและความเกลียดชัง และ... ความคับข้องใจที่ซับซ้อนหลังจากเสิ่นจิ่งยวี่มองนางแวบหนึ่งก็ละสายตาไป และลงจากรถม้าโดยไม่พูดอะไรสักคําสายตาของหร่วนหนิงอวี่สงบมากแต่อารมณ์ก็ได้รับผลกระทบจากทัศนคติที่เงียบของชายหนุ่ม และอดหงุดหงิดไม่ได้ไม่นานหลังจากที่ชายหนุ่มลงจากรถ นางก็เปิดผ้าม่านรถพร้อมจะลงไปแต่ไม่คิดว่าหลังจากเปิดผ้าม่านรถแล้ว จะมีดวงตาที่สงบและมืดมนคู่หนึ่งหร่วนหนิงอวี่ตกใจจนเกือบจะตกลงไป นางรีบจับผ้าม่านรถถึงจะยืนไ
หร่วนหนิงอวี่รู้สึกว่าหนังหัวชาในชาติที่แล้ว ทุกครั้งที่นางหยอกเล่นกับนายน้อยคนอื่นในตระกูล หรือออกไปเที่ยวกับเจ้าเสี่ยผู้อื่นในเมือง นางก็จะพบกับพี่ชายคนโตผู้นี้อย่างแน่นอนบางทีนางก็สงสัยว่านางกับเซี่ยหลิงชงกันใช่ไหมหร่วนหนิงอวี่ที่หลายใจในเวลานั้นกลัวลูกพี่ลูกน้องคนโตคนนี้มาก รวมกับกินปูนร้อนท้อง เมื่อเห็นเขาปรากฏตัว นางก็รีบสะบัดมือของผู้ชายที่อยู่ข้างๆไปเซี่ยหลิงจะจ้องมองนางด้วยสายตาที่สงบและเคร่งขรึมทุกครั้ง โดยไม่พูดจาลูกพี่ลูกน้องที่สอบได้อันดับหนึ่ง เซี่ยหลิงยังคงอยู่ในตําแหน่งศักดิ์สิทธิ์ในใจของนางในเวลานั้นทุกครั้งที่สัมผัสกับสายตาอย่างนี้ของเขา หร่วนหนิงอวี่ซึ่งมุ่งมั่นที่จะปีนขึ้นไปตำแหน่งสูงจะก็อับอายเหมือนถูกถอดเสื้อผ้าออกนางก้มหน้าลง นิ้วมือจับแขนเสื้อใครๆก็รู้ว่าเซี่ยหลิงถือศีล ควบคุมตนเองตามมารยาท อนุรักษ์และสุขุมหร่วนหนิงอวี่ได้ละเมิดข้อห้ามของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย และกลายเป็นน้องที่ดื้อรั้นที่สุดและยากที่จะสั่งสอนของตระกูลเซี่ยในใจนางรู้สึกอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเซี่ยหลิงทำหน้าเคร่งขรึม และเหลือบมองมือที่นางดิ้นรนกลับไปตอนนั้น ก็พูดว่า"มานี่"เ
เป็นสามีภรรยากันมาสิบปี ในชาติที่แล้ว กล่าวได้ว่ารัชทายาทมู่หรงเป็นผู้ที่รู้จักนางดีที่สุด ด้านสวยงามของนางรวมถึงด้านความคิดร้ายของนาง เขารู้ทั้งหมดมีอยู่ครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้สำคัญได้ส่งนางสนมมา อีกฝ่ายทั้งสวยและอายุน้อย และมีนิสัยเย่อหยิ่ง ไม่รู้จักยับยั้งตัวเอง ดูถูกพื้นเพของนางที่เป็นราชินี หร่วนหนิงอวี่รู้สึกไม่เอื้อผลทันที เพิ่งอยากจะส่งคนสนิทไปแอบกําจัดมู่หรงเซินที่มาทานอาหารเย็นที่วังเว่ยยางก็เดาถูก ตอนนั้นเขาใช้ช้อนหยกทานซุปไก่รังนก หร่วนหนิงอวี่กําลังรับใช้เขาในการทานอาหาร ทันใดนั้น