หลินเฟิงเข้าประเด็น และถามออกไปในทันที: “ใครเป็นคนทำร้ายคุณน้าจ้าว? แล้วเสวี่ยฮุ่ยล่ะ อยู่ไหน? ! ”ในสายโทรศัพท์ จ้าวเทียนหวาสัมผัสได้ถึงความโกรธที่ยังระงับเอาไว้อยู่ของหลินเฟิง จ้าวเทียวหวาเองก็ไม่กล้าโกหก เลยทำได้แค่กัดฟันแล้วพูดออกไปว่า:“เสวี่ยฮุ่ยอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ครับ”“ตระกูลหลี่! ตระกูลหลี่งั้นเหรอ! ”หลินเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขากัดฟันและส่งเสียงบดขยี้อย่างน่ากลัว “ฉัน หลินเฟิง เริ่มชักจะเบื่อพวกเขาเต็มทีแล้ว! วันนี้ จะเป็นวันที่ฉันจะยุติความสัมพันธ์ของฉันกับพวกเขาตระกูลหลี่! ”“จ้าวเทียนหวา นายส่งหมอที่ดีที่สุดมาดูแลคุณน้าจ้าวให้ฉันที! ”“ครับ! ”จ้าวเทียนหวาเองก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งหลังจากวางสายโทรศัพท์ หลินเฟิงก็เดินออกจากวิลล่าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง จู่ ๆ รอบ ๆ ตัวเขาก็มีฝนตกหนัก และมีฟ้าแลบฟ้าร้องบนท้องฟ้า เช่นเดียวกับอารมณ์ของหลินเฟิงในเวลานี้“คุณปู่ครับ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หลินเฟิงพยายามเมตตามากที่สุดแล้วครับ! ”“จากนี้ไป ตระกูลหลี่ของพวกคุณ ก็อวยพรให้ตัวเองโชคดีก็แล้วกันนะ! ”“บรื้น! ”หลินเฟิงสตาร์ทรถมายบัค จากนั้นก็พุ่งทะลุราวกั้นถนน แล้วมุ่งหน้
ในตอนนี้หลี่ไห่ชานก็กำลังนั่งอยู่ตรงระเบียงเขามองดูฟ้าแลบฟ้าร้องด้านนอกวิลล่า เขาจมอยู่กับความคิดตัวเองท่ามกลางเสียงของสายฝน“คุณปู่คะ”หลี่ฮุ่ยหรานเรียกออกไปอีกครั้ง หลี่ไห่ชานถึงได้มีการตอบสนอง เขาหันกลับมาและฝืนยิ้มให้ “ฮุ่ยหราน มาแล้วเหรอ? ทำไมไม่ทานข้าวกับพวกแม่ของหลานล่ะ? ”เธอมองดูรอยย่นบนใบหน้าของคุณปู่ตัวเองที่เพิ่มขึ้นเพราะเรื่องของไม่กี่วันที่ผ่านมา หลี่ฮุ่ยหรานไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จึงทำได้แค่ปิดปากเงียบเพื่อระงับความเจ็บปวดในดวงตาของเธอ“ฮุ่ยหรานเอ๋ย......ฮุ่ยหราน”หลี่ไห่ซานประคองหลี่ฮุ่ยหรานที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ขึ้น แล้วดึงเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขา ลูบผมของหลานสาวตัวเอง แล้วพูดอย่างเจ็บปวด“หลินเฟิงเป็นเด็กที่โดดเด่นมากขนาดนั้น ทำไมทุกคนถึงไม่เข้าใจเขาเลยนะ? ”“คุณปู่คะ หนูรู้ค่ะ หนูรู้”หลี่ฮุ่ยหรานสะอื้น “แต่เขาหยิ่งแล้วก็ดื้อรั้นเกินไป เขาไม่เต็มใจแม้แต่จะกล่าวขอบคุณคุณชายกู้เลยด้วยซ้ำ”“คุณชายกู้เป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้เลยนะคะ! ”“คุณชายกู้? กู้เฉินน่ะเหรอ? ”คุณปู่ตระกูลหลี่ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตบไปที่ต้นขาตัวเองแรง ๆ “ฮุ่ยหราน หลานเลอะเลือนแล้วล
