เป็นสามีภรรยากันมาสิบปี ในชาติที่แล้ว กล่าวได้ว่ารัชทายาทมู่หรงเป็นผู้ที่รู้จักนางดีที่สุด ด้านสวยงามของนางรวมถึงด้านความคิดร้ายของนาง เขารู้ทั้งหมดมีอยู่ครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้สำคัญได้ส่งนางสนมมา อีกฝ่ายทั้งสวยและอายุน้อย และมีนิสัยเย่อหยิ่ง ไม่รู้จักยับยั้งตัวเอง ดูถูกพื้นเพของนางที่เป็นราชินี หร่วนหนิงอวี่รู้สึกไม่เอื้อผลทันที เพิ่งอยากจะส่งคนสนิทไปแอบกําจัดมู่หรงเซินที่มาทานอาหารเย็นที่วังเว่ยยางก็เดาถูก ตอนนั้นเขาใช้ช้อนหยกทานซุปไก่รังนก หร่วนหนิงอวี่กําลังรับใช้เขาในการทานอาหาร ทันใดนั้น เขาก็พูดประโยคหนึ่งออกมา"จักรพรรดินีอยากกําจัดพระสนมเมิ่งหรือ"ทำเอาหร่วนหนิงอวี่ตกใจจนถูกน้ำซุปในชามลวกที่ข้อมือสีหน้าเขานั้นสง่างามและลึกลับ หร่วนหนิงอวี่ยากที่จะสังเกตความคิดของเขา ก็เลยคุกเข่าลงมู่หรงเซินกลับพยุงนางขึ้นมา ตรวจดูบาดแผลที่ข้อมือขาวเนียนของนาง แล้วสั่งคนไปรับยามา เสียงที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ "ข้าได้บอกเมื่อไหร่ว่าจะลงโทษเจ้าล่ะ""ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าทำเรื่องสกปรกเช่นนี้ ในเมื่อเจ้าไม่ชอบ แค่นางสนมคนเดียวเอง จงกําจัดในคืนนี้เถอะ"จักรพรรดิพูดคําที่เย็นชาและโหดร้
แค่สามชั่วโมง รถม้าก็มาถึงตระกูลเซี่ยตระกูลเซี่ยในฉางอันเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของยุคต้าหมิง มีข้าราชการระดับสูงมาหลายชั่วอายุคน ท่านปู่ทวดของเซี่ยหลิงเป็นข้าชารการที่มีผลงานยิ่งใหญ่ นำพรมาสู่ลูกหลาน ญาติห่างๆกันของตระกูลเซี่ยก็พัฒนาได้ดี ต่างมีความรุ่งโรจน์เป็นของตัวเอง ในเมืองจิงเฉิง ทายาทสายตรงของตระกูลเซี่ย เว้นแต่จะได้พบกับราชวงศ์ชั้นสูง มิฉะนั้นก็ไม่จําเป็นต้องทำความเคารพประเพณีของตระกูลเซี่ยยอดเยี่ยมมาก แม้ว่าจะเป็นตระกูลที่มีข้าราชการมาหลายชั่ว แต่ลูกหลานตระกูลเซี่ยมักจะสุจริตมาก ตระกูลเซี่ยมีผู้มีความสามารถมากมาย และเซี่ยหลิงซึ่งเป็นหลานชายคนโตของรุ่นนี้ก็เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในรอบร้อยปี เป็นอัจฉริยะที่แท้จริงครอบครัวแบบนี้ ให้ความสําคัญกับประเพณีของตระกูลมากที่สุดดังนั้น เมื่อหร่วนหนิงอวี่เพิ่งลงจากรถม้า หน้าประตูของตระกูลเซี่ยกลับไม่มีคนแม้แต่คนเดียว มีเพียงสิงโตหินสองตัว จากหมุดย้ำที่ประตูสีแดง ที่จับทรงนกกระเรียน และทับหลังประตูที่หรูหรา จะมองเห็นมรดกของตระกูลได้นางเป็นแค่คุณหนูลูกพี่ลูกน้องที่อาศัยอยู่ในบ้านของคนอื่น แถมได้ทําเรื่องหนีไปกับผู้ชายต่างตระกูล ตระกูล