เขาก็พูดประโยคหนึ่งออกมา"จักรพรรดินีอยากกําจัดพระสนมเมิ่งหรือ"ทำเอาหร่วนหนิงอวี่ตกใจจนถูกน้ำซุปในชามลวกที่ข้อมือสีหน้าเขานั้นสง่างามและลึกลับ หร่วนหนิงอวี่ยากที่จะสังเกตความคิดของเขา ก็เลยคุกเข่าลงมู่หรงเซินกลับพยุงนางขึ้นมา ตรวจดูบาดแผลที่ข้อมือขาวเนียนของนาง แล้วสั่งคนไปรับยามา เสียงที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ "ข้าได้บอกเมื่อไหร่ว่าจะลงโทษเจ้าล่ะ""ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าทำเรื่องสกปรกเช่นนี้ ในเมื่อเจ้าไม่ชอบ แค่นางสนมคนเดียวเอง จงกําจัดในคืนนี้เถอะ"จักรพรรดิพูดคําที่เย็นชาและโหดร้
คุ้นเคยกับพฤติกรรมที่ไม่แยกถูกผิดของท่าน้าคนนี้ในชาติที่แล้ว หร่วนหนิงอวี่ก็ไม่แปลกใจแล้วผู้ใหญ่ไม่ได้ให้นางลุกขึ้น นางก็ได้แต่คุกเข่าแบบนี้การตำหนิของพวกท่านน้าในศาลบรรพบุรุษตระกูลเซี่ยในวันนี้ นางไม่ได้กลัวแม้แต่น้อยสิ่งที่ทําให้นางกลัว...กลับเป็นฉากที่ผู้ชายสูงส่งถือเฆี่ยนมาลงโทษตามกฎเกณฑ์ตระกูลแทนในชาติที่แล้วเลยแค่คิดแบบนี้ หร่วนหนิงอวี่ก็รู้สึกว่ากัดริมฝีปากจนออกเลือดได้แล้วฟังคําพูดรุนแรงที่เข้าข้างของเซี่ยเฉิงหนิง มือของนางวางบนเข่า และก้มหน้าก้มตาเสมอ"ท่านน้าสอง ท่านน้าสามเจ้าค่ะ เรื่องหนีตามไปข้าจะยอมลูกลงโทษเอง""แต่เรื่องหนีตามไป...ไม่ใช่ความผิดของข้าคนเดียว"เมื่อหร่วนหนิงอวี่พูดจบ ก็ยกดวงตาที่เย็นชาเหมือนน้ำค้างแข็งขึ้น ข้างในสดใสมาก"ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายเสิ่น จะพูดว่ามีความสัมพันธ์ได้อย่างไร"เซี่ยเฉิงหนิงตกตะลึง "เจ้าหมายความว่าอะไร"หร่วนหนิงอวี่ยืดตัวตรง เสียงเพราะเหมือนลูกปัดเล็กๆี่ตกลงบนจานหยก"วันนั้น เคยมีใครเห็นข้าออกจาบ้านไปและหนีตามไปหรือเปล่า""อีกอย่าง ใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าความสัมพันธ์ของข้ากับคุณชายเสิ่นไม่บริสุทธ
เซี่ยอี้โม่ เป็นลูกสาวของคุณนายเหอนะ ใครจะกล้าพูดล่ะเซี่ยเฉิงอันเห็นว่าคนทั้งห้องเงียบสงบ สายตาก็มองไปที่ด้านล่าง"ทำไม พูดไม่ได้เหรอ"สายตาของหร่วนหนิงอวี่ยังคงสงบแม้ว่าหลังจากที่นางได้เป็นราชินีในชาติที่แล้วเซี่ยเฉิงอันก็มีความขัดแย้งทางการเมืองกับนาง แต่ว่า...เซี่ยเฉิงอันกลับเป็นท่านน้าที่ถือว่าดีได้ ไม่ได้ใกล้ชิดขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ไร้ความปราณีนอกจากเซี่ยหลิงแล้ว เซี่ยอี้โม่กลัวลุงสองคนนี้มากที่สุดเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่ชัดเจนของเซี่ยเฉิงอัน นางก็ก้มหัวลงและไม่มีอารมณ์ที่หยิ่งผยองอีกแล้วเหอโล่เหมยกลับดูสงบมากดวงตาที่สวยงามคู่หนึ่งของนางก็มองไปพวกคนรับใช้ที่เงียบกริบอยู๋รอบๆ "เกิดอะไรขึ้น เกิดเรื่องใหญ่อย่างนี้ในหมู่คุรหญิง จะไม่มีใครรู้เลยหรือ"เมื่อเห็นพวกเขายังคงหดตัว นางก็โกรธมาก"พวกทาสที่ต่ำต้อยอย่างพวกเจ้า ล้วนรับเงินเดือนแต่ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น"พอเหอโล่เหมยระบายอารมณ์เสร็จ ก็พูดกับแม่นมซูที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆด้วยความโกรธว่า "ยังตะลึงทําอะไรอยู่ รีบไปค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณหญิงสิ อี้โม่ได้ทําเรื่องแบบนี้กับสาวห้าจริงๆหรือเปล่า"แม่นมซูที่ถูกเรียกชื่อร
ที่คุณซานเซี่ยจะทำแบบนี้ หลังจากผ่านชาติที่แล้วมา หร่วนหนิงอวี่ก็ไม่แปลกใจแล้วนางรู้สึกเสมอว่า คุณชายใหญ่เซี่ยเฉิงหยางซึ่งเป็นท่านพ่อของเซี่ยหลิงเป็นข้าราชการขั้นสอง คุณชายสองเซี่ยเฉิงอันมีความรู้เป็นพิเศษ และเป็นกวีที่มีชื่อเสียงมากในยุคต้าหมิงในปัจจุบัน และหลานชายคนโตเซี่ยหลิงก็ยิ่งไม่ต้องพูดแล้วทายาทสายตรงของตระกูลเซี่ยรุ่นนี้ล้วนโดดเด่นมาก มีแต่เซี่ยเฉิงหนิงเท่านั้น...หร่วนหนิงอวี่รู้สึกว่าเขาไม่สมควรเป็นลูกหลานตระกูลเซี่ยจริงๆไร้ความสามารถ และไร้คุณธรรมด้วยเป็นลูกของตระกูลเซี่ย แต่แม้แต่หนึ่งในสิบของพี่ชายสองคนก็เอื้อมไม่ถึงในชาติที่แล้ว ที่เหอโล่เหมยพูดอะไรเขาก็ทําอย่างนั้น โดนใช้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเซี่ยเฉิงหนิงจะให้นางแต่งกับคนอื่นหลายครั้ง เป้าหมายของการแต่งงานมีท่านอ๋องเก่าที่อายุเกิน 40 ปีในเมืองจิงเฉิง นายพลพ่อหม้ายที่โหดร้าย ภรรยาน้อยตายไปหลายคน แม้กระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณชายอีกสองคนไม่ได้อยู่ในตระกูล ที่บ้านมีแขกผู้มีเกียรติมาเยี่ยม อีกฝ่ายชอบนางที่มีหน้าตาดีโดยยังไม่ได้พัฒนาเต็มที่คิดไม่ถึงว่าวันนั้นเซี่ยเฉิงหนิงจะให้นางที่เป็นหลานสาวมาเทเหล้าในงานเลี้ยงใ
ทุกคนต่างตกใจ และรีบไปขวางหร่วนหนิงอวี่ในขณะที่หัวของหร่วนหนิงอวี่จะชนกับเสา นางก็ถูกชุนลวี่กอดร่างไว้จากข้างหลังชุนลวี่พูดด้วยน้ำตา "คุณหญิงเจ้าคะ เจ้าไม่สามารถทำแบบนี้ได้นะเจ้าค่ะ"หร่วนหนิงอวี่กลับไม่ฟังใบหน้าของนางเปื้อนด้วยน้ำตา "เจ้าอย่าห้ามข้าเลย...