คนที่แทบรอไม่ไหวที่จะได้แก้แค้นอย่างหลี่เยว่หรูที่เห็นหลี่ฮุ่ยหรานกำลังรีบสวมรองเท้าอย่างเร่งรีบ เธอก็ขมวดคิ้วและพูดออกไปว่า “อย่าบอกนะว่าพี่จะไปปกป้องไอ้สารเลวที่มันลวนลามฉัน?”“ปัง! ”หลี่ฮุ่ยหรานเพิกเฉยต่อเธอ แล้วรีบวิ่งออกจากประตูด้วยรองเท้าส้นสูงฝนด้านอกตกค่อนข้างหนัก ทำให้ทุกอย่างมืดไปหมดและภายใต้ความมืดมิดนั้น ร่างสูงก็ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน มองไปทางหลี่ฮุ่ยหรานที่กำลังวิ่งโผล่พ้นความมืดเข้ามาใกล้ ๆ ด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์“เปรี้ยง! ”เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบก็ดังสนั่นไปทั่วบริเวณรอบ ๆ ในทันที หลี่ฮุ่ยหรานถือโอกาสที่ฟ้าแลบมองเห็นรูปร่างหน้าตาของชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ นอกจากหลินเฟิงแล้ว เธอยังจะมองเห็นใครได้อีก?“หลินเฟิง เข้าไปข้างในก่อนเถอะ! มีเรื่องอะไร พวกเราก็ค่อยว่ากัน! ”หลี่ฮุ่ยหรานยื่นมือออกไปหาหลินเฟิง และพูดท่ามกลางสายฝน “หลินเฟิง ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรไม่เชื่อคุณ คุณช่วยยกโทษให้ฉันได้ไหม? ”ร่างนั้นยังคงไม่พูดอะไรออกมาหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขาเลิกสนใจหลี่ฮุ่ยหรานแล้วโดยสิ้นเชิง“โธ่เอ้ย ฮุ่ยหราน ลูกออกมาได้ยังไง ฝนตกหนักขนาดนี้ แกไม่เอาร่มออกมาด้วยล่ะ”จางกุ้ยหล
หวงติ่งคนนี้ก็หยิ่งมากเช่นกัน เห็นสวีเฉียงและคนอื่น ๆ เขาก็ไม่พอใจ และพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าฉันบอกให้พวกแกอยู่แต่ในบ้านห้ามออกมาไม่ใช่รึไง?”“เรื่องตรงนี้ปล่อยให้พวกฉันจัดการก็พอแล้ว”เนื่องจากหวงติ่งหมัดคุนหลุนคนนี้มีพลังที่แข็งแกร่งมาก ทุกครั้งที่เขาลงมือก็มักจะส่งผลให้ร่างกายของคู่ต่อสู้นั้นระเบิด และมีเลือดกระจายอย่างมาก เพราะงั้นเขาจึงมักไม่ชอบให้มีคนมาดูอยู่ข้าง ๆ“ได้ ๆ ๆ”สวีเฉียงเองก็ไม่กล้าเถียง จากนั้นเขาก็ดึงจางซินเข้าบ้านไป“ฮุ่ยหราน ไปได้แล้ว ปล่อยให้คนที่สวีเฉียงพามาจัดการหลินเฟิงไป พวกเราไม่ต้องเข้าไปยุ่ง”จางกุ้ยหลานกำลังจะดึงหลี่ฮุ่ยหรานไป แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ หลี่ฮุ่ยหรานจะสะบัดมือจางกุ้ยหลานออก และถามแม่ของเธอออกไปว่า “แม่คะ! ที่หลินเฟิงพูดหมายความว่ายังไง? เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวของหลินเฟิง? ”“นางเด็กอัปลักษณ์นั่น...... ”จางกุ้ยหลานรู้สึกสะอึกสะอักเกินกว่าจะพูด จากนั้นเธอก็โกรธขึ้นมา แล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้แกก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว มันเกี่ยวข้องกับการกลับมาของตระกูลหลี่แห่งเจียงหนานของพวกเรา ฮุ่ยหราน แกแค่ต้องแต่งงานกับคุณชายกู้ก็พอแล้ว! ”“แม่คะ! ”หล
อยากที่จะกินทั้งสองฝั่งหลินเฟิงเหลือบมองรอยยิ้มที่น่าขยะแขยงของหวงติ่ง และตะโกนออกไปว่า“ไสหัวไปซะ”รอยยิ้มบนใบหน้าของหวงติ่งแข็งทื่อทันที“เจ้าหนู แน่ใจนะว่าแกอยากจะรนหาที่ตายจริง ๆ? ”“คนที่รนหาที่ตายนั่นมันแกต่างหาก” หลินเฟิงค่อย ๆ จ้องมองไปยังใบหน้าของหวงติ่งช้า ๆ และจ้องมองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่อยากตาย ก็ถอยไปซะ”พอหวงติ่งได้ยิ่นสิ่งที่หลินเฟิงพูด เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ฉันอยู่บนถนนสายนี้มาหลายปีแล้ว แล้วก็ยังไม่เคยเจอใครที่กล้าสั่งให้ฉันหลีกทางให้”“วันนี้แกก็ได้ยินแล้วนี่”หลินเฟิงยังคงไม่แสดงสีหน้า เมื่อหวงติ่งเห็นแบบนั้น เขาก็โกรธจนสูญเสียการควบคุมในที่สุด เขาคว้าไหล่ของหลินเฟิง และพุ่งหมัดชกเข้าไปตรงท้องของหลินเฟิง“รนหาที่ตายนักนะ! ”รอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏบนขึ้นบนใบหน้าของหวงติ่ง ราวกับว่าเขาจะสามารถเห็นฉากที่ท้องของหลินเฟิงถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ด้วยหมัดที่พุ่งผ่านช่องท้องส่วนล่างของเขาในหมัดเดียว“บูม! ”แต่แล้วก็มีฉากที่เปลี่ยนให้รอยยิ้มบนใบหน้าของหวงติ่งให้กลายเป็นความประหลาดใจเกิดขึ้นหมัดคุนหลุนที่ไร้เทียมทานของเขา ในระยะห่างที่ใกล้ม
พอมาถึงจุดนี้ หลินเฟิงคือคนที่ทำลายแก๊งอันธพาลในตลาดมืดด้วยตัวคนเดียวจางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในบ้านของตระกลูหลี่ที่มีฉนวนกันเสียง บวกกับเสียงฝนตกฟ้าร้อง จึงไม่มีใครได้ยินเสียงการสังหารหมู่อยู่ฝ่ายเดียวที่เกิดขึ้นด้านนอก รวมถึงเสียงกรีดร้องของพวกอันธพาลก็ด้วยพวกเขาคิดว่า แม้ว่าหลินเฟิงจะสู้ได้ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็รับมือกับคนมากมายขนาดนั้นไม่ได้อย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหมัดคุนหลุน หวงติ่งผู้โด่งดังในตลาดมืดเป็นผู้ลงมืออีกต่างหากอดีตสามีที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง คงได้ตายสมใจอยากแล้วไม่ใช่รึไง?จางกุ้ยหลานถึงขั้นนำไวน์แดงลาฟิตต์ที่เตรียมไว้ออกมาล่วงหน้า แล้วเทให้โจวอวี้เฟิ่งและคนอื่น ๆ จากนั้นก็รอฉลองให้กับร่างของหลินเฟิงที่หวงติ่งอุ้มเข้ามา“ซินซิน หนูได้ส่งรูปภาพไปให้ตระกูลถังแล้วหรือยัง? ”จางกุ้ยหลานมองไปทางจางซินจางซินพยักหน้า และพูดด้วยรอยยิ้ม“ว่างใจเถอะค่ะคุณป้า แม้ว่าหนูจะเกลียดถังหว่านมากแค่ไหน แต่ขอแค่เธอได้รู้ว่าคนที่เธอเลี้ยงดูมาแอบเลี้ยงดูนางเด็กสารเลวนั่นอยู่โดยไม่บอกเธอล่ะก็ เธอจะต้องโกรธแน่นอนค่ะ”“แล้วตอนนี้พวกเราก็โยนร่างของหลินเฟิงให้เธอไปด้วย ไม่แ
“หลินเฟิง แกกล้าเหรอ!”จางกุ้ยหลานดูเหมือนคนเสียสติ แต่เพราะเสียงกรีดร้องของหลี่เยว่หรูถึงทำให้เธอได้สติกลับมา“ช่วยฉันด้วย! ฉันเจ็บ! เจ็บจะตายอยู่แล้ว! ”“เร็วเข้า! ”จางกุ้ยหลานชี้ไปทางหลินเฟิง แล้วสาปแช่งเขา“แกมันสัตว์นรก แกรู้มั้ยว่าคนที่แกเพิ่งทำร้ายไปเมื่อกี้คือใคร? เธอคือคนของตระกูลหลี่แห่งเจียงหนาน ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ในเจียงหนาน และเป็นสะใภ้ของผู้นำตระกูลเชียวนะ! ”“ตอนนี้แกก็ปล่อยเยว่หรูอย่างเชื่อฟังซะ แกยังพอจะขอความเมตตาได้ ฉันจะช่วยออกหน้าขอร้อง ให้ไว้ชีวิตแกได้นะ หากขืนแกยังดึงดันต่อไป แกได้ตายสมใจแน่! ”“ฮึ...... ”หลินเฟิงเห็นว่าจางกุ้ยหลานยังคงพูดเพ้อเจ้ออยู่ทั้งที่สถานการณ์ตรงหน้าเป็นแบบนี้ มือของเขาก็ยิ่งออกแรงมากขึ้น สีหน้าของเยว่หรูนั่นเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นทันที“ฮือ ๆ ๆ! ”หลี่เยว่หรูเหยียดฝ่ามือของเธอออกไป ราวกับต้องการขอความช่วยเหลือจากจางกุ้ยหลาน“แม่คะ แม่เลิกขู่เขาได้แล้วค่ะ เขามันบ้าไปแล้ว! ”จางซินคว้าป้าของเธอเอาไว้ แล้วตะโกนใส่สวีเฉียงเพื่อให้ไปเอาตัวของหลินเสวี่ยฮุ่ยออกมาจากห้องใต้ดิน“รีบไปสิ! ถ้ายังไม่ไปล่ะก็ หลี่เยว่หรูได้ตายจริง
“ใช่ครับ ใช่ ๆ ผมคือสวีเฉียง คุณหลิน ก่อนหน้านี้ผมได้ล่วง......”ก่อนที่สวีเฉียงจะทันได้พูดจบ หลินเฟิงก็พุ่งหมัดออกไปหมัดนี้มาพร้อมกับการไหลเวียนของชี่แท้ ราวกับสายฟ้าที่ทะลุผ่านอากาศ ก่อนที่หมัดจะกระแทกเข้าไปที่หน้าอกของสวีเฉียงจนลอยปลิวออกไปร่างใหญ่ของเขากระแทกเข้ากำแพงวิลล่าตระกูลหลี่อย่างแรง ตันเถียนของเขาพังทลาย หน้าอกของเขายุบตัวลง ลูกตากลอกเป็นสีขาวเห็นได้ชัดว่ามีลมออกมาเยอะมาก แต่ลมที่เข้าไปกลับมีน้อย“ว้าย——!”เมื่อเห็นว่าสวีเฉียงถูกหลินเฟิงต่อยตัวปลิว จางซินก็กรีดร้องออกมา เอามือกุมหัวตัวเองเอาไว้แล้วคุกเข่าลงกับพื้น จากนั้นเธอก็ไม่กล้าพูดจากรุนแรงออกมาอีกเธอไม่เหมือนกับป้าของเธอ เธอได้เห็นตัวตัวตนของหลินเฟิงอย่างแท้จริงเขาฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา ถ้าขืนตัวเองยังกล้าพูดออกไปอีก คนต่อไปที่จะต้องตายก็คงเป็นเธอ“หลินเฟิง แก! ”จางกุ้ยหลานทั้งโกรธและหวาดกลัว เธอชี้ไปทางหลินเฟิงด้วยนิ้วที่สั่นเทา พร้อมกับสาปแช่ง “ดีนี่ แกมันพวกตาขาว ไม่เพียงแค่ไม่รักษาให้เยว่หรู วันนี้แกถึงขั้นกล้ามาก่อความวุ่นวายในวิลล่าตระกูลหลี่อีก! ”“แล้วฆ่าคนต่อหน้าพวกเราอีก! ”“ตระกูลหลี่แห่งเจ
“เธอเพิ่งเข้าสู่สังคม คงไม่เข้าใจกฎระเบียบภายในโรงพยาบาลใช่ไหม?”“ลองถามพี่เขยผมดูสิ เขาได้ค่าคอมมิชชั่นจากเครื่องจักรแต่ละเครื่องหลายแสนถึงหลายล้าน เธอเป็นแค่แพทย์ จะได้เงินเท่าไหร่?”“มาอยู่กับผม ผมจะแนะนำเธอให้กับพี่เขยผม แค่ทำอะไรไปนิดหน่อยก็พอจะซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยูได้แล้ว”คำพูดของตู้จิ่นเชาทำให้หลินเสวี่ยฮุ่ยเข้าใจ“มิน่าล่ะ จำนวนและราคาของเครื่องจักรที่ซื้อมาใหม่ของแผนกผู้ป่วยในไม่ตรงกัน...”หลินเสวี่ยฮุ่ยพึมพำถ้าผู้จัดการฉีอยู่ที่นี่ ได้ยินคำพูดของหลานชายเล่าเรื่องของเขาออกมาอย่างละเอียดเขาก็จะโกรธจนตบตู้จิ่นเชาอย่างแน่นอนน่าอนาถจริงๆ!“ขอบคุณสำหรับข้อมูล”หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่ได้ก้มหัว แต่ชี้ไปที่ตู้จิ่นเชาแล้วพูดว่า“ฉันเตือนคุณครั้งที่สอง ปล่อยคนไข้ไป ไม่เช่นนั้นฉันจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลแล้วนะ!”“หือ?”เมื่อเห็นว่าเด็กสาวคนนี้ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ตู้จิ่นเชาก็เริ่มไม่พอใจ ขมวดคิ้วแล้วตะโกนว่า“สาวน้อย ผมคือคุณชายตู้ ไปถามคนอื่นดูสิ ผมเป็นคนสำคัญในเมืองเจิ้งเต๋อ เธอเป็นใครกัน?”“ให้เกียรติเธอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญหรือไง?”“วันนี้ผม
“แต่การกระทำแบบนี้ของคุณ ก็คือการขอตาย”ตู้จิ่นเชาหัวเราะเยาะ หมุนข้อเท้าไปมา เสียงร้องของพ่อหวังลี่ลี่ก็ยิ่งเจ็บปวดหนักขึ้นแต่ชายชราคนนี้ก็เข้มแข็งมากถึงแม้จะเหงื่อท่วมหน้า ร้องโอดโอย ก็ไม่ขอความเมตตาแม้แต่คำเดียว“พอได้แล้ว!”เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยทนไม่ไหวอีกต่อไปเธอผลักประตูเข้าไปในห้องผู้ป่วยพิเศษ ยืนนิ่งอยู่กับที่ หน้าซีดเผือด ตะโกนด้วยความโกรธ“พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่?”“โรงพยาบาลเป็นที่ที่พวกคุณจะทำร้ายผู้คนหรือไง?”ตกใจกับเสียงประตูที่เปิดออกอย่างไม่คาดคิด เมื่อตู้จิ่นเชากลับมารู้สึกตัว เขาก็หันไปมอง แล้วก็ตาเป็นประกายหญิงสาวสวยหน้าเด็ก สวมเสื้อชั้นในสีดำ กางเกงขายาวแนบเนื้อ สวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาดอยู่ด้านหลังริมฝีปากสีแดงสด ดวงตาสดใส คิ้วขมวดเล็กน้อย ยิ่งเพิ่มความสว่างไสวและความยุติธรรม“โอ้?”เมื่อเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย ตู้จิ่นเชาแทบจะน้ำลายไหลถึงแม้หลินเสวี่ยฮุ่ยจะไม่สวยราวกับนางฟ้าอย่างหลี่ฮุ่ยหราน แต่เธอก็เป็นดาวมหาวิทยาลัยเจียงโจวเป็นคนที่เห็นแล้วจะลืมไม่ลงตู้จิ่นเชาที่หื่นมาก เมื่อเห็นหลินเสวี่ยฮุ่ย ก็ลืมหวังลี่ลี่ไปเลย“คุณมองฉันทำไม?
“หวังลี่ลี่ ถ้าคุณไม่มาเจอผมที่โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อภายในครึ่งชั่วโมง พ่อของคุณจะถูกไล่ออกจากโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อทันที”“คุณตัดสินใจเองเถอะ!”“ตู้ด...ตู้ด...ตู้ด...”ตู้จิ่นเชาตัดสายไป หวังลี่ลี่รู้สึกวิตกกังวลและหวาดกลัวถ้าเธอไม่ไปจริงๆตู้จิ่นเชาอาจจะทำแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ขณะที่หวังลี่ลี่รีบไปโรงพยาบาล หลินเฟิงก็เดินออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการพอดีวันนี้เขาไปดูงานของหลินเสวี่ยฮุ่ยและอธิบายกรณีพิเศษและโรคที่ยากจะรักษาให้กับหลินเสวี่ยฮุ่ยและหมอเทวดาเลี่ยวที่เฝ้าดูอยู่ที่นี่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หมอเทวดาเลี่ยวได้เรียนรู้มากมายเขาประทับใจอย่างมากที่ได้อาจารย์ที่ดีแบบนี้ถึงแม้จะยังหนุ่ม แต่ทั้งประสบการณ์ ความรู้ และทักษะ ก็เหนือกว่าเขาในที่สุดเขาก็เริ่มอายที่จะถามหลินเฟิงว่า อายุมากขนาดนี้ยังสามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้อีกหรือไม่เพราะว่าวิชาการแพทย์ชั้นสูงหลายอย่างจำเป็นต้องใช้ร่วมชี่แท้กับพลังภายในหลินเฟิงมองเขา แล้วส่ายหัวอายุมากขนาดนี้ แค่ชกหมัดเดียวก็อาจจะปวดเอวได้ ให้หมอเทวดาเลี่ยวฝึกศิลปะการต่อสู้ นั่นไม่ใช่การทำร้ายเขาหรือ?เมื่อเห็นท่าทางของ
“พ่อค่ะ”หวังลี่ลี่ชะงักไป แล้วก้มหน้าถอนหายใจพูดว่า:“หนูกับหลินเฟิงไม่ใช่คนโลกเดียวกันค่ะ หนูเป็นแค่พนักงานขายรถ แต่เขาเป็นผู้มีพระคุณของคุณเผิงกวงฉี่ และเป็นนักสู้ด้วย”“หนูไม่คู่ควรกับเขาหรอกค่ะ”“ฮ่าๆ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราก็หัวเราะ“พวกเธอบังเอิญเจอกันถึงสองครั้ง นี่ไม่ใช่สัญญาณของโชคชะตาหรือ?”“ถ้ามีโชคชะตา ก็จงพยายามดู”“ได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากัน”เมื่อได้ยินคำสั่งสอนของพ่อ หวังลี่ลี่จึงพยักหน้า“หนูรู้แล้วค่ะ”จากนั้น หวังลี่ลี่มองนาฬิกาข้อมือ แล้วพูดกับพ่อว่า:“พ่อค่ะ หนูต้องไปทำงานแล้วค่ะ บ่ายนี้หนูต้องไปที่บ้านคุณหลินเพื่อจัดการเรื่องซื้อรถให้เสร็จ”“ดีๆๆ ไปได้แล้ว”ชายชรายิ้มอย่างพอใจ แล้วพูดว่า“อย่าลืมคำสั่งสอนของพ่อเมื่อกี้นะ”“หนูรู้แล้วค่ะ”หวังลี่ลี่รู้สึกขำกลั้นไม่อยู่ เมื่อเดินออกจากห้องพัก เธอดูที่อยู่จากกระเป๋าเอกสาร ใบหน้าแสดงถึงความผิดหวังเธอเองก็อยากจะเข้าใกล้หลินเฟิงแต่ความเป็นจริงโหดร้ายเกินไป เธอไม่คู่ควรกับเขาหลังจากที่สืบหาข้อมูลมาหลายทางเธอรู้มาว่ารอบๆ ตัวหลินเฟิงมีทั้งประธานหลี่ซื่อกรุ๊ปและคุณหนูตระกูลถังเธอไม่มีโอกาสเลยสัก
