“คุณไม่ต้องสนฉัน ถ้าหากพวกเขาจะฆ่า งั้นก็ให้พวกเขาฆ่าฉันซะเลย”เมื่อเห็นโอวหยางชิ่งดื้อรั้นขนาดนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ขึ้นรถเถอะ”หลินเฟิงเห็นโอวหยางชิ่งลากขาของตัวเอง เปิดประตูรถด้วยท่าทางโซเซ สุดท้ายก็คลานขึ้นรถด้วยท่าทางน่าไม่น่าดูนักเห็นได้ชัดว่าถึงแม้ฤทธิ์ยาอมตะเลือดราชันย์ของหลินเฟิงล้ำเลิศ แต่ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งคืน ยังไม่สามารถฟื้นฟูบาดแผลของเธอได้ อย่างมากก็แค่บรรเทาอาการเท่านั้นเกรงว่าเมื่อถูกเธอขยับเขยื้อนแบบนี้ บาดแผลที่เดิมทียังไม่สมานก็ฉีกออกอีกแล้วโอวหยางชิ่งนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับทั้งแบบนี้ต่อให้เลือดไหลลงจากขาของเธอและหยดลงบนที่นั่งในรถ เธอเพียงแค่จ้องมองไปข้างหน้า และไม่พูดอะไร“ติ๊งกริ่งกริ่ง”โทรศัพท์มือถือของหลินเฟิงเสียงดังขึ้นเมื่อรับสายนั่นก็คือสายของจางเจียหนิง“หลินเฟิง คุณ...คุณเห็นเด็กสาวคนนั้นเมื่อคืนนี้ไหม? เมื่อคืนฉันนอนหลับไป ผลปรากฏว่าเมื่อตื่นมาเธอก็หายไปแล้ว!”“บาดแผลบนตัวของเธอรุนแรงมาก กระดูกก็ยังไม่เข้าที่ เธอก็หนีออกไปแบบนี้ ฉันกลัวว่า...”ฟลินเฟิงฟังคำพูดที่เป็นกังวลของจางเจียหนิงไปด้วย แ
“เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยาง!”หลินเฟิงใช้ชี่แท้ฆ่าเชื้อเข็มเงินในมือชี้แท้ที่แตกต่างกันทั้งเก้าถูกปล่อยออกจากปลายนิ้วของหลินเฟิงและกลายเป็นเส้นไหมโปรงใส พันรอบเข็มเอาไว้จากนั้นหลินเฟิงเพ่งเล็งไปที่จุดฝังเข็มบนตัวโอวหยางชิ่ง ใช้สมาธิจดจ่อไปที่ด้านนอกผิวหนัง เข็มเงินเล่นหนึ่งแทงไปที่ท้องน้อยของโอวหยางชิ่งช้า ๆ“อ๊ะ!”โอวหยางชิ่งถอนหายใจเบา ๆ และส่งเสียงครางที่ทำให้คนเกิดจินตนาการออกมา“อดทนไว้”หลินเฟิงมีเหงื่อหยดหนึ่งไหลออกมาจากตรงหน้าผากอย่างหาได้ยากเข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางหลินเฟิงเคยอ่านจากในตำราต้องห้ามภายในสำนักเสวียนเทียน ไม่เคยใช้จริงสักครั้งวิชาเข็มชุดหนึ่งถูกฝังลงไปต่อให้บาดแผลร้ายแรงแค่ไหนก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างไว บาดแผลจะสมานอย่างรวดเร็ว เป็นความเหลือเชื่ออย่างมากแต่เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางไม่ใช่วิธีการฝังเข็มที่กำจัดโรคภัยอย่างก่อนหน้านี้กลับกัน เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางนี้กลับเป็นวิชาฝังเข็มที่อยู่ขั้นขีดสุด และจะสูญเสียศักยภาพของร่างกายถึงแม้จะสามารถสมานบาดแผลได้อย่างรวดเร็วแต่ก็เทียบเท่ากับการสูญเสียศักยภาพและกำลังพื้นฐานของร่างกายม
หลินเฟิงไม่ได้หันหน้ากลับ และเดินออกจากห้องไปทั้งแบบนี้ใครจะไปรู้ว่าผลักประตูออกไป ที่หน้าประตูกลับมีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่คนเหล่านี้มีผู้ชายมีผู้หญิง ทุกคนเผยสีหน้าที่รู้กันออกมา“สหาย เมื่อครู่นายเจ๋งมากจริง ๆ!”“จริงด้วย สหายใช้ยายี่ห้ออะไร แนะนำพวกเราหน่อยได้ไหม?”หลินเฟิงชะงักงันอยู่กับที่ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้ตั้งตัวกลับมาได้ ผู้ชายสองคนที่ขยับเข้ามาใกล้หมายความว่าอย่างไรโรงแรมนี้ไม่ใหญ่ ฉนวนกันเสียงไม่ดีดูท่าเมื่อครู่เสียงของโอวหยางชิ่งดังไปทั่วทั้งโรงแรม นี่ถึงได้ทำให้คนเข้าใจผิด“สุดหล่อ รู้จักกันหน่อยไหม?”ผู้หญิงสองคนที่ห่อผ้าขนหนู โปรยเสน่ห์แพรวพราวขวางทางหลินเฟิงเอาไว้ และทอดสายตาไปทางหลินเฟิง“ขอโทษด้วย ผมไม่สน”หลินเฟิงเดินอ้อมทั้งสองคน และหันหน้าเดินออกไป“เอ๊ะ สหาย ตกลงว่าใช้ยาอะไรกัน บอกกับพวกเราหน่อยสิ...”ผู้ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังรีบตามมาโอวหยางชิ่งที่อยู่ในห้องมองดูรอยเลือดที่อยู่บนผ้าปูที่นอน เธอก็ได้ยินความเข้าใจผิดที่มีต่อหลินเฟิงแล้วเพียงแต่เธอไม่เพียงไม่รู้สึกโมโห กลับยังเผยความอับอายออกมาเล็กน้อยรอยเลือดที่อยู่บนเตียง ถึงขั้นที่ทำให้เธอใ
หลีกเลี่ยงผู้คุ้มกัน คลำทางไปถึงหลังเขา เรื่องนี้สำหรับโอวหยางชิ่งนั้นง่ายดายอย่างมากทั้งสองคนแยกทางกันปฏิบัติการหลินเฟิงกลับมาดึงดูดความสนใจของคนชั้นสูงของสำนักเสินฉือเขาก้าวเข้าสู่ประตูภูเขาหลินเฟิงก็เห็นป้ายที่มีพลังอำนาจตรงขั้นบันได ตัวอักษร “สำนักเสินฉือ” ที่เขียนอยู่ด้านบนนั้นมีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉงมีพลังสำนักอายุร้อยปี ไม่ธรรมดาจริง ๆลูกศิษย์สำนักเสินฉือที่เฝ้าประตูสำนัก หลังจากเห็นหลินเฟิงปรากฏตัวขึ้น ก็ทำหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้น: “ใครกัน?”“หลินเฟิงเมืองเจียงโจว”หลินเฟิงพูดออกมา ทำให้สีหน้าของลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งเปลี่ยนไปอย่างมากทันทีลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูรีบล้อมรอบหลินเฟิงและพร้อมรบลูกศิษย์คนหนึ่งที่เป็นส่วนเกินออกมากลับพุ่งเข้าไปรายงานภายในสำนักอย่างรวดเร็วผ่านไปครู่หนึ่งโอวหยางหมิงพาผู้อาวุโสของสำนักเสินฉือกลุ่มหนึ่งตามมาพวกเขายืนอยู่ตรงที่ขั้นบันได จากนั้นมองเหยียดหลินเฟิง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและหยิ่งยโส“ไม่เลวไม่เลว หลินเฟิง คุณนี่มันเจ๋งจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะมาตายถึงที่”โอวหยางหมิงสวมชุดสูทสีขาว หลังจากเห็นหลินเฟิงเขาก็ปรบมือและหัวเรา