ข้าไม่มีหน้าไปเผชิญหน้ากับพวกท่านน้าแล้ว เจ้าปล่อยให้ข้าไปตายเถอะ ให้ข้าไปขอขมาต่อหน้าบรรพบุรุษของตระกูลเซี่ยด้วยตัวเอง"พูดจบ ก็ทำท่าจะไปชนทำให้แม่นมและสาวใช้ในศาลตกใจ และไปห้ามอีกทุกคนต่างชักชวนว่า คุณหญิง อย่านะศาลบรรพบุรุษวุ่นวายเหมือนตลาดทันทีเมื่อเหอโล่เหมยเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็มืดมนไปหมดแล้ว ทําไมนางไม่คาดคิดมาก่อนว่า หร่วนหนิงอวี่ที่โง่เขลาก่อนหน้านี้ ได้ฉลาดในครั้งนี้ และเริ่มแสร้งทําเป็นน่าสงสารและจะฆ่าตัวตายชีวิตสำคัญมาก แม้ว่านางจะหนีไปกับเสิ่นจิ่งยวี่ ความผิดนี้ก็จะไม่ถึงขั้นต้องตายตามที่คาดไว้ เซี่ยเฉิงหนิงที่โกรธจะอยู่ในอารมณ์หดหู่ใจทันที เขาก็ตกใจกับพฤติกรรมของหร่วนหนิงอวี่ที่ตั้งใจจะตาย กลัวว่านางจะชนตายต่อหน้าบรรพบุรุษทุกรุ่นของตระกูลเซี่ยจริงๆ ดังนั้นเปลือกตาของเขาก็กระตุกอย่างรุนแรง"พอแล้ว"เซี่
แม้อีกฝ่ายเป็นท่านพ่อของตัวเอง เซี่ยอี้โม่ก็ตกใจกับเสียงตำหนิที่ดังเหมือนฟ้าร้องของเขาไม่ได้เห็นว่าคุณชายสามโกรธขนาดนี้มานานแล้ว...คนรับใช้ที่เฝ้าอยู่ในศาลบรรพบุรุษก้มหน้าอย่างรู้กาลเทศะทันทีคําพูดของเหอโล่เหมย เรียกได้ว่าโหดร้ายที่สุด ขยายบาปของนางให้ใหญ่สุด ถ้าพูดเรื่องอื่นก็ไม่เป็นอะไร แต่สิ่งที่เหอโล่เหมยพูดเกี่ยวกับอาชีพการงานของคุณชายทุกคนเหอโล่เหมยนี่อยากฆ่านางตางชัดๆหร่วนหนิงอวี่ไม่แปลกใจแล้ว เหอโล่เหมยก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ตราบใดที่นางทําผิดพลาดอะไร ท่านน้าสะใภ้ของนางก็จะปรากฏตัวทันเวลา และพูดแทนนางในนามว่าห่วงใยนาง แต่จริงๆแล้วทุกคำพูดก็เป็นพิษ เป็นอันตรายถึงชีวิต มีแต่จะทําให้นางถูกลงโทษหนักขึ้นนางได้สัมผัสกับลูกไม้ของท่านน้าสะใภ้คนนี้มานานแล้ว เป็นคนปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ตอนที่นางเพิ่งมาถึงตระกูลเซี่ย นางยังคิดว่าคุณนายเหอจะปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจจนกระทั่งนางถูกคิดร้ายจนแทนเสียความบริสุทธิ์ไป นางถึงจะได้ลิ้มรสความเก่งของเหอโล่เหมยอย่างแท้จริงเพื่อไม่ให้นางส่งผลกระทบต่อเซี่ยอี้ซูที่จะเข้าร่วมการสอบขุนนาง เหอโล่เหมยอยากให้ลูกชายของพ่อบ้านเฉาข่มขืนนางโชคดีที
