อีกทั้งยังใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของตัวเอง เพื่อขอร้องให้หลินเฟิงไว้ชีวิตตระกูลหลี่“ขอแค่จากนี้ไปตระกูลหลี่ไม่มายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก งั้นฉันก็ขี้เกียจที่จะไปคิดบัญชีกับพวกเขาด้วยเหมือนกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นนไป ฉัน หลินเฟิง จะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ต่อกันอีก”นี่ก็เป็นความปรารถนาสุดท้ายของคุณปู่ด้วยเช่นกันสุดท้ายคุณปู่ก็เข้าใจตระกูลหลี่ในตอนนี้ ไม่คู่ควรกับหลินเฟิงเลยด้วยซ้ำไม่เหมือนกับสิ่งที่จางกุ้ยหลานพูด ที่บอกว่าหลินเฟิงไม่คู่ควรกับหลี่ฮุ่ยหราน แต่เป็นหลี่ฮุ่ยหรานต่างหากที่ไม่คู่ควรกับหลินเฟิงหลังทานอาหารเช้าเสร็จ หลินเฟิงก็เริ่มฝึกซ้อมตามปกติหลังจากที่เขาฝึกซ้อมจนเสร็จแล้ว เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นพอดีเป็นเหยาปินที่โทรมา“เหยาปินเหรอ? โทรหาฉันมีเรื่องอะไร? ”หลินเฟิงรับสายโทรศัพท์ และเสียงเร่งด่วนของเหยาปินก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง“อาจารย์หลิน......เอ้ย ไม่ใช่ คุณหลินครับ เกิดเรื่องขึ้นแล้วครับ! ”“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้ตื่นตระหนกขนาดนี้? ” หลินเฟิงขมวดคิ้ว“โอวหยางชิ่งครับ! ”“โอวหยางชิ่ง......เธอหนีไปแล้ว! ”“หนีไปแล้วงั้นเหรอ? ” สีหน
เป็นอย่างที่หลินเฟิงคิดโอวหยางชิ่งไม่ได้ติดต่อกับตระกูลเซี่ยงเลยด้วยซ้ำ เธอหนีกลับไปที่สำนักเสินฉือตามลำพังด้วยความลำบากใจเธออาศัยฐานะลูกสาวของผู้อาวุโสของเธอ ทันทีที่เธอกลับมาที่สำนัก เธอก็เริ่มอ่านบันทึกของสำนักต่าง ๆ อย่างไม่หยุดยั้งทันทีที่เธอพบสาเหตุของเมื่อสามปีก่อนที่สำนักเสวียนเทียนถูกทำลาย ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความโลภทันทีหยวนชี่ทั้งห้ากลายเป็นอมตะ!โอกาสที่จะกลายเป็นอมตะอยู่ตรงหน้าเธอแล้วเมื่อเทียบกับสิ่งล่อตาล่อใจที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นอมตะ คนไร้ค่าอย่างเซี่ยงหลงน่ะเหรอจะมาเทียบได้?ว่ากันว่าทั้งสองเป็นแค่แฟนกันเท่านั้น กระทั่งยังไม่ได้แต่งงานกันเลยด้วยซ้ำเธอจะปล่อยโอกาสนี้ไปตกอยู่ในมือของสำนักจิ่วเซียวได้อย่างไร?พอนึกถึงเรื่องนี้ โอวหยางชิ่งก็เริ่มที่จะเลี่ยงขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่ศิษย์น้องของเธอด้วยเช่นกัน เธอก้าวเดินเข้าไปในห้องใต้หลังคาของพ่อเธอ ที่ซึ่งเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักเสินฉือ พร้อมกับร้อยยิ้มที่ดูมีเลศนัย......ไดนาสตี้บาร์ในเจียงหลิงร่างที่สวยงามสวมชุดสีดำ เผยให้เห็นแผ่นหลังสีขาวราวหิมะของเธอ กำลังนอนอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์อย่างเมามาย
เธอควักปึกกระดาษที่เรียบร้อยออกมา ฟาดมันลงบนบาร์ แล้วพูดแบบติด ๆ ขัด ๆ “รับไปสิ นี่คือพินัยกรรมของคุณปู่ ด้วยพินัยกรรมฉบับนี้ พวกคุณก็จะได้กลับคืนสู่สถานะตระกูลหลี่แห่งเจียงหนานที่พวกคุณฝันถึงได้แล้ว”จางซินมองไปรอบ ๆ สายตามองที่พินัยกรรมพร้อมกับมือที่ยื่นออกไปคว้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ค่ะ ดูสิว่าพี่กำลังทำอะไรอยู่ พินัยกรรมของคุณปู่ไม่สำคัญเลยสักนิด พวกเราก็แค่เป็นห่วงพี่นะคะ”“นั่นสิ” จางกุ้ยหลานขมวดคิ้ว “ลูกแม่ ถ้าขืนลูกยังปล่อยตัวแบบนี้อยู่ เธอยังคงเสื่อมโทรมต่อไป หลี่ซื่อกรุ๊ปก็จะ...... ”“ป้าจางครับ ซินซิน”ในเวลานี้ ก็มีชายร่างสูงสวมชุดสูทเดินเข้ามาจากทางประตูบาร์ จางกุ้ยหลานมองแวบหนึ่งแล้วรีบปิดปากของเธอทันที ราวกับว่าเธอเห็นผู้ช่วยชีวิตของเธอเข้าให้แล้ว“คุณชายกู่ ในที่สุดคุณก็มาสักที คุณช่วยโน้มน้าวฮุ่ยหรานทีเถอะ พวกเราโน้วน้าวเธอมาตั้งนานแล้วก็ไม่มีประโยชน์”“เอาเถอะครับป้าจาง ทุกคนกลับไปก่อนเถอะนะครับ ฮุ่ยหรานเดี๋ยวผมจัดการเอง”ที่แท้คนที่มาก็คือกู้เฉิน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อมองดูหลี่ฮุ่ยหรานที่จมอยู่กับความทนทุกข์แบบนี้ ร่องรอยของความน่ารังเกียจที
ตัดจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดออก ทำให้ภาพของหลินเฟิงจากกล้องวงจรปิดดูเหมือนจงใจลวนลามหลี่เยว่หรูเป็นอย่างที่คิด ทันทีที่เอาให้จางกุ้ยหลานและโจวอวี้เฟิ่งดู พวกเธอก็เกือบจะกลายเป็นบ้าไปแล้วถึงได้ทำให้พวกเธอตามไปสร้างปัญหาให้กับหลินเฟิงถึงอ่าวเทียนสุ่ย“ฮุ่ยหราน ต่อให้คุณจะไม่เชื่อผม แต่คุณเองก็น่าจะเชื่อเทคโนโลยีปัจจุบันอยู่ใช่ไหมล่ะ? ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพของอดีตสามีคุณที่กำลังทำเรื่องที่ไม่ควรอยู่ได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ นี่คุณยังจะปกป้องเขาอยู่อีกเหรอ นี่มันไม่ยุติธรรมเกินไปรึเปล่า? ”กู้เฉินจงใจเปลี่ยนสีหน้าให้ดูน่าสงสารแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะส่ายหัว พูดขึ้นพร้อมกับโบกมือให้ “กู้เฉิน ภาพจากกล้องวงจรปิดที่คุณให้ฉันดูมันค่อนข้างพร่ามัวมากเลยไม่ใช่รึไง? ”“แล้วยังไง? ”ใบหน้าของกู้เฉินเริ่มกระตุก เขาพูดออกมาอย่างเหยียดหยาม “หรือต่อให้อดีตสามีของคุณจะเป็นหมอเทวดา แต่ก่อนหน้านี้เยว่หรูกับป้าอวี้เฟิ่งก็เคยล่วงเกินเขา แล้วตอนนั้นเขาก็เป็นคนพูดเองนี่ ว่าจะไม่รักษาให้เยว่หรูแล้วไม่ใช่รึไง? ”“คุณเองก็เห็นกับตาแล้ว นี่ยังจะเป็นเรื่องเท็จได้อยู่อีกงั้นเหรอ? ”เมื่อหลี่ฮุ่ยหราน
กู้เฉินโบกมือตบเข้าที่ขมับของหลี่ฮุ่ยหราน จนทำให้ดวงดาวปรากฏในดวงตาของหลี่ฮุ่ยหราน“ไม่ยอมดื่มสุราคารวะ กลับชอบสุราลงทัณฑ์! พาตัวไป! ”ในขณะที่หลี่ฮุ่ยหรานถูกพาตัวขึ้นรถบีเอ็ม ก็มีรถมายบัคคันหนึ่งวิ่งเข้ายังลานจอดรถของไดนาสตี้บาร์“หลินเฟิง อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานศพของคุณปู่ตระกูลหลี่แล้ว คุณจะไปร่วมงานด้วยไหม? ”ตรงที่นั่งข้างคนขับ ถังหว่านที่สวมเดรสสีม่วง พร้อมกับรูปร่างที่ยั่วยวน ก็มองไปทางหลินเฟิง“ไป”หลังจากผ่านไปสามวัน หลินเฟิงก็จัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้เขาพยักหน้าและพูดออกไปว่า“คุณปู่คือผู้มีพระคุณของผม ไม่ว่าตระกูลหลี่จะเป็นยังไง ผมก็จะไปส่งคุณปู่เป็นครั้งสุดท้ายอยู่ดี”“อืม”ถังหว่านพยักหน้า ในขณะที่เธอกำลังหัวเราะและพูดคุยกับหลินเฟิงเกี่ยวกับเครื่องดื่มที่กำลังจะสั่งในบาร์อยู่นั้น เธอก็ขมวดคิ้ว และสังเกตเห็นรองเท้าส้นสูงที่หล่นอยู่กลางลานจอดรถนี่มันค่อนข้างจะผิดปกติไปหน่อย“ทำไมตรงนี้ถึงมีรองเท้าส้นสูงหล่นอยู่ได้...... ”ในฐานะผู้หญิง ความรู้สึกของถังหว่านมักจะไวต่อเสื้อผ้าและเครื่องสำอางมาก พอเธอเห็นขนาดและสไตล์ของรองเท้าส้นสูงข้างนี้ เธอก็ขมวดคิ้วทันทีรา
“ทำไม? นี่คุณไม่สนใจหลี่ฮุ่ยหรานแล้วจริง ๆ น่ะเหรอ? ”พอถังหว่านเห็นว่าหลินเฟิงขับรถเข้าไปในลานจอดรถแบบไม่แยแส เธอก็กระพริบตาทันทีหลินเฟิงไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ขับรถเข้าไปจอด ลงจากรถ แล้วเดินตรงไปที่ประตูของไดนาสตี้บาร์“นี่ยังโกรธอยู่เหรอ? ”ถังหว่านขวางทางของหลินเฟิง และพูดด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าฉันจะถือว่าหลี่ฮุ่ยหรานเป็นคู่ต่อสู้ของฉัน แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันน่าเบื่อถ้าชนะเธอเพราะแบบนี้ ไปเถอะ ขึ้นรถ”“ยังไงซะ ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าตระกูลกู้แห่งเจียงหนานกำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่”“ถ้าคุณอยากไปก็ไปเถอะ” หลินเฟิงกำลังจะเดินอ้อมถังหว่านเข้าไป แต่ก็กลับถูกถังหว่านรั้งเอาไว้“การที่คุณวิ่งหนีแบบนี้มันแก้ปัญหาไม่ได้หรอกนะ ถ้าคุณไม่ตามฉันไป แล้วถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน บอดี้การ์ดแบบคุณก็แบกรับเอาไว้ไม่ไหวหรอกนะ”เมื่อเห็นดวงตาที่สวยงามของถังหว่านที่ยิ้มพร้อมกับสีหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ หลินเฟิงจึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้แพ้ให้ผู้หญิงคนนี้แล้วจริง ๆครั้งนี้ถังหว่านเป็นคนขับรถ ไม่นานก็ตามรถบีเอ็นทัน รถหยุดอยู่ตรงทางแยกเพื่อรอสัญญาณไฟจราจร“นี่พวกเขาจะไปไหนกัน? ”“ไร้สาระ”
แต่ก่อนหน้านี้กู้เฉินได้เสนอเงื่อนไขความร่วมมือที่น่าดึงดูดใจมาก ซึ่งทำให้เขาตื่นเต้นมากเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงมาหารือเรื่องนี้กับกู้เฉิน“ถูกต้องครับ ทางด้านของตระกูลเซี่ยงก็ถูกผมโกรธใส่จนตอนนี้พวกเขารับปากเรียบร้อยแล้วด้วย”“ยึดเอาร้านเภสัชกรรมเชิงถังมา แล้วขับไล่ถังหว่านผู้หญิงคนนั้นไปซะ จากนั้นก็จะได้ฆ่าหลินเฟิงไอ้น่าละอ่อนนั่นไปด้วยเลย”“ตระกูลเซี่ยงเหรอ? ”สีหน้าของถังอวิ๋นเฟิงเผยให้เห็นถึงการดูถูกเหยียดหยาม“ไม่ใช่ว่าตระกูลเซี่ยงอะไรนั่นพิการไปครึ่งหนึ่งแล้วไม่ใช่รึไง? ”“ฉันได้ยินมาว่าทางด้านของเซี่ยงหลงจากสำนักเสินฉือที่เพิ่งกลับมาก็ถูกจัดการไปแล้ว แม้แต่คู่หมั้นของเซี่ยงหลงเองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย”“ถูกต้อง” กู้เฉินเผยรอยยิ้มออกมา “แต่ตระกูลเซี่ยงก็ได้เริ่มมีการติดต่อกับตระกูลหลงแห่งเมืองจิงผ่านเครือข่ายของพวกเขาแล้วครับ”“ตระกูลหลงงั้นเหรอ?! ”รูม่านตาของถังอวิ๋นเฟิงหดตัวลงอย่างกะทันหัน และการหายใจของเขาก็เร็วขึ้นเล็กน้อย“นี่พวกคุณต้องการทำอะไรกันแน่?!! ”“ก็ไม่ได้จะทำอะไร”กู้เฉินเลียริมฝีปากของเขา ยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้านายน้อยคนโตของตระกูลหลงรู้ว
“ไม่ว่าคุณจะมีความขัดแย้งอะไรกับตระกูลหลี่ แต่ฉันคิดว่าหลี่ฮุ่ยหรานนั้นค่อนข้างไร้เดียงสา อย่าปล่อยให้ความโกรธของคุณทำให้คุณต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยนะ”หลังจากที่ทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้ ถังหว่านก็ขับรถมายบัคของหลินเฟิง แล้วจากไปอย่างรวดเร็วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งหลินเฟิงเองก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ถังหว่าน ผู้หญิงคนนี้พูดนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผลหากมองอีกทางหนึ่ง วันนี้ที่เธอกับหลินเฟิงคอยตามติดกู้เฉิน ทั้งหมดก็เพื่อให้หลินเฟิงไม่ต้องมาเสียใจทีหลังและในความเป็นจริง ในใจของหลินเฟิงกลับไม่สามารถยัดหลี่ฮุ่ยหรานเข้าไปได้จริง ๆตัวเขาเองก็รู้ดี ว่าในใจของหลี่ฮุ่ยหรานมีเขาอยู่ตลอด เธอก็แค่มองไม่เห็นความจริงก็เท่านั้น แค่ถูกหลอกไปชั่วขณะ จนทำให้เธอตัดสินใจผิดความสัมพันธ์สามปี แค่บอกว่าตัดขาดก็ตัดได้ง่าย ๆ เลยรึไง“ยัยผู้หญิงโง่”หลินเฟิงแอบถอนหายใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปในโรงแรมไป๋ถิงณ ห้อง 808หลี่ฮุ่ยหรานถูกบอดี้การ์ดสองคนบังคับให้เข้าไปในห้องน้ำ ไม่ว่าเธอต้องการหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ถือว่าหลี่ฮุ่ยหรานได้ชะล้างความหดหู่ใจในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาไปด้วยน้ำเย็น ๆ ถูกราดไปบนตัวของเธอ ทำให้หลี่