หลินเฟิงคืนคำที่โอวหยางพูดกลับไปให้โอวหยางหมิง“ตอนนี้ปล่อยคนที่คุณจับมาไปซะ ไม่อย่างนั้น...ตาย!”เมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของหลินเฟิง สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองท่านของสำนักเสินฉือเปลี่ยนไปอย่างมากแต่โอวหยางหมิงกลับไม่ได้ร้อนรนแม้แต่นิดเหมือนกับคาดเดาไว้ได้แล้วว่าหลินเฟิงจะลงมือ และก็รู้ตั้งนานแล้วว่าหลินเฟิงจะข่มขู่แบบนี้ถึงขั้นที่เขาไม่ได้ดิ้นรนและต่อต้านด้วยซ้ำ ปล่อยให้หลินเฟิงจับเอาไว้แบบนี้อย่างว่าง่าย“อย่าขยับ!”โอวหยางหมิงเห็นผู้อาวุโสทั้งสองคนจะออกมาช่วยเขาไว้ จึงตะโกนห้ามการกระทำของพวกเขาไว้โดยตรงและเคลื่อนสายตาออกไป จากนั้นมองหลินเฟิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม: “มาเถอะ ลงมือเถอะ ฆ่าฉันเลย”“อะไร?”เห็นโอวหยางหมิงไม่กลัวถึงขนาดนี้ หลินเฟิงก็เงียบสงัดเล็กน้อย“อย่าประหลาดใจขนาดนี้”โอวหยางหมิงหลุดขำออกมา: “หลินเฟิง ถ้าหากคุณมีความกล้านี้จริง ๆ ก็ฆ่าผมซะตรงนี้เลย แต่ผลที่ตามมาคุณต้องคิดให้ดีนะ”“ฆ่าผม งั้นคนรักพวกนั้นที่ถูกผมจับตัวเอาไว้ ก็หนีออกไปไม่ได้สักคน ผมตาย พวกเธอก็ไม่มีทางรอดไปได้”“มาเถอะ ลงมือเถอะ”โอวหยางหมิงพูดด้วยสีหน้ามั่นคงมั่นใจ หลินเฟิงอยากทำแต่ก็ไม
ท่าทางของโอวหยางหมิงในตอนนี้กำเริบเสิบสานอย่างมากพูดได้ว่าเหมือนตั้งใจยั่วโมโหหลินเฟิง“วันนี้บังเอิญมีแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่ง มาจากเมืองจิง จะพูดอย่างไรดีล่ะ สำนักเสินฉือของผมไม่สามารถล่วงเกินได้”โอวหยางหมิงส่ายหน้าด้วยความเสแสร้งแล้วพูดว่า: “แต่แขกผู้มีเกียรตินั้นหน้าตาสวยมาก อีกทั้งอำนาจแข็งแกร่งอย่างมาก หากผมขืนใจ อาจจะทำให้เธอฆ่าผมได้โดยตรง”“ดังนั้นผมต้องการยอดฝีมือที่ไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน”“ทางที่ดีที่สุดก็เป็นยอดฝีมือที่ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักเสินฉือ มาช่วยผมจัดการเธอ อ่อ ใช่แล้ว จัดการในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณฆ่าเธอทิ้งซะ แต่แค่ทำให้เธอพิการ ทางที่ดีที่สุดคือทำให้สลบไป”“จากนั้นมอบให้ผมก็พอแล้ว”โอวหยางหมิงเดินวนรอบหลินเฟิง จากนั้นประคองใบหน้าของหลินเฟิงเอาไว้ และตบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า: “เรื่องนี้ต้องรบกวนคุณแล้ว คุณหลินเฟิง!”“วางใจเถอะ เพียงแค่คุณทำเรื่องนี้สำเร็จ ผมจะต้อง...จุ๊จุ๊ ปล่อยยอดฝีมือที่เก่งกาจอย่างคุณไปแบบนี้ก็น่าเสียดายเล็กน้อยนะโอวหยางหมิงเปลี่ยนคำพูด: “งั้นเอาอย่างนี้ ผมปล่อยไปคนหนึ่ง คุณเลือกตามใจชอบ”“ห้าคน คุณทำธุระให้ผมห้าเรื่อง”“หลัง