เหตุผลที่นางมุ่งเป้าไปที่หร่วนหนิงอวี่ นอกจากเพราะลูกชายแล้ว...ยังมีเหตุผลสําคัญอีกประการหนึ่งคือ เมื่อหร่วนหนิงอวี่เพิ่งมาถึงตระกูลเซี่ยในเมื่อปีที่แล้ว ใบหน้าที่โดดเด่นเช่นนี้ก็ได้สร้างความฮือฮาไปทั่วเมืองจิงเฉิงทันที ถ้าไม่ใช่ตอนนี้นางยังเด็กอยู่ สถานะของผู้งามงามอันดับหนึ่งในเมืองจิงเฉิงก็กลัวว่าจะเสียไปตราบใดที่มีหร่วนหนิงอวี่อยู่ คนอื่นๆก็มองไม่เห็นเซี่ยอี้โม่ที่โดดเด่นในตระกูลเซี่ย และยิ่งมองไม่เห็นผู้หญิงคนอื่นในตระกูลมองดูหน้านางเหอโล่เหมยด่าในใจว่า โชคร้ายจริงๆเมื่อเห็นหร่วนหนิงอวี่ เซี่ยเฉิงอันในที่นั่งหลักยังคงดื่มชาอยู่ สีหน้าของเซี่ยเฉิงหนิงดูแย่มาก แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดชั่วขณะหนึ่งท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็เป็นหลานสาวของเขา เขาเป็นผู้ใหญ่ชาย ไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงเงียบไปก่อนเหอโล่เหมยสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อหันไปมองหร่วนหนิงอวี่ ดูเหมือนได้พบโลกใหม่ จงใจส่งเสียงประหลาดใจ"ถ้าข้ามองไม่ผิด นี่เป็นเสื้อผ้าที่คุณหญิงใส่ในวันที่หนีไปจากเมืองกับนายน้อยเสิ่นใช่ไหม"ตามที่คาดไว้ สีหน้าของเซี่ยเฉิงหนิงดูแย่ขึ้นทันทีเมื่อเขามองไป ดวงตาของเขาก็โกรธจนเบิกกว้าง"หร่วนหน
ที่ศาลบรรพบุรุษตระกูลเซี่ยคุณนายสามเหอโล่เหมยกําลังกอดเซี่ยอี้โม่ และร้องไห้ด้วยป้องหน้าโดยผ้าเช็ดหน้าคุณชายเซี่ยเฉิงหนิงยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วแน่นมาก แต่ไม่พูดอะไรสักคำเหอโล่เหมยขึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง แล้วร้องไห้เสียงดังมากขึ้นในไม่ช้า"ตอนนั้นที่ท่านแม่ยืนยันจะรับหลานสาวคนนี้มาเลี้ยงที่ตระกูล ข้าก็ไม่ยอม ตอนที่นางมาถึงตระกูลเซี่ยเป็นครั้งแรก ข้าไปต้อนรับที่ประตู แวบแรกที่เห็นหน้านาง ในใจข้าก็ตกตะลึง""หน้าตายั่วยวนขนาดนี้...พูดให้สุภาพหน่อย ก็เป็นลูกสาวที่เกิดจากตระกูลเล็กๆ ถ้าคนอื่นพูดอย่างหยาบคายหน่อย มันจะแตกต่างจากผู้หญิงตุ้งติ้งที่ต่ำต้อยตรงไหน"ยังไงหร่วนหนิงอวี่ก็เป็นญาติของพวกเขา นับประสาอะไรกับท่านแม่ของนาง นางหลิ่วมีพระคุณช่วยชีวิตแม่นายเซี่ยเซี่ยเฉิงหนิงเปลี่ยนหน้าเล็กน้อย "รีบหุบปากเถอะ อย่างน้อยนางก็เป็นหลานสาวของเจ้า"ผู้หญิงต่ำต้อยคนนั้น ก็คู่ควรที่จะเป็นญาติกับลูกสาวของผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของยุคต้าหมิงได้หรือเหอโล่เหมยทำหน้าบึ้ง อยากโต้แย้งโดยไม่รู้ตัว แต่เห็นว่าเซี่ยเฉิงอันนั่งดื่มชาอยู่ที่นั่งหลัก เลยอัดอั้นคําพูดกลับไปคุณหญิงหร่วนก็เลี้ยงไว้ที่ลานบ้านของเ
