เมื่อได้ยินคำพูดของโอวหยางหมิง ในใจของหลินเฟิงก็เกิดความสงสัย“โอวหยางหมิงกับโอวหยางชิ่งถูกฆ่าแล้วเหรอ?”“เอ๊ะ? คุณไม่รู้งั้นเหรอ?”โอวหยางหมิงตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะและพูดว่า: “หลินเฟิง ถึงเวลานี้แล้วคุณยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกงั้นเหรอ? มันจะไม่สายเกินไปหน่อยเหรอ?”“ผมไม่ได้ฆ่าพวกเขา”หลินเฟิงขมวดคิ้ว“อ่อ...งั้นความหมายของคุณคือ โอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่งไม่ได้ถูกคุณฆ่า? แต่พวกเขาไม่ได้ระวังระหว่างเดินทาง ก็.....แอ่ก”โอวหยางหมิงใช้นิ้วทำท่าทางปาดคอ และพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูล้อเลียน ก่อนจะพูดว่า “ก็ตายอย่างแปลกประหลาดแบบนี้งั้นเหรอ?”“ผมไม่รู้ว่าสำนักเสินฉือของพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ แต่ผมไม่ได้ฆ่าโอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่ง มีคนเป็นพยานได้”หลินเฟิงมองไปทางฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็เป็นพยานในตอนนั้นเช่นกัน เธอพยักหน้า ก่อนจะพูดว่า: “พี่หลินเฟิงไม่ได้ฆ่าโอวหยางป๋อกับโอวหยางชิ่ง ตอนนั้นปล่อยพวกเขาไปแล้ว”“ฉันเห็นด้วยตาของฉันเอง”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจผิด....”โอวหยางหมิงพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็มองไปทางหลินเฟิงก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “คุณคิดว่าฉันจะ
“หือ? คิดไม่ถึงว่าพลังชี่แท้ของไอ้หมอนี่จะแข็งแกร่งขนาดนี้ !”เปลือกตาของโอวหยางหมิงกระตุกเขายังไม่ทันตอบโต้ ก็เห็นหลินเฟิงเคลื่อนไหวแล้วรูปร่างของหลินเฟิงเหมือนกับมังกรว่ายน้ำ ลากภูตผีที่ด้านหลังแล้วพุ่งเข้าใส่ท่ามกลางคนชุดดำ หลังจากเสียงกระทบกระแทกและเสียงกรีดร้อง มีอาวุธและแขนขาที่ขาดออกมากระเด็นไปรอบหลินเฟิงยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งมีความกล้าภายในเวลาไม่ถึงห้านาที คนชุดดำที่ล้อมรอบต่างก็ถูกกำจัดหมดหลินเฟิงยืนอยู่คนเดียวบนยอดกองคนชุดดำ ก่อนจะพุ่งเข้าไปต่อยใบหน้าของคนชุดดำคนสุดท้ายจนจนยุบเป็นหลุมเขาส่งเสียงร้อง ก่อนจะถูกโยนทิ้งออกไปแล้วกลิ้งไปแทบเท้าของโอวหยางหมิงในตอนนี้ นอกจากโอวหยางหมิงกับหลินเฟิงก็ไม่มีใครยืนอยู่ในที่เกิดเหตุอีกเลย“นี่คือกองกำลังของคุณเหรอ? พวกกำลังภายในไร้ประโยชน์?”หลินเฟิงมองไปทางโอวหยางหมิง สายตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม“หึ ฉันก็ไม่ได้หวังว่าขยะพวกนี้จะสามารถคุกคามอะไรคุณได้หรอก และเมื่อคำนวณเวลาแล้ว ก็พอใช้ได้เลยนะ”โอวหยางหมิงแสยะยิ้มแล้วพูดว่า: “หลินเฟิง คุณต่อสู้ได้ดีกว่าที่ฉันคิดไว้ แต่แล้วมันยังไงล่ะ?”“วันนี้ผมจะให้บทเรียนกับคุณ ไม่ใช่
“อ่อ งั้นก็ดีแล้ว ใช่แล้ว คืนนี้เสวี่ยฮุ่ยกับเสี่ยวเยว่จะกลับมากินข้าวไหม?”“น้าจ้าว คืนนี้มีธุระนิดหน่อย พวกเราอาจจะไม่กลับได้กลับไปกินแล้ว พวกเราจะกลับไปคืนพรุ่งนี้”หลินเฟิงอดทนต่อความไม่สบายใจและพยายามที่จะสงบสติอารมณ์“ฮะ ได้ได้ได้ ฉันรู้แล้ว หลินเฟิง พวกคุณต้องระวังตัวด้วยนะ”“ครับ น้าจ้าว น้าวางใจเถอะครับ”กว่าจะปลอบใจจ้าวเฉียวอวิ๋นได้ โทรศัพท์จากทางหลิวหย่งก็โทรมาอีกครั้ง“คุณหลิน คนของตระกูลเซี่ยงเพิ่งจะมาหา เซี่ยงตงเซิงได้พาคนเข้ามาและลักพาตัวหลี่ฮุ่ยหรานกับคุณถังหว่านไป ผมกับพรรคพวกพยายามต้านทานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทำสำเร็จ”“คุณหลิน ขอโทษ ผม....”“ไม่เป็นไร นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ”จิตใจของหลินเฟิงจมดิ่ง แต่ก็ยังพยายามที่จะปลอบใจหลิวหย่งในที่สุด หลินเฟิงก็วางสายโทรศัพท์ด้วยสายตาอาฆาตที่แทบจะควบคุมไม่อยู่“ตระกูลเซี่ยง!”หลินเฟิงกัดฟันก่อนงจะคำรามออกมา “หน้าไม่อายจริง ๆ พวกคุณหาเรื่องตายด้วยตัวเอง งั้นก็ไม่ต้องมาโทษฉันแล้ว!”“ติ๊งริงริง...”ในช่วงเวลาสำคัญนี้ โทรศัพท์มือถือของหลินเฟิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง“หลินเฟิง!”คราวนี้จางกุ้ยหลานที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ เธอพ
“ตามเธอไป จะต้องสืบที่มาของอัญมณีทับทิมเม็ดนั้นให้ชัดเจน”ในหูฟัง มีคนออกคำสั่งต่อชายร่างผอมด้วยภาษาเวน่าเช่นเดียวกัน“ครับ”ผู้ชายลุกขึ้นยืน จากนั้นเดินตามจางซินที่ตื่นเต้นดีใจที่อยู่ตรงหน้าไปด้วยสีหน้านิ่งเฉยพลบค่ำสำนักไป๋เกาเมืองเจียงโจว จางเจียหนิงปิดไฟดวงสุดท้ายของสำนักจางเจียหนิงบอกลากับเพื่อนร่วมงานของสำนักไป๋เกา ในตอนที่กำลังจะสะพายกระเป๋ากลับบ้านจู่ ๆ เธอสังเกตเห็นว่าตรงข้างกำแพงที่มืดมิด เหมือนจะมีร่างกายที่ผอมโรยล้มอยู่ตรงนั้น “เอ๊ะ?”จางเจียหนิงขยับเข้าไปใกล้ เธอนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นผู้หญิงที่มีบาดแผลเต็มตัวไปหมดบาดแผลบนตัวของเด็กสาวมีหลายจุดที่ตกสะเก็ด แผลใหม่แผลเก่าเต็มไปหมด อีกทั้งเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายก็ชำรุดจนดูไม่ได้“สวัสดีค่ะ? คุณ?”จางเจียหนิงขยับเข้าไปใกล้ และตบใบหน้าของเด็กสาวเบา ๆ“หลินเฟิง...หลิน...”“หลินเฟิง?”จางเจียหนิงตกตะลึงเล็กน้อย เธอขยับหูของตัวเองเข้าไปใกล้ ๆ และฟังอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็ได้ยินเสียงที่เบาบางของเด็กสาวอย่างชัดเจนจางเจียหนิงไม่ได้ฟังผิด เธอกำลังเรียกชื่อของหลินเฟิงอยู่จริง ๆ“หรือว่าจะเป็นเพื่อนของหลินเฟิง?!”
เพราะว่านี่ไม่ใช่เสวี่ยฮุ่ย และก็ไม่ใช่หมิงอิ่งอิ่งเธอคือโอวหยางชิ่งหลินเฟิงที่รู้สึกโล่งอกเพียงชั่วครู่ก็ตกอยู่ในความสงสัยอีกครั้งเขาจำได้ว่าตอนนั้นที่เขาปล่อยโอวหยางชิ่งกับโอวหยางป๋อจากไปตามหลักแล้วถึงแม้โอวหยางชิ่งจะไม่มีกำลังภายในกับตันเถียนแล้ว แต่อย่างน้อยก็มีหมัดเท้ากังฟูอยู่บ้างทำไมถึงได้ตกอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายแบบนี้?หรือว่าเป็นสำนักเสินฉือ?หลินเฟิงครุ่นคิดไม่หยุด แต่คาดเดาไปเรื่อยแบบนี้ไม่มีประโยชน์โดยสิ้นเชิงดังนั้นเขากวาดสายตามองดูกลุ่มแพทย์ที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ จากนั้นขมวดคิ้วและพูดเร่ง: “พวกคุณถอยออกหน่อย ให้ผมจัดการเถอะ”“หลินเฟิง คุณรู้จักเธอไหม?”จางเจียหนิงขยับเข้าไปถามใกล้ ๆ“รู้จัก”หลินเฟิงปล่อยกำลังภายในออกจากปลายนิ้ว และกดไปที่บนจุดฝังเข็มจุดต่าง ๆ บนตัวของโอวหยางชิ่งโดยไม่หยุดพัก จนเกิดเป็นลมพัดขึ้นผ่านไปครู่หนึ่ง โอวหยางชิ่งก็กระอักเลือดออกมาจากในปาก“เข็มเงิน!”หลินเฟิงยื่นมือออกไปทางจางเจียหนิง“อ่อ...ค่ะ!”จางเจียหนิงรีบวิ่งไปที่ข้าง ๆ และเปิดกล่องเข็มเงินที่ฆ่าเชื้อเอาไว้เรียบร้อยแล้วออกมา“ส่วบส่วบส่วบ”หลินเฟิงหยิบเข็มเงิน
“......”เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่ร้อนใจของโอวหยางชิ่ง หลินเฟิงเงียบขรึมอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า“เกรงว่าจะสายไปแล้ว”“ผมดูแล้วลูกชายเจ้าสำนักของพวกคุณดูไม่เหมือนคนที่มีเหตุมีผล ต่อให้คุณกลับไป เกรงว่าก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของสำนักเสินฉือได้”หลินเฟิงหยุดชะงัก และเหลือบมองโอวหยางชิ่งที่อ่อนแอไม่แข็งแรง: “ยิ่งกว่านั้นตอนนี้พ่อของคุณเสียชีวิตไปแล้ว คุณไม่มีประโยชน์ใด ๆ ต่อสำนักเสินฉืออีกแล้ว”“เทียบกับการฟังคุณ ที่จะไปแก้แค้นตระกูลเซี่ยง”“ไม่สู้ถือโอกาสกำจัดผม แบบนั้นมีผลประโยชน์มากที่สุดแล้ว”การวิเคราะห์ของหลินเฟิงทำให้สีหน้าของโอวหยางชิ่งเผยความซีดเซียวของความสิ้นหวังออกมาเพราะเธอรู้ว่า หลินเฟิงพูดถูกทั้งหมดก่อนหน้านี้หลังจากที่ตันเถียนของโอวหยางชิ่งถูกทำลาย สองพ่อลูกก็รู้แล้วว่าสำนักเสินฉือไม่มีที่สำหรับพวกเขาสองคนพ่อลูกอีกแล้วเขาเขากลับสำนักเสินฉือ ก็เพียงเพราะอยากจะรวบรวมพรรคพวกเก่า พึ่งพาอำนาจและเอาเงินในส่วนของตัวเองกลับมาจากนั้นก็หนีไปให้ไกลและตอนนี้ โอวหยางป๋อตายไปแล้ว กองกำลังภายในสำนักที่เป็นฝ่ายของเขาก็พังยับเยินเธอกลับไปตอนนี้ อาจจะไม่มีประ
“คุณไม่ต้องสนฉัน ถ้าหากพวกเขาจะฆ่า งั้นก็ให้พวกเขาฆ่าฉันซะเลย”เมื่อเห็นโอวหยางชิ่งดื้อรั้นขนาดนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ขึ้นรถเถอะ”หลินเฟิงเห็นโอวหยางชิ่งลากขาของตัวเอง เปิดประตูรถด้วยท่าทางโซเซ สุดท้ายก็คลานขึ้นรถด้วยท่าทางน่าไม่น่าดูนักเห็นได้ชัดว่าถึงแม้ฤทธิ์ยาอมตะเลือดราชันย์ของหลินเฟิงล้ำเลิศ แต่ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งคืน ยังไม่สามารถฟื้นฟูบาดแผลของเธอได้ อย่างมากก็แค่บรรเทาอาการเท่านั้นเกรงว่าเมื่อถูกเธอขยับเขยื้อนแบบนี้ บาดแผลที่เดิมทียังไม่สมานก็ฉีกออกอีกแล้วโอวหยางชิ่งนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับทั้งแบบนี้ต่อให้เลือดไหลลงจากขาของเธอและหยดลงบนที่นั่งในรถ เธอเพียงแค่จ้องมองไปข้างหน้า และไม่พูดอะไร“ติ๊งกริ่งกริ่ง”โทรศัพท์มือถือของหลินเฟิงเสียงดังขึ้นเมื่อรับสายนั่นก็คือสายของจางเจียหนิง“หลินเฟิง คุณ...คุณเห็นเด็กสาวคนนั้นเมื่อคืนนี้ไหม? เมื่อคืนฉันนอนหลับไป ผลปรากฏว่าเมื่อตื่นมาเธอก็หายไปแล้ว!”“บาดแผลบนตัวของเธอรุนแรงมาก กระดูกก็ยังไม่เข้าที่ เธอก็หนีออกไปแบบนี้ ฉันกลัวว่า...”ฟลินเฟิงฟังคำพูดที่เป็นกังวลของจางเจียหนิงไปด้วย แ
“เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยาง!”หลินเฟิงใช้ชี่แท้ฆ่าเชื้อเข็มเงินในมือชี้แท้ที่แตกต่างกันทั้งเก้าถูกปล่อยออกจากปลายนิ้วของหลินเฟิงและกลายเป็นเส้นไหมโปรงใส พันรอบเข็มเอาไว้จากนั้นหลินเฟิงเพ่งเล็งไปที่จุดฝังเข็มบนตัวโอวหยางชิ่ง ใช้สมาธิจดจ่อไปที่ด้านนอกผิวหนัง เข็มเงินเล่นหนึ่งแทงไปที่ท้องน้อยของโอวหยางชิ่งช้า ๆ“อ๊ะ!”โอวหยางชิ่งถอนหายใจเบา ๆ และส่งเสียงครางที่ทำให้คนเกิดจินตนาการออกมา“อดทนไว้”หลินเฟิงมีเหงื่อหยดหนึ่งไหลออกมาจากตรงหน้าผากอย่างหาได้ยากเข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางหลินเฟิงเคยอ่านจากในตำราต้องห้ามภายในสำนักเสวียนเทียน ไม่เคยใช้จริงสักครั้งวิชาเข็มชุดหนึ่งถูกฝังลงไปต่อให้บาดแผลร้ายแรงแค่ไหนก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างไว บาดแผลจะสมานอย่างรวดเร็ว เป็นความเหลือเชื่ออย่างมากแต่เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางไม่ใช่วิธีการฝังเข็มที่กำจัดโรคภัยอย่างก่อนหน้านี้กลับกัน เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางนี้กลับเป็นวิชาฝังเข็มที่อยู่ขั้นขีดสุด และจะสูญเสียศักยภาพของร่างกายถึงแม้จะสามารถสมานบาดแผลได้อย่างรวดเร็วแต่ก็เทียบเท่ากับการสูญเสียศักยภาพและกำลังพื้นฐานของร่างกายม