“ถ้าหากคุณป้าไม่เชื่อฉัน ก็ควรจะเชื่อเถ้าแก่อวี๋ฮั่วหลงสิ”“หลินเฟิง! ไอ้เวรเอ๊ย กล้ามาหลอกลวงฉันแบบนี้! ฉันคิดว่าแกจะรู้สำนึกและเปลี่ยนแปลง แต่คิดไม่ถึงว่าแกกล้าเอาลูกแก้วบ้านี้มาหลอกลวงฉันอย่างหน้าด้านๆ!” “ไม่ได้! ฉันจะไม่ยอมให้มันพาลูกสาวของฉันไปง่ายๆ แบบนี้หรอก ฉันต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้เรียบร้อย!”“ถ้าเขามีความกล้าพอจริง เขาก็ลงมือฆ่าฉันต่อหน้าฮุ่ยหรานไปเลย!”เมื่อด่าเสร็จ จางกุ้ยหรานก็วางสายไปจางซินยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความโลภ ขณะที่ยื่นทับทิมให้อวี๋ฮั่วหลงแล้วพูดเบา ๆ ว่า: “ถ้าท่านผู้อาวุโสอวี๋เสนอราคาแล้วงั้น ก็ขายในราคาสองร้ายห้าสิบล้านบาทแล้วกัน!”เวลาเย็นหลินเฟิงกว่าจะส่งมอบเรื่องของโรงงานให้สาวสวยทั้งสองคนได้สำเร้จ ยังไม่ทันได้พักหายใจ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นทันที“ฮัลโหล?”หลินเฟิงรับโทรศัพท์ และทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหายใจหนักๆ และรัวๆ จากปลายสาย“สวัสดีครับ?!”หลินเฟิงตะโกนออกไปอีกครั้งจนเสียงดัง และในที่สุดเสียงของฟ่านหลิงเยว่ก็ดังขึ้นมา“พี่หลินเฟิง รีบมาที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวเลยค่ะ ตอนนี้ฉันกับเสวี่ยฮุ่ยกำลังถูกไล่ฆ่าอยู่..ว้าย!”จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้
หลินเฟิงขับรถไปอย่างรวดเร็ว ราวกับสายฟ้าปกติแล้วต้องใช้เวลาขับรถมากกว่าครึ่งชั่วโมง แต่ด้วยการเร่งความเร็วและแซงรถไปตลอดทาง เขาสามารถถึงมหาวิทยาลัยเจียงโจวได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาทีทันทีที่หลินเฟิงเดินผ่านประตูมหาวิทยาลัยเจียงโจว เขาก็สังเกตเห็นรถพยาบาลจอดอยู่ที่หน้าประตูทันทีที่เห็นเช่นนั้น ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจหลินเฟิงวิ่งไปที่รถพยาบาล ทันทีที่เขาเห็นก็พบว่านักเรียนหลายคนที่เต็มไปด้วยเลือดนอนอยู่บนพื้น และกำลังได้รับการปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วนหลินเฟิงเหลือบมองไปรอบ ๆ โชคดีที่ไม่พบใบหน้าที่คุ้นเคย“เฮ้! อย่าไปที่นั่นนะ ที่นั่นมีการตั้งเส้นกั้นไว้ ห้ามใครเข้าไป!”ขณะที่หลินเฟิงกำลังวิ่งเข้าไปในมหาวิทยาลัยอย่างเร่งรีบ นักเรียนหญิงคนหนึ่งก็เดินออกมาขวางทางเขาอย่างทันทีเมื่อทั้งคู่เห็นหน้ากัน ต่างก็ต้องตกใจไปชั่วขณะคนที่ขวางทางหลินเฟิงอยู่นั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่คือเพื่อนสนิทของเสวี่ยฮุ่ย โจวเสี่ยวหาง“พี่หลินเฟิง?1”โจวเสี่ยวหางมีท่าทางตกใจ“เสี่ยวหาง มันเกิดอะไรขึ้น?!”แม้หลินเฟิงจะรู้สึกตื่นตระหนกมาก แต่เขาก็พยายามสงบสติเอาไว้ และสอบถามอย่างใจเย็น“ไม่แน่ใจค่ะ ช
“ฮ่าฮ่าฮ่า... สาวสวย ถ้าคุณไม่ออกมาซะตอนนี้ คุณอาจจะต้องถูกเผาตายทั้งเป็นเชียวนะ!”ชายหนุ่มผู้สวมชุดสูทสีขาวยืนอยู่หน้าตึกเรียนที่กำลังลุกไหม้ หัวเราะอย่างบ้าคลั่งในขณะที่เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าคบเพลิงที่เพิ่งใช้จุดน้ำมันรอบๆ อาคารเรียนตอนนี้อยู่ในมือของเขาเขามองไปที่เปลวไฟที่ลุกโชติช่วง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและตื่นเต้น จนทำให้บางส่วนของร่างกายเขาตึงตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“แค่ก แค่ก แค่ก…….’บนชั้นห้าของอาคารเรียน ฟ่านหลิงเยว่จับมือเสวี่ยฮุ่ยไว้แน่น ขณะที่พวกเขาหลบอยู่ในห้องเรียนที่ว่าง ควันหนาทึบลอยไปทั่วจนทำให้ทั้งคู่ไอออกมาไม่หยุด“เสี่ยวเยว่ อย่ามาสนฉันเลย หนีไปซะเถอะ”หลินเสวี่ยฮุ่ยผลักเสี่ยวเยว่เบา ๆ เพื่อให้เธอรีบหนีไป และไม่ต้องสนเธอหากเป็นเพียงเสี่ยวเยว่คนเดียว เธอคงหลุดพ้นจากวงล้อมไปได้แล้วในตอนนี้เพราะต้องพาเธอที่เป็นภาระไปด้วย จึงทำให้เสี่ยวเยว่ถูกพวกนั้นล้อมจับ“บ้าชะมัด ฉันว่าแล้วทำไมพวกเขาถึงหยุดไล่ตามเราแล้ว ที่แท้ก็จุดไฟเผา ไอ้หมอนั่นเป็นคนบ้าชัด ๆ!””ฟ่านหลิงเยว่สบถด่าออกไปจากนั้นเธอก็หันมามองเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ข้างหลัง พร้อมกับบ่นว่า: “เสวี่
บันไดของอาคารเรียนพังลงมา และไม่สามารถขึ้นไปจากตรงนี้ได้อีกหลินเฟิงปีนต่อไปตามราวบันได ร่างกายของเขาปราดเปรียวว่องไวราวกับลิง เพียงแค่ครึ่งนาที หลินเฟิงก็ปีนขึ้นไปบนเสาค้ำที่กำลังพังลงมา ก่อนจะปีนขึ้นไปที่บนชั้นห้า“เสี่ยวเยว่! เสวี่ยฮุ่ย!”หลินเฟิงใช้พลังชี่แท้ เพื่อกระจายควันให้ลอยอยู่รอบ ๆ“พี่หลินเฟิง พวกเราอยู่ตรงนี้!”ทันใดนั้น หลินเฟิงก็ได้ยินเสียงตะโกนเบา ๆจากห้องเรียนด้านหลังระเบียงทางเดินนี่คือเสียงของเสี่ยวเยว่หลินเฟิงไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะรีบเข้าไปในห้องเรียนตรงระเบียนทางเดินเมื่อเผชิญหน้ากับกำแพงไฟ หลินเฟิงก็ก้าวขึ้นไปบนกำแพง ก่อนจะกระโดดขึ้นไปในอากาศราวกับเสือชีตาร์ที่โผล่ออกมาจากเปลวไฟแล้วก็ช้อนเสี่ยวเยว่กับเสวี่ยฮุ่ยที่หมดสติให้อยู่ในอ้อมแขน“พี่หลินเฟิง บันไดไฟไหม้ไปหมดแล้ว พวกเราหนีออกไปไม่ได้แล้ว!”เสี่ยวเยว่เงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ด้วยสีหน้าตึงเครียด“จับฉันให้แน่น!”หลินเฟิงไม่ได้ลังเลมากนัก ลมปราณภายในของเขารวมตัวกันอยู่ในจุดตันเถียน จนกลายเป็นพายุพลังชี่แท้อยู่กลางฝ่ามือ ก่อนจะเปิดทางกำแพงไฟที่ขวางอยู่ข้างหน้าทันทีหลังจากที่กำแพงถูกเผาจนดำสนิททั