ตามด้วยเสียงตําหนิ พวกแม่นมที่อยู่ข้างนอกมองหน้ากัน ก็วางแผนที่จะยกแขนเสื้อขึ้น เบียดชุนลวี่ไปและบุกเข้าไปในห้องคุณนายสามได้ออกคำสั่งแล้วแม้ว่าคุณหญิงลูกพี่ลูกน้องจะตาย ศพนางก็ต้องถูกยกไปที่ศาลบรรพบุรุษตระกูลเซี่ยและคุณนายสามบอกแล้วว่าไม่จําเป็นต้องเกรงใจต่อคุณหญิงลูกพี่ลูกน้อง แม้ว่านางจะเชื่อฟัง ก็ต้องปล่อยให้นาง ถูก"จับ"กลับไปที่ศาลบรรพบุรุษอย่างอับอายต้องให้นางเสียหน้าในตระกูลเซี่ยอย่างสิ้นเชิงตอนนั้นเหอโล่เหมยนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แดงและยิ้มอย่างเย็นชาช่างกวนตีนเลย คุณหญิงลูกพี่ลูกน้องที่ต่ำต้อยที่แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่มีคนหนึ่ง จะรังแกลูกสาวสุดที่รักของนางได้หรือแม่นมซูพวกนางกําลังวางแผนที่จะบุกเข้าไป จับหร่วนหนิงอวี่โดยไม่สนใจนาง และตบหน้านางอีกสองสามครั้งเพื่อแก้แค้นแทนเซี่ยอี้โม่ แล้วค่อยพากลับไปที่ศาลบรรพบุรุษทันใดนั้น ก็เห็นว่าคุณหญิงลูกพี่ลูกน้องที่เอวบาง หน้าสวยก็เดินออกมาจากห้องอย่างสงบ"พวกแม่นมสบายดีไหม"หญิงชราเหล่านี้ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งเห็นว่าหญิงสาวยืนอยู่ที่ประตูด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับเย็นชา "รีบดูคนรับใช้ที่ถูกเลี้ยงดูในหอของท่านน้าสะใภ้สามสิ พวกแม่น
"คุณหญิง..."ชุนลวี่ตกตะลึงเล็กน้อย ไม่คิดว่านางจะรังเกียงนายน้อยใหญ่โดยไม่มีเหตุผลขนาดนี้เมื่อเห็นว่านางนั่งอยู่ตรงนั้น และไม่พูดจาอีกไม่มีทางเลือก ชุนลวี่ก็พูดด้วยกัดฟันว่า "งั้นตอนนี้ข้ากลับไปหาเสื้อผ้าที่สะอาดมาให้คุณหญิงเจ้าค่ะ ถ้าคุณหญิงไม่รังเกียจ..."หร่วนหนิงอวี่กล่าวว่า "ไม่ต้องหรอก"นางวางถ้วยชาลง "ข้าใส่ชุดนี้ก็พอ"ชุนลวี่เบิกตากว้างคุณหญิงจะใส่ชุดนี้ไปที่ศาลบรรพบุรุษได้อย่างไร นี่จะยิ่งทําให้ตัวเองตกเป็นข่าวซุบซิบ และยิ่งยากที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ใช่หรือชุนลวี่ยังอยากจะชักชวนต่อ ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากลานชุนลวี่ออกไปดู ที่แท้มีแม่นมเข้ามาจากข้างนอกหลายคน เป็นคนรับใช้ของตระกูลมานานแล้ว เคยชินกับการทำงานหนัก แต่ละคนก็ตัวใหญ่ ต่อมาก็เพราะอายุมากกว่า และมีฐานะในพวกคนรับใช้ หน้าตาก็ดูใจร้ายขึ้นชุนลวี่หน้าซีดไปและแม่นมที่เป็นผู้นํานั้น เป็นมือขวาของคุณนายสามเลย แม้แต่พวกคุณหนูในตระกูลก็ต้องเคารพนางด้วยแม่นมซูยืนอยู่แถวหน้า พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า"พวกคุณชายให้พวกทาสอย่างพวกข้ามาเชิญคุณหนูลูกพี่ลูกน้องไปศาลบรรพบุรุษ""เชิ