ถ้าให้ฟ่านอู๋จี๋คนแก่คนนั้นเลี้ยงดูเธอด้วยการทำนาย ก็คงจะเป็นไปไม่ได้“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”จ้าวเฉียวอวิ๋นเห็นเด็กสาวกินเยอะขนาดนี้ เธอกลับเป็นคนที่ดีใจที่สุด รีบลุกขึ้นไปทำกับข้าวใหม่อาอวี๋ก็ไปช่วยทุกคนต่างก็ตักข้าวของตัวเองให้ฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็กินอย่างไม่ลังเล กินอย่างรวดเร็ว กินอย่างมีความสุขไม่รู้ว่าร่างกายเล็กๆของเธอสามารถบรรจุอาหารได้มากขนาดนี้ได้อย่างไร กระเพาะอาหารของเธอดูเหมือนหลุมดำ กินข้าวทั้งถังลงไป กลับไม่มีอาการอะไรเลย“เธอคือประมุขคนต่อไปของสำนักโม่ซวี...เวทมนตร์ที่ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา...”หลินเฟิงขมวดคิ้วคิดบางทีเขาอาจจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฟ่านหลิงเยว่ถึงกินเก่งขนาดนี้.........สองวันผ่านไปโรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อในห้องผู้ป่วยหนัก ชายชราผมหงอกกำลังมองลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความกังวล“พ่อ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องเงินเลยค่ะ”ลูกสาวคนนั้นก็คือหวังลี่ลี่เธอพยายามปลอบใจพ่อ จับมือพ่อ ยิ้มทั้งน้ำตาพูดว่า“หนูได้พบกับผู้มีพระคุณค่ะ”“เขาช่วยให้หนูได้เป็นผู้จัดการโชว์รูมรถยนต์ ตอนนี้หนูมีรายได้มากพอที่จะรักษาพ่อได้แล้วค่ะ ต่อไปนี้พ่ออย่ากังวลเรื่
“ได้ครับ”หลินเฟิงพยักหน้าประมาณห้านาทีต่อมา หวังลี่ลี่ก็วิ่งมาด้วยท่าทางนอบน้อมพร้อมกุญแจรถ“คุณหลินคะ ตอนนี้คุณสามารถขับรถคันนี้ไปได้เลยค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราจะไปจัดการที่บ้านคุณค่ะ”ท่าทางของหวังลี่ลี่นอบน้อมอย่างมากเธอเพียงแค่โทรศัพท์ไปหาผู้อำนวยการของเผิงกวงกรุ๊ปในเมืองเจิ้งเต๋อ ผู้อำนวยการก็รีบร้อนไปขออนุญาตจากเผิงกวงฉี่ราวกับไฟไหม้ก้นคำตอบที่ผู้อำนวยการได้รับจากเผิงกวงฉี่มีเพียงประโยคเดียว“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ให้ตอบสนองอย่างเต็มที่”ผู้อำนวยการที่ได้รับคำสั่งจากเผิงกวงฉี่จึงไม่กล้าประมาท รีบเร่งทำให้ขั้นตอนต่างๆ ง่ายที่สุดโดยให้หวังลี่ลี่ส่งกุญแจรถให้หลินเฟิงโดยตรงความเร็วและท่าทีเช่นนี้ทำให้หวังลี่ลี่รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ขอบคุณครับ”หลินเฟิงเปิดประตูรถ ขึ้นรถ แล้วสตาร์ทรถบูกัตติ เวียร์รอนคันเรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาคันนี้เมื่อเครื่องยนต์ 16 สูบถูกสตาร์ท บรรยากาศในล็อบบี้ทั้งหมดก็ถูกกดทับลงทันทีรถยนต์ต่างๆ ที่ถูกจัดแสดงและจำหน่ายในบริเวณที่รอเมื่อเทียบกับบูกัตติ เวียร์รอนสีดำแดงคันนี้แล้ว ก็ดูด้อยกว่าไปในทันทีราวกับมังกรสีดำแดงตัวใหญ่
