“......”เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่ร้อนใจของโอวหยางชิ่ง หลินเฟิงเงียบขรึมอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า“เกรงว่าจะสายไปแล้ว”“ผมดูแล้วลูกชายเจ้าสำนักของพวกคุณดูไม่เหมือนคนที่มีเหตุมีผล ต่อให้คุณกลับไป เกรงว่าก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของสำนักเสินฉือได้”หลินเฟิงหยุดชะงัก และเหลือบมองโอวหยางชิ่งที่อ่อนแอไม่แข็งแรง: “ยิ่งกว่านั้นตอนนี้พ่อของคุณเสียชีวิตไปแล้ว คุณไม่มีประโยชน์ใด ๆ ต่อสำนักเสินฉืออีกแล้ว”“เทียบกับการฟังคุณ ที่จะไปแก้แค้นตระกูลเซี่ยง”“ไม่สู้ถือโอกาสกำจัดผม แบบนั้นมีผลประโยชน์มากที่สุดแล้ว”การวิเคราะห์ของหลินเฟิงทำให้สีหน้าของโอวหยางชิ่งเผยความซีดเซียวของความสิ้นหวังออกมาเพราะเธอรู้ว่า หลินเฟิงพูดถูกทั้งหมดก่อนหน้านี้หลังจากที่ตันเถียนของโอวหยางชิ่งถูกทำลาย สองพ่อลูกก็รู้แล้วว่าสำนักเสินฉือไม่มีที่สำหรับพวกเขาสองคนพ่อลูกอีกแล้วเขาเขากลับสำนักเสินฉือ ก็เพียงเพราะอยากจะรวบรวมพรรคพวกเก่า พึ่งพาอำนาจและเอาเงินในส่วนของตัวเองกลับมาจากนั้นก็หนีไปให้ไกลและตอนนี้ โอวหยางป๋อตายไปแล้ว กองกำลังภายในสำนักที่เป็นฝ่ายของเขาก็พังยับเยินเธอกลับไปตอนนี้ อาจจะไม่มีประ
“คุณไม่ต้องสนฉัน ถ้าหากพวกเขาจะฆ่า งั้นก็ให้พวกเขาฆ่าฉันซะเลย”เมื่อเห็นโอวหยางชิ่งดื้อรั้นขนาดนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ขึ้นรถเถอะ”หลินเฟิงเห็นโอวหยางชิ่งลากขาของตัวเอง เปิดประตูรถด้วยท่าทางโซเซ สุดท้ายก็คลานขึ้นรถด้วยท่าทางน่าไม่น่าดูนักเห็นได้ชัดว่าถึงแม้ฤทธิ์ยาอมตะเลือดราชันย์ของหลินเฟิงล้ำเลิศ แต่ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งคืน ยังไม่สามารถฟื้นฟูบาดแผลของเธอได้ อย่างมากก็แค่บรรเทาอาการเท่านั้นเกรงว่าเมื่อถูกเธอขยับเขยื้อนแบบนี้ บาดแผลที่เดิมทียังไม่สมานก็ฉีกออกอีกแล้วโอวหยางชิ่งนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับทั้งแบบนี้ต่อให้เลือดไหลลงจากขาของเธอและหยดลงบนที่นั่งในรถ เธอเพียงแค่จ้องมองไปข้างหน้า และไม่พูดอะไร“ติ๊งกริ่งกริ่ง”โทรศัพท์มือถือของหลินเฟิงเสียงดังขึ้นเมื่อรับสายนั่นก็คือสายของจางเจียหนิง“หลินเฟิง คุณ...คุณเห็นเด็กสาวคนนั้นเมื่อคืนนี้ไหม? เมื่อคืนฉันนอนหลับไป ผลปรากฏว่าเมื่อตื่นมาเธอก็หายไปแล้ว!”“บาดแผลบนตัวของเธอรุนแรงมาก กระดูกก็ยังไม่เข้าที่ เธอก็หนีออกไปแบบนี้ ฉันกลัวว่า...”ฟลินเฟิงฟังคำพูดที่เป็นกังวลของจางเจียหนิงไปด้วย แ
“เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยาง!”หลินเฟิงใช้ชี่แท้ฆ่าเชื้อเข็มเงินในมือชี้แท้ที่แตกต่างกันทั้งเก้าถูกปล่อยออกจากปลายนิ้วของหลินเฟิงและกลายเป็นเส้นไหมโปรงใส พันรอบเข็มเอาไว้จากนั้นหลินเฟิงเพ่งเล็งไปที่จุดฝังเข็มบนตัวโอวหยางชิ่ง ใช้สมาธิจดจ่อไปที่ด้านนอกผิวหนัง เข็มเงินเล่นหนึ่งแทงไปที่ท้องน้อยของโอวหยางชิ่งช้า ๆ“อ๊ะ!”โอวหยางชิ่งถอนหายใจเบา ๆ และส่งเสียงครางที่ทำให้คนเกิดจินตนาการออกมา“อดทนไว้”หลินเฟิงมีเหงื่อหยดหนึ่งไหลออกมาจากตรงหน้าผากอย่างหาได้ยากเข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางหลินเฟิงเคยอ่านจากในตำราต้องห้ามภายในสำนักเสวียนเทียน ไม่เคยใช้จริงสักครั้งวิชาเข็มชุดหนึ่งถูกฝังลงไปต่อให้บาดแผลร้ายแรงแค่ไหนก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างไว บาดแผลจะสมานอย่างรวดเร็ว เป็นความเหลือเชื่ออย่างมากแต่เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางไม่ใช่วิธีการฝังเข็มที่กำจัดโรคภัยอย่างก่อนหน้านี้กลับกัน เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางนี้กลับเป็นวิชาฝังเข็มที่อยู่ขั้นขีดสุด และจะสูญเสียศักยภาพของร่างกายถึงแม้จะสามารถสมานบาดแผลได้อย่างรวดเร็วแต่ก็เทียบเท่ากับการสูญเสียศักยภาพและกำลังพื้นฐานของร่างกายม
หลินเฟิงไม่ได้หันหน้ากลับ และเดินออกจากห้องไปทั้งแบบนี้ใครจะไปรู้ว่าผลักประตูออกไป ที่หน้าประตูกลับมีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่คนเหล่านี้มีผู้ชายมีผู้หญิง ทุกคนเผยสีหน้าที่รู้กันออกมา“สหาย เมื่อครู่นายเจ๋งมากจริง ๆ!”“จริงด้วย สหายใช้ยายี่ห้ออะไร แนะนำพวกเราหน่อยได้ไหม?”หลินเฟิงชะงักงันอยู่กับที่ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้ตั้งตัวกลับมาได้ ผู้ชายสองคนที่ขยับเข้ามาใกล้หมายความว่าอย่างไรโรงแรมนี้ไม่ใหญ่ ฉนวนกันเสียงไม่ดีดูท่าเมื่อครู่เสียงของโอวหยางชิ่งดังไปทั่วทั้งโรงแรม นี่ถึงได้ทำให้คนเข้าใจผิด“สุดหล่อ รู้จักกันหน่อยไหม?”ผู้หญิงสองคนที่ห่อผ้าขนหนู โปรยเสน่ห์แพรวพราวขวางทางหลินเฟิงเอาไว้ และทอดสายตาไปทางหลินเฟิง“ขอโทษด้วย ผมไม่สน”หลินเฟิงเดินอ้อมทั้งสองคน และหันหน้าเดินออกไป“เอ๊ะ สหาย ตกลงว่าใช้ยาอะไรกัน บอกกับพวกเราหน่อยสิ...”ผู้ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังรีบตามมาโอวหยางชิ่งที่อยู่ในห้องมองดูรอยเลือดที่อยู่บนผ้าปูที่นอน เธอก็ได้ยินความเข้าใจผิดที่มีต่อหลินเฟิงแล้วเพียงแต่เธอไม่เพียงไม่รู้สึกโมโห กลับยังเผยความอับอายออกมาเล็กน้อยรอยเลือดที่อยู่บนเตียง ถึงขั้นที่ทำให้เธอใ
หลีกเลี่ยงผู้คุ้มกัน คลำทางไปถึงหลังเขา เรื่องนี้สำหรับโอวหยางชิ่งนั้นง่ายดายอย่างมากทั้งสองคนแยกทางกันปฏิบัติการหลินเฟิงกลับมาดึงดูดความสนใจของคนชั้นสูงของสำนักเสินฉือเขาก้าวเข้าสู่ประตูภูเขาหลินเฟิงก็เห็นป้ายที่มีพลังอำนาจตรงขั้นบันได ตัวอักษร “สำนักเสินฉือ” ที่เขียนอยู่ด้านบนนั้นมีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉงมีพลังสำนักอายุร้อยปี ไม่ธรรมดาจริง ๆลูกศิษย์สำนักเสินฉือที่เฝ้าประตูสำนัก หลังจากเห็นหลินเฟิงปรากฏตัวขึ้น ก็ทำหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้น: “ใครกัน?”“หลินเฟิงเมืองเจียงโจว”หลินเฟิงพูดออกมา ทำให้สีหน้าของลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งเปลี่ยนไปอย่างมากทันทีลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูรีบล้อมรอบหลินเฟิงและพร้อมรบลูกศิษย์คนหนึ่งที่เป็นส่วนเกินออกมากลับพุ่งเข้าไปรายงานภายในสำนักอย่างรวดเร็วผ่านไปครู่หนึ่งโอวหยางหมิงพาผู้อาวุโสของสำนักเสินฉือกลุ่มหนึ่งตามมาพวกเขายืนอยู่ตรงที่ขั้นบันได จากนั้นมองเหยียดหลินเฟิง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและหยิ่งยโส“ไม่เลวไม่เลว หลินเฟิง คุณนี่มันเจ๋งจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะมาตายถึงที่”โอวหยางหมิงสวมชุดสูทสีขาว หลังจากเห็นหลินเฟิงเขาก็ปรบมือและหัวเรา
หลินเฟิงคืนคำที่โอวหยางพูดกลับไปให้โอวหยางหมิง“ตอนนี้ปล่อยคนที่คุณจับมาไปซะ ไม่อย่างนั้น...ตาย!”เมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของหลินเฟิง สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองท่านของสำนักเสินฉือเปลี่ยนไปอย่างมากแต่โอวหยางหมิงกลับไม่ได้ร้อนรนแม้แต่นิดเหมือนกับคาดเดาไว้ได้แล้วว่าหลินเฟิงจะลงมือ และก็รู้ตั้งนานแล้วว่าหลินเฟิงจะข่มขู่แบบนี้ถึงขั้นที่เขาไม่ได้ดิ้นรนและต่อต้านด้วยซ้ำ ปล่อยให้หลินเฟิงจับเอาไว้แบบนี้อย่างว่าง่าย“อย่าขยับ!”โอวหยางหมิงเห็นผู้อาวุโสทั้งสองคนจะออกมาช่วยเขาไว้ จึงตะโกนห้ามการกระทำของพวกเขาไว้โดยตรงและเคลื่อนสายตาออกไป จากนั้นมองหลินเฟิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม: “มาเถอะ ลงมือเถอะ ฆ่าฉันเลย”“อะไร?”เห็นโอวหยางหมิงไม่กลัวถึงขนาดนี้ หลินเฟิงก็เงียบสงัดเล็กน้อย“อย่าประหลาดใจขนาดนี้”โอวหยางหมิงหลุดขำออกมา: “หลินเฟิง ถ้าหากคุณมีความกล้านี้จริง ๆ ก็ฆ่าผมซะตรงนี้เลย แต่ผลที่ตามมาคุณต้องคิดให้ดีนะ”“ฆ่าผม งั้นคนรักพวกนั้นที่ถูกผมจับตัวเอาไว้ ก็หนีออกไปไม่ได้สักคน ผมตาย พวกเธอก็ไม่มีทางรอดไปได้”“มาเถอะ ลงมือเถอะ”โอวหยางหมิงพูดด้วยสีหน้ามั่นคงมั่นใจ หลินเฟิงอยากทำแต่ก็ไม
ท่าทางของโอวหยางหมิงในตอนนี้กำเริบเสิบสานอย่างมากพูดได้ว่าเหมือนตั้งใจยั่วโมโหหลินเฟิง“วันนี้บังเอิญมีแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่ง มาจากเมืองจิง จะพูดอย่างไรดีล่ะ สำนักเสินฉือของผมไม่สามารถล่วงเกินได้”โอวหยางหมิงส่ายหน้าด้วยความเสแสร้งแล้วพูดว่า: “แต่แขกผู้มีเกียรตินั้นหน้าตาสวยมาก อีกทั้งอำนาจแข็งแกร่งอย่างมาก หากผมขืนใจ อาจจะทำให้เธอฆ่าผมได้โดยตรง”“ดังนั้นผมต้องการยอดฝีมือที่ไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน”“ทางที่ดีที่สุดก็เป็นยอดฝีมือที่ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักเสินฉือ มาช่วยผมจัดการเธอ อ่อ ใช่แล้ว จัดการในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณฆ่าเธอทิ้งซะ แต่แค่ทำให้เธอพิการ ทางที่ดีที่สุดคือทำให้สลบไป”“จากนั้นมอบให้ผมก็พอแล้ว”โอวหยางหมิงเดินวนรอบหลินเฟิง จากนั้นประคองใบหน้าของหลินเฟิงเอาไว้ และตบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า: “เรื่องนี้ต้องรบกวนคุณแล้ว คุณหลินเฟิง!”“วางใจเถอะ เพียงแค่คุณทำเรื่องนี้สำเร็จ ผมจะต้อง...จุ๊จุ๊ ปล่อยยอดฝีมือที่เก่งกาจอย่างคุณไปแบบนี้ก็น่าเสียดายเล็กน้อยนะโอวหยางหมิงเปลี่ยนคำพูด: “งั้นเอาอย่างนี้ ผมปล่อยไปคนหนึ่ง คุณเลือกตามใจชอบ”“ห้าคน คุณทำธุระให้ผมห้าเรื่อง”“หลัง
ออร่าไม่ธรรมดา ผิวพรรณขาวผ่อง ฝ่ามือใสเหมือนกับหยกขาว วางอยู่บนเข่า เธอกำลังจ้องมองโอวหยางหมิงโดยไม่พูดไม่จา“นายน้อยโอวหยาง ฉันจำได้ว่าคนที่ฉันนัดพบน่าจะเป็นเจ้าสำนักของพวกคุณถึงจะถูก หรือว่าเจ้าสำนักรังเกียจเจ้าแห่งพันธมิตรบู๊อย่างฉัน?”“จึงไม่ยอมมาพบหน้า?”ถึงแม้จะไม่ธรรมดา แต่คำพูดของสาวผู้นี้อวดดีอย่างมากเสียงของเธอเป็นเหมือนกับน้ำพุที่หวานสดชื่นดังติ๋ง ๆ แต่คำพูดเย็นชาควบคู่กับเสียงที่เยือกเย็น ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของโอวหยางหมิงแข็งทื่อทันที“ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ” โอวหยางหมิงฝืนยิ้มออกมา: “คุณพ่อของผมฝึกบู๊อยู่ที่หลังเขาอยู่ตลอด ช่วงนี้ร่างกายเป็นเพราะเกิดความผิดพลาดจากการฝึกบู๊ จึงกำลังบำรุงรักษาตัวอยู่”“จึงมีผมที่มีอำนาจรับผิดชอบกิจธุระเล็กใหญ่ของสำนักเสินฉือของพวกเรา”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ค่อยมาเยี่ยนเยียนใหม่ในวันหน้า”ขณะพูดผู้หญิงคนนี้ก็จะลุกขึ้นเดินออกไปโอวหยางหมิงกลับรีบห้ามเอาไว้และยิ้มเข้าสู้: “เจ้าแห่งพันธมิตรบู๊ ถึงแม้คุณพ่อจะร่างกายไม่สบาย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าภายในสำนักเสินฉือไม่มียอดฝีมือให้พึ่งพา”“หือ?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผู้หญิงฝีเท้าห