"น้องหร่วน สาวใช้ของเจ้าขี้โกหก ทั้งๆที่เป็นหยวีนถวนบังเอิญเข้าไปในห้องน้อง แล้ววิ่งเข้าไปในตู้เสื้อผ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงขูดเสื้อผ้าของน้องจนเสียไปหมด"หยวีนถวนเป็นแมวที่เซี่ยอี้โม่เลี้ยงเซี่ยอี้โม่มองไปที่หร่วนหนิงอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างไร้เดียงสา "หยวีนถวนเป็นของขวัญวันเกิดที่ท่านแม่มอบให้ข้าในปีนี้ น้องหร่วนจะระบายโทสะกับมันไม่ได้มั้ง อย่างน้อยมันก็ถือเป็นเจ้านายได้ อาหารการกินและเสื้อผ้าในวันธรรมดาของมัน จะฟุ่มเฟือยกว่าน้องมากเลยนะ""อีกอย่าง น้องจะถือสาสัตว์ตัวหนึ่งทำไมล่ะ เจ้าว่าใช่ไหม"แม่ของเซี่ยอี้โม่เป็นเมียหลวงของคุณชายสาม ตําแหน่งคุณนายสองว่างเปล่ามานานแล้ว แม่แท้ๆของหลานชายคนโตเซี่ยหลิงก็เสียชีวิตไป แต่ความสามารถของภรรยาใหม่ของคุณชายใหญ่เอาชนะคุณนายสามไม่ได้ ดังนั้นผู้ดูแลตระกูลจึงเป็นเหอโล่เหมยซึ่งเป็นแม่ของเซี่ยอี้โม่อยู่เสมอเมื่อเห็นว่าชุนลวี่ยังร้องไห้อยู่ เซี่ยอี้โม่ลูบขมับหน่อย "เสียงดังจะตาย ตบปากมันเลย ไม่ดูว่าตัวเองเป็นคนที่ต่ำต้อยอะไร สามารถโหยกเหยกต่อหน้าข้าได้หรือ"หลิงเซียงซึ่งเป็นสาวใช้ของเซี่ยอี้โม่ก้าวไปข้างหน้าแล้วก็ตบหน้าอย่างแรง ปิ่นปักผมของชุน
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหร่วนหนิงอวี่เย็นชามาก เซี่ยอี้โม่ก็กล่าวว่า "เด็กๆ ตบต่อไปเลย"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่ว่าเซี่ยอี้โม่จะเย่อหยิ่งมากแค่ไหนก็จะไม่กล้าทําแบบนี้กับลูกพี่ลูกน้องคนนี้เลย ถ้าแพร่ออกไป นางจะเสียชื่อเสียงด้วยว่า "รังแกลูกพี่ลูกน้องที่ห่างๆกัน" และทำเรื่องที่ตัดเสื้อผ้าของหร่วนหนิงอวี่ให้หมดไม่ได้การอบรมที่บ้านเข้มงวดมาก ไม่อนุญาตให้ลูกหลานรังแกน้องๆ หากฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ตระกูล ผู้ใหญ่ก็จะลงโทษเพื่อตักเตือนผู้อื่นแต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วหร่วนหนิงอวี่หนีไปกับผู้ชายต่างตระกูล ได้ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ตระกูล และทำสิ่งเลวร้ายเช่นนี้ พวกเขาเป็นตระกูลใหญ่มาร้อยปี เซี่ยอี้โม่ไม่เชื่อว่าตระกูลเซี่ยจะไม่ไล่หร่วนหนิงอวี่ออกจากบ้านไปนางแค่สั่งสอนผู้หญิงไร้ยางอายผู้นี้แทนตระกูลเซี่ยเท่านั้นเซี่ยอี้โม่พูดเบาๆต่อว่า "แต่ข้าได้ยินว่าน้องหร่วนน่าสงสารมาก ตั้งแต่เด็กก็เป็นคนที่ไม่มีแม่สั่งสอน พึ่งพากันกับสาวใช้คนนี้มาตลอด ถ้าน้องจะยอมขอร้องข้า ข้าก็สามารถขอความเมตตาแทนน้องได้ ยังไงสำเนาทะเบียนบ้านทาสของอีชุนลวี่นี้อยู่ในมือของท่านแม่ข้า"พูดจบ เซี่ยอี้โม่ก็มองไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างแปลง
