หลินเฟิงไม่ได้หันหน้ากลับ และเดินออกจากห้องไปทั้งแบบนี้ใครจะไปรู้ว่าผลักประตูออกไป ที่หน้าประตูกลับมีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่คนเหล่านี้มีผู้ชายมีผู้หญิง ทุกคนเผยสีหน้าที่รู้กันออกมา“สหาย เมื่อครู่นายเจ๋งมากจริง ๆ!”“จริงด้วย สหายใช้ยายี่ห้ออะไร แนะนำพวกเราหน่อยได้ไหม?”หลินเฟิงชะงักงันอยู่กับที่ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้ตั้งตัวกลับมาได้ ผู้ชายสองคนที่ขยับเข้ามาใกล้หมายความว่าอย่างไรโรงแรมนี้ไม่ใหญ่ ฉนวนกันเสียงไม่ดีดูท่าเมื่อครู่เสียงของโอวหยางชิ่งดังไปทั่วทั้งโรงแรม นี่ถึงได้ทำให้คนเข้าใจผิด“สุดหล่อ รู้จักกันหน่อยไหม?”ผู้หญิงสองคนที่ห่อผ้าขนหนู โปรยเสน่ห์แพรวพราวขวางทางหลินเฟิงเอาไว้ และทอดสายตาไปทางหลินเฟิง“ขอโทษด้วย ผมไม่สน”หลินเฟิงเดินอ้อมทั้งสองคน และหันหน้าเดินออกไป“เอ๊ะ สหาย ตกลงว่าใช้ยาอะไรกัน บอกกับพวกเราหน่อยสิ...”ผู้ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังรีบตามมาโอวหยางชิ่งที่อยู่ในห้องมองดูรอยเลือดที่อยู่บนผ้าปูที่นอน เธอก็ได้ยินความเข้าใจผิดที่มีต่อหลินเฟิงแล้วเพียงแต่เธอไม่เพียงไม่รู้สึกโมโห กลับยังเผยความอับอายออกมาเล็กน้อยรอยเลือดที่อยู่บนเตียง ถึงขั้นที่ทำให้เธอใ
หลีกเลี่ยงผู้คุ้มกัน คลำทางไปถึงหลังเขา เรื่องนี้สำหรับโอวหยางชิ่งนั้นง่ายดายอย่างมากทั้งสองคนแยกทางกันปฏิบัติการหลินเฟิงกลับมาดึงดูดความสนใจของคนชั้นสูงของสำนักเสินฉือเขาก้าวเข้าสู่ประตูภูเขาหลินเฟิงก็เห็นป้ายที่มีพลังอำนาจตรงขั้นบันได ตัวอักษร “สำนักเสินฉือ” ที่เขียนอยู่ด้านบนนั้นมีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉงมีพลังสำนักอายุร้อยปี ไม่ธรรมดาจริง ๆลูกศิษย์สำนักเสินฉือที่เฝ้าประตูสำนัก หลังจากเห็นหลินเฟิงปรากฏตัวขึ้น ก็ทำหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้น: “ใครกัน?”“หลินเฟิงเมืองเจียงโจว”หลินเฟิงพูดออกมา ทำให้สีหน้าของลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งเปลี่ยนไปอย่างมากทันทีลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูรีบล้อมรอบหลินเฟิงและพร้อมรบลูกศิษย์คนหนึ่งที่เป็นส่วนเกินออกมากลับพุ่งเข้าไปรายงานภายในสำนักอย่างรวดเร็วผ่านไปครู่หนึ่งโอวหยางหมิงพาผู้อาวุโสของสำนักเสินฉือกลุ่มหนึ่งตามมาพวกเขายืนอยู่ตรงที่ขั้นบันได จากนั้นมองเหยียดหลินเฟิง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและหยิ่งยโส“ไม่เลวไม่เลว หลินเฟิง คุณนี่มันเจ๋งจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะมาตายถึงที่”โอวหยางหมิงสวมชุดสูทสีขาว หลังจากเห็นหลินเฟิงเขาก็ปรบมือและหัวเรา
หลินเฟิงคืนคำที่โอวหยางพูดกลับไปให้โอวหยางหมิง“ตอนนี้ปล่อยคนที่คุณจับมาไปซะ ไม่อย่างนั้น...ตาย!”เมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของหลินเฟิง สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองท่านของสำนักเสินฉือเปลี่ยนไปอย่างมากแต่โอวหยางหมิงกลับไม่ได้ร้อนรนแม้แต่นิดเหมือนกับคาดเดาไว้ได้แล้วว่าหลินเฟิงจะลงมือ และก็รู้ตั้งนานแล้วว่าหลินเฟิงจะข่มขู่แบบนี้ถึงขั้นที่เขาไม่ได้ดิ้นรนและต่อต้านด้วยซ้ำ ปล่อยให้หลินเฟิงจับเอาไว้แบบนี้อย่างว่าง่าย“อย่าขยับ!”โอวหยางหมิงเห็นผู้อาวุโสทั้งสองคนจะออกมาช่วยเขาไว้ จึงตะโกนห้ามการกระทำของพวกเขาไว้โดยตรงและเคลื่อนสายตาออกไป จากนั้นมองหลินเฟิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม: “มาเถอะ ลงมือเถอะ ฆ่าฉันเลย”“อะไร?”เห็นโอวหยางหมิงไม่กลัวถึงขนาดนี้ หลินเฟิงก็เงียบสงัดเล็กน้อย“อย่าประหลาดใจขนาดนี้”โอวหยางหมิงหลุดขำออกมา: “หลินเฟิง ถ้าหากคุณมีความกล้านี้จริง ๆ ก็ฆ่าผมซะตรงนี้เลย แต่ผลที่ตามมาคุณต้องคิดให้ดีนะ”“ฆ่าผม งั้นคนรักพวกนั้นที่ถูกผมจับตัวเอาไว้ ก็หนีออกไปไม่ได้สักคน ผมตาย พวกเธอก็ไม่มีทางรอดไปได้”“มาเถอะ ลงมือเถอะ”โอวหยางหมิงพูดด้วยสีหน้ามั่นคงมั่นใจ หลินเฟิงอยากทำแต่ก็ไม
ท่าทางของโอวหยางหมิงในตอนนี้กำเริบเสิบสานอย่างมากพูดได้ว่าเหมือนตั้งใจยั่วโมโหหลินเฟิง“วันนี้บังเอิญมีแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่ง มาจากเมืองจิง จะพูดอย่างไรดีล่ะ สำนักเสินฉือของผมไม่สามารถล่วงเกินได้”โอวหยางหมิงส่ายหน้าด้วยความเสแสร้งแล้วพูดว่า: “แต่แขกผู้มีเกียรตินั้นหน้าตาสวยมาก อีกทั้งอำนาจแข็งแกร่งอย่างมาก หากผมขืนใจ อาจจะทำให้เธอฆ่าผมได้โดยตรง”“ดังนั้นผมต้องการยอดฝีมือที่ไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน”“ทางที่ดีที่สุดก็เป็นยอดฝีมือที่ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักเสินฉือ มาช่วยผมจัดการเธอ อ่อ ใช่แล้ว จัดการในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะให้คุณฆ่าเธอทิ้งซะ แต่แค่ทำให้เธอพิการ ทางที่ดีที่สุดคือทำให้สลบไป”“จากนั้นมอบให้ผมก็พอแล้ว”โอวหยางหมิงเดินวนรอบหลินเฟิง จากนั้นประคองใบหน้าของหลินเฟิงเอาไว้ และตบไหล่ของเขาแล้วพูดว่า: “เรื่องนี้ต้องรบกวนคุณแล้ว คุณหลินเฟิง!”“วางใจเถอะ เพียงแค่คุณทำเรื่องนี้สำเร็จ ผมจะต้อง...จุ๊จุ๊ ปล่อยยอดฝีมือที่เก่งกาจอย่างคุณไปแบบนี้ก็น่าเสียดายเล็กน้อยนะโอวหยางหมิงเปลี่ยนคำพูด: “งั้นเอาอย่างนี้ ผมปล่อยไปคนหนึ่ง คุณเลือกตามใจชอบ”“ห้าคน คุณทำธุระให้ผมห้าเรื่อง”“หลัง
ออร่าไม่ธรรมดา ผิวพรรณขาวผ่อง ฝ่ามือใสเหมือนกับหยกขาว วางอยู่บนเข่า เธอกำลังจ้องมองโอวหยางหมิงโดยไม่พูดไม่จา“นายน้อยโอวหยาง ฉันจำได้ว่าคนที่ฉันนัดพบน่าจะเป็นเจ้าสำนักของพวกคุณถึงจะถูก หรือว่าเจ้าสำนักรังเกียจเจ้าแห่งพันธมิตรบู๊อย่างฉัน?”“จึงไม่ยอมมาพบหน้า?”ถึงแม้จะไม่ธรรมดา แต่คำพูดของสาวผู้นี้อวดดีอย่างมากเสียงของเธอเป็นเหมือนกับน้ำพุที่หวานสดชื่นดังติ๋ง ๆ แต่คำพูดเย็นชาควบคู่กับเสียงที่เยือกเย็น ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของโอวหยางหมิงแข็งทื่อทันที“ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ” โอวหยางหมิงฝืนยิ้มออกมา: “คุณพ่อของผมฝึกบู๊อยู่ที่หลังเขาอยู่ตลอด ช่วงนี้ร่างกายเป็นเพราะเกิดความผิดพลาดจากการฝึกบู๊ จึงกำลังบำรุงรักษาตัวอยู่”“จึงมีผมที่มีอำนาจรับผิดชอบกิจธุระเล็กใหญ่ของสำนักเสินฉือของพวกเรา”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ค่อยมาเยี่ยนเยียนใหม่ในวันหน้า”ขณะพูดผู้หญิงคนนี้ก็จะลุกขึ้นเดินออกไปโอวหยางหมิงกลับรีบห้ามเอาไว้และยิ้มเข้าสู้: “เจ้าแห่งพันธมิตรบู๊ ถึงแม้คุณพ่อจะร่างกายไม่สบาย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าภายในสำนักเสินฉือไม่มียอดฝีมือให้พึ่งพา”“หือ?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผู้หญิงฝีเท้าห
“ฮ่าฮ่าฮ่า....”โอวหยางหมิงเดินเข้ามาโอบไหล่หลินเฟิงและยิ้มพูด: “ ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง คนนี้คือเพื่อนของผม ชื่อหลินเฟิง”“หลินเฟิง?!”เมื่อได้ยินชื่อนี้ ในดวงตาที่เย็นชาของผู้นำกลุ่มพันธมิตรระฆังเงินจู่ก็มีความสับสนและความคิดถึงแวบผ่านแต่เพียงชั่วครู่ เธอก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง“เป็นไปไม่ได้”หยินหลิงส่ายหน้าเล็กน้อย ปฏิเสธความคิดของตัวเองในใจครั้งนี้เธอกลับมาที่หัวตง ก็เพื่อจะมาหาคนที่ชื่อหลินเฟิงหรือจะพูดว่าไม่ได้ชื่อหลินเฟิง แต่ชื่อหลินชิงเสวียนหลินชิงเสวียนเป็นลูกชายของราชาหลินแห่งตอนใต้ ได้ยินมาว่าช่วงนี้เขาได้ดิบได้ดีในเมืองเจียงโจว และที่สำคัญกว่านั้นคือ... เธอมาที่นี่ก็เพื่อจะเจอหน้ากับหลินชิงเสวียนสักครั้งเพื่อจะอธิบายกับเขาให้ชัดเจนยกเลิกการหมั้นหมายที่ถูกพ่อแม่บังคับในตอนเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะชื่อหลิงเฟิง แต่หลินชิงเสวียนก็ไม่ควรอยู่ที่หนานโจวในตอนนี้ ยิ่งไม่มีทางมีความสัมพันธ์ใด ๆกับสำนักเสินฉือสำนักเสินฉือก็เป็นสำนักเล็ก ๆที่อยู่ห่างไกลออกไปจากตัวเมืองหลินชิงเสวียนที่สง่างาม ลูกชายของราชาหลินแห่งตอนใต้ จะเรียกพี่เรียกน้องก
“คืนนี้ผมจะทำได้สำเร็จหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....”โอวหยางหมิงหัวเราะเสียงดังก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้หลินเฟิงกำหมัดแน่น พร้อมกับสีหน้าที่แสดงเจตนาฆ่าออกมาอย่างรุนแรงโอวหยางหมิง วันนี้แกต้องตาย!หลินเฟิงตามลูกศิษย์ของสำนักเสินฉือไปที่สนามฝึกการต่อสู้ก่อนจะเหลือบไปมองเห็นร่างที่ดูดีในชุดผ้าโปร่งบางสีขาวที่กำลังชักกระบี่ยาวออกมาผู้อาวุโสสำนักเสินฉือหลาย ๆคนล้อมเขาไว้ตรงกลาง ก่อนจะมีพลังชี่แท้บางเบาวนเวียนอยู่ท่ามกลางผู้อาวุโสพวกนั้น คิดไม่ถึงว่าจะเกิดความรู้สึกบางอย่างที่กลมกลืนกันได้“ค่ายกลต่อสู้....”หลินเฟิงหรี่ตาลงศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้ลูกศิษย์ในสำนักเสินฉือมักจะฝึกซ้อมกันบ่อย ๆ และจำเป็นต้องทำร่วมกันหลาย ๆคน เพื่อให้พลังชี่แท้ของศิลปะการต่อสู้มีความพร้อมเพรียงกันค่ายกลต่อสู้ที่มักจะใช้ออกมา ต่างก็สามารถขยายความได้เปรียบ และชดเชยพละกำลังให้แก่กันและกันได้ทั้งหมดสามารถบรรลุผลของหนึ่งบวกหนึ่งได้มากกว่าสอง“ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิงโปรดระวังด้วย ค่ายกลต่อสู้ของพวกเราคือค่ายกลต่อสู้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งเป็นครั้งแรกจนถึงตอนนี้
เมื่อเห็นโอวหยางหมิงที่ยังรู้ตัวดีหยินหลิงก็คุมสถานการณ์ ก่อนจะพยักหน้าอย่างไร้ความรู้สึกแล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณรู้จักถึงความต่าง เช่นนั้นวันนี้ เรื่องที่สำนักเสินฉือของคุณยื่นขอเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรบู๊ ก็สิ้นสุดลงตรงนี้”“เมื่อไรก็ตามที่สำนักเสินฉือของพวกคุณมีผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพหนึ่งคน ค่อยมาสมัครเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรบู๊ของเราที่เมืองจิงอีกครั้งแล้วกัน”“ฉันยังมีธุระต้องทำ ขอลา”ขณะที่หยินหลิงกำลังจะจากไป โอวหยางหมิงก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางอีกครั้ง“ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง โปรดอยู่ก่อน”“มีอะไร?”ใบหน้าของหยินหลิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนจะมองไปที่ลูกศิษย์จำนวนมากของสำนักเสินฉือที่อยู่บนสนามจัตุรัส แล้วเอ่ยอย่างเรียบเฉย: “นายน้อยยังมีอะไรที่อยากจะพูด?”“แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว”โอวหยางหมิงลุกขึ้นยืน ก่อนจะส่ายหัวและพูดว่า:“ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหลินหยิง เป็นอย่างที่คุณพูด สำนักเสินฉือของเรามีคุณสมบัติไม่พอที่จะเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรบู๊ สำนักจิ่วเซียวกว่าจะหาโอกาสให้ผมยื่นเสนอเข้าร่วมมาได้ แต่เพราะพ่อของผมบังเอิญฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บพอดี จึงไม่สามารถเข้าร่วมได้ ช่างน่าเสียดายน