ออร่าไม่ธรรมดา ผิวพรรณขาวผ่อง ฝ่ามือใสเหมือนกับหยกขาว วางอยู่บนเข่า เธอกำลังจ้องมองโอวหยางหมิงโดยไม่พูดไม่จา“นายน้อยโอวหยาง ฉันจำได้ว่าคนที่ฉันนัดพบน่าจะเป็นเจ้าสำนักของพวกคุณถึงจะถูก หรือว่าเจ้าสำนักรังเกียจเจ้าแห่งพันธมิตรบู๊อย่างฉัน?”“จึงไม่ยอมมาพบหน้า?”ถึงแม้จะไม่ธรรมดา แต่คำพูดของสาวผู้นี้อวดดีอย่างมากเสียงของเธอเป็นเหมือนกับน้ำพุที่หวานสดชื่นดังติ๋ง ๆ แต่คำพูดเย็นชาควบคู่กับเสียงที่เยือกเย็น ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของโอวหยางหมิงแข็งทื่อทันที“ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ” โอวหยางหมิงฝืนยิ้มออกมา: “คุณพ่อของผมฝึกบู๊อยู่ที่หลังเขาอยู่ตลอด ช่วงนี้ร่างกายเป็นเพราะเกิดความผิดพลาดจากการฝึกบู๊ จึงกำลังบำรุงรักษาตัวอยู่”“จึงมีผมที่มีอำนาจรับผิดชอบกิจธุระเล็กใหญ่ของสำนักเสินฉือของพวกเรา”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ค่อยมาเยี่ยนเยียนใหม่ในวันหน้า”ขณะพูดผู้หญิงคนนี้ก็จะลุกขึ้นเดินออกไปโอวหยางหมิงกลับรีบห้ามเอาไว้และยิ้มเข้าสู้: “เจ้าแห่งพันธมิตรบู๊ ถึงแม้คุณพ่อจะร่างกายไม่สบาย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าภายในสำนักเสินฉือไม่มียอดฝีมือให้พึ่งพา”“หือ?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผู้หญิงฝีเท้าห
“ฮ่าฮ่าฮ่า....”โอวหยางหมิงเดินเข้ามาโอบไหล่หลินเฟิงและยิ้มพูด: “ ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง คนนี้คือเพื่อนของผม ชื่อหลินเฟิง”“หลินเฟิง?!”เมื่อได้ยินชื่อนี้ ในดวงตาที่เย็นชาของผู้นำกลุ่มพันธมิตรระฆังเงินจู่ก็มีความสับสนและความคิดถึงแวบผ่านแต่เพียงชั่วครู่ เธอก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง“เป็นไปไม่ได้”หยินหลิงส่ายหน้าเล็กน้อย ปฏิเสธความคิดของตัวเองในใจครั้งนี้เธอกลับมาที่หัวตง ก็เพื่อจะมาหาคนที่ชื่อหลินเฟิงหรือจะพูดว่าไม่ได้ชื่อหลินเฟิง แต่ชื่อหลินชิงเสวียนหลินชิงเสวียนเป็นลูกชายของราชาหลินแห่งตอนใต้ ได้ยินมาว่าช่วงนี้เขาได้ดิบได้ดีในเมืองเจียงโจว และที่สำคัญกว่านั้นคือ... เธอมาที่นี่ก็เพื่อจะเจอหน้ากับหลินชิงเสวียนสักครั้งเพื่อจะอธิบายกับเขาให้ชัดเจนยกเลิกการหมั้นหมายที่ถูกพ่อแม่บังคับในตอนเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะชื่อหลิงเฟิง แต่หลินชิงเสวียนก็ไม่ควรอยู่ที่หนานโจวในตอนนี้ ยิ่งไม่มีทางมีความสัมพันธ์ใด ๆกับสำนักเสินฉือสำนักเสินฉือก็เป็นสำนักเล็ก ๆที่อยู่ห่างไกลออกไปจากตัวเมืองหลินชิงเสวียนที่สง่างาม ลูกชายของราชาหลินแห่งตอนใต้ จะเรียกพี่เรียกน้องก
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน