ออร่าไม่ธรรมดา ผิวพรรณขาวผ่อง ฝ่ามือใสเหมือนกับหยกขาว วางอยู่บนเข่า เธอกำลังจ้องมองโอวหยางหมิงโดยไม่พูดไม่จา“นายน้อยโอวหยาง ฉันจำได้ว่าคนที่ฉันนัดพบน่าจะเป็นเจ้าสำนักของพวกคุณถึงจะถูก หรือว่าเจ้าสำนักรังเกียจเจ้าแห่งพันธมิตรบู๊อย่างฉัน?”“จึงไม่ยอมมาพบหน้า?”ถึงแม้จะไม่ธรรมดา แต่คำพูดของสาวผู้นี้อวดดีอย่างมากเสียงของเธอเป็นเหมือนกับน้ำพุที่หวานสดชื่นดังติ๋ง ๆ แต่คำพูดเย็นชาควบคู่กับเสียงที่เยือกเย็น ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของโอวหยางหมิงแข็งทื่อทันที“ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ” โอวหยางหมิงฝืนยิ้มออกมา: “คุณพ่อของผมฝึกบู๊อยู่ที่หลังเขาอยู่ตลอด ช่วงนี้ร่างกายเป็นเพราะเกิดความผิดพลาดจากการฝึกบู๊ จึงกำลังบำรุงรักษาตัวอยู่”“จึงมีผมที่มีอำนาจรับผิดชอบกิจธุระเล็กใหญ่ของสำนักเสินฉือของพวกเรา”“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ค่อยมาเยี่ยนเยียนใหม่ในวันหน้า”ขณะพูดผู้หญิงคนนี้ก็จะลุกขึ้นเดินออกไปโอวหยางหมิงกลับรีบห้ามเอาไว้และยิ้มเข้าสู้: “เจ้าแห่งพันธมิตรบู๊ ถึงแม้คุณพ่อจะร่างกายไม่สบาย แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าภายในสำนักเสินฉือไม่มียอดฝีมือให้พึ่งพา”“หือ?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผู้หญิงฝีเท้าห
“ฮ่าฮ่าฮ่า....”โอวหยางหมิงเดินเข้ามาโอบไหล่หลินเฟิงและยิ้มพูด: “ ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง คนนี้คือเพื่อนของผม ชื่อหลินเฟิง”“หลินเฟิง?!”เมื่อได้ยินชื่อนี้ ในดวงตาที่เย็นชาของผู้นำกลุ่มพันธมิตรระฆังเงินจู่ก็มีความสับสนและความคิดถึงแวบผ่านแต่เพียงชั่วครู่ เธอก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง“เป็นไปไม่ได้”หยินหลิงส่ายหน้าเล็กน้อย ปฏิเสธความคิดของตัวเองในใจครั้งนี้เธอกลับมาที่หัวตง ก็เพื่อจะมาหาคนที่ชื่อหลินเฟิงหรือจะพูดว่าไม่ได้ชื่อหลินเฟิง แต่ชื่อหลินชิงเสวียนหลินชิงเสวียนเป็นลูกชายของราชาหลินแห่งตอนใต้ ได้ยินมาว่าช่วงนี้เขาได้ดิบได้ดีในเมืองเจียงโจว และที่สำคัญกว่านั้นคือ... เธอมาที่นี่ก็เพื่อจะเจอหน้ากับหลินชิงเสวียนสักครั้งเพื่อจะอธิบายกับเขาให้ชัดเจนยกเลิกการหมั้นหมายที่ถูกพ่อแม่บังคับในตอนเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะชื่อหลิงเฟิง แต่หลินชิงเสวียนก็ไม่ควรอยู่ที่หนานโจวในตอนนี้ ยิ่งไม่มีทางมีความสัมพันธ์ใด ๆกับสำนักเสินฉือสำนักเสินฉือก็เป็นสำนักเล็ก ๆที่อยู่ห่างไกลออกไปจากตัวเมืองหลินชิงเสวียนที่สง่างาม ลูกชายของราชาหลินแห่งตอนใต้ จะเรียกพี่เรียกน้องก
“คืนนี้ผมจะทำได้สำเร็จหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว”“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....”โอวหยางหมิงหัวเราะเสียงดังก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้หลินเฟิงกำหมัดแน่น พร้อมกับสีหน้าที่แสดงเจตนาฆ่าออกมาอย่างรุนแรงโอวหยางหมิง วันนี้แกต้องตาย!หลินเฟิงตามลูกศิษย์ของสำนักเสินฉือไปที่สนามฝึกการต่อสู้ก่อนจะเหลือบไปมองเห็นร่างที่ดูดีในชุดผ้าโปร่งบางสีขาวที่กำลังชักกระบี่ยาวออกมาผู้อาวุโสสำนักเสินฉือหลาย ๆคนล้อมเขาไว้ตรงกลาง ก่อนจะมีพลังชี่แท้บางเบาวนเวียนอยู่ท่ามกลางผู้อาวุโสพวกนั้น คิดไม่ถึงว่าจะเกิดความรู้สึกบางอย่างที่กลมกลืนกันได้“ค่ายกลต่อสู้....”หลินเฟิงหรี่ตาลงศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้ลูกศิษย์ในสำนักเสินฉือมักจะฝึกซ้อมกันบ่อย ๆ และจำเป็นต้องทำร่วมกันหลาย ๆคน เพื่อให้พลังชี่แท้ของศิลปะการต่อสู้มีความพร้อมเพรียงกันค่ายกลต่อสู้ที่มักจะใช้ออกมา ต่างก็สามารถขยายความได้เปรียบ และชดเชยพละกำลังให้แก่กันและกันได้ทั้งหมดสามารถบรรลุผลของหนึ่งบวกหนึ่งได้มากกว่าสอง“ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิงโปรดระวังด้วย ค่ายกลต่อสู้ของพวกเราคือค่ายกลต่อสู้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งเป็นครั้งแรกจนถึงตอนนี้
เมื่อเห็นโอวหยางหมิงที่ยังรู้ตัวดีหยินหลิงก็คุมสถานการณ์ ก่อนจะพยักหน้าอย่างไร้ความรู้สึกแล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณรู้จักถึงความต่าง เช่นนั้นวันนี้ เรื่องที่สำนักเสินฉือของคุณยื่นขอเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรบู๊ ก็สิ้นสุดลงตรงนี้”“เมื่อไรก็ตามที่สำนักเสินฉือของพวกคุณมีผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพหนึ่งคน ค่อยมาสมัครเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรบู๊ของเราที่เมืองจิงอีกครั้งแล้วกัน”“ฉันยังมีธุระต้องทำ ขอลา”ขณะที่หยินหลิงกำลังจะจากไป โอวหยางหมิงก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางอีกครั้ง“ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง โปรดอยู่ก่อน”“มีอะไร?”ใบหน้าของหยินหลิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนจะมองไปที่ลูกศิษย์จำนวนมากของสำนักเสินฉือที่อยู่บนสนามจัตุรัส แล้วเอ่ยอย่างเรียบเฉย: “นายน้อยยังมีอะไรที่อยากจะพูด?”“แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว”โอวหยางหมิงลุกขึ้นยืน ก่อนจะส่ายหัวและพูดว่า:“ผู้นำกลุ่มพันธมิตรหลินหยิง เป็นอย่างที่คุณพูด สำนักเสินฉือของเรามีคุณสมบัติไม่พอที่จะเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรบู๊ สำนักจิ่วเซียวกว่าจะหาโอกาสให้ผมยื่นเสนอเข้าร่วมมาได้ แต่เพราะพ่อของผมบังเอิญฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บพอดี จึงไม่สามารถเข้าร่วมได้ ช่างน่าเสียดายน
“ไม่เคย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจอกับผู้นำกลุ่มพันธมิตรหยินหลิง”หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นสบตากับหยินหลิง ก่อนจะพูดเบา ๆว่า “อีกอย่าง ผมเพิ่งเคยชื่อกลุ่มพันธมิตรบู๊เป็นครั้งแรก”“กลุ่มพันธมิตรบู๊....”หยินหลิงใจลอยเล็กน้อยจากนั้นเธอก็อธิบายด้วยความเหม่อลอย: “กลุ่มพันธมิตรบู๊ก่อตั้งขึ้นโดยสี่สำนักใหญ่ในเมืองหนานไห่ ทุก ๆสำนักที่มีชื่อเสียงในประเทศมังกร ต่างอยู่ภายใต้เขตอำนาจของกลุ่มพันธมิตรบู๊”หลังจากที่อธิบายประโยคนี้จบแล้ว หยินหลิงก็กลับมามีสติอีกครั้งเธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและครุ่นคิดว่าทำไมตัวเองต้องอธิบายเรื่องกลุ่มพันธมิตรบู๊ให้คนแปลกหน้าคนนี้ฟังด้วยเธอชักกระบี่ออกมาพร้อมกับเสียงดัง “ชิ้ง” และพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “อย่างพูดเรื่องไร้สาระ ในเมื่อคุณจะเป็นตัวแทนของสำนักเสินฉือในการทดสอบ ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อมดีกว่า มาเลย แสดงศิลปะการต่อสู้ของคุณให้ฉันดูสิ”“ดูสิว่าพวกคุณคู่ควรที่จะได้รับการยอมรับจากกลุ่มพันธมิตรบู๊หรือเปล่า!”“หลินเฟิง สู้ ๆ”โอวหยางหมิงที่อยู่ด้านข้าง ๆแสร้งทำเป็นเชียร์หลินเฟิง ในระหว่างนั้นก็เขย่าโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปด้วย เพื่อส่งสัญญาณให้หลินเฟิง
“นายน้อย....หลินเฟิงคนนั้น....”ในเวลานี้ ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็เดินไปด้านหน้าโอวหยางหมิง และพูดด้วยน้ำเสียงลังเลเล็กน้อย“อืม ไอ้หมอนี่น่ากลัวกว่าที่ฉันคิดไว้ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถสู้กับนังนั่นได้เสมอกันจริง ๆ”“นายน้อย ทางด้านเจ้าสำนัก....”“หุบปาก”โอวหยางหมิงจ้องมองผู้อาวุโสที่อยู่ข้าง ๆอย่างเย็นชา ก่อนจะตวาดเสียงเบา: “ตอนนี้ตาแก่นั่นเหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายแล้ว ถ้าหากคุณไม่อยากให้พวกเราทั้งหมดจบเห่ ก็รีบหุบปากซะ!”“ครับ”ผุ้อาวุโสหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้มหน้าแล้วตอบรับ“ผู้อาวุโสหวง”โอวหยางหมิงมองเห็นความกังวลของผู้อาวุโสคนนี้ ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วยิ้มพูด:“ผมรู้ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว คุณในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของสำนักเสินฉือรู้สึกลำบากใจมาก”“แต่คุณเต็มใจที่จะเห็นสำนักเสินฉือของเราสงบสุขในมุมหนึ่งแบบนี้ หนึ่งร้อยปีมานี้ก็ยังคงอยู่ในเมืองหนานโจวเล็ก ๆ แบบนี้เหรอ?”“คุณลองคิดกลับกันสิ”“ตาแก่โอวหยางป๋อคนนั้นตายแล้ว เจ้าสำนักก็ใกล้จะตายแล้ว ใครจะรู้เรื่องที่พวกเราทำล่ะ?”“หลังจากการประลองฝีมือในวันนี้จบลงแล้ว และรอให้ฉันได้เพลิดเพลินเจ้าแห่งพันธมิตรบู๊”“คุณจะรู้ไหมว่า
เมื่อการต่อสู้ระหว่างสองคนเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ โอวหยางหมิงก็เริ่มที่จะหวาดกลัวทั้งสองอยู่ในใจมากขึ้นเรื่อย ๆยังดีที่ตัวเองไม่ได้เผชิญหน้ากับหลินเฟิงโดยตรง ไม่อย่างนั้นตัวเองก็คงจะเป็นศพอยู่บนพื้นแน่นอน“ให้ฉันปล่อยอีกกระบวนท่าหนึ่ง วาโยหมื่นลี้!”ภาพลวงตาที่คลุมเครือตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว จนทำให้หลินเฟิงไม่อาจหลบเลี่ยงได้ด้วยความเร่งรีบ หลินเฟิงทำได้แค่เพียงสกัดกั้นด้วยกระบี่เท่านั้น“ตูม!”ทันทีที่แสงสีเงินตกลงมา กระบี่ยาวในมือของหลินเฟิงก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่อหน้าเขาแต่แสงสีขาวเงินก็ไม่หยุดแม้แต่น้อย และเจาะทะลุผ่านใบหน้าของหลินเฟิงไปทั้งแบบนี้“อึก....”หลินเฟิงถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนที่เขาจะยื่นมือออกไปเช็ดที่หน้าผากของตัวเองเลือดค่อย ๆ ไหลออกมาจากบาดแผลตื้น“ผมแพ้แล้ว”หลังจากที่เงียบไปเล็กน้อย หลินเฟิงก็โยนกระบี่ที่หักลงบนพื้น ก่อนจะยอมรับอย่างเปิดเผยว่าตัวเองพ่ายแพ้ให้กับหยินหลิงที่อยู่ตรงหน้า“ไม่ คุณชนะแล้ว”หยินหลิงที่ยืนอยู่ด้วยกัน ถือกระบี่ยาวไว้ นิ้วมือของเธอสั่นเล็กน้อยเธอเหลือบมองหลินเฟิงอย่างสับสน และส่ายหน้าพูดว่า:“กฎที่กำหนดโดยกล
เสียงตะโกนของหยินหลิงทำให้โอวหยางหมิงชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองไปทางหลินเฟิงแล้วพูดว่า “เมื่อครู่นี้ในช่วงสุดท้ายผมเห็นผงสีขาวออกมาจากข้อมือของหลินเฟิง ผมก็คิดว่าผมมองผิดไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นจริง”“ผมก็มองเห็น!”หลังจากที่ผู้อาวุโสหวงพูดจบ ก็ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะคว้าแขนเสื้อของหลินเฟิงและดึงอย่างแรงทันใดนั้นเศษผงสีขาวก็ตกลงมาจากแขนเสื้อของหลินเฟิง“นี่.....”หลินเฟิงตกตะลึงไปชั่วครู่ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าผงสีขาวพวกนี้ถูกผู้อาวุโสหวงทิ้งลงมาที่ตัวเอง“อย่าแก้ตัว ไม่อย่างนั้นนายก็จะรู้ผลที่ตามมา”ผู้อาวุโสหวงเข้าใกล้หลินเฟิง ก่อนจะกระซิบคำขู่ผ่านฟันที่กัดแน่น“หลิน.....หลินเฟิง ทำไมคุณถึงทำแบบนี้?!”หยินหลิงหายใจแรง เหงื่อไหลทั่วร่าง ดวงตาก็เกิดความสับสนเล็กน้อย“......” หลินเฟิงยังคงเงียบและไม่ได้ตอบกลับไปเพราะเขารู้ว่า ถ้าตัวเองเถียงออกไป หลี่ฮุ่ยหรานและคนอื่น ๆจะต้องเจอกับการแก้แค้นของโอวหยางหมิง“ดูสิ เขาที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา ถึงกับพูดไม่ออก!”โอวหยางหมิงยิ้มให้หลินเฟิงอย่างดุร้าย จากนั้นเขาก็พยายามประคองหยิงหลิงขึ้นแล้วเดินไปที่ศูนย์การแพทย์“ผู้นำกลุ
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ดีว่าถูกใครทำร้ายในเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้านี้เมื่อวานหลี่เหวินเชากลับมาพึ่งพาเธอ เดิมทีเธอคิดว่าหลี่เหวินเชาไม่เหมือนกับจางซิน ดังนั้นเธอจึงจัดการตำแหน่งที่ว่างให้หลี่เหวินเชาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาหลี่เหวินเชาจะหักหลังเธอ“หากแกไม่ใช่น้องชายของฉัน ฉันคงฆ่าแกไปนานแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานดุด่าเสียงดังลั่นและในตอนที่โดนด่า หลี่เหวินเชาก็ทำได้เพียงหดคอและก้มหน้าลงหลินเฟิงที่ไม่เคยเห็นหลี่ฮุ่ยหรานโกรธมากขนาดนี้มาก่อน รีบเอื้อมมือไปปลอบใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโถมตัวเข้าหาหลินเฟิงโดยตรงพร้อมกับร้องไห้ในวินาทีถัดมา“หลินเฟิง มันเป็นเพราะอะไร เพราะอะไรกัน....”“คนในครอบครัวของฉันต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดได้ยังไง?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ที่แล้ว”หลินเฟิงตบหลังของหลี่ฮุ่ยหรานเบา ๆ พร้อมกับปลอบโยนเธออย่างระมัดระวัง“พี่ ขอโทษ....ผม....ผมก็ ถูกบังคับไม่มีทางเลือกเหมือนกัน....”หลี่เหวินเชาอธิบายอย่างอึกอักไม่กล้าพูด“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากฟังแกอธิบาย”หลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งจริง ๆเธอใช้เวลาไม่นานก็จัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว พร้อมกับ
“ผู้หญิงคนนั้นผมบังเอิญเจอตอนกำลังคุยเรื่องธุรกิจที่ประเทศเวน่า เธอ....เธอเป็นฝ่ายยั่วยวนผมและให้ผม...แค่กแค่ก.....”“ให้ผมลงทุนที่ดินสองผืน จนได้กำไรไม่น้อย”ประธานโจวพูดอย่างอ่อนแรงว่า :“ด้วยเหตุนี้ผมก็ตกหลุมพลางของเธอ และไว้ใจเธอมาก”“แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอหนีไปจากผมแล้วแถม...แถมยังเอาทรัพย์สินส่วนใหญ่ของบริษัทผมไปด้วย แค่กแค่กแค่ก...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ประธานโจวก็โกรธมากอย่างเห็นได้ชัด“หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผม...ผมก็คงไม่หวาดกลัวว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปจะดีเด่นขึ้นมา....”“เป็นแบบนี้นี่เอง”หลินเฟิงรู้สึกสะเทือนใจประธานโจวบอกว่าเขาพบกับฉู่ฮวาจิ่นที่ประเทศเวน่าหรือว่าฉู่ฮวาจิ่นคนนี้จะเป็นคนประเทศเวน่า?“ใช่....ใช่แล้ว คุณ...คุณชายหลิน”ประธานโจวที่เห็นว่าหลินเฟิงสนใจผู้หญิงคนนั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงรีบพูดว่า:“ผู้หญิงคนนั้นแพ้ดอกลิลลี่ อีกทั้งแพ้อย่างรุนแรง”“แพ้ดอกลิลลี่?”หลินเฟิงแอบจดจำไว้ในใจ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เลือกที่จะฆ่าประธานโจวโดยตรง แต่ถามเขาเกี่ยวกับฉู่ฮวาจิ่น ก็ยังได้ข้อมูลอะไรบางอย่างด้วยแน่นอนว่า เรื่องก็อาจจะเป็นเรื่องที่โกหกขึ้นมาแต่เมื่อ
นี่เป็นร่างกายที่เหมือนกับเทพเพียงแต่พลังชี่แท้ของเขายังคงเป็นขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน“ถ้าหากฉันเรียนรู้ที่จะลอยตัวได้ และปล่อยคาถา ก็จะเป็นเทพจริงๆ แล้วใช่ไหม?”“หรือพูดว่า...ขอบเขตเทพ?”หลินเฟิงลังเลเล็กน้อยหรือว่าร่างกายของเขาตอนนี้ได้บรรลุขอบเขตเทพแล้ว?นี่คือระดับขั้นที่อยู่เหนือแดนแปรภาพยอดฝีมือขอบเขตเทพทั่วทั้งประเทศมังกร สามารถใช้นิ้วนับได้หลินเฟิงตั้งสติ กวาดสายตามองลูกสมุนที่คุกเข่ากราบเขาอยู่รอบๆ ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ไสหัวไป”“ครับครับครับ ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราไสหัวไป จะไปเดี๋ยวนี้ครับ”“รีบไป...ไม่ รีบไสหัวไป ไสหัวไปสิ...”มองดูพวกลูกสมุนหลายสิบคนที่ทิ้งอาวุธหนีไป หลินเฟิงกลับไม่ได้ตามไปโจมตีเขาไม่ใช่คนที่ฆ่าไม่เลือก คนเหล่านี้ถึงแม้จะมีโทษประหาร แต่ไม่มีความท่าทีจะต่อสู้แล้ว แลก็ไม่ได้ขวางทางหลินเฟิงเช่นนั้นหลินเฟิงก็ขี้เกียจจะสนใจ“เอาล่ะ”หลินเฟิงยื่นมือไปจับคอเสื้อของหลี่เหวินเชา เหมือนกับยกลูกไก่ขึ้นมาส่วนประธานโจว ตอนนี้หน้าเละเทะ คนทั้งคนเหลือลมหายใจอยู่แค่เพียงครึ่งเดียวดูท่าเพื่อที่จะรอดชีวิต หลี่เหวินเชาลงมือไดด้อย่างไ
“พรวด!”หลินเฟิงไม่ได้ใช้พลังชี่แท้ เขายกเท้าขึ้น เตะร่างกายท่อนบนของหานเวยจนระเบิดออกมองดูเลือดสดและเนื้อที่กระเด็นไปทั่ว สีหน้าของประธานโจวกับหลี่เหวินเชาเปลี่ยนไปซีดขาวโดยสิ้นเชิง“นี่...นี่เขาแม่งใช่คนเหรอ?”ประธานโจวเหลือบมองหลี่เหวินเชา อยากจะตบหน้าเขาต่อหน้าทุกคน เขาแม่งเชิญพญายมมาจากที่ไหนกัน?หรือว่าตั้งใจอยากจะฆ่าเขางั้นเหรอ?“ผม...เป็นไปได้ยังไง...”หลี่เหวินเชาหน้าตาโศกเศร้า สีหน้าของเขาแย่ยิ่งกว่าประธานโจว คนทั้งคนแทบเหมือนกับถูกสูบกระดูกอ่อน ตัวอ่อนทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างสั่นเทาถ้าหากหลินเฟิงตามมาจะไม่ฆ่าเขาได้ในทันทีเลยเหรอ?นึกถึงเรื่องเลห่านี้ที่ตัวเองทำ และคำพูดรุนแรงที่เขาพูดกับหลินเฟิงเมื่อครู่นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะตบหน้าตัวเอง“นี่...ทำยังไงดี?”หลี่เหวินเชางุนงงไปหมด เขาพยายามคิดหาวิธีให้ตัวเองรอดชีวิตไปได้ และในตอนนี้เอง เขาก็เห็นสายตาที่ดุเดือดของประธานโจวที่มีต่อเขาเช่นเดียวกันหลี่เหวินเชาที่กำลังกระวนกระวายในตอนแรก เป็นเหมือนกับหมาป่าที่ถูกต้อนจนสิ้นหวัง กลับเผยสายตาดุดันออกมาใส่ประธานโจว “ทั้งหมดเป็นเพราะแกข่มขู่ฉัน! แม่งเอ๊ย!”หลี่เหวิน
ตอนนี้ ทุกคนต่างคิดว่าคนที่พ่ายแพ้และมีเลือดไหลออกมาก็คือหลินเฟิงแต่...“แค่กแค่กแค่ก.พี่ใหญ่ รีบ...รีบหนี”เสียงไอที่อ่อนแรงดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกควัน“อะไรกัน?!”หานเวยที่กุมข้อมือที่หักของตัวเอง คุกเข่าอยู่บนพื้นถลึงตาโต เขาได้ยินอะไร?เขาเหมือนกับได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของน้องชายตัวเองแถมยังให้เขาหนีไปอีก?ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?ไม่ถึงสองวินาที ควันฝุ่นหายไปจนหมด ในที่สุดหานเวยก็เห็นภาพตรงหน้าแล้วเห็นเพียงแค่หลินเฟิงยื่นหมัดออกมาอย่างเงียบสงบคิดไม่ถึงว่าจะโจมตีโดนหน้าอกของหานกั๋วโดยตรงแบบนี้!ศพของหานกั๋วห้อยอยู่ที่แขนของหลินเฟิง แขนกับศีรษะตก ไม่มีลมหายใจแล้ว!“อะไร?!”หานเวยตกตะลึงจนหน้าถอดสี น้องชายของเขาถูกหมัดธรรมดาๆ แบบนี้...ฆ่าตายงั้นเหรอ?!”“ฮะ?!”หลี่เหวินเชาก็แสดงความตกตะลึงออกมากับผลลัพธ์แบบนี้เป็นเพราะเขารู้ว่าหลินเฟิงก็เป็นนักบู๊ถึงแม้จจะออกจากเมืองเจียงโจวไประยะหนึ่งแล้ว แต่เขาได้ยินมาจากที่ต่างๆ ว่าความสามารถของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากด้วยเหตุนี้ เขาจึงเตือนประธานโจวโดยเฉพาะและประธานโจวก็ไม่ได้สะเพร่า จ่ายเงินไปก้อนใหญ่ เชิญพี่น้องตระกูลหาน
“ในเมื่อพวกนายหาที่ตาย งั้นฉันก็จะตอบสนองพวกนาย!”หลินเฟิงสายตาเย็นชา พลิกฝ่ามือตบออกไป ทำให้หมัดของหานเวยแตกหักทันที“หือ?!”ความรู้สึกที่กระดูกแตกหักนั้นชัดเจนจนดังเข้ามาในหัวของหลินเฟิงหลังจากเสียงร้องโอดครวญของหานเวย หลินเฟิงกลับยืนอยู่กับที่และมองฝ่ามือของตัวเองด้วยความตกตะลึง เขาจำได้ว่า...ตัวเองน่าจะไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนี้หรอกมั้ง?”ตามแผนการย้อนโจมตีที่หลินเฟิงวางแผนเอาไว้เขาจะผลักกำปั้นที่ดุดันของหานเวยออก จากนั้นใช้หมัดอีกข้างหนึ่งโจมตีกลับ ต่อยหน้าผากของหานเวยจนแตก ทำให้เขาตายในทันทีแต่สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงประหลานใจเล็กน้อยก็คือ ฝ่ามือที่เขาทำเพื่อป้องกันการโจมตีของหานเวย กลับเป็นเหมือนกับมีดสับเต้าหู้ ที่ตัดทั้งกำปั้นของหานเวยโดยตรงภายใต้ความแอบตกตะลึง หลินเฟิงกลับลืมที่จะโจมตีต่อไปเขายืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม มองฝ่ามือของตัวเองด้วยความงุนงง“พลังชี่แท้ภายในร่างกายไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิด มีเพียงหนึ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือระดับความแข็งแกร่งของร่างกายของฉัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงตั้งตัวไม่ได้ชั่วขณะ“ไอ้หนุ่ม นายใช้วิธีชั่วร้ายอะไร?!”เห็
เถ้าแก่โจวเห็นสองพี่น้องตระกูลหานพูดออกมา เขาก็ขมวดคิ้ว และบ่นพึมพำในใจเขาหันหน้ามองไปทางหลี่เหวินเชา“นายมั่นใจว่าเขาก็คือหลินเฟิง? สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง!”หลี่เหวินเชาจ้องมองหลินเฟิง และแสยะยิ้มพูดว่า: “ประธานโจว คุณวางใจได้ ต่อให้เขากลายเป็นขี้เถ้าผมก็จำได้”“หึ ถ้าหากไม่ใช่ นายรู้จุดจบนะ”ประธานโจวยิ้มเยาะได้ยินคำพูดแบบนี้ หลี่เหวินเชาตัวสั่นไปหมด และก็รีบยิ้มประจบสอพอพูดว่า:“ประธานโจวพูดอะไรกันครับ ผมจะกล้าหลอกคุณได้ยังไงล่ะ?!”“คนผู้นี้ก็คือหลินเฟิงแน่นอน ถ้าหากผมพูดผิด คุณก็ฆ่าผมได้เลย!”“อีกอย่าง ผมยังค้างเงินคุณอยู่อีกสี่ร้อยห้าสิบล้านบาท!”ต่อให้ทำเพื่อเอาหลี่ซื่อกรุ๊ปมาจำนำ ผมก็ไม่สามารถบอกคุณได้ ถูกไหมครับ?”หลินเฟิงที่อยู่กลางวงล้อมรอบถือว่าได้ยินชัดเจนแล้วที่แท้หลี่เหวินเชาติดหนี้ประธานโจวคนนี้ ถูกบีบบังคับให้คิดหาวิธี จึงทำได้แค่เอาพี่สาวของตัวเองออกมาเป็นเกาะกำบัง“ไอ้เวร...”หลินเฟิงสีหน้าดุดัน ครอบครัวของหลี่ฮุ่ยหรานทำไมถึงไร้มนุษยธรรมแบบนี้? เอาเปรียบหลี่ฮุ่ยหรานอย่างถึงที่สุด?“หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ที่ไหน?”เมื่อเห็นว่าคนที่ออยู่รอบๆ จะลงมือ
ประธานโจว ประธานโจว! ผมพาคนมาแล้ว!”“รบกวนคุณให้พรรคพวกของคุณลงมือ กำจัดหลินเฟิงคนนี้ซะ!”หลี่เหวินเชาลงจากรถ ตะโกนไปด้วย พร้อมทั้งวิ่งไปในโรงงานร้าง“หึหึ...”แต่ในตอนนี้ ชายแก่ที่ดูอายุประมาณหกสิบปี สวมชุดสูทลายทาง ปากคาบซิการ์เดินออกมาจากภายในโรงงานหลินเฟิงก็จำคนคนนี้ได้เช่นกันตอนนั้นที่งานประมูล เคยพูดคุยกับหลี่ฮุ่ยหรานหลินเฟิงจำได้ว่า คนคนนี้เหมือนจะยังถูกคนนอกเรียกว่าหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองเจิ้งเต๋อนามสกุลโจวตอนนั้น ข้างกายของเขายังมีฉู่ฮวาจิ่นติดตามอยู่ด้วยเมื่อเห็นหลินเฟิงลงมาจากรถ และเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายใจ ประธานโจวคนนี้ก็สูบซิการ์ พ่นควันออกมา และหัวเราะเบาๆ พูดว่า:“นายคือหลินเฟิง สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง”หลินเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของเขา เหลือบมองหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้างๆ ตระกูลโจว และส่ายหน้าด้วยความเหยียดหยาม:“เดิมทีคิดว่าช่วงเวลาที่นายออกจากเมืองเจียงโจว น่าจะมีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่คิดไม่ถึงว่านายจะไร้ยางอายแบบนี้”“หึ ไร้ยางอายก็ต้องดูว่าเป็นใคร!”หลี่เหวินเชาพูดยิ้มเยาะ: “สำหรับขยะแบบนาย ไม่มีคำพูดอะไรที่น่าประนีประนอมด้วย!”“
“หลี่เหวินเชา? พี่สาวนายล่ะ?”หลินเฟิงตะโกนขึ้นเสียงดัง ทำให้หลี่เหวินเชาตกใจจนเกือบโยนโทรศัพท์มาในตอนที่เขาเห็นว่าคนที่มาถึงคือหลินเฟิง ก็ทำสีหน้าไม่พอใจทันที“ไม่รู้ อย่ามาถามฉัน!”หลังจากตอบกลับด้วยความหงุดหงิด หลี่เหวินเชาก็ตกอยู่ในโลกเกมของตัวเองอีกครั้งหลินเฟิงเห็นภาพนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยโดยเฉพาะเรื่องที่หลี่เหวินเชาคนนี้เอาเท้าวางไว้บนโต๊ะที่ปกติหลี่ฮุ่ยหรานไว้ใช้ทำงาน ถึงขั้นที่เอกสารจำนวนมากถูกเหยียบจนมีรอยเท้า“เอ๊ะ? หัวหน้าหลิน?”ในตอนนี้ เลขาที่หลี่ฮุ่ยหรานโยกย้ายมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปของเมืองเจียงโจวเห็นหลินเฟิง เธอจำหลินเฟิงได้แน่นอนอยู่แล้วเธอรีบดึงหลินเฟิงไปที่ด้านข้างและพูดเสียงเบาว่า:“โทรศัพท์ของประธานหลี่หายไปเมื่อคืน พวกเราหาทั้งคนก็ตามหาไม่พบ เมื่อครู่ประธานหลี่ไปเยี่ยมแม่ของเธอที่โรงพยาบาลแล้ว“ประธานหลี่กำชับกับฉัน หากเห็นคุณกลับมาก็ให้บอกเธอสักคำ”หลินเฟิงฟังเลขาที่อยู่ข้างๆ อธิบายกับเขากลับรู้สึกได้ว่าหลี่เหวินเชากำลังแอบมองเขาอยู่รอตอนที่หลินเฟิงมองไปทางหลี่เหวินเชา เขาก็รีบเคลื่อนสมาธิไปที่บนโทรศัพท์ ปากก็ตะโกนไม่หยุดแสร้งทำท่าเป็นใช้