ถึงขั้นที่สามารถตัดสินใจอนาคตของบุคคลผู้นี้ในเผิงกวงกรุ๊ปได้ อำนาจของเขายิ่งใหญ่อย่างมาก“ที่...ที่แท้...ที่แท้คือ...คุณหลิน”หลินเฟิงคือเจ้าของบัตรทองใบนี้เท่านั้นทั้งเผิงกวงกรุ๊ป บัตรทองนี้เพิ่งปรากฏเป็นครั้งแรก ตอนที่เผิงกวงฉี่ได้มอบให้แก่ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้เรื่องนี้ภายในเผิงกวงกรุ๊ปต่างก็รับรู้กันดีแต่ผู้จัดการเสิ่นยังไม่ทันได้สืบหาข้อมูลของหลินเฟิง จึงไม่รู้จักหลินเฟิงด้วยซ้ำแต่เมื่อได้เห็นบัตรใบนี้ในวันนี้ เขาก็ได้รู้ว่า แท้จริงแล้วชายตรงหน้าที่เขาเคยมองว่าเป็น “เป็นคนที่ตามจีบหวังลี่ลี่แบบไร้ศักดิ์ศรี” นั้นกลับเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเผิงกวงฉี่ไว้หลินเฟิง ผู้ถือบัตรทองเพียงหนึ่งเดียวของเผิงกวงกรุ๊ป !ผู้จัดการเสิ่นตกใจจนขาอ่อน ล้มลงกับพื้นทันทีแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะนิ่งเฉยจึงพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ใช้ความพยายามอย่างมากมาย จึงดึงบัตรทองออกจากผนังได้ และส่งคืนให้หลินเฟิงด้วยมือที่สั่นเทา“คุณหลินครับ ผม...ผมหลงเชื่อคำนินทา จึงดูถูกคน ผมมัน...ผมสมควรตาย”ผู้จัดการเสิ่นคุกเข่าลงที่หน้าหลินเฟิง ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวส่วนหลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก
“ที่แท้....ที่แท้ก็เป็นคุณนั่นเอง!”“ฉัน...ฉันจำได้แล้ว ฉัน...ฉันดูถูกคนอื่น โปรดยกโทษให้ฉัน โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”ในขณะนี้เอง ที่สุดท้าแล้วยคุณชายตู้ก็เข้าใจถึงตัวตนของหลินเฟิงเขาควรที่จะไปล่วงเกินคนที่สามารถประลองกับคุณชายเฝิงอวี้อู่ได้งั้นเหรอ?ทันใดนั้น เขาก็คุกเข่าลงเสียงดัง ตุบ ต่อหน้าคนทั้งหมด และก้มหน้าให้หลินเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับขอร้องและร้องไห้เสียงดังลั่นเขากลัวจริงๆนะ!เมื่อเทียบกับผู้จัดการเสิ่น ชายลึกลับผู้นี้ที่ว่ากันว่าสามารถฆ่านักบู๊ของตระกูลเฝิงได้มากกว่าสามสิบคนคนในลมหายใจเดียว!และเมื่อพิจารณาจากความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี ครอบครัวเฝิงก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับเขาได้เช่นกันน่ากลัวยิ่งกว่าตระกูลเฟิงอีกคุณชายตู้นึกถึงหลายๆ อย่างได้ในทันที ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเบื้องหลังของหลินเฟิงนั้นไม่ธรรมดาก่อนจะตกใจอย่างมาก แล้วรีบคุกเข่าลงขอความเมตตาเมื่อเห็นคุณชายตู้คุกเข่าลงและร้องขอความเมตตา ผู้จัดการเสิ่นที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย"แกมัน......"ผู้จัดการเสิ่นมองดูร่างของลูกน้องที่นอนอยู่บนพื
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า