ถังหว่านพาคนบุกเข้ามายังตระกูลหลี่ ทันทีที่มาถึง เธอก็เห็นกองศพกระจัดกระจายอยู่เต็มลานหน้าบ้าน ใจของเธอเต้นแรง ทั้งยังได้ยิ่นเสียงปืนดังขึ้นมาจากในตัวตึกอีกหลังจากที่เธอพาฉินอิ๋งเข้าไปในวิลล่าตระกูลหลี่แล้ว ถังได้เห็นร่างของหลี่เยว่หรูถูกยัดอยู่ตรงมุมห้อง แล้วก็ยังมีจางซินที่นั่งกุมหัวตัวเองเอาไว้นอกจากนี้ยังมีโจวอวี้เฟิ่งที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น แล้วก็จางกุ้ยหลานที่ถือแจกันเอาไว้ในมือพร้อมกับสีหน้าที่ดูซีดเซียว“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เสวี่ยฮุ่ยอยู่ที่ไหน? ! ”จางกุ้ยหลานกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง ทันทีที่เห็นถังหว่านที่กำลังจ้องมองเธออยู่ เธอก็รู้สึกราวกับว่าดาวช่วยชีวิตของเธอมาถึงแล้วเธอฝืนยิ้มแล้วพูดกับถังหว่านออกไปว่า“คุณถังคะ คุณ......คุณรู้มั้ยคะว่าหลินเฟิงน่ะ หลินเฟิงเขา......เขาแอบเลี้ยงดูนางเด็ก...... ”“ผลัวะ! ”ถังหว่านไม่คิดที่จะฟังจางกุ้ยหลาน เธอตบเข้าไปที่ขมับทันที“น้องสาวของฉัน หลินเสวี่ยฮุ่ยอยู่ที่ไหน? ”“หากเกิดอะไรขึ้นกับเสวี่ยฮุ่ยล่ะก็ ฉันจะเอาชีวิตของพวกแกทุกคน! ”เมื่อเผชิญกับความโกรธของถังหว่าน จางกุ้ยหลานก็รู้สึกหวาดกลัวมาก ไม่กล้าแม้แต่จะปริป
“คนดี ๆ ไม่ควรมีจุดจบแบบนี้”“ใช่แล้ว คนดี ๆ ไม่ควรที่จะมีจุดจบเช่นนี้”ถังหว่านเองก็ถอนหายใจเช่นกันหลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ถังหว่านก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงถามหลินเฟิง พร้อมกับมองไปทางหลินเฟิง “หลี่ฮุ่ยหราน เธอล่ะ? เธอรู้รึเปล่าว่าเสวี่ยฮุ่ยถูกจางกุ้ยหลานลักพาตัวไป? ”“ผมเองก็ไม่รู้” หลินเฟิงส่ายหัว“อย่างงั้นเหรอ...... ”หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ถังหว่านก็ยืนขึ้น และจูบหน้าผากของหลินเฟิงเบา ๆ เธอลูบหัวของหลินเฟิงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม“ถ้าเช่นนั้น ผู้คุ้มกันหลินเฟิง ฉันในฐานะประธานกรรมการของบริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง ฉันอนุญาตให้คุณหยุดงานหนึ่งสัปดาห์เป็นกรณีพิเศษ หลังจากหนึ่งสัปดาห์แล้ว จะต้องกลับมาทำงานพร้อมกับความสดใสนะ”“ฮึ...... ” หลินเฟิงหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา “ขอบคุณมานะ ถังหว่าน”“ฮึ ๆ การดูแลสุขภาพของพนักงาน เป็นส่วนหนึ่งของงานของฉันในฐานะหัวหน้า เอาล่ะ มีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันมานะ”ถังหว่านยิ้มเล็กน้อยพลางเดินออกจากห้องของหลินเฟิง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่เปิดประตูจะพบเข้ากับหลินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังพยายามเงี่ยหูแอบฟังอยู่“เสวี่ยฮุ่ย ที่เธอกำลังทำอะไรอยู
อีกทั้งยังใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของตัวเอง เพื่อขอร้องให้หลินเฟิงไว้ชีวิตตระกูลหลี่“ขอแค่จากนี้ไปตระกูลหลี่ไม่มายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก งั้นฉันก็ขี้เกียจที่จะไปคิดบัญชีกับพวกเขาด้วยเหมือนกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นนไป ฉัน หลินเฟิง จะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกันอีก”นี่ก็เป็นความปรารถนาสุดท้ายของคุณปู่ด้วยเช่นกันสุดท้ายคุณปู่ก็เข้าใจตระกูลหลี่ในตอนนี้ ไม่คู่ควรกับหลินเฟิงเลยด้วยซ้ำไม่เหมือนกับสิ่งที่จางกุ้ยหลานพูด ที่บอกว่าหลินเฟิงไม่คู่ควรกับหลี่ฮุ่ยหราน แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานต่างหากที่ไม่คู่ควรกับหลินเฟิงหลังทานอาหารเช้าเสร็จ หลินเฟิงก็เริ่มฝึกซ้อมตามปกติหลังจากที่เขาฝึกซ้อมจนเสร็จแล้ว เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นพอดีเป็นเหยาปินที่โทรมา“เหยาปินเหรอ? โทรหาฉันมีเรื่องอะไร? ”หลินเฟิงรับสายโทรศัพท์ และเสียงเร่งด่วนของเหยาปินก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง“อาจารย์หลิน......เอ้ย ไม่ใช่ คุณหลินครับ เกิดเรื่องขึ้นแล้วครับ! ”“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้ตื่นตระหนกขนาดนี้? ” หลินเฟิงขมวดคิ้ว“โอวหยางชิ่งครับ! ”“โอวหยางชิ่ง......เธอหนีไปแล้ว! ”“หนีไปแล้วงั้นเหรอ? ” สีหน
เป็นอย่างที่หลินเฟิงคิดโอวหยางชิ่งไม่ได้ติดต่อกับตระกูลเซี่ยงเลยด้วยซ้ำ เธอหนีกลับไปที่สำนักเสินฉือตามลำพังด้วยความลำบากใจเธออาศัยฐานะลูกสาวของผู้อาวุโสของเธอ ทันทีที่เธอกลับมาที่สำนัก เธอก็เริ่มอ่านบันทึกของสำนักต่าง ๆ อย่างไม่หยุดยั้งทันทีที่เธอพบสาเหตุของเมื่อสามปีก่อนที่สำนักเสวียนเทียนถูกทำลาย ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความโลภทันทีหยวนชี่ทั้งห้ากลายเป็นอมตะ!โอกาสที่จะกลายเป็นอมตะอยู่ตรงหน้าเธอแล้วเมื่อเทียบกับสิ่งล่อตาล่อใจที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นอมตะ คนไร้ค่าอย่างเซี่ยงหลงน่ะเหรอจะมาเทียบได้?ว่ากันว่าทั้งสองเป็นแค่แฟนกันเท่านั้น กระทั่งยังไม่ได้แต่งงานกันเลยด้วยซ้ำเธอจะปล่อยโอกาสนี้ไปตกอยู่ในมือของสำนักจิ่วเซียวได้อย่างไร?พอนึกถึงเรื่องนี้ โอวหยางชิ่งก็เริ่มที่จะเลี่ยงขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่ศิษย์น้องของเธอด้วยเช่นกัน เธอก้าวเดินเข้าไปในห้องใต้หลังคาของพ่อเธอ ที่ซึ่งเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักเสินฉือ พร้อมกับร้อยยิ้มที่ดูมีเลศนัย......ไดนาสตี้บาร์ในเจียงหลิงร่างที่สวยงามสวมชุดสีดำ เผยให้เห็นแผ่นหลังสีขาวราวหิมะของเธอ กำลังนอนอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์อย่างเมามาย
เธอควักปึกกระดาษที่เรียบร้อยออกมา ฟาดมันลงบนบาร์ แล้วพูดแบบติด ๆ ขัด ๆ “รับไปสิ นี่คือพินัยกรรมของคุณปู่ ด้วยพินัยกรรมฉบับนี้ พวกคุณก็จะได้กลับคืนสู่สถานะตระกูลหลี่แห่งเจียงหนานที่พวกคุณฝันถึงได้แล้ว”จางซินมองไปรอบ ๆ สายตามองที่พินัยกรรมพร้อมกับมือที่ยื่นออกไปคว้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ค่ะ ดูสิว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่ พินัยกรรมของคุณปู่ไม่สำคัญเลยสักนิด พวกเราก็แค่เป็นห่วงพี่นะคะ”“นั่นสิ” จางกุ้ยหลานขมวดคิ้ว “ลูกแม่ ถ้าขืนลูกยังปล่อยตัวแบบนี้อยู่ เธอยังคงเสื่อมโทรมต่อไป หลี่ซื่อกรุ๊ปก็จะ...... ”“ป้าจางครับ ซินซิน”ในเวลานี้ ก็มีชายร่างสูงสวมชุดสูทเดินเข้ามาจากทางประตูบาร์ จางกุ้ยหลานมองแวบหนึ่งแล้วรีบปิดปากของเธอทันที ราวกับว่าเธอเห็นผู้ช่วยชีวิตของเธอเข้าให้แล้ว“คุณชายกู่ ในที่สุดคุณก็มาสักที คุณช่วยโน้มน้าวฮุ่ยหรานทีเถอะ พวกเราโน้วน้าวเธอมาตั้งนานแล้วก็ไม่มีประโยชน์”“เอาเถอะครับป้าจาง ทุกคนกลับไปก่อนเถอะนะครับ ฮุ่ยหรานเดี๋ยวผมจัดการเอง”ที่แท้คนที่มาก็คือกู้เฉิน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อมองดูหลี่ฮุ่ยหรานที่จมอยู่กับความทนทุกข์แบบนี้ ร่องรอยของความน่ารังเกียจที
ตัดจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดออก ทำให้ภาพของหลินเฟิงจากกล้องวงจรปิดดูเหมือนจงใจลวนลามหลี่เยว่หรูเป็นอย่างที่คิด ทันทีที่เอาให้จางกุ้ยหลานและโจวอวี้เฟิ่งดู พวกเธอก็เกือบจะกลายเป็นบ้าไปแล้วถึงได้ทำให้พวกเธอตามไปสร้างปัญหาให้กับหลินเฟิงถึงอ่าวเทียนสุ่ย“ฮุ่ยหราน ต่อให้คุณจะไม่เชื่อผม แต่คุณเองก็น่าจะเชื่อเทคโนโลยีปัจจุบันอยู่ใช่ไหมล่ะ? ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพของอดีตสามีคุณที่กำลังทำเรื่องที่ไม่ควรอยู่ได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ นี่คุณยังจะปกป้องเขาอยู่อีกเหรอ นี่มันไม่ยุติธรรมเกินไปรึเปล่า? ”กู้เฉินจงใจเปลี่ยนสีหน้าให้ดูน่าสงสารแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะส่ายหัว พูดขึ้นพร้อมกับโบกมือให้ “กู้เฉิน ภาพจากกล้องวงจรปิดที่คุณให้ฉันดูมันค่อนข้างพร่ามัวมากเลยไม่ใช่รึไง? ”“แล้วยังไง? ”ใบหน้าของกู้เฉินเริ่มกระตุก เขาพูดออกมาอย่างเหยียดหยาม “หรือต่อให้อดีตสามีของคุณจะเป็นหมอเทวดา แต่ก่อนหน้านี้เยว่หรูกับป้าอวี้เฟิ่งก็เคยล่วงเกินเขา แล้วตอนนั้นเขาก็เป็นคนพูดเองนี่ ว่าจะไม่รักษาให้เยว่หรูแล้วไม่ใช่รึไง? ”“คุณเองก็เห็นกับตาแล้ว นี่ยังจะเป็นเรื่องเท็จได้อยู่อีกงั้นเหรอ? ”เมื่อหลี่ฮุ่ยหราน