แต่ไม่คาดคิดว่าการคุกเข่าของหร่วนหนิงอวี่จะหยุดลงในอากาศเซี่ยอี้โม่และหลิงเซียงยังไม่ทันตอบสนอง ก็เห็นว่าหญิงสาวที่อ่อนแอในเมื่อกี้ กลับเปลี่ยนสีหน้าไปหร่วนหนิงอวี่มองไปทางโต๊ะ แล้วหยิบกรรไกรที่เซี่ยอี้โม่ใช้ตัดภาพวาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ววินาทีต่อมา เซี่ยอี้โม่ก็รู้สึกว่ากรรไกรเย็นๆนั้น ติดกับคอของนางอยู่คิดไม่ถึงเลยว่าหร่วนหนิงอวี่จะมาที่ข้างหลังนาง และจับนางเป็นตัวประกันด้วยกรรไกร"คุณหนู" หลิงเซียงล้มเหลวในการคิดจะทําร้าย พอเห็นเช่นนี้สีหน้าก็ซีดไปหมดเซี่ยอี้โม่กลัวจนขาอ่อน "หร่วนหนิงอวี่ เจ้าอยากทําอะไร"สาวใช้ในสวนล้านตกใจไปหมด"ทําอะไรหรือ"หร่วนหนิงอวี่เอียงหัว "ท่านพี่อี้โม่ให้ข้าขอร้องเจ้าไม่ใช่เหรอ"ดวงตาของนางทั้งกลมและสวย รูม่านตาก็ดำมาก ถ้าเป็นปกติ คนอื่นจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ตอนนี้คู่กับรอยยิ้มที่เชื่อฟังของนาง จะรู้สึกขนลุกเท่านั้นพูดจบ หร่วนหนิงอวี่ก็ก้มหัวลง มองเซี่ยอี้โม่ที่กลัวจนอ่อนตัวลงต่อหน้าอย่างจริงจัง "ขอร้องท่านพี่เจ้าค่ะ ไว้ชีวิตสาวใช้ที่ล่วงละเมิดเจ้านายของข้าไปเถิด ขอร้องท่านพี่เจ้าค่ะ ฮือๆๆ..."แม้ว่าคําพูดจะร้องขอความเมตตาอยู่ แต่เสียงของหญิ
บนใบหน้าที่ยังไม่ได้พัฒนาอย่างเต็มที่นั้น กลับยากที่จะซ่อนความสูงส่งไว้ ช่างน่าเกรงขาม ใบหน้าประณีตมาก แต่สายตาเย็นชามาก ทั่งๆที่นางเป็นลำพัง แต่เมื่อนางยืนอยู่ที่นั่น ในสวนก็เต็มไปด้วยความหนาวเย็นทันทีถ้าไม่ใช่อบรมด้วยอํานาจทุกวัน คนไหนจะมีอารมณ์ที่มีเกียรติเช่นนี้ล่ะในสวน ไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลสาวใช้หรือสาวใช้ ต่างกลัวกับคุณหนูลูกพี่ลูกน้องคนนี้ไม่กล้าขยับแม้แต่ก้าวเดียว เท้าเหมือนจะหยั่งรากลึกลงดินถ้าไม่ใช่ลูกสาวสายตรงอย่างเซี่ยอี้โม่ยังอยู่ พวกเขาถึงกับ...จะคุกเข่าด้วยความกลัวแล้ว"เจ้า...เจ้า เจ้า"หร่วนหนิงอวี่จะใจกล้าขนาดนี้เมื่อไหร่ล่ะในชีวิตนี้ เซี่ยอี้โม่ได้รับความโปรดปรานจากท่านพ่อท่านแม่มาก ตามใจนางมาก และราบรื่นมาก เคยถูกคุณหนูลูกพี่ลูกน้องที่ต่ำต้อยอย่างนี้มาขู่ได้อย่างไรพ่อแม่เป็นผู้มอบร่างกายทุกส่วน ควรได้รับการดูแลอย่างระมัดระวัง ยิ่งไปกว่านั้น ในสมัยนี้ ผู้หญิงมักจะคิดว่าใบหน้ามีความสําคัญเท่ากับความบริสุทธิ์ นางเป็นลูกสาวสายตรงของตระกูลเซี่ย ถ้านางเสียโฉมไป นางจะอยู่ในแวดวงลูกสาวตระกูลใหญ่ในเมืองจิงเฉิงได้อย่างไรตอนนี้นางโกรธจนตัวสั่นไปหมด "หร่วนหนิงอวี่
เมื่อได้ยินคําพูดของเหวินจิงจิง หร่วนหนิงอวี่ก็เงยหน้าขึ้น มันเปล่างประกาย ฉายวับด้วยความมีเสน่ห์ แม้ว่าจะเม้มริมฝีปากยิ้มอยู่ แต่ดวงตาของนางกลับมืดมนเหมือนแสงจันทร์หร่วนหนิงอวี่ไม่ได้ปล่อยมือนาง แค่จ้องมองนางเหวินจิงจิงไม่ได้พบความแปลกประหลาดของนางในตระกูลมีเพียงคุณหนูลูกพี่ลูกน้องอย่างพวกนางสองคนเท่านั้น ย่อมต้องช่วยเหลือกันและอายุของนางจะใหญ่กว่าหร่วนหนิงอวี่เล็กน้อยเหวินจิงจิงคิดแทนนาง และพูดอย่างใส่ใจมากว่า "ครั้งหน้าน้องจะทําเรื่องงี่เง่าแบบนี้อีกไม่ได้นะ แต่น้องก็ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านยายใจกว้าง พวกท่านน้าสะใภ้ก็อ่อนโยนด้วย แม้ว่าพวกท่านลุงจะเข้มงวด แต่พวกเขาก็รักคุณหนูลูกพี่ลูกน้องอย่างพวกข้าเหมือนลูกสาวแท้ๆของตระกูล ยังไงพวกข้าก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับพวกท่านลุง แม้ว่าพวกท่านลุงจะลงโทษน้องอย่างหนัก แต่หัวใจดวงนั้นก็ต้องเจ็บปวดตามเลยนะ""ที่เจ้าหนีไปตามนายน้อยเสิ่น แม้ว่าชื่อเสียงจะเสื่อมเสีย ผู้ใหญ่จะโกรธ แต่ในใจก็ต้องสงสารหลานสาวอย่างเจ้ามาก อย่างไรเสียก็เป็นลูกผู้หญิง ใครจะไม่โปรดปร้านล่ะ"เมื่อเห็นว่าหร่วนหนิงอวี่หลุบตาอยู่ เป็นเหมือนปกติ เหวินจิงจิงก็พูดต่อ
หากไม่ใช่เรื่องในอดีตกับเหวินจิงจิงในวัยหนุ่มสาว นางอาจไม่สามารถตั้งหลักในราชสํานักที่มีความคิดร้ายต่างๆต่อมา นางก็ไม่ค่อยได้เห็นเหวินจิงจิงแล้วได้ข่าวว่าหลายปีก่อนที่นางแต่งงานกับมกุฏราชกุมาร เหวินจิงจิงปฏิเสธที่จะแต่งงานเป็นเวลานาน จริงๆแล้วตามสายตาเฉียบแหลมของนาง ความสามารถและความงามของเหวินจิงจิงต่างถือว่าดีได้เลย พยายามเล็กน้อย การแต่งงานกับผู้มีอํานาจที่มีชื่อเสียงในเมืองนั้นจะไม่มีปัญหาเลยแต่ไม่รู้ทําไม คาดไม่ถึงว่าเหวินจิงจิงจะอยู่ในตระกูลเซี่ยอีกหลายปีลูกสาวตะกูลใหญ่หลายคนในเมืองจิงเฉิงต่างหัวเราะเยาะว่านางทำให้ตัวเองเป็นสาวแก่ อายุยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ยังอยู่ในบ้านท่านยายไม่ยอมไปต่อมา หร่วนหนิงอวี่ได้ยินว่าเหวินจิงจิงแต่งงานแล้วดูเหมือนว่าจะแต่งได้ดี ฝ่ายชายเป็นข้าราชการขั้นสาม เมื่อพบกันอีกครั้ง เหวินจิงจิงก็ปรากฏตัวในงานเลี้ยงในวังในฐานะภรรยาของขุนนางแล้วแม้ว่าหร่วนหนิงอวี่จะเป็นราชินีที่สูงส่งแล้ว แต่ก็ยังจําความเกลียดชังในเมื่อก่อนได้เหวินจิงจิงเป็นคนเจ้าเล่ห์ ทุกครั้งที่นางใกล้จะแก้แค้น ก็จะปล่อยให้เหวินจิงจิงฉวยโอกาสรอดได้ทันเวลาและนางเป็นราชินี ไม่สามา
คุ้นเคยกับพฤติกรรมที่ไม่แยกถูกผิดของท่าน้าคนนี้ในชาติที่แล้ว หร่วนหนิงอวี่ก็ไม่แปลกใจแล้วผู้ใหญ่ไม่ได้ให้นางลุกขึ้น นางก็ได้แต่คุกเข่าแบบนี้การตำหนิของพวกท่านน้าในศาลบรรพบุรุษตระกูลเซี่ยในวันนี้ นางไม่ได้กลัวแม้แต่น้อยสิ่งที่ทําให้นางกลัว...กลับเป็นฉากที่ผู้ชายสูงส่งถือเฆี่ยนมาลงโทษตามกฎเกณฑ์ตระกูลแทนในชาติที่แล้วเลยแค่คิดแบบนี้ หร่วนหนิงอวี่ก็รู้สึกว่ากัดริมฝีปากจนออกเลือดได้แล้วฟังคําพูดรุนแรงที่เข้าข้างของเซี่ยเฉิงหนิง มือของนางวางบนเข่า และก้มหน้าก้มตาเสมอ"ท่านน้าสอง ท่านน้าสามเจ้าค่ะ เรื่องหนีตามไปข้าจะยอมลูกลงโทษเอง""แต่เรื่องหนีตามไป...ไม่ใช่ความผิดของข้าคนเดียว"เมื่อหร่วนหนิงอวี่พูดจบ ก็ยกดวงตาที่เย็นชาเหมือนน้ำค้างแข็งขึ้น ข้างในสดใสมาก"ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายเสิ่น จะพูดว่ามีความสัมพันธ์ได้อย่างไร"เซี่ยเฉิงหนิงตกตะลึง "เจ้าหมายความว่าอะไร"หร่วนหนิงอวี่ยืดตัวตรง เสียงเพราะเหมือนลูกปัดเล็กๆี่ตกลงบนจานหยก"วันนั้น เคยมีใครเห็นข้าออกจาบ้านไปและหนีตามไปหรือเปล่า""อีกอย่าง ใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าความสัมพันธ์ของข้ากับคุณชายเสิ่นไม่บริสุทธ
เซี่ยอี้โม่ เป็นลูกสาวของคุณนายเหอนะ ใครจะกล้าพูดล่ะเซี่ยเฉิงอันเห็นว่าคนทั้งห้องเงียบสงบ สายตาก็มองไปที่ด้านล่าง"ทำไม พูดไม่ได้เหรอ"สายตาของหร่วนหนิงอวี่ยังคงสงบแม้ว่าหลังจากที่นางได้เป็นราชินีในชาติที่แล้วเซี่ยเฉิงอันก็มีความขัดแย้งทางการเมืองกับนาง แต่ว่า...เซี่ยเฉิงอันกลับเป็นท่านน้าที่ถือว่าดีได้ ไม่ได้ใกล้ชิดขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ไร้ความปราณีนอกจากเซี่ยหลิงแล้ว เซี่ยอี้โม่กลัวลุงสองคนนี้มากที่สุดเมื่อได้ยินประโยคที่ไม่ชัดเจนของเซี่ยเฉิงอัน นางก็ก้มหัวลงและไม่มีอารมณ์ที่หยิ่งผยองอีกแล้วเหอโล่เหมยกลับดูสงบมากดวงตาที่สวยงามคู่หนึ่งของนางก็มองไปพวกคนรับใช้ที่เงียบกริบอยู๋รอบๆ "เกิดอะไรขึ้น เกิดเรื่องใหญ่อย่างนี้ในหมู่คุรหญิง จะไม่มีใครรู้เลยหรือ"เมื่อเห็นพวกเขายังคงหดตัว นางก็โกรธมาก"พวกทาสที่ต่ำต้อยอย่างพวกเจ้า ล้วนรับเงินเดือนแต่ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น"พอเหอโล่เหมยระบายอารมณ์เสร็จ ก็พูดกับแม่นมซูที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆด้วยความโกรธว่า "ยังตะลึงทําอะไรอยู่ รีบไปค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณหญิงสิ อี้โม่ได้ทําเรื่องแบบนี้กับสาวห้าจริงๆหรือเปล่า"แม่นมซูที่ถูกเรียกชื่อร
ที่คุณซานเซี่ยจะทำแบบนี้ หลังจากผ่านชาติที่แล้วมา หร่วนหนิงอวี่ก็ไม่แปลกใจแล้วนางรู้สึกเสมอว่า คุณชายใหญ่เซี่ยเฉิงหยางซึ่งเป็นท่านพ่อของเซี่ยหลิงเป็นข้าราชการขั้นสอง คุณชายสองเซี่ยเฉิงอันมีความรู้เป็นพิเศษ และเป็นกวีที่มีชื่อเสียงมากในยุคต้าหมิงในปัจจุบัน และหลานชายคนโตเซี่ยหลิงก็ยิ่งไม่ต้องพูดแล้วทายาทสายตรงของตระกูลเซี่ยรุ่นนี้ล้วนโดดเด่นมาก มีแต่เซี่ยเฉิงหนิงเท่านั้น...หร่วนหนิงอวี่รู้สึกว่าเขาไม่สมควรเป็นลูกหลานตระกูลเซี่ยจริงๆไร้ความสามารถ และไร้คุณธรรมด้วยเป็นลูกของตระกูลเซี่ย แต่แม้แต่หนึ่งในสิบของพี่ชายสองคนก็เอื้อมไม่ถึงในชาติที่แล้ว ที่เหอโล่เหมยพูดอะไรเขาก็ทําอย่างนั้น โดนใช้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเซี่ยเฉิงหนิงจะให้นางแต่งกับคนอื่นหลายครั้ง เป้าหมายของการแต่งงานมีท่านอ๋องเก่าที่อายุเกิน 40 ปีในเมืองจิงเฉิง นายพลพ่อหม้ายที่โหดร้าย ภรรยาน้อยตายไปหลายคน แม้กระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณชายอีกสองคนไม่ได้อยู่ในตระกูล ที่บ้านมีแขกผู้มีเกียรติมาเยี่ยม อีกฝ่ายชอบนางที่มีหน้าตาดีโดยยังไม่ได้พัฒนาเต็มที่คิดไม่ถึงว่าวันนั้นเซี่ยเฉิงหนิงจะให้นางที่เป็นหลานสาวมาเทเหล้าในงานเลี้ยงใ
ทุกคนต่างตกใจ และรีบไปขวางหร่วนหนิงอวี่ในขณะที่หัวของหร่วนหนิงอวี่จะชนกับเสา นางก็ถูกชุนลวี่กอดร่างไว้จากข้างหลังชุนลวี่พูดด้วยน้ำตา "คุณหญิงเจ้าคะ เจ้าไม่สามารถทำแบบนี้ได้นะเจ้าค่ะ"หร่วนหนิงอวี่กลับไม่ฟังใบหน้าของนางเปื้อนด้วยน้ำตา "เจ้าอย่าห้ามข้าเลย...ข้าไม่มีหน้าไปเผชิญหน้ากับพวกท่านน้าแล้ว เจ้าปล่อยให้ข้าไปตายเถอะ ให้ข้าไปขอขมาต่อหน้าบรรพบุรุษของตระกูลเซี่ยด้วยตัวเอง"พูดจบ ก็ทำท่าจะไปชนทำให้แม่นมและสาวใช้ในศาลตกใจ และไปห้ามอีกทุกคนต่างชักชวนว่า คุณหญิง อย่านะศาลบรรพบุรุษวุ่นวายเหมือนตลาดทันทีเมื่อเหอโล่เหมยเห็นฉากนี้ ใบหน้าก็มืดมนไปหมดแล้ว ทําไมนางไม่คาดคิดมาก่อนว่า หร่วนหนิงอวี่ที่โง่เขลาก่อนหน้านี้ ได้ฉลาดในครั้งนี้ และเริ่มแสร้งทําเป็นน่าสงสารและจะฆ่าตัวตายชีวิตสำคัญมาก แม้ว่านางจะหนีไปกับเสิ่นจิ่งยวี่ ความผิดนี้ก็จะไม่ถึงขั้นต้องตายตามที่คาดไว้ เซี่ยเฉิงหนิงที่โกรธจะอยู่ในอารมณ์หดหู่ใจทันที เขาก็ตกใจกับพฤติกรรมของหร่วนหนิงอวี่ที่ตั้งใจจะตาย กลัวว่านางจะชนตายต่อหน้าบรรพบุรุษทุกรุ่นของตระกูลเซี่ยจริงๆ ดังนั้นเปลือกตาของเขาก็กระตุกอย่างรุนแรง"พอแล้ว"เซี่
แม้อีกฝ่ายเป็นท่านพ่อของตัวเอง เซี่ยอี้โม่ก็ตกใจกับเสียงตำหนิที่ดังเหมือนฟ้าร้องของเขาไม่ได้เห็นว่าคุณชายสามโกรธขนาดนี้มานานแล้ว...คนรับใช้ที่เฝ้าอยู่ในศาลบรรพบุรุษก้มหน้าอย่างรู้กาลเทศะทันทีคําพูดของเหอโล่เหมย เรียกได้ว่าโหดร้ายที่สุด ขยายบาปของนางให้ใหญ่สุด ถ้าพูดเรื่องอื่นก็ไม่เป็นอะไร แต่สิ่งที่เหอโล่เหมยพูดเกี่ยวกับอาชีพการงานของคุณชายทุกคนเหอโล่เหมยนี่อยากฆ่านางตางชัดๆหร่วนหนิงอวี่ไม่แปลกใจแล้ว เหอโล่เหมยก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ตราบใดที่นางทําผิดพลาดอะไร ท่านน้าสะใภ้ของนางก็จะปรากฏตัวทันเวลา และพูดแทนนางในนามว่าห่วงใยนาง แต่จริงๆแล้วทุกคำพูดก็เป็นพิษ เป็นอันตรายถึงชีวิต มีแต่จะทําให้นางถูกลงโทษหนักขึ้นนางได้สัมผัสกับลูกไม้ของท่านน้าสะใภ้คนนี้มานานแล้ว เป็นคนปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ตอนที่นางเพิ่งมาถึงตระกูลเซี่ย นางยังคิดว่าคุณนายเหอจะปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจจนกระทั่งนางถูกคิดร้ายจนแทนเสียความบริสุทธิ์ไป นางถึงจะได้ลิ้มรสความเก่งของเหอโล่เหมยอย่างแท้จริงเพื่อไม่ให้นางส่งผลกระทบต่อเซี่ยอี้ซูที่จะเข้าร่วมการสอบขุนนาง เหอโล่เหมยอยากให้ลูกชายของพ่อบ้านเฉาข่มขืนนางโชคดีที
เหตุผลที่นางมุ่งเป้าไปที่หร่วนหนิงอวี่ นอกจากเพราะลูกชายแล้ว...ยังมีเหตุผลสําคัญอีกประการหนึ่งคือ เมื่อหร่วนหนิงอวี่เพิ่งมาถึงตระกูลเซี่ยในเมื่อปีที่แล้ว ใบหน้าที่โดดเด่นเช่นนี้ก็ได้สร้างความฮือฮาไปทั่วเมืองจิงเฉิงทันที ถ้าไม่ใช่ตอนนี้นางยังเด็กอยู่ สถานะของผู้งามงามอันดับหนึ่งในเมืองจิงเฉิงก็กลัวว่าจะเสียไปตราบใดที่มีหร่วนหนิงอวี่อยู่ คนอื่นๆก็มองไม่เห็นเซี่ยอี้โม่ที่โดดเด่นในตระกูลเซี่ย และยิ่งมองไม่เห็นผู้หญิงคนอื่นในตระกูลมองดูหน้านางเหอโล่เหมยด่าในใจว่า โชคร้ายจริงๆเมื่อเห็นหร่วนหนิงอวี่ เซี่ยเฉิงอันในที่นั่งหลักยังคงดื่มชาอยู่ สีหน้าของเซี่ยเฉิงหนิงดูแย่มาก แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดชั่วขณะหนึ่งท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็เป็นหลานสาวของเขา เขาเป็นผู้ใหญ่ชาย ไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงเงียบไปก่อนเหอโล่เหมยสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อหันไปมองหร่วนหนิงอวี่ ดูเหมือนได้พบโลกใหม่ จงใจส่งเสียงประหลาดใจ"ถ้าข้ามองไม่ผิด นี่เป็นเสื้อผ้าที่คุณหญิงใส่ในวันที่หนีไปจากเมืองกับนายน้อยเสิ่นใช่ไหม"ตามที่คาดไว้ สีหน้าของเซี่ยเฉิงหนิงดูแย่ขึ้นทันทีเมื่อเขามองไป ดวงตาของเขาก็โกรธจนเบิกกว้าง"หร่วนหน
ที่ศาลบรรพบุรุษตระกูลเซี่ยคุณนายสามเหอโล่เหมยกําลังกอดเซี่ยอี้โม่ และร้องไห้ด้วยป้องหน้าโดยผ้าเช็ดหน้าคุณชายเซี่ยเฉิงหนิงยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วแน่นมาก แต่ไม่พูดอะไรสักคำเหอโล่เหมยขึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง แล้วร้องไห้เสียงดังมากขึ้นในไม่ช้า"ตอนนั้นที่ท่านแม่ยืนยันจะรับหลานสาวคนนี้มาเลี้ยงที่ตระกูล ข้าก็ไม่ยอม ตอนที่นางมาถึงตระกูลเซี่ยเป็นครั้งแรก ข้าไปต้อนรับที่ประตู แวบแรกที่เห็นหน้านาง ในใจข้าก็ตกตะลึง""หน้าตายั่วยวนขนาดนี้...พูดให้สุภาพหน่อย ก็เป็นลูกสาวที่เกิดจากตระกูลเล็กๆ ถ้าคนอื่นพูดอย่างหยาบคายหน่อย มันจะแตกต่างจากผู้หญิงตุ้งติ้งที่ต่ำต้อยตรงไหน"ยังไงหร่วนหนิงอวี่ก็เป็นญาติของพวกเขา นับประสาอะไรกับท่านแม่ของนาง นางหลิ่วมีพระคุณช่วยชีวิตแม่นายเซี่ยเซี่ยเฉิงหนิงเปลี่ยนหน้าเล็กน้อย "รีบหุบปากเถอะ อย่างน้อยนางก็เป็นหลานสาวของเจ้า"ผู้หญิงต่ำต้อยคนนั้น ก็คู่ควรที่จะเป็นญาติกับลูกสาวของผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของยุคต้าหมิงได้หรือเหอโล่เหมยทำหน้าบึ้ง อยากโต้แย้งโดยไม่รู้ตัว แต่เห็นว่าเซี่ยเฉิงอันนั่งดื่มชาอยู่ที่นั่งหลัก เลยอัดอั้นคําพูดกลับไปคุณหญิงหร่วนก็เลี้ยงไว้ที่ลานบ้านของเ
ตามด้วยเสียงตําหนิ พวกแม่นมที่อยู่ข้างนอกมองหน้ากัน ก็วางแผนที่จะยกแขนเสื้อขึ้น เบียดชุนลวี่ไปและบุกเข้าไปในห้องคุณนายสามได้ออกคำสั่งแล้วแม้ว่าคุณหญิงลูกพี่ลูกน้องจะตาย ศพนางก็ต้องถูกยกไปที่ศาลบรรพบุรุษตระกูลเซี่ยและคุณนายสามบอกแล้วว่าไม่จําเป็นต้องเกรงใจต่อคุณหญิงลูกพี่ลูกน้อง แม้ว่านางจะเชื่อฟัง ก็ต้องปล่อยให้นาง ถูก"จับ"กลับไปที่ศาลบรรพบุรุษอย่างอับอายต้องให้นางเสียหน้าในตระกูลเซี่ยอย่างสิ้นเชิงตอนนั้นเหอโล่เหมยนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แดงและยิ้มอย่างเย็นชาช่างกวนตีนเลย คุณหญิงลูกพี่ลูกน้องที่ต่ำต้อยที่แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่มีคนหนึ่ง จะรังแกลูกสาวสุดที่รักของนางได้หรือแม่นมซูพวกนางกําลังวางแผนที่จะบุกเข้าไป จับหร่วนหนิงอวี่โดยไม่สนใจนาง และตบหน้านางอีกสองสามครั้งเพื่อแก้แค้นแทนเซี่ยอี้โม่ แล้วค่อยพากลับไปที่ศาลบรรพบุรุษทันใดนั้น ก็เห็นว่าคุณหญิงลูกพี่ลูกน้องที่เอวบาง หน้าสวยก็เดินออกมาจากห้องอย่างสงบ"พวกแม่นมสบายดีไหม"หญิงชราเหล่านี้ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งเห็นว่าหญิงสาวยืนอยู่ที่ประตูด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับเย็นชา "รีบดูคนรับใช้ที่ถูกเลี้ยงดูในหอของท่านน้าสะใภ้สามสิ พวกแม่น
"คุณหญิง..."ชุนลวี่ตกตะลึงเล็กน้อย ไม่คิดว่านางจะรังเกียงนายน้อยใหญ่โดยไม่มีเหตุผลขนาดนี้เมื่อเห็นว่านางนั่งอยู่ตรงนั้น และไม่พูดจาอีกไม่มีทางเลือก ชุนลวี่ก็พูดด้วยกัดฟันว่า "งั้นตอนนี้ข้ากลับไปหาเสื้อผ้าที่สะอาดมาให้คุณหญิงเจ้าค่ะ ถ้าคุณหญิงไม่รังเกียจ..."หร่วนหนิงอวี่กล่าวว่า "ไม่ต้องหรอก"นางวางถ้วยชาลง "ข้าใส่ชุดนี้ก็พอ"ชุนลวี่เบิกตากว้างคุณหญิงจะใส่ชุดนี้ไปที่ศาลบรรพบุรุษได้อย่างไร นี่จะยิ่งทําให้ตัวเองตกเป็นข่าวซุบซิบ และยิ่งยากที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ใช่หรือชุนลวี่ยังอยากจะชักชวนต่อ ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากลานชุนลวี่ออกไปดู ที่แท้มีแม่นมเข้ามาจากข้างนอกหลายคน เป็นคนรับใช้ของตระกูลมานานแล้ว เคยชินกับการทำงานหนัก แต่ละคนก็ตัวใหญ่ ต่อมาก็เพราะอายุมากกว่า และมีฐานะในพวกคนรับใช้ หน้าตาก็ดูใจร้ายขึ้นชุนลวี่หน้าซีดไปและแม่นมที่เป็นผู้นํานั้น เป็นมือขวาของคุณนายสามเลย แม้แต่พวกคุณหนูในตระกูลก็ต้องเคารพนางด้วยแม่นมซูยืนอยู่แถวหน้า พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า"พวกคุณชายให้พวกทาสอย่างพวกข้ามาเชิญคุณหนูลูกพี่ลูกน้องไปศาลบรรพบุรุษ""เชิ