“ตามเธอไป จะต้องสืบที่มาของอัญมณีทับทิมเม็ดนั้นให้ชัดเจน”ในหูฟัง มีคนออกคำสั่งต่อชายร่างผอมด้วยภาษาเวน่าเช่นเดียวกัน“ครับ”ผู้ชายลุกขึ้นยืน จากนั้นเดินตามจางซินที่ตื่นเต้นดีใจที่อยู่ตรงหน้าไปด้วยสีหน้านิ่งเฉยพลบค่ำสำนักไป๋เกาเมืองเจียงโจว จางเจียหนิงปิดไฟดวงสุดท้ายของสำนักจางเจียหนิงบอกลากับเพื่อนร่วมงานของสำนักไป๋เกา ในตอนที่กำลังจะสะพายกระเป๋ากลับบ้านจู่ ๆ เธอสังเกตเห็นว่าตรงข้างกำแพงที่มืดมิด เหมือนจะมีร่างกายที่ผอมโรยล้มอยู่ตรงนั้น “เอ๊ะ?”จางเจียหนิงขยับเข้าไปใกล้ เธอนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นผู้หญิงที่มีบาดแผลเต็มตัวไปหมดบาดแผลบนตัวของเด็กสาวมีหลายจุดที่ตกสะเก็ด แผลใหม่แผลเก่าเต็มไปหมด อีกทั้งเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายก็ชำรุดจนดูไม่ได้“สวัสดีค่ะ? คุณ?”จางเจียหนิงขยับเข้าไปใกล้ และตบใบหน้าของเด็กสาวเบา ๆ“หลินเฟิง...หลิน...”“หลินเฟิง?”จางเจียหนิงตกตะลึงเล็กน้อย เธอขยับหูของตัวเองเข้าไปใกล้ ๆ และฟังอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็ได้ยินเสียงที่เบาบางของเด็กสาวอย่างชัดเจนจางเจียหนิงไม่ได้ฟังผิด เธอกำลังเรียกชื่อของหลินเฟิงอยู่จริง ๆ“หรือว่าจะเป็นเพื่อนของหลินเฟิง?!”
เพราะว่านี่ไม่ใช่เสวี่ยฮุ่ย และก็ไม่ใช่หมิงอิ่งอิ่งเธอคือโอวหยางชิ่งหลินเฟิงที่รู้สึกโล่งอกเพียงชั่วครู่ก็ตกอยู่ในความสงสัยอีกครั้งเขาจำได้ว่าตอนนั้นที่เขาปล่อยโอวหยางชิ่งกับโอวหยางป๋อจากไปตามหลักแล้วถึงแม้โอวหยางชิ่งจะไม่มีกำลังภายในกับตันเถียนแล้ว แต่อย่างน้อยก็มีหมัดเท้ากังฟูอยู่บ้างทำไมถึงได้ตกอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายแบบนี้?หรือว่าเป็นสำนักเสินฉือ?หลินเฟิงครุ่นคิดไม่หยุด แต่คาดเดาไปเรื่อยแบบนี้ไม่มีประโยชน์โดยสิ้นเชิงดังนั้นเขากวาดสายตามองดูกลุ่มแพทย์ที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ จากนั้นขมวดคิ้วและพูดเร่ง: “พวกคุณถอยออกหน่อย ให้ผมจัดการเถอะ”“หลินเฟิง คุณรู้จักเธอไหม?”จางเจียหนิงขยับเข้าไปถามใกล้ ๆ“รู้จัก”หลินเฟิงปล่อยกำลังภายในออกจากปลายนิ้ว และกดไปที่บนจุดฝังเข็มจุดต่าง ๆ บนตัวของโอวหยางชิ่งโดยไม่หยุดพัก จนเกิดเป็นลมพัดขึ้นผ่านไปครู่หนึ่ง โอวหยางชิ่งก็กระอักเลือดออกมาจากในปาก“เข็มเงิน!”หลินเฟิงยื่นมือออกไปทางจางเจียหนิง“อ่อ...ค่ะ!”จางเจียหนิงรีบวิ่งไปที่ข้าง ๆ และเปิดกล่องเข็มเงินที่ฆ่าเชื้อเอาไว้เรียบร้อยแล้วออกมา“ส่วบส่วบส่วบ”หลินเฟิงหยิบเข็มเงิน
“......”เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่ร้อนใจของโอวหยางชิ่ง หลินเฟิงเงียบขรึมอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า“เกรงว่าจะสายไปแล้ว”“ผมดูแล้วลูกชายเจ้าสำนักของพวกคุณดูไม่เหมือนคนที่มีเหตุมีผล ต่อให้คุณกลับไป เกรงว่าก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของสำนักเสินฉือได้”หลินเฟิงหยุดชะงัก และเหลือบมองโอวหยางชิ่งที่อ่อนแอไม่แข็งแรง: “ยิ่งกว่านั้นตอนนี้พ่อของคุณเสียชีวิตไปแล้ว คุณไม่มีประโยชน์ใด ๆ ต่อสำนักเสินฉืออีกแล้ว”“เทียบกับการฟังคุณ ที่จะไปแก้แค้นตระกูลเซี่ยง”“ไม่สู้ถือโอกาสกำจัดผม แบบนั้นมีผลประโยชน์มากที่สุดแล้ว”การวิเคราะห์ของหลินเฟิงทำให้สีหน้าของโอวหยางชิ่งเผยความซีดเซียวของความสิ้นหวังออกมาเพราะเธอรู้ว่า หลินเฟิงพูดถูกทั้งหมดก่อนหน้านี้หลังจากที่ตันเถียนของโอวหยางชิ่งถูกทำลาย สองพ่อลูกก็รู้แล้วว่าสำนักเสินฉือไม่มีที่สำหรับพวกเขาสองคนพ่อลูกอีกแล้วเขาเขากลับสำนักเสินฉือ ก็เพียงเพราะอยากจะรวบรวมพรรคพวกเก่า พึ่งพาอำนาจและเอาเงินในส่วนของตัวเองกลับมาจากนั้นก็หนีไปให้ไกลและตอนนี้ โอวหยางป๋อตายไปแล้ว กองกำลังภายในสำนักที่เป็นฝ่ายของเขาก็พังยับเยินเธอกลับไปตอนนี้ อาจจะไม่มีประ
“คุณไม่ต้องสนฉัน ถ้าหากพวกเขาจะฆ่า งั้นก็ให้พวกเขาฆ่าฉันซะเลย”เมื่อเห็นโอวหยางชิ่งดื้อรั้นขนาดนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ขึ้นรถเถอะ”หลินเฟิงเห็นโอวหยางชิ่งลากขาของตัวเอง เปิดประตูรถด้วยท่าทางโซเซ สุดท้ายก็คลานขึ้นรถด้วยท่าทางน่าไม่น่าดูนักเห็นได้ชัดว่าถึงแม้ฤทธิ์ยาอมตะเลือดราชันย์ของหลินเฟิงล้ำเลิศ แต่ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งคืน ยังไม่สามารถฟื้นฟูบาดแผลของเธอได้ อย่างมากก็แค่บรรเทาอาการเท่านั้นเกรงว่าเมื่อถูกเธอขยับเขยื้อนแบบนี้ บาดแผลที่เดิมทียังไม่สมานก็ฉีกออกอีกแล้วโอวหยางชิ่งนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับทั้งแบบนี้ต่อให้เลือดไหลลงจากขาของเธอและหยดลงบนที่นั่งในรถ เธอเพียงแค่จ้องมองไปข้างหน้า และไม่พูดอะไร“ติ๊งกริ่งกริ่ง”โทรศัพท์มือถือของหลินเฟิงเสียงดังขึ้นเมื่อรับสายนั่นก็คือสายของจางเจียหนิง“หลินเฟิง คุณ...คุณเห็นเด็กสาวคนนั้นเมื่อคืนนี้ไหม? เมื่อคืนฉันนอนหลับไป ผลปรากฏว่าเมื่อตื่นมาเธอก็หายไปแล้ว!”“บาดแผลบนตัวของเธอรุนแรงมาก กระดูกก็ยังไม่เข้าที่ เธอก็หนีออกไปแบบนี้ ฉันกลัวว่า...”ฟลินเฟิงฟังคำพูดที่เป็นกังวลของจางเจียหนิงไปด้วย แ
“เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยาง!”หลินเฟิงใช้ชี่แท้ฆ่าเชื้อเข็มเงินในมือชี้แท้ที่แตกต่างกันทั้งเก้าถูกปล่อยออกจากปลายนิ้วของหลินเฟิงและกลายเป็นเส้นไหมโปรงใส พันรอบเข็มเอาไว้จากนั้นหลินเฟิงเพ่งเล็งไปที่จุดฝังเข็มบนตัวโอวหยางชิ่ง ใช้สมาธิจดจ่อไปที่ด้านนอกผิวหนัง เข็มเงินเล่นหนึ่งแทงไปที่ท้องน้อยของโอวหยางชิ่งช้า ๆ“อ๊ะ!”โอวหยางชิ่งถอนหายใจเบา ๆ และส่งเสียงครางที่ทำให้คนเกิดจินตนาการออกมา“อดทนไว้”หลินเฟิงมีเหงื่อหยดหนึ่งไหลออกมาจากตรงหน้าผากอย่างหาได้ยากเข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางหลินเฟิงเคยอ่านจากในตำราต้องห้ามภายในสำนักเสวียนเทียน ไม่เคยใช้จริงสักครั้งวิชาเข็มชุดหนึ่งถูกฝังลงไปต่อให้บาดแผลร้ายแรงแค่ไหนก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อย่างไว บาดแผลจะสมานอย่างรวดเร็ว เป็นความเหลือเชื่ออย่างมากแต่เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางไม่ใช่วิธีการฝังเข็มที่กำจัดโรคภัยอย่างก่อนหน้านี้กลับกัน เข็มเก้าวิญญาณตามล่าพลังหยางนี้กลับเป็นวิชาฝังเข็มที่อยู่ขั้นขีดสุด และจะสูญเสียศักยภาพของร่างกายถึงแม้จะสามารถสมานบาดแผลได้อย่างรวดเร็วแต่ก็เทียบเท่ากับการสูญเสียศักยภาพและกำลังพื้นฐานของร่างกายม
หลินเฟิงไม่ได้หันหน้ากลับ และเดินออกจากห้องไปทั้งแบบนี้ใครจะไปรู้ว่าผลักประตูออกไป ที่หน้าประตูกลับมีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่คนเหล่านี้มีผู้ชายมีผู้หญิง ทุกคนเผยสีหน้าที่รู้กันออกมา“สหาย เมื่อครู่นายเจ๋งมากจริง ๆ!”“จริงด้วย สหายใช้ยายี่ห้ออะไร แนะนำพวกเราหน่อยได้ไหม?”หลินเฟิงชะงักงันอยู่กับที่ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้ตั้งตัวกลับมาได้ ผู้ชายสองคนที่ขยับเข้ามาใกล้หมายความว่าอย่างไรโรงแรมนี้ไม่ใหญ่ ฉนวนกันเสียงไม่ดีดูท่าเมื่อครู่เสียงของโอวหยางชิ่งดังไปทั่วทั้งโรงแรม นี่ถึงได้ทำให้คนเข้าใจผิด“สุดหล่อ รู้จักกันหน่อยไหม?”ผู้หญิงสองคนที่ห่อผ้าขนหนู โปรยเสน่ห์แพรวพราวขวางทางหลินเฟิงเอาไว้ และทอดสายตาไปทางหลินเฟิง“ขอโทษด้วย ผมไม่สน”หลินเฟิงเดินอ้อมทั้งสองคน และหันหน้าเดินออกไป“เอ๊ะ สหาย ตกลงว่าใช้ยาอะไรกัน บอกกับพวกเราหน่อยสิ...”ผู้ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังรีบตามมาโอวหยางชิ่งที่อยู่ในห้องมองดูรอยเลือดที่อยู่บนผ้าปูที่นอน เธอก็ได้ยินความเข้าใจผิดที่มีต่อหลินเฟิงแล้วเพียงแต่เธอไม่เพียงไม่รู้สึกโมโห กลับยังเผยความอับอายออกมาเล็กน้อยรอยเลือดที่อยู่บนเตียง ถึงขั้นที่ทำให้เธอใ
หลีกเลี่ยงผู้คุ้มกัน คลำทางไปถึงหลังเขา เรื่องนี้สำหรับโอวหยางชิ่งนั้นง่ายดายอย่างมากทั้งสองคนแยกทางกันปฏิบัติการหลินเฟิงกลับมาดึงดูดความสนใจของคนชั้นสูงของสำนักเสินฉือเขาก้าวเข้าสู่ประตูภูเขาหลินเฟิงก็เห็นป้ายที่มีพลังอำนาจตรงขั้นบันได ตัวอักษร “สำนักเสินฉือ” ที่เขียนอยู่ด้านบนนั้นมีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉงมีพลังสำนักอายุร้อยปี ไม่ธรรมดาจริง ๆลูกศิษย์สำนักเสินฉือที่เฝ้าประตูสำนัก หลังจากเห็นหลินเฟิงปรากฏตัวขึ้น ก็ทำหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดขึ้น: “ใครกัน?”“หลินเฟิงเมืองเจียงโจว”หลินเฟิงพูดออกมา ทำให้สีหน้าของลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งเปลี่ยนไปอย่างมากทันทีลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูรีบล้อมรอบหลินเฟิงและพร้อมรบลูกศิษย์คนหนึ่งที่เป็นส่วนเกินออกมากลับพุ่งเข้าไปรายงานภายในสำนักอย่างรวดเร็วผ่านไปครู่หนึ่งโอวหยางหมิงพาผู้อาวุโสของสำนักเสินฉือกลุ่มหนึ่งตามมาพวกเขายืนอยู่ตรงที่ขั้นบันได จากนั้นมองเหยียดหลินเฟิง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและหยิ่งยโส“ไม่เลวไม่เลว หลินเฟิง คุณนี่มันเจ๋งจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะมาตายถึงที่”โอวหยางหมิงสวมชุดสูทสีขาว หลังจากเห็นหลินเฟิงเขาก็ปรบมือและหัวเรา
หลินเฟิงคืนคำที่โอวหยางพูดกลับไปให้โอวหยางหมิง“ตอนนี้ปล่อยคนที่คุณจับมาไปซะ ไม่อย่างนั้น...ตาย!”เมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของหลินเฟิง สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองท่านของสำนักเสินฉือเปลี่ยนไปอย่างมากแต่โอวหยางหมิงกลับไม่ได้ร้อนรนแม้แต่นิดเหมือนกับคาดเดาไว้ได้แล้วว่าหลินเฟิงจะลงมือ และก็รู้ตั้งนานแล้วว่าหลินเฟิงจะข่มขู่แบบนี้ถึงขั้นที่เขาไม่ได้ดิ้นรนและต่อต้านด้วยซ้ำ ปล่อยให้หลินเฟิงจับเอาไว้แบบนี้อย่างว่าง่าย“อย่าขยับ!”โอวหยางหมิงเห็นผู้อาวุโสทั้งสองคนจะออกมาช่วยเขาไว้ จึงตะโกนห้ามการกระทำของพวกเขาไว้โดยตรงและเคลื่อนสายตาออกไป จากนั้นมองหลินเฟิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม: “มาเถอะ ลงมือเถอะ ฆ่าฉันเลย”“อะไร?”เห็นโอวหยางหมิงไม่กลัวถึงขนาดนี้ หลินเฟิงก็เงียบสงัดเล็กน้อย“อย่าประหลาดใจขนาดนี้”โอวหยางหมิงหลุดขำออกมา: “หลินเฟิง ถ้าหากคุณมีความกล้านี้จริง ๆ ก็ฆ่าผมซะตรงนี้เลย แต่ผลที่ตามมาคุณต้องคิดให้ดีนะ”“ฆ่าผม งั้นคนรักพวกนั้นที่ถูกผมจับตัวเอาไว้ ก็หนีออกไปไม่ได้สักคน ผมตาย พวกเธอก็ไม่มีทางรอดไปได้”“มาเถอะ ลงมือเถอะ”โอวหยางหมิงพูดด้วยสีหน้ามั่นคงมั่นใจ หลินเฟิงอยากทำแต่ก็ไม