กู้เฉินโบกมือตบเข้าที่ขมับของหลี่ฮุ่ยหราน จนทำให้ดวงดาวปรากฏในดวงตาของหลี่ฮุ่ยหราน“ไม่ยอมดื่มสุราคารวะ กลับชอบสุราลงทัณฑ์! พาตัวไป! ”ในขณะที่หลี่ฮุ่ยหรานถูกพาตัวขึ้นรถบีเอ็ม ก็มีรถมายบัคคันหนึ่งวิ่งเข้ายังลานจอดรถของไดนาสตี้บาร์“หลินเฟิง อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานศพของคุณปู่ตระกูลหลี่แล้ว คุณจะไปร่วมงานด้วยไหม? ”ตรงที่นั่งข้างคนขับ ถังหว่านที่สวมเดรสสีม่วง พร้อมกับรูปร่างที่ยั่วยวน ก็มองไปทางหลินเฟิง“ไป”หลังจากผ่านไปสามวัน หลินเฟิงก็จัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้เขาพยักหน้าและพูดออกไปว่า“คุณปู่คือผู้มีพระคุณของผม ไม่ว่าตระกูลหลี่จะเป็นยังไง ผมก็จะไปส่งคุณปู่เป็นครั้งสุดท้ายอยู่ดี”“อืม”ถังหว่านพยักหน้า ในขณะที่เธอกำลังหัวเราะและพูดคุยกับหลินเฟิงเกี่ยวกับเครื่องดื่มที่กำลังจะสั่งในบาร์อยู่นั้น เธอก็ขมวดคิ้ว และสังเกตเห็นรองเท้าส้นสูงที่หล่นอยู่กลางลานจอดรถนี่มันค่อนข้างจะผิดปกติไปหน่อย“ทำไมตรงนี้ถึงมีรองเท้าส้นสูงหล่นอยู่ได้...... ”ในฐานะผู้หญิง ความรู้สึกของถังหว่านมักจะไวต่อเสื้อผ้าและเครื่องสำอางมาก พอเธอเห็นขนาดและสไตล์ของรองเท้าส้นสูงข้างนี้ เธอก็ขมวดคิ้วทันทีรา
“ทำไม? นี่คุณไม่สนใจหลี่ฮุ่ยหรานแล้วจริง ๆ น่ะเหรอ? ”พอถังหว่านเห็นว่าหลินเฟิงขับรถเข้าไปในลานจอดรถแบบไม่แยแส เธอก็กระพริบตาทันทีหลินเฟิงไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ขับรถเข้าไปจอด ลงจากรถ แล้วเดินตรงไปที่ประตูของไดนาสตี้บาร์“นี่ยังโกรธอยู่เหรอ? ”ถังหว่านขวางทางของหลินเฟิง และพูดด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าฉันจะถือว่าหลี่ฮุ่ยหรานเป็นคู่ต่อสู้ของฉัน แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันน่าเบื่อถ้าชนะเธอเพราะแบบนี้ ไปเถอะ ขึ้นรถ”“ยังไงซะ ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าตระกูลกู้แห่งเจียงหนานกำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่”“ถ้าคุณอยากไปก็ไปเถอะ” หลินเฟิงกำลังจะเดินอ้อมถังหว่านเข้าไป แต่ก็กลับถูกถังหว่านรั้งเอาไว้“การที่คุณวิ่งหนีแบบนี้มันแก้ปัญหาไม่ได้หรอกนะ ถ้าคุณไม่ตามฉันไป แล้วถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน บอดี้การ์ดแบบคุณก็แบกรับเอาไว้ไม่ไหวหรอกนะ”เมื่อเห็นดวงตาที่สวยงามของถังหว่านที่ยิ้มพร้อมกับสีหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ หลินเฟิงจึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้แพ้ให้ผู้หญิงคนนี้แล้วจริง ๆครั้งนี้ถังหว่านเป็นคนขับรถ ไม่นานก็ตามรถบีเอ็นทัน รถหยุดอยู่ตรงทางแยกเพื่อรอสัญญาณไฟจราจร“นี่พวกเขาจะไปไหนกัน? ”“ไร้สาระ”
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน