"ฉันก็เช่นกัน เพราะฉันไม่อยากเห็นหลินเฟิงลำบากใจ"หลี่ฮุ่ยหรานพยักหน้าจนถึงตอนนี้ สองสาวผู้แข็งแกร่งจากเจียงโจวได้ตกลงร่วมกันเรียบร้อย โรงงานที่หลินเฟิงได้รับมาจากตระกูลเซียง แบ่งคนละครึ่งส่วนเรื่องการแบ่งสรรอย่างอื่นนั้น เป็นเรื่องที่สองสาวจะต้องตกลงกันเองในภายหลัง ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับหลินเฟิงช่วงกลางวันณ ถนนสี่มุมเมืองเจียงโจว ศูนย์ตรวจสอบอัญมณีและหินมีค่า"ผู้อาวุโสอวี๋ฮั่วหลงที่เคยตรวจสอบสร้อยคอให้หลินเสวี่ยฮุ่ยมาก่อน ขณะนี้กำลังยกแว่นขยายขึ้นเพื่อพิจารณาพลอยทับทิมที่มีลักษณะเนียนละเอียดด้วยความตั้งใจ"ครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจออกมา และเก็บแว่นขยายกลับไปเขามองไปที่เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงข้าม และไอออกมาเบาๆ ก่อนกล่าวว่า: “ทับทิมเม็ดนี้ผมได้ตรวจสอบแล้ว ทั้งสีสันและรูปร่างล้วนเป็นเลิศ มีเพียงทับทิมจากราชวงศ์ของประเทศเวน่าเท่านั้นที่มีคุณภาพเช่นนี้”"ไม่ทราบว่าสหายน้อยท่านนี้ สามารถเปิดเผยที่มาได้หรือไม่?"เด็กสาวที่มาตรวจสอบอัญมณีก็คือจางซินนั่นเองสิ่งที่เธอถืออยู่ในมือก็คือทับทิมเม็ดเดียวกับที่อาฝูนำมามอบให้กับหลี่ฮุ่ยหรานก่อนหน้านี้จางซินมีท่าทีลังเลเล็กน้อย จากนั้นส่าย
“ถ้าหากคุณป้าไม่เชื่อฉัน ก็ควรจะเชื่อเถ้าแก่อวี๋ฮั่วหลงสิ”“หลินเฟิง! ไอ้เวรเอ๊ย กล้ามาหลอกลวงฉันแบบนี้! ฉันคิดว่าแกจะรู้สำนึกและเปลี่ยนแปลง แต่คิดไม่ถึงว่าแกกล้าเอาลูกแก้วบ้านี้มาหลอกลวงฉันอย่างหน้าด้านๆ!” “ไม่ได้! ฉันจะไม่ยอมให้มันพาลูกสาวของฉันไปง่ายๆ แบบนี้หรอก ฉันต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้เรียบร้อย!”“ถ้าเขามีความกล้าพอจริง เขาก็ลงมือฆ่าฉันต่อหน้าฮุ่ยหรานไปเลย!”เมื่อด่าเสร็จ จางกุ้ยหรานก็วางสายไปจางซินยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความโลภ ขณะที่ยื่นทับทิมให้อวี๋ฮั่วหลงแล้วพูดเบา ๆ ว่า: “ถ้าท่านผู้อาวุโสอวี๋เสนอราคาแล้วงั้น ก็ขายในราคาสองร้ายห้าสิบล้านบาทแล้วกัน!”เวลาเย็นหลินเฟิงกว่าจะส่งมอบเรื่องของโรงงานให้สาวสวยทั้งสองคนได้สำเร้จ ยังไม่ทันได้พักหายใจ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นทันที“ฮัลโหล?”หลินเฟิงรับโทรศัพท์ และทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหายใจหนักๆ และรัวๆ จากปลายสาย“สวัสดีครับ?!”หลินเฟิงตะโกนออกไปอีกครั้งจนเสียงดัง และในที่สุดเสียงของฟ่านหลิงเยว่ก็ดังขึ้นมา“พี่หลินเฟิง รีบมาที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวเลยค่ะ ตอนนี้ฉันกับเสวี่ยฮุ่ยกำลังถูกไล่ฆ่าอยู่..ว้าย!”จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้
หลินเฟิงขับรถไปอย่างรวดเร็ว ราวกับสายฟ้าปกติแล้วต้องใช้เวลาขับรถมากกว่าครึ่งชั่วโมง แต่ด้วยการเร่งความเร็วและแซงรถไปตลอดทาง เขาสามารถถึงมหาวิทยาลัยเจียงโจวได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาทีทันทีที่หลินเฟิงเดินผ่านประตูมหาวิทยาลัยเจียงโจว เขาก็สังเกตเห็นรถพยาบาลจอดอยู่ที่หน้าประตูทันทีที่เห็นเช่นนั้น ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจหลินเฟิงวิ่งไปที่รถพยาบาล ทันทีที่เขาเห็นก็พบว่านักเรียนหลายคนที่เต็มไปด้วยเลือดนอนอยู่บนพื้น และกำลังได้รับการปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วนหลินเฟิงเหลือบมองไปรอบ ๆ โชคดีที่ไม่พบใบหน้าที่คุ้นเคย“เฮ้! อย่าไปที่นั่นนะ ที่นั่นมีการตั้งเส้นกั้นไว้ ห้ามใครเข้าไป!”ขณะที่หลินเฟิงกำลังวิ่งเข้าไปในมหาวิทยาลัยอย่างเร่งรีบ นักเรียนหญิงคนหนึ่งก็เดินออกมาขวางทางเขาอย่างทันทีเมื่อทั้งคู่เห็นหน้ากัน ต่างก็ต้องตกใจไปชั่วขณะคนที่ขวางทางหลินเฟิงอยู่นั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่คือเพื่อนสนิทของเสวี่ยฮุ่ย โจวเสี่ยวหาง“พี่หลินเฟิง?1”โจวเสี่ยวหางมีท่าทางตกใจ“เสี่ยวหาง มันเกิดอะไรขึ้น?!”แม้หลินเฟิงจะรู้สึกตื่นตระหนกมาก แต่เขาก็พยายามสงบสติเอาไว้ และสอบถามอย่างใจเย็น“ไม่แน่ใจค่ะ ช
“ฮ่าฮ่าฮ่า... สาวสวย ถ้าคุณไม่ออกมาซะตอนนี้ คุณอาจจะต้องถูกเผาตายทั้งเป็นเชียวนะ!”ชายหนุ่มผู้สวมชุดสูทสีขาวยืนอยู่หน้าตึกเรียนที่กำลังลุกไหม้ หัวเราะอย่างบ้าคลั่งในขณะที่เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าคบเพลิงที่เพิ่งใช้จุดน้ำมันรอบๆ อาคารเรียนตอนนี้อยู่ในมือของเขาเขามองไปที่เปลวไฟที่ลุกโชติช่วง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและตื่นเต้น จนทำให้บางส่วนของร่างกายเขาตึงตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“แค่ก แค่ก แค่ก…….’บนชั้นห้าของอาคารเรียน ฟ่านหลิงเยว่จับมือเสวี่ยฮุ่ยไว้แน่น ขณะที่พวกเขาหลบอยู่ในห้องเรียนที่ว่าง ควันหนาทึบลอยไปทั่วจนทำให้ทั้งคู่ไอออกมาไม่หยุด“เสี่ยวเยว่ อย่ามาสนฉันเลย หนีไปซะเถอะ”หลินเสวี่ยฮุ่ยผลักเสี่ยวเยว่เบา ๆ เพื่อให้เธอรีบหนีไป และไม่ต้องสนเธอหากเป็นเพียงเสี่ยวเยว่คนเดียว เธอคงหลุดพ้นจากวงล้อมไปได้แล้วในตอนนี้เพราะต้องพาเธอที่เป็นภาระไปด้วย จึงทำให้เสี่ยวเยว่ถูกพวกนั้นล้อมจับ“บ้าชะมัด ฉันว่าแล้วทำไมพวกเขาถึงหยุดไล่ตามเราแล้ว ที่แท้ก็จุดไฟเผา ไอ้หมอนั่นเป็นคนบ้าชัด ๆ!””ฟ่านหลิงเยว่สบถด่าออกไปจากนั้นเธอก็หันมามองเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ข้างหลัง พร้อมกับบ่นว่า: “เสวี่
บันไดของอาคารเรียนพังลงมา และไม่สามารถขึ้นไปจากตรงนี้ได้อีกหลินเฟิงปีนต่อไปตามราวบันได ร่างกายของเขาปราดเปรียวว่องไวราวกับลิง เพียงแค่ครึ่งนาที หลินเฟิงก็ปีนขึ้นไปบนเสาค้ำที่กำลังพังลงมา ก่อนจะปีนขึ้นไปที่บนชั้นห้า“เสี่ยวเยว่! เสวี่ยฮุ่ย!”หลินเฟิงใช้พลังชี่แท้ เพื่อกระจายควันให้ลอยอยู่รอบ ๆ“พี่หลินเฟิง พวกเราอยู่ตรงนี้!”ทันใดนั้น หลินเฟิงก็ได้ยินเสียงตะโกนเบา ๆจากห้องเรียนด้านหลังระเบียงทางเดินนี่คือเสียงของเสี่ยวเยว่หลินเฟิงไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะรีบเข้าไปในห้องเรียนตรงระเบียนทางเดินเมื่อเผชิญหน้ากับกำแพงไฟ หลินเฟิงก็ก้าวขึ้นไปบนกำแพง ก่อนจะกระโดดขึ้นไปในอากาศราวกับเสือชีตาร์ที่โผล่ออกมาจากเปลวไฟแล้วก็ช้อนเสี่ยวเยว่กับเสวี่ยฮุ่ยที่หมดสติให้อยู่ในอ้อมแขน“พี่หลินเฟิง บันไดไฟไหม้ไปหมดแล้ว พวกเราหนีออกไปไม่ได้แล้ว!”เสี่ยวเยว่เงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ด้วยสีหน้าตึงเครียด“จับฉันให้แน่น!”หลินเฟิงไม่ได้ลังเลมากนัก ลมปราณภายในของเขารวมตัวกันอยู่ในจุดตันเถียน จนกลายเป็นพายุพลังชี่แท้อยู่กลางฝ่ามือ ก่อนจะเปิดทางกำแพงไฟที่ขวางอยู่ข้างหน้าทันทีหลังจากที่กำแพงถูกเผาจนดำสนิททั
เมื่อได้ยินคำพูดของโอวหยางหมิง ในใจของหลินเฟิงก็เกิดความสงสัย“โอวหยางหมิงกับโอวหยางชิ่งถูกฆ่าแล้วเหรอ?”“เอ๊ะ? คุณไม่รู้งั้นเหรอ?”โอวหยางหมิงตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะและพูดว่า: “หลินเฟิง ถึงเวลานี้แล้วคุณยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกงั้นเหรอ? มันจะไม่สายเกินไปหน่อยเหรอ?”“ผมไม่ได้ฆ่าพวกเขา”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“อ่อ...งั้นความหมายของคุณคือ โอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่งไม่ได้ถูกคุณฆ่า? แต่พวกเขาไม่ได้ระวังระหว่างเดินทาง ก็.....แอ่ก”โอวหยางหมิงใช้นิ้วทำท่าทางปาดคอ และพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูล้อเลียน ก่อนจะพูดว่า “ก็ตายอย่างแปลกประหลาดแบบนี้งั้นเหรอ?”“ผมไม่รู้ว่าสำนักเสินฉือของพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ แต่ผมไม่ได้ฆ่าโอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่ง มีคนเป็นพยานได้”หลินเฟิงมองไปทางฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็เป็นพยานในตอนนั้นเช่นกัน เธอพยักหน้า ก่อนจะพูดว่า: “พี่หลินเฟิงไม่ได้ฆ่าโอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่ง ตอนนั้นปล่อยพวกเขาไปแล้ว”“ฉันเห็นด้วยตาของฉันเอง”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจผิด....”โอวหยางหมิงพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าฉันจะ
“หือ? คิดไม่ถึงว่าพลังชี่แท้ของไอ้หมอนี่จะแข็งแกร่งขนาดนี้ !”เปลือกตาของโอวหยางหมิงกระตุกเขายังไม่ทันตอบโต้ ก็เห็นหลินเฟิงเคลื่อนไหวแล้วรูปร่างของหลินเฟิงเหมือนกับมังกรว่ายน้ำ ลากภูตผีที่ด้านหลังแล้วพุ่งเข้าใส่ท่ามกลางคนชุดดำ หลังจากเสียงกระทบกระแทกและเสียงกรีดร้อง มีอาวุธและแขนขาที่ขาดออกมากระเด็นไปรอบหลินเฟิงยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งมีความกล้าภายในเวลาไม่ถึงห้านาที คนชุดดำที่ล้อมรอบต่างก็ถูกกำจัดหมดหลินเฟิงยืนอยู่คนเดียวบนยอดกองคนชุดดำ ก่อนจะพุ่งเข้าไปต่อยใบหน้าของคนชุดดำคนสุดท้ายจนจนยุบเป็นหลุมเขาส่งเสียงร้อง ก่อนจะถูกโยนทิ้งออกไปแล้วกลิ้งไปแทบเท้าของโอวหยางหมิงในตอนนี้ นอกจากโอวหยางหมิงกับหลินเฟิงก็ไม่มีใครยืนอยู่ในที่เกิดเหตุอีกเลย“นี่คือกองกำลังของคุณเหรอ? พวกกำลังภายในไร้ประโยชน์?”หลินเฟิงมองไปทางโอวหยางหมิง สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม“หึ ฉันก็ไม่ได้หวังว่าขยะพวกนี้จะสามารถคุกคามอะไรคุณได้หรอก และเมื่อคำนวณเวลาแล้ว ก็พอใช้ได้เลยนะ”โอวหยางหมิงแสยะยิ้มแล้วพูดว่า: “หลินเฟิง คุณต่อสู้ได้ดีกว่าที่ฉันคิดไว้ แต่แล้วมันยังไงล่ะ?”“วันนี้ผมจะให้บทเรียนกับคุณ ไม่ใช่
“อ่อ งั้นก็ดีแล้ว ใช่แล้ว คืนนี้เสวี่ยฮุ่ยกับเสี่ยวเยว่จะกลับมากินข้าวไหม?”“น้าจ้าว คืนนี้มีธุระนิดหน่อย พวกเราอาจจะไม่กลับได้กลับไปกินแล้ว พวกเราจะกลับไปคืนพรุ่งนี้”หลินเฟิงอดทนต่อความไม่สบายใจและพยายามที่จะสงบสติอารมณ์“ฮะ ได้ได้ได้ ฉันรู้แล้ว หลินเฟิง พวกคุณต้องระวังตัวด้วยนะ”“ครับ น้าจ้าว น้าวางใจเถอะครับ”กว่าจะปลอบใจจ้าวเฉียวอวิ๋นได้ โทรศัพท์จากทางหลิวหย่งก็โทรมาอีกครั้ง“คุณหลิน คนของตระกูลเซี่ยงเพิ่งจะมาหา เซี่ยงตงเซิงได้พาคนเข้ามาและลักพาตัวหลี่ฮุ่ยหรานกับคุณถังหว่านไป ผมกับพรรคพวกพยายามต้านทานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทำสำเร็จ”“คุณหลิน ขอโทษ ผม....”“ไม่เป็นไร นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ”จิตใจของหลินเฟิงจมดิ่ง แต่ก็ยังพยายามที่จะปลอบใจหลิวหย่งในที่สุด หลินเฟิงก็วางสายโทรศัพท์ด้วยสายตาอาฆาตที่แทบจะควบคุมไม่อยู่“ตระกูลเซี่ยง!”หลินเฟิงกัดฟันก่อนงจะคำรามออกมา “หน้าไม่อายจริง ๆ พวกคุณหาเรื่องตายด้วยตัวเอง งั้นก็ไม่ต้องมาโทษฉันแล้ว!”“ติ๊งริงริง...”ในช่วงเวลาสำคัญนี้ โทรศัพท์มือถือของหลินเฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง“หลินเฟิง!”คราวนี้จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ เธอพ
คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถพบแพทย์ได้ที่ศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวแต่เพราะชื่อเสียง จึงทำให้คนที่มาพบแพทย์ที่ศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวมีค่อนข้างเยอะในวันปกติ ศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวแทบจะเปิดให้บริการเต็มที่แค่นัดหมายคิว ก็ต่อคิวไปสองเดือนแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขอให้คนของศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวมาบริการถึงที่บ้านเลยนี่เป็นสิทธิพิเศษที่สี่ตระกูลใหญ่จะมีได้!ที่จริงซุนเชี่ยนก็เคยนัดหมายให้ฟางเลี่ยงไว้แล้วเช่นกัน แต่พวกเขากลับดูถูกตระกูลซุนของพวกเขาถ้าอยากจะพบแพทย์ ก็ให้พวกเขาพาคนป่วยไปที่บ้านได้เลยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวจะให้การรักษาแก่ตระกูลซุนเล็ก ๆเพียงตระกูลเดียวได้อย่างไร? นอกจากว่าเธอจะสามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่สูงลิ่วได้สุดท้ายซุนเชี่ยนก็ทำได้เพียงยกเลิกไปเท่านั้นแต่ตอนนี้หลินเฟิงที่สามารถโทรหาคนของศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวได้ด้วยการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวความมั่นใจนี้ ทำให้ซุนเชี่ยนรู้สึกไม่สบายใจอาจารย์คนนี้ของอวี๋จื่อเสวียน จริง ๆแล้วเป็นใครกันแน่?เบื้องหลังของเขาคืออะไรกันแน่?......ไม่นานหลังจากนั้น ซุนหยวนเหว่ยก็ค่อย ๆได้สติและภาพแรกที่ได้เห็น
“อ๊ะ?”คำพูดของหลินเฟิงทำให้ซุนหยวนเหว่ยและภรรยาคิดอะไรไม่ออก แต่ในตอนที่ทั้งสองตกตะลึง หลินเฟิงก็แทงเข็มเงินเข้าที่ช่องท้องส่วนล่างของซุนซิน“อ้ากกกก!”ทันใดนั้นซุนซินก็ส่งเสียงร้องดังลั่นออกมาทันที“พ่อแม่ ช่วยผมด้วย เจ็บมากเลย! ช่วยผมด้วยยยย!”เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงร้องขอความช่วยเหลือของลูกชาย ซุนหยวนเหว่ยก็เบิกตากว้าง พร้อมกับพุ่งเข้าไปหาหลินเฟิงอย่างบ้าคลั่ง“ไอ้สัตว์ร้าย! แกปล่อยลูกชายของฉันเดี๋ยวนี้!”“ฉันจะสู้กับแกเอง!”สามีภรรยาซุนหยวนที่สู้สุดชีวิตถูกอวี๋จื่อเสวียนเตะจนล้มลงไปด้วยการเตะเพียงครั้งเดียวภรรยาของซุนหยวนเหว่ยล้มลงและหมดสติไปทันทีเพราะเลือดเดือดพล่านอวี๋จื่อเสวียนนั่งคร่อมซุนหยวนเหว่ย ก่อนจะจับผมของเขาแล้วยกหัวของเขาขึ้นมา และยัดเช็คสองล้านห้าแสนบาทที่หลินเฟิงโยนออกไปนั้น เข้าไปในปากของเขา “คุณดูให้ฉันดี ๆสิ!”“ชีวิตก็คือชีวิตของลูกชายตระกูลคุณ แล้วชีวิตของฟางเลี่ยง มันไม่ใช่ชีวิตงั้นเหรอ?!””“สองล้านห้าแสนบาท วันนี้คุณจะต้องรับมัน! แล้วจากนั้นก็ต้องดูลูกชายของเขา เอาของที่แย่งชิงมาจากฟางเลี่ยงคืนกลับไป!”“อื้อ อื้อ อื้อ....”ซุนหยวนเหว่ยดิ้นรนไม่
หลินเฟิงเหลือบมองซุนหยวนเหว่ย แล้วรู้สึกสับสนเล็กน้อย“ผมไม่ได้บอกไปแล้วงั้นเหรอ? สองล้านห้าแสนบาท เพื่อซื้อไตของฟางเลี่ยงกลับคืนมา”ขณะที่กำลังพูดอยู่ เขาก็ผลักซุนซินลงไปกับพื้น จากนั้นก็หยิบเข็มเงินที่หนาและยาวออกมาจากถุงผ้าที่ติดตัวมา“พ่อ....พ่อ พ่อ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย___!”ซุนซินมองแววตาที่สงบนิ่งของหลินเฟิง และสัมผัสได้ถึงความคมของเข็มเงินในมือของหลินเฟิง ก็หวาดกลัวอย่างมากจนต่อสู้ดิ้นรนไม่หยุด“ไอ้...ไอ้สัตว์ร้าย แกปล่อยลูกชายของฉันนะ!”ซุนหยวนเหว่ยตกใจอย่างมาก ผู้ชายคนนี้ต้องการเอาไตของลูกชายตัวเองจริง ๆงั้นเหรอ?!“ขอร้องล่ะ ไม่เอา ไม่เอานะ!”หากบอกว่าซุนหยวนเหว่ยยังมีอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่บ้าง ภรรยาของซุนหยวนเหว่ยที่อยู่ข้าง ๆก็คงตกใจกลัวแทบตายแล้วต้องรู้ว่า ซุนซิน ลูกชายคนเล็กคนนี้ คือทุกสิ่งทุกอย่างของเธอหากมีอะไรเกิดขึ้นกับซุนซิน เธอก็คงไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกเพราะอย่างนั้นภรรยาของซุนหยวนเหว่ยที่เห็นฉากนี้ ก็รีบหยุดด่าทอหลินเฟิง และอดทนต่อความเจ็บปวดที่รุนแรงตรงหัวเข่า ก่อนจะก้มหัวขอร้องไปทางหลินเฟิง“คุณฆ่าฉันเถอะ ขอร้อง อย่าแตะต้องลูกชายของฉัน!”“พ่อ แ
“นี่....”เมื่อเห็นฉากนี้ ซุนหยวนเหว่ยก็มีปฏิกิริยานังเด็กคนนี้กับผู้ชายคนนี้ ที่แท้ก็เป็นนักบู๊กันทั้งคู่! คิดไม่ถึงว่าผู้คุ้มกันที่ตระกูลซุนจ้างมา ต่อหน้าผู้ชายคนนั้นจะอ่อนแอได้ขนาดนี้!“แก...แกเป็นใครกันแน่?!”ซุนหยวนเหว่ยรู้สึกหวาดกลัว แล้วอุ้มลูกชายของตัวเองพร้อมกับถอยหลังไป“ฉันเป็นใคร?”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา “พวกคุณไม่สมควรที่จะรู้!”ในขณะที่พูดอยู่ หลินเฟิงก็รวบรวมพลังชี่แท้เอาไว้สองเส้นที่ปลายนิ้วก่อนจะสะบัดมันออกไปทันใดนั้นซุนหยวนเหว่ยก็รู้สึกเจ็บปวดที่เข่าของตัวเองอย่างที่ไม่สามารถจะทนได้ จนเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกแล้วก็คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง “ตุบ”และลูกชายที่ถูกเขากอดเอาไว้ในอ้อมแขนก็ล้มลงไปกับพื้นเช่นเดียวกัน ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆซุนหยวนเหว่ยเงยหน้ามองไปเขาพบว่าในเวลานี้ตัวเองกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าฟางเลี่ยงที่หมดสติ ทันใดนั้นก็รู้สึกอับอายขึ้นมา จนทำให้เลือดของเขาเดือดพล่านและทั้งใบหน้าเหลี่ยมก็แดงก่ำขึ้นมาทันที“ไอ้สารเลวอย่างแก แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร?! ฉันเป็นประธานบริษัทการค้าเทียนเหว่ย และเบื้องหลังของฉันก็ยังมีแก๊
คนอื่น ๆในตระกูลซุนต่างก็หวังว่าฟางเลี่ยงจะตายเร็วกว่านี้ในเมื่อเขาหมดประโยชน์ไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ พ่อแม่ของฟางเลี่ยงย่อมรู้ดีอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่สนใจการกระทำของตระกูลซุนเลยหลังจากที่เฝ้าดูลูกชายของตัวเองที่ถูกคนใช้ประโยชน์เสร็จแล้ว จากนั้นตระกูลซุนก็โยนทิ้งไปราวกับเป็นขยะบอกได้แค่ว่าซุนเชี่ยนกับฟางเลี่ยงเป็นแค่คนที่น่าสงสารถึงแม้ว่าซุนหยวนเว่ยกับคนอื่น ๆจะเป็นสัตว์ร้าย แต่พ่อแม่ของฟางเลี่ยงก็ไม่ใช่คนดีอะไรหลินเฟิงในตอนนี้ที่ยืนขึ้นมานั้นมองไปที่ซุนหยวนเว่ยอย่างเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้นว่า:“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ฟางเลี่ยงก็เป็นคนที่ช่วยชีวิต ซุนซิน ลูกชายของพวกคุณ หรือว่าพวกคุณก็ยอมให้ลูกชายของพวกคุณปฏิบัติกับฟางเลี่ยงและพี่สาวของตัวเองแบบนี้เหรอ?”“พวกคุณยังมีเกียรติกันอยู่หรือเปล่า?”“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? ถึงกล้ามายืนกล่าวหาฉันที่นี่ได้?”ท่าทางของซุนหยวนเว่ยยิ่งโกรธขึ้นไปอีกถึงจะรายล้อมไปด้วยผู้คุ้มกันตระกูลซุนของเขา ก็ยังกล้าที่จะพูดหน้าไม่อาย นี่ก็แสดงว่าไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยสินะ!ดูเหมือนว่าคนนี้จะอวดดีเหมือนกับนังเด็กผู้หญิงคนนั้น“ซุนหยวนเว
ซุนหยวนเหว่ยเตะฟางเลี่ยงไปจนล้มลงไปตอนนี้คนบ้านนี้ก็เลิกเสแสร้งแล้วจริง ๆซุนหยวนเหว่ยที่ชี้ไปทางฟางเลี่ยงที่นอนอยู่บนพื้น แล้วด่าทอว่า :“ทั้งหมดเป็นความผิดของไอ้สารเลวอย่างแก นอนมาตั้งสองปีก็ยังไม่ตาย ทั้งยังทำให้พวกเราเสียเวลาอยู่ที่นี่ทุกวันอีก!”“หากไม่ใช่เพราะแกเอาแต่ประคองชีวิตไปวัน ๆแล้วลูกสาวของฉันจะเป็นม่ายได้ยังไง? บางทีลูกสาวของฉันคงจะได้คบกับผู้ชายที่สูง หล่อและรวยไปแล้ว!”“พ่อ!”ซุนเชี่ยนที่อยู่ด้านข้าง ในที่สุดแล้วก็ทนต่อไปไม่ไหวเธอยืนขึ้นพร้อมกับร้องไห้และพูดว่า :“ที่ฟางเลี่ยงกลายเป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะตระกูลซุนของพวกเรานะ! หากไม่ได้บริจาคไตของตัวเองให้ ซุนซินก็คงจะตายไปตั้งนานแล้ว!”“พวกคุณทำแบบนี้กับฟางเลี่ยงได้ยังไง?”“พวกเราทำอะไรกับเขา?”ภรรยาของซุนหยวนเหว่ยพุ่งเข้ามาจับใบหน้าของซุนเชี่ยน แล้วตบไปสองครั้ง และกรีดร้องออกมาว่า :“พวกเราปฏิบัติกับเขาอย่างไม่ยุติธรรมงั้นเหรอ? แล้วแกไม่ได้รู้หรอกเหรอว่า พวกเราให้เขาแต่งงานเข้ามาก็เพื่อที่จะให้เขาใช้ไตของเขาช่วยชีวิตลูกชายของฉันน่ะ!”“พวกเราก็ให้เงินสองล้านห้าแสนบาทกับครอบครัวพวกเขาไปแล้ว! แค่นี้ยังไม่พออีกเห
ถึงแม้ว่าในการต่อยครั้งนี้ เธอจะไม่ได้ใช้แรงทั้งหมด แต่ก็ทำให้กระดูกจมูกของซุนซินหัก และฟันในปากครึ่งหนึ่งก็ถูกเขากลืนลงไปทั้งหมด “อ๊ากกกก!”ซุนซินคิดยังไงก็คิดไม่ถึงเด็กน้อยที่มีแขนขาเรียวอย่างนี้คาดไม่ถึงว่าจะมีพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ เขาถูกต่อยอย่างแรงจนส่งเสียงร้องออกมาทันทีก่อนจะล้มลงไปกับพื้น พร้อมกับปิดหน้าแล้วดิ้นไปมา“ไอ้สารเลวที่น่ารังเกียจอย่างแก พวกครอบครัวสารเลวอย่างพวกคุณ....”ในเวลานี้อวี๋จื่อเสวียนโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ เธออยากจะทุบตีคุณชายเจ้าชู้คนนี้ให้ตายในทันทีขณะที่อวี๋จื่อเสวียนกำลังเดินไปหาซุนซินที่กำลังส่งเสียงร้องอีกครั้ง จู่ ๆก็มีเสียงคำรามดังลั่นมาจากชายวัยกลางคนที่ด้านนอกของประตู“หยุดนะ!”เพียงแค่เห็นซุนหยวนเหว่ยที่มีใบหน้าเหลี่ยม รีบพุ่งเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าโกรธจัด แล้วไปโอบกอดลูกชายที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมาพร้อมกับมองไปทางอวี๋จื่อเสวียนและหลินเฟิงด้วยความโกรธเคืองสุดท้าย สายตาของตัวเขาก็จ้องไปที่คุณซุน“เชี่ยนเชี่ยน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”“ฉัน...ฉัน....”คุณซุนก็ไม่คาดคิดว่าอวี๋จื่อเสวียนจะลงมือทุบตีคน และคนที่ถูกตีก็คือซุนซ
เพียงแค่เห็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าขาวซีดทำสีหน้าเยาะเย้ยเล็กน้อย พร้อมกับเตะเปิดประตู แล้วเดินเข้ามาอย่างองอาจเขาก็คือเด็กหนุ่มคนนั้นที่หลินเฟิงเพิ่งจะเห็นตรงเบาะหลังของของรถเมอร์เซเดสเบนส์แถมดูแค่หน้าตาภายนอกน่าจะมีอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปีเขากวาดตามองไปทางฟางเลี่ยงที่นอนป่วยอยู่บนเตียง แล้วก็มองยาในมือของพี่สาวตัวเองจู่ ๆสีหน้าก็เปลี่ยนไป“นังสารเลว ฉันไม่ได้บอกแกเหรอว่าอย่าใช้เงินกับไอ้สวะนี่อีกน่ะ? แล้วยาในมือของแกมันคืออะไร? อ๊ะ?”ในขณะที่กำลังพูดอยู่ เด็กหนุ่มคนนี้ก็เดินเข้ามาตบใบหน้าพี่สาวของตัวเองเสียงดังลั่นคุณซุนล้มลงไปพร้อมกับเอามือปิดหน้าจากนั้น เด็กหนุ่มก็คว้าเอายาในมือคุณซุนมาแล้วโยนลงพื้น ก่อนจะเหยียบมันจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วไปเตะต่อย คุณซุนต่อ“แม่งเอ้ย พ่อหาเงินมาได้ง่าย ๆงั้นเหรอ?”“แกยังจะใช้เงินกับไอ้สวะคนนี้อีกงั้นเหรอ? แกคิดว่าตระกูลซุนของพวกเรามีเงินเยอะเกินไปสินะ?”เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการด่าทอและการทุบตีของน้องชายตัวเอง คุณซุนก็เอาแต่มือปิดหน้าและก้มหน้าหลบ โดยที่ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ“ซุนซิน นาย...นายห้ามตีพี่สาวของคุณนะ นายมีอะไร ก็....ก
แต่เกิดจากสารพิษในร่างกายสะสมมากเกินไปจนไม่สามารถขับออกมาได้“จื่อเสวียน เธอหลบไปก่อน ให้ฉันดูหน่อย”หลินเฟิงเดินเข้าไป จับมือของฟางเลี่ยงและใช้พลังชี่แท้ของเขาถ่ายโอนไปยังร่างกาย และหลับตาลงเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกายของเขาอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นเช่นนี้ อวี๋จื่อเสวียนไม่กล้าที่จะรบกวนหลินเฟิงและหลบไปข้างๆ อย่างรวดเร็วฟางเลี่ยงใช้โอกาสนี้จ้องมองอวี๋จื่อเสวียนและคุณซุนด้วยความสงสัย“คุณผู้ชายท่านนี้คือ...?”"เขาเหรอ"อวี๋จื่อเสวียนเช็ดน้ำตาแล้วยิ้ม:“นี่คืออาจารย์ของฉัน อาจารย์หลิน เขาเก่งมาก เขาสามารถรักษาโรคเล็กๆ น้อยๆ เขาสามารถรักษาหายได้อย่างรวดเร็ว นายไม่ต้องกังวล!”"หึหึ......"เมื่อได้ยินคำพูดของอวี๋จื่อเสวียน ฟางเลี่ยงก็ยิ้มอย่างจนปัญญาเขาจ้องดูหลินเฟิงแล้วพูดว่า:“อาจารย์หลิน คุณไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงเพราะผม ร่างกายของผม...ผมรู้ดีที่สุด”"ผมอยู่ได้ไม่กี่วันแล้ว"ฟางเลี่ยงมีความสงบมากในขณะนี้ เขาเผยรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดว่า:“เมื่อวานนี้ ฉันยังคงคิดอยู่ว่าจะพบกับจื่อเสวียนอย่างไร แต่ฉันคิดไม่ถึงว่าวันนี้เธอจะปรากฏตัวขึ้น”ฟางเลี่ยงเงยหน้าขึ้นด้วยความพยายามอย่างยิ่