เมื่อได้ยินคำพูดของโอวหยางหมิง ในใจของหลินเฟิงก็เกิดความสงสัย“โอวหยางหมิงกับโอวหยางชิ่งถูกฆ่าแล้วเหรอ?”“เอ๊ะ? คุณไม่รู้งั้นเหรอ?”โอวหยางหมิงตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะและพูดว่า: “หลินเฟิง ถึงเวลานี้แล้วคุณยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกงั้นเหรอ? มันจะไม่สายเกินไปหน่อยเหรอ?”“ผมไม่ได้ฆ่าพวกเขา”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“อ่อ...งั้นความหมายของคุณคือ โอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่งไม่ได้ถูกคุณฆ่า? แต่พวกเขาไม่ได้ระวังระหว่างเดินทาง ก็.....แอ่ก”โอวหยางหมิงใช้นิ้วทำท่าทางปาดคอ และพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูล้อเลียน ก่อนจะพูดว่า “ก็ตายอย่างแปลกประหลาดแบบนี้งั้นเหรอ?”“ผมไม่รู้ว่าสำนักเสินฉือของพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ แต่ผมไม่ได้ฆ่าโอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่ง มีคนเป็นพยานได้”หลินเฟิงมองไปทางฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็เป็นพยานในตอนนั้นเช่นกัน เธอพยักหน้า ก่อนจะพูดว่า: “พี่หลินเฟิงไม่ได้ฆ่าโอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่ง ตอนนั้นปล่อยพวกเขาไปแล้ว”“ฉันเห็นด้วยตาของฉันเอง”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจผิด....”โอวหยางหมิงพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าฉันจะ
“หือ? คิดไม่ถึงว่าพลังชี่แท้ของไอ้หมอนี่จะแข็งแกร่งขนาดนี้ !”เปลือกตาของโอวหยางหมิงกระตุกเขายังไม่ทันตอบโต้ ก็เห็นหลินเฟิงเคลื่อนไหวแล้วรูปร่างของหลินเฟิงเหมือนกับมังกรว่ายน้ำ ลากภูตผีที่ด้านหลังแล้วพุ่งเข้าใส่ท่ามกลางคนชุดดำ หลังจากเสียงกระทบกระแทกและเสียงกรีดร้อง มีอาวุธและแขนขาที่ขาดออกมากระเด็นไปรอบหลินเฟิงยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งมีความกล้าภายในเวลาไม่ถึงห้านาที คนชุดดำที่ล้อมรอบต่างก็ถูกกำจัดหมดหลินเฟิงยืนอยู่คนเดียวบนยอดกองคนชุดดำ ก่อนจะพุ่งเข้าไปต่อยใบหน้าของคนชุดดำคนสุดท้ายจนจนยุบเป็นหลุมเขาส่งเสียงร้อง ก่อนจะถูกโยนทิ้งออกไปแล้วกลิ้งไปแทบเท้าของโอวหยางหมิงในตอนนี้ นอกจากโอวหยางหมิงกับหลินเฟิงก็ไม่มีใครยืนอยู่ในที่เกิดเหตุอีกเลย“นี่คือกองกำลังของคุณเหรอ? พวกกำลังภายในไร้ประโยชน์?”หลินเฟิงมองไปทางโอวหยางหมิง สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม“หึ ฉันก็ไม่ได้หวังว่าขยะพวกนี้จะสามารถคุกคามอะไรคุณได้หรอก และเมื่อคำนวณเวลาแล้ว ก็พอใช้ได้เลยนะ”โอวหยางหมิงแสยะยิ้มแล้วพูดว่า: “หลินเฟิง คุณต่อสู้ได้ดีกว่าที่ฉันคิดไว้ แต่แล้วมันยังไงล่ะ?”“วันนี้ผมจะให้บทเรียนกับคุณ ไม่ใช่
“อ่อ งั้นก็ดีแล้ว ใช่แล้ว คืนนี้เสวี่ยฮุ่ยกับเสี่ยวเยว่จะกลับมากินข้าวไหม?”“น้าจ้าว คืนนี้มีธุระนิดหน่อย พวกเราอาจจะไม่กลับได้กลับไปกินแล้ว พวกเราจะกลับไปคืนพรุ่งนี้”หลินเฟิงอดทนต่อความไม่สบายใจและพยายามที่จะสงบสติอารมณ์“ฮะ ได้ได้ได้ ฉันรู้แล้ว หลินเฟิง พวกคุณต้องระวังตัวด้วยนะ”“ครับ น้าจ้าว น้าวางใจเถอะครับ”กว่าจะปลอบใจจ้าวเฉียวอวิ๋นได้ โทรศัพท์จากทางหลิวหย่งก็โทรมาอีกครั้ง“คุณหลิน คนของตระกูลเซี่ยงเพิ่งจะมาหา เซี่ยงตงเซิงได้พาคนเข้ามาและลักพาตัวหลี่ฮุ่ยหรานกับคุณถังหว่านไป ผมกับพรรคพวกพยายามต้านทานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทำสำเร็จ”“คุณหลิน ขอโทษ ผม....”“ไม่เป็นไร นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ”จิตใจของหลินเฟิงจมดิ่ง แต่ก็ยังพยายามที่จะปลอบใจหลิวหย่งในที่สุด หลินเฟิงก็วางสายโทรศัพท์ด้วยสายตาอาฆาตที่แทบจะควบคุมไม่อยู่“ตระกูลเซี่ยง!”หลินเฟิงกัดฟันก่อนงจะคำรามออกมา “หน้าไม่อายจริง ๆ พวกคุณหาเรื่องตายด้วยตัวเอง งั้นก็ไม่ต้องมาโทษฉันแล้ว!”“ติ๊งริงริง...”ในช่วงเวลาสำคัญนี้ โทรศัพท์มือถือของหลินเฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง“หลินเฟิง!”คราวนี้จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ เธอพ
“ตามเธอไป จะต้องสืบที่มาของอัญมณีทับทิมเม็ดนั้นให้ชัดเจน”ในหูฟัง มีคนออกคำสั่งต่อชายร่างผอมด้วยภาษาเวน่าเช่นเดียวกัน“ครับ”ผู้ชายลุกขึ้นยืน จากนั้นเดินตามจางซินที่ตื่นเต้นดีใจที่อยู่ตรงหน้าไปด้วยสีหน้านิ่งเฉยพลบค่ำสำนักไป๋เกาเมืองเจียงโจว จางเจียหนิงปิดไฟดวงสุดท้ายของสำนักจางเจียหนิงบอกลากับเพื่อนร่วมงานของสำนักไป๋เกา ในตอนที่กำลังจะสะพายกระเป๋ากลับบ้านจู่ ๆ เธอสังเกตเห็นว่าตรงข้างกำแพงที่มืดมิด เหมือนจะมีร่างกายที่ผอมโรยล้มอยู่ตรงนั้น “เอ๊ะ?”จางเจียหนิงขยับเข้าไปใกล้ เธอนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นผู้หญิงที่มีบาดแผลเต็มตัวไปหมดบาดแผลบนตัวของเด็กสาวมีหลายจุดที่ตกสะเก็ด แผลใหม่แผลเก่าเต็มไปหมด อีกทั้งเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายก็ชำรุดจนดูไม่ได้“สวัสดีค่ะ? คุณ?”จางเจียหนิงขยับเข้าไปใกล้ และตบใบหน้าของเด็กสาวเบา ๆ“หลินเฟิง...หลิน...”“หลินเฟิง?”จางเจียหนิงตกตะลึงเล็กน้อย เธอขยับหูของตัวเองเข้าไปใกล้ ๆ และฟังอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็ได้ยินเสียงที่เบาบางของเด็กสาวอย่างชัดเจนจางเจียหนิงไม่ได้ฟังผิด เธอกำลังเรียกชื่อของหลินเฟิงอยู่จริง ๆ“หรือว่าจะเป็นเพื่อนของหลินเฟิง?!”
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ดีว่าถูกใครทำร้ายในเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้านี้เมื่อวานหลี่เหวินเชากลับมาพึ่งพาเธอ เดิมทีเธอคิดว่าหลี่เหวินเชาไม่เหมือนกับจางซิน ดังนั้นเธอจึงจัดการตำแหน่งที่ว่างให้หลี่เหวินเชาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาหลี่เหวินเชาจะหักหลังเธอ“หากแกไม่ใช่น้องชายของฉัน ฉันคงฆ่าแกไปนานแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานดุด่าเสียงดังลั่นและในตอนที่โดนด่า หลี่เหวินเชาก็ทำได้เพียงหดคอและก้มหน้าลงหลินเฟิงที่ไม่เคยเห็นหลี่ฮุ่ยหรานโกรธมากขนาดนี้มาก่อน รีบเอื้อมมือไปปลอบใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโถมตัวเข้าหาหลินเฟิงโดยตรงพร้อมกับร้องไห้ในวินาทีถัดมา“หลินเฟิง มันเป็นเพราะอะไร เพราะอะไรกัน....”“คนในครอบครัวของฉันต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดได้ยังไง?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ที่แล้ว”หลินเฟิงตบหลังของหลี่ฮุ่ยหรานเบา ๆ พร้อมกับปลอบโยนเธออย่างระมัดระวัง“พี่ ขอโทษ....ผม....ผมก็ ถูกบังคับไม่มีทางเลือกเหมือนกัน....”หลี่เหวินเชาอธิบายอย่างอึกอักไม่กล้าพูด“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากฟังแกอธิบาย”หลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งจริง ๆเธอใช้เวลาไม่นานก็จัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว พร้อมกับ
“ผู้หญิงคนนั้นผมบังเอิญเจอตอนกำลังคุยเรื่องธุรกิจที่ประเทศเวน่า เธอ....เธอเป็นฝ่ายยั่วยวนผมและให้ผม...แค่กแค่ก.....”“ให้ผมลงทุนที่ดินสองผืน จนได้กำไรไม่น้อย”ประธานโจวพูดอย่างอ่อนแรงว่า :“ด้วยเหตุนี้ผมก็ตกหลุมพลางของเธอ และไว้ใจเธอมาก”“แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอหนีไปจากผมแล้วแถม...แถมยังเอาทรัพย์สินส่วนใหญ่ของบริษัทผมไปด้วย แค่กแค่กแค่ก...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ประธานโจวก็โกรธมากอย่างเห็นได้ชัด“หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผม...ผมก็คงไม่หวาดกลัวว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปจะดีเด่นขึ้นมา....”“เป็นแบบนี้นี่เอง”หลินเฟิงรู้สึกสะเทือนใจประธานโจวบอกว่าเขาพบกับฉู่ฮวาจิ่นที่ประเทศเวน่าหรือว่าฉู่ฮวาจิ่นคนนี้จะเป็นคนประเทศเวน่า?“ใช่....ใช่แล้ว คุณ...คุณชายหลิน”ประธานโจวที่เห็นว่าหลินเฟิงสนใจผู้หญิงคนนั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงรีบพูดว่า:“ผู้หญิงคนนั้นแพ้ดอกลิลลี่ อีกทั้งแพ้อย่างรุนแรง”“แพ้ดอกลิลลี่?”หลินเฟิงแอบจดจำไว้ในใจ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เลือกที่จะฆ่าประธานโจวโดยตรง แต่ถามเขาเกี่ยวกับฉู่ฮวาจิ่น ก็ยังได้ข้อมูลอะไรบางอย่างด้วยแน่นอนว่า เรื่องก็อาจจะเป็นเรื่องที่โกหกขึ้นมาแต่เมื่อ
นี่เป็นร่างกายที่เหมือนกับเทพเพียงแต่พลังชี่แท้ของเขายังคงเป็นขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน“ถ้าหากฉันเรียนรู้ที่จะลอยตัวได้ และปล่อยคาถา ก็จะเป็นเทพจริงๆ แล้วใช่ไหม?”“หรือพูดว่า...ขอบเขตเทพ?”หลินเฟิงลังเลเล็กน้อยหรือว่าร่างกายของเขาตอนนี้ได้บรรลุขอบเขตเทพแล้ว?นี่คือระดับขั้นที่อยู่เหนือแดนแปรภาพยอดฝีมือขอบเขตเทพทั่วทั้งประเทศมังกร สามารถใช้นิ้วนับได้หลินเฟิงตั้งสติ กวาดสายตามองลูกสมุนที่คุกเข่ากราบเขาอยู่รอบๆ ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ไสหัวไป”“ครับครับครับ ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราไสหัวไป จะไปเดี๋ยวนี้ครับ”“รีบไป...ไม่ รีบไสหัวไป ไสหัวไปสิ...”มองดูพวกลูกสมุนหลายสิบคนที่ทิ้งอาวุธหนีไป หลินเฟิงกลับไม่ได้ตามไปโจมตีเขาไม่ใช่คนที่ฆ่าไม่เลือก คนเหล่านี้ถึงแม้จะมีโทษประหาร แต่ไม่มีความท่าทีจะต่อสู้แล้ว แลก็ไม่ได้ขวางทางหลินเฟิงเช่นนั้นหลินเฟิงก็ขี้เกียจจะสนใจ“เอาล่ะ”หลินเฟิงยื่นมือไปจับคอเสื้อของหลี่เหวินเชา เหมือนกับยกลูกไก่ขึ้นมาส่วนประธานโจว ตอนนี้หน้าเละเทะ คนทั้งคนเหลือลมหายใจอยู่แค่เพียงครึ่งเดียวดูท่าเพื่อที่จะรอดชีวิต หลี่เหวินเชาลงมือไดด้อย่างไ
“พรวด!”หลินเฟิงไม่ได้ใช้พลังชี่แท้ เขายกเท้าขึ้น เตะร่างกายท่อนบนของหานเวยจนระเบิดออกมองดูเลือดสดและเนื้อที่กระเด็นไปทั่ว สีหน้าของประธานโจวกับหลี่เหวินเชาเปลี่ยนไปซีดขาวโดยสิ้นเชิง“นี่...นี่เขาแม่งใช่คนเหรอ?”ประธานโจวเหลือบมองหลี่เหวินเชา อยากจะตบหน้าเขาต่อหน้าทุกคน เขาแม่งเชิญพญายมมาจากที่ไหนกัน?หรือว่าตั้งใจอยากจะฆ่าเขางั้นเหรอ?“ผม...เป็นไปได้ยังไง...”หลี่เหวินเชาหน้าตาโศกเศร้า สีหน้าของเขาแย่ยิ่งกว่าประธานโจว คนทั้งคนแทบเหมือนกับถูกสูบกระดูกอ่อน ตัวอ่อนทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างสั่นเทาถ้าหากหลินเฟิงตามมาจะไม่ฆ่าเขาได้ในทันทีเลยเหรอ?นึกถึงเรื่องเลห่านี้ที่ตัวเองทำ และคำพูดรุนแรงที่เขาพูดกับหลินเฟิงเมื่อครู่นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะตบหน้าตัวเอง“นี่...ทำยังไงดี?”หลี่เหวินเชางุนงงไปหมด เขาพยายามคิดหาวิธีให้ตัวเองรอดชีวิตไปได้ และในตอนนี้เอง เขาก็เห็นสายตาที่ดุเดือดของประธานโจวที่มีต่อเขาเช่นเดียวกันหลี่เหวินเชาที่กำลังกระวนกระวายในตอนแรก เป็นเหมือนกับหมาป่าที่ถูกต้อนจนสิ้นหวัง กลับเผยสายตาดุดันออกมาใส่ประธานโจว “ทั้งหมดเป็นเพราะแกข่มขู่ฉัน! แม่งเอ๊ย!”หลี่เหวิน
ตอนนี้ ทุกคนต่างคิดว่าคนที่พ่ายแพ้และมีเลือดไหลออกมาก็คือหลินเฟิงแต่...“แค่กแค่กแค่ก.พี่ใหญ่ รีบ...รีบหนี”เสียงไอที่อ่อนแรงดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกควัน“อะไรกัน?!”หานเวยที่กุมข้อมือที่หักของตัวเอง คุกเข่าอยู่บนพื้นถลึงตาโต เขาได้ยินอะไร?เขาเหมือนกับได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของน้องชายตัวเองแถมยังให้เขาหนีไปอีก?ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?ไม่ถึงสองวินาที ควันฝุ่นหายไปจนหมด ในที่สุดหานเวยก็เห็นภาพตรงหน้าแล้วเห็นเพียงแค่หลินเฟิงยื่นหมัดออกมาอย่างเงียบสงบคิดไม่ถึงว่าจะโจมตีโดนหน้าอกของหานกั๋วโดยตรงแบบนี้!ศพของหานกั๋วห้อยอยู่ที่แขนของหลินเฟิง แขนกับศีรษะตก ไม่มีลมหายใจแล้ว!“อะไร?!”หานเวยตกตะลึงจนหน้าถอดสี น้องชายของเขาถูกหมัดธรรมดาๆ แบบนี้...ฆ่าตายงั้นเหรอ?!”“ฮะ?!”หลี่เหวินเชาก็แสดงความตกตะลึงออกมากับผลลัพธ์แบบนี้เป็นเพราะเขารู้ว่าหลินเฟิงก็เป็นนักบู๊ถึงแม้จจะออกจากเมืองเจียงโจวไประยะหนึ่งแล้ว แต่เขาได้ยินมาจากที่ต่างๆ ว่าความสามารถของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากด้วยเหตุนี้ เขาจึงเตือนประธานโจวโดยเฉพาะและประธานโจวก็ไม่ได้สะเพร่า จ่ายเงินไปก้อนใหญ่ เชิญพี่น้องตระกูลหาน
“ในเมื่อพวกนายหาที่ตาย งั้นฉันก็จะตอบสนองพวกนาย!”หลินเฟิงสายตาเย็นชา พลิกฝ่ามือตบออกไป ทำให้หมัดของหานเวยแตกหักทันที“หือ?!”ความรู้สึกที่กระดูกแตกหักนั้นชัดเจนจนดังเข้ามาในหัวของหลินเฟิงหลังจากเสียงร้องโอดครวญของหานเวย หลินเฟิงกลับยืนอยู่กับที่และมองฝ่ามือของตัวเองด้วยความตกตะลึง เขาจำได้ว่า...ตัวเองน่าจะไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนี้หรอกมั้ง?”ตามแผนการย้อนโจมตีที่หลินเฟิงวางแผนเอาไว้เขาจะผลักกำปั้นที่ดุดันของหานเวยออก จากนั้นใช้หมัดอีกข้างหนึ่งโจมตีกลับ ต่อยหน้าผากของหานเวยจนแตก ทำให้เขาตายในทันทีแต่สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงประหลานใจเล็กน้อยก็คือ ฝ่ามือที่เขาทำเพื่อป้องกันการโจมตีของหานเวย กลับเป็นเหมือนกับมีดสับเต้าหู้ ที่ตัดทั้งกำปั้นของหานเวยโดยตรงภายใต้ความแอบตกตะลึง หลินเฟิงกลับลืมที่จะโจมตีต่อไปเขายืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม มองฝ่ามือของตัวเองด้วยความงุนงง“พลังชี่แท้ภายในร่างกายไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิด มีเพียงหนึ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือระดับความแข็งแกร่งของร่างกายของฉัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงตั้งตัวไม่ได้ชั่วขณะ“ไอ้หนุ่ม นายใช้วิธีชั่วร้ายอะไร?!”เห็
เถ้าแก่โจวเห็นสองพี่น้องตระกูลหานพูดออกมา เขาก็ขมวดคิ้ว และบ่นพึมพำในใจเขาหันหน้ามองไปทางหลี่เหวินเชา“นายมั่นใจว่าเขาก็คือหลินเฟิง? สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง!”หลี่เหวินเชาจ้องมองหลินเฟิง และแสยะยิ้มพูดว่า: “ประธานโจว คุณวางใจได้ ต่อให้เขากลายเป็นขี้เถ้าผมก็จำได้”“หึ ถ้าหากไม่ใช่ นายรู้จุดจบนะ”ประธานโจวยิ้มเยาะได้ยินคำพูดแบบนี้ หลี่เหวินเชาตัวสั่นไปหมด และก็รีบยิ้มประจบสอพอพูดว่า:“ประธานโจวพูดอะไรกันครับ ผมจะกล้าหลอกคุณได้ยังไงล่ะ?!”“คนผู้นี้ก็คือหลินเฟิงแน่นอน ถ้าหากผมพูดผิด คุณก็ฆ่าผมได้เลย!”“อีกอย่าง ผมยังค้างเงินคุณอยู่อีกสี่ร้อยห้าสิบล้านบาท!”ต่อให้ทำเพื่อเอาหลี่ซื่อกรุ๊ปมาจำนำ ผมก็ไม่สามารถบอกคุณได้ ถูกไหมครับ?”หลินเฟิงที่อยู่กลางวงล้อมรอบถือว่าได้ยินชัดเจนแล้วที่แท้หลี่เหวินเชาติดหนี้ประธานโจวคนนี้ ถูกบีบบังคับให้คิดหาวิธี จึงทำได้แค่เอาพี่สาวของตัวเองออกมาเป็นเกาะกำบัง“ไอ้เวร...”หลินเฟิงสีหน้าดุดัน ครอบครัวของหลี่ฮุ่ยหรานทำไมถึงไร้มนุษยธรรมแบบนี้? เอาเปรียบหลี่ฮุ่ยหรานอย่างถึงที่สุด?“หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ที่ไหน?”เมื่อเห็นว่าคนที่ออยู่รอบๆ จะลงมือ
ประธานโจว ประธานโจว! ผมพาคนมาแล้ว!”“รบกวนคุณให้พรรคพวกของคุณลงมือ กำจัดหลินเฟิงคนนี้ซะ!”หลี่เหวินเชาลงจากรถ ตะโกนไปด้วย พร้อมทั้งวิ่งไปในโรงงานร้าง“หึหึ...”แต่ในตอนนี้ ชายแก่ที่ดูอายุประมาณหกสิบปี สวมชุดสูทลายทาง ปากคาบซิการ์เดินออกมาจากภายในโรงงานหลินเฟิงก็จำคนคนนี้ได้เช่นกันตอนนั้นที่งานประมูล เคยพูดคุยกับหลี่ฮุ่ยหรานหลินเฟิงจำได้ว่า คนคนนี้เหมือนจะยังถูกคนนอกเรียกว่าหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองเจิ้งเต๋อนามสกุลโจวตอนนั้น ข้างกายของเขายังมีฉู่ฮวาจิ่นติดตามอยู่ด้วยเมื่อเห็นหลินเฟิงลงมาจากรถ และเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายใจ ประธานโจวคนนี้ก็สูบซิการ์ พ่นควันออกมา และหัวเราะเบาๆ พูดว่า:“นายคือหลินเฟิง สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง”หลินเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของเขา เหลือบมองหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้างๆ ตระกูลโจว และส่ายหน้าด้วยความเหยียดหยาม:“เดิมทีคิดว่าช่วงเวลาที่นายออกจากเมืองเจียงโจว น่าจะมีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่คิดไม่ถึงว่านายจะไร้ยางอายแบบนี้”“หึ ไร้ยางอายก็ต้องดูว่าเป็นใคร!”หลี่เหวินเชาพูดยิ้มเยาะ: “สำหรับขยะแบบนาย ไม่มีคำพูดอะไรที่น่าประนีประนอมด้วย!”“
“หลี่เหวินเชา? พี่สาวนายล่ะ?”หลินเฟิงตะโกนขึ้นเสียงดัง ทำให้หลี่เหวินเชาตกใจจนเกือบโยนโทรศัพท์มาในตอนที่เขาเห็นว่าคนที่มาถึงคือหลินเฟิง ก็ทำสีหน้าไม่พอใจทันที“ไม่รู้ อย่ามาถามฉัน!”หลังจากตอบกลับด้วยความหงุดหงิด หลี่เหวินเชาก็ตกอยู่ในโลกเกมของตัวเองอีกครั้งหลินเฟิงเห็นภาพนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยโดยเฉพาะเรื่องที่หลี่เหวินเชาคนนี้เอาเท้าวางไว้บนโต๊ะที่ปกติหลี่ฮุ่ยหรานไว้ใช้ทำงาน ถึงขั้นที่เอกสารจำนวนมากถูกเหยียบจนมีรอยเท้า“เอ๊ะ? หัวหน้าหลิน?”ในตอนนี้ เลขาที่หลี่ฮุ่ยหรานโยกย้ายมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปของเมืองเจียงโจวเห็นหลินเฟิง เธอจำหลินเฟิงได้แน่นอนอยู่แล้วเธอรีบดึงหลินเฟิงไปที่ด้านข้างและพูดเสียงเบาว่า:“โทรศัพท์ของประธานหลี่หายไปเมื่อคืน พวกเราหาทั้งคนก็ตามหาไม่พบ เมื่อครู่ประธานหลี่ไปเยี่ยมแม่ของเธอที่โรงพยาบาลแล้ว“ประธานหลี่กำชับกับฉัน หากเห็นคุณกลับมาก็ให้บอกเธอสักคำ”หลินเฟิงฟังเลขาที่อยู่ข้างๆ อธิบายกับเขากลับรู้สึกได้ว่าหลี่เหวินเชากำลังแอบมองเขาอยู่รอตอนที่หลินเฟิงมองไปทางหลี่เหวินเชา เขาก็รีบเคลื่อนสมาธิไปที่บนโทรศัพท์ ปากก็ตะโกนไม่หยุดแสร้งทำท่